BOOK-641413026

Page 1

ศิลปะตะวันตก

Pre-Historic Art

เยี่ยมที่สุดของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่ผนังถ้ำาอัลตามิรา (ALTAMIRA)

ประเทศสเปน ซึ่งเขียนเป็นภาพวัว ไบซัน ช้างแมมมอส

ผสมกับยางไม้ไข

สัตว์หรือน้ำาผึ้ง วิธีเขียนใช้พ่นทาหรือใช้ไม้ทุบปลายให้แตกคล้ายพู่กันระบายสี

ศิลปะยุคก่อนประวัติศาสตร งานศิลปะได้เริ่มมีการสร้างกันมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ ยุคหินเก่าตอนปลาย ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 30,000-10,000 ปีมาแล้ว โดย เฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 15,000- 10,000 ปีมานั้น มนุษย์ได้เขียนภาพสีและขูดขีด บนผนังถ้ำาและเพิงผา เป็นภาพสัตว์ การล่าสัตว์และภาพลวดลายเรขาคณิตโดยมี จุดมุ่งหมายเพื่อแสดงออกเกี่ยวกับวิถีชีวิตประจำาวัน และแสดงความสามารถใน การล่าสัตว์ ภาพเหล่านี้มักระบายด้วยถ่านไม้ และสีที่ผสมกับไขมันสัตว์ พบได้ ทั่วไปในประเทศฝรั่งเศส และภาคเหนือของสเปนที่มีชื่อเสียงมากได้แก่ถ้ำาลาส โกซ์ในฝรั่งเศส ถ้ำาอัลตามิราในสเปนงานศิลปะในยุคเก่าไม่มีเพียงแต่การเขียน ภาพเท่านั้น มีการค้นพบภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์บนผนังถ้ำา (CAVE PAINTING) ซึ่งเป็นภาพเขียนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นงานจิตรกรรมที่ยอด
กวางเรนเดียร์ ซึ่งสัตว์ ทุกชนิดแสดงการเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา และภาพเขียนบนผนังถ้ำาอีกแหล่ง หนึ่งที่ ถ้ำาลาสโคซ์ (LASCAUX) ประเทศฝรั่งเศส อายุราย 20,000 13,000 ปี มี รูปม้า กวาง เป็นต้นสีที่นำามาใช้ส่วนใหญ่เป็นสีที่ได้จากดินสีต่าง ๆ เช่น ดินแดง ดินสีน้ำาตาล ดินสีเหลือง สีดำา นำามาจากผงถ่ายไม้หรือเขม่า
แบนๆ ในยุคหินเก่าตอนปลายพบรูปแกะสลักด้วยหินขนาดเล็ก ส่วนใหญ่เป็น รูปแกะสลักหิน ซึ่งนักโบราณคดีสมัยปัจจุบันเรียกชื่อรูปเหล่านี้ว่า วีนัส ส่วน ใหญ่คล้ายคลึงกัน คือ ศรีษะไม่แสดงรายละเอียดของหู ตา จมูกและหาง แต่ทำา เป็นเป็นปุ่มเล็ก ๆ แขนและขาลีบไม่ปรากฏ เท้าและนิ้ว เท้า เต้านมใหญ่ ท้อง ยื่นคล้ายกำาลังตั้งครรภ์ แสดงอวัยวะเพศชัดเจนซึ่งเชื่อว่ารูปเหล่านี้สร้างขึ้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ หรือ เพื่อขอบุตร

Egypt Art

มักเขียนอักษรภาพลง ในช่องว่างระหว่างรูปด้วย และเน้นสัดส่วนของสิ่งสำาคัญในภาพให้ใหญ่โตกว่า

ส่วนประกอบอื่น ๆ เช่นภาพของกษัตริย์หรือฟาโรห์ จะมีขนาดใหญ่กว่า มเหสี

นิยมระบายสีสดใส บนพื้นหลังสีขาว

ศิลปะอียิปต์ 3,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ชาวอียิปต์มีศาสนาและพิธีกรรมอันซับซ้อน แทรกซึมอยู่เป็น วัฒนธรรมอยู่ในสังคมเป็นเวลานาน มีการนับถือเทพเจ้าที่มีลักษณะอันหลาก หลาย ดังนั้น งานจิตรกรรม ประติมากรรม และ สถาปัตยกรรมส่วนมากจึงเป็น เรื่องเกี่ยวกับศาสนา พิธีกรรม โดยเฉพาะพิธีฝังศพ ซึ่งมีความเชื่อว่าเมื่อตายแล้ว จะยังมีชีวิตอยู่ในโลกใหม่ได้อีก จึงมีการรักษาศพไว้อย่างดี และนำาสิ่งของเครื่อง ใช้ที่มีค่าของผู้ตายบรรจุตามลงไปด้วย จิตรกรรม เป็นภาพที่เขียนไว้บนฝาผนังสุสานและวิหารต่าง ๆ สีที่ใช้ เขียนภาพ ทำาจากวัสดุทางธรรมชาติ ได้แก่เขม่าไฟ สารประกอบทองแดง หรือสีจากดินแล้ว นำามาผสมกับน้ำาและยางไม้ ลักษณะของงานจิตรกรรมเป็นงานที่เน้นให้เห็นรูป ร่างแบน ๆ มีเส้นรอบ นอกที่คมชัด จัดท่าทางของคนแสดงอิริยาบถต่าง ๆ ในรูป สัญลักษณ์มากกว่าแสดงความเหมือนจริงตามธรรมชาติ
และคนทั้งหลาย
สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมอียิปต์ ใช้ระบบโครงสร้างเสาและคาน แสดงรูป ทรงที่เรียบง่ายและ แข็งทื่อ ขนาดช่องว่างภายในมีเล็กน้อยและต่อเนื่องกันโดย ตลอด สถาปัตยกรรมสำาคัญของชาวอียิปต์ได้แก่ สุสานที่ฝังศพ ซึ่งมีตั้งแต่ของ ประชาชนธรรมดาไปจนถึงกษัตริย์ ซึ่งจะมีความวิจิตร พิสดาร ใหญ่โตไปตาม ฐานะ และอำานาจ ลักษณะของการสร้างสุสานที่เป็นสถาปัตยกรรมสำาคัญแห่ง ยุคก็คือ พีระมิด พีระมิดในยุคแรกเป็นแบบขั้นบันได หรือเรียกว่า มัสตาบา ต่อมามีการพัฒนา รูปแบบวิธีการก่อสร้างจนเป็นรูปพีระมิดที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีการสร้างวิหารเทพเจ้า เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมของนักบวช และวิหารพิธีศพ เพื่อใช้ประกอบพิธีศพ ในสมัยอาณาจักรใหม่ วิหารเหล่านี้มี ขนาดใหญ่โต และสวยงาม ทำาจากอิฐและหิน ซึ่งนำารูปแบบวิหารมาจากสมัย อาณาจักรกลางที่เจาะเข้าไปในหน้าผา บริเวณหุบผากษัตริย์และ หุบผาราชินี ซึ่งเป็นบริเวณที่มีสุสานกษัตริย์และราชินีฝังอยู่เป็นจำานวนมาก

Greek Art

Roman Art

น้ำาตาลผสมบาง

แต่บางทีก็มีสีขาว และสีอื่น ๆ ร่วมด้วย เทคนิคการใช้รูปร่างสีดำา ระบายพื้นหลัง

เป็นสีแดงนี้ เรียกว่า "จิตรกรรมแบบรูปตัวดำา" และทำากันเรื่อยมาจนถึงสมัยพุทธ

ศตวรรษที่ 1 มีรูปแบบใหม่ขึ้นมา คือ "จิตรกรรมแบบรูปตัวแดง"โดยใช้สีดำาอม

น้ำาตาลเป็นพื้นหลังภาพ ตัวรูปเป็นสีส้มแดง หรือสีน้ำาตาลไม้ ตามสีดินของพื้น

แจกัน

ประติมากรรม

ส่วนมากเป็นเรื่องศาสนา ซึ่งสร้างถวายเทพเจ้าต่าง

ยังมีภาพประดับด้วยเศษหินสี (งานโมเสก)

ทั้งบนพื้นและผนังอาคาร

ซึ่งชาวโรมันเป็นชาติแรกที่ใช้คอนกรีต

ศิลปะกรีก 750 ปีก่อน ค.ศ. - 300 ปีก่อนค.ศ. ชาวกรีกมีความเชื่อว่า "มนุษย์เป็นมาตรวัดสรรพสิ่ง" ซึ่งความเชื่อนี้ เป็นรากฐาน ทางวัฒนธรรมของชาวกรีก เทพเจ้าของชาวกรีกจะมีรูปร่างอย่าง มนุษย์ และไม่มีความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายเหมือนชาวอียิปต์ ดังนั้น จึง ไม่มีสุสานหรือพิธี ฝังศพที่ซับซ้อนวิจิตรเหมือนกับชาวอียิปต์ จิตรกรรม รู้จักกันดีก็มีแต่ภาพวาดระบายสีตกแต่งผิวแจกันเท่านั้น ที่ชาวกรีก นิยมทำามาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 1 เป็นภาพที่มีรูปร่างที่ถูกตัดทอนรูปจน ใกล้ เคียงกับรูปเรขาคณิต มีความเรียบง่ายและคมชัด สีที่ใช้ได้แก่ สีดินคือเอาสีดำา อม
ๆ ระบายสีเป็นภาพบนพื้นผิวแจกันที่เป็นดินสีน้ำาตาลอมแดง
ๆ วัสดุที่นิยใช้ สร้างงานได้แก่ ทองแดง และดินเผา ในสมัยต่อมานิยมสร้างจาก สำาริด และหิน อ่อนเพิ่มขึ้น ในสมัยแรก ๆ รูปทรงยังมีลักษณะคล้ายรูปเรขาคณิต อยู่ต่อมาใน สมัยอาร์คาอิก (200 ปีก่อน พ.ศ.) เริ่มมีลักษณะคล้ายกับมนุษย์มากขึ้น เป็นเรื่อง ราวเกี่ยวกับ เทพเจ้า รูปนักกีฬา รูปวีรบุรุษ รูปสัตว์ต่าง ๆ ในยุคหลัง ๆ รูปทรง จะมีความเป็น มนุษย์มากขึ้น แสดงท่าทางการเคลื่อนไหวที่สง่างาม มีการ ขัด ถูผิวหินให้เรียบ ดูคล้ายผิวมนุษย์ มีลีลาที่เป็นไปตามธรรมชาติมากขึ้น ทำาให้ ประติมากรรมกรีก จัดเป็นยุคคลาสสิก ที่ให้ความรู้สึกในความงามที่เป็นความ จริงตามธรรมชาตินั่นเอง สถาปัตยกรรม ใช้ระบบโครงสร้างแบบเสาและคาน เช่นเดียวกับอียิปต์ มีแผนผังเป็น รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า จากฐานอาคารซึ่งยกเป็นชั้น ๆ ก็จะเป็นฝาผนัง โดยปราศจาก หน้าต่าง ซึ่งจะกั้นเป็นห้องต่าง ๆ 1 3 ห้อง ปกติสถาปนิกจะสร้างเสารายล้อม รอบอาคารหรือสนามด้วย มีการสลับช่วงเสากันอย่างมีจังหวะระหว่างเสากับ ช่องว่างระหว่างเสา ทำาให้พื้นภายนอกรอบ ๆ วิหารมีความสว่าง และมีรูปทรง เปิด และมีขนาดเหมาะสม ไม่ใหญ่โตจนเกินไป มีรูปทรงเรียบง่าย ศิลปะโรมัน พ.ศ. 340 - พ.ศ. 870 ศิลปะโรมันปรากฏลักษณะชัดเจนในช่วงพุทธศตวรรษที่ 4 เรื่อยมา จนกระทั่งประมาณ พ.ศ. 1040 โดยในช่วงเวลาหลังได้เปลี่ยนสาระเรื่องราวใหม่ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ สืบต่อมาเป็นเวลาอีกนานมาก จนกระทั่งเมื่อ กรุงคอนสะแตนติโนเปิลได้กลายเป็นเมืองหลวงใหม่ของจักรวรรดิโรมัน ในปี พ.ศ. 870 ทำาให้สมัยแห่งโรมันต้องสิ้นสุดลง แหล่งอารยธรรมสำาคัญของโรมัน คือ อารยธรรมกรีกและอีทรัสกัน จิตรกรรม อาศัยจากการค้นคว้าข้อมูลจากเมืองปอมเปอี สตาบิเอ และ เฮอร์คิว เลนุม ซึ่งถูกถล่มทับด้วยลาวาจากภูเขาไฟวิสุเวียส เมื่อ พ.ศ. 622 และถูกขุดค้น พบในสมัยปัจจุบัน จิตรกรรมฝาผนังประกอบด้วยแผงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งมัก เลียนแบบหินอ่อน เป็นภาพทิวทัศน์ ภาพคน และภาพเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม มี การใช้แสงเงา และกายวิภาคของมนุษย์ชัดเจน เขียนด้วยสีฝุ่นผสมกับกาวน้ำาปูน และสีขี้ผึ้งร้อน นอกจากการวาดภาพ
ซึ่งใช้กันอย่างกว้างขวาง
สถาปัตยกรรม อาคารต่าง ๆ ส่วนมากเป็นรูปทรงพื้นฐาน วัสดุที่ใช้สร้างอาคารได้แก่ ไม้ อิฐ ดินเผา หิน ปูน และคอนกรีต
อย่างกว้างขวาง และพัฒนารูปแบบออกจากระบบเสาและคาน ไปสู่ระบบ โครงสร้างวงโค้ง หลังคาทรงโค้ง หลังคาทรงกลมลอยได้ และหลังคาทรงโค้ง กากบาท ชาวโรมันมักจะเพิ่มการตกแต่งลงไป โดยไม่คำานึงถึงประโยชน์ทาง โครงสร้างเท่าไรนัก ลำาเสาของกรีกจะเป็นท่อน ๆ นำามาวางซ้อนต่อกันขึ้นไป แต่ เสาของโรมันจะเป็นเสาหินแข็งสูงใหญ่ท่อนเดียวตลอด

Byzantine Art

แสดงรูปคนกำาลัง

สวดมนต์ และภาพปาฏิหาริย์ตอนสำาคัญของพระผู้เป็นเจ้าที่นำามาจากพระคัมภีร์

เก่าและใหม่ หนังสือในสมัยแรก ๆ ทำามาจากหนังสัตว์และเป็นหนังสือม้วน

ภาพประกอบเรื่องในหนังสือแสดงให้เห็นความเป็นธรรมชาติ

เชิงสัญลักษณ์มากกว่าจะเป็นธรรมชาติแท้ ๆ ลักษณะของภาพเป็นรูปแบนและ

เป็นการใช้สีอย่างประหลาด

ศิลปะไบแซนไทน์ พ.ศ. 1040–1996 ศิลปะของรัฐที่นับถือนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ซึ่งอยู่ในระยะเวลา เดียวกับอาณาจักรไบแซนไทน์แต่มิได้เป็นอยู่ใต้การปกครองของอาณาจักรไบ แซนไทน์ ศิลปะของผู้นับถือนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ที่อาศัยอยู่ในจักรวรรดิ ออตโตมันมักจะเรียกว่า ศิลปะหลังไบแซนไทน์ ศิลปะไบแซนไทน์บางลักษณะ ที่เริ่มจากอาณาจักรไบแซนไทน์โดยเฉพาะการเขียนภาพแบบที่เรียกว่า "รูป สัญลักษณ์" และสถาปัตยกรรมการสร้างศาสนสถานยังคงทำากันอยู่จนถึงปัจจุบัน นี้ในประเทศกรีซ ประเทศรัสเซีย และบางประเทศที่อยู่ในเครืออีสเติร์นออร์โธด็ อกซ์ จิตรกรรม ทำาบนฝาผนังและแผงไม้ ตลอดจนทำาเป็นภาพประกอบเรื่องใน หนังสือ เขียนด้วยสีฝุ่น สีขี้ผึ้งร้อน และสีปูนเปียกอย่างแห้ง
โดยแก้ไขให้เป็น
ๆ สถาปัตยกรรม อาคารในสมัยแรกนั้นจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ถูกฆ่าเรื่องศาสนา วิหาร พิธีเจิมน้ำามนต์ ผนังภายนอกอาคารจะถูกปล่อยไว้เรียบ ๆ ทื่อ ๆ ผนัง ภายในอาคารจะประดับด้วยเศษหินสีแวววาว ส่วนต่าง ๆ ของอาคาร เช่น เสาราย แบบโรมัน เสาก่ออิฐ หลังคาทรงโค้ง แผนผังอาคารมี 2 แบบ คือ แบบชนิดตาม ยาว และแบบชนิดศูนย์กลาง ซึ่งมีรากฐานมาจากสถาปัตยกรรมโรมัน อาคารที่ มีแนวยาวเหมาะสำาหรับขบวนพิธีการที่สง่างาม อาคารชนิดมีศูนย์กลาง สำาหรับ เป็นสถูปสถานของนักบุญคนสำาคัญ แต่ต่อมานิยมสร้างโบสถ์แบบมีศูนย์กลาง กันมาก อาคารแบบมีศูนย์กลางอาจมี หลายรูปทรง เช่น ทำาเป็นรูปทรงไม้กางเขน กรีก อยู่ภายในรูปจัตุรัส หรือไม่ก็รูปวงกลม โบสถ์ที่มีผังชนิดมีศูนย์กลางมักทำา หลังคาทรงโค้ง หรือทรงกลมด้วย อิฐหรือหิน อาคารทรงเรือนโถงขนาดใหญ่มัก ทำาเครื่องบนหลังคาด้วยไม้ท่อน

Gothic Art

ศิลปะกอธิค พ.ศ. 1690 - 1940 เริ่มต้นจากฝรั่งเศสและแพร่หลายไปยังประเทศอื่น ๆ และมีลักษณะ ตามภูมิภาคนั้น ๆ ด้วย ลักษณะสำาคัญของสถาปัตยกรรมมีผนังเปิดกว้าง มี ส่วนสูงเด่นเป็นพิเศษและมีแบบที่ออกมาเป็นลายเส้นอันซับซ้อน ทุกส่วนล้วน ประกอบเข้าด้วยกันเป็นสัญลักษณ์นิยม ทางศาสนา โครงสร้างหลังคาเป็นโค้ง แหลม จิตรกรรม มีพื้นที่เขียนภาพบนฝาผนังน้อยลง เพราะสถาปัตยกรรม มีช่องเปิด มากดังนั้นจึงมักเน้นไปที่การออกแบบกระจกสีบานหน้าต่าง สำาหรับการเขียน ภาพในหนังสือเขียน มักจะแสดงรูปคนที่สะโอดสะองในชุดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่พลิ้ว และโค้งไหวอย่างอ่อนช้อย การประดับกระจกสี ศิลปะที่เด่นแทนรูปเขียน ของ ศิลปะโกธิค คือ การประดับกระจกสีตามช่องประตู และหน้าต่างทำาเป็นลวดลาย ต่างๆ รวมกันอยู่ภายในกรอบ เมื่อดูภาพจากช่องที่มีแสงสว่างผ่าน ก็จะคล้ายกับ รูปภาพนั้นเขียนด้วยแก้วสีทั้งหมด สถาปัตยกรรม มีผนังเปิดกว้าง มีส่วนสูงเด่นเป็นพิเศษและมีแบบที่ออกมา เป็นลาย เส้นอันซับซ้อนทุกส่วนล้วนประกอบเข้าด้วยกันเป็นสัญลักษณ์นิยมทางศาสนา โครงสร้างหลังคาเป็นโค้งแหลม

Renaissance Art

ศิลปะสมัยฟืนฟูศิลปวิทยา พ.ศ.1940 2140 เมื่อสงครามครูเสดนำาความเปลี่ยนแปลงมาสู่ยุโรปตะวันตกอย่าง ใหญ่หลวง ระบอบการปกครองแบบศักดินาก็หมดสิ้นไป แว่นแคว้นต่าง ๆ ได้ เป็นอิสระ ศิลปินได้นำาเอาแบบอย่างศิลปะชั้นสูงในสมัยกรีกและโรมันมาสร้าง สรรค์ได้อย่างอิสระเต็มที่ ลักษณะอาคารมีประตูหน้าต่างเพิ่มมากขึ้น ประดับ ตกแต่งภายในด้วยภาพจิตรกรรมและประติมากรรมอย่างหรูหรา สถาปัตยกรรม ที่ยิ่งใหญ่ในสมัยนั้นฟื้นฟูศิลปวิทยา คำาว่า "เรอแนซ็องส์" หมายถึง การเกิดใหม่ ซึ่งเป็นการระลึกถึงศิลปะ กรีกและโรมันในอดีต ซึ่งเคยรุ่งเรืองให้กลับมาอีก ศิลปะเรอแนซ็องส์ไม่ใช่การ ลอกเลียนแบบจากอดีต แต่เป็นยุคสมัยแห่งการเน้นความสำาคัญของลักษณะ เฉพาะบุคคล มีความสนใจลักษณะภายนอกของมนุษย์ และ ธรรมชาติ เป็น แบบที่มีเหตุผลทางศีลธรรม ก่อให้เกิดความกระตือรือร้นในการค้นหาความรู้ ทาง วิทยาศาสตร์ และวิทยาการแขนงต่าง ๆ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น "สมัยฟื้นฟู ศิลปวิทยา" โดยมีรากฐานมาจากประเทศอิตาลี และแผ่ขยายไปยังดินแดนต่าง ๆ ในยุโรป

Baroque Art Rococo Art

เพี่มขึ้น แทนที่จะสร้างศิลปะเฉพาะผู้มีการศึกษาเท่านั้น การใช้ศิลปะเพื่อศาสนา

ทำางานอยู่ที่กรุงโรมในระยะนั้นซึ่งเน้นการประเทืองปัญญา

ทางอารมณ์และความรู้สึก และทางนาฏกรรม (dramatic presentation) จุดมุ่ง หมายคือทำาให้ผู้ดูเข้าใจศิลปะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องตีความหมายที่ศิลปินแอบแฝง เอาไว้

บาโรก สมัยหนึ่งของศิลปะตะวันตกซึ่งเริ่มประมาณต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี บาโรกจะเน้นความเป็นนาฏกรรม ศิลปะจะแสดงความ ขัดแย้งและความหรูหรา โอ่อ่า บาโรกเป็นลักษณะของ ประติมากรรม จิตรกรรม วรรณกรรม นาฏศิลป์ และดนตรี ถ้ากล่าวถึงดนตรีแบบบารอกก็จะหมายถึงสมัย สุดท้ายของเคาน์เตอร์พ็อยต์ ที่กล่างวถึงความสัมพันธ์ของการเล่นระหว่างเสียง หรือเครื่องดนตรีมากกว่าสองชนิดที่อาจจะสะท้อนกันและกัน แต่คนละระดับ เสียง หรือบางครั้งก็อาจจะสลับเสียงสะท้อน หรือไม่อีกทีก็อาจจะย้อนแก่นสาร ของดนตรีชิ้นนั้นไปเลย ศิลปะแบบบาโรกเริ่มมีความนิยมกันครั้งแรกเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 หลังจากการประชุมแห่งเมืองเทรนต์ ทางที่ประชุมเรียกร้องให้ศิลปินเปลี่ยน แนวคิดในการสร้างศิลปะ โดยให้สร้างจิตรกรรมและประติมากรรมทางศาสนา เพื่อคนไร้การศึกษา เพื่อให้คนเหล่านี้มีความเข้าใจในศาสนาและมีความศรัทธา
มีอิทธิพลเริ่มมาจากผลงานของ การาวัจโจ และ พี่น้องการ์รัชชี ทั้งสองกลุ่มนี้
มาเป็นศิลปะที่เน้น
นอกจากนั้นเข้าใจแล้วยังเกิดความสะเทือนอารมณ์ เนื้อหาของศิลปะแบบ บาโรกมักจะเอามาจากเรื่องของวีระชนต่าง ๆ โรโกโก ศิลปะโรโกโกเริ่มขึ้นจากศิลปะการตกแต่งและศิลปะการตกแต่ง ภายใน ในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส เมื่อปลายรัชสมัยการ ตกแต่งอย่างหรูหราแบบโรโกโกก็เริ่มเบาขึ้น มีเส้นโค้งมากขึ้น และลวดลายเริ่ม เป็นธรรมชาติมากขึ้น ศิลปะโรโกโกยังรักษาลักษณะบางอย่างของศิลปะบาโร กเช่นความซับซ้อนของรูปทรง และความละเอียดลออของลวดลาย แต่สิ่งที่โร โกโกจะแตกต่างกับบาโรกคือจะผสมผสานลักษณะอย่างอื่นเข้ามาด้วย รวมทั้ง ศิลปะจากทางตะวันออกโดยเฉพาะจากจีนและญี่ปุ่น และองค์ประกอบจะขาด ความสมดุล ศิลปะโรโกโกเริ่มพัฒนามาจากศิลปะฝรั่งเศส และการตกแต่งภายใน เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 18 ห้องที่ออกแบบแบบโรโกโกจะเป็น เอกภาพ คือทุกสิ่ง ทุกอย่างในห้อง ไม่ว่าจะเป็นผนัง เครื่องเรือน หรือเครื่องประดับ จะออกแบบ เพื่อให้กลมกลืนกันอันหนึ่งอันเดียวกันมิใช่จะอิสระต่อกัน คือไม่มีสิ่งใดในห้อง นั้นที่นอกแบบออกมา ภายในห้องจะมีเครื่องเรือนที่หรูหราและอลังการ รูปปั้น เล็ก ๆ แบบประดิดประดอย ภาพเขียนหรือกระจกก็จะเป็นกรอบลวดลาย และ พรมแขวนผนัง ที่ถ้าแยกอะไรออกมาก็จะทำาให้ห้องนั้นไม่สมบูรณ์แบบ ศิลปะ โรโกโกถูกแทนที่ด้วยสถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิกในเวลาต่อมา

Impressionism Art

Post-Impressionism Art

เพื่อที่จะลอกเลียนแสงที่แปรเปลี่ยนอยู่เสมอในมุมมองต่าง

ภาพวาดแบบลัทธิ

ประทับใจ ประกอบด้วยการตวัดพู่กันแบบเป็นเส้นสั้น ๆ ของสีซึ่งไม่ได้ผสม

หรือแยกเป็นสีใดสีหนึ่ง ซึ่งได้ให้ภาพที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและมีชีวิตชีวา พื้น ผิวของภาพวาดนั้นมักจะเกิดจากการระบายสีแบบหนา ๆ ซึ่งทำาให้พวกเขาแตก ต่างจากนักเขียนยุคเก่าที่จะเน้นการผสมผสานสีอย่างกลมกลืนเพื่อให้ผู้อื่นคิดว่า กำาลังมองภาพวาดบนแผ่นแฟรมให้น้อยที่สุด

อิมเพรสชันนิซึม เป็นขบวนการศิลปะที่เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งเริ่มต้นจาก การรวมตัวกันอย่างหลวม ๆ ของจิตรกรทั้งหลายที่มีนิวาสถานอยู่ในกรุงปารีส พวกเขาเริ่มจัดแสดงงานศิลปะในช่วงทศวรรษที่ 1860 ชื่อของขบวนการนี้มี ที่มาจากภาพวาดของโกลด มอแน ที่มีชื่อว่า Impression, Sunrise และนักวิจารณ์ ศิลปะนามว่าหลุยส์ เลอรัว ก็ได้ให้กำาเนิดคำาคำานี้ขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจในบท วิจารณ์ศิลปะเชิงเสียดสีซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เลอชารีวารี อิทธิพลของลัทธิ ประทับใจยังแผ่ออกจากวงการศิลปะไปยังดนตรีและวรรณกรรม ลักษณะของ ภาพวาดแบบลัทธิประทับใจคือการใช้พู่กันตวัดสีอย่างเข้ม ๆ ใช้สีสว่าง ๆ มีส่วน ประกอบของภาพที่ไม่ถูกบีบ เน้นไปยังคุณภาพที่แปรผันของแสง (มักจะเน้นไป ยังผลลัพธ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเวลา) เนื้อหาของภาพเป็นเรื่องธรรมดา ๆ และมีมุมมองที่พิเศษ ฉีกกรอบการวาดที่มาตั้งแต่อดีต พวกเขาจึงได้ชื่อว่าเป็น พวกขบถ พวกเขาได้วาดภาพจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในปัจจุบันให้ดูประหลาดและ ไม่สิ้นสุดสำาหรับสาธารณชนที่มาดูงานของพวกเขานักวาดแนวนี้ปฏิเสธที่จะนำา เสนอความงามในอุดมคติ และมองไปยังความงามที่เกิดจากสิ่งสามัญแทน พวก เขามักจะวาดภาพกลางแจ้ง มากกว่า ในห้องสตูดิโอ อย่างที่ศิลปินทั่วไปนิยมกัน
องค์ประกอบของลัทธิประทับใจ ยังถูกทำาให้ง่ายและแปลกใหม่ และจะเน้นไปยังมุมมองแบบกว้าง ๆ มากกว่าราย ละเอียด โพสต์อิมเพรสชันนิซึม เกิดขึ้นทางเหนือของยุโรป โดยที่ศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเยอรมัน ศิลปะแบบโพสต์ อิมเพรสชันมิสม์จะมุ่งการแสดงออกทางความรู้สึก อารมณ์ จิตวิญญาณมากกว่ามุ่งนำาเสนอความเป็นจริงทางวัตถุ สื่อผ่านการใช้สีที่รุนแรง และเกินความเป็นจริงโดยเน้นความพอใจของศิลปินเป็นหลัก ไม่ยึดถือกฎเกณฑ์ และธรรมเนียมใด ๆ ในอดีตเลย สีที่ใช้นั้นจะสื่อถึงพลังที่ถูกบีบคั้นบังคับกดดัน ที่อยู่ในความรู้สึกนึก คิดของจิตใจคน เป็นการปดปล่อยอารมณ์ผ่านสีและฝีแปรง ที่ให้ความรู้สึกที่รุนแรงกดดัน ฝีแปรงที่อิสระ จิตรกรลัทธิประทับใจยุคหลังมี ความไม่พึงพอใจต่อความจำากัดของหัวเรื่องที่วาดของศิลปะลัทธิประทับใจ และ แนวความคิดของปรัชญาที่เริ่มจะสูญหายไปของขบวนการเขียนของลัทธิประทับ ใจ แต่จิตรกรกลุ่มนี้ก็มิได้มีความเห็นพ้องกันถึงทิศทางใหม่ที่ควรจะดำาเนินต่อ ไปข้างหน้า

Modern Art

ต่อประชาชนทั่วไปอีกด้วย ไม่เพียงแต่รูปแบบที่หลากหลายทางศิลปะเท่านั้นที่

เกิดขึ้น รูปแบบศิลปะสมัยดั้งเดิมก็ยังได้รับความนิยมและสืบทอดต่อกันมาจนถึง

สมัยปัจจุบันด้วย

ศิลปะสมัยใหม่ ศิลปะสมัยใหม่เป็นคำาที่ใช้เรียกการสร้างงานศิลปะตั้งแต่ช่วงปลาย คริสต์ศตวรรษที่ 19 จนถึงประมาณคริสต์ทศวรรษ 1970 (สำาหรับการสร้างงาน ศิลปะเมื่อไม่นานมานี้ มักจะเรียกว่า ศิลปะร่วมสมัย หรือ ศิลปะหลังสมัยใหม่) โดยการเป็นงานที่มีลักษณะเป็นสากลและเป็นแบบอย่างของแต่ละบุคคลมากว่า ที่จะเป็นแบบอย่างศิลปะแห่งแคว้นซึ่งเป็นแบบที่มีความแตกต่างกันจนยากที่จะ กล่าวอย่างผิวเผินได้ วัสดุและเทคนิคใหม่ ๆ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งผลผลิตของเครื่องจักรกลได้สะท้อนไปสู่งานศิลปะทำาให้ รูปแบบของศิลปะมีความหลายหลายมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันความรู้ทางด้าน จิตวิทยาและฟิสิกส์ได้จัดแจงรูปแบบความคิดของศิลปินที่มีต่อมนุษย์และโลก ทางกายภาพขึ้นใหม่ จึงเป็นรูปแบบเฉพาะของศิลปินแต่ละคนเน้นความเป็นตัว ของตัวเองของศิลปินแต่ละกลุ่มซึ่งมีมากมายหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็มีแนวคิด เทคนิค วิธีการที่แตกต่างกันออกไปอย่างหลากหลาย บ้างก็ สะท้อนสภาพสังคม บ้างก็ แสดงมุมมองบางอย่างที่แตกต่างออกไป บ้างก็ แสดงภาวะทางจิตของ ศิลปินและกลุ่มชน บ้างก็ แสดงความประทับใจในความงามตามธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ซึ่งได้มีการนำาเอาวัสดุอุปกรณ์แบบใหม่ ๆ รวมถึงเครื่องจักรกลเข้า มาใช้ในการสร้างสรรค์งานมากขึ้น การบริโภค หรือการสนับสนุนงานศิลปะ ไม่ จำากัดอยู่ที่ชนชั้นสูง ขุนนาง หรือผู้ร่ำารวยอย่างแต่ก่อนเท่านั้น แต่ยังตอบสนอง

Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.