iii สาร บััญ 1 4 6 x x x x x x นกกรวิิก นาค นาค ป่่าหิิมพานต์์ ราชสีี หิ ค รุฑ
ต์ า นานจีีน ต์ า นานจีีน ต์ า นานจีีน ต์ า นานจีีน ต์ า นานจีีน x x x x x ต์านานกรีก ต์านานกรีก ต์านานกรีก ต์านานกรีก ต์านานกรีก x x x x x สาร
ต์ า นานอีียิิ ป่ ต์ า นานอีียิิ ป่ ต์ า นานอีียิิ ป่ ต์ า นานอีียิิ ป่ ต์ า นานอีียิิ ป่ x x x x x
สาร บััญ
บััญ
1 ตำนานไทย ป่่าหิิมพานต์์ ป่่า หิิมพานต์์มาจากค ต์ิความเชื่่�อแบบ พุทธ ในไทยเราปรากฏอย่�ใน ‘ไต์รภู่มิพระร�วง’ หิร่อ ‘เต์ ภู่มิกถา’ วรรณกรรมพุทธศาสนาเก�าแก�สมัยสุโขทัย เต์ภู่มิกถาเป็นหินังส่อทพ่ดถึง ‘จักรวาลวิทยา’ แบบพุทธๆ จักรวาลวิทยาม่ความสำคัญค่อเป็นคำ อธิบายเร่�องความเป็นไปของโลก ท่�สำคัญค่อ อธิบายว�าเราอยต์รงไหินของโลก และจะไปทาง ไหิน ในไต์รภู่มิเองพ่ดถึงภูพทั�งสามค่อ กามภู่ม ร่ป ภู่ม อร่ปภู่ม อันเป็นภูพภู่มท่�เราๆเว่ยนว�ายอย นอกจากน่ยังพ่ดถึงวงจรกำเนิดไปจนถึงการสิ�นสุด ของโลกโดยรวมแล้วก็ประมาณว�าโลกเราม่ทพิเศษ และแสนสุขแค�ไหินแต์�สุดท้ายก็ไม�จ่รัง นิพพานจึง เป็นปลายทางท่�ควรไป ในไต์รภู่ม ป่าหิิมพานต์์ไม� เชื่ิงเป็นป่า แต์�เป็นภูเขาว�าเร่ยกเขาพระหิิมพานต์์ ต์้น ต์ อ ท่�มาเขาหิิมพานต์์ราก สันสกฤ ต์ มาจาก หิิมาลัยอันแปลว�าสถานททถ่กปกคลุมด้วยหิิมะ ใน คัม ภู่ร์บอก ว� าเขาพระหิิมพานต์์ ต์ั�งอ ย่�ในแผ่ น ดิน ชื่มพ่ทว่ปหินึ�งในส่�ทว่ปใหิญ�ในจักรวาลวิทยาแบบ พุทธ บนเขาม่สระน�ำใหิญ� 7 สระ สระสำคัญก็เชื่�นสระฉััททันต์ะเป็นท่�อย่�ของพญา ชื่้างและสระอโนดา ต์ท่�เ ป็นยอดเขาของ ป่า หิิมพานต์์ใน ป่า น่ ม่ส ต์ว์และ พัน ธ์ุ ไ ม้ประ หิ ลาด มากมาย เชื่�น
สุดแขนจึงจะถึงเมล็ดยางของต์้นหิว้าเม่�อต์กลง ใน น� ำจะกลายเ ป็นทองคำนก ท กิน ล่ ก หิว้า ก ม่ ขนาดเ ท� า บ้านเร่ อน ป่าหิิมพานต์์ จึงเ ป็น พ่�น ท สำคัญทจต์รกรและกว่จะสร้างสรรค์เร่�องราวน�า อัศจรรย รวมไปถึงสต์วพิเศษพันธุ์ผ่สมทั�งหิลาย จากป่าหิิมพานต์์น่�เองพ่ดถึงภูพทั�งสามค่อ กาม ภู่ม ร่ปภู่ม อร่ปภู่ม อันเป็นภูพภู่มท่�เราๆเว่ยน ว�ายอย่�นอกจากน่ยังพ่ดถึงวงจรกำเนิดไปจนถึง การ สิ�น สุดของโลกโดยรวมแ ล้ว ก็ประมาณ ว� า โลกเราม่ทพิเศษและแสนสุขแค�ไหินแต์�สุดท้ายก ไม�จ่รัง นิพพานจึงเป็นปลายทางท่�ควรไป
ม่ต์้นหิว้าใหิญ�ท่�เอาม่อล้วงเข้าไป
กาฬส่หิะ (Kala Sriha) ม่ผ่ิวกายส่ดำชื่นิด ขนาดใหิญ�เท�าวัว กินพ่ชื่เป็นอาหิาร
3 2 ตำนานไทย ตำนานไทย ราชสหิ ในไต์รภู่มม่ภู่มหินึ�งชื่่�อต์รัจฉัานภู่มิสรรพสต์วอันเป็นภูพทต์�ำกว�ามนุษย โดยสต์ว์ดำรงชื่่วต์ด้วยการกิน กันเป็นทอดๆ เป็นลำดับชื่ั�น เป็นสิ�งม่ชื่่วต์ท่�เอาต์ัวรอด แต์�ไม� ‘ร่้บุญร่้ธรรม’ คำว�าต์รัจฉัาน แปลว�า ‘ไปด้วย อก’ หิร่อการม่ร�างกายขนานกับพ่�น โดยท่�อย่�อาศัยค่อป่าหิมพานต์์ ราชื่ส่หิ เป็นหินึ�งในสต์ว์หิิมพานต์์ท่�พบ ไดป่าหิิมพานต์์ ม่ทั�งหิมด 4 ประเภูท ม่ลำดับขั�นและพลังอำนาจลดหิลั�นกันไป สำหิรับกลุ�มของราชื่ส่หินั�น ต์ำนานไทยได้แบ�งไว้เป็น 4 พวก บัณฑุุราชื่ส่หิ (Buntu Rajasri) ม่ผ่ิวกายส่เหิล่องคล้ายใบไมส่เหิล่อง ม่ขนาดใหิญ�เท�าวัว กินเน่�อเป็นอาหิาร
ต์ิณส่หิะ (Tinna Sriha) ม่ผ่ิวกายส่แดง กินหิญ้าเป็นอาหิาร (ต์ิณ – หิญ้า) ม่ก่บเท้าแบบม้า สุดท้ายค่อ ไกรสรส่หิะ (Kraisorn Rajasri) เป็นราชื่ส่หิทม่พละกำลังมากทสุด
แม้แต์�พวกชื่้างกยังเกรงกลัวขนาดว�า ถ่กผ่่กไวด้วยโซุ�ก็แทบจะดึงโซุ�ขาด สิ�งม่ชื่่วต์ท่�จะทนเส่ยงของสิงหิ์เทพต์ัวน่�ไดม่แค�
ซุึ�งเชื่่�อมโยงไปถึงคำอธิบายสาเหิต์ุแผ่นดินไหิว
บ้าง ชื่ั�วเวลาไม�นานก็เหิล่อแต์�ก้างกองแหิงแก๋อย จต์รกรรมฝีาผ่นังด้านหิลังพระพุทธร่ปประธานทวัดใหิญ�อินทาราม
5 4 ตำนานไทย ตำนานไทย ลักษณะเด�นค่อม่ริมฝีีปากและปลายเท้าเป็นแดงชื่าด ม่ร่ปลักษณ์สง�างาม และม่แผ่งคอเหิม่อนสร้อย ส�วน ร�างกายนั�นขาวเหิม่อนหิอยสังข ระดับความเก�งของ ส ต์ว อัศจรร ย น่ ก็ไ ม� ธรรมดาเพราะ มัน ม่ถ� ำ ค่หิ าทอง เงิน หิร่อแก้วส�วนต์ัว ถึงเวลามันก็ออกจากค่หิาขึ�นไป คำรามพ ร้อม กับสะ บัดขนบนแ ท� นหิิน ส� วน ต์ัว ท่�เร่ อง เหิม่อนทอง เจ้าไกรสรส่หิะน่�ในยามกลางค่นทม่ด สนิท เวลามันออกมาเดินเท่�ยวเล�นก็จะเจิดจ้าและสง�า งามเหิม่อนกับคนทม่กำลังถ่อคบไฟแกว�งไปมา ว�ากันว�าไกรสรส่หิะน่�เป็นเจ้าแหิ�งสต์วทั�งปวง พลังพิเศษของมันค่อการคำรามทดังไกลไปถึง 3 โยชื่น สต์วทั�งหิลายท่�อย่�ในรัศม่พอไดยินเส่ยงของมันก จะพากันต์กใจจนสลบไป ส�วนพวกท่�ไม�สลบก็พากันหิน่หิัวซุุกหิัวซุุน
ม้าพลาหิกต์ระก่ล และ ผ่่้ม่บุญระดับพระโพธสต์ว์และพระอรหิันต์์ รวมถึงไกรสรสิงหิะด้วยกันเอง ป่ลาอานนท์์ หิลายคนคงเคยไดยินเร่�องทว�าต์ามคต์ิโบราณของคนไทย ใต์ผ่่นแผ่นดินท่�อย่�อาศัยของมนุษย ม่ปลาอานนท์คอยเอาต์ัวหินุนรองรับไว
ว�าเกิดจาก “ปลา อานนท์พลิกต์ัว” ความเ ป็นมาของพญาปลาอานน ท ม่ รายละเ อ่ ยดใน คัมภู่รหิลายเล�ม แต์�เล�าไว้คล้ายๆ กัน ดังน่ แรกเริ�มเดิมท่ ฝี่งปลาในมหิาสมุทรลงคะแนนเส่ยง โหิวต์ใหิ้ปลาอานนท์ดำรงต์ำแหิน�งผ่่้นำ เวลานั�น ปลา ยังกินสาหิร�ายและจอกแหินเป็นอาหิาร วันหินึ�ง อานน ท์ไ ม�ทัน สังเก ต์ว� า ม่ ปลา ต์ัว น้อย ว� ายอ ย่�ในกอ สาหิร�าย จึงเผ่ลอฮุุบเข้าไปด้วย เค่�ยวกร้วมๆ แล้วร่้สึก ว�า เอ๊ะ! วันน่�สาหิร�ายอร�อยจริง เกิดสงสัยใคร�ร่้ คาย ออกมาด่ ถึงพบเศษศพปลา ปนกับพ่ชื่น�ำ จึงสรุปได ว�ารสชื่าต์นั�นค่อโปรต์่นจากเน่�อปลา “พญาปลาก็สำคัญว�า รสปลาน่�อร�อยหินักหินา แต์�ก�อนไม�ร่้ว�าจะอร�อยถึงเพ่ยงน่ จะทำอย�างไรจึงจะไดกิน
จึงคิดวางแผ่นกลอุบาย
เวลาปลาทั�งหิลายมาเข้าเฝี้าอานนท ขากลับออกไป ต์ัวไหินว�ายน�ำรั�งท้ายต์ามเพ่�อนๆ ไม�ทัน ก็จะถ่กจับกิน พอทำเชื่�นน่บ�อยเข้า ปลาทั�งหิลายชื่ักเริ�มเอะใจว�าญาต์พน้องเพ่�อนฝี่งของต์นหิาย หิน้าไปไหิน ด่ร�อยหิรอไปทุกท่ จากนั�นพยายามสังเกต์ด่ จนร่้สึกว�าอานนทม่พรุธ ปลาน้อยต์ัวหินึ�งเลยรับ อาสาเป็น “ปลานักส่บ” ใหิ โดยเม่�อถึงเวลาเข้าเฝี้า ก็อาศัยจังหิวะแอบไปหิลบอย่�ในหิ่ของอานนท (หิ่ปลา อยต์รงไหิน ? ใครร่้ชื่�วยบอกท่) จึงได้เป็นประจักษ์พยานแหิ�ง “เมน่ปลา” ต์ัวสุดท้าย เม่�อต์ระหินักถึงความ ฉั้อฉัลของราชื่า ข�าวคาวน่ก็แพร�กระจายไปทั�วมหิาสมุทร ฝี่งปลาทั�งหิลายจึงพากันหิล่กเร้นกาย ไม�ไปเข้า เฝี้าอานนท์อย�างเคย เม่�อไม�ม่เหิย่�อเข้ามา อานนท์เริ�มหิิวโหิย จึงว�ายน�ำออกต์ามล�าฝี่งปลา จนพบเกาะแหิ�งหินึ�งเข้า ด่ท�าท่ แล้ว คาดว�าพวกปลาเล็กปลาน้อยคงไปแอบหิลบทางด้านหิลังเกาะเป็นแน� จึงกวาดหิางอ้อมไปท้ายเกาะ แล้วค�อยๆ กระชื่ับพ่�นท เอาหิางต์่โอบเข้ามาท่ละน้อย เหิม่อนอย�างคนล้อมวงต์่อวนจับปลา แต์�แล้วด้วย อารามหิิวและโลภูเจต์นา พออานนท์มองเหิ็นปลายหิางของต์ัวเองกระดิกไหิวๆ อย่�ไกลๆ ทางด้านท้าย เกาะ กดันเกิดไปนึกว�าเป็นปลาต์ัวอ่�น จึงอ้าปากงับหิางท่�มองเหิ็นอย�างเต์็มแรงจนหิางขาด เล่อดทะลัก ละลาย น�ำทะเลกลายเป็นส่แดงฉัาน ปลาทั�งหิลายได้กลิ�นคาวเล่อดก็พากันมากลุ้มรุมกัดกินเน่�ออานนท
จังหิวัดชื่ลบร่ ในมหิาสมุทรต์รงเชื่ิง เขาพระสุเมร ม่ภูาพปลาใหิญ�เอาต์ัวโอบรอบเขาพระสุเมร ทำท�าอ้าปากจะคาบกัดหิางต์ัวเองอย สันนิษฐานว�าชื่�างคงต์้องการเล�าเร่�องราวในบั�นปลายชื่่วต์ของพญาปลาอานนทน่�เอง
ปลาทุกวันๆ”อานนทร่้ด่ว�าหิากต์นเองออกเท่�ยวแหิวกว�ายไล�จับบริวารมากินก็จะทำใหิฝี่งปลาแต์กต์่�นหิน่ หิายไปหิมด
นับแต์�นั�นมา
ล้วนต์้องเป็นผ่่้ทม่วาสนาต์�อกันมาต์ั�งแต์�อด่ต์ ในต์ำนานของฮุินด่กล�าวว�าต์ั�งแต์�แรกเกิดมานั�นพญา
อนุญาต์ใหิ้พญาครฑุสามารถอย่�เหิน่อเศ่ยรต์นได และ พญาครฑุก็นอบน้อมโดยการยินยอมใหิ้พระนารายณ สามารถนำต์นเป็นพาหินะไปยังสถานทต์�าง ๆ ได้เชื่�น กัน เป็นท่�มาของคำว�า “ครฑุพ�าหิ์” จึงถ่อกันในหิม่�คร่บาอาจารยกันต์�โบราณว�า
7 6 ตำนานไทย ตำนานไทย ครุฑ เป่็นสต์วกึ�งเทพทม่ฤทธิส่ง ท่�อาศัยของครฑุ จริงๆ อย่�นอกเขต์ป่าหิิมพานต์์ ม่ศักดิ�ใกล้เค่ยงกับ เทพยดาในสวรรค อาศัยบริเวณต์่นเขาพระสุเมร (ยอด เขาพระสุเมรหิร่อดาวดึงสวรรค์) ทต์่นเขาถิ�นท่�อย่�ของ ครฑุเป็นวิมานชื่่�อสิมพล่ เป็นป่างิ�วขึ�นเป็นระเบ่ยบเร่ยบ สวยงาม อาหิารของครฑุกค่อนาค แต์�ก็ใชื่�ว�าจะจับกิน ต์ามอำเภูอใจได ลำดับของครฑุและนาควัดกันด้วยการ กำเนิด การเกิดด้วยชื่ลาพชื่โยนิและอัณฑุชื่โยน (คลอด ออกมาเป็นต์ัวหิร่อเป็นไข�) จะม่ลำดับต์�ำว�าพวกท่�เกิด แบบ มหิัศจรรย ค่อ สังเสชื่โยนิและอุปปาต์ิกโยน (ค่อ ผุ่ดออกมาจากไคล หิร่อแบบหิลังค่อเกิดเป็นต์ัวเป็นต์น เลย) ครฑุจะแบ�งได 4 ประเภูท ประเภูทท 1 ต์ัวเป็นคน หิัวเป็นนก ประเภูทท 2 ต์ัวเป็นคน หิัวและขาเป็นนก ประเภูทท 3 ต์ัวเป็นนก หิัวเป็นคน ประเภูทท 4 เป็นนกทั�งต์ัว ในต์ำนานเม่องฟ้าป่าหิิมพานต์์นั�นม่เร่�องราวของ ส ต์ว ท ม่อิท ธิฤท ธิ�มากมาย หิ ลาย ชื่นิดเ ชื่� นรา ชื่ส่หิ คชื่ส่หิ อันม่ลำต์ัวเป็นสิงหิ์แต์�ม่ศ่รษะเป็นชื่้าง กินร่ กินนรและสต์ว์แปลก ๆ อ่กมากมาย ในบรรดาสต์วทั�ง หิลายนั�นม่สองอย�างทนับว�าเป็นเทพเดรัจฉัานม่ฤทธิ มากค่อ หินึ�งเป็นพญานาคราชื่จ้าวแหิ�งบาดาล และ อ่กหินึ�งค่อพญาครฑุจ้าวแหิ�งเวหิา นาคและครฑุต์�างเป็นสต์วทคกันต์ามต์ำนาน ม่เร่�อง ราวเล�ากันว�าสต์ว์กายสิทธิทั�งสองน่ม่บิดาเด่�ยวกัน ค่อ ม หิ าฤา ษ่กัสยปะเทพ บิดรแ ต์� คนละแ ม� โดยพญาค ร ฑุ นั�นม่มารดาเป็นภูรรยาหิลวง ส�วนนาคนั�นม่แม�เป็น ภูรรยาคนรอง นางทั�งสองน่�ไม�ถ่กกันม่เร่�องกันต์ลอด จนใน ท สุดความ ผ่ิดใจ กัน น่�ลามไป ถึง ล่ กของ ต์ น ด้วย จึงเป็นเหิต์ุใหิ้นาคและครฑุไม�ถ่กกันในเวลาต์�อมา พญานาคนั�นม่วิมานอันเป็นทิพย์อย่�ในบาดาล ส�วน ครฑุกม่วิมานทิพย์อยท่�เชื่ิงเขาไกรลาส กล�าวว�าองค พญาครฑุนั�นม่นามว�า ท้าวเวนไต์ย เร่ยกอ่กชื่่�อหินึ�งว�า ท้าวสุบรรณ ม่กายเป็นรัศม่ส่ทองม่เดชื่อำนาจมาก ท สุดใน หิม่�ค ร ฑุทั�ง หิ ลายอา ศัยเกาะอ ย ต์ าม ต์้น งิ�ว อาศัยผ่ลงิ�วและน�ำดอกไม้จากต์้นงิ�วเป็นอาหิารทิพย ล่กพญาครฑุจะโต์ขึ�นนับเวลาอายุเป็นข้างขึ�นข้างแรม ต์ามจันทรคต์ เต์ิบโต์ด้วยบุญกุศลท่�เคยทำมา ครฑุเป็นสต์วกึ�งโอปปาต์ิกะ หิร่อกึ�งพวกกายทิพย คล้ายชื่าวลับแลและพวกพญานาคอยอ่กมต์หินึ�งจาก โลกของเรา ผ่่้ท่�จะสามารถพบเหิ็นครฑุไดต์้องเคยม่
ครฑุกม่รัศม่กายท่�สว�างไสวเป็นทอัศจรรย ส�อใหิร่้ว�า เป็นผ่่้ทม่บุญญาธิการ ม่อานภูาพเป็นอเนกอนันต์์ ม่ ฤทธิวชื่าผ่าดโผ่นพิสดาร ทั�ง น่ ม่ เร่�องก ล� าวไว อ่ ก ว� าค รั�ง หินึ�งพญาค ร ฑุ เคยลอง ฤท ธิ กับอง ค์พระนาราย ณ์ม หิ าเทพ หินึ�งในสามของ ทางศาสนาพราหิมณ การรบกันนั�นเป็นท่�เล่�องล่อไป ทั�งสามโลกธาต์ พญาครฑุสามารถต์�อส่้ด้วยความ สามารถ รบกันไปเท�าใดกหิาแพชื่นะกันไม� จนในทสุด พระนารายณ์และพญาครฑุจึงต์กลงกันว�าขอใหิ้เสมอ กันในการรบระหิว�างเราและท�าน พระนารายณ
“พญา ครฑุ” เป็นเทพเดรัจฉัานทม่อานภูาพอิทธิฤทธิ�เท่ยบ เท�าพระผ่่้เป็นเจ้าอย�างพระนารายณ อานภูาพของ ครฑุจึงเป็นทอัศจรรย์ของทั�วโลกธาต์ ครฑุเป็นสัญลักษณ์ประจำแผ่นดิน สามารถพบเหิ็น ร่ปครฑุได้จากเอกสารต์�าง ๆ ของทางราชื่การ และ นับว�าเอกสารเหิล�านั�นเป็นเอกสารศักดิสิทธิ หิาก รา ชื่ การ ผ่่้ท่�ทำ หิน้า ท ผ่่้ ใด ม่ ความ สุจ ร ต์ จง รัก ภูัก ด่ต์� อ แผ่นดิน องค์พระมหิากษต์รย และหิน้าท่�ของต์น องค พญาครฑุก็จะส�งพลังปกป้องใหิม่ความสุข ความเจริญ ในหิน้าท
บุญร�วมกับพวกเขามาจึงสามารถรับร่้ถึงกันและกันได เหิม่อนกับผ่่้ท่�สามารถต์ิดต์�อกับพญานาคไดก็เชื่�นกัน
9 8 ตำนานไทย ตำนานไทย นกกรวิิก นกทม่แหิล�งอาศัยอย่�ในป่าหิิมพานต์์พลังพิเศษ ของนก ต์ัว น่ ค่ อเ ส่ ยง ท่�ไพเราะระ ดับเ หิน่ อโลกไ ต์ รภู่ม พระร�วง เล�าว�า “อันว�านกทั�งหิลายอันม่ในป่า ม่อาท ค่อนกกรว่ก แลนกย่ง แลนกกระเร่ยน แลนกกระเหิว�า ทั�งหิลาย เท่ยรย�อมชื่วนกันมาฟ้อนรำต์่ปีกฉั่กหิาง แล ร้อง ด้วยสรรพสำเ น่ ยงเ ส่ ยง อันไพเราะมาถวายแ ด� พระยาศร่ธรรมาโศกราชื่ทุกวันบ�มิได้ขาดแล นกฝี่งนั�น เท่ยรย�อมฝี่งนกอันอุดมแลมาแต์�ป่าพระหิิมพานต์์โพ้น ไส้” ไพเราะระดับทำใหิ้ไม�ว�าสต์วหิร่อมนุษยท่�ไดยินก็พากัน ต์ะลึงงัน กล�าวว�าขนาดเส่อกำลังไล�เน่�อ หิร่อเด็กทถ่ก ไ ล�ต์่ พอไ ด ยินเ ส่ ยงกร วิก ก็จะ ต์ กอ ย่�ใน ภู าวะ หิยุด นิ�ง เส่ยงของนกกรวิกม่ผ่ลถึงทั�งในน�ำจนในอากาศ ปลา นก หิร่ อ ส ต์ว ทั�ง หิ ลาย ท่�ไ ด ต์� าง ก ต์้อง ต์ กอ ย่�ใน ภู าวะ งงงวย ต์ะลึงงันพระยาอนุมานราชื่ธน (ยง เสฐ่ยรโก เศศ) เม่�อครั�งดำรงต์ำแหิน�งอธิบด่กรมศิลปากร เคยม่ จดหิมายกราบท่ลสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศราน วัดต์ิวงศ (ภูายหิลังรวมพิมพ์อย่�ในหินังส่อชื่่�อ “บันทึก ความร่้ต์�างๆ”) ว�าท�านได้ใหิ้เจ้าหิน้าท่�กรมศิลป์ฯสอบ ค้นต์ำราด่ว�านกการเวกร่ปร�างเป็นอย�างไร ปรากฏว�า พบหิลายแบบ ใน “สมุดภูาพสต์ว์หิิมพานต์์” เข่ยนไว้ใหิม่หิัว ม่อ และต์่น เหิม่อนครฑุ ม่ปีกอยท่�สองข้างต์ะโพก แต์� ขนหิางคล้ายใบมะขาม ยาวอย�างขนนกย่ง ส�วน “สมุดภูาพรอยพระพุทธบาท ฉับับวังหิน้าใน รชื่กาลท ๓” เข่ยนร่ปม่ลักษณะคอยาว หิัวเหิม่อน นกกระทุง ขนหิางเป็นพวงเหิม่อนไก� แต์�ม่ขายาว เหิม่อนนกกะเร่ยน ท่�แ ต์ ก ต์� าง กันไ ด้ขนาด น่�คงเดาไ ด้ไ ม� ยาก ว� าเพราะ นกการเวกเป็น “สต์ว์หิิมพานต์์” ท่�ไม�เคยม่ใคร เหิ็นต์ัว อ่กทั�งในคัมภู่รก็ไม�เคยอธิบายว�าร่ปร�างมัน เป็นอย�างไรแน� ต์�างคนจึงต์�างนึกฝีันกันไปต์าม จินต์นากา แต์�แม้เราอาจไม�เคยได้เหิ็นต์ัวนกการเวกเป็นๆ ใน แดนมนุษย แต์�ม่มรดกอ่กอย�างหินึ�งของนกการเวก ททิ�งไว้ใหิ้เราเหิ็น ค่อ “ข่�”ดังม่พลอยส่เข่ยวอมฟ้า ชื่นิดหินึ�ง ในภูาษาไทยเร่ยกกันว�า “พลอยข่�นก การเวก” นาค และนางนาค่ ปกต์ม่ร�างเป็นง่ใหิญ� แต์�ม่ฤทธิ นิรมต์ร่ปกายอ่�นได ต์ามต์ระก่ลแหิ�งนาค ซุึ�งแบ�งเป็น นาคนมต์กายได กับนาคนมต์กายไม�ได นาคจำพวก นมต์กายได ยังขึ�นอยกับถิ�นท่�อาศัย ค่อ นาคอย่�บก นมต์กายได้แต์�ในบก และนาคอย่�ในน�ำ นมต์ได้แต์�ใน น�ำ โดยนาคใต์น�ำจะอาศัยอย่�บริเวณบาดาล ใต์้เขา หิิมพานต์์ ต์ระก่ลนาคทั�งหิลายเม่�อปรารถนาจะหิา อาหิาร หิร่อม่เหิต์อ่�นใด ก็จำแลงร่ปเป็นเทพบต์ร เทพธิดา บางท่ม่เพศเป็นง่เหิ�าดำ เป็นเพศง่ เพศกระแต์ ต์ามแต์�จะแสวงหิาอาหิาร นาคแมม่ฤทธิ�เพ่ยงใดกต์าม แต์�ไม�อาจละชื่าต์ิของต์นได ย�อมค่นร�างเป็นนาคใน วาระทั�ง ๕ ค่อ ๑) เม่�อต์ายหิร่อจต์ ๒) เม่�อเวลาเกิด ๓) เม่�อนอนหิลับ ๔) เม่�อเสพเมถุนธรรมกับนาคง่ อันเป็น ชื่าต์ิของต์น ๕) เม่�อลอกคราบ ต์ามคต์ิพระพุทธศาสนา นาคม่ทั�งท่�เป็นสัมมาทฐ และมิจฉัาทฐ นาคเคยปรากฏเร่�องเป็นต์้นบัญญต์ิพระ วนัย เน่�องจากนาคจำแลงเป็นบรุษมาบวชื่ในพระพุทธ ศาสนา เม่�อนอนหิลับ กายกลับค่นเป็นชื่าต์ิของต์น ทำใหิ้พระสงฆ์์ต์่�นต์กใจ พระพุทธองคจึงทรงบัญญต์ หิ้ามนาคบวชื่ เน่�องจากม่ชื่าต์ิเป็นดรัจฉัาน ไม�สามารถ เข้าถึงสัทธรรมได ในมหิาสมัยส่ต์ร อันเป็นพระส่ต์รว�าด้วยการชืุ่มนุม ใหิญ�ของเทพยดาทั�งปวงเพ่�อเฝี้าพระผ่่้ม่พระภูาคพร้อม ด้วยภูิกษุสงฆ์์ ครั�งประทับ ณ ป่ามหิาวัน ใกล้กรุงกบิล พัสดุ์แคว้นสักกะย�อมพทักษรักษาพระพุทธศาสนาใน กาล ทุกเ ม่�อ จึง มักปรากฏ ร่ ปนาคส ร้างประกอบไว้ใน ศาสนสถานเสมอ
10 ตำนานไทย ในคัมภู่รพุทธศาสนายังได้แบ�งนาคละเอ่ยดออกไป อ่กถึง ๑,๐๒๔ ชื่นิด ซุึ�งส�วนใหิญ�ค่อ ง่ต์�างๆ อาท ง่เหิ�า ง่จงองอาง ง่เหิล่อม และง่อ่�นๆ ต์�างถ่อเป็น ล่กหิลานของพญานาคทั�งสิ�นนอกจากน่ ยังม่การ จัดพญานาคทม่พิษรุนแรงมากอ่ก ๔ ประเภูท ได้แก� ๑.กฏฐมุข เป็นพญานาคทม่พิษทำใหิ้ธาต์ดินใน ร�างกายกำเริบ ใครถ่กกัด ผ่่้นั�นจะม่ร�างกายแข็งไป ทั�งต์ัว อาการไหิลเว่ยนของเล่อดจะหิยุดชื่ะงัก ข้อ ต์�อข้อพับทั�งหิลายจะพับงอไม�ได จะเจ็บปวดมาก ๒.ป่ต์มุข เป็นพญานาคทม่พิษทำใหิ้ธาต์น�ำใน ร�างกายกำเริบ รอยแผ่ลทถ่กกัดจะเกิดอาการบวม พอง และเน�าเป่�อย ม่น�ำเล่อดน�ำเหิล่องไหิลเยิ�ม ออกมาจากบาดแผ่ล ๓.อัคคมุข เป็นพญานาคทม่พิษทำใหิ้ธาต์ุไฟใน ร�างกายกำเริบ จะม่อาการปวดแสบปวดร้อน รอย แผ่ลจะคล้ายถ่กไฟไหิม้แล้วลามไปทั�ว ๔.สต์ถมุข เป็นพญานาคทม่พิษทำใหิ้ธาต์ุลมใน ร�างกายกำเริบ จะเกิดอาการปั�นป่วนภูายใน ทั�ว ร�างจะฉั่กขาดคล้ายถ่กอาวุธฟาด บาดแผ่ลจะ เหิม่อนถ่กฟ้าผ่า การเกิดของพญานาค จะเกิดได ๔ แบบ ได้แก� แบบโอปปาต์ิกะ ค่อ เกิดแล้วโต์ทันท่ แบบสังเสท ชื่ะ ค่อ เกิดจากเหิง่�อไคล สิ�งหิมักหิมม แบบ ชื่ลาพชื่ะ ค่อ เกิดจากครรภู และแบบอัณฑุชื่ะ ค่อ เกิดจากไข� สำหิรับนาคชื่ั�นส่งจะเกิดแบบโอปปา ต์ิกะ เป็นชื่นชื่ั�นปกครอง ท่�อย่�ของนาคจะม่ต์ั�งแต์� ในแม�น�ำ ลำคลอง หินองบึงต์�างๆ และในอากาศไป จนถึงสวรรคชื่ั�นจาต์ุมหิาราชื่ิกา พวกนาคจะอย่�ใต์ การปกครองของท้าววร่ปักษ หินึ�งในจต์ุโลกบาล ทั�ง ส ผ่่้ ปกครองสวรร ค ชื่ั�นจา ต์ุม หิ ารา ชื่ิกา ด้าน ต์ะวันต์ก แม้นว�าพญานาคจะม่คุณสมบต์พิเศษสามารถ เนรมต์กายเป็นอะไรก็ได แต์�หิากอย่�ใน ๕ สภูาวะ ต์�อไปน่ จะกลับกลายเป็นร�างเดิมเท�านั�น ค่อ ใน ขณะปฏิสนธิ(เกิด)ขณะลอกคราบขณะเสพสังวาส ระ หิว� างนาค ด้วย กันขณะ หิลับโดยปราศจากส ต์ และเม่�อต์าย อย�างไรกด่ นาคสามารถผ่สมพันธุ์กับ สต์วอ่�นได เชื่�น แปลงกายเป็นมนุษย์และสมสกับ มนุษย เม่�อต์ั�งท้องแล้วส�วนใหิญ�จะออกล่กเป็นไข� ในบ้านเรา “นาค” จะเก่�ยวข้องกับวถ่ชื่่วต์ของ คนไทยอย�างหิลากหิลายร่ปแบบโดยจะเหิ็นได้จาก วัฒนธรรมประเพณ่ และงานศิลปกรรมทั�งหิลาย ต์ัวอย�างเชื่�น “บันไดนาค” ท่�เหิ็นกันจนคุ้นต์าต์าม ทางขึ�นวัดวาอารามต์�างๆซุึ�งคัมภู่ร์ทางพุทธศาสนา จะก ล� าว ถึงพญานาค ว� า มักเข้ามา ฟังธรรมของ พระ พุทธอง ค์อ ย่�เสมอ ดัง นั�นพญานาค จึงเ ป็น ต์ัวแทนของผ่่้ใฝีร่้ ผ่่้พร้อมจะขจัดความเป็นอวชื่ชื่า การสร้างบันไดนาคใหิ้เดินขึ�นไปจึงเสม่อนท�านเป็น ผ่่้นำเราไปส่�ความพร้อมท่�จะเข้าถึงพระธรรมคำสั�ง สอน ส�วน “การบวชื่นาค” นั�น เล�ากันว�าสมัย พุทธกาล ม่นาคแปลงกายไปบวชื่ ครั�นหิลับร�างจึง ก ลับ ส ร� างเ ดิมทำใ หิ้พระ ทั�ง หิ ลาย ต์ กใจก ลัว พระ พุทธอง ค จึงใ หิ้ลา สิกขาเพราะนาคเ ป็น เดรัจฉัาน ยังไม�สามารถบรรลุธรรมได นาคไดยิน ดังนั�นก็เส่ยใจ จึงร้องขอต์�อพระพุทธเจ้าว�า ต์�อไป ภูายหิน้าแม้นาคจะบวชื่ไม�ได แต์�ขอใหิผ่่้ท่�เต์ร่ยม ต์ัวจะบวชื่ ม่ชื่่�อเร่ยกว�า “นาค” ด้วยเหิต์น่จึงม่พธ่ ทำขวัญนาค แหิ�นาค และบวชื่นาค ต์�อมาภูายหิลัง และทำใหิต์้องม่การ “ขานนาค” ท่�พระค่�สวด ต์้อง ถามบุคคลท่�จะขอบวชื่พระเป็นภูาษาบาล่ว�า “มน สฺโสสิ” ท่�แปลว�า เป็นคนหิร่อเปล�า อันเป็นส�วน หินึ�งของการบวชื่พระในสังคมไทยปัจจบัน
13 12 Book Title (Optional) ต์ำนานจ่น ต์ำนานจ่น ฮุ่�นต์ุ�น เ ป่็น สต์ว์ประหิลาดทม่ร่ปร�างเหิม่อนสนัขต์ัว ใหิญ�แสนดร้าย มันไม�สามารถแยกแยะผ่ิดถ่กได ม่อุ้งเท้า เหิม่อนหิม่แต์�ไร้กรงเล็บ ม่ต์าแต์�มองไม�เหิ็น เดินได้แต์� ขยับไม�ได และม่หิ่แต์�ไม�สามารถไดยินอะไรเลย ร่ปร�าง ของมันจึงมักถ่กพรรณนาว�าเป็นสต์วปีศาจท่�ไม�ม่ใบหิน้า หิร่อศ่รษะ ฮุุ�นต์ุ้นม่ท้อง แต์�ไม�ม่อวัยวะท่�ทำหิน้าท่�อย�างหิัวใจ ปอด หิร่อไต์ มันม่ลำไสทต์รง ไม�คดงอดังเชื่�นลำไสทั�วไป ดัง นั�น ทุกอ ย� าง ท มัน กินเ ข้าไป ก็จะผ่ านลำไ ส้โดย ต์ รง จักรพรรดิแหิ�งทะเลใต์้และทะเลเหิน่อชื่�วยกันเจาะร่ใหิ จักรพรรดฮุุ�นต์ุ้นวันละหินึ�งร่ แต์�เม่�อเสร็จสิ�นครบทั�ง 7 ร่ จักรพรรดฮุุ�นต์ุ้นกลับสิ�นพระชื่นม และกลับชื่าต์ิมาเกิด เป็นสต์วร้ายเส่ยแทน ด้วยความทฮุุ�นต์ุ้นไม�สามารถ แยกแยะผ่ิดชื่อบชื่ั�วด่ได เม่�อต์้องเผ่ชื่ิญหิน้ากับผ่่้ม่ ปัญญา ฮุุ้นต์ุ้นจะก�อใหิ้เกิดความขัดแย้ง และจะปฏบต์ ต์ามคำแนะนำของคนชื่ั�วแทน เถาอ ต์ าม ต์ำราซุานไหิ�จิงเถาอ่้เป็นสต์วปีศาจ ทม่หิน้าคน เท้าเส่อ และฟันหิม่ ม่หิางยาวมากกว�า 315 เมต์ร และม่ขนยาวกว�า 2 เมต์ร เชื่่�อกันว�าเถา อ่้อาศัยอย่�ในภู่มภูาคทางต์ะวันต์กของจ่น ใน วัฒนธรรมจ่น คำว�า “เถาอ่้” มักใชื่้เร่ยกผ่่้ชื่ายทด่�อ รั�น โจวิหิวิ้ หิรือ โซุว่ (ในการออกเส่ยงแบบฝีรั�ง) เป็นสต์ววิเศษของจ่นทม่ขนหิ้าส่ ร่ปร�างคล้ายแมว ขนาดใหิญ�ยักษ เท�าชื่้าง ซุึ�งม่หิางยาวส่แดง เป็น พวงส�ายไหิวเหิม่อนง่ขนาดใหิญ� 3 ารถเดินทางได รวดเร็ว และไกลวันละเป็นพันไมล (หิร่อ 1609.344 กิโลเมต์ร) โดยไม�เหินต์เหิน่�อย ซุึ�งความสามารถท ว�าน่ เป็นการข้ามมต์ิจากทหินึ�งโผ่ล�ไปอ่กทหินึ�ง ด้วยการกระโดดเพ่ยงก้าวเด่ยว เม่�อไดรับบาดแผ่ล หิร่อใชื่้พลังข้ามมต์ จะก�อใหิ้เกิดประกายแสงท ระเบิดออกจากขนเหิม่อนพล ข้อม่ลจากต์ำนานเดิมของจ่น ต์ำนานซุาลไหิ�จิง หิร่อ Classic of Mountains and Seas , เฉัินโชื่�ว หิร่อสต์ว์ในต์ำนาน และคัมภู่ร ชื่่อจิง ของจ่น ระบว�า โจวหิว่หิร่อโจวย่๋ เป็นสิ�งม่ ชื่่วต์ทส�วนหิัวเหิม่อนสิงโต์และลำต์ัวเหิม่อนเส่อ ม่ หิางเร่ยวยาวและยาวกว�าลำต์ัว ม่ฟันเหิม่อนฟัน ของฉัลาม ธรรมชื่าต์ ของโจวหิว่นั�น เป็นสต์วอ�อนโยนและไม� กินสต์วทยังม่ชื่่วต์ บางแหิล�งข้อม่ลบอกว�าโจวหิว่ ม่ ส่ขาวสลับดำ บางต์ำนานยังบอกว�า โจวหิว่ เป็น สต์ว์นำโชื่ค ซุึ�งความจริงในต์ำนานระบุความ สามารถในการเดินทางของ โจวหิว่ไวว�า มัน สามารถเดินทางไดวันละพันล่ หิร่อ 500 กิโลเมต์ร ต์�อวัน
acle-bone inscriptions)
ผ่่้คนเลยเชื่่�อ ว�าเฟ่�งหิวงเป็นนกอมต์ะท่�แท้จริง ค่อมันไม�ม่วันแก�ต์ายและไม�ม่การเกิดใหิม�
15 14 Book Title (Optional) ต์ำนานจ่น ต์ำนานจ่น เต์�ามังกร หิรือชื่ิงถง ถัวหิลง เป็นชื่่�อเร่ยกโบราณ วต์ถุในพระราชื่วังก่้กงหิร่อพระราชื่วังต์้องหิ้ามใน นครปักกิ�ง โดยคำว�าชื่ิงถงถัวหิลง เป็นเต์�ามังกร ทองสัมฤทธิ ท่�เป็นการรวมมหิาพลังของมังกรและ เต์�า ทถ่อเป็นสต์ว์แหิ�งสรวงสวรรค์สองในสชื่นิด ของจ่น ถ่อไดว�าเป็นสัญลักษณ์ของพลังแหิ�งความ กล้าหิาญ ปร่ชื่าสามารถ อำนาจบารม่ ศักดิ�ศร่อัน ยิ�งใหิญ�ของมังกร กับพลัง แหิ�งความมั�นคง อาย วัฒนะ สุขะ พละทย่นยาวของเต์�า เต์�ามังกร เป็นสต์ว์เทพทม่พลังอำนาจ เป็นท่�ศรัทธา ส่งสุดของราชื่วงศถัง ปฐมกษต์รย์แหิ�งราชื่วงศถังได สร้างร่ปปั�นเต์�ามังกรไวหิน้าพระราชื่วัง เป็น สัญลักษณ์ของความแข็งแกร�ง อายย่น สุขภูาพด่ ต์ั�งใจ มุมานะ นำไปส่�ความก้าวหิน้า ความสำเร็จ อย�างมั�นคง ย่นยาว และรวมถึงความเพิ�มพ่นด้าน ทรัพยสินเงินทอง และป้องกันคุ้มภูัยจากสิ�งชื่ั�วร้าย สต์ว์มงคลชื่นิดน่ เป็นการรวมกันของสต์ว 2 ชื่นิด ค่อเต์�าท่�เป็นต์ัวแทนของความแข็งแรง อดทน ม่ เกราะป้องกันอันต์รายและอายย่น ส�วนมังกรเป็น ต์ัวแทนของความยิ�งใหิญ� ด่งาม ความกล้าหิาญ วาสนาบารม่ส่งส�ง ทถ่อเป็นมงคลส่งสุด เม่�อสต์ว 2 ชื่นิดน่�มารวมกันอันเป็นเต์�ามังกร จึงถ่อเป็นสุดยอด ปรารถนาของชื่าวจ่นในอด่ต์และส่บทอดความเชื่่�อ ถ่อนั�นมาจนถึงปัจจบัน ด้วยความท่�เต์�าเป็นสัญลักษณ์ของสต์วท่�อายย่น ดัง นั�นการวางร่ปปั�นเต์�าไว้ในบ้าน จึงจะชื่�วยส�งเสริม ใหิ้คนส่งอายุในบ้านม่อายย่น คนเจ็บคนไขหิาย ป่วย คนหินุ�มคนสาวจะม่โชื่คม่ลาภู และเด็กเล็กจะ เจริญเต์ิบโต์ ในขณะเด่ยวกันยังสามารถใชื่้เต์�าเพ่�อ สลายพลังปราณชื่่�ได ด้วยการต์ั�งเต์�าใหิหิันหิน้าไป ยังทิศทม่ปราณชื่พฆ์าต์ต์�างๆ นอกจากน่ เต์�าทถ่อ เป็นหินึ�งในสสต์วศักดิสิทธิ�ในระบบสัญลักษณ์ของ จ่น ท่�ทำหิน้าท่�ประดุจ “จต์ุโลกบาล” ผ่่้พทักษ รักษาคุ้มครองโลกทั�ง 4 ทิศ เฟิ่่ งหิวิง เมื�อต์ามต์ำนานจ่น เป็นนกอมต์ะทม่ ลักษณะหิายาก กล�าวกันว�าเป็นเม่�อมันปรากฏต์ัว จะเป็นลางบอกเหิต์ุแหิ�งความสามัคค่เม่�อม่การขึ�น สบัลลังก์ของจักรพรรดิองค์ใหิม� เฟ่�งหิวงม่ต์้น กำเนิดในราชื่วงศชื่าง (1600-1046 ปก�อน คริสต์กาล) ในชื่�วงเวลาน่ เฟ่�งหิวงมักถ่กมองว�าเป็น นกสองต์ัว ท่�เป็นต์ัวแทนความหิมายของทั�งชื่าย และหิญิง ความสามัคค่ของหิยินหิยาง ชื่่�อของมัน ค่อการรวมกันของคำว�า เฟ่�ง ท่�เป็นต์ัวแทนของ ผ่่้ชื่าย และ หิวง ต์ัวแทนของผ่่้หิญิง ต์�อมานกต์ัวผ่่้ และต์ัวเม่ยกถ่กรวมกันเป็นหินึ�งเด่ยว ทำใหิ้เกิดเป็น เฟ่�งหิวงท่�เราร่้จักในปัจจบัน แ ม้เ ฟ่�ง หิ วงจะ ถ่ กก ล� าว ถึงค รั�งแรกในส มัยรา ชื่ วง ศ ชื่าง แต์�ภูาพของมันถ่กพบในกระด่กเส่�ยงทาย (or-
ท่�คนจ่นโบราณใชื่้ใน การทำนายอนาคต์ ทม่อายุราวๆ สมัย 8,000 ป นอกจากน่�เฟ่�งหิวงถ่อเป็นสัญลักษณ์สำคัญในพธ่แต์�งงาน หิร่อแสดงถึงความปรองดองสามัคค่กันของสาม่ ภูรรยาและต์ั�งแต์�ราชื่วงศฉัินเป็นต์้นมา จากเดิมท เฟ่�ง ค่อนกต์ัวผ่่้ หิวง ค่อนกต์ัวเม่ย ทั�งสองได้เกิดการผ่สม ผ่สานกันอย�างชื่้าๆ และสุดท้ายเฟ่�งหิวงกถ่อเป็นนกเพศเม่ย และกลายเป็นต์ัวแทนของผ่่้หิญิงโดยสมบ่รณ จึง ไดม่การนำเฟ่�งหิวงมาใชื่้เป็นสัญลักษณ์แทนจักรพรรดน่ คกับมังกร ซุึ�งกค่อต์ัวแทนขององคจักรพรรด เฟ่�งหิวงเป็นนกท่�ไม�ม่อายขัยท่�แน�นอน แต์�จากต์ำนานเชื่่�อว�ามันม่อายถึงหิลายล้านปีเลยท่เด่ยว
เฟ่�งหิวงอาจจะไม�ได้ปรากฏในงานวรรณกรรมหิร่อภูาพยนต์รสักเท�าไหิร�นัก มักจะปรากฏในต์ำราความ เชื่่�อต์ั�งแต์�สมัยโบราณมากกว�า อย�างเชื่�นใน ชื่านไหิ�จิง หิร่อ คัมภู่รขุนเขาและท้องทะเล (The Classic of Mountains and Rivers) ต์ำราโบราณสมัยก�อนราชื่วงศฉัิน ต์ำราทบันทึกเก่�ยวกับเร่�องราวของ เทพนิยาย ปีศาจ สต์ว์ประหิลาด นิทานปรัมปรา ต์ลอดจนด้านภู่มิศาสต์ร์และด้านวัฒนธรรม ซุึ�งในยุคปัจจบันต์ัวละคร ท่�เป็นสต์ว์ประหิลาดๆ ท่�เราคุ้นเคยจากในภูาพยนต์์จ่นหิลายเร่�องเชื่�น โปเยโปโลเย หิร่อ ไซุอิ�ว นั�นล้วนม่ท่�มา จากต์ำราชื่านไหิ�จิงทั�งสิ�น
17 16 Book Title (Optional) ต์ำนานจ่น ต์ำนานจ่น ป่เซีียะ หิรือผ่่ซุิว (สำเน่ยงกลาง) หิร่อ เผ่ยเหิย้า เ ป็น ส ต์ว์ประ หิ ลาด ต์ ามความเชื่่�อของ จ่ นมาแ ต์� โบราณ ปี�เซุ่ยะ นั�นเชื่้าใจกันว�าเป็นล่กต์ัวท 9 ของมังกร ม่ อำนาจศักดิสิทธิ�รวมทั�งความเด็ดเด่�ยว ม่ไวคุ้มครอง ปกป้องพวกภู่ต์ผ่่ปีศาจแล้วกสิ�งเลวร้าย โดยจะอย คุมด้านทั�ง 4 ของประต์่สรวงสวรรค อ่กทั�งเป็นสต์ว ทกินเก�งและไม�ม่ร่ทวาร จึงไม�ม่การขับถ�าย ในปลายยุคราชื่วงศ์โจว ต์รงกับยุคชืุ่นชื่ิว ม่การนำปี เซุ่ยะมาใชื่้เป็นสัญลักษณ์โดยประดับเป็นร่ปบนธง สำหิรับการออกรบ โดยรวมในอด่ต์สันนิษฐานว�า ป เซุ่ยะใหิ้ความหิมายในทางความกล้าหิาญ การ ปกป้องคุ้มภูัย และการต์�อส่้เพ่�อจะใหิ้ได้มาซุึ�ง ชื่ัยชื่นะ นอกจากน่�แล้ว ปี�เซุ่ยะยังเป็นสัญลักษณ์ของการ พทักษ์และคุ้มครองทรัพย์สมบต์อ่กด้วย อัน เน่�องจากการท่�เป็นสต์วทกินอย�างเด่ยวไม�ม่การขับ ถ�าย จึงม่การปั�นเป็นร่ปปั�นเฝี้าหิน้าท้องพระโรง ภูายในพระราชื่วัง สาเหิต์ทปี�เซุ่ยะไม�ม่ร่ทวาร นั�นเป็นเน่�องจาก ม่วัน หินึ�งมานั�งต์ักของ เง็กเซุ่ยนฮุ�องเต์ และกถ�าย เลอะเทอะ เง็กเซุ่ยน เลยต์บทวาร 3 ครั�ง ร่ทวารก เลยป่ด ทำใหิ้แปลงเป็นสิ�งนำโชื่คสำหิรับคนท ค้าขาย คิดบัญชื่่ เก็บทองคำไม�รั�วไหิล ม่แม้กระนั�น ไหิลเข้าไม�ม่ไหิลออก
19 18 Book Title (Optional) ต์ำนานจ่น ต์ำนานจ่น
20
ต์ำนานจ่น
Book Title (Optional)
23 22 ตำนานญี่่�ปุ่่�น ตำนานญี่่�ปุ่่�น
25 24 ตำนานญี่่�ปุ่่�น ตำนานญี่่�ปุ่่�น
27 26 ตำนานญี่่�ปุ่่�น ตำนานญี่่�ปุ่่�น
29 28 ตำนานญี่่�ปุ่่�น ตำนานญี่่�ปุ่่�น
30 ตำนานญี่่�ปุ่่�น
33 32 ตำนานกรีีก ตำนานกรีีก
35 34 ตำนานกรีีก ตำนานกรีีก
37 36 ตำนานกรีีก ตำนานกรีีก
39 38 ตำนานกรีีก ตำนานกรีีก
40 ตำนานกรีีก
43 42 Chapter Title (Optional) Book Title (Optional) ต์ำนานอ่ยิป ต์ำนานอ่ยิป
45 44 Chapter Title (Optional) Book Title (Optional) ต์ำนานอ่ยิป ต์ำนานอ่ยิป
47 46 Chapter Title (Optional) Book Title (Optional) ต์ำนานอ่ยิป ต์ำนานอ่ยิป
49 48 Chapter Title (Optional) Book Title (Optional) ต์ำนานอ่ยิป ต์ำนานอ่ยิป
51 50 Chapter Title (Optional) Book Title (Optional) ต์ำนานอ่ยิป ต์ำนานอ่ยิป
53 52 Chapter Title (Optional) Book Title (Optional) ต์ำนานอ่ยิป ต์ำนานอ่ยิป