โดย ศิริญญา ศรีหารักษา
วันนีเ้ ราจะพาคุณผูอา นไปรูจ กั กับคนไทยเพียงคนเดียวทีส่ ําเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาโทเกียรตินิยมทางดานวิทยาการทางสมอง (Neuroscience) จาก มหาวิทยาลัยฮารวารด หากใครอยากทราบเคล็ดลับการสรางอัจฉริยะของเธอ หามพลาดเด็ดขาดเลยนะคะ เพราะวันนีเ้ ราไดนําวิธกี ารพัฒนาสมองแบบงายๆ ของเธอมาฝากกันดวยคะ อยากใหคุณหนูดีชว ยแนะนําตัวสักเล็กนอย วาตอนนีท้ ําอะไรอยูบ าง หนูดีทํางานหลายอยางคะ อันดับแรกเลย หนูดีเปนเจาของโรงเรียนชื่อโรงเรียนวนิษา โรงเรียนนีค้ ุณแม ของหนูดีเปนผูกอตั้ง จริงๆ แลวคุณแมเปดใหหนูดีตอนหนูดีอายุ 3 ขวบ เพราะวาหนูดีจะเขาโรงเรียน แตหาโรงเรียนไมไดคุณแมเลยเปดใหหนูดีเอง ปจจุบันยังมีการเรียนการสอนอยูโดยมีหนูดีเปนเจาของ และเปนคนดูแลหลักสูตรใหเหมาะกับการพัฒนาสมองของมนุษยคะ งานที่ 2 หนูดีเปนเจาของบริษัทที่เพิ่งเปด ชื่อบริษัทอัจฉริยะสรางได เปนบริษัทที่เผยแพรสําหรับทุก สาขาเรื่องการทํางานของสมองคนผานทุกสื่อคะ ที่หนูดีทํามาแลวนะคะก็จะเปนการฝกอบรมใหกับ องคกรและสถานศึกษาทั่วไป หรือเปดเปนการอบรมสัมมนาสําหรับบุคคลทั่วไปเกี่ยวกับการพัฒนา ดูแลสมองของเคา สื่อสิ่งพิมพของบริษัทนี้ที่หนูดีไดทําคือการเขียนหนังสือเลมแรก “อัจฉริยะสรางได” ชื่อเดียวกับบริษัท กําลังจะมีเลมที่ 2 เปนเทคนิคการเรียนเกี่ยวกับการพัฒนาและดูแลสมองของเรา นอกจากนั้นหนูดีก็จัดรายการวิทยุคลื่น 100.5 และ 101.5 แลวในอนาคตก็จะมีรายการโทรทัศนเปน พิธีกรรายการโทรทัศนดวยคะ 37 |
หลังจากจบปริญญาตรีแลว ทําไมคุณหนูดจี งึ สนใจทีจ่ ะศึกษาตอในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮารวารดคะ คงเริ่มมาจากการที่หนูดีสนใจเรื่องการทํางานทางสมองของคน ซึ่งหนูดีเองเรียนปริญญาตรีเรื่องครอบครัว ศึกษา แลวไดศึกษาทฤษฎีอันหนึ่งเปนทฤษฎีที่หนูดีชอบมากเลยชื่อวา Multiple intelligences หรือ ทฤษฎีพหุปญญา หรือวาอัจฉริยภาพหลายประการ แลวก็ประทับใจในผูกอตั้งทฤษฎีคือ ดร.โฮเวิรด การดเนอรมากๆ ก็เลยตัดสินใจไปตามหาดูวา ดร.โฮเวิรด การดเนอร สอนอยูที่ไหน ปรากฏวาทานเพิ่ง เปดสอนหลักสูตรวาดวยเรื่องการทํางานของสมอง แทนที่เราจะเรียนวาผาตัดสมองอยางไร เราก็เรียนวา สมองทํางานอยางนี้นะ แลวทําอยางไรจะพัฒนาสมองใหไดดีขึ้น เปนโปรแกรมปริญญาโทที่มหาวิทยาลัย ฮารวารดเปดสอนที่เดียวในโลก หนูดีเลยตัดสินใจสมัครเขาไปเรียนที่นั่นเพราะวาประทับใจในตัวอาจารย คะ การใชภาษาทีใ่ ชในชีวติ ประจําวัน กับภาษาทีใ่ ชในหองเรียนตางกันไหมคะ ตางกันคะ ยกตัวอยางเชน สมัยที่หนูดีอยูในหองเรียนหนูดีเปนนักวิจัยและเปนนักวิจัยวิทยาศาสตร ดานเซลลประสาทวิทยาหรือสมองคน เราจะมีศัพทเฉพาะของเราซึ่งเราไมไดใชกับคนขางนอกเพราะ เปนศัพททางวิชาการจริงๆ ถาคนเรียนในสาขาเดียวกันจะรูและเขาใจ ยกตัวอยางเชน เวลาที่อยูใน หองวิจัยหนูดีจะพูดวา Oxygen load, Temporal load, Executive Function, Hypocampus ซึ่ง ศัพทเหลานี้เปนศัพททางวิทยาศาสตรที่เกี่ยวกับสมอง สวนตางๆ ในสมอง ซึ่งถาเปนผูเชี่ยวชาญทางดาน เดียวกับเราจะไมตองขยายคําอะไรเลย หนูดีสามารถใชคํานั้นไปตรงๆ ได ในขณะเดียวกันถาเราออกมา ทํางานนอกหองวิจัยเพื่อสื่อสารกับบุคคลทั่วไป เราก็ตองแปลความหมายของคําๆ นั้น ยกตัวอยางเชน ถาหนูดีบอกวา Hypocampus ถาใชคํานี้นอกหองเรียนหนูดีก็จะบอกวา Hypocampus เปนหนวยบันทึก ความจําจากความจําระยะสั้นสูความจําระยะยาว แลวถึงเขาเนื้อหาตอไปเพราะไมเชนนั้นคนที่ไมไดเรียน อยูในสาขาเดียวกับเราจะสับสนและไมเขาใจ อันนี้เปนเรื่องจําเปนมากนะคะในการดูแลเรื่องการใชภาษา ปจจุบันหนูดีไมใชนักวิจัยแลว หยุดหนาที่นักวิจัยชั่วคราวคะ ตอนนี้หนูดีทําหนาที่เผยแพรงานวิจัยจึง ตองใชวิธีการใชภาษาที่เขาใจงายขึ้น หรือใชภาษาที่เปนสากลมากขึ้นในการอธิบายงานวิจัย ซึ่งปกติ จะยากมากใหเปนภาษาที่คนทั่วไปสามารถเขาใจไดงาย ความหมายของคําวาอัจฉริยะทีแ่ ทจริงของคุณหนูดคี อื อะไรคะ คนที่เปนอัจฉริยะในสายตาหนูดคี งไมใชคนที่เกงแตไมรูจะเกงไปทําไม หรือคนฉลาดที่ไมรูวาจะฉลาด ไปเพือ่ อะไร หนูดีวามันสําคัญมากเลยนะคะ อัจฉริยะคือคนที่ดูแลตัวเองไดเปนอยางดีมีความสามารถ ในการพัฒนาอัจฉริยภาพในชีวิตตัวเองไดครบทุกดานอยางสนุก มีความสุขและมีชีวิตสงบเรียบงาย แตในขณะเดียวกันก็สามารถที่จะดูแลโลกได สามารถสรางสรรคงานดีๆ ใหแกโลกได ดูแลคนอื่นไดดวย ตองมีครบทั้ง 2 ดาน เพราะคนมักคิดวาอัจฉริยะบุคคลก็คือคนที่สรางสรรคงานดีๆ ได แตลืมไปวา อัจฉริยะหลายคนก็ใชเวลาทั้งชีวิตสรางสรรคงานดีๆ ใหแกโลกจนลืมดูแลตัวเองลืมสรางสรรคสิ่งดีๆ ให กับชีวิตตัวเอง ในที่สุดก็ตายไปอยางเศราสรอยหรือตายไปอยางนาเสียดาย บางคนฆาตัวตายดวยซ้ํา 38 |
รูจักที่มาของคําศัพท โดย มนัญยา แสงพันธุ
ใกลหนาหนาวแลว ดอกรักของหลายคนก็ผลิบานเต็มที่จน ถึงขั้นตกลงปลงใจเขาสูงานวิวาหกันในฤดูแหงความรักนี้ อาจดวย เหตุผลวา หนาวเนื้อหมเนือ้ จึงหายหนาว แตหนาวใจปวดราวเสียนี่ กระไร มนุษยปุถุชนอยางเราๆ ทั้งหลายจึงเลือกที่จะมีคนหนาวดวย ซึ่งนาจะดีกวาหนาวตายคนเดียวแหงๆ หลักฐานดูไดจากการดเชิญ งานแตงงานกองโตบนโตะทํางานของฉัน อยางไรก็ขอแสดงความยินดี กับทุกคูรักดวยแลวกันนะ และเมื่อพูดถึงการแตงงาน แนนอนวามันเปนพิธีกรรมที่เกิดขึ้นหลัง จากการตัดสินใจครั้งใหญของชีวติ หนุมสาว คิดดูซิวาเราจะตอง (ทน) อยูกับ อีกฝายไปจนตายเลยนะ ดังนั้นชีวิตหลังแตงงานมันจึงเปนอะไรที่เรนลับ ประหนึ่งชีวิตหลังความตาย (โอเวอรไปนิด) เจาบาวเจาสาวหมาดๆ จึงตอง เตรียมตอบคําถามสารพันจากผูคนรอบขาง โดยเฉพาะจากคนที่ยังไมได แตงงาน ย้ํา! คนที่ยังไมไดแตงงาน เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะวาคุณจะ กลายเปนกรณีศึกษาของพวกเขา โดยขอมูลทั้งหมดของคุณจะถูกนําไป ประมวลยังสมองซีกซายและซีกขวา เพื่อสรุปวาการแตงงานนี้มันดีหรือไมดี อยางไร คุมคาหรือไม 50 |
หนึ่งในประเด็นฮิตที่ทุกคนใหความสนใจคือ ชวงฮันนีมูน (honeymoon) หรือดื่มน้ําผึ้งพระจันทร ซึ่งเปน ประเพณีจากฝรั่งลวนๆ หลายคนอยากรูวาคูแตงงานวางแผนจะไปฮันนีมูนที่ไหน (สงสัยอยากตามไปดวย) คงเปน เพราะการไปฮันนีมูนถือวาเปนชวงเวลาซึ่งคูบาวสาวหมาดๆ จะไปทองเที่ยวเพื่อผอนคลายหลังจากผานพนงานแตงงาน อันแสนเหน็ดเหนื่อยแถมยังเปนการใชเวลาดื่มด่ํากับความรักอันหอมหวานปานจะกลืนกิน เอาเปนวามองไปทางไหน โลกก็เปนสีชมพู จึงไมแปลกใจเลยที่ทุกคนตางก็อยากสัมผัสชวงเวลานี้ดวยตัวเอง หรือไมก็จินตนาการวาถาถึงคราว ตัวเองบางจะไปไหนดี (ฝนน้ําลายยืดเลยนะ) นาแปลกวาชวงฮันนีมูน หรือชวงดื่มน้ําผึ้ง พระจันทร ซึง่ เรารูจักกันในปจจุบันนั้นไมมีอะไรเกี่ยวกับ การดื่มน้ําผึ้งหรือพระจันทรเหมือนชื่อแตอยางใด ฉันชัก เริ่มสงสัยวาคนสมัยกอน เปรียบความหอมหวานของ การแตงงานเหมือนกับการดื่มน้ําผึ้ง (honey) ใตเงา พระจันทร (moon) หรืออยางไร? พอสงสัยมากๆ เขาจึง ตองไปเปดตําราคนควาหาที่มาของคําๆ นี้มาฝากใหคุณ ผูอานไดความรูกันดังนี้ เมื่อยอนกลับไปเปดตํานานเกี่ยวกับประเพณี การแตงงานของแถบยุโรปตอนเหนือ ก็พบคําวา “hjunottsmanather” ในภาษานอรเวยโบราณเปน ประเพณีที่เจาบาวตองลักพาตัวเจาสาวจากหมูบาน แลว พาไปหลบซอนทีไ่ หนสักแหงจนแนใจวาญาติเจาสาวไม สามารถหาพบและรอจนกระทั่งเลิกคนหา จากนั้นทั้งคู จึงจะกลับมายังหมูบานอีกครั้งหนึ่ง (คลายๆ การหนี ตามกันของบานเรายังไงยังงั้น) เราจึงสันนิษฐานไดวา
51 |
ความหมายแรกเริ่มของคําวา honeymoon ในปจจุบัน คือ hiding หรือการหลบซอนนั่นเอง แตถาศึกษาภาษา ในกลุมสแกนดิเนเวียน เราจะพบ honeymoon ใน ความหมายที่แตกตางออกไป คือ มันใชเรียกประเพณี ที่คูแตงงานใหมตองดื่มเครื่องดื่มที่เรียกวา mead (เหลาชนิดหนึ่งไดจากการหมักน้ําผึ้ง) โดยตองดื่มทุก วันเปนเวลา 1 เดือน โดยพอของฝายหญิงตองเปน ฝายเตรียมเครื่องดื่มชนิดนี้ใหแกลูกเขยในชวงเดือนแรก หลังการแตงงาน และยังพบดวยวามีประเพณีที่สามีตอง ลักพาตัวภรรยาไปซอน ดวยความหวังที่จะใหภรรยา ตั้งครรภในชวงทายๆ ของการ honeymoon อาจกลาว ไดวาคนในสมัยกอนเชื่อวา น้ําผึง้ ก็คือยาเพิ่มพลังทาง เพศชนิดหนึ่ง และการ honeymoon เปนประเพณีการ เพิ่มประชากรนั่นเอง สวนในภาษาอังกฤษคําวา honeymoon นั้น ไดเขามาเมื่อ 400 กวาปนี้เอง คาดวาไดอิทธิพลมา จากภาษาบาบิลอน ในชวงแรกหมายถึง ประเพณีที่คู แตงงานใหมตองดื่ม mead ตลอดเดือนแรกของการ
รูจกั ฝรัง่ จากวัฒนธรรม โดย ดุจเดือน
ฉบับนี้ขอตอบรับกระแสแอบแบวดวยการนําทาเกก ถายรูปสุดฮิตของสาวนอยสาวใหญมาถอดรหัส เจาทาที่วานี้ก็ คือทาชู 2 นิ้ว หรือทีใ่ นภาษาอังกฤษเรียก V sign ซึ่งมีตน กําเนิด ยอนไปไกลพอดู ออ! ลืมบอกไปวา V นั้นยอมาจาก Victory ที่ หมายถึง “ชัยชนะ” แตจะเปนชัยชนะของใคร และทําไมคนถึงได ทําทานี้กนั ทั่วโลกตองตามมาหาคําตอบพรอมกัน ตามตํานาน V sign เกิดขึ้นในสงครามรอยป (The Hundred Years’ War) ซึ่งเปนสงครามระหวางอังกฤษกับฝรั่งเศส ในสมัยนั้นทัพหนาก็ คือพลธนูยาวที่มีความสําคัญในการรบมาก พวกเขาจะตองยิงธนูไปยังนักรบ ฝายตรงขามเพื่อตัดกําลังของอีกฝายใหไดเยอะที่สุดเทาที่จะทําได หากภารกิจ ของพวกเขาสําเร็จก็จะเปนการปูทางใหพลทหารหนวยอื่นๆ ทะลุทะลวง ไปควาชัยชนะตอไดโดยงาย ทีนี้เนื่องดวยความสําเร็จของเหลาพลธนู อังกฤษรวมกับพลธนูชาวเวลสกอใหเกิดความเสียหายอยางมากแกทหาร ของฝรั่งเศสในการรบที่ Agincourt ฝายหลังจึงเกิดความแคน เมื่อจับตัว พลธนูของกองทัพอังกฤษไดคราใด ก็จะจับมาตัดนิ้วกลางและนิ้วชี้ขางขวา ออกเสีย นัยวา “หมั่นไสนัก ตองใช 2 นิ้วนี้รบใชมั้ย งั้นก็ตัดมันซะเลย” ฝายทหาร อังกฤษก็ไมนอยหนาดานความยียวน พอเห็นทหารฝรั่งเศสเมื่อไร ก็ไมลืมที่จะ ยั่วยุดวยการชู 2 นิ้ว เพื่อเปนการบอกกลายๆ วา “แนจริงก็มาตัดสิ 2 นิ้วของขายัง อยูครบเวย” อยางไรก็ตาม บางตําราแยงวา เรื่องดังกลาวฟงดูพิลึกๆ ถาทหารฝรั่งเศส ตัดแค 2 นิ้ว ทหารอังกฤษก็จะรอดชีวิตกลับมาเปนทหารไดอีก ฆาไปเสียเลยดูจะ สมเหตุสมผลกวา
15 |
มาดูหลักฐานที่พอจะหาไดเปนชิ้นเปนอันของ V sign กันบาง V sign เกิดขึ้นมาจากความคิดของ นาย Victor De Lavelaye ทนายความชาวเบลเยี่ยม ผูลี้ภัยมาอาศัยอยูในประเทศอังกฤษ นาย De Lavelaye ผูนี้ไดเสนอผานรายการวิทยุของ BBC วาใหผูคนหันมา ใชตัวอักษรภาษาอังกฤษ V เพื่อตอตานพวกนาซีกัน เยอะๆ เพราะ V เปนตัวอักษรตัวแรกของคําวา Victoire ที่แปลวา ชัยชนะ ในภาษาฝรั่งเศส และคําวา Vrijheid ที่แปลวา อิสรภาพ ในภาษาเฟลมมิช (ภาษาถิ่นภาษา หนึ่งของเบลเยี่ยม) เหตุผลที่ตองเปน 2 ภาษานี้เพราะ ในขณะนั้นทั้งชาววอลลูนในฝรั่งเศสและชาวเฟลมมิช ในเบลเยี่ยม กําลังเดินขบวนตอตานนาซีรวมกันอยู ทนายผูนั้นยังบอกอีกดวยวา ชัยชนะและอิสรภาพ เปน สิ่งที่มาคูกัน และชัยชนะ(เหนือนาซี) ที่จะใหอิสรภาพ แกพวกเขาก็คือ ชัยชนะเหนือนาซีของประเทศอังกฤษ หนึ่งในมิตรประเทศของพวกเขาที่กาํ ลังตอตานนาซีอยู ซึ่งในภาษาอังกฤษก็มีคําวา Victory แปลวาชัยชนะ ที่ขึ้นตนดวยอักษร V เหมือนกัน ตัว V จึงเหมาะสม ที่สุดที่จะนํามารณรงคตอตานพวกนาซี จากนั้น BBC ซึ่งเปนสถานีเครือขายวิทยุและ โทรทัศนของประเทศอังกฤษ ก็นําการรณรงคนี้มาขยาย ตอจนผูคนรับรูกันในวงกวาง BBC ไดแสดงสัญลักษณ V เพื่อตอตานนาซีในหลากหลายรูปแบบ ไมวาจะเปน
13 |
ตามดวยชวงตน การแพรเสียงรหัสมอรสของตัว V ของเพลงซิมโฟนีหมายเลข 5 ของบีโธเฟน (เหตุผลที่ เปนเพลงนี้ก็เพราะชวงตนของเพลงคลายกับรหัสมอรส ของตัว V แถมหมายเลข 5 ของอักษรโรมันก็ยังหนาตา เหมือนตัว V อีกดวย) ประชาชนในประเทศที่ถูกนาซี รุกรานตางพากันขานรับการรณรงคนี้ดวยวิธีที่แตกตาง กันไป ไมวาจะเปนการเขียนตัว V ไวทุกหนทุกแหงที่ พวกเขาทําได เชน บนกําแพง การปูพื้นอิฐเปนรูปตัว V หรือการใชรหัสมอรสตัว V ในการสงสัญญาณในชีวิต ประจําวัน เชน เคาะประตูบานหรือโบสถ แมแตคุณครู ที่สงสัญญาณเรียกนักเรียนก็ยังใชวิธีการปรบมือเปน รหัสมอรส ถึงจะไมสามารถทําอะไรฝายนาซีใหกระทบ กระเทือนไดโดยตรง แตนาย De Lavelaye เจาของ ความคิดไดใหเหตุผลวา อยางนอยถาพวกนาซีเห็น สัญลักษณตอตานบอยๆ จะไดรเู อาไววามีคนเฝารอวัน ลมเหลวของพวกเขาอยูเต็มไปหมด แลววันหนึ่งพวกนั้น ก็ตองแพภัยตัวเองจนไดนั่นแหละ แมตอนหลังเยอรมัน (ซึ่งเปนพวกนาซี) พยายามจะเอาอยางโดยการนําตัว V มาเปนสัญลักษณแหงชัยชนะบาง เพราะถือวาเยอรมัน ก็มีคําวา Victoria ที่แปลวาชัยชนะกับเขาเหมือนกัน แตความพยายามครั้งนี้ดูเหมือนจะสายไปหนอย เพราะ ชาวบานชาวชองไดพากันจดจําตัว V ในความหมาย วา “ชัยชนะของพวกที่ตอตานนาซี” ไปกันหมดแลว
½ ¡Êืoè ÊÒü Ò¹µaÇ˹a§Êืo
โดย : Auntienook
ใหมากขึน้ (2) Right Writing ฉบับนี้ เราจะมาวากันตอถึงเรื่องการใช Punctuations (เครื่องหมายวรรคตอน) แบบไมตองพูดพร่ําทําเพลงกันละนะคะ ขอทบทวนยอนหลังไปในฉบับที่แลวเล็กนอย วาเราไดเรียนรู การใชเครื่องหมายวรรคตอน 2 ตัว คือ “ . ” (full stop) และ “ , ” (comma) กันไปแลว ซึ่งโดยรวมๆ แลวก็ไมไดซับซอนยุงยากอะไร ตัวแรกใชเมื่อจบประโยค สวนอีกตัวใชคั่นชวงความคิดในประโยค สวนรายละเอียดจะเปนอยางไรนั้น คุณผูอานสามารถกลับไปทบทวนไดจาก I Get English ฉบับที่ 8 คะ เครื่องหมายวรรคตอนตัวตอไปนี้ คงจะคุนหนาคุนตาหลายๆ คนดี เพราะเรามักจะเห็นมัน ในหนังสือหรือบทความกันเปนประจําอยูแ ลว แตถึงอยางนั้น บทจะตองเปนคนเขียนขึ้นมา เราอาจ แทบไมไดนึกถึงมัน หรือไมรูเลยวาจะสามารถดึงมันมาใชประโยชนไดตรงไหนเมื่อไหร และแตกตาง จาก comma ที่ใชไดงายๆ อยางไร เครื่องหมายวรรคตอนตัวดังกลาวก็คือ “ : ” (colon) นั่นเองคะ เจาจุดบนลาง 2 จุดนี้ มีประโยชนเกินตัวมันไปมากทีเดียว จําไวใหดีเลยนะคะ คุณสมบัติของมันก็คือ
e¡Ãi¹è ¹íÒ + e¹ ¹ÂéÒí + ·íÒãË e» ¹ÃaeºÕº หนาที่หลักของ colon คือ เกริ่นนําไปสูขอมูลตางๆ ที่เราอยากนําเสนอ ซึ่งนอกจากมันจะชวยใหผูอานได เตรียมตัวเตรียมใจรับขอมูลดังกลาวแลว ยังจะเกิดผลพลอยไดอีก 2 อยาง คือชวยเนนย้ําความสําคัญของขอมูลที่ เราพูดถึง และชวยจัดระเบียบขอมูลของเราไปโดยปริยาย ลองดูตัวอยางตอไปนี้ 46 |
0
You could win her heart only by honesty. (นายจะสามารถเอาชนะใจหลอนไดดวยความซื่อสัตยเทานั้น) ประโยคนี้อานไมยาก แตเมื่ออานแลวไมรูสึกวาอะไรถูกเนนใหสําคัญ ใหความ รูสึกกลางๆ แตถาหากเปลี่ยนวิธีการเขียนโดยใช colon เขามาชวยแบบนี้
You could win her heart only by one thing: honesty. (นายจะสามารถเอาชนะใจหลอนไดดวยสิ่งเดียวเทานั้น นั่นก็คือความซื่อสัตย) colon ที่เขามาคั่นประโยค ชวยใหผูอานเตรียมตั้งสติ รอขอมูลที่จะตามมา นอกจากนี้ยังชวยผลักใหคําวา honesty กระโดดออกมายืนเดนเปนสงาอยูเพียงลําพัง ทําใหเราไดรูวา honesty เปนกุญแจสําคัญของประโยคที่ ผูเขียนใหความสําคัญมากจนถึงขนาดตองดึงออกมาไวตางหาก พรอมกันนั้นก็ยังชวยจัดระเบียบความคิดของทั้ง คนเขียนและคนอานอีกดวย 0
oaäú Ò§¹a ???? ·ÕÊè ÒÁÒöµÒÁËŧ cln ä´ . จากตัวอยางที่ยกมา เราจะเห็นไดวาสวนที่ตามหลัง colon เปนคํานามเพียงคําเดียว ดังนั้น สิ่งแรกที่มั่นใจ ไดวาเดินตามหลัง colon มาติดๆ แนนอน คือ
1. คํานาม
Ex.
Students usually neglect the most important part of essays: the introduction. (เด็กนักเรียนมักจะสะเพรากับสวนที่สําคัญที่สุดของเรียงความ นั่นก็คือบทนํา)
นอกเหนือจากคํานามคําเดียวแลว ยังมีอะไรที่สามารถวางหลัง colon ไดอีก ลองดูกันไปทีละขอเลยดีกวา
2. วลี
Ex.
This novel tells the story you will like: the adventure of a humble boy and his loyal dog.
(นวนิยายเลมนี้มีเนื้อเรื่องแบบที่เธอตองชอบ นั่นก็คือเรื่องการผจญภัยของเด็กชายผูต่ําตอยกับหมาผูภักดี ของเขา) สวนที่ตามหลัง colon ไมใชคําๆ เดียว แตเปนกลุมคําที่อธิบายขยายความวา story (เรื่องราว) ของนวนิยาย เลมดังกลาวเกี่ยวกับอะไร
3. ประโยค
Ex.
There is just one problem about the painting you want to sell to me: it is a fake.
(มีปญหาอยูแคอยางเดียวเทานั้นเกี่ยวกับเรื่องรูปภาพที่คุณจะขายใหผม...นั่นก็คือ...มันเปนของปลอมนะ) สวนที่ตามหลัง colon เปนประโยคทั้งประโยค มีประธาน กริยา และสวนเติมเต็มครบถวน ชวยใหความ กระจางแจงวาปญหาที่เกิดกับรูปภาพที่วานะ คืออะไรกันแน 47 |
เขียนจดหมายอยางมือโปร โดย มนัญยา แสงพันธุ
ในยุคที่เราตองการความรวดเร็วในการติดตอสื่อสาร จดหมายอิเล็กทรอนิกส (Electronic mail) หรืออีเมล (e-mail) ได กลายมาเปนทางเลือกใหมที่มีคนนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความ สะดวกสบายหลายประการ ไมวาจะเปนการประหยัดเงินเพราะไมตองเปลืองคาสงจดหมาย หรือประหยัดเวลาเพราะ เพียงแคเสี้ยววินาทีก็สามารถสงสารที่เราตองการ ไปยังอีกฝายได และแมวาอีเมลจะมีรูปแบบที่ดู คลายคลึงกับจดหมาย แตก็ยังมีขอแตกตางกันกับ การเขียนจดหมายหลายประการ และนี่คือสิ่งที่เราจะ มาเรียนรูกัน... e-mail heading e-mail body
e-mail headings โดยปกติแลวหัวของอีเมลจะคลายกับ memo โดยมีสวนประกอบหลักๆ คือ To: สวนนี้ไวใสอีเมลแอดเดรส (e-mail address) ของผูรับที่เราตองการสงขอมูลหรือขอความนั้นให ซึ่งโดยทั่วไป รูปแบบของอีเมลแอดเดรส คือ name@site.address เชน June@hotmail.com name สวนของชื่อนั้น หากใชเปน e-mail ที่ใชติดตอธุรกิจ มักอางอิงตามชื่อจริงของบุคคล แตถาเปนการใช สวนตัว มักตั้งชื่ออะไรก็ไดตามความตองการของเจาของอีเมลแอดเดรสนั้น ชื่ออีเมลจะไมมีการเวนวรรคเด็ดขาด ถา ตองการใหมีชองวางระหวางคําใดๆ ก็ตาม ใหใชเครื่องหมาย full stop (.) หรือ underscore (_) แทน เชน june.h หรือ june_h site.address หลังเครื่องหมาย @ ในอีเมล เปนชื่อของผูใหบริการอีเมล เชน hotmail.com, yahoo.com และ ในสวนนี้ยังสามารถบอกประเทศของผูใชอีเมลไดอีกดวย เชน ais.co.th. มาจากประเทศไทย สวน coco.co.jp มา จากประเทศญี่ปุน เปนตน 20 |
จดจําไว พรอมใชไดทันที
โดย ครูกานต
สมัยกอนคนชอบกีฬามี 2 ประเภท (ไมนับพวกชอบพนันนะ) คือคนชอบ เลนกีฬากับคนชอบชมกีฬา บางคนชอบทัง้ 2 อยางก็ถือวาไดรับประโยชน เต็มที่เพราะไดทั้งออกกําลังกาย รูจ ักเพือ่ นใหมและฝกการทํางานเปนทีม แถมยังไดรับความบันเทิง แตคนทีช่ อบอยางใดอยางหนึง่ ก็อาจจะมีโอกาส เลือกใชคาํ ระหวาง 2 คํานี้คะ A : What kind of a sportsperson are you?
(คุณเปนคนชอบกีฬาแบบไหน)
B : I’m not an athlete/a sportsman, but I’m a big spectator/watcher.
(ฉัน/ผมไมใชนักกีฬา แตเปนผูชมกีฬาตัวยงเลย)
นอกจากคนชอบกีฬา 2 ประเภทนี้แลว สมัยนี้ยังมีเพิ่มมาอีก 1 ประเภท คือคนที่ชอบไปออกกําลังกาย ตามฟตเนส (fitness center) จัดวาเปนคนชอบเลนกีฬาเพื่อเนนสุขภาพเปนหลัก ซึ่งเปนทางเลือกใหมในการใช เวลาใหเปนประโยชนอีกแบบหนึ่ง ดังนั้นฉบับนี้ เราจะมาหาคําพูดอะไรที่ติดปากติดใจไปกับการกีฬากัน เผื่อวาคุณ ผูอานทานใดไดเขารวมในงานหรือเตรียมตัวจะเขารวมการแขงขันกีฬาจะไดเอาไวใช ยิ่งบานเรามีการจัดการแขงขัน ระดับนานาชาติบอยเสียดวย เชน การแขงขันเทนนิส Thailand Open หรือการแขงขันกอลฟ LPGA Thailand ที่ เพิ่งผานพนไป และจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ก็คือ ซีเกมสครั้งที่ 24 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6-15 ธันวาคมนี้ หรือหากคุณเพียงแต ชอบกีฬาแลวมีโอกาสไดพบชาวตางชาติก็สามารถนําไปฝกใชในชีวิตประจําวันไดเชนกันคะ เมื่อพบกันครั้งแรกควรจะแนะนําตัวใชไหมคะ แตแทนที่จะบอกชื่อ ธรรมดา เมื่ออยูในบริบทของกีฬาก็ควรจะบอกดวยวาเราเปนนักกีฬาอะไร เชน Hi, I’m xxxx. I’m a tennis/basketball player. (สวัสดี ผม/ฉันชื่อ xxxx ผม/ฉันเปนนักเทนนิส/บาสเกตบอล) นอกจากนี้ ยังมีวิธีพูดทักทายนักกีฬาคนอื่นๆ เพื่อชวนเขาคุยไดอีกหลายวิธี 33 |
I saw you at the match/game. Great shot. I’m xxxx, by the way. (ผม/ฉันเห็นตอนที่คุณลงแขง ขวาง/ตี/ทําคะแนนไดแจวจริงๆ ออ ผม/ฉันชื่อ xxxx) คําวา shot นี้แปลไดหลายความหมายแลวแตประเภทกีฬาที่เลนคะ สวนการแนะนําชื่อตัวเองนั้นจะอยูหนา หรือหลังประโยคอื่นๆ ก็ได ในกรณีนี้ชื่ออยูหลัง จึงใสคําวา by the way (ใชสําหรับเปลี่ยนเรื่องคุยหรือเนน ใหผูฟงรูวาควรสนใจประโยคนั้นเปนพิเศษ) ไวดวย That was a good match. (เกม/การแขงขันนั้นเปนเกมที่ดีนะ) You are a very good swimmer/boxer. (คุณเปนนักวายน้ํา/นักมวยที่เกงมาก) Have you been playing golf/soccer for a long time? (คุณเลนกอลฟ/ฟุตบอลมานานหรือยัง) When did you start cycling/playing badminton? (คุณเริ่มขี่จักรยาน/เลนแบดมินตันเมื่อไร) Snooker/volleyball is amazing! Where did you learn how to play? (สนุกเกอร/วอลเลยบอลเปนกีฬาที่นาทึ่งจริงๆ คุณเรียนมาจากที่ไหน) นอกจากแนะนําตัวและชวนนักกีฬาคนอื่นคุยแลว เราอาจมีเรื่องอื่นๆ ที่ตองคุยกัน เชน การถาม/บอกทาง ไปสนามแขง หรือการถาม/บอกเวลาแขง ซึ่งวิธีการก็จะเหมือนกับการถาม/บอกทางหรือเวลาทั่วไป เชน A : Where’s the baseball field/ice skating rink? หรือ Where is the baseball field/ice skating rink located, please? หรือ Do you know where the baseball field/ice skating rink is? (สนามแขงเบสบอล/ลานสเก็ตน้ําแข็งอยูที่ไหน) ***สังเกตวาวิธีเรียกสนามกีฬาแตละประเภทจะแตกตางกันไป B : It’s at the xxxx stadium. (อยูที่สนามกีฬา xxxx) A : What time is the match? (มีเกม/การแขงขันกี่โมง) หรือ What time does the match start/What time is the match over? (เกม/การแขงขันเริ่ม/จบกี่โมง) B : It starts at 7 p.m. and is over at 9 p.m. (เริ่ม 1 ทุมและจบ 3 ทุม) กอนจบเรื่องของนักกีฬา ขอแถมอีกนิดถึงการใชคํากริยาที่ เกี่ยวกับกีฬา สําหรับคนที่จะแนะนําตัวเองวาเปนนักกีฬาอะไร หรือชอบเลนกีฬาประเภทไหนนะคะ 34 |