ประมวลนิ พนธ์ของสมเด็จพระวันรัต (ทับ พุทธสิริ) วัดโสมนัสวิหาร
อันหนึ่งอยูแ่ ล้ว ถึงเครื่ องเศร้าหมองใจจะมาก ก็ไม่อาจทาใจให้เศร้าหมองได้ฉนั นั้น เหตุน้ นั จาจะต้องชาระใจของตนให้บริ สุทธิ์ ด้วยกัมมัฏฐานภาวนาอันใดอันหนึ่งไว้ ถ้าจะชาระใจด้วยกัมมัฏฐานภาวนา ที่พระตรัสสัง่ สอนไว้อย่างเดียวนัน่ แหละ ก็แต่กมั มัฏฐานนั้นมีมากถึง ๓๘ ประการ มีมาในบาลีอรรถกถาเพิ่มอากาสก สิ ณ และอาโลกกสิ ณทั้ง ๒ เข้าด้วยกัน จึงเป็ นกัมมัฏฐาน ๔๐ ทัศ คือ ๏ กสิณ ๑๐ อสุ ภ ๑๐ อนุสสติ ๑๐ อัปปมัญญา ๔ ธาตุววัตถาน ๑ อาหาเร ปฏิกลู สัญญา ๑ อรูปฌาน ๔ บรรจบเป็ นกัมมัฏฐาน ๔๐ เมื่อจะเจริ ญให้รู้จกั ลักษณะในกัมมัฏฐานเหล่านั้น ๆ จะว่าโดยสังเขปพอให้ รู้จกั ลักษณะ กสิณ ๑๐ นั้น เป็ นกัมมัฏฐานสาหรับชาระใจให้บริ สุทธิ์ ด้วยมานึก ถึงกสิ ณ ทาใจให้นิ่งอยูอ่ ย่างเดียวเป็ นสมาธิ อสุ ภ ๑๐ นั้น เป็ นกัมมัฏฐานสาหรับชาระใจให้บริ สุทธิ์ ด้วยมานึกเห็นว่า เป็ ปฏิกลู เสี ยอย่างเดียว พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ สีลานุสสติ จาคานุสสติ เทวตานุสส ติ ทั้ง ๖ นี้ เป็ นกัมมัฏฐานสาหรับชาระใจให้บริ สุทธิ์ ด้วยมานึกให้เกิดความเลื่อมใส อิ่มใจจนจิตต์นิ่งอยูใ่ นคุณนั้น ๆ อานาปานสติ นั้น เป็ นกัมมัฏฐานสาหรับชาระใจให้บริ สุทธิ์ ด้วยมานึกถึงลม หายใจ จนใจนิ่งอยูไ่ ด้เป็ นสมาธิ กายคตาสติ นั้น เป็ นกัมมัฏฐานสาหรับชาระใจให้บริ สุทธิ์ ด้วยมานึกถึงกาย คือประชุมส่วนเป็ นของน่าเกลียด มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็ นต้น ให้เป็ นของปฏิกลู จนเกิดความเบื่อหน่าย
๕๔