Audacity Program

ดาวน์โหลดได้ที่ http://www.audacityteam.org/ Audacity เป็นโปรแกรมสาหรับ บันทึกเสียงและตัดแต่งเสียง ที่มีคุณภาพโปรแกรมหนึ่ง Opensouree ให้ใช้ฟรี สามารถบันทึกได้หลายนามกุล WAVE MP3 และนามสกุลอื่น ได้

Open now

Auuddaacciittyy A

คานา การสร้าง E-BOOK (เอกสารอิเล็กทรอนิกส์) เรื่อง คูม่ อื การใช้โปรแกรม Audacity เป็นชิ้นงานส่วนหนึ่งของรายวิชา 42543859-59 การผลิตต้นฉบับสือ่ สิ่งพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ (Desktop Publishing Production) E-BOOK เล่มนี้จัดทาขึ้นเพือ่ ศึกษา และเป็นคูม่ ือการใช้งานโปรแกรม Audacity ประกอบด้วบเนื้อหา ขั้นตอนการติดตัง้ โปรแกรม การเรียกใช้งานโปรแกรม Audacity กลุ่มเครื่องมือปรับแต่ง เสียง การเปิดไฟล์งานพร้อมเสียงผ่านโปรแกรม การตัดเสียงออกในบางส่วน การผสมเสียง การ Import มากกว่า 1 แทร็ค การ Export ไฟล์เสียงออกมาเป็นนามสกุลต่างๆ การใส่ Effect ให้กับไฟล์เสียง การตัด เสียง Noise การเรียนรู้เนื่องไฟล์เสียง รวมทั้งแบบทดสอบหลังใช้งานโปรแกรม เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของ ผู้ที่มีความสนใจในการใช้งานโปรแกรม Audacity ด้วย คณะผู้จัดทาขอขอบคุณ อาจารย์ ดร.ดารัส อ่อนเฉวียง ที่ได้ให้ความรู้ คาปรึกษา และคาแนะนาที่ดีใน การออกแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-BOOK) จนสาเร็จลุล่วงด้วยดี คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-BOOK) เล่มนีจ้ ะให้ความรู้ เป็นประโยชน์ แก่ที่สนใจศึกษาเกีย่ วกับการใช้งานโปรแกรม Audacity ได้เป็นอย่างดี และหากมีเนื้อหาผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทาก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

สารบัญ • การติดตั้งโปรแกรม • การเรียกใช้งานโปรแกรม Audacity • กลุ่มเครื่องมือปรับแต่งเสียง • เปิดไฟล์งานพร้อมเสียงผ่านโปรแกรม • การบันทึกไฟล์เสียงจากคอมพิวเตอร์ • การตัดเสียงออกในบางส่วน • การ Exportเสียงออกมาเป็นไฟล์นามสกุลต่างๆ • การผสมเสียง • การ Import มากกว่า 1 แทร็ค • การ Exportไฟล์เสียงออกมาเป็นนามสกุลต่างๆ • การ Effectให้กับไฟล์เสียง • การตัดเสียงรบกวน (noise) • การเรียนรู้เรือ่ งไฟล์เสียง • แบบทดสอบหลังเรียน • แบบประเมินสื่อ • บรรณานุกรม

1 2 3 3—4 5—6 7—9 10 — 11 12 — 13 13 — 14 15 16 17 — 18 19 — 22 23 24 25

คู่มือการใช้โปรแกรม Audacity เบื้องต้น โปรแกรม Audacity เป็นโปรแกรมสาหรับ บันทักเสียงและตัดแต่งเสียง ที่มีคุณภาพโปรแกรมหนึง่ เป็นโปรแกรม Open source ให้ใช้ฟรี สามารถผสมเสียงจากหลายแทร็คได้ สามมารถบันทึกได้ทั้งนามสกุล wave.mp3. และนามสกุลอื่นๆอีก มากมาย โดยการทางานจะคล้ายกับการทางานของ Adobe Audition โดยโปรแกรมสามารถดาวน์โหลดได้จาก http://audacity.sourceforge.net/downlad/ โดยมี 2 เวอร์ชนั่ ให้เลือกดาวน์โหลด

2. เวอร์ชั่น 1.3 Beta โดยท่านสามารถเลือก ระบบปฏิบัติการที่ท่านเลือกใช้

Page 1

1. เวอร์ชั่น 1.2 โดยท่านสามารถเลือก ระบบปฏิบัติการที่ท่านเลือกใช้

Page 2

การเรียกใช้งานโปรแกรม Audacity 1. คลิ๊กปุ่ม Start / All Program / Audacity ( ตามด้วยเลขเวอร์ชั่นที่ทา่ นเลือกใช้ ) 2. คลิ๊กเลือก Audacity ตามด้วยเลขเวอร์ชั่นที่ ท่านเลือกใช้ 3. จะแสดงหน้าต่าง Audacity

กลุ่มเครื่องมือปรับแต่งเสียง 1.1 Selection Tools ใช้สาหรับเลือกช่วงของเสียงที่ต้องการ โดยคลิ๊กและลากคลุมพื้นที่หรือช่วงเสียง

1.2 Envelope Tools เครื่องมือเพิ่ม-ลดระดับเสียง ให้ความดังลดลงหรือ เพิ่มขึ้น 1.3 Draw Tools เครือ่ งมือปรับแต่งเสียงในระดับลึก ต้องขยายไฟล์เสียงให้เห็น จุดคลื่นเสียงเสียก่อนจึงจะใช้งานได้

เปิดไฟล์พร้อมฟังเสียงผ่านโปรแกรม 1. คลิ๊กที่ File / Open 2. เลือกไฟล์เสียงที่ต้องการเปิด 3. จะพบหน้าต่าง Import ไฟล์นั้นขึน้ มา 4. หลังจากหน้า Import เสร็จ จะพบกับหน้าจอโปรแกรมที่มีไฟล์เสียง ที่เราเปิดขึ้นมา 5. กด Spacebar เพื่อฟัง sound ที่เราเปิดขึ้นมาโดยจะพบคลื่นเสียง ขยับไปมาแสดงถึงจังหวะของ sound นั้นๆ

1.4 Zoom Tools เครื่องมือย่อ ขยายเสียง เพื่อให้แก้ไข ได้สะดวก

1.6 Multi Tools รวมคาสั่งทุกอย่างอยูใ่ นตัวเดียวกัน โดยจะเปลีย่ นเป็น เครือ่ งมือต่างๆ ตามจุดที่ชี้

Page 3

1.5 Time Shif สาหรับย้ายตาแหน่งของเสียง เช่น เรามีไฟล์ เสียงด้านบนและล่าง แต่ต้องการให้ด้านล่างเลื่อนถัดไปก่อน

Page 4

การบันทึกเสียงจากคอมพิวเตอร์

4. เมื่อต้องการหยุดบันทึกเสียงให้คลิ๊กปุ่มหยุด 5. คลิ๊กปุ่มเล่นเพือ่ ฟังเสียงที่บันทึก 6. แสดงความดังของลาโพงด้านขวา 7. การเซฟไฟล์ไปที่ File > Save Project หรือ Ctrl+S

Page 5

1. ต่อไมโครโฟนเข้ากับ คอมพิวเตอร์แล้วทาการ เช็คระดับความดังของ เสียงตามความต้องการ 2. คลิ๊กปุ่มบันทึกเสียง เพื่อเริม่ บันทึกเสียง 3. เมื่อเริ่มบันทึกเสียง จะมีเสียงเกิดขึ้นทันที

Page 6

8. จากนั้นจะพบหน้าต่างเตือนขึ้นมา เป็นการเตือนว่าคุณกาลังจะเซฟไฟล์ .aupซึ่งเป็นไฟล์ที่สามารถเป็นได้ใน เฉพาะโปรแกรม audacity เท่านัน้ และสามารถทาเป็นไฟล์ audio ได้โดยไปที่ File > Export > ให้คลิ๊กที่ Ok 9. จากนัน้ จะพบหน้าต่างให้เลือกตาแหน่งที่ต้องการเซฟไฟล์ 10. เมื่อเซฟไฟล์เสร็จ ที่ชื่อหัวโปรแกรมจะเป็นชื่อทีเ่ ราตั้งไว้

1.เปิดไฟล์เสียงที่ต้องการแก้ไขขึ้นมาฟังและเลือกจุดที่ ต้องการตัดออก 2.ทดสอบฟังเสียงในส่วนที่เราต้องการเก็บไว้โดยไปที่ แถบเวลาและลากให้เป็นลูกศรคลุมส่วนที่เราต้องการ ฟังจากนัน้ กด spacebar 3.การตัดเสียงที่ไม่ต้องการเรือ่ งจุดเริ่มต้นที่ไม่ ต้องการแล้วลากไปยังจุดสิ้นสุดโดยกระทาภายใน พื้นที่ของเส้นเสียงนั้น 4.คลิกปุ่ม cut เพื่อตัดเสียงบางส่วนที่ไม่ ต้องการออก 5.หลังจากที่เราตัดเสียงนั้นแล้วเสียงส่วนที่ไม่ตอ้ งการ ก็จะหายไป 6.หากต้องการแก้ไขไปทีu่ ndoเพื่อกลับไปยังจุดที่ ต้องการแก้ไขใหม่ 7.ภาพหลังจากการกด undo

Page 7

การตัดเสียงในบางส่วนออก

Page 8

Page 9

Page 10

การ Export เสียงออกมาเป็นไฟล์นามสกุลต่างๆ

การexportนั้นมีลักษณะการทาสองแบบคือแบบทัง้ หมดไฟล์เสียงและเฉพาะพืน้ ที่ของไฟล์เสียง 1.เปิดไฟล์เสียงแล้วไปที่ไฟล์exportสาหรับexportเสียงทั้งหมด 2.การเลือกexportเฉพาะบางส่วนที่ต้องการให้รักคุมพื้นที่ที่เราต้องการบนคลื่นเสียง 3.ไปที่file/export selection...

Page 11

4.จากนั้นจะพบหน้าต่าง exportไฟล์ให้ตั้งชื่อ ไฟล์เลือกนามสกุลของ ไฟล์เสียงและสถานที่ที่ ต้องการเก็บไฟล์เสียง 5.กดsaveเพื่อเก็บไฟล์ เสียงนั้นไว้ 6.จะมีหน้าต่างเวลาการ แสดงexportซึ่งจะเป็น ชื่อที่เราสร้างขึน้ มา 7.จากนัน้ เข้าไปยัง สถานที่ที่เราเซฟไฟล์นนั้ ไว้เพื่อเช็คว่ามีไฟล์เสียง นั้นหรือไม่

Page 12

การผสมเสียง ความสามารถในการมิกซ์เสียง เป็นการนาเสียงทีม่ ีอยู่แล้วมาผสมเข้าด้วยกัน เช่นนาเสียงเพลงบรรเลง มาผสมกับเสียงนกร้องหรือ เสียงธรรมชาติ หรือจะอัดเสียงเราเพิ่มเข้าไปด้วยก็ยงั ได้ ก่อนจะบันทึกเป็นเสียงใหม่ ไว้ใช้งานต่อไป ด้วย โปรแกรมนี้เราจะสามารถตัดเสียงที่ต้องการนาไปใช้ งานได้หลากหลาย เช่น เอาไฟล์ MP3 มาตัดเอา เฉพาะเสียงบางท่อนไปทาริงโทนหรือนาไปใช้ประโยชน์ อื่นๆ

สาหรับการอัดเสียงที่ต้องการความเงียบไม่มีเสียง รบกวน ไม่จาเป็นต้องไปใช้บริการห้องอัดเสียงก็ได้ เพียงแต่ตอ้ งมีอุปกรณ์ดังนี้ 1.ไมโครโฟนดีๆสักตัว 2.mixerหากจะหาชุดเล็กแล้วต่อไมโครโฟนผ่าน Mixerก่อนจะต่อจากMixerเข้าช่องบันทึกเสียงใน คอมพิวเตอร์อีกที 3.หากแผ่นซีดีเพลงบรรเลงไว้เปิดคลอเบาๆจะช่วย กลบเสียงรบกวนได้ แต่ต้องให้เสียงบรรเลงพอดีๆกับ เสียงรบกวนแต่อาจจะไม่จาเป็นถ้าสามารถจัดการ เสียงรบกวนได้เงียบสนิท

1. เปิดไฟล์เสียงขึ้นมาจากนั้นไปที่ File/Import แล้วเลือกลักษณะเสียงที่เราต้องการจะ Import 2. จากนั้นจะพบหน้าต่าง Select one or more audio file ให้เลือกอีกไฟล์ที่ต้องการ Import หลังจาก เลือกไฟล์เสียงแล้วให้คลิ๊ก Open 3. จะพบหน้าต่างแสดงเวลาการ Import ขึ้นมา 4. หลังจากที่ Import เสร็จแล้วก็จะพบว่าที่โปรแกรมมีแทร็คเสียงที่เปิดเพิ่มขึ้น

Page 13

การ Import เสียงมามากกว่า 1 แทร็ค

Page 14

การใส่ Effect ให้กับเสียง

Page 15

1. เปิดไฟล์เสียงทีต่ ้องการใส่ Effect ขึ้นมาแล้ว เลือกพืน้ ที่ที่ต้องการใส่ Effect เช่นต้องการใส่ ทั้งหมดของเสียงหรือเฉพาะส่วนของเสียง ใน ตัวอย่างนี้จะเป็นการใส่เฉพาะส่วน 2. หลังจากเลือกพื้นที่แล้วให้ไปที่ Effect เลือก Effect ทีต้องการ 3. ลักษณะของคลื่นเสียงในส่วนทีต่ ้องใส่ Effect ก็จะเปลี่ยนไป

Page 16

ตารางการเปรียบเทียบโปรแกรม โดย นายนรศิษฎ์ เปล่งรัศมี นักวิชาการโสดทัศนศึกษา สานักนวัตกรรมการเรียน การสอน มหาวิทยาลัยขอนแก่น

1. เปิดไฟล์เสียงที่ตอ้ งการตัดเสียงรบกวน 2. ขยายคลื่นเสียงเพื่อให้เห็นคลื่นเสียงชัดเจน และได้ยินเสียงดังขึ้น โดยการไปที่ Effect -> Amplift -> เลือกขนาดที่ตอ้ งการขยาย (หรือตามค่า default ที่โปรแกรมแนะนาได้เลย) -> OK 3. หาและเลือกบางช่วงของคลื่นเสียงที่เป็นเสียงรบกวน

Page 17

การตัดเสียงรบกวน

Page 18

4. ให้โปรแกรมจดจารูปแบบของเสียงรบกวน โดยการ ไปที่ Effect -> Noise Removal -> (Step1) คลิ๊ก Get Noise Profile 5. ตัดเสียงรบกวนออกจากเสียงทัง้ หมด โดยการใช้ Selection Tool เลือกช่วงของเสียงทั้งหมดแล้วไป ที่ Effect -> Noise Removal -> (syep2) คลิ๊ก OK 6. สังเกตว่าคลื่นเสียงจะมีลกั ษณะเปลี่ยนไป เนื่องจาก ได้ทาการตัดเสียงรบกวนออกไป และผู้ใช้ยัง สามารถหาเสียงรบกวนเพือ่ ตัดเพิ่มได้อีก

LOSSY Audio คือไฟล์ที่มีการบีบอัดแล้วเสียข้อมูลไปบ้าง ยิ่งบีบอัดให้จานวน Bitrate น้อยลงเท่าไหร่ คุณภาพเสียงก็จะลดทอนลงไปเท่า นั้น เสียงเพลงจากที่ได้ยินรายละเอียดครบถ้วนก็อาจจะลดน้อยถอยลงไปตามลาดับครับ กลุ่มนี้จะค่อนข้าง พบเห็นได้ทั่วไป ได้แก่ ไฟล์ ประเภท MP3, AAC, OGG, WMA เป็นต้น ไฟล์ MP3: ไฟล์เสียงที่ได้รับความนิยมที่สุดในปัจจุบัน ชนิดที่ว่าไม่มใี ครไม่รู้จัก ไฟล์นี้ MP3 เป็นไฟล์ที่ถูกบีบอัดข้อมูลทาให้ไฟล์ประเภทนี้มีขนาดเล็กลงมาก ลดลงประมาณ 10 เท่าเมื่อเทียบกับไฟล์ wave อีกทั้งยังให้คุณภาพเสียงที่ดีและ รองรับได้หลายอุปกรณ์อกี ด้วย ปัจจุบันมีการพัฒนาขึน้ มาเป็น .mp4 ซึ่งมี ขนาดเล็กลงอีก แต่ได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น โดยยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ไฟล์ WMA: ย่อมาจาก Windows Media Audio เป็นไฟล์เฉพาะของทาง ไมโครซอฟต์ ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับไฟล์ .mp3 เลยทีเดียว เนื่องจากมี คุณสมบัติใกล้เคียงกันแต่มขี นาดไฟล์ที่เล็กกว่านั่นเอง ทั้งนี้ .wma ยังรองรับ การ Streaming ผ่านอินเทอร์เน็ตด้วย เนื่องจากขนาดไฟล์เล็ก ทาให้ ผู้ใช้บริการโหลดค่อนข้างไว ถือว่าได้รับความนิยมในมุมของการเล่นเพลงผ่าน อินเทอร์เน็ตพอสมควร

Page 19

ความรู้เรื่องไฟล์เสียง

Page 20

ไฟล์ AAC: ถูกพัฒนามาจากไฟล์ประเภท MPEG2 ซึ่งจุดเด่นของ .aac จะมีขนาดไฟล์ที่เล็กมาก อีก ทั้งยังได้คุณภาพที่ดีสูงกว่า .mp3 อีกด้วย รองรับ อัตราการเล่นไฟล์ที่สูงถึง 576 Kbps นอกจากนี้ยงั สามารถแยกเสียงได้ถึงระบบ Dolby Digital 5.1 ด้วยเช่นกัน

ไฟล์ OGG: รูปแบบไฟล์เสียงใหม่ล่าสุด ย่อมาจาก Ogg Vorbis ที่ใช้เทคโนโลยีการบีบอัดไฟล์แบบใหม่ มีขนาดเล็กกว่า .mp3 แต่ให้คุณภาพเสียงที่ดีมาก รองรับ Steaming ผ่านอินเทอร์เน็ต อีกด้วย สามารถเข้ารหัสเสียงได้ตั้งแต่แบบ Mono, Stereo ไปจนถึง ระบบ 5.1 Surround Sound

ไฟล์ FLAC: ย่อมาจาก Free Lossless Audio Codec เป็นรูปแบบการบันทึกเสียงชนิดหนึ่ง ที่ถอื ได้ ว่าเป็นมาตรฐานการบีบอัดข้อมูล แบบไม่สูญเสียของ ไฟล์เสียงดิจิตอล โดยขั้นตอนวิธีของไฟล์ FLAC จะ สามารถประหยัดพื้นที่ขึ้น 50-60% ของไฟล์ต้นฉบับ แต่ถ้าหากเปรียบเทียบในกับไฟล์ประเภท LOSSY Audio จะพบว่า FLAC ที่เป็น LOSSLESS จะมีขนาด ใหญ่กว่ามาก เช่นจากเดิมไฟล์ขนาด 5mb อาจเพิม่ เป็น 10mb ก็เป็นได้

ไฟล์ M4A: พัฒนามาจาก AAC เดิม ซึ่งผู้ผลิต .m4a คือบริษัท Apple นั่นเอง หลายๆคน ที่เคยใช้ iTune จะคุ้นเคยกันดีกับไฟล์ประเภทนี้ เมือ่ เทียบกับ .aac เดิมจะพบว่าคุณภาพการบีบอัด ของ .m4a จะมีประสิทธิภาพมากกว่า อีกทั้งยัง รองรับ Tagging Standard ซึ่งสามารถเก็บได้ทั้งชื่อ เพลงและอัลบั้ม (สังเกตได้จากไฟล์ที่โหลดจาก iTune เป็นต้น โดยความสามารถนี้ไฟล์ .aac จะไม่รองรับ ถือเป็นอีกจุดเดนที่ Apple ได้พัฒนาขึ้นมาใช้เลย ทีเดียว

Page 21

LOSSLESS Audio สาหรับ Lossless Audio แปลตามตรงก็หมายถึง ไฟล์ที่ปราศจากการสูญเสียนั่นเอง ซึ่งจุดเด่นของ ไฟล์ประเภทนีอ้ ยู่ที่คุณภาพของเสียงที่ค่อนข้างทัดเทียมกับแผ่น CD เลยก็ว่าได้ จะสังเกตได้ว่าขนาดของไฟล์ ค่อนข้างใหญ่ กลุ่มนี้จะตามหากันยากหน่อย แต่หากพบไฟล์นามสกุลจาพวกนี้รับรองได้ในระดับหนึ่งเลยว่า เป็น Lossless แน่นอน ได้แก่ FLAC, M4A, Wav, Cda, THM, Aiff, APE, TTA, WavPack เป็นต้น

Page 22

ไฟล์ Wav: ถือเป็นไฟล์ Lossless ที่เราคุ้นเคยกัน มากทีส่ ุด สังเกตได้จากไฟล์ที่มีนามสกุล .wav จัดเป็นไฟล์เสียงมาตรฐานที่ใช้กับ Windows เป็น หลัก จุดเด่นของไฟล์ประเภทนี้ คือสามารถครอบคลุม ความถี่เสียงได้ทั้งหมด ทาให้คณ ุ ภาพเสียงดีมากถึง มากทีส่ ุด และยังให้เสียงในรูปแบบ Stereo ได้อีกด้วย แต่ข้อเสียคือไฟล์ .wav มีขนาดใหญ่ทาให้สิ้นเปลือง พื้นที่ในการเก็บข้อมูลมากเช่นกัน ไฟล์ Cda: จริงๆแล้ว CDA ย่อมากจาก CD Audio เป็นไฟล์ที่อยู่ในแผ่น CD ซึ่งถูกจัดเก็บ ในรูปแบบดิจิตอล เหมือนกับไฟล์ Wave แต่ถูก บรรจุไว้ในแผ่นซีดีเพลงด้วยรูปแบบพิเศษ มีขนาด ไฟล์ค่อนข้างใหญ่ ถ้าลองซือ้ แผ่นซีดีเพลงมาหนึ่ง แผ่นจะพบว่ามีเพลงประมาณ 10-12 เพลง แต่ เนื้อที่ซีดีถกู ใช้จนเกือบหมด (500-800mb) แสดงให้เห็นว่าขนาดไฟล์คอ่ นข้างใหญ่ ข้อเสียคือ ไฟล์นี้จะถูกบรรจุในแผ่น CD ไม่สามารถนาลง เครื่องได้เหมือนไฟล์ทั่วๆไป ต้องใช้โปรแกรมพิเศษ

แบบทดสอบหลังเรียน

Page 23

<< สแกนเพื่อทาแบบทดสอบ

Page 24

แบบประเมินสื่อ

สแกนเพื่อทาแบบประเมิน >>

บรรณานุกรม • https://www.slideshare.net/norasitp/audacity-13-beta-unicode-14960107 • https://www.mercular.com/review-article/audio-file-type

Page 25

• http://kmcenter.rid.go.th/kmc13/Work/Audacity.pdf

สมาชิก นางสาวกนกวรรณ อินทรธรรม 60540055 นางสาวณัฐชยา แดงเมือง 60540078 นางสาวพุทธิกาญจน์ ป้องขันธ์ 60540118 นางสาวอรณิชา เถาว์โมลา 60540151 นางสาวอรอนงค์ ทักสนนท์ 60540152 นางสาวอารีรัตน์ อาชาชาญ 60540155

A Auuddaacciittyy สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้

สาหรับผู้เริ่มต้น

•

สามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ ของโปรแกรมได้

•

สามารถบันทึกและตัดต่อเสียงได้

•

สามารถตัดต่อเสียงจากวีดีโอได้

•

ตัดต่อเพลงหรือวีดีโอให้ได้เฉพาะเสียงที่ต้องการ

•

ปรับคุณภาพของเสียงให้ดีขนึ้

•

บันทึกเสียงที่ตัดต่อเป็นไฟล์ .wav หรือ .mp3 ได้

หลักสูตรนี้เหมาะลาหรับ บุคคลทั่วไปที่ต้องการบันทึกเสียง-ตัดต่อเสียง ผู้ที่ต้องการทาหนังสือเสียง นักการตลาดออนไลน์ผู้ที่ทาคอร์สออนไลน์ นักศึกษาหรืออาจารย์ที่ต้องการบันทึกหรือตัดต่อเสียง •

ดาวน์โหลดได้ที่ http://www.audacityteam.org/