เม็ดเลือดแดง ฉบับที่ 16 "หวาน หวาน"

Page 1


ในเชิงวิทยาศาสตร์ เม็ดเลือดแดง คือตัวน�ำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงร่างกาย

เป็นสิ่งจ�ำเป็น หากขาดซึ่งเม็ดเลือดแดงแล้วไซร้ มนุษย์ย่อมไม่สามารถด�ำรงชีพอยู่ได้ ในการศึกษารัฐศาสตร์ ข้อมูล ข่าวสารและสังคม เป็นสิ่งส�ำคัญยิ่ง หากขาดซึ่งสรรพสิ่งเหล่านี้ การศึกษารัฐศาสตร์ย่อมเป็นไปได้ยาก ในที่นี้ ข้อมูลข่าวสารจึงประดุจดั่ง “เม็ดเลือดแดง” ที่หล่อเลี้ยงนักศึกษารัฐศาสตร์ให้รอบรู้มากยิ่งขึ้น

วารสารเม็ดเลือดแดง จึงถือก�ำเนิดขึ้น ด้วยประการฉะนี้ แล ๛ Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 2

30/11/2552 15:28:34


Editor Talk รสที่ลิ้นของเรานั้นสามารถรับรู้ได้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด คือ หวาน เปรี้ยว เค็ม และขม ในจ�ำนวนนี้รสหวานเป็นรสหวานเป็นรสที่มนุษย์ ชอบลิ้มรสมากที่สุด เพราะรสหวานส่วนใหญ่มักเป็นสารอินทรีย์ที่มนุษย์ สามารถรับประทานได้ อย่างไรก็ตามรสหวานบางชนิดก็สามารถก่อให้เกิด อันตรายได้หากรับประทานเข้าไปหรือรับประทานมากเกินไป เช่น น�ำ้ ตาล รส หวานๆจึงมีทงั้ ประโยชน์และโทษในตัว แต่ถา้ ให้เลือกมนุษย์กย็ งั ชอบรสหวาน บาง ครั้งแม้จะรู้ว่าไม่ดีก็ยังห้ามใจไม่ได้ ไม่เฉพาะความหวานที่รับรู้ด้วยลิ้นเท่านั้น มนุษย์ยัง ชอบที่ใฝ่หาความหวานในด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นค�ำพูด การกระท�ำ ฯลฯ จนบางครั้งลืม นึกถึงไปว่าชีวติ มนุษย์นนั้ ไม่สามารถทีจ่ ะอยูไ่ ด้หากรับเพียงรสหวาน เราต้องรับทัง้ เปรีย้ ว เค็ม ขม และหวานไปด้วยกัน เม็ดเลือดแดงฉบับ “หวาน หวาน” เล่มนี้ จึงจะพาไปกับ 2 ความหวานที่แตกต่าง ทั้งหวานที่มีประโยชน์ และหวานที่ให้โทษ เพื่อที่เราจะได้รู้ทัน ของหวาน หวานเหล่านี้ และเติมเต็มรสชาติชีวิตให้สมบูรณ์

ด้

กองบรรณาธิการ

Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 1

30/11/2552 15:28:36


สารบัญ

ฉบับที่ 16 หวาน หวาน (พฤศจิกายน-ธันวาคม 2552)

Young Blood: หวานเป็นลม...ขมเป็นอะไร?........3 นอกห้องเรียน: มะขามป้อม............................................6 วิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมือง......................................9 เติมหัวใจไปรอบโลก: ผลผลิตน�้ำตาลขาดตลาด โลก วิกฤติหรือโอกาส?.....................................................12 Young Blood: รสที่กลมกล่อมและซุกซ่อน........16 ล้อการเมือง...........................................................................19 Chocolate Love...............................................................20 เจาะเลือด: ถ้าเปรียบตัวคุณเองเป็นขนมหวาน คุณคิดว่าคุณเป็นขนมอะไร เพราะเหตุใด............24 การประกันคุณภาพการศึกษา (8).........................28 กวีกระวาท: โลกหลากเพศ............................................30 จิบชา.........................................................................................32 มองสังคมผ่านแผ่นฟิล์ม: Blood Diamond เพชรเปื้อนเลือด....................................................................33 Young Blood: วงการนางงาม: หวานอมขม กลืน...ภาพสะท้อนการเมืองไทย...............................36 สิงห์ลงพุง...............................................................................39 หัวใจติดปีก............................................................................42 สิงห์หนังสือ: “หวาน หวาน”.......................................48 จิบชา เฉลย...........................................................................52 Special Thanks

อ�ำนวยการผลิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดท�ำโดย กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์ บรรณาธิการบริหาร ปริญญา เกิดนิคม (เบียร์) กองบรรณาธิการ เวทิตา นิลหลวง (เว)

ศุภกิจ แดงขาว (ต้อม)

คอลัมนิสต์ อลิษา จิตรภูษา (กวาง) อัจฉราภรณ์ วงศ์สุบรรณ (อัจ) เอกวีร์ มีสุข (เอก) อเนกพล คงเกลี้ยง (เจมส์) มารุต ศูนย์ตรง (บาส) อนีสสา นาคเสวี (ซะห์) ปัณฑ์ชนิต สุฤทธิ์ (เดือน) ปวีณ์สุดา เข็มส�ำฤทธิ์ (นุก)

อนุพงษ์ ปลิวทอง (แม็กซ์) สิริพงศ์ นฤดีสมบัติ (ป๊อก) เทียนธวัช ศรีใจงาม (เทียน) วริษา อินทรัตน์ (พัศร) มนัศชัย อุ่นศิริ (ศร) วนิดา คุณรอด (บี) เกรียงไกร ไชยหาญ (หลุยส์) และที่มิได้ออกนามมา ณ ที่นี้

ภาพปก นางเงือก โดย Mahoro ศิลปกรรม ณัฐพล สอนจรูญ (บูม) - Daylight ติดต่อ โทรศัพท์ 085-1306318 เบียร์ อีเมลล์ jc_singhadang@hotmail.com เว็บไซต์ http://medleuddang.hi5.com พิมพ์ที่: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จ�ำนวน 500 เล่ม

2 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 2

30/11/2552 15:28:40


หวานเป็นลม...ขมเป็นอะไร? สวัสดีครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ทกุ คน พบกันอีกครัง้ กับนาย sayongในคอลัมน์ Young blood เพื่อนๆหลายคนคงได้รับทราบผลการเรียน ของวิชาที่เรียนไปเมื่อเทอมก่อนไปแล้ว ได้มากบ้างน้อยบ้าง ก็ไม่ต้องเสียใจไปนะครับโอกาสหน้ายังมี ^^ สู้ๆครับ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เพื่อนๆ เคยสังเกตมั้ยว่าชีวิตคนเรามีเรื่องต่างๆ ผ่าน เข้ามาหลากหลายมากมาย ทั้งนี้แต่ละเรื่องก็มีลักษณะเฉพาะที่มีความแตกต่างกัน ทั้ง เปี่ยมสุข เกษมเปรมปรี ทั้งเศร้าเหงา อ้างว้าง หรือดุเด็ดเผ็ดร้อน เปรียบได้กับการ ทานอาหาร ตัวเราเองเหมือนลิน้ ทีค่ อยรับรสอาหารทีใ่ ส่เข้ามาในปาก สิง่ ต่างๆทีผ่ า่ นเข้า มาในชีวติ ก็เปรียบได้กบั อาหารรสชาติตา่ งๆทัง้ หวานมัน กลมกล่อม หรือดุเด็ดเผ็ดร้อน ซึง่ สิง่ เหล่านีบ้ างครัง้ ก็รบั ได้บา้ งไม่ได้บา้ งขึน้ อยูก่ บั ความชอบและการ เตรียมตัวเตรียมใจ ของแต่ละคน แต่ทงั้ นีแ้ ละทัง้ นัน้ เราเองก็ไม่อาจหลีกหนีสงิ่ ทีเ่ ข้ามา ในชีวติ ของเราได้ไม่วา่ เราจะชิงชังมันแค่ไหนก็ตาม เหมือนกับลิน้ ทีไ่ ม่อาจหลบเลีย่ งไม่ลมิ้ รสอาหารทีใ่ ส่เข้ามาในปากได้...... แต่เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน ถ้าเราเปรียบสิ่งที่เข้ามาในชีวิต เหมือนอาหารทีใ่ ส่เข้ามาในปาก เราเองก็สามารถ ล่วงรูไ้ ด้ลว่ งหน้าและสามารถจัดการรับมือมันไว้ ก่อน หรือแม้กระทั่งสามารถหลีกเลี่ยงมันได้ เช่น เรารูว้ า่ มะระขมปีแ๋ ล้วเราจะไปกินมันท�ำไม ฉะนั้นถ้าเรารู้ว่าการท�ำอะไรอย่างหนึ่งท�ำให้ เกิดผลอย่างหนึ่งที่เป็นผลเสีย เราก็หลีกเลี่ยง อย่าไปท�ำมัน เช่น ถ้าเทพเฟรชเชอร์รู้ว่าเสียบ ดรอกบาร์แล้วโดนใบแดง เทพเฟรชเชอร์คงไม่คดิ จะเสียบ แต่ถ้าการมาของสิ่งนั้นไม่อาจหลีกเลี่ยงเราก็ยังสามารถเตรียมการรับมือมันได้ เหมือน เวลาเรากินยาพาราแล้วเรารู้ว่ามันขมแต่ยังไงๆ ก็ต้องกิน เราก็อมน�้ำไว้ลดขมก่อนแล้ว ค่อยกิน

3 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 3

30/11/2552 15:28:43


มีค�ำโบราณกล่าวไว้ว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” ค�ำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็น ถึงลักษณะตามธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ได้สองประเด็นหลักคือ 1. มนุษย์แบ่งประเภทของสิง่ ทีเ่ ข้ามาในชีวติ ของตนเป็นสองแบบ หลักๆ คือ หวาน (สุข น่าพอใจ) กับขม (ทุกข์ ไม่น่าพึงใจ) 2. มนุษย์เราแสวงหาความหวานให้ชีวิต มนุษย์เราพยายามทุกวิถี ทางเพื่อน�ำมาซึ่งความสะดวกสบายของตน 3. ผู้ให้ค�ำกล่าวนี้ มองว่าความขมนั้นแฝงประโยชน์เอาไว้ภายใต้รูปกายที่ไม่น่ารัก ของมัน ซึง่ ค�ำกล่าวนีอ้ าจเป็นจริงหรือไม่เป็นจริงขึ้นอยู่กบั ปัจจัย บางอย่างทั้งนี้ผมคิดว่าความขมเองก็มีลักษณะที่แตกต่างหลาก หลายขึ้นกับขนาดความเข้มข้น สถานการณ์แวดล้อม ความพร้อมทางกายและใจของ ผู้รับความขม และปัจจัยประกอบอื่นๆ โดยเราสามารถแบ่งความขมในชีวิตแบบต่างๆได้ ดังนี้ 1. “ขมเป็นยา” ในความทุกข์ระทมขมขื่นนั้น กลับแฝงไว้ด้วยคุณประโยชน์ต่างๆที่ เราคาดไม่ถึง เช่นค�ำดุด่า ค�ำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ การถูกท�ำโทษเพื่อเอาไว้ เตือนสติ นับได้ว่าเป็นความขมที่เป็นคุณ 2. “ขมเป็นพิษ” หากความขมในชีวิตมีความ ร้ายกาจรุนแรงเสียจนเกินจะทานรับได้ ก่อนทีม่ นั จะแสดงสรรพคุณทางยาในข้อ 1. ความ ขมนัน้ อาจน�ำไปสูค่ วามล้มเหลวของผูร้ บั ทัง้ ด้านร่างกายและจิตใจ เช่น อกหักแล้วโดดตึก ติด F แล้วกรีดข้อมือ ฯลฯ 3. “ขมเป็นโล่” ความขมบางครั้งเปรียบได้กับวัคซีนซึ่งช่วย ให้ผู้ที่เคยรับมันมาก่อนสามารถต้านทานความขมในระดับใกล้เคียงกันได้ เช่น เคยฝึก รด. เวลาเรียกระดมพลเลยไม่รสู้ กึ แย่เท่าคนทีไ่ ม่ได้ฝกึ เคยซ้อมหนีภยั แล้วสามารถรับมือ กับภัยได้ดีกว่าคนไม่ซ้อม เป็นต้น 4. “ขมเป็นดาบ” ความขมบางครั้งก็ท�ำให้คนแกร่ง ขึน้ และบางครัง้ ก็ท�ำให้คนอันตรายขึน้ จากความน้อยเนือ้ ต�่ำใจและความบ้าระห�ำ่ ทีเ่ ป็นผล พวงมาจากความขม ท�ำให้กลายเป็นเหมือนดาบทีใ่ ช้เพือ่ ท�ำร้ายผูอ้ นื่ ให้เจ็บปวดเหมือนตน เช่น อกหักแล้วไปยิงชู้รัก ฯลฯ และสุดท้าย 5. “ขมคือความจริง” ในบางครั้งความ จริงมันช่างโหดร้าย แต่มันก็คือความจริงที่แม้จะไม่ชอบมันแค่ไหนก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง ท�ำได้เพียงเตรียมกายและใจให้พร้อมส�ำหรับรับมือมันให้ได้ ข้างต้นเห็นได้ว่าความขมนั้นให้ผลที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่ออยู่ในตัวแสดง สภาวะประกอบรวมทั้งปัจจัยเฉพาะที่แตกต่างกัน เรื่องร้ายแรงแบบเดียวกันเช่น เกรด ห่วย หากแต่อยู่ในสภาพแวดล้อมและตัวแสดงที่แตกต่างกัน เช่น คนนึงเพิ่งเสียญาติไป

4 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 4

30/11/2552 15:28:45


หรือคนนึงมีปัญหาทางจิตอยู่ก่อน อาจน�ำมาซึ่งผลลัพท์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งนี้ความขม ทีเ่ ข้ามาในชีวติ เราสามารถจัดการกับมันได้เหมือนสิง่ อืน่ ๆ ทีเ่ ข้ามาอย่างทีก่ ล่าวไว้ขา้ งต้น ท�ำให้เราสามารถเลือกรับความขมที่พอเหมาะพอสมกับที่เราพอจะรับได้เพื่อน�ำมันมาส ร้างสรรค์เป็นผลประโยชน์ในการด�ำเนินชีวิต เช่น การลองผิดลองถูกในเรื่องที่เหมาะสม เพือ่ จดจ�ำไว้เป็นบทเรียน ฯลฯ แต่หลีกเลีย่ งการกระท�ำทีอ่ าจอาจท�ำให้เกิดความผิดพลาด ร้ายแรงอันน�ำมาซึง่ ความขมทีเ่ รารับไม่ไหว โดยอาศัยการสังเกตปัจจัยประกอบต่างๆ เข้า ร่วม เช่น รู้ว่าตัวเองหัวไม่ดีหรือไม่ถนัดวิชานี้ก็หลีกเลี่ยงการโดดเรียนเพื่อหลีกเลี่ยง F ฯลฯ ท�ำให้เราไม่ได้รับความขมที่เกินขนาดอันเป็นพิษภัยต่อตนเองและผู้อื่น แต่ในบาง ครั้งความขมบางประเภทก็ไม่สามารถจัดการ หรือหลีกเลี่ยงมันได้ เช่น โรคภัย เคราะห์ ดวง ฯลฯ สิง่ ทีเ่ ราสามารถท�ำได้มเี พียงการเตรียมตัวพร้อมรับมือกับมันให้มากทีส่ ดุ เพือ่ ลดพิษความขมที่จะส่งผลต่อเราให้มากที่สุด จากทีก่ ล่าวมาทัง้ หมดเราจะเห็นได้วา่ ชีวติ คนเรานัน้ ความหวานไม่ใช่ทกุ สิง่ แม้ เราทุกคนจะแสวงหาความหวาน แต่ในชีวิตเราเองก็ไม่สามารถหลีกหนีความขมได้เรา ท�ำได้เพียงจัดการความขมและแสวงหาประโยชน์จากมันให้มากที่สุด หรือหากความขม นัน้ มิอาจควบคุมเราก็สามารถเตรียมพร้อมส�ำหรับรับมือความขมเหล่านัน้ เพือ่ ให้สามารถ เผชิญกับมันได้ สุดท้ายนี้หวังว่าทุกท่านจะลองแสวงหาความขมในชีวิตดูบ้าง “ความ ขมให้อะไรกับคุณมากกว่าที่คิด” สวัสดีครับ ^^ 

Sayong #60

5 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 5

30/11/2552 15:28:48


มะขามป้อม “มะขามป้อมเป็นผลไม้ทกี่ นิ เข้าไปแรกๆ จะมีรสฝาดๆ แต่ พอดื่มน�้ำตามก็จะได้รสหวาน มีประโยชน์ถือเป็นยาได้ซึ่งก็เป็น ความหมายเป็ น นั ย ที่ ต รงกั บ การท� ำ งานของเรา ละครแปลกๆ แต่กลับสนุกสนานยิ่งดูไปก็ยิ่งได้ สาระ ประโยชน์ทเี่ อาไปใช้ในชีวติ ได้เสมือนเป็น ยาพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองและชุมชน” ทุกครั้งที่ผมได้มีโอกาสคุยกับนุ่น เธอมักจะท�ำให้ผมทึ่งด้วยความคิดอ่าน ที่แตกต่าง ไปจากหนุม่ สาวรุน่ ราวคราวเดียวกันเสมอ เมือ่ เริม่ ทีผ่ มได้รจู้ กั เธอผมรูส้ กึ ว่า เธอออกจะแปลกจนไม่น่าจะคบหา แต่รู้จักเธอไปได้สักพักผมก็ชักชอบเธอ ขึ้นมาแล้วสิ… หลังจากการได้พูดคุยกับนุ่นผมก็ได้รู้ว่าสิ่งที่ได้เป็นตัวหล่อหลอมความคิด และตัวตนของเธอส่วนหนึ่งนั้นมาจากการได้ท�ำกิจกรรมร่วมกับมูลนิธิสื่อ ชาวบ้าน (มะขามป้อม) นั่นเอง ผมจึงใคร่จะรู้เป็นอย่างมากว่ากลุ่ม มะขามป้อมนี้เป็นอย่างไร

นุ่น

“มู ล นิ ธิ สื่ อ ชาวบ้ า น (มะขามป้ อ ม) เกิ ด ขึ้ น มาได้ อ ย่ า งไร” ค�ำถามแรกที่ผมถามนุ่นในการเริ่มบทสนทนาของเรา “กลุ ่ ม มะขามป้ อ มมาจากการรวมตั ว กั น ของนั ก ศึ ก ษาผู ้ มี อุดมการณ์ทจี่ ะท�ำเพือ่ สังคมในปี 2523 ซึง่ มีจดุ เริม่ มาจากกลุม่ เคลือ่ นไหว เพือ่ ประชาธิปไตยช่วงปี 2514 โดยการใช้การละครเป็นสือ่ เพือ่ พัฒนาชุมชน และสะท้อนปัญหาชาวบ้าน” “กิจกรรมของมะขามป้อมในปัจจุบันมีอะไรบ้าง”

6 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 6

30/11/2552 15:28:53


“กิจกรรมของมะขามป้อมนั้นก็จะมีการละครซึ่งมีทั้งละครการศึกษาและละคร ชุมชน อย่างละครชุมชนนีอ้ าสาสมัครจะลงไปในชุมชนและฝังตัวอยูท่ นี่ นั่ และน�ำปัญหา ที่พบเจอในชุมชนนั้นมาถ่ายทอดให้ชาวบ้านได้รับรู้ผ่านการแสดงละครของกลุ่ม การ ละครนี้เป็นสื่อที่สามารถเข้าใจได้ง่ายเพราะเราจะสมมติตัวแสดง ฉาก เป็นชุมชนและคน ของชุมชุนนั้น และถ่ายทอดปัญหาของชุมชนเอง จึงท�ำให้คนในชุมชนเหมือนได้เห็น ภาพสะท้อนของพวกเขาเอง และเรายังดึงคนในชุมชนมามีส่วนร่วมในกระบวนการอีก ด้วย” “กิจกรรมล่าสุดที่นุ่นได้ไปร่วมท�ำร่วม กับมะขามป้อมคืออะไร” “ทีไ่ ปลงพืน้ ทีม่ าล่าสุด คือไปอยูก่ บั ชาว เผ่าปะหร่อง (ดาระอัง้ ) ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งพวกเขาเข้ามาอยู่ในประเทศไทยกว่าสี่สิบปี แล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังมีปัญหาเรื่องที่อยู่และ ปัญหาอื่นๆ อีกมาก” “นอกจากนี้มะขามป้อมยังมีกิจกรรม อะไรอีก” “ก็มีค่ายการศึกษา ก็จะมีจัดค่ายเพื่อการเรียนรู้ของเยาวชนโดยมีกระบวนการ หลักผ่านการละคร อย่างการเรียนแบบ บูรณาการทีป่ จั จุบนั น�ำมาใช้กนั อย่างแพร่หลาย ในไทยเมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มมะขามป้อมนั้นเริ่มท�ำมาเป็นสิบปีแล้ว การท�ำงานของกลุ่ม จะมีการพัฒนาอยู่เสมอ และยังมีการท�ำงานรวมกับองค์กรนานาชาติในปัญหาระหว่าง ประเทศอีกด้วย” “นุ่นคิดว่าเอกลักษณ์ที่ท�ำให้มะขามป้อมแตกต่างจากกลุ่มที่ท�ำเพื่อสังคมกลุ่ม อื่นๆคืออะไร” “มะขามป้อมเป็นกลุม่ ทีท่ ำ� งานโดยมีเป้าหมายและกระบวนการอย่างชัดเจน อีก ทั้งประสบการณ์ที่เกิดจากการอยู่มาอย่างยาวนานของกลุ่มที่ได้ท�ำกิจกรรมมากมายและ ต่อเนื่อง ท�ำให้มะขามป้อมท�ำงานอย่างมืออาชีพ จะว่าไปมะขามป้อมก็เหมือนบริษัท หนึ่ง แต่เป็นบริษัทที่มีเป้าหมายที่ต้องการท�ำเพื่อคนอื่น แต่ในขณะเดียวกันพวกเราก็ ท�ำงานเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน” “แล้วความประทับใจที่มีต่อมะขามป้อมล่ะ” “นุ่นประทับใจความเป็นครอบครัวของมะขามป้อม เมื่อได้มาอยู่กับกลุ่มนี้แล้ว

7 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 7

30/11/2552 15:28:57


เหมือนอยู่บ้านและสมาชิกในมะขามป้อมท�ำให้เราเป็นเสมือนคนในครอบครัว ประทับ ใจคนในมะขามป้อม อย่างพี่ก๋วย (พี่สมาชิกมะขามป้อม) นุ่นมองเค้าเป็นฮีโร่ของนุ่น พี่ ก๋วยยิ้มแย้มและดูมีความสุขเสมอเมื่อท�ำกิจกรรมต่างๆ พี่เค้าท�ำกิจกรรมนี้มาตั้งแต่ยัง เป็นเด็ก ปัจจุบันก็ยังท�ำอยู่ เหมือนเค้าใช้ทั้งชีวิตท�ำเพื่อคนอื่นหรือเรียกได้ว่าการท�ำเพื่อ สังคม ท�ำเพื่อคนอื่นเป็นอาชีพของเค้าก็ว่าได้ และประทับใจสมาชิกมะขามป้อมทุกคน และทีส่ ำ� คัญมะขามป้อมเป็นเสมือนพืน้ ทีใ่ ห้นนุ่ ได้เรียนรูก้ ระบวนการและได้คน้ หาตัวเอง” “อยากให้นุ่นฝากอะไรถึงเพื่อนๆ นักศึกษาอยากจะท�ำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่าง นุ่นบ้าง” “อยากให้ท�ำในสิ่งที่อยากจะท�ำ หาพื้นที่ที่จะได้ใช้ไฟของเราที่ยังคุกรุ่นอยู่ให้ได้ อย่าปล่อยให้ไฟมันดับไปโดยที่ยังไม่ได้ท�ำอะไรเลย และ ณ มุมมุมหนึ่งยังมีคนที่ยังท�ำ เพือ่ คนอืน่ เพือ่ สังคมอยูแ่ ละพวกเขาก็มคี วามสุขทีไ่ ด้ทำ� ถ้าเราอยากเรียนรูก้ ต็ อ้ งลงมือท�ำ อยากเก่งก็ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เหมือนที่พี่ก๋วยเคยบอกนุ่นว่า ดอกไม้เมื่อถึงเวลาที่มัน จะบานมันก็บานเอง ค่อยๆ อยู่กับมัน ประสบการณ์จะท�ำให้เราเก่งขึ้นเอง” นั่นคือ สิ่งที่เธอได้ทิ้งท้ายไว้เมื่อจบการสนทนาของเรา และนุ่นได้บอกกับผมว่าเรื่องราวที่เธอ ได้เล่าให้ผมฟังนีเ้ ป็นเพียงส่วนหนึง่ ของกิจกรรมในมะขามป้อมเท่านัน้ ส่วนทีเ่ หลืออยาก ให้มาเรียนรู้และสัมผัสด้วยตัวเอง ในปัจจุบันยังมีคนหรือกลุ่มคนที่ต้องการท�ำเพื่อสังคมอีกมากและแต่ละกลุ่มก็มี รูปแบบทีแ่ ตกต่างกันออกไป ผมเห็นด้วยกับนุน่ ทีว่ า่ ลองหาพืน้ ทีข่ องตัวเองให้เจอและลงมือ ท� ำ การที่ คุ ณ ได้ ท� ำ ในสิ่ ง ที่ ช อบที่ ใ ช่ ใ นพื้ น ที่ ข องคุ ณ นอกจากจะท� ำ ให้ คุ ณ เองมี ความสุขเองแล้ว ผมว่าบางทีอาจท�ำให้พนื้ ทีข่ องคนอืน่ มีความสุขตามไปด้วยก็เป็นได้  พีรชา ภาวัชร์ ติดต่อกลุ่มมะขามป้อม : www.makhampom.net นุ่น : noonnouch@gmail.com

8 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 8

30/11/2552 15:28:59


รถไฟฟ้า (ไม่) มาหานะเธอ เมื่อประชากรเยอะขึ้น ความเจริญก็ เพิ่มขึ้น การเดินทางก็เพิ่มขึ้น การขนส่งระบบราง ถือเป็นระบบคมนาคมอย่างหนึง่ ทีไ่ ด้รบั ความสนใจ เสมอมา เพราะสามารถขนส่งคนได้เป็นจ�ำนวนมาก โดยใช้พื้นผิวจราจรและค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า โดยเฉพาะกับเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯที่ ประสบปัญหารถติดและการกระจุกตัวของความเจริญเป็นอย่างมาก โครงการขนส่งระบบ รางจึงเป็นอีกหนึง่ ความหวังทีจ่ ะช่วยเพิม่ ความสะดวกในการเดินทางและเป็นการกระจาย ความเจริญไปสู่รอบนอกได้เพิ่มขึ้น ทุกรัฐบาล ทุกพรรคการเมือง มักจะมีเรื่องนี้บรรจุไว้ เป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงของตน เป็นนโยบายที่สร้างฝันหวานๆถึงอนาคตที่สวยงาม แต่หลายครั้งที่ฝันหวานๆ เหล่านั้นกลายเป็นหวานขม แถมบางครั้งยังทิ้งแผลไว้ให้ดูต่าง หน้าเสียอีก ในที่นี้จึงขอคัดโครงการฝันสลายของการขนส่งระบบรางมาให้ดูกัน จะได้รู้ ว่าโครงการฝันหวานที่ตื่นมาไม่มีจริงมันเป็นยังไง

โครงการรถไฟฟ้าลาวาลิน เป็นโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ายกระดับใน กรุงเทพฯ ตั้งชื่อตามบริษัทลาวาลิน ซึ่งเป็นผู้รับผิด ชอบโครงการ โดยเริม่ โครงการตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2522 แต่ประสบปัญหาด้านการเงิน และการค�ำนวณค่า ก่อสร้างที่ผิดพลาด (เรียนเลขมามั้ยเนี่ย) จนต้อง ยกเลิกโครงการในรัฐบาลอานันท์ แต่ยังทิ้งอนุสรณ์ ไว้ที่บริเวณกึ่งกลางสะพานพระปกเกล้า

9 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 9

30/11/2552 15:29:01


โครงการ Bangkok Terminal เคยสงสัยมั้ยว่าทำ�ไมสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่จตุจักรถึง ชือ่ ว่า “หมอชิต” ทัง้ ทีม่ นั อยูห่ า่ งจากสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ ตั้งหลายกิโล ที่จริงแล้วสถานีนี้ไม่ได้ตั้งชื่อผิด เพราะบริเวณ ที่สถานีนี้ตั้งอยู่ มันใกล้กับสถานีขนส่งหมอชิตจริง แต่เป็น หมอชิตเก่า ซึ่งก็คือบริเวณที่จอดรถและอาคารซ่อมบำ�รุง BTS ในปัจจุบนั นีเ่ อง เหตุการณ์มอี ยูว่ า่ เมือ่ ตอนทีก่ ำ�ลังสร้าง รถไฟฟ้า BTS อยู่นั้น ได้เกิดความคิดที่จะปรับปรุงสถานี ขนส่งหมอชิตให้กลายเป็นศูนย์กลางคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดใน โลก!!! รวมห้างสรรพสินค้า รถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าลอยฟ้า รถประจำ�ทาง Taxi ไว้ในที่แห่งนี้ ประมาณการว่าจะมีผู้มาใช้บริการวันละล้านคน เมื่อ เริ่มโครงการจึงได้ย้ายที่หมอชิตให้ไปอยู่ที่อื่นพลางๆก่อน กะว่าโครงการเสร็จเมื่อไหร่จะ ย้ายหมอชิตกลับมา แต่ผลกลับปรากฏว่าโครงการเจ๊งไม่เป็นท่า เหลือไว้เพียงโรงจอด รถไฟฟ้าที่ยังสร้างไม่เสร็จ กับลานจอดรถไว้ให้ดูต่างหน้า ส่วนสถานีขนส่งก็ย้ายกลับมา ไม่ได้ จนต้องอยู่ที่หมอชิตใหม่จนถึงทุกวันนี้

โครงการ Bangkok Terminal สุดยอดโครงการแห่งความอัปยศ จาก Hopewell ต้องกลายเป็น Hopeless โครงการนี้เริ่มต้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ตั้งใจจะให้เป็นโครงการรถไฟ รถไฟฟ้า ทางด่วน เพือ่ ขนส่งคนจากชานเมืองกับในเมือง เริม่ ก่อสร้าง ในปี พ.ศ. 2533 แต่เมื่อเริ่มก่อสร้างไปบางส่วน ก็ประสบ ปัญหาการก่อสร้างล่าช้ากว่ากำ�หนดมาก เนื่องจากประสบ ปั ญ หาในการเวนคื น พื้ น ที่ อี ก ทั้ ง บริ ษั ท โฮปเวลล์ ผู้ รั บ สัมปทานยังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องเพราะไม่สามารถ หาแหล่งเงินทุนได้ แถมยังคำ�นวณค่าก่อสร้างผิดพลาด

10 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 10

30/11/2552 15:29:03


(อีกแล้ว) จนในที่สุดรัฐบาลได้บอกยกเลิกสัญญาในปี พ.ศ. 2541 แต่ทางบริษัทโฮปเวลล์ ก็ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐอ้างว่าบอกยกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรม เป็นคดีความยืด เยื้อมานานกว่า 10 ปี ตอม่อที่เหลือก็ไม่สามารถนำ�มาใช้ประโยชน์ได้เพราะติดเรื่อง ฟ้องร้อง จนในปี พ.ศ. 2551 อนุญาโตตุลาการได้วินิจฉัยให้รัฐต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ บริษทั โฮปเวลล์เป็นเงินกว่า 12,000 ล้านบาท และจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าตอม่อ โฮปเวลล์ไม่มีความแข็งแรงเพียงพอหากจะนำ�มาสร้างรถไฟฟ้า ตอนนี้ก็เลยยังไม่รู้ว่าจะ ทุบทิ้งหรือซ่อมดี

โครงการรถไฟรางคู่

สาเหตุ ห นึ่ ง ที่ ทำ�ให้ ร ถไฟใช้ เ วลาในการ เดินทางนาน เนื่องจากทางรถไฟส่วนใหญ่เป็นราง เดี่ยว ทำ�ให้จำ�เป็นต้องมีการจอดรอหลีกทางให้อีก ขบวนผ่านไป ดังนั้นแนวคิดการสร้างรถไฟรางคู่ทั่ว ประเทศจึงเกิดขึ้น ซึ่งหลายรัฐบาลต่างก็รับปากว่า จะทำ�ให้สำ�เร็จและชูโครงการนี้ในการหาเสียงเลือก ตั้ง แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะเป็นจริงขึ้นมา ล่าสุดในแผน ไทยเข้มแข็งก็ได้บรรจุเรื่องการสร้างรถไฟรางคู่ไว้ ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็คงต้องดูว่าจะสำ�เร็จได้มากแค่ไหน

โครงการ Makkasan Complex & Airport Link

แอร์พอร์ตลิงค์ เป็นโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเชือ่ มต่อสนามบินสุวรรณภูมิ เพือ่ ความสะดวงในการเดินทาง และเพือ่ หารายได้มาสู่ ร.ฟ.ท.มากขึน้ จึงได้มกี ารผุดโครงการ Makkasan Complex มูลค่าสองแสนกว่าล้านขึน้ โดยจะเปลีย่ นบริเวณสถานีมกั กะสันให้ เป็นห้างสรรพสินค้า แหล่งท่องเที่ยว โรงแรม ศูนย์กลางธุรกิจ ฯลฯ แต่จนถึงปัจจุบัน แม้แอร์พอร์ตลิงค์จะสร้างเสร็จแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเปิดเดินรถได้ เนื่องจากความขัด แย้งระหว่างสหภาพการรถไฟกับ ร.ฟ.ท. (ซึ่งคงไม่จบง่ายๆ) ส่วนโครงการ Makkasan Complex ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้ (และไกล) เช่นกัน

11 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 11

30/11/2552 15:29:05


เหล่ า นี้ เ ป็ น เพี ย งตั ว อย่ า งโครงการที่ สร้างความเจ็บช้ำ�ให้กับประเทศไทย และ ไม่ ใ ช่ เ ฉพาะเกี่ ย วกั บ การขนส่ ง ระบบราง เท่านั้น ในประเทศนี้ยังมีโครงการอันสวย หรูอีกหลายโครงการที่ดูแล้วคงเป็นได้แค่ ฝัน ก็ได้แต่หวังว่าโครงการฝันสลายแบบ นี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต (แต่ก็คงเป็นได้ แค่ฝันสินะ...ที่นี่ประเทศไทย) 

Dk toM แหล่งอ้างอิง http://www.t-pageant.com/webboard/viewtopic.php?f=8&t=106849&p=1468627 http://www.pantip.com/cafe/wahkor

ผลผลิตน�้ำตาลขาดตลาดโลก วิกฤติหรือโอกาส?

By Paweesuda.K

น�้ ำ ตาลนั บ เป็ น ผลผลิ ต แปรรู ป ทางการเกษตรที่มีความส�ำคัญอันดับต้นๆ ของโลก เพราะเป็ น ส่ ว นผสมในการ

ประกอบอาหารทุกครัว เรื อ นและเป็ น วั ต ถุ ดิ บ ในการผลิตสินค้าและ บริการของผู้ประกอบ การทัว่ โลก ดังนัน้ จึงไม่ น่าแปลกที่น�้ำตาลจะเป็นสินค้าส่งออกอัน ดั บ ต้ น ๆที่ ท� ำ รายได้ ม หาศาลในหลาย ประเทศ ซึ่ ง ประเทศที่ ผ ลิ ต และส่ ง ออก

12 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 12

30/11/2552 15:29:07


น�้ำตาลมากที่สุดในโลก คือ บราซิลและ แล้ว ราคาน�ำ้ ตาลในตลาดโลกเพิม่ ขึน้ ถึง 5 อิ น เดี ย นอกจากนี้ ยั ง มี ป ระเทศอื่ น ๆใน เท่า และเพิ่มอีก 3 เท่าในปี 2523 ก่อน เอเชียที่ผลิตน�้ำตาลได้เป็นจ�ำนวนมากถึง จะมีเสถียรภาพมาโดยตลอดในช่วง 20 ปี ร้อยละ 36 ของผลผลิตน�้ำตาลของโลก ทีผ่ า่ นมา จนถึงปีนี้ ทีร่ าคาน�ำ้ ตาลในตลาด เช่น ปากีสถาน ไทย เป็นต้น โลกเพิ่มขึ้นไปแล้วถึงร้อยละ 94 ทั้งนี้ “อ้ อ ย” ...ทั้ ง นี้ เ ป็ น ผลมาจากความต้ อ งการ เนื่องจากผลผลิต เ ป ็ น พื ช ที่ มี ถิ่ น เอทานอลเป็ น เชื้ อ เพลิ ง ที่ เ พิ่ ม มากขึ้ น อ้อยในอินเดียลด ก� ำ เ นิ ด ใ น แ ถ บ ท�ำให้เกษตรกรเพิ่มการปลูกพืชที่แปรรูป ลงถึงร้อยละ 40 เ อ เ ชี ย ใ ต ้ แ ล ะ เป็นพลังงานได้...ปริมาณน�้ำตาลในตลาด เพราะเกษตรกร เอเชี ย ตะวั นออก จะน้อยลง ซึ่งสวนทางกับความต้องการ ช า ว อิ น เ ดี ย เ ฉี ย ง ใ ต ้ ที่ เ ป ็ น น�้ำตาลของประเทศต่างๆ ทั่วโลก... เปลีย่ นไปปลูกพืช วั ต ถุ ดิ บ หลั ก ใน ชนิดอืน่ ทีใ่ ห้ก�ำไร การผลิ ต น�้ ำ ตาล มากกว่า ซึ่งเป็น ในปัจจุบนั ดังนัน้ ผลต่ อ เนื่ อ งมา จ� ำ นวนผลผลิ ต จากเมือ่ ปี 2551 อ้อยของประเทศ ที่อ้อยมีราคาต�่ำ ผู้ส่งออกน�้ำตาล นอกจากนีอ้ นิ เดีย ย่ อ มส่ ง ผ ล ต ่ อ ยั ง เผชิ ญ กั บ ฤดู ปริ ม าณน�้ ำ ตาล มรสุมที่ย�่ำแย่สุด และขณะเดียวกัน ในรอบ 7 ปี ซึ่ง ปริ ม าณน�้ ำ ตาล จะท�ำให้เกิดภาวะ ต่อความต้องการ ขาดแคลน ของประชากรโลกย่ อ มส่ ง ผลต่ อ ราคา ผลผลิตไปจนถึงปีหน้า ขณะที่บราซิลเน้น น�้ ำ ตาลทั่ ว โลก กล่ า วคื อ หากปริ ม าณ ปลูกพืชทีน่ ำ� ไปแปรรูปเป็นพลังงานได้ ส่วน น�้ำตาลไม่เพียงพอต่อความต้องการของ ผลผลิ ต อ้ อ ยก็ ถู ก น� ำ ไปผลิ ต เป็ น เอทานอ ประชากรโลกราคาย่อมสูง ในทางตรงกัน ลมากถึง ร้อยละ 60 นอกจากนั้นประเท ข้ามหากปริมาณน�้ ำตาลมีมากเกินความ ศอื่นๆในเอเชียก็ได้รับผลกระทบจากสภาพ ต้องการ ราคาน�้ำตาลจะต�่ำลง อากาศทีแ่ ห้งแล้ง ท�ำให้ออ้ ยไม่เจริญเติบโต ปัจจุบันราคาน�้ำตาลในโลกเพิ่ม และไม่สามารถตัดมาขายได้ ประกอบกับ ขึ้นสูงสุดในรอบ 30 ปี โดยเมื่อ 35 ปีที่ การซือ้ น�ำ้ ตาลเพือ่ เก็งก�ำไรของกลุม่ กองทุน

13 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 13

30/11/2552 15:29:10


หลายกลุ่มที่ยิ่งท�ำให้ราคาน�้ำตาลสูงเป็น ประวัติการณ์ การเพิ่มขึ้นของราคาน�้ำตาลทั่ว โลก ส่งผลกระทบไปทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น ประชาชนทัว่ ไปหรือเจ้าของธุรกิจทีต่ อ้ งเสีย ค่ า ใช้ จ ่ า ยในการซื้ อ น�้ ำ ตาลเพิ่ ม มากขึ้ น อย่ า งเช่ น ในสหรั ฐ อเมริ ก า บรรดาผู ้ ประกอบการเกี่ยวกับอาหารเรียกร้องให้ รัฐบาลยกเลิกการจ�ำกัดการน�ำเข้าน�้ำตาล ทัง้ นีเ้ พราะเกรงว่าจะมีนำ�้ ตาลไม่พอส�ำหรับ การบริโภคทัง้ ประเทศ สถานการณ์นที้ ำ� ให้ รั ฐ บาลในหลายประเทศต้ อ งเร่ ง ด� ำ เนิ น มาตรการเพื่อควบคุมราคาน�้ำตาล โดย เฉพาะอย่ า งยิ่ ง ประเทศอิ น เดี ย ซึ่ ง เป็ น ประเทศผู้บริโภคน�้ำตาลอันดับ 1 โดย รั ฐ บาลได้ แ ทรกแซงราคาอ้ อ ยโดยได้ ก�ำหนดราคาที่โรงน�้ำตาลต้องจ่ายให้แก่ เกษตรกรและก�ำหนดราคาที่โรงน�้ำตาลจะ ขายในแต่ละเดือน นอกจากนีร้ ฐั บาลอินเดีย ยังได้อนุญาตให้มกี ารน�ำเข้าน�ำ้ ตาลโดยไม่มี การเก็บภาษี เพือ่ ให้เพียงพอกับการบริโภค ภายในประเทศอี ก ด้ ว ย โดยในปี พ.ศ. 2551 อินเดียได้น�ำเข้าน�้ำตาลถึง 7 ล้าน ตัน อย่างไรก็ตาม ขณะที่อินเดียและ บราซิลลดการผลิตน�้ำตาล ความต้องการ น�้ำตาลทั่วโลกไม่ได้ลดลงไปด้วย ดังนั้นจึง เป็นโอกาสอันดีของประเทศส่งออกน�้ำตาล

อืน่ ๆทีจ่ ะเร่งผลิตและ ส่ ง ออกน�้ ำ ตาล เพื่อสร้างรายได้ให้ แก่ประเทศตน ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ก็ เป็ น หนึ่ ง ในประเทศผู ้ ส ่ ง ออก น�้ำตาลได้เป็นจ�ำนวนมาก การที่ อ้อยและน�ำ้ ตาลมีราคาสูง ท�ำให้ผลผลิตทัง้ 2 ประเภทขายได้ราคาดี ช่วยให้เกษตรกร ไร่ออ้ ยและโรงงานน�้ำตาลของประเทศไทย มีรายได้เพิ่มมากขึ้นและสามารถช�ำระหนี้ สิ น ที่ มี อ ยู ่ ไ ด้ โ ดยประเทศไทยเริ่ ม ส่ ง ออก น�้ำตาลในช่วงปี พ.ศ. 2500 อันเป็นผลมา จากการขยายตัวของโรงงานน�้ำตาลทราย ประกอบกับการมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปัจจุบันประเทศไทยโดยสามารถ ผลิตน�ำ้ ตาลได้จำ� นวน 5 ล้านตันต่อปี และ ส่ ง ออกน�้ ำ ตาลในตลาดโลกที่ มี อ ยู ่ 5 ประเภทอันได้แก่ น�้ำตาลทรายดิบ J spec ที่ส่งออกให้ญี่ปุ่น, น�้ำตาลทรายดิบ Non J spec, น�้ำตาลทรายดิบ VHP, น�้ำตาล ทรายขาวและน�้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ได้ ประเทศไทยยังมีบทบาทในการ เจรจาร่วมลดภาษีน�้ำตาลในกลุ่มประเทศ อาเซียน ท�ำให้ปจั จุบนั ประเทศกลุม่ อาเซียน

14 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 14

30/11/2552 15:29:13


เป็ น คู ่ ค ้ า ที่ ส� ำ คั ญ ที่ สุ ด ของประเทศไทย อย่างไรก็ตามบราซิลก็เป็นคู่แข่งที่ส�ำคัญ ของไทยในภูมิภาคเอเชียด้วยมีก�ำลังการ ผลิตที่มากกว่า ดังนั้นไทยจึงได้ร่วมมือกับ บราซิลในการเจรจาให้สหรัฐอเมริกาผ่อน ปรนนโยบายปกป้ อ งผู ้ ผ ลิ ต น�้ ำ ตาลใน ประเทศซึ่งเป็นนโยบายที่กีดกันการน�ำเข้า น�้ำตาลอย่างหนัก ซึ่งหากประธานาธิบดี บารัค โอบามายอมให้มีการน�ำเข้าน�้ำตาล มากขึน้ บราซิลก็สามารถส่งออกน�ำ้ ตาลไป สหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่ใกล้กว่าแทนที่จะเป็น ประเทศในภูมิภาคเอเชียเพื่อประหยัดค่า ขนส่ง ประเทศไทยก็จะไม่ถูกน�้ำตาลจาก บราซิลแย่งตลาด

ต้องการเอทานอลเป็นเชื้อเพลิงที่เพิ่มมาก ขึ้ น ท� ำ ให้ เ กษตรกรเพิ่ ม การปลู ก พื ช ที่ แปรรูปเป็นพลังงานได้ และลดการปลูก อ้ อ ยลง ประกอบกั บ สภาพอากาศที่ แปรปรวนในปัจจุบันที่ท�ำให้ผลผลิตอ้อย เก็ บ เกี่ ย วได้ เ ป็ น จ� ำ นวนน้ อ ย ปริ ม าณ น�้ำตาลในตลาดจะน้อยลง ซึ่งสวนทางกับ ความต้องการน�ำ้ ตาลของประเทศต่างๆทัว่ โลก และหากราคาน�้ำตาลสูงขึ้นอย่างต่อ เนือ่ ง ราคาสินค้าทีใ่ ช้น�้ำตาลเป็นวัตถุดบิ ใน การผลิตก็จะสูงขึน้ รายจ่ายประชาชนก็เพิม่ มากขึ้นเช่นกัน 

เกรงว่าสักวันหนึ่งคงต้อง กินน�้ำมันแทนน�้ำตาล ;)

ราคาน�้ ำตาลที่สูงขึ้นประกอบกับ ความต้องการน�ำ้ ตาลที่มีมากนี้อาจเป็นขา ขึ้นส�ำหรับธุรกิจส่งออกน�้ำตาล โรงงาน น�้ ำ ตาลและชาวไร่ อ ้ อ ยในหลายประเทศ ข้าพเจ้าคาดว่าราคาน�้ำตาลโลกจะมีแนว โน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เป็นผลมาจากความ

15 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 15

30/11/2552 15:29:17


รสที่กลมกล่อมและซุกซ่อน

สวัสดีครับท่านผูอ้ า่ นทุกท่าน ครัง้ นีเ้ ป็นครัง้ แรกทีผ่ เู้ ขียนได้ พิมพ์ข้อความทักทายกับผู้อ่าน แม้ว่าผู้เขียนจะได้เขียนเรื่อง สัน้ ลงในคอลัมน์ไส้ตงิ่ มาแล้วหลายฉบับ แต่กไ็ ม่ได้มโี อกาสใด เลยที่จะได้กล่าวทักทายกับผู้อ่าน ครั้งนี้ก็ขอมาชิมลางงาน ใหม่กับผลงานบทความดูบ้าง จะตอบสนองความต้องการของผู้อ่านได้หรือไม่ก็ไม่อาจ ทราบได้ ผู้เขียนอยากที่จะได้รับฟังข้อติชมของท่านผู้อ่านนะครับ ส�ำหรับหนังสือเม็ดเลือดแดงฉบับนี้ เรามากันใน Theme “หวาน หวาน” เมื่อ เราพูดถึงความหวานแล้ว โดยมากแล้วเราก็จะนึกถึงความรัก คงเกิดจากค่านิยมทีไ่ ด้ปลูก ฟังกันมา ไม่ว่าจะเป็นสุภาษิตค�ำพังเพย เช่น เมื่อยามรักน�้ำต้มผักก็ว่าหวาน แต่ความ หวานนั้นจะมอบความสุขให้กับคนเราได้เต็มที่อย่างนั้นจริงหรือ? หากวันๆหนึ่ง เรากินแต่ของหวาน ขนมหวานไม่มีรสชาติอื่นใดมายุ่ง เลย ชีวิตของเราในวันนั้นจะเป็นเช่นไร ต่อให้เป็นเด็กที่รักในรสชาติ หวานก็ตามก็คงจะเบื่อได้ง่ายๆ ทั้งนี้เพราะ รสชาติหวานเพียง อย่างเดียวไม่อาจอยู่ได้ ต้องมีรสชาติอื่นๆผสมผสานให้ เกิดรสชาติทสี่ มดุล หากเราน�ำน�ำ้ ตาลลงไปต้มในน�้ำ ก็คงไม่มีใครอยากกินเป็นแน่ แต่หากเราน�ำผง กาแฟ น�ำครีมเทียมลงไปผสม ถ้วยน�้ำนั้นก็จะได้ กาแฟที่มีกลิ่นหอมหวานและรสชาติอันนุ่มละมุน น่ากินกว่ามีเพียงน�้ำตาลเป็นแน่ ลิน้ ของคนเรานัน้ ก็มปี ระสาทรับรูร้ สอัน หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรสขม หวาน เปรี้ยว และเค็ม ซึ่งเมื่อมีรสต่างๆเข้ามาในปาก ลิ้นของเราจะช่วยให้การคลุกเคล้าอาหารให้ ย่อยได้ง่ายยิ่งขึ้น ลิ้นของคนเราหากได้รับเพียงรสชาติใดรสชาติหนึ่งติดๆกันนานวันเข้า ก็จะเสือ่ มลงไปต้องมีการสัมผัสถึงรสชาติอนื่ ๆด้วยเพือ่ ให้เกิดการตืน่ ตัวอยูเ่ สมอ รสอร่อย นั้นจะเกิดมาจากการที่ได้ผสมรสต่างๆ เข้ากันอย่างลงตัว ประสาทการรับรู้รสหวานของ

16 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 16

30/11/2552 15:29:19


ลิ้นนั้นอยู่ด้านหน้าสุด และรสอื่นๆก็อยู่กระจายกันไปบนลิ้น รสชาติของชีวิตก็เช่นเดียวกัน ต้องมีหลากหลายรสชาติให้เราได้สัมผัส เพื่อให้ ชีวิตนี้ได้เจอกับรสอร่อยที่แท้จริง การที่คนเราได้สัมผัสเพียงด้านใดด้านหนึ่งเพียงอย่าง เดียวนั้น นานวันเข้าเราก็จะรู้สึกเบื่อในรสชาตินั้นไป ท�ำให้เราพยายามที่จะออกไปหารส ชาติใหม่ๆ ความหวานจากความรัก ความขมจากเรื่องทุกข์ ความเผ็ดของเรื่องตื่นเต้น เมื่อมีหลายๆรสเข้ามาผสมกันก็จะได้รสอร่อยเข้ามา ชีวประวัติของบุคคลต่างๆนั้นต่างก็ มีรสชาติต่างๆกันมาผสม ท�ำให้ชีวิตนั้นๆดูน่าสนุกไปด้วย แต่กับบางคนที่ไม่ออกไปหารส อื่นให้ชีวิตนั้น ชีวิตนั้นคงน่าเบื่อไร้สีสันและชีวิตชีวา เบือ้ งหลังของความหวานนัน้ ก็อาจจะมีรสอืน่ ๆ ซุกซ่อนอยู่ ความรักก็เช่นเดียวกัน ในความรักนั้นเรามองว่าเป็นเหมือนความหวาน ความหวานของความรักนั้นเป็นสิ่งที่ ใครๆก็ปรารถนาอยากจะได้มา แต่การที่จะได้มาซึ่งความหวานนั้น ไม่ใช่ว่าจะเกิดจากผู้ ให้เพียงอย่างเดียว ต้องมีการตอบสนองกันด้วย ความรักเพียงข้างเดียวนัน้ ไม่อาจจะมอบ ความหวานทีแ่ ท้จริงได้ มันคงเป็นรสหวานจากน�ำ้ ตาลเทียมไม่อาจสูค้ วามหวานทีแ่ ท้จริง ของน�ำ้ ตาลได้ แต่มนั ก็ยงั ดีกว่ารสขมของการสิน้ หวัง การอกหัก ไม่แน่วา่ ความหวาน ที่มาจากรักข้างเดียวอาจจะได้รับการตอบสนองและได้พัฒนาไป เป็นน�้ำผึ้งที่มีรสชาติหวานมากกว่าน�้ำตาลปกติ แต่ถึงอย่างไร หากความหวานนั้นไม่ได้มาจากธรรมชาติเป็นรสหวานที่เส แสร้งไม่นานนักก็จะย้อนกลับมาท�ำร้ายตัวเรา ความรักก็เช่นเดียวกับรสชาติ หากมีแต่เพียงความ หวานไม่นานก็จะท�ำให้เรารู้สึกเบื่อและเลี่ยน จนในที่สุดก็จะ ยุติเพื่อไปหารสชาติอื่นๆ แต่หากในความรักมีรสอื่นๆเข้ามา ด้วย อาจจะมีการทะเลาะกันบ้างก็อาจจะช่วยให้เราได้รจู้ กั คุณค่า ของความรักมากยิ่งขึ้น ลองเปิดให้มีรสชาติอื่นๆเข้ามาในชีวิต คู่ดูบ้าง ก็คงจะท�ำให้รักนี้มีความหมายมากยิ่งกว่าเดิม ลอง สังเกตได้งา่ ยว่า คูร่ กั ทีด่ เู หมือนรักกันมากมายกับคูท่ ที่ ะเลาะ กันบ้าง เมื่อเวลาผ่านไปโดยมากแล้วคู่ที่มอบความรักเพียง อย่างเดียวนั้นมักจะเลิกกันได้ง่ายกว่าคู่ที่มีการทะเลาะกัน เพียงเติมรสชาติอื่นลงไปบ้าง แต่อย่าเติมมากไปจนกลายเป็น รสชาตินนั้ เพียงอย่างเดียวเพราะในทีส่ ดุ เราก็จะเบือ่ เช่นเดียวกัน

17 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 17

30/11/2552 15:29:21


น�ำ้ ตาลนัน้ ก็มหี ลายชนิดอยูเ่ ช่นกันไม่วา่ จะเป็นน�ำ้ ตาลทราย น�ำ้ ตาลปีป น�ำ้ ตาล กรวด ซึ่งต่างก็เหมาะกับการใช้งานเฉพาะของตัวเอง นอกจากน�้ำตาลแล้วก็ยังมีวัตถุดิบ อื่นๆอีกมาก ที่มอบความหวานได้ เช่นน�้ำผึ้ง ไซลิทอล หรือขัณฑสกร ซึ่งแต่ละชนิดนั้น ก็มีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกัน เราคงไม่เติมน�ำ้ ตาลปีปลงไปในชามก๋วยเตี๋ยวและไม่ใส่ไซลิ ทอลลงไปในถ้วยกาแฟ แต่บางสิ่งก็สามารถน�ำไปทดแทนกันได้ หากน�ำน�้ำผึ้งไปใส่ใน กาแฟก็ได้รสชาติที่อร่อยไปอีกแบบ รสที่กลมกล่อมนั้นต้องเกิดจากรสชาติต่างๆมาผสมกันด้วยสิ่งที่เหมาะสมใน ปริมาณทีเ่ หมาะสม และทีส่ �ำคัญก็คอื ต้องเลือกให้ถกู กับคนแต่ละคนด้วย คนเราแต่ละคน นั้นต่างก็มีของที่ชอบไม่เหมือนกัน บางคนชอบหวานน้อย บางคนชอบหวานมาก แต่ใช่ ว่าทุกคนจะได้ในสิง่ ทีต่ นเองชอบ บางครัง้ คนทีช่ อบความหวานมากๆก็อาจจะได้รสชาติที่ หวานน้อยแต่ข้น เมื่อเราได้มาแล้ว บางทีเราก็อาจจะเปลี่ยนความชอบของคนเราได้ เหมือนกัน หรือถ้ามันไม่ใช่จริงๆก็หันไปหาของใหม่จะดีกว่า แต่หลายคนเมื่อหันไปแล้วก็ อาจจะหาใหม่ไม่ได้อีกเลย สังคมของเราในวันนี้ มีแต่รสขมของความขัดแย้งและการทะเลาะเบาะแว้ง รสเผ็ดของปัญหาอาชญากรรม รสเค็มของปัญหาเศรษฐกิจ หารสห วานไม่ค่อยจะได้ แต่เมื่อมีขึ้นมาในสังคม รสหวานก็จะดึงดูดคนให้ สนใจได้ง่าย น้องเคอิโงะ หลินปิง น้องหม่อง ก็เป็นหนึ่งในรสหวาน ของสังคมที่โผล่ออกมาในช่วงเวลาที่คนเบื่อหน่ายกับรสเดิมๆ ท�ำให้ เกิดกระแสสังคมที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นพิเศษ เชื่อว่าหากข่าว นี้ออกมาในช่วงที่สังคมมีแต่รสหวานๆ ข่าวนี้ก็คงไม่เป็นที่สนใจมาก เช่นทีเ่ ป็นในทุกวันนี้ แต่ในเมือ่ สังคมทุกวันนีเ้ ป็นเช่นนี้ การทีม่ ขี า่ ว หวานๆเข้ามาบ้างในสังคม ก็ช่วยให้เรายิ้มได้ ยิ้มเล็กๆ เมื่อมีผู้คน อื่นมาพบเห็น ก็คงช่วยให้สังคมนี้มีความสุขขึ้นบ้างสักนิด แต่ความหวานของสังคมในทุกวันนี้มีน้อยเหลือเกิน แต่คน เราก็จ�ำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อไป ลองหันมายิ้มส่งความหวานให้กับคน รอบข้าง เพื่อช่วยกันลดอุณหภูมิที่ร้อนแรงและขมขื่นของสังคมกันดูบ้าง  กัปปะ

18 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 18

30/11/2552 15:29:23


19 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 19

30/11/2552 15:29:27


Chocolate Love

Hao

วันนี้อากาศแจ่มใส ผมมาโรงเรียนด้วยความตื่นเต้นและความหวังนิด ๆ รวม ทั้งความกดดันหน่อยๆ วันนี้ทางโรงเรียนจะประกาศผลการสอบคัดห้อง ม.5 ขึ้น ม.6 ขณะเรียนวิชาภาษาไทยอยู่นั้น มีเสียงวิ่งบนตึกเหมือนคนก�ำลังไปที่ไหนสักที่ ผมชะเง้อออกไปนอกหน้าต่างเห็นเพื่อนๆ ห้องอื่นวิ่งไปมุงที่หน้าห้องวิชาการ “ประกาศผลแล้วสิ” ผมคิดในใจ ตอนนี้รู้สึกหวั่นๆ ยังไงไม่รู้ “อาจารย์คะ ขอไปดูผลสอบได้ไหมคะ” เพื่อนคนหนึ่งขออนุญาต “เออ ไปได้” ทันทีที่อาจารย์อนุญาต เพื่อนๆเกือบทั้งห้องลุกแล้ววิ่งตรงไปยัง ห้องวิชาการ “ไปดูผลสอบกัน” ออยชวน ผมก็ลุกตามไป ถึงหน้าห้องวิชาการ รู้สึกว่ามันช่างชุลมุนวุ่นวายเหลือเกิน ผมพยายามมุด เข้าไปดูเสร็จแล้วก็ออกมา “เฮ้ย กริชอยู่ห้องไหน” “ห้อง 1” “สาด แม่งเก่งวะ” “เออ แล้วมึงอะ ไอ้บอม” “กรูอยู่ห้อง 2” “เออ ดีแล้ว กูไปล่ะ” ผมเดินไปตามระเบียงเพื่อที่จะกลับห้อง มีมือมาแตะเบา ๆ ที่ไหล่ “กริช อยู่ห้องไหนเหรอ” ผมหันไปมอง เป็นออยนี่เอง “ห้อง 1 ครับ แล้วออยล่ะ” “ห้องเดียวกันนั่นแหละ ดีใจจังเลย” “รู้สึกว่าจะดีใจมากเป็นพิเศษนะ ไอ้บิ๊กมันก็อยู่ห้อง 1 เหมือนกันล่ะสิ” “คงงัน้ มัง้ ” เธอตอบแล้วก็เดินน�ำไปด้วยใบหน้าทีเ่ ต็มไปด้วยรอยยิม้ น้อยยิม้ ใหญ่

20 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 20

30/11/2552 15:29:28


ผมกับออยรู้จักกันตั้งแต่ ป.3 และเรียนอยู่ห้องเดียวกันมาตลอด แม้จะขึ้น มัธยมแล้วก็ตาม ออยจึงเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ผมสนิทมากที่สุด ออยเป็นคนที่ไม่สวยมาก แต่ก็น่ารัก ตาตี๋ ผิวค่อนข้างขาว มีเด็กผู้ชายมาจีบเธอหลายคน แต่เธอไม่ตอบตกลง เป็นแฟนใคร เพราะเธอหลงรักบิ๊ก เด็กห้อง 1 ที่ทั้งเรียนเก่งและหน้าตาดี เปิดเทอมใหม่ เราต่างอยู่ ม.6 แล้ว อาทิตย์แรกทุกคนต่างๆ พยายามตีซี้กับ เพื่อน ๆ ในห้องทุกคนให้มากที่สุด ออยเองก็พยามยามรู้จักบิ๊กให้มากขึ้น เย็นวันหนึ่ง ผมเห็นออยนั่งรอรถเมล์อยู่คนเดียว ผมจึงไปนั่งลงข้างๆ “ยังไม่กลับเหรอ” “กลับแล้วจะเห็นเหรอ อะล้อเล่น พอดีเพิ่งท�ำรายงานเสร็จ” “ถามไรอย่างสิ ได้ป่าว” “ได้ ถามมาดิ” “เธอชอบไอ้​้บิ๊กใช่ปะ” ค�ำถามนี้ท�ำให้ออยนิ่งเงียบไป ก่อนจะตอบออกมาว่า “คงงั้นมั้ง แต่บิ๊กเค้ามีแฟนแล้ว เค้าคงไม่ชอบฉันหรอก การหลงรักคงที่ เขาข้างเดียวนี่มันทรมานเนาะ รักเค้าแล้วเค้าไม่รักนี่มันแสนจะเจ็บปวด เฮ้อ” ออย ถอนหายใจ “นั่นสินะ” “รถเมล์มาแล้ว ไปนะ บ๊ายบาย” “บายครับ” ผมล้มตัวลงนอนบนเตียง พลางคิดไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะเรื่องของออย ท�ำให้ผมนอนไม่หลับ ยิ่งคิดยิ่งนอนไม่หลับเข้าไปใหญ่ ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดขึ้นมาว่า “การหลงรักคงทีเ่ ขาข้างเดียวนีม่ นั ทรมานเนอะ รักเค้าแล้วเค้าไม่รกั นีม่ นั แสน จะเจ็บปวด” “นั่นสินะ” ผมพยายามตอบ “นายเข้าใจด้วยเหรอ” “เข้าใจสิ ท�ำไมจะเข้าใจหละ และเข้าใจดีด้วย คนเรานี่ก็แปลกทั้งๆ ที่รู้ว่า เขาไม่รัก ก็ยังจะไปรักเขาอีก ทั้งๆ ที่รู้ว่าไอ้บิ๊กมันมีแฟนแล้วก็ยังจะไปรักมันอีก” “ทั้งๆที่รู้ว่าออยเขาไม่รัก นายก็ยังไปรักออยอีกนะหรือ”

21 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 21

30/11/2552 15:29:30


ผมนิ่งไป รู้สึกว่าเหมือนถูกมีดเสียบหัวใจ และไม่ได้ตอบค�ำถามนี้ “แล้วออยเขารู้ไหมว่านายชอบเขา” “ไม่รู้” “นายนี่เก็บอาการเก่งเนาะ” “ฉันแค่ไม่อยากเสียเพื่อนไปเท่านั้น” “ชอบเขาท�ำไมไม่ไปบอกเขาล่ะ” “ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ฉันไม่อยากเสียเพื่อนไป ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ ของเราห่างไกลกัน” “ถ้าบอกแล้วมันอาจจะ happy ก็ได้นี่” “ถ้ามันไม่ happy อย่างที่นายว่าล่ะ” เสียงนั้นเงียบหายไป ผมคิดมากจนหลับไปเหมือนกัน ผมสะดุ้งอีกครั้งเพราะเสียงโทรศัพท์ ผมหยิบมาดู หน้าจอขึ้นโชว์เบอร์ออย รับจึงด้วยความงัวเงีย “หวัดดีครับ มีอะไรแต่เช้าเลย” “เช้าที่ไหน นี่จะบ่ายสองแล้ว” “อ้าวเหรอ” “แสดงว่าตืน่ สายแน่นอนเลย คือทีโ่ ทรมานีอ่ ยากรูว้ า่ ผูช้ ายเขาชอบกินช็อกโกแลต แบบไหน” “ท�ำไมเหรอ” “ก็พรุ่งนี้เป็นวันวาเลนไทน์นะสิ ฉันอยากจะท�ำช็อกโกแลตให้บิ๊กเค้า” “ท�ำไมไม่โทรไปถามไอ้บิ๊กเองล่ะ” “ไม่อะ เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรซ์” “แล้วไม่กลัวแฟนเก่าเขาหึงเหรอ เขาอาจกลับมาคืนดีกันก็ได้” “คงไม่แล้วหละ เพราะบิ๊กเขาจับได้ว่าแฟนเขาไปมีกิ๊กนะสิ” “แหล่งข่าวเขาลึกจริงๆ” “แล้วตกลงผู้ชายชอบกินช็อกโกแลตแบบไหนหละ” “แบบไหนก็ได้แหละ ถ้าท�ำด้วยใจเขาคงรับไว้ ถ้าอร่อยเขาก็คงกินได้หมด แต่ว่าออยท�ำจะกินได้เหรอ”

22 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 22

30/11/2552 15:29:32


“ดูถูกฝีมืออีกแล้วนะ เดี๋ยวจะท�ำไปให้ลองชิมแล้วกัน” “ขอให้จริงเหอะ” “งั้นแค่นี้นะ หวัดดีจ๊ะ” “หวัดดีครับ” ผมอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ จังเลย ไม่รู้ว่าจะได้กินช็อคโกแลตรสชาติไหน

ช่วงพักระหว่างคาบเรียน เพื่อน ๆ ผู้หญิงต่างก็เอาสติ๊กเกอร์รูปหัวใจไปติดให้ เพื่อน ๆ ผู้ชายแต่ละคน บางคนก็ได้ช็อกโกแลต ผมเองก็ได้สติ๊กเกอร์หลายดวงเหมือน กัน ช่วงพักกลางวันออยเดินเข้ามาหาผมพร้อมกล่องสีแดงเท่าฝ่ามือ “ช็อกโกเลตวันวาเลนไทน์จ๊ะ” ออยยื่นให้ พร้อมกับแกะสติ๊กเกอร์รูปหัวใจประมาณหัวแม่มือ ติดที่อกซ้าย ของผม ผมรู้สึกหัวใจเต้นแรง หน้าชาไปหมด และได้แต่ยิ้ม “มีความสุขวันวาเลนไทน์นะจ๊ะ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไป ได้แต่พูดว่า “ขอบคุณครับ” ผมก้มดูกล่องใบนั้น มีโน้ตเล็ก ๆ แปะเอาไว้เขียนว่า “แด่เพื่อนรัก” สักพักออยก็เดินไปหาไอ้บกิ๊ แล้วก็ตดิ สติก๊ เกอร์ให้ จากนัน้ ก็ยนื่ กล่องช็อกโกแลต ให้เหมือนกับผมนั่นแหละ แต่ว่าไอ้บิ๊กเหมือนจะได้จดหมายเล็กๆ อีกซองหนึ่งด้วย ผม มีความรู้สึกอะไรไม่รู้ในใจ แต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ เย็นวันนั้น เมื่อผมกลับถึงบ้าน ผมดึงโน้ตที่กล่องช็อคโกแลตไปแปะไว้ที่หัว เตียง และเขียนเติมไปว่า “ที่แอบรักเพื่อน” ก่อนจะถอยออกมาอ่านแล้วยิ้มนิด ๆ “แด่ เพื่อนรัก ที่แอบรักเพื่อน” มันช่างน่าเศร้าเสียจริงๆ หลายวันหลังวาเลนไทน์ ผมรู้สึกว่าออยไม่ค่อยร่าเริงเหมือนแต่ก่อน “ยังไม่กลับ้านเหรอ” ผมนั่งลงข้าง ๆ เธอ “รถเมล์ยังไม่มา” “ช่วงนี้เป็นอะไร เห็นซึมๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา”

23 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 23

30/11/2552 15:29:34


“ไม่มีอะไรหรอก” “มีอะไรก็บอกได้ เผื่อจะได้สบายใจขึ้น” “บิ๊กเขาคิดกับเราแค่เพื่อน” ค�ำพูดประโยคนี้ท�ำให้ความเงียบมาเยือนเราอยู่ พักใหญ่ “เป็นแฟนกับเราได้ไหม” ผมไม่แน่ใจว่าก�ำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนั้น แต่ความ รู้สึกที่อัดอั้นในใจมันท�ำให้หลุดปากพูดออกไป ค�ำพูดนี้ท�ำให้ออยหันมามองหน้าผม “คือ เราชอบเธอ” ออยนิ่งเงียบไป ก่อนจะพูดออกมาช้า ๆ “เราเป็นเพื่อนกันดีที่สุดแล้ว ออยอยากให้กริชรักษามิตรภาพของเราไว้ตลอด ไป” หลังจากวันนั้น ผมกับออยก็ไม่ค่อยได้คุยกัน ไม่สนิทกันเหมือนแต่ก่อน อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกในใจที่เปิดเผยออกไป ท�ำให้ความห่างไกลมาเยือนเรา ทั้งสองคน 

ทองหยอด เพราะเป็นคนมีรสชาติเดียว

แทม #1 บริหารรัฐกิจ สิงห์โต๊ะเล็ก

ขนมโดนัท เพราะชอบอะไรที่เป็นวงกลม ตูน #1 บริหารรัฐกิจ จำ�ปี

บัวลอยไข่หวาน เพราะมันกลมและน่ากินดี

ตี๋ #1 การเมืองการปกครอง ถ�้ำสิงห์

24 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 24

30/11/2552 15:29:37


by: บี ศร พัศร เดือน

คงจะเหมือนลูกอมอ่ะ เพราะเวลาอมลูกอมแล้วจะเพลินใช่มะ เหมือนเราอ่ะเวลาใครคุยด้วยก็จะเพลินตามไปด้วย

เบนซ์ # 1 การเมืองการปกครอง สิงห์โต๊ะเล็ก

คง ชอกโกแล็ต เพราะไม่ใช่แค่ของหวาน ไว้กินเล่น เปรม #2 การระหว่างประเทศ

Vanilla ice-cream cuz’ เพราะว่าอร่อยดี ชอบ! BANK #2 3PALM การระหว่างประเทศ

25 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 25

30/11/2552 15:29:39


ขนมชั้น เพราะมันเหมือนท้องเราดี

โอเล่ # 2 บริหารรัฐกิจ แสงจันทร์

ขนมไหว้พระจันทร์ เพราะกลมเหมือนหน้าตัวเอง เอาไส้ทุเรียนด้วยเพราะอร่อยแบบแปลกๆ เฟิร์น # 2 การระหว่างประเทศ ภราดร

เเพนเค้ก เพราะกลมเหมือนหน้าเลย

จีน # 2 บริหารรัฐกิจ Paradise

เป็นขนมสายไหม เพราะภายนอกเหมือน มีอะไรแต่ความจริงไม่มีอะไร

ฟาง # 3 บริหารรัฐกิจ มาสิค่ะ

ซ่าหริ่ม เพราะดูมีสีสัน ดูเหมือนขนมไทย แต่ชื่อไม่เหมือนขนมไทย อั๋น # 3 การระหว่างประเทศ เมษา

26 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 26

30/11/2552 15:29:41


เป็นอมยิ้มจุ๊ปาจุ๊บ เพราะเป็น คนน่าจุ๊บ น่าจูบ โจ้ # 4 การเมืองการปกครอง ขาวควัน – จำ�ปีเหนือ

เป็นขนมรวมมิตร เพราะเอาทุกอย่างมารวมกันจนเป็นเรา

อุ้ย # 4 บริหารรัฐกิจ ริมเสาไฟ

เค้กมะนาว เพราะว่าหวานๆเปรี้ยวๆ ถึงจะ อ้วนแต่ก็น่ากิน อีฟ # 4 การระหว่างประเทศ จำ�ปี​ี

อน

าสิค่ะ

ขนมชั้น เพราะเป็นขนมชั้นไม่ ใช่ขนมเธอ

ยูริ # 4 การระหว่างประเทศ Appeal – สายรุ้ง

27 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 27

30/11/2552 15:29:44


การประกันคุณภาพทางการศึกษา (8) หลังจากฉบับทีแ่ ล้วเราได้นำ� ประวัตขิ องส�ำนักงาน รับรองมาตรฐานและคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ซึ่งเป็นรับผิด ชอบโดยตรงเกี่ยวกับประกันคุณภาพทางการศึกษา แต่น่า เสียดายที่ฉบับที่แล้วเนื้อที่ไม่พอจึงลงข้อมูลได้เฉพาะบางส่วน เท่านัน้ ฉบับนีจ้ งึ ได้น�ำข้อมูลของหน่วยงานนีม้ าให้รบั ทราบกัน

อ�ำนาจหน้าที่ พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งส�ำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการ ศึกษา (องค์การมหาชน) พ.ศ.2543 ในมาตรา 8 ก�ำหนดให้ส�ำนักงานฯ มีอ�ำนาจหน้าที่ หลัก ดังนี้ 1. พัฒนาระบบการประเมินคุณภาพภายนอก ก�ำหนด กรอบแนวทางและวิ ธี ก ารประเมิ น คุ ณ ภาพภายนอกที่ มี ประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับระบบการประกันคุณภาพ ของสถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัด 2. พัฒนามาตรฐานและเกณฑ์ส�ำหรับการประเมิน คุณภาพภายนอก 3. ให้การรับรองผู้ประเมินภายนอก 4. ก�ำกับดูแลและก�ำหนดมาตรฐานการประเมิน คุณภาพภายนอกที่ด�ำเนินการโดยผู้ประเมิน ภายนอก รวมทั้งให้การรับรองมาตรฐาน ทั้งนี้ ในกรณีจ�ำเป็นหรือเพื่อประโยชน์ใน การศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาระบบการประเมิน คุณภาพภายนอก ส�ำนักงานอาจด�ำเนินการ ประเมินคุณภาพภายนอกเองก็ได้

28 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 28

30/11/2552 15:29:45


5. พัฒนาและฝึกอบรมผู้ประเมินภายนอก จัดท�ำหลักสูตรการฝึกอบรม และ สนับสนุนให้องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพหรือวิชาการ เข้ามามีส่วนร่วมในการฝึกอบรม ผู้ประเมินภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพ 6. เสนอรายงานการประเมินคุณภาพและมาตรฐานการ ศึกษาประจ�ำปีต่อคณะ รัฐมนตรี รัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และ ส�ำนักงบประมาณ เพื่อประกอบการพิจารณาในการก�ำหนดนโยบายทางการศึกษา และ การจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษา รวมทั้งเผยแพร่รายงานดังกล่าวต่อหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องและสาธารณชน

เป้าหมายการให้บริการ

ให้มีการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาเพื่อพัฒนามาตรฐานการ ศึกษา โดยสถานศึกษาทุกแห่งจะได้รับการประเมินคุณภาพภายนอกอย่างน้อย 1 ครั้ง ในทุก 5 ปี การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นกระบวนการทางการศึกษาเพือ่ สร้างความ มั่นใจและ ให้หลักประกันต่อผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชนและสังคม ว่าสถานศึกษาสามารถ จัดการศึกษาให้มีคุณภาพ และมาตรฐานตามเกณฑ์ที่ก�ำหนดโดยการมีส่วนร่วมระหว่าง ภาครัฐและเอกชน อันก่อให้เกิดคุณปู การอย่างใหญ่หลวงต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และการยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยในสังคมโลก  To be continue

29 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 29

30/11/2552 15:29:48


โลกหลากเพศ ใย โลกผืนแหล่งหล้า คัด เผ่าคนสัตว์พันธุ์ แยก จ�ำแนกวงศ์วรรณ เพศ บุรุษสตรีดูใต้

มี สองเพศเท่านั้น เพียง สืบความอดีตสอน ชาย ชาญชาติบวร หญิง อ่อนแอลักษณ์นี้

เดิมอดีตดึกด�ำบรรพชาติ สานสังคมลดอ�ำนาจวาดเสรี ว่าด้วยเรื่อง “ควรพูด-ไม่ควรพูด” กลายเรื่องใหม่น่าสังสรรค์จ�ำนรรจา การจ�ำแนก ชายหญิง อิงความหยาบ เห็นมี “จู๋” ยื่นหน้าเขาว่าชาย ด้วยจ�ำแนกแยกหยาบมาตราบช้า อีกถูกจัดให้ลี้ลับหลีกวรรคเว้น คงเป็นเพราะเห็นได้ด้วยรูปลักษณ์ จัดจ�ำแนกกรอบอ�ำนาจวาดวางกาย

ลาวัลย์ แบ่งไว้ ชัดแน่ ด้วยตา ร่มผ้าอาภรณ์

ทุกนคร บ่งชี้ มากยศ นานา ค่าน้อยในตน กว่าเป็นปราชญ์เปรื่องคิดวิจิตรศรี ทุกกรรมมีกฎกรอบกติกา เรื่องที่ลับเอามารูดไว้เบื้องหน้า ด้วยเรื่อง “เพศ” มากค่าหรือน่าอาย จากรูปลักษณ์จึงทราบสื่อความหมาย หากหดหายให้เรียก “จิ๋ม” จัดหญิงเป็น เพราะความรู้มีมาแค่เพียงเห็น เรื่องสังคมจึงเด่นด้วยเพศชาย ยื่นหน้าน�ำหน้านักกลายมักง่าย ด้วยก�ำย�ำจึงข่มขายขึ้นควบคุม

30 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 30

30/11/2552 15:29:50


หญิงจึงจัดเป็นหญิงเพียงสิ่งของ ให้ขึ้นขี่ปี้เล่นจ�ำกัดกุม โลกหมุนเร็วกว่าที่เห็นและเป็นอยู่ ลองเหลียวมองเรื่องเพศอย่าผ่านเมิน เพราะทุกคนต่างจ�ำแนกตนแตกต่าง คนเลือกเพศเองได้ไร้ระทม โลกยิ่งใหญ่กว้างกว่าดวงตาเห็น อีกความคิดคนกว้างเกินเข้าใจ เกย์กะเทยทอมดี้มีอีกมาก ใช่โรคร้ายเลวริย�ำสุดล�ำเค็ญ เพราะโลกกว้างแต่ใจนั้นกว้างกว่า ปิดบอดบังดวงตาพามืดมน

ใช้สนอง จงเสนอ เผยอหลุม ภรรยา-สินค้าคุ้มค่าเงิน กรอบความรู้ใช่ดูด้วยผิวเผิน ‘โลกหลากเพศ’ เหลือเกินจงเชิญชม อัตลักษณ์จัดวางไว้สร้างสม ตามแต่รสนิยมไม่ข่มใคร เรื่องเพศยิ่งลับเล้นเกินเห็นได้ เขาเธอนั้นจักเป็นใครให้เขาเป็น โลกหลายหลากเพศสภาพตราบมองเห็น หากมิได้คร่าเข่น-เขาเป็นคน อคติคือโรคาที่พร่าหม่น บีบหัวใจแคบจนจางน�้ำใจ ๛

กวีปกรณ์ / พระยาลับแล ประพันธ์

31 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 31

30/11/2552 15:29:52


จิบชากลับมาแล้วครับพ่อแม่พนี่ อ้ ง ฉบับนีร้ บั รองได้เลยว่าง่ายกว่าฉบับ ก่อนมาก เพราะมาคราวนี้เราจะ “ขีด” กันอย่างเดียวครับ ไม่แตะตัวอักษรเลย สักตัวเดียว มีสองเกมให้ปวดหัวเล่นๆ เหมือนเดิม ^^ ว่าแล้วก็ไปหยิบดินสอกับ ยางลบมาลุยกันเลยดีกว่า คิดไม่ออกมีเฉลยท้ายเล่มแน่นอน ย้ายไม้ขีด 3 ก้านไหน ปลาถึงจะว่ายทวน กระแสน�้ำได้...

ปริศนาสะพานสัมพันธ์... 1. ตัวเลขในวงกลมคือจำ�นวนสะพานทีจ่ ะทอดไป หาตัวเลขอื่นๆ เช่นเลข 3 แสดงว่าจะต้องลาก เส้นสะพาน 3 เส้น 2. การลากเส้นสร้างสะพานจะลากได้ตามแนว ตั้งและแนวนอนเท่านั้น จะลากทะแยงและลาก ตัดกันไม่ได้ 3. แต่ละจุดจะลากเส้นสร้างสะพานได้ไม่เกิน 2 เส้นในแต่ละด้าน เช่น 3 แสดงว่า อาจจะมีเส้น ด้านละ 1 เส้น 3 ด้าน /หรือ อาจจะมีด้าน ใดด้านหนึง่ 2 เส้น และอีกด้านหนึง่ เพียง 1 เส้น

แล้วมาจิบชากันต่อฉบับหน้านะครับ บูมสกี้

32 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 32

30/11/2552 15:30:00


ยทวน

ะครับ มสกี้

Blood Diamond

เพชรเปื้อนเลือด กล่องก�ำมะหยี่สีแดงถูกเปิดออกเผยให้ เห็นแหวนเพชรเม็ดเขื่องที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ชายหนุ่มบรรจงหยิบมันออกมาแล้วสวมให้กับ หญิ ง สาวที่ จ ะเป็ น ภรรยาของเขาในอนาคต หญิงสาวชูมือของเธอขึ้นมาท�ำให้แหวนเพชร สะท้อนกับประกายแดดกลายเป็นสีรุ้ง แต่ทว่า สีแดงในสายรุ้งนั้นกลับเด่นชัดกว่าสีอื่นๆ แหวนเพชรถู ก ท� ำ ให้ เ ป็ น พั น ธสั ญ ญา ระหว่ า งคู ่ บ ่ า วสาวและมองว่ า เพชรคื อ สิ่ ง สวยงาม เป็นตัวแทนความรักทีย่ งิ่ ใหญ่ แต่ใคร จะรู้ว่ามันซุกซ่อนความน่ารังเกียจของมนุษย์ การช่วงชิงอ�ำนาจ และการฆ่าฟันเอาไว้ภายใต้ ประกายและความแวววาว... เซียรา ลีโอน เป็นประเทศเล็กๆที่ตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกา ดินแดนแห่งนี้ถูกจัดให้ เป็นหนึง่ ในประเทศทีย่ ากจนทีส่ ดุ แต่วา่ กลับส่งออกสินค้าทีม่ มี ลู ค่ามหาศาลนัน่ ก็คอื เพชร นัน่ เอง และด้วยมูลค่าทีม่ ากนีเ้ องมันจึงกลายเป็นแหล่งเงินชัน้ เยีย่ มทีค่ อยหล่อเลีย้ งความ รุนแรงในทวีปแอฟริกาให้ด�ำเนินต่อไปได้เรื่อยๆ สงครามกลางเมืองในเซียรา ลีโอนปะทุขนึ้ ในปี 1991 ซึง่ กลุม่ Revolutionary United Front (RUF) น�ำโดย Foday Sankoh เป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารและเปิด ฉากโจมตีหมูบ่ า้ นต่างๆก่อนเพือ่ ท้าทายอ�ำนาจรัฐและรวบรวมก�ำลังพล อ�ำนาจของ RUF เพิ่มมากขึ้นเมื่อกลุ่มสามารถยึดครองเหมืองเพชรได้ท�ำให้มีเงินไหลเวียนและซื้ออาวุธที่ ทรงประสิทธิภาพมากยิง่ ขึน้ ด้วยความต้องการเงินทีม่ มี ากขึน้ ท�ำให้ตอ้ งเร่งผลิตเพชรออก มาให้ได้มากทีส่ ดุ จึงเป็นเหตุให้ตอ้ งเกณฑ์แรงงานเป็นจ�ำนวนมาก และนีก่ เ็ ป็นจุดเริม่ ต้น ของภาพยนตร์เรื่อง Blood Diamond

33 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 33

30/11/2552 15:30:02


หมู่บ้านของโซโลมอน แวนดี้ ถูก RUF ลอบโจมตีเพื่อขัดขวางการเลือกตั้งที่ ก�ำลังจะมีขึ้น โซโลมอนถูกจับตัวไปท�ำงานในเหมืองเพชร ในขณะที่ลูกชายก็ถูกจับตัวไป ล้างสมองเพือ่ ฝึกเป็นทหาร ส่วนครอบครัวทีเ่ หลือก็ตอ้ งไปอยูใ่ นค่ายลีภ้ ยั ระหว่างทีก่ ำ� ลัง ท�ำงานในเหมืองโซโลมอนก็บังเอิญเจอเพชรสีชมพูที่หายาก เขารู้ทันทีว่าเพชรเม็ดนี้จะ ช่วยให้เขาได้เจอกับครอบครัวอีกครั้ง แวนดี้จึงตัดสินใจซ่อนเพชร เม็ดนีเ้ อาไว้ แต่โชคร้ายทีผ่ คู้ มุ เหมืองมาเห็นท�ำให้ทงั้ สองต่อสูก้ นั ซึ่ ง เป็ น จั ง หวะเดี ย วกั น กั บ ที่ ก องก� ำ ลั ง ของรั ฐ บาลบุ ก โจมตี เหมืองเพชรและจับกุมทุกคน แดนนี่ อาร์เชอร์ อดีตทหารรับจ้างที่ผันตัวเองไป เป็ น ผู ้ จั ด หาอาวุ ธ เถื่ อ นก็ ถู ก จั บ ได้ ร ะหว่ า งที่ ก� ำ ลั ง ลั ก ลอบ ขนเพชรที่แนวชายแดน ในระหว่างที่ถูกคุมขังโซโลมอนและผู้ คุมเหมืองมีปากเสียงกัน ท�ำให้อาร์เชอร์รู้ว่าแวนดี้ซ่อนเพชร หายากเอาไว้ เขาจึ ง ตกลงกั บ แวนดี้ ว ่ า จะช่ ว ยสื บ หา ครอบครัวให้โดยต้องแลกกับการเปิดเผยทีซ่ อ่ นเพชร ใน ทีส่ ดุ คนสองคนทีต่ า่ งกันสุดขัว้ ก็ตอ้ งมามีชะตาร่วมกัน เพื่อตามหาเพชรสีชมพูซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของ พวกเขาได้ แอฟริ ก าเป็ น เหมื อ นดิ น แดนที่ ต ้ อ ง ค�ำสาป แม้จะมีทรัพยากรธรรมชาติทมี่ มี ลู ค่ามหาศาล แต่ ค นในพื้ น ที่ ก ลั บ ไม่ มี โ อกาสที่ จ ะได้ ใ ช้ ป ระโยชน์ เพราะประเทศที่เจริญแล้วมักจะเข้ามากอบโกยเอา ทรัพยากรเหล่านี้กลับไปยังประเทศของตน หรือผู้ ที่ มีอำ� นาจในประเทศก็มกั จะครอบครองทรัพยากรเหล่า Solomon Vandy รับบทโดย นี้เอาไว้เพื่ออ�ำนวยผลประโยชน์ให้กับตนและพวกพ้อง Djimon Hounsou จึงเป็นผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างยากล�ำบาก Blood Diamond เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งในทวีป แอฟริกา โดยเพชรเป็นเครื่องมือส�ำคัญที่กลุ่ม RUF ใช้เป็นแหล่งรายได้ด้วยการส่งออก เพชรเหล่านี้ไปยังทวีปยุโรป แม้จะมีการออกมาคัดค้านและต่อต้านการน�ำเข้าเพชรจาก

34 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 34

30/11/2552 15:30:04


ทวีปแอฟริกาแต่ก็ไม่เป็นผลมากนัก เพราะเพชรจากแอฟริกานอกจากจะมีคุณภาพดีแล้ว ราคายังถูก บริษัทเพชรจึงใช้วิธีการ “ซักฟอกเพชร” ที่สลับซับซ้อนและท�ำให้เพชรเถื่อน กลายเป็นเพชรที่ถูกกฏหมายได้ในที่สุด “ดินในแอฟริกาเป็นสีแดงเพราะมันถูกชโลมด้วยเลือดของคนแอฟริกัน” ค�ำพูด ของนายพลที่เป็นเจ้านายของอาร์เชอร์ได้กล่าวเอาไว้ บ่งบอกว่าทวีปนีไ้ ม่เคยมีความสงบ สุขและอยู่ห่างไกลจากมันมาก แต่ที่สะเทือนใจยิ่งกว่าคือการที่เพื่อนร่วมโลกต่างก็มีส่วน ช่วยเพิ่มความรุนแรงในทวีปแอฟริกาให้มากยิ่งขึ้น เราอาจปฏิเสธว่าไม่ได้ซื้อเพชรจาก แอฟริกา แต่ชอ็ คโกแลตซึง่ เป็นของหวานสุดโปรดของทุกคนก็ถกู ผลิตขึน้ โดยแรงงานเด็ก ในทวีปแอฟริกาหรือเสื้อผ้าบางยี่ห้อที่คนส่วนใหญ่สวมใส่อยู่ก็ถูกผลิตโดยแรงงานชาว แอฟริกันที่ได้รับค่าตอบแทนต�่ำกว่ามาตรฐาน นี่ก็เพียงพอแล้วที่ท�ำให้ทุกคนเข้าไปมีส่วน เพิ่มความรุนแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทวีปแอฟริกา ปัญหาในทวีปแอฟริกาเรือ้ รังมานานเกินกว่าทีจ่ ะแก้ไขได้งา่ ยๆ แม้จะมีกลุม่ สิทธิ มนุษยชนหรือองค์การสหประชาชาติพยายามท�ำงานอย่างหนักเพื่อที่จะสร้างสันติภาพ และความยุตธิ รรมให้เกิดขึน้ ในภูมภิ าคนี้ แต่ถา้ ไม่ได้รบั ความร่วมมือจากบรรษัทข้ามชาติ ที่เข้ามาลงทุนในทวีปแอฟริกาก็เหมือนกับการโยนเศษหินลงในแม่น�้ำ ที่ไม่สามารถก่อให้ เกิดผลกระทบใดๆ แต่กเ็ ป็นเรือ่ งยากเช่นกันทีจ่ ะดึงให้บรรษัทข้ามชาติเหล่านัน้ เข้ามาช่วย แก้ปัญหาอย่างแท้จริงโดยเฉพาะเมื่อขัดขวางการท�ำก�ำไรของบริษัท เป็นผลให้การแก้ ปัญหาความขัดแย้งในแอฟริกาค่อนข้างจะเป็นไปได้ยาก 

ดินในแอฟริ งเป็นสีแดงอย่ากงนีันอยู ้ตลอดไป เพราะถู กชโลกมด้าคงจะต้ วยเลืออดของคนแอฟริ ่เรื่อยๆ Le Chat

35 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 35

30/11/2552 15:30:06


วงการนางงาม: หวานอมขมกลืน...ภาพสะท้อนการเมืองไทย ส� ำ ห รั บ ฉ บั บ นี้ ข อ เ ป ลี่ ย น สรรพนามใหม่จากผู้เขียนซึ่งดูห่างเหินเกิน ไปเป็นค�ำว่าเรา เพื่อให้ดูใกล้ชิดมากขึ้น ฉบับนี้อยากจะน�ำเสนอเรื่องราวของสังคม ไทยในมุมหนึ่งที่มีคนให้ความสนใจไม่น้อย นั่นก็คือ นางงาม ส่วนใหญ่แล้ว คนมักจะมองในมุมของ ความสวยงามไม่ว่าจะ เป็นชุดราตรี ชุดว่ายน�ำ้ และอื่นๆ ที่มันเจริญหู เจริญตา แต่ฉบับนี้จะ ขอมองในมุ ม อื่ น บ้ า ง ในประเทศไทย เวที น า ง ง า ม ที่ ไ ด้ รั บ ก า ร ยอมรับนัน้ มีอยู่ 3 เวที คือ มิส ไทยแลนด์ ยู นิ เ วิ ร์ ส (Miss Thailand

Universe) มิ ส ไทยแลนด์ เ วิ ล ด์ (Miss Thailand World) และนางสาวไทย ซึ่ ง สองเวที แ รกมี ห น้ า ที่ ส่ ง สาวงามไป ประกวดในเวทีระดับโลก คือมิสยูนิเวิร์ส (Miss Universe) และมิสเวิลด์ (Miss World) ตามลำ�ดับ สำ�หรับนางสาวไทย เป็ น เวที ที่ ไ ด้ รั บ การยอมรั บ ว่ า เป็ น สาวที่ สวยที่สุดในสยามประเทศ เคยสงสัยหรือ ไม่ว่าที่สุดของสามเวทีใคคือที่สุดกันแน่?

งามอย่างมีคุณค่า... การศึกษาของนางงาม ส�ำหรับเรือ่ งแรกทีอ่ ยากจะพูดถึง คือ...การศึกษา ในทีน่ อี้ ยากจะรวมถึงความ สามารถพิเศษทีต่ อ้ งฝึกฝนด้วย อาจจะเป็น ดนตรี กีฬา อะไรประมาณนี้ การศึกษา ระดับไหนจึงเหมาะกับการประกวดนางงาม ซึ่งถูกก�ำหนดโดยคนบางกลุ่ม และความ สามารถพิเศษแบบใดที่จะสามารถท�ำให้ ประทั บ ใจทุ ก คนได้ ดั ง นั้ น การได้ ม าซึ่ ง นางงามแต่ละคนนั้น ท�ำให้บางครั้งเกิดข้อ โต้แย้งจากคนที่ไม่เห็นด้วยเสมอ การศึกษาของนางงามนั้นควร จะเป็นอย่างไร...ไม่มีใครกำ�หนดออกมาได้

36 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 36

30/11/2552 15:30:08


ดังนั้นการกำ�หนดคุณสมบัติของนางงาม กรรมการ... ควรจะกำ�หนดตามหน้าที่ที่จะต้องทำ�เมื่อ ก็เหมือนกับเจ้าผู้ปกครอง ได้รับตำ�แหน่ง เช่น ต้องไปประกวดระดับ โลก ก็ต้องพูดและฟังภาษาอังกฤษได้ใน การที่ ใ ช้ หั ว ข้ อ ไปเชื่ อ มโยงกั บ เบื้องต้น ต้องกำ�หนดลงไปให้ชัด ว่าคุณ เจ้าผู้ปกครองนั้นมีความหมาย กรรมการ ต้องทำ�อย่างนี้นะ คุณจะต้องสามารถทำ� เปรียบเหมือนคนที่จะเลือกคนที่ดีที่สุดเพื่อ ไปทำ�หน้าที่ตัวแทนประเทศ ไม่ว่าจะเวที ไหน แต่ว่าการที่จะเลือกนั้นก็ต้องมีความ รู้ในเรื่องของนางงามด้วย ไม่ว่าจะเป็น คุณสมบัติ ความสามารถไม่วา่ จะเป็นความ สามารถที่จำ�เป็นและความสามารถพิเศษ หรือแม้แต่บคุ ลิกภาพทีด่ ขี องนางงาม คนที่ จะมาเลือกนัน้ ก็ตอ้ งมีความรูด้ า้ นนีโ้ ดยตรง ไม่ใช่ไปสุม่ หยิบผูส้ นับสนุนมาจากไหน เช่น กรรมการที่มาจากบริษัทประกัน...จะให้ นางงามไปขายประกันหรืออย่างไร??? บางครั้ ง การเลื อ กนางงามก็ สะท้อนถึงการเลือกผู้น�ำประเทศเช่นกัน ประชาชนส่วนใหญ่เป็นกรรมการตัดสินโดย การไปเลือกตั้ง ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ อะไรได้บ้าง เช่นเดียวกัน รัฐธรรมนูญก็ รู้เลยว่าการเป็นผู้น�ำประเทศที่ดีนั้นต้องรู้ ควรจะมีการกำ�หนดหน้าที่ให้ชัดเจน ว่า อะไรบ้าง ต้องท�ำอะไรบ้าง มีคุณสมบัติ องค์กรใดทำ�หน้าทีอ่ ย่างไร คนทีจ่ ะมาดำ�รง อย่างไร การเมืองไทยเป็นตัวสะท้อนถึงสิ่ง ตำ�แหน่งต้องรูแ้ ละทำ�อะไรได้บา้ ง ไม่ใช่มวั เหล่านีไ้ ด้เป็นอย่างดี แล้วเราจะแก้ไขมันได้ แต่สรรหา...งั้นก็รอต่อไปเถอะ อยากให้ไป อย่ า งไร อาจจะต้ อ งแก้ ไ ขที่ ก รรมการ ดูกรณีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม นางงามก่อนก็น่าจะดี...เนอะ แห่งชาติเป็นตัวอย่างครับ

37 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 37

30/11/2552 15:30:10


นางงามไทย... ไประดับโลก ห น ้ า ที่ ข อ ง ส า ว ง า ม เ มื่ อ ไ ด ้ ต�ำแหน่งแล้ว จะต้องไปประกวดต่อในเวที ระดับโลก ดังนั้นความซับซ้อนเริ่มมากขึ้น เมือ่ เราไม่สามารถคาดเดาได้วา่ อะไรจะเกิด ขึ้ น ก็ เ หมื อ นกั บ ความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า ง ประเทศทีส่ ถานการณ์เปลีย่ นแปลงได้ตลอด เวลา ในเวที น างงามนั้ น ก็ มี ป ระเทศ มหาอ�ำนาจเหมือนกับโลกแห่งความเป็น จริง เพียงแต่ไม่ใช่สหรัฐอเมริกาแต่เป็น เวเนซุเอลา ส�ำหรับกลุม่ ประเทศมหาอ�ำนาจ นางงามโลกนั้นจะเป็นกลุ่มประเทศละติน อเมริกาเท่านั้น ที่เหลือก็ต้องรอดูต่อไปว่า จะสามารถสู้กับนางงามประเทศตัวแม่ได้ อย่างไร ก็ต้องดูต่อไป แต่ฉนั ใดก็ฉนั นัน้ ในการประกวด ระดับโลกเช่นนี้ ประเทศเล็กๆ อย่างไทยก็ ไม่อาจหลีกเลีย่ งรัศมีหรือออร่าของประเทศ ตัวแม่ไปได้ แต่ประเทศเล็กๆ อย่างไทยก็ยงั คงใช้วิธีแบบไทยๆ คือ รักไทยเชียร์ไทย โดยการไปโหวตให้กบั นางงามของตนให้ได้ รับต�ำแหน่ง ท�ำให้นางงามไทยได้รบั รางวัล ทีส่ ว่ นใหญ่มาจากการโหวต แต่ในทางกลับ กันนั้น ประเทศไทยกับไม่มีแรงแม้แต่จะ คั ด ค้ า นอะไรในเวที โ ลก เราก็ เ ลยได้ แ ต่ ยกมือโหวตเท่านั้นเอง...คิดดูละกัน

ล็อก - ไม่ล็อก... กับมือที่มองไม่เห็น สำ�หรับวงการนางงามนั้น ไม่ ว่าจะเป็นเวทีเล็กหรือใหญ่ จะในประเทศ หรือนอกประเทศ ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงกับข้อ ครหาอันยิ่งใหญ่ไปพ้น นั่นก็คือ การล็อก ตัวนางงามให้ได้ตำ�แหน่งกลายเป็นข้อหา ที่ผู้ที่ได้รับรางวัลมักจะได้รับ ไม่ว่าจะจริง หรือเป็นข่าวลือ แต่ในที่สุดแล้วเราก็หาตัว ไม่ได้วา่ เป็นใคร ถึงรูว้ า่ เป็นใครก็ทำ�อะไรไม่ ได้ ซึ่งผลของการเป็นข่าวในแง่นี้คือการที่ นางงามคนนั้นกลายเป็น...จำ�เลย...ของผู้ที่ ติดตาม

38 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 38

30/11/2552 15:30:12


ซึ่งก็เช่นเดียวกับการเมืองในช่วง ที่มีข่าวผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเอย ท่อ น�้ำเลี้ยงเอย เราไม่ได้รู้จริงๆ เลยว่าคนที่ เขาเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญจริงๆ นัน้ เป็นใคร หน้าตาเป็นอย่างไร เช่นเดียว กับท่อน�ำ้ เลีย้ ง เราก็ไม่รวู้ า่ ใครเป็นคนส่ง มา แต่ ค นที่ ถู ก กล่ า วหานั้ น กลั บ เป็ น ... จ�ำเลย...ของคนดูหรือของสังคม ถ้าคนคน นั้ น เป็ น จริ ง ๆ แล้ ว เราท� ำ อะไรเขาได้ สามารถขัดขวางเขาโดยทีใ่ ช้กฎหมายทีม่ อี ยู่ ได้หรือไม่ เช่นเดียวกันกับการเมืองระหว่าง ประเทศ ทัง้ ๆ ทีเ่ รารูว้ า่ ประเทศมหาอ�ำนาจ เพียงหนึ่งกระท�ำการต่างๆ นานาเพื่ออะไร แต่ประเทศเล็กๆ อย่างเรายังต้องอยู่เฉยๆ

นี่อาจจะเป็นเพียงมุมมองหนึ่งที่ อยากจะสะท้อนผ่านตัวหนังสือ เราไม่ได้ บอกว่าสิ่งที่น�ำเสนอนั้นถูกต้อง แต่ทุกคน ล้วนมีความเห็นของตัวเอง เราไม่อาจปิด กั้นความเห็นของทุกคนได้ แต่เป้าหมายที่ ส�ำคัญที่อยากจะสื่อสารกับผู้อ่านนั้นก็คือ การมองสังคมของเรา บางทีจุดที่เล็ก ๆ เพียงจุดเดียวอาจจะสามารถสะท้อนภาพ ใหญ่ของประเทศเราได้ เช่นเดียวกับเวที ประกวดนางงาม สิ่งที่เราสงสัยกับการ ประกวด กลับเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับที่เรา สงสัยในเวทีการเมืองเช่นกัน...สวัสดี  Shintaro Yamakura

หนาวนี้ที่....เจียงฮาย ใกล้หน้าหนาวทุกครั้ง ไม่มีคนคอยคิดถึง อยากมีใครให้รักให้ซึ้งเหมือนคนอื่นเขา

ฟังเพลงลมหนาวอยู่ดีดีก็พลันนึกไปถึงว่า หน้าหนาวเมื่อไหร่ส�ำหรับคนมีคู่แล้ว ก็ดูเป็นฤดูกาลที่โรแมนติกเอามากๆ แต่สำ� หรับคนที่ยังไม่มีคู่ก็ดูจะเป็นฤดูกาลที่เหงาไม่ น้อยทีเดียว แต่ไม่ว่าจะเหงาหรือจะหวานพอถึงหน้าหนาวทีไรก็รู้สึกอยากไปเที่ยว

39 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 39

30/11/2552 15:30:15


ภาคเหนือทุกที นี่เราก็ว่าปีใหม่นี้จะไปปล่อยอารมณ์เปลี่ยวแถวภาคเหนืออยู่เหมือนกัน แต่ระหว่างนี้นี่สิ มันเริ่มอยู่ไม่ติดแล้ว ก็มันอยากไปแล้วนี่ งั้นคงต้องไปหาอาหารเหนือ กินเป็นการอุ่นเครื่องไปก่อนแล้วกัน (นั่น.. เข้าเรื่องนี้ได้ไงเนี่ย) ส�ำหรับร้านอาหารที่เราจะพาไปชิมวันนี้ก็คือร้าน “เจียงฮาย ๒” ฟังจากชื่อก็ คงจะเดาได้ไม่ยากว่าร้านนี้เค้าขายอาหารเหนือนะจ๊ะ เริ่มจากเดินเข้าไปในร้านก็จะพบการตกแต่งร้านแบบ แนวไหนไม่รู้ (อ้าว... รู้แต่ว่าก็สวยดีนะ) สีหลักที่ใช้ใน ร้านก็จะเป็นสีเขียวกับสีน�้ำตาล มีการใช้ไม้มาตกแต่ง ผนัง เพิ่มความโดดเด่นด้วยการใช้สีแดง หรือผ้าลาย ดอกมาหุม้ เบาะเก้าอี้ ส่วนด้านบนเพดานก็เป็นแบบเปิด เปลือย โชว์ปูน หลังจากที่พินิจพิเคราะห์ดูรอบๆร้านแล้วก็ได้เวลาหาโต๊ะนั่ง เมื่อได้ที่แล้วก็จะมี พนักงานเสิร์ฟเอาเมนูมาให้เลือกและรอรับออเดอร์อยู่ข้างๆโต๊ะ จากนั้นพนักงานก็จะจด รายการอาหารที่เราสั่งโดยก๊อปปี้ไว้ให้เรา 1 แผ่น เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว ระหว่าง ที่รอก็เหลือบไปเห็นตรงกลางโต๊ะมันคล้ายๆกับเป็นที่ที่สามารถให้เราเปิดเข้าไปได้ (และ แน่นอน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเราเลยเปิดเข้าไปดู) หลังจากนั้นเราก็เลยรู้ว่า มัน เป็นหลุมลงไป ข้างในมีเครื่องปรุงอยู่นั่นเอง (พวกพริกป่น น�้ำตาล น�้ำปลาน่ะ) พอเงย หน้าขึ้นมาอีกทีก็พบกับพนักงานที่ก�ำลังน�ำน�้ำมาเสิร์ฟให้ โดยใช้ขันน�้ำใบเล็กๆ (ท�ำจาก เงิน เหมือนที่ใช้กันตอนสงกรานต์) แทนการใช้แก้วน�้ำแบบร้านทั่วไป ท�ำให้ดูมีเสน่ห์และ สัมผัสถึงกลิ่นไอความเป็นล้านนาขึ้นมาอีกนิด หลังจากรอได้ไม่นานอาหารของเราก็ มา หืม..น่าทานจัง จานแรกของเราก็คือ ขนมจีนน�้ำเงี้ยวต้นต�ำรับ เป็นน�้ำเงี้ยวไก่ รสชาติก�ำลังดี ถ้าใครไม่อยากทานไก่ก็ ยังมีน�้ำเงี้ยวหมูกรอบ หมูยอ เนื้อ ให้ เลือกกันได้ตามใจชอบ จานต่อมาก็ถอื ว่า เป็นเอกลักษณ์ของอาหารเหนืออีกอย่าง หนึ่งนั่นก็คือข้าวซอย มีให้เลือกทั้งไก่ หมู เนื้อ รสชาติหวานมัน เสิร์ฟพร้อมกับเครื่อง เคียงเป็นผักกาดดอง ถั่วงอก หอมแดง มะนาว

40 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 40

30/11/2552 15:30:17


ถ้าใครชอบรสจัดก็สามารถเพิ่มพริกป่นอีก ได้ อี ก จานที่ เ ราได้ ล องลิ้ ม ชิ ม รสก็ คื อ ก๋วยเตี๋ยวย�ำ ซึ่งเราสามารถเลือกเนื้อสัตว์ และเลือกเส้นได้เองตามใจ รสชาติก็จัดจ้า นอย่าบอกใคร ด้วยรสเปรี้ยวน�ำ ท�ำให้แก้ เลีย่ นจากข้าวซอยได้ดที เี ดียว ยัง..ยังไม่หมด ยังมีลาบคั่วที่เป็นรสชาติแบบอาหารเหนือ แท้ ๆ และยั ง มี ไ ส้ อั่ ว ที่ ถึ ง รสถึ ง เครื่ อ ง กลมกล่อมก�ำลังดี ปิดท้ายอาหารคาวกัน ด้วยลูกชิ้นปิ้งอีกสัก 2 ไม้น�้ำจิ้มไม่เผ็ดมาก โรยด้วยหอมเจียวก็ดูอร่อยไปอีก แบบ ผู้ใหญ่ทานได้เด็กทานดี ก� ำ ลั ง อิ่ ม ได้ ที่ นึ ก ขึ้ น ได้ ว ่ า ยั ง ไม่ ครบสู ต รเลยสั่ ง น�้ ำ ผลไม้ ป ั ่ น บั ว ลอยไข่ หวานกับไอศกรีมมาล้างปากซะหน่อย ขอบ อกว่าบัวลอยอร่อยถูกใจมาก แป้งหนึบหนับ ก�ำลังพอดีบวกกับน�ำ้ กะทิทรี่ สชาติหวานมัน กลมกล่อม (หืม...แค่คิดก็อร่อยแล้ว) โอย.. พุงกางจนลุกขึ้นแทบไม่ไหว แต่ถึงอย่างไร ก็ ต ้ อ งลุ ก เพราะเราจะต้ อ งน� ำ รายการ อาหารที่พนักงานให้ไว้ในตอนแรกไปจ่าย เงินที่เคาท์เตอร์หน้าร้าน ก็เป็นอันเสร็จ ภารกิจพิชิตอาหารเหนือในวันนี้ อิ่มมากๆ เอาเป็นว่าเล่มนีเ้ ราคงต้องขอตัวก่อน ยังไง ก็ฝากติดตามสิงห์ลงพุงเล่มหน้าด้วยละกัน นะ สัญญาว่าจะไปสรรหาร้านอร่อยมาบอก กล่าวเพื่อนๆอีกแน่นอน บ๊าย บาย......

Recommended:

ขนมจีนน�้ำเงี้ยว 45 บาท ข้าวซอย 45 บาท ก๋วยเตี๋ยวย�ำ 40 บาท ลาบคั่ว 55 บาท ไส้อั่ว 55 บาท ลูกชิ้นปิ้งไม้ละ 10 บาท ไอศกรีม 29 บาท บัวลอยไข่หวาน 30 บาท

Open hour:

10.00-22.00 น.

How to get to:

ชั้นล่าง อาคาร 14 ชั้น ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์ รังสิต (ครัวป้าชะลอเดิม)

เรื่องกินไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องไม่ได้กิน ต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่ Aut_glom

41 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 41

30/11/2552 15:30:19


สวัสดีคะ่ ท่านผูอ้ า่ นทุกๆท่าน ทีย่ งั คงติดตามอ่าน บทสัมภาษณ์ของพี่ๆ สิงห์แดงในคอลัมน์หัวใจติดปีกเช่น เคย และในเม็ดเลือดแดงฉบับนี้ก็ขอนำ�เสนอรุ่นพี่คนหนึ่ง ค่ะ ณฐกร เวียงอินทร์ หรือพี่กอล์ฟ สิงห์แดงรุ่น 54

สาขาบริหารรัฐกิจ โต๊ะโซดาสิงห์

Q: ทำ�ไมพี่ถึงเลือกเรียนรัฐศาสตร์ และทำ�ไมถึงสนใจเรียนในสาขา บริหารรัฐกิจ

A: ท�ำไมถึงเลือกเรียนคณะนี้ ก็คงต้องย้อนไปตั้งแต่ตอน ม.ปลาย เพราะตอนนั้นก็ยัง ไม่รู้หรอกว่าวิชาแต่ละวิชา คณะแต่ละคณะมันเป็นอย่างไร มันก็เหมือนกับเด็กทั่วไปนั่น แหละ เราเลือกคณะจากสถานที่มากกว่า เลือกว่าอยากเรียนที่มหาลัยฯไหน แน่นอนว่า เด็กต่างจังหวัด ก็คิดว่าจุฬากับธรรมศาสตร์เจ๋งว่ะ พอมองตรงนั่นแล้วก็มาเลือกคณะ มี นิติศาสตร์ บัญชี รัฐศาสตร์ เรารู้ว่านิติศาสตร์กับบัญชีเรียนเกี่ยวกับอะไร แต่ส�ำหรับ รัฐศาสตร์ไม่มีความรู้เลย แล้วคะแนนสอบออกมาก็ปรากฏว่าเราท�ำคะแนนในส่วนของ วิชาสังคมได้ดที สี่ ดุ โดยเฉพาะเรือ่ งเกีย่ วกับโครงสร้างการเมือง รัฐธรรมนูญ ก็เลยตัดสิน ใจเลือกเรียนคณะรัฐศาสตร์

Q: เมื่อพี่ได้เข้ามาเรียนที่คณะรัฐศาสตร์แล้ว พี่รู้สึกหรือมีความคิดเห็น อย่างไรบ้าง

A: พอมาเรียนที่คณะนี้แล้ว โจทย์ที่ได้ต่อไปก็คือ เรียนรัฐศาสตร์แล้วจะไปท�ำงานอะไร มีคนเคยบอกมาเหมือนกันว่า การที่เราเรียนรัฐศาสตร์แล้ว จะเข้าไปท�ำงานในแวดวง ราชการนั้นมันก็เป็นเรื่องยาก ดังนั้นมันก็ท�ำให้เราคิดได้ว่า เราก็เรียนรัฐศาสตร์นี่แหละ แต่ก็แบบประนีประนอมหน่อยให้สามารถท�ำงานในส่วนของเอกชนได้ (มันอาจจะเป็น ความคิดแบบเด็กๆ) แต่เมื่อไดด้เรียนแล้วก็รู้สึกชอบและก็มีความสุขดีด้วย

Q:ตอนเรียนมหาลัยฯ พี่ทำ�กิจกรรมอะไรบ้าง

A: ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่าการท�ำกิจกรรม เราท�ำไปท�ำไม เพราะตอนที่เข้ามาในคณะ แรกๆ มีความรู้สึกว่าคนมันน้อย มันท�ำให้เราสนิทกันได้ง่ายขึ้น แล้วพี่ก็โชคดีอยู่

42 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 42

30/11/2552 15:30:22


อย่างหนึ่งคือ ในกลุ่มมีเด็กต่างจังหวัดเยอะ ซึ่ง เรามีบางอย่างทีค่ ล้ายๆกัน อีกอย่างหนึง่ ทีค่ ณะ ก็มกี จิ กรรมให้เราเลือกท�ำเยอะแยะ เราอยากท�ำ อะไรก็สามารถเลือกท�ำได้เลย ส�ำหรับพี่ก็ท�ำมา หลายอย่างแล้วเหมือนกัน ไม่วา่ จะเป็นค่าย Survey หรือท�ำหนังสือ ตอนแรกๆที่ท�ำกิจกรรมก็ท�ำใน ลักษณะที่ว่า ท�ำเพราะเพื่อนท�ำมากกว่า ส่วนมากเรา ก็ท�ำในส่วนของฝ่ายสนับสนุน แต่มีอยู่งานหนึ่งที่รู้สึกว่าท�ำ จริงๆจังๆ เล่าให้ฟังว่า ช่วงที่เกิดสุงสิงห์ช่วงแรก มีเพื่อนรุ่น เดียวกันท�ำอยู่ชื่อ แม่น เขาท�ำสุงสิงห์ขึ้นมา ซึ่งตอนนั้นวารสาร ของคณะได้หายไปนานแล้ว พี่กอล์ฟ ณฐกร เวียงอินทร์

Q:

อยากให้ พี่ ช่ ว ยเล่ า ประสบการณ์ จ ากการทำ � งาน หนังสือให้ฟังหน่อยค่ะ

A: ตอนที่เห็นสุงสิงห์เล่มแรกออกมาก็รู้สึกว่าอยากทำ� จึงโทร ไปหาเพื่อนที่เขาทำ�อยู่ และเล่มต่อมาก็ได้เข้ามาทำ� ตอนที่พี่เข้ามาตอนนั้นก็อยู่ปี 3 แล้ว ก็เหมือนกับว่าได้เข้ามาจับงานจริงๆทันที และเล่มนัน้ ก็ได้ทมี เพือ่ นๆทีอ่ ยากทำ�งานหนังสือ เหมือนกันมาช่วยกันทำ� ซึ่งเล่มนั้นพี่เป็น บ.ก. เป็นเล่มวันแรกพบ ชื่อว่าก้าวแรก ต่อมา เล่มที่ 3 สุงสิงห์ฉบับเดินทาง และอีกเล่มหนึง่ ก็ชอื่ ว่าหยุดพัก พอหยุดพักเสร็จมันก็หายไป เลย (เหมือนมันหยุดพักจริงๆ) แล้วก็กลับมาอีกครั้งตอนเล่ม Restart แล้วมันก็สิ้นปีพอดี

Q:

จากการที่พี่ได้ทำ�งานเกี่ยวกับหนังสือมา แสดงว่าพี่เป็นคนที่ชอบอ่าน หนังสือหรือเปล่าคะ

A: คือตอนแรก เราเป็นเด็กม.ปลาย ที่เรียนมาทาง สายวิทย์-คณิต ก็จะอ่านเฉพาะ หนังสือวิทยาศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ แต่เมื่อเข้ามาเรียนมหา’ลัยฯ ก็ทำ�ให้เรามีเพื่อนหลาก หลายมากขึน้ แล้วอีกอย่างหนึง่ พีก่ ไ็ ด้เมททีเ่ ป็นคนชอบอ่านหนังสือ เขาก็จะชอบมาแนะนำ� ให้เราอ่านเล่มนั้นเล่มนี้ เมื่อเราอ่านแล้วก็รู้สึกว่าชอบ ก็ทำ�ให้เราได้อ่านหนังสือเยอะขึ้น แต่ไม่ใช่หนังสือเรียนนะ พี่โตมากับพวก ชาติ กอบกิตติ ในช่วงแรกๆ ก็อ่านสามก๊ก แล้ว

43 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 43

30/11/2552 15:30:25


ก็ไล่อ่านมาเรื่อยๆ เหมือนกับเราได้ยินชื่อมา เราก็อยากอ่าน ลองอ่านดู จนจุดๆหนึ่งมัน ทำ�ให้เรารู้สึกว่าอยากทำ�งานเกี่ยวกับหนังสือ

Q: นอกจากงานหนังสือแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นอีกรึป่าว ที่พี่ทำ�แล้วรู้สึก ประทับใจ

A: ยังมีอีกงานหนึ่งที่ท�ำตอนปี 4 คือการจัดเสวนา หนัง ตอนเริ่มแรกก็คิดว่าจะจัดกันเล่นๆ ฉายหนังจบ แล้วก็มานั่งคุยกัน แต่พอท�ำไปท�ำมา งานมันเริ่มใหญ่ ขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นโครงการที่ท�ำเป็นเรื่องเป็นราว จัดฉายอาทิตย์ละหนึ่งเรื่อง ในเทอมนั้นจัดทั้งหมด 11 เรื่อง 11 สัปดาห์ เราวางแผนกันยาว แล้วก็ยังขอ ลงพื้นที่โฆษณาใน Bioscope ท�ำให้คนที่มาร่วมงาน เป็นคนนอกเยอะขึ้น เรารู้สึกดีมาก เพราะตอนที่จัดนั้น ไม่ได้คาดหวังว่าคนจะมาเยอะ ประทับใจ แล้วรู้สึกว่า จัดแล้วมันได้เรือ่ ง งานตอนนัน้ ใช้ชอื่ ว่า Political virus on film เพราะทุกที่มีการเมือง

Q: หลังจากที่เราได้ทราบเกี่ยวกับกิจกรรมที่พี่ทำ�แล้ว ก็อยากรู้ว่าการ เรียนที่คณะเป็นอย่างไรบ้าง

A: ตอนปี1 เรารู้สึกว่า Ent ติดแล้ว พอแล้ว ทำ�อะไรก็ทำ�ประมาณนี้ เทอมแรกมาได้ เกรดเฉลีย่ 3.08 ต่อมาเจอวิชาทีต่ อ้ งตัง้ ใจเรียน แต่เราก็ยงั มีพฤติกรรมอย่างเดิมอยู่ ทำ�ให้ เทอมที่ 2 ได้เกรดไป 2.77 เริม่ รูส้ กึ ว่าทำ�ไมตนเองเริม่ รูส้ กึ เลวร้ายลงเรือ่ ยๆ แล้วพอดีปดิ เทอมปีหนึง่ แล้ว ยายพีเ่ สีย มันก็กลายมาเป็นจุดเปลีย่ นอีกเช่นกัน ทำ�ให้พอมาปี 2 ก็ไม่มี กะจิตกะใจจะทำ�อะไร ไม่ได้อ่านหนังสือไปสอบ ก็อศัยที่อ่านผ่านๆมาที่ไม่ใช่หนังสือเรียน นั่นแหละ พอคะแนนออกมาปรากฏว่าดีทุกวิชาเลย ก็เลยเริ่มตั้งใจเรียนตั้งแต่ตอนนั้นมา

Q: พี่มีเคล็ดลับในการเรียนอย่างไรบ้างค่ะ

A: จริงๆวิชาในคณะเรา ในมุมมองคนทำ�งานแล้วมันไม่ได้ยากเลยนะ แต่เราต้องให้

44 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 44

30/11/2552 15:30:27


เวลากับมันคือ O.K. เรามีเพื่อน เรามีสังคม เรามีสิ่งที่อยากทำ�ที่ไม่ใช่เรื่องเรียน แต่พอ ถึงเวลาเรียนแล้วเราต้องทำ�ให้ได้ ซึ่งมันจะมีเวลาอยู่ช่วงหนึ่งที่เราต้องตั้งใจเรียน พี่คิด อย่างนี้แล้วก็ทำ�อย่างนี้มาเรื่อยๆ จนจบปี4 แต่ก็มีช่วงหนึ่งของชีวิตนักศึกษาทุกคนนั่น แหละ ที่มีขึ้นมีลง ทำ�กิจกรรมเยอะอกหัก มันก็มีผลนะ แต่พอสุดท้ายมันก็ต้องรอด มัน เป็นเรื่องการเอาตัวรอดของเรา แล้วเรื่องการเลือกวิชาเรียน พี่ก็ดูว่าวิชาไหนที่จำ�เป็น ต้องลงเพื่อให้จบ ก็ลงไปซะ ส่วนวิชาไหนที่ลงเพื่ออยากรู้ หรืออยากมันส์กับชีวิตหน่อยก็ ลงไปอีก พี่ก็จะลงวิชาที่เค้าลือกันว่ายาก แล้วลงไปอย่างนี้เรื่อยๆก็รู้สึก O.K. นะ ปรากฏ ว่าวิชาที่ยากๆ กลับได้คะแนนดี วิชาที่คิดว่าจะเก็บเกรดกลับแย่ตลอด แล้วก็จบออกมา ด้วยเกรด 3.38 ตอนที่พี่รับปริญญาก็มีพี่ที่ชั้นสองมาบอกว่าตอนเย็นให้ไปรับอีกทีหนึ่ง คือไปรับรางวัลภูมิพล ซึงเป็นรางวัลที่ให้กับนักศึกษาที่ทำ�คะแนนในวิชารัฐศาสตร์ได้ดี ที่สุดในสาขา ก็รู้สึกดีมาก รู้สึกว่าที่เราทำ�มา เพราะเรามีคนที่อยู่ข้างๆ ทั้ง พ่อแม่ พี่ น้อง เพื่อน ที่เค้าคอยให้กำ�ลังใจเรา เราไม่ใช่คนที่เก่งมาก เราก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง เอาเข้าจริงๆแล้ว การที่มีวงเล็บว่าได้เกียรตินิยมมามันไม่ใช่ประเด็นสำ�คัญเลย จริงแล้ว มันอยู่ที่คุณค่าที่ผลงานของเรามากกว่า

Q: หลังจากจบแล้วพี่มองอนาคตของตนเองเอาไว้อย่างไรบ้าง

A: เมื่อเรียนจบแล้ว พี่ก็ตังใจว่าจะเรียนต่อที่ส�ำนักบัณฑิตอาสาฯ ซึ่งจะเรียนภาคทฤษฎี 3 เดือน หลังจากนั้นก็ต้องขึ้นดอยไปอีก 7 เดือน คือ จริงๆ แล้วพี่เรียนไม่จบหลักสูตร นะ แต่สิ่งที่พี่ได้คือ เมื่อเราขึ้นไปอยู่บนนั้นแล้ว เราได้รู้ว่าตัวเองเป็นใคร เรารู้ว่าเราจะ ท�ำอะไรต่อ เพราะช่วงนั้นมันเป็นช่วงที่เราก�ำลังได้ใจ คิดว่าเราท�ำได้ เพราะเราก็ผ่าน เรื่องยากๆ มาเยอะแล้ว ท�ำไมจะท�ำไม่ได้ แต่พออยู่ไปแล้ว เรารู้ตัวเองเลยว่า บางจังหวะ ถ้ามันไม่ใช่ที่ของเรา เราก็ไม่ใช่คนตัวใหญ่อะไรนะ เราก็แค่คนธรรมดาคนนึง เราก็ต้อง สู้ในวิถีทางของเรา ซึ่งช่วงเวลานั้นมันท�ำให้พี่แกร่งขึ้น หลังจากลงมาจากดอยพี่ก็เลย เริ่มหางาน ตอนที่พี่หางาน พี่ก็ scope งานไปเฉพาะเลยว่าอยากเป็นนักข่าว นักเขียน มากกว่าที่จะสมัครงานแบบหว่านไปทั่ว แต่ก็โชคดีที่ประชาชาติเปิดรับสมัคร แล้วเค้าก็ เรียกมาสัมภาษณ์ ซึ่งในที่สุดพี่ก็ได้เข้ามาท�ำงานที่นี่

45 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 45

30/11/2552 15:30:29


Q: อยากทราบงานที่พี่ทำ�อยู่เกี่ยวกับอะไรค่ะ

A: พีท่ ำ� งานเป็นคอลัมน์นสิ ต์ให้กบั นิตยสารDLife ของหนังสือพิมพ์ประชาชาติธรุ กิจ ซึง่ จะท�ำข่าวเกี่ยวกับ Life Style ตอนแรกพี่ก็ยังงงอยู่ว่าเราจะท�ำข่าวเกี่ยวกับอะไร แต่พอ เข้ามาท�ำ และมันก็เป็นงานที่พี่อยากท�ำพอดี ซึ่งพี่ก็เริ่มจับงานด้านบันเทิงเป็นหลัก แต่ บันเทิงของประชาชาติมันก็มีบุคลิกไม่เหมือนกับที่อื่นๆ ที่นี่จะเน้น เรื่อง Trends Life Style Fashion Culture อะไรประมาณนี้ นอกจากนีก้ ย็ งั มีเขียนวิจารณ์หนัง แนะน�ำ หนัง หนังสือ เพลง ละครเวที แฟชั่นบ้าง ร้านอาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้ก็ท�ำมา 2 ปีกว่าแล้ว มันก็เป็นงานที่สนุก แต่ก็ค่อนข้างหนักอยู่ เหมือนกัน

Q:

งานที่พี่ทำ�อยู่ดูแล้วค่อนข้างที่จะแตกต่างไปจากคน ที่รัฐศาสตร์คนอื่นๆ แล้วพี่ได้นำ�ความรู้จากที่เรียนมาใช้ ประโยชน์มาน้อยแค่ไหนค่ะ

A: ถือว่าวิชารัฐศาสตร์ได้ให้เครื่องมือกับพี่มาเยอะนะในการ ทำ�งาน อย่างเช่นในช่วงแรกๆ ทีพ่ วี่ จิ ารณ์หนัง พีห่ ยิบมาใช้หมดเลย นะพวกทฤษฎีทพี่ เี่ รียนมา คือ วิชารัฐศาสตร์มนั ดีอยูอ่ ย่างหนึง่ คือ มันเป็นรัฐศาสตร์ในเชิงความคิด อย่างหนังบางเรือ่ งทีพ่ ดี่ เู สร็จ พีก่ ็ เอาทฤษฎียโู ทเปียมาจับ แล้วเราก็อธิบายโดยใช้ภาษาของเรา ทำ�ให้คนนอกทีไ่ ม่เคยเรียน รัฐศาสตร์มาเข้าใจได้งา่ ยขึน้ แต่การทำ�งานในปีตอ่ มาพีก่ เ็ ริม่ พัฒนามากยิง่ ขึน้ เริม่ นำ�สิง่ ทีเ่ ป็นกระแสอยูใ่ นปัจจุบนั อย่างเช่น เรือ่ งกระแสเศรษฐกิจ มาปรับใช้ในงานเขียนของเรา

Q: พี่รู้สึกอย่างไรกับงานที่พี่ทำ�อยู่บ้างค่ะ

A: พี่รู้สึกว่างานโดยรวมมันสนุก (ส�ำหรับพี่นะ) แต่ถ้าถามถึงเรื่องรายได้มันก็ไม่เยอะ เมื่อเทียบกับงานด้านอื่นๆ ในช่วงแรกๆอาจจะมากกว่าสายราชการนิดนึง(ขอเผาเพื่อน หน่อย คือ พี่มีเพื่อนที่ท�ำงานเป็นหน้าห้องผู้ว่าอยู่คนหนึ่ง ตอนที่มันมากรุงเทพแล้ว เรา ยังต้องไปเลี้ยงส้มต�ำมันอีก) งานของพี่มันดีอยู่อย่างหนึ่งนะ คือ มันได้ท�ำงานในสิ่งที่ ตนเองรัก แล้วมันก็ซื้อไม่ได้กับการที่คุณต้องมาท�ำงานหนัก เหมือนกับเพื่อนบางคนที่ ท�ำงาน มันรู้สึกถวิลหาเสาร์-อาทิตย์มากเลย อยากหยุด แต่เรารู้สึกว่าในระหว่างการ

46 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 46

30/11/2552 15:30:30


ท�ำงาน จันทร์-ศุกร์ มันไม่ได้เลวร้ายมากขนาดนั้น พี่ไม่ได้รู้สึกว่ามันคือนรก แต่มันเป็น สิ่งที่พี่อยากท�ำ

Q: สุดท้ายนี้พี่มีอะไรอยากจะฝากถึงน้องๆ บ้างค่ะ

A: อยากบอกว่าโชคดีแล้วที่ยังไม่จบ พี่ว่ามันคือโลกที่คล้ายกัน แต่จริงๆแล้วมันเป็นโลก สองโลก ระหว่างโลกของการท�ำงานกับโลกของการเรียน ฝากไว้ว่าเราอยู่บนโลกไหนก็ เต็มที่กับโลกนั้น โลกของนักศึกษามีอะไรท�ำก็ท�ำเต็มที่ไปเลย เอาเข้าจริงๆแล้วที่พี่บอกว่า ให้คิดหรือให้เราท�ำอะไร แต่บางจังหวะหนึ่งก็ไม่ต้องคิดเลยว่าจบมาแล้วจะท�ำอะไร คือ อาจจะมองไว้แต่มันก็อาจจะไม่ชัดเจนนัก แต่เราก็รู้แล้วแหละว่าเราอยากท�ำอะไร แต่พอ ถึงตอนที่ทุกคนต้องท�ำบทบาทใดให้เต็มที่ก็ขอให้เต็มที่กับมันจริงๆ ไม่ว่าจะเรียน ท�ำค่าย ท�ำหนังสือ ร้องเพลง หรือไปเตรียมงานรับน้องแล้วมันจะเป็นประสบการณ์ที่ดีมากจาก การที่เราผ่านตรงจุดนั้นแล้วมาสู่โลกการท�ำงานจริง ทุกครั้งที่พี่นึกย้อนไปในอดีต พี่ ขอบคุณในสิ่งที่พี่ผ่านมาทุกอย่าง มันท�ำให้พี่ได้มาอยู่ตรงจุดนี้ พี่รู้สึกมีความสุขที่ได ท�ำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่โชคดีในชีวิต สุดท้ายแล้วพี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คนเราจะใช้เวลามากเท่าไหร่ในการค้นหาชีวิตตนเอง แต่มีคนๆหนึ่งใช้เวลาตั้ง 80 ปี ใน การค้นหา จนมาได้ค�ำตอบที่ว่า “I know that I know nothing.” หากใครอยากท�ำความรู้จัก หรือติดตามผลงานของพี่กอล์ฟเพิ่มเติม สามารถ ติดตามอ่านได้นิตยสาร DLife ของหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ซึ่งพี่กอล์ฟจะใช้ นามปากกาว่า Cobori ณฐกร ขุนทอง หรือ Mainie แล้วคุณจะได้สัมผัสกับความสนุก ในอีกรูปแบบหนึ่งค่ะ 

47 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 47

30/11/2552 15:30:33


“หวาน หวาน” หวาน...นัน้ เป็นค�ำทีม่ คี วามหมาย อยูห่ ลายอย่างตามแต่การนิยามของมนุษย์ หรือบริบทต่าง ๆ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง สถานที่ใดสถานที่หนึ่ง หรือการรับรู้ของ คนหรือกลุม่ คนทีจ่ ะบอกได้วา่ “หวาน” นัน้ คืออะไร “หวาน” อาจจะเป็นรสชาติอัน หวานละไมลิ้ น ของผลไม้ ห รื อ ของหวาน ส�ำหรับนักกินที่ช�่ำชอง “หวาน”อาจหมาย ถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นอันมหาศาลของชาวไร่ เมื่ออ้อยราคาขึ้น “หวาน” อาจหมายถึง ข้อสอบง่ายๆ ที่ “หวานหมู” ของนักศึกษา ผูช้ าญฉลาดทีเ่ ตรียมพร้อม (หรืออาจกลาย เป็น “หวานหมู” ส�ำหรับอาจารย์ที่พร้อม เชื อ ดกั บ นั ก ศึ ก ษาที่ ขี้ เ กี ย จและประมาท) หรือ “หวาน” อาจเป็นชื่อของคนที่เรารู้จัก เช่น “อาจารย์หวาน” เป็นต้น ^_^ แต่หนังสือที่จะ “หวาน หวาน” นัน้ ผูเ้ ขียนก็ออกจะล�ำบากใจ เพราะหนังสือ ที่ “หวาน” ส�ำหรับคนทั่วไปอาจเป็นนิยาย รักหวานแหววของวัยรุ่นวัยก�ำดัด เรื่องสั้น ความรักจักรๆ วงศ์ๆ ทีม่ คี วามหวานปนน�ำ้ จากคลองแสนแสบ ตามหน้านิตยสารไฮโซ หรื อ หนั ง สื อ แนะน� ำ การท� ำ ของหวาน

ส�ำหรับแม่บ้านในงานเลี้ยงที่ต้องการมอบ “ความหวาน” มัดใจผูไ้ ด้ลองชิม ซึง่ คงไม่ใช่ หนังสือที่ผู้เขียนสันทัดนัก เพราะหนังสือ หวาน ๆ ของผู ้ เ ขี ย นอาจเป็ น หนั ง สื อ ประวั ติ ศ าสตร์ เ รื่ อ งน�้ำ ตาล แน่ น อนว่ า หนังสือเล่มใดจะ “หวาน” ส�ำหรับใครก็คง ขึน้ อยูก่ บั ว่า หนังสือนัน้ จะมอบความหวาน ที่เขาต้องการได้หรือไม่ ถ้ า ความหวานคื อ ความผู ก พั น จาก การใช้ชีวิตร่วมกัน เข้าใจกัน และ ฟันฝ่าอุปสรรคด้วยกันในช่วงชีวิตหนึ่งของ มนุษย์กบั คูช่ วี ติ ในสภาพปกติอาจเป็นเรือ่ ง ชีวิตคู่จากวันหนุ่มสาวจนถึงแก่เฒ่าตาม ชีวิตแบบ “โรแมนติก” สไตล์คนเมืองและ ชนชัน้ กลาง หรือแบบ “ข้าวนอกนา” สไตล์ ลูกทุ่งชนบท ที่ดูปราศจากซึ่งการเมืองอัน วุน่ วายของรัฐ แต่การฟันฝ่าชีวติ คูใ่ นบริบท ทางการเมืองที่เปี่ยมด้วยอุดมการณ์อัน ร้ อ นแรงหลายกระแสในยุ ค หลั ง สายลม แสงแดดตั้งแต่ 14 ตุลาคม 2516 ความ อ�ำมหิตโหดเหี้ยมใน 6 ตุลาคม 2519 จนถึงการคืนสู่บ้านในฐานะ “ผู้ร่วมพัฒนา ชาติไทย” หลังปี พ.ศ.2523 ของชีวิตคู่ หนึ่ ง ที่ ต ้ อ งไปเกี่ ย วข้ อ งและมี ผ ลต่ อ ทั้ ง คู ่ อย่ า งหลี ก เลี่ ย งไม่ ไ ด้ ชี วิ ต ที่ ต ้ อ งอยู ่ ท่ามกลางอุดมการณ์ ป่าเขา และผู้คน อีก หนึ่งฟางฝัน บันทึกแรมทางของชีวิตของ จิระนันท์ พิตรปรีชา ซึ่งรวบรวมจากงาน เขียน “อีกหนึ่งฟางฝัน” ที่ลงในนิตยสาร

48 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 48

30/11/2552 15:30:35


แพรวราวปี พ.ศ.2538-2539 ที่เธอได้ บันทึกเรือ่ งราวหลายอย่างทีพ่ ลิกผันและซับ ซ้อนในหลายสถานที่ ตัง้ แต่ในมหาวิทยาลัย บ้านพัก ที่ซ่อน ป่าเขา ปารีส และ เพิงผา และหลายเหตุการณ์ ตั้งแต่ การตัดสินใจที่ จะเข้าป่าไปต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ตามคู่ชีวิต

จบสิ้น จนดูเหมือนว่าความหลากหลายทั้ง ความโลดโผน อุดมการณ์ ความรัก ความ ผูกพัน มิตรภาพ เรื่องเล่า ที่มากมายจน เป็นเรื่องปกติจ�ำเจและท�ำให้เรื่องทุกเรื่อง กลายเป็นความว่างเปล่า เหมือนกับนัก ปฏิ วั ติ ห นุ ่ ม สาวในอดี ต ที่ พ ยายามค้ น หา เหตุ ผ ลในชี วิ ต ที่ ต กอยู ่ ท ่ า มกลางความ เคว้งคว้างจากเหตุการณ์อันน่าสับสน ซึ่ง จะเป็นการค้นพบทีแ่ ท้จริงในตัวตนของพวก เขาหรือเพียงแค่ประวิงเวลาออกไปเพื่อต่อ ลมหายใจที่สิ้นหวังไปกับวัยที่ร่วงโรย ถ้า เป็นเช่นนั้นก็จะมีฟางเส้นสุดท้ายที่พวกเขา ต้องการไขว่คว้าก่อนทีจ่ ะจมไปกับความสิน้ หวัง เหมือนที่จีระนันท์สรุปว่า ถ้า “ฟาง เส้นนั้นก็โผล่ออกมาลอยวนอยู่ตรงหน้า ท้าทายให้รวบรวมพลังไขว่คว้าเป็นครั้ง สุดท้ายสุดท้าย”

ความหวังและความสิ้นหวังในอุดมการณ์ และการออกจากป่าเพื่อกลับสู่เมือง การ พบปะกับผู้คนทั้งที่มีชีวิตอยู่ ที่ตายไปแล้ว หรือในทางความคิดที่ได้รับรู้หรือนึกฝัน ของเธอและคูช่ วี ติ เธอ ความพลิกผันในชีวติ เธอทีท่ ำ� ให้ชวี ติ เธอพบกับความหลากหลาย อย่างซ�ำ้ แล้วซ�ำ้ เล่าจนเป็นเรือ่ งราวทีถ่ กั ทอ ออกมาเป็นค�ำบรรยายทีห่ ลากหลายและไม่

บางครั้งความหวานที่ดูเป็นเรื่อง ทีค่ กู่ บั ความรักทีเ่ ป็นสัมพันธภาพอันงดงาม ของคนสองคน อาจแฝงไปด้วยความขมขืน่ การสั่นคลอนหรือท�ำลายศีลธรรม ความ เศร้าโศก ปัญหาทางจริยธรรมและความ สามารถของมนุษย์ และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชาวยิว ความรัก(?)ระหว่างไมเคิล แบร์ก ในวัย 16 ปี กับฮันนา ชมิตซ์ในวัย 36 ปี

49 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 49

30/11/2552 15:30:37


ที่เป็นสัมพันธ์สวาทที่ละเมียดละไมจนเป็น พิธกี รรม ตัง้ แต่การอาบน�้ำ จนถึงการอ่าน หนังสือ และจบด้วยการร่วมรักกันใน เดอะ รีดเดอร์ (Der Vorleser) นวนิยายของ เบิร์นฮาร์ด ชลิงค์ (Bernhard Schlink) นักเขียนชาวเยอรมัน ซึ่งแสดงถึงปมเงื่อน

ความรักที่ต่างวัยกับไมเคิล แบร์ก ปมของ ศีลธรรมกับกฎหมาย การสังหารหมูช่ าวยิว กับผู้คุม ซึ่งมีต้นเหตุจากการ “อ่านไม่ได้” ของตัวละครเอกอย่าง ฮันนา ชมิตซ์ ซึ่ง นวนิยายดังกล่าวได้ตั้งปมเงื่อนและแสดง ความสงสัยบางอย่าง ทีท่ ำ� ให้เราต้องสงสัย ถึงความถูกต้องของเรื่องเล่าเกี่ยวกับศีล ธรรมและประเด็นปัญหาของโลก ซึง่ บังคับ

ให้ฮันนา ชมิตซ์ ต้องเดินไปสู่จุดจบ เพราะ ความลักลั่นและความซับซ้อนที่คนทั่วไปไม่ อาจเข้าใจได้ในทัศนะของคนในสังคมสมัย ใหม่ทจี่ ะมองเธอว่าเป็นคนผิดศีลธรรม การ ผิดศีลธรรมทีเ่ กิดจากการอ่านไม่ได้หรือไม่รู้ หนังสือของเธอ ท�ำให้เราต้องทบทวนใหม่ ในทางความคิดที่ว่า การอ่านที่ผูกกับการ รับรู้ตัวหนังสือซึ่งเป็นสัญลักษณ์อันส�ำคัญ ของโลกแห่งภูมิปัญญาตั้งแต่ยุคโบราณนั้น ถูกท�ำให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการแบ่ง แยกและการก�ำหนดสถานะทางชนชั้นและ ศี ล ธรรมของคนซึ่ ง ไม่ มี ที่ ใ ห้ กั บ คนซึ่ ง “อ่าน(ตัวหนังสือ)ไม่ได้” จนท�ำให้ชีวิตของ ปัจเจกอย่าง ฮันนา ชมิตซ์ ต้องดับสิ้นไป กับการไม่รู้หนังสือ การอ่านที่ถูกผูกกับตัว อักษรจึงอาจเป็นการอ่านทีไ่ ม่สามารถอ่าน แ ล ะ เ ข ้ า ใ จ โ ล ก แ ล ะ สั ม พั น ธ ภ า พ อั น ซับซ้อนของจักรวาลได้อย่างแท้จริง เพราะ มันเป็นการอ่านที่เพิกเฉยความแตกต่าง อย่าง ฮันนา ชมิตซ์ หรือคนชายขอบอื่นๆ ในสังคม ผูเ้ ขียนคงไม่อาจบอกได้วา่ หนังสือ ที่ “หวาน หวาน” นั้นคือหนังสือแบบไหน แต่ความหวานนั้นย่อมมีหลากหลายที่เกิด จากการผสมผสานกับรสชาติทตี่ า่ งกัน เช่น หวานอมเปรี้ยว หวานปนขม ความหวาน ก็หนังสือ “หวาน หวาน” อาจแฝงด้วย ความขมจากอุปสรรคของเนื้อเรื่อง ความ

50 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 50

30/11/2552 15:30:39


เปรี้ยวจากสีสันที่หลายหลายของตัวละคร “หวาน” ที่ ต ่ า งกั น ของสั ง คมและเพื่ อ น ซึ่งไม่ต่างจากธรรมชาติของโลกที่มีความ มนุษย์  ซับซ้อนและหลากหลายที่ผู้คนต้องรับรู้ถึง ความหลายหลายของโลกให้รู้ว่า อะไรคือ Eak สิ่งที่หวานส�ำหรับเขา และเข้าใจถึงความ

ชื่อหนังสือ : อีกหนึ่งฟางฝัน บันทึกแรมทาง ของชีวิต เขียนโดย : จิระนันท์ พิตรปรีชา พิมพ์ครั้งที่ : 3 (พฤษภาคม 2549) โดยแพรวสำ�นักพิมพ์ ISBN : 974-9916-63-8 รายละเอียดรูปเล่ม : ปกอ่อน ราคา : 265.00 บาท

ชื่อหนังสือ : เดอะ รีดเดอร์ (Der Vorleser) เขียนโดย : เบิร์นฮาร์ด ชลิงค์ (Bernhard Schlink) พิมพ์ครั้งที่ : 7 (มกราคม 2551) โดยสำ�นักพิมพ์มติชน ISBN : 978-974-02-0063-5 รายละเอียดรูปเล่ม : ปกอ่อน ราคา : 190.00 บาท

51 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 51

30/11/2552 15:30:42


ชาหมดถ้วยยัง? ยังละสิ ก็บอกแล้วว่า คราวนี้มาง่ายๆ แต่ก็ขีดซะกระดาษขาดเลยใช่มั้ย นะ... เฉลยเลยละกัน 

ปริศนาปลาว่ายทวนกระแสน้ำ�...

ปริศนาสะพานสัมพันธ์...

เล่มนี้ชาหมดแล้ว พบกันใหม่กับจิบชาฉบับหน้าครับ

52 Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 52

30/11/2552 15:30:49


Special Thanks ขอขอบคุณ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา ขอขอบคุณ พี่พร พี่เหมียว และพี่ๆเจ้าหน้าที่คณะรัฐศาสตร์ทุกคน ที่คอยอ�ำนวยความ สะดวกและให้ค�ำแนะน�ำแก่พวกเราเสมอมา ขอขอบคุณ ลิ้นของเราที่ท�ำให้ได้รับรู้รสหวานว่าเป็นเช่นไร ขอขอบคุณ ความหวานทั้งหวานสุขและหวานขม ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา ขอขอบคุณ หน้าท้องของเรา ที่คอยบอกให้เรารู้ว่าตอนนี้ “หวาน” เกินไปหรือป่าว ขอขอบคุณ ประเทศไทย ที่ไม่รู้ว่าหวานหรือป่าว แต่เห็นคน (โดยเฉพาะนักการเมือง) ชอบกินกันจัง และสุดท้าย ขอขอบคุณ ผู้อ่านทุกท่านที่สนับสนุนเราอย่าง “หวาน หวาน” ตลอดมา

สามัคคี ประเพณี เป็นพี่น้อง สามัคคี ประเพณี เป็นพี่น้อง สามัคคี ประเพณี เป็นพี่น้อง

Medleuddang NovDec 2009 A5.indd 1

30/11/2552 15:30:52



Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.