DAMT syndrome sample

Page 1

บทโหมโรงแห่ งความวิบตั ิ The Overture of Disaster ตอนที่ 1 ตัวอย่ าง | Sample


“อุบ๊ะ บ้ าจริง” สตีเฟนสบถเสียงดังแต่ไม่มี ใครได้ ยิน เขายกมือขึ ้นปิ ดปากตัวเอง “อดทนหน่อยพวกเรา ใกล้ จะถึงแล้ ว ห่างไป แค่ยี่สิบหลาเอง” โจเซฟบอกกับลูกศิษย์แล้ วเดิน นาขบวนไปยังศูนย์วิจยั ชัว่ คราวกลางลานน ้าแข็ง เบื ้องหน้ าของพวกเขามีป้ายแผ่นใหญ่ตงตระหง่ ั้ าน เขียนว่า “ศูนย์ วิจัยผลกระทบสภาวะโลกร้ อน ต่ อขั้วโลกเหนือ – ยินดีต้อนรั บสู่อาร์ คติก” ชายหญิงสีค่ นสวมชุดกันหิมะเดินตามกันเป็ น แนวท่ามกลางพายุหิมะที่รุนแรงจนมองพื ้นเบื ้อง หน้ ายังไม่เห็น คนที่เดินนาหน้ ามีสายเชือกคาดเอว และโยงไปยังคนที่เดินตามเป็ นทอด ๆ เพื่อให้ แต่ ละคนไม่หลงทาง โจเซฟเปิ ดประตูเข้ าไปใน


ศูนย์วิจยั กลางขัวโลกแล้ ้ วก้ าวเข้ าไปในอาคาร ลูก ศิษย์ของเขาอีกหลายคนทยอยเดินตามเข้ าไป เมื่อประตูปิดลง โจเซฟก็ถอดแว่นกันหิมะและ รูดผ้ าพันปากลงแล้ วก็หนั กลับมาคุยกับลูกทีม “ทุกคนเป็ นไงกันบ้ าง” โจเซฟถามลูกศิษย์ทกุ คน “รู้สกึ เหมือนได้ ขึ ้นสวรรค์เลยครับจารย์ฯ ซื ้ด ...ฮ่าห์ สวรรค์แท้ ๆ” มิเกลปลดกระเป๋ าใบใหญ่ลง จากหลัง วางอุปกรณ์ถ่ายภาพชุดใหญ่ลงกับพื ้น แล้ วยืนพิงกาแพง เขาหยิบซองบุหรี่ ขึ ้นมาจุดแล้ ว สูดมะเร็งเข้ าเต็มปอด ขณะเดียวกันก็ถอดแว่นลุย หิมะและหมวกโม่งให้ ใบหน้ าหล่อเหลาแนวเกาหลี ของเขาสัมผัสกับความอบอุน่ ภายในสถานีวิจยั


“สบายมากค่ะศาสตราจารย์ จะสบายกว่านี ้ ถ้ าไม่มีไอ้ บ้านี่คอยเดินสะดุดอยู่ตรงหน้ า ตลอดเวลา” นาตาชาวางเครื่ องมือเจาะน ้าแข็ง ขนาดพกพาลงกับพื ้น จากนันก็ ้ ถอดหมวกไหม พรมแล้ วสะบัดผมสีทองแดงของเธอให้ เข้ าทรง โจเซฟเดินเข้ าไปคว้ าบุหรี่ ออกจากมือมิเกล แล้ วดับมันกับถุงมือของเขา “ที่นี่ห้ามสูบบุหรี่ ” โจเซฟพูดใส่หน้ ามิเกล “น่าเสียดายผมไม่ได้ พกกัญชามานะครับ” มิ เกลยักไหล่แล้ วยิ ้มกวนประสาท “สตีเฟน เป็ นอะไรไป” ศาสตราจารย์โจเซฟ สังเกตเห็นความผิดปกติของสตีเฟน


“ปากแตกน่ะครับศาสตราจารย์ ไม่มีอะไร หรอก” สตีเฟนยกมือออกจากปากตัวเองแล้ วเลือด ก็ไหลออกจากริ มฝี ปากของเขา ดูเหมือนความเย็น ของพายุหิมะจะทาให้ ปากของเขาแตก เขาไม่ได้ สวมหมวกโม่งปิ ดปากเหมือนมิเกลและไม่ได้ มี ร่างกายที่ทนทานต่อความหนาวเย็นตามธรรมชาติ เหมือนสาวสายเลือดรัสเซียอย่างนาตาชา เขาเป็ น แค่เด็กเทกซัสที่บงั เอิญเบื่อความร้ อนของบ้ านเกิด เลยมาลงเรี ยนวิชาสารวจอาร์ คติก “ปากแตกก็ไปห้ องพยาบาลสิ เคยสอนแล้ วไง ว่าที่ขวโลกนี ั้ ่ปากแตกก็ตายได้ นะ อย่าประมาท เชียว แล้ วเจอกันตอนเวลาอาหารเย็น มิเกลเอาก ล้ องไปให้ ดอกเตอร์ นภวดีด้วย” โจเซฟสัง่ สอน นักเรี ยนของตัวเองก่อนที่จะแยกไปที่ห้องพัก


“เออ ไปห้ องพยาบาลสิสตีเฟน ปากแตกตาย ได้ เลยนะโว้ ย อย่าเพิ่งรี บตายก่อนใช้ หนี ้บอลข้ า ล่ะ” มิเกลตะโกนแซวสตีเฟนที่กาลังลากกระเป๋ า ไปห้ องพยาบาล สตีเฟนไม่หนั กลับมามองมิเกล เขาแค่ยกมือขวาขึ ้นมาชูนิ ้วกลางให้ พร้ อมหัวเราะ “เอ้ า นายว่างขนาดไปแซวเขาได้ เลยเรอะมิ เกล กล้ องน่ะมันเดินไปหาดอกเตอร์ นภวดีเอง ไม่ได้ หรอกนะ” นาตาชาชี ้ที่ชดุ อุปกรณ์เก็บภาพอัน เป็ นงานของมิเกล “คร้ าบ ๆ” มิเกลตอบแล้ วแบกชุดกล้ องขึ ้น ไหล่ไปส่งยังห้ องวิจยั ที่นี่ขวโลกเหนื ั้ อ ทีมวิจยั ร่วมจาก มหาวิทยาลัยชันน ้ าของอเมริกามาตังสถานี ้ วิจยั อยูท่ ี่นี่เพื่อศึกษาผลกระทบจากภาวะโลกร้ อนที่มี


ต่อสภาพแวดล้ อมของขัวโลกเหนื ้ อ ศาสตราจารย์โจเซฟเป็ นหนึง่ ในผู้เชี่ยวชาญด้ าน ทวีปอาร์ คติก เขานานักศึกษาสาขาวิชาการสารวจ ทวีปอาร์ คติกมาเข้ าร่วมศูนย์วิจยั ในฐานะผู้เก็บ ข้ อมูลภาคสนาม โจเซฟนัง่ ลงหน้ าเครื่ องคอมพิวเตอร์ ของเขา แล้ วเสียบสายโอนถ่ายข้ อมูลจากเครื่ องเซ็นเซอร์ ตรวจวัดความหนาของชันน ้ ้าแข็งที่เขาและลูก ศิษย์ออกไปรวบรวมข้ อมูลมาเพื่อส่งข้ อมูลต่อไป ให้ ทีมวิเคราะห์ข้อมูลที่วอชิงตัน จากนันเขาก็ ้ เปิ ด โปรแกรมบันทึกเพื่อจดบันทึกประจาวัน “วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2012: ออกไปสารวจ ระดับความหนาของชันน ้ ้าแข็ง ดูเหมือนว่า มหันต์ ภัยที่พวกเราหวาดกลัวจะมาถึงเร็วกว่าที่เราคิด


แผ่นน ้าแข็งไม่ได้ ละลายเร็วขึ ้นเพียงอย่างเดียว เท่านัน้ เรายังตรวจพบภาวะผิดปกติคล้ าย ฟองอากาศในชันน ้ ้าแข็งอีกด้ วย ฟองอากาศพวก นี ้ทาให้ การคานวณเวลาละลายที่เราทามาตลอด หลายปี ผิดพลาดไปหมด มันทาให้ เกิดช่องว่างและ หมายความว่าเรามีน ้าแข็งน้ อยกว่าที่เรา คาดการณ์ไว้ เราจึงต้ องออกไปสารวจขนาด การ กระจายตัว และรูปทรงของช่องว่างเหล่านัน” ้ บันทึกล่าสุดจบลงที่ตรงนี ้ โจเซฟเปิ ดหน้ า บันทึกใหม่เพื่อลงรายการ “วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2012: วันนี ้ผมพาลูก ศิษย์ออกไปสารวจสภาพฟองอากาศในชันน ้ ้าแข็ง ที่เราตรวจพบ เราเจาะลงไปเพื่อส่งเครื่ องมือเก็บ ตัวอย่าง มันห่างจากพื ้นผิวน ้าแข็งแค่ 12 ฟุต แค่


12 ฟุตเท่านันจริ ้ ง ๆ ภายในเป็ นโพรงผิวเรี ยบโก่ง กลางมีรูปทรงคล้ ายเม็ดถัว่ แดง เราส่งกล้ องลงไป ถ่ายรูปภายในโดยรอบแล้ วกลับมา ระหว่างทาง ดันเจอกับพายุหิมะหลงฤดูทาให้ การเดินทาง ลาบากยากเย็น แต่ด้วยอิทธิฤทธิ์ของพระผู้เป็ นเจ้ า พวกเรากลับมาได้ โดยสวัสดิ์ภาพ ผมยังคาดหวังอย่างสุดซึ ้งว่ามนุษย์จะ ตระหนักถึงความวิกฤติของภาวะโลกร้ อนและ หยุดทาลายโลกของเราโดยเร็ว ศาสตราจารย์ โจเซฟ อาร์ โนล แมคโรบัส” โจเซฟจบบันทึกของเขาด้ วยประโยคเดิมที่เขา ใช้ จบบทบันทึกของเขาในทุก ๆ วัน – “ขอให้ มนุษย์ ตระหนักและหยุดทาลายโลก” – หลังจากนันเขาก็ ้ กดบันทึกข้ อมูลแล้ วลุกจากเก้ าอี ้


ไปนอนบนเตียง พักผ่อนร่างกายหลังจากเดินฝ่ า หิมะมาทังวั ้ น

กลางฤดูหนาวที่ขวโลกเหนื ั้ อแบบนี ้ไม่มีตะวัน ขึ ้น ไม่วา่ มันจะเป็ นกลางวันหรื อกลางคืนนอก ศูนย์วิจยั ก็มืดอยูด่ ี จะมีก็แต่หิมะต้ องแสงดาว เท่านันที ้ ่เป็ นสีขาว เสียงก้ อนน ้าแข็งกระทบกับ ผนังดังสนัน่ ภายนอกศูนย์วิจยั แต่ภายในนันเงี ้ ยบ สนิท จะมีก็แต่เสียงโจเซฟนอนกรนอยูบ่ นเตียงของ เขาจนกระทัง่ มีโทรศัพท์ภายในดังขึ ้น เขาสะดุ้งตื่น ราวกับเพิ่งเห็นฝั นร้ ายมา เขาเอื ้อมมือไปหยิบ หูโทรศัพท์ขึ ้นมาคุย


“ฮัลโหลโจซ นี่อาเหม็ด รี บมาที่ห้องประชุม เดี๋ยวนี ้เลย” “โอเค อาเหม็ด มีอะไรเร่งด่วนขนาดนันเลย ้ หรื อไง?” “มาเถอะน่า โจซ เร็ว ๆ ด้ วย” – แกร๊ ก...ตรู้ด ...ตรู้ด... โจเซฟรี บลุกจากที่นอนแล้ วปิ ดเครื่ องใช้ ไฟฟ้า ภายในห้ องจากนันก็ ้ รุดไปที่ห้องประชุมตามที่อา เหม็ดหมอชาวอินเดียประจาสถานีวิจยั รวมทังยั ้ ง เป็ นเพื่อนร่วมงานวิจยั ของเขาโทรมาบอก เมื่อมาถึงห้ องประชุม โจเซฟเดินผ่านประตู เข้ ามาในห้ องที่เปิ ดไฟสว่างจ้ าทังห้ ้ อง สมาชิกทุก คนของศูนย์วิจยั มารวมกันที่ห้องนี ้ที่ห้องนี ้จนหมด แต่ละคนมีสีหน้ าไม่ดีเอามาก ๆ เมื่อเห็นดังนันโจ ้


เซฟก็พลอยไม่สบายใจไปด้ วย แต่ก่อนที่เขาจะทัน พูดอะไรนันเอง ้ “ตัวอย่างที่คณ ุ เก็บมาเป็ นอะไรที่มหัศจรรย์ มากเลย ศาสตราจารย์แมคโรบัส” นภวดี นักวิทยาศาสตร์ อาร์ คติกจากประเทศไทยพูดขึ ้น “งันเหรอ ้ ผมแค่ไปเก็บภาพจากฟองอากาศ ในชันน ้ ้าแข็งเท่านันเองนะ ้ ไม่เห็นมันจะแปลกเลย นี่ ว่าแต่ สตีเฟนไปไหนล่ะเนี่ย ทาไมไม่เข้ ามา ประชุมล่ะ” โจเซฟถามถึงลูกศิษย์ของตน ...ทังห้ ้ องตกอยูใ่ นความเงียบ... “อะไร” โจเซฟถามพลางยักไหล่แสดงความ สงสัย “เขานัน่ และค่ะ คือตัวอย่าง” นภวดีตอบ


“โจซ นัง่ ลงก่อน ข้ าจะอธิบายให้ ฟัง” อา เหม็ดผู้เป็ นหมอของศูนย์วิจยั และเป็ นนักวิจยั ด้ าน ชีววิทยาในทวีปอาร์ คติกลุกขึ ้นแล้ วไปชงชาแดงมา ให้ โจเซฟ อาเหม็ดกดเปิ ดระบบฉายภาพขึ ้นหน้ าจอของ ห้ องประชุม ปรากฏเป็ นภาพของก้ อนอะไรสัก อย่างใส ๆ และขยับได้ โจเซฟไม่เคยเห็นมันมา ก่อน บนหน้ าจอมีตวั เลขจานวนมากวิ่งไปมาไม่มี หยุด “นั่นอะไรล่ะน่ะ” โจเซฟถาม “ก็นนั่ น่ะสิ อะไรล่ะนั่น” อาเหม็ดตอบด้ วย คาถาม ทาให้ โจเซฟหัวเราะแห้ ง ๆ


“เฮอะ ถ้ าแกไม่ร้ ูแล้ วแกเอามาให้ ข้าดูทาไม ล่ะ อาเหม็ด แล้ วมันเกี่ยวอะไรกับลูกศิษย์ข้าล่ะ สตีเฟนอยูไ่ หน หมายความว่าอย่างไงที่วา่ เขาคือ ตัวอย่าง” โจเซฟทาท่าจะลุกจากโต๊ ะด้ วยความไม่ พอใจ “ใจเย็น ๆ โจเซฟ ตอนนี ้สตีเฟนอยูใ่ นสภาพ โคม่าจากการติดเชื ้ออะไรสักอย่าง ข้ าให้ เขานอน ให้ ห้องปลอดเชื ้อแล้ วจ่ายยาปฏิชีวนะให้ แล้ ว แต่ที่ ข้ าว่าไอ้ น่ ันมันเป็ นอะไรน่ะ เพราะว่าข้ าก็ไม่เคย เห็นมันเหมือนกัน” อาเหม็ดประสานมือไว้ ด้ านหน้ าของเขาแล้ ววางศอกบนโต๊ ะ “ไม่เคยเห็น อย่าบอกนะว่า...” โจเซฟอ ้าอึ ้ง เมื่อได้ ยินอาเหม็ดพูดแบบนัน้


“ใช่แล้ ว” อาเหม็ดตอบแล้ วหันไปมองภาพบน เครื่ องฉาย “เราเจอของที่เราไม่ควรจะเจอที่นี่ มัน คือบางสิ่งที่เราไม่เคยเจอมาก่อนตลอด ประวัติศาสตร์ ของมนุษยชาติกว่าแปดพันปี ” “เราเจอพวกมันติดมากับถุงมือของสตีเฟนค่ะ นอกจากนันเรายั ้ งเจอพวกมันติดมากับอุปกรณ์ ถ่ายภาพของศาสตราจารย์ด้วย ไม่ทราบว่า ศาสตราจารย์พอจะคิดออกไหมคะว่ามันน่าจะมา จากที่ไหน” นภวดีถาม “หมอนัน่ เป็ นคนเก็บกล้ องไงครับจารย์ฯ” มิ เกลแทรกเข้ ามา “ใช่แล้ ว กล้ องที่เราเอาไปนันเราใช้ ้ มนั ถ่ายรูป ภายในฟองอากาศใต้ ชนน ั ้ ้าแข็ง สตีเฟนเป็ นคนดึง


กล้ องนัน่ กลับขึ ้นมา...แล้ วก็...” โจเซฟมองไปทาง มิเกล มิเกลชี ้หน้ าตัวเอง “ผมเป็ นคนถือมันกลับมา” “มิเกล ตามฉันมาที่ห้องพยาบาลหน่อย เดี๋ยวนี ้เลย” อาเหม็ดลุกขึ ้นทันที ทาให้ มิเกลตัวสัน่ “ผม...ผมติดเชื ้อไอ้ อะไรนัน่ เหมือนสตีเฟน เหรอ” มิเกลถาม “ใจเย็น ๆ มิเกล เป็ นลูกผู้ชายหน่อยสิ เรายัง ไม่ร้ ูเลยว่ามันทาอะไรได้ ” นาตาชาพูด “ไม่ร้ ูอะไรของเธอ สตีเฟนนอนแน่นิ่งอยูใ่ น โคม่าแบบนันยั ้ งเรี ยกว่าไม่ร้ ูอีกเหรอ” มิเกลตะโกน อย่างใจเสีย


“ไม่เป็ นไรหรอกมิเกล สตีเฟนน่ะโคม่าเพราะ ยาที่จ่ายให้ ไป เพื่อระงับผลที่อาจเกิดขึ ้นทาให้ เขา ต้ องอยูใ่ นโคม่า จริง ๆ แล้ วเขาไม่ได้ รับอันตราย อะไรหรอก ดูอย่างตัวนายเองสิ ถ้ านายสัมผัสเชื ้อ พวกนันแล้ ้ วนายเป็ นอะไรหรื อเปล่าล่ะ ก็ไม่นี่” อา เหม็ดยืนเท้ าเอวอธิบายอย่างใจเย็น เขาขยิบตาให้ สตีเฟนและนภวดีครัง้ หนึง่ ในขณะที่มิเกลไม่ทนั เห็น มิเกลได้ ยินอาเหม็ดพูดก็คอ่ ยสงบลง แล้ วลุก ขึ ้นเดินตามอาเหม็ดออกไปที่ห้องพยาบาล “เฮ้ อาเหม็ด รอด้ วย ข้ าไปด้ วย ข้ าอยากดู อาการของสตีเฟนสักหน่อย” โจเซฟลุกขึ ้น “หนูไปด้ วยค่ะ ศาสตราจารย์ ต้ องคอยดูไม่ให้ อีตามิเกลเผ่นหนีซะก่อน” นาตาชาก็ไปด้ วย


“ถ้ าอย่างนันฉั ้ นขอกลับไปที่ห้องทดลองก่อน นะคะศาสตราจารย์ มีเรื่ องที่ต้องศึกษาเพิ่มขึ ้นอีก แล้ วสิ” นภวดีถอนหายใจ เธอหยิบแก้ วเหล้ า ตรงหน้ าขึ ้นจิบแล้ วลุกออกไปเช่นกัน โจเซฟจึงปิ ด ไฟห้ องประชุมแล้ วเดินตามอาเหม็ดไป ทังห้ ้ าคนออกจากห้ องประชุมแล้ วแยกย้ าย ไปตามทางของตัวเอง ทางเดินปรับอากาศและกัน้ เสียงทางสีขาวตลอดทาให้ ร้ ูสกึ เหมือนว่าสถานี วิจยั นี ้เป็ นโรงพยาบาล จะต่างไปก็ที่บนเพดานเต็ม ไปด้ วยสายท่อนานาชนิดพัวพันกันอย่างยุง่ เหยิง ห้ องต่าง ๆ ที่เป็ นส่วนสาธารณะจะเป็ นกาแพง ครึ่งหนึง่ และติดกระจกด้ านบนเพื่อให้ มองจาก ทางเดินเห็นภายในได้ ส่วนห้ องใดที่เป็ นส่วนตัวจะ เป็ นกาแพงมิดชิด


อาเหม็ดเดินนา มิเกลเดินคอตกตามไป เหมือนเด็กประถมที่เพิ่งทากระจกรถครูแตกแล้ ว ถูกจับได้ นาตาชาเดินตามอีกคน ส่วนโจเซฟเดิน ตามท้ ายสุดของขบวน และระหว่างที่เดินไปนัน่ เอง โจเซฟก็ได้ ยินเสียงอะไรแปลก ๆ เขาจึงหยุดเดิน “เดี๋ยว ๆ พวกเรา ได้ ยินอะไรไหม” โจเซฟถาม ทุกคนมองหน้ ากันงง ๆ “ไม่นี่” อาเหม็ดตอบ “อย่าทาให้ กลัวน่าจารย์ฯ แค่นี ้ผมก็แย่แล้ ว นะ” มิเกลเสริม “เอ้ อ โทษที ผมคงคิดไปเอง คงเป็ นเสียงพายุ ล่ะมัง”้ โจเซฟส่ายหัวแล้ วเดินต่อ ...เขาคงคิ ดไปเอง...


...แต่เสียงที เ่ ขาได้ยินเมื อ่ ครู่ มนั เสียดแทง เหมื อนเสียงกรี ดร้อง... โจเซฟเก็บความสงสัยไว้ เพียงลาพัง เขา พยายามสะบัดความคับข้ องใจเรื่ องเสียงเมื่อครู่ ออกจากหัว จนกระทัง่ มาถึงห้ องพยาบาล อา เหม็ดมีทา่ ทางตกใจแล้ วรี บวิ่งเข้ าไปเปิ ดประตูห้อง พยาบาล หันรี หนั ขวางมองหาบางอย่าง ท่าทีของ อาเหม็ดทาให้ โจเซฟสังหรณ์วา่ เขาไม่ได้ คิดไปเอง “แล้ วสตีเฟนล่ะหมอ” มิเกลถาม “เขาควรจะอยูท่ ี่นี่” อาเหม็ดชี ้นิ ้วทังสองมื ้ อลง บนเตียงที่วา่ งเปล่า “อ้ าว แล้ วเขาหายไปไหนล่ะ” มิเกลถาม “ไม่ร้ ู...” อาเหม็ดตอบ


“ไหนหมอบอกว่าเขาโคม่าไง” นาตาชาถาม “ก็เขาโคม่านี่นา...เดี๋ยวนะ...ใจเย็น ๆ ก่อน ... เขาอาจจะรู้สกึ ตัว แล้ วหิวเลยออกไปหาอะไรกิน ล่ะมัง้ ห้ องพยาบาลไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่มีเลือด ไม่มีอะไรพัง แสดงว่าอาการบาดเจ็บของเขาหายดี แล้ ว” อาเหม็ดบอกกับทุกคน “แปลว่าไอ้ อะไรนัน่ ไม่มีอนั ตรายสินะ” มิเก ลพูดด้ วยความโล่งใจ “ก็ประมาณนัน้ อย่างน้ อยก็ไม่ทาให้ เขาตาย” อาเหม็ดตอบด้ วยรอยยิ ้ม “ถ้ างันแกตรวจมิ ้ เกลก่อนก็แล้ วกันอาเหม็ด เดี๋ยวข้ าไปดูสตีเฟนที่ห้องอาหารเดี๋ยวมา” โจเซฟ พูดแล้ วก็เดินออกจากห้ องไปตามลาพัง


โจเซฟเป็ นนักวิจยั รอบรู้กว้ างขวาง เขารู้ดีวา่ ถ้าสิ่งที่นภวดีพดู มาแม่นยา ถ้าสิ่งที่ติดตัวเขาและ ลูกศิษย์มาจากฟองอากาศในก้ อนน ้าแข็งนัน่ เป็ น สิ่งมีชีวิตประเภทใหม่จริง พวกเขาจะโชคดีมากถ้ า ถูกกักกันโรคแค่ครู่เดียว อย่างเลวร้ ายพวกเขาอาจ กลายเป็ นตัวอย่างเพื่อการศึกษาเสียเอง

โจเซฟเดินตรงไปยังห้ องอาหารอย่างรวดเร็ว เขาหวังว่าจะได้ พบลูกศิษย์ของเขาที่นนั่ ทว่า เมื่อ เขามองผ่านกระจกห้ องอาหารเข้ าไปก็พบว่าข้ าว ของกระจัดกระจาย ตู้แช่อาหารล้ มลงกองกับพื ้น อาหารภายในถูกฉีกทึ ้งและกระจายไปทัว่ น ้าดื่มก็ หกเรี่ ยราด โต๊ ะพลาสติกแหลกเป็ นชิ ้น ๆ ขาตู้ที่


เป็ นโลหะงอหงิก หลอดไฟแตกห้ อยลงมาทาให้ ห้ องมืดไปครึ่งหนึง่ และที่สาคัญจมูกของเขาสัมผัส กับกลิ่นที่เหม็นฉุนจนแสบจมูก “อุบ กลิ่นอะไรวะ” โจเซฟยกมือขึ ้นอุดจมูก ทันที มีบางอย่างผิดปกติ โจเซฟรู้ได้ จากสภาพของ ห้ องอาหารว่า ถ้ าสตีเฟนมาที่นี่จริง เขาต้ องอยูใ่ น สภาพที่ผิดปกติอย่างมาก แต่ก่อนที่โจเซฟจะได้ ทันเดินสารวจห้ องอาหารนัน่ เอง เสียง โทรศัพท์ไร้ สายที่แปะอยูบ่ นกาแพงห้ องข้ างประตูก็ ดังขึ ้น โจเซฟจึงรับมัน “นี่โจเซฟ อยู่ที่ห้องอาหาร” โจเซฟตอบ โทรศัพท์


“งันเหรอโจซ ้ แล้ วสตีเฟนเป็ นอย่างไงบ้ าง” อา เหม็ดถาม “โอ แกต้ องไม่อยากรู้แน่อาเหม็ด ที่ ห้ องอาหารยับเยินไปหมดเลย ข้ าว่าเขาไม่ใช่แค่หิว ธรรมดาแล้ วล่ะ” โจเซฟบอกไป อาเหม็ดไม่ตอบอะไร “อาเหม็ด ยังอยู่หรื อเปล่า” โจเซฟถาม “อยูส่ ิ ยังอยู่ ข้ ากาลังเดินมาดูกล้ องวงจรปิ ... เฮ้ ย...อะไรวะนัน่ ... โอ...มะ...แม่เจ้ าพระคุณรุน ช่อง” อาเหม็ดอุทานชนิดแทบไม่เป็ นภาษาคน “อะไรเหรออาเหม็ด เกิดอะไรขึ ้น” โจเซฟถาม “โจซ ฟั งนะ ถ้ าแกเชื่อใจฉันล่ะก็ อย่าหันหลัง กลับไป” อาเหม็ดตอบเสียงสัน่


โจเซฟเริ่มรู้สกึ ถึงเสียงย่าเท้ าที่ดงั ขึ ้นใน ห้ องอาหาร เขาเพิ่งจะรู้ตวั ว่ากลิ่นเหม็นที่เขาได้ กลิ่นเมื่อตอนเข้ ามาในห้ องอาหารมันกลับเด่นชัด ยิ่งขึ ้น เหม็นฉุนจนแทบจะอ้ วกเสียให้ ได้ ตรงนัน้ ที่ สาคัญ อากาศรอบตัวของเขามันเย็นลงอย่าง รวดเร็ว เย็นเสียจนรูขนุ ขนที่ต้นคอของเขาหดตัว เย็นราวกับผนังมีรูรั่วและความเย็นจากพายุหิมะ ภายนอกเล็ดลอดเข้ ามาภายใน “โจซ...แกเดินออกมาจากห้ องนัน...ช้ ้ าๆ เงียบ ๆ นะ” อาเหม็ดพูด “พระเจ้ า นัน่ มันตัวบ้ าอะไรกันวะนัน่ ” มิเกล ตะโกนดังลัน่ จนได้ ยินเข้ ามาในโทรศัพท์ มีบางอย่ างอยูใ่ นห้ องอาหาร บางอย่ างที่อา เหม็ดไม่อยากให้ โจเซฟมองเห็นในตอนนี ้ โจเซฟ


ค่อย ๆ สืบเท้ าไปบนพื ้น เลือกเหยียบตรงที่ไม่มี ช้ อนพลาสติกตกอยู่ หลบจานและแก้ วที่เกลื่อน กลาดไปทัว่ เขาค่อย ๆ ขยับอย่างช้ า ๆ ไปหาประตู “ดีมากโจซ มาเลย ช้ า ๆ นะ ดี แบบนัน้ แหละ” อาเหม็ดกระซิบ โจเซฟกลืนน ้าลายโดยไม่ร้ ูตวั แม้ อากาศจะ เย็นแต่เขาก็เหงื่อไหลอย่างช่วยไม่ได้ แม้ วา่ กลิ่น เหม็นจะรุนแรงแต่เขาก็หายใจอย่างรวดเร็ว ฟั น ของเขาขบกัดจนรู้สกึ ปวดขมับ เขาเคลื่อนที่อย่าง ช้ า ๆ จนมือของเขาจับลูกบิดประตูแล้ วเขาก็คอ่ ย ๆ หมุนเปิ ดประตู เสียงบิดลูกบิดประตูมนั ดังกว่าที่คิดเยอะ ทีเดียว


ถ้ าท่านชอบผลงานนี ้ | If you like this novel ท่านสามารถติดตามได้ ที่ฉบับตีพิมพ์โดย สนพ. ตะวันส่อง

This novel is published by Tawan-song publishing


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.