marketing conference :: KanomKhunYai

Page 1

Present Aj. Phallapa Petison By EI / 16A / Group 3

College of Management Mahidol UniversityMGMG508 Strategic Marketing Management Marketing Conference


ขนมคุณยาย ณ ตลาดนา้ อัมพวา อ้าเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม


MGMG 508 - STRATEGIC MARKETING MANAGEMENT

ขนมคุณยาย

Marketing Conference Present Aj. Phallapa Petison By : EI / 16A / Group 3


MEMBERS 5650021 5650026 5650039 5650116 5650121 5650130

นางสาวจิรชฎา ตรีภาณุวรรณ นางสาวปวิตรา จงชนะถาวร นายอธิปพัฒน์ รงคะเจริญรัตน์ นายกมล เตชะโสภณมณี นายพงศ์ภัทร ณ หนองคาย นางสาวอรวรรณ ปัญจะหัตถ์เจริญ


คานา ขนมคุณยาย เป็นหนึ่งในร้านขนมไทย ที่มีการสืบทอดสูตรขนมของไทยหลากหลายรูปแบบ มี ประวัติความเป็นมาจากการริเริ่มของคุณยายบุญเกิด บุณยทรรพ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถในการ ทาขนมต่างๆมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ขนมเปียกปูน ขนมกง ข้าวเม่า ข้าวตู ข้าวต้มผัด เป็นต้น และความรู้ เหล่านี้ได้ถ่ายทอดมาสู่รุ่นลูก หลาน จนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งได้ผลิตขนมไทยชนิดต่างๆออกขาย ในชื่อร้าน “ขนมคุณยาย” ร้านขนมคุณยายเป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจ มีพื้นฐานเริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัว สืบทอดมาถึง ปัจจุบัน และทางทายาทมีความต้องการสืบต่อไปถึงอนาคต จึงถือเป็นสิ่งท้าทายที่จะดารงความเป็นธุรกิจ ดั่งเดิมให้ดารงอยู่ได้อย่างยั่งยืนต่อในอนาคต ทางกลุ่มได้รวบรวมข้อมูลของร้านและผลการวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือทางการตลาด ตลอดจน ความคิดเห็นในประเด็นหัวข้อคาถามที่ตั้งขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลจะมีส่วนช่วย ในการกาหนดทิศทางของธุรกิจให้ดาเนินได้อย่างยั่งยืน รวมถึงมีประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่าน

คณะผู้จัดทา EI / 16A / Group 3


สารบัญ คานา สารบัญ Part 1 : Power Point Presentation ...................................................................................... 1 Part 2 : Introduction ............................................................................................................ 6 2.1 ประวัติขนมคุณยาย ............................................................................................... 6 2.2 Vision&Mission .................................................................................................... 9 2.3 4P [Product-Price-Place-Promotion] ............................................................ 10 Part 3 : Overview Business ............................................................................................... 17 Part 4 : วิเคราะห์โดยใช้เครื่องมือทางการตลาด ...................................................................... 20 4.1 SWOT Analysis ................................................................................................. 20 4.2 STP Analysis ...................................................................................................... 23 Part 5 : วิเคราะห์ .................................................................................................................... 25 5.1 คู่แข่งทางการตลาด ............................................................................................. 25 5.2 Marketing Channel........................................................................................... 29 5.3 Current Problem .............................................................................................. 32 Part 6 : บทสรุปการเรียนรู้ส่วนบุคคล ..................................................................................... 34 Part 7 : การอภิปรายจากE-learning ...................................................................................... 55 Event marketing ................................................................................................................. 105


Marketing Conference ขนมคุณยาย


Marketing Conference ขนมคุณยาย


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

POWER POINT PRESENTATION

KA NOM KUN YAI - 1

1 PART


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

KA NOM KUN YAI - 2

3


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

KA NOM KUN YAI - 3

3


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

KA NOM KUN YAI - 4

3


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

KA NOM KUN YAI - 5

3


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

2 PART

INTRODUCTION “ขนมไทย” มีประวัติมาอย่างยาวนาน ซึ่งได้มีการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับขนมหวานของไทยใน ราวรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากการที่มีการติดต่อซื้อขายกับต่างประเทศอาทิ เช่น ประเทศจีน ประเทศอินเดีย และ นานาประเทศจากฝั่งตะวันตก ขนมหวานได้ปรากฏในบันทึก ของบาทหลวงชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับสยาม ทาให้เราได้ทราบเรื่องราวอาหาร การกินของชาวอยุธยาเมื่อกว่า 300 ปีมาแล้ว และได้ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น มีการพัฒนาขึ้น ตามลาดับจนถึงปัจจุบัน

ขนมคุณยาย

เป็ น หนึ่ ง ในร้ า นขนมไทย ที่ มี ก ารสื บ ทอดสู ต รขนมของไทย หลากหลายรูปแบบ มีประวัติความเป็นมาจากการริเริ่มของคุณยาย บุญเกิด บุณยทรรพ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถในการทา ขนมต่างๆมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ขนมเปียกปูน ขนมกง ข้าวเม่า ข้าวตู ข้าวต้มผัด เป็นต้น และความรู้ เหล่านี้ได้ถ่ายทอดมาสู่รุ่นลูก หลาน จนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งได้ผลิตขนมไทยชนิดต่างๆออกขาย ในชื่อร้าน “ขนมคุณยาย”

2.1 ประวัตริ ้านขนมคุณยาย ขนมคุณยายเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งในความอร่อยของร้านบ้านทองโบราณ เริ่มต้นจาก คุณยายบุญเกิด บุณยทรรพ ผู้มีความรู้ความสามารถในการทาขนมไทย ขนมที่มีชื่อเสียงของ คุณยาย คือ ขนมเปียกปูน ขนม กง ข้าวเม่า ข้าวตู ข้าวต้มผัด เป็นต้น คุณยายได้ถ่ายทอด วิชาความรู้พร้อมเคล็ดลับสูตรอร่อยต่างๆ โดยผู้ที่ ผู้รับถ่ายทอดคือ คุณแม่ บุลากร สุขุขาวดี ซึ่งได้นาขนมที่ผ่านการฝึกฝนจากคุณยาย ทาขายที่ร้านอาหาร บ้านทองโบราณ ถนน สามัคคี นนทบุรี และเป็นที่นิยมชื่นชอบ ของลูกค้าตลอดมาเป็นเวลาอย่างดี เมื่อสินค้าขายดีมากขึ้น คุณแม่ก็เริ่มผลิตทดลองและผลิตขนมมากขึ้นเรื่อยๆภายใต้คาแนะนาจาก คุณยาย ให้มีการปรับปรุงสูตรเพื่อให้เข้ากับสมัยนิยมปัจจุบัน คือ รสชาติไม่หวานจัด รูปลักษณ์ของขนม KA NOM KUN YAI - 6


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

สวยงามและดูดี นอกจากนี้ทางร้านได้มีการออกงานตามสถานมทที่ต่างๆและสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักมาก ขึ้น จนกระทั่งทางร้านได้ตัดสินใจย้ายกาลังการผลิตต่างๆมายัง อาเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม บ้าน เกิดทางคุณแม่ได้เปิดร้านขนมคุณยายในตลาดน้าอัมพวา และ เป็นร้านแรกและร้านเดียวที่ขายขนมไทยใน สมัยนั้น

ภาพขณะสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา ทรงศึกษาการทาขนมไทยโดยคุณแม่บุลากร สุขขาวดี

ภาพซ้าย : คุณแม่บุลากร สุขขาวดี และภาพขวา : คุณจิรสิน สุขขาวดี ผู้สืบทอดร้านขนมคุณยายในปัจจุบัน

กิจการขนมคุณยายได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีเรื่อยๆมา โดยได้รับการยืนยันถึงคุณภาพทั้งการ ได้รับรางวัล “สุดยอด Otop 5 ดาว” ของผลิตภัณฑ์หมี่กรอบ และ “สุดยอดขนมไทย 4 ดาว” นอกจากนี้ยัง ได้รับการเชิญออกสื่อโทรทัศน์ในรายกการต่างๆ อาทิเช่น ตื่นมาคุย บ้านเลขที่ 5 เปรี้ยวปาก ฯลฯ การได้รับ เกียรติลงหนังสือนิตยาสารท่องเที่ยว 1 ในร้านที่ไม่ควรพลาดจากการมาท่องเที่ยวตลาดน้าอัมพวา KA NOM KUN YAI - 7


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

ขนมคุณยายได้รับรางวัลชนะเลิศ ในการประกวดหลายครั้ง เป็นการยืนยันในความอร่อย มี ผลิตภัณฑ์หลายชนิด และ มีสินค้าฝากขาย เพื่ออานวยความสะดวกให้ลูกค้าในการเลือกซื้อไป บริโภค โดย ทุกผลิตภัณฑ์คานึงถึงความสะอาด ปลอดภัย ไร้สารกันบูด

ภาพรางวัล“สุดยอด Otop 5 ดาว” ของผลิตภัณฑ์หมี่กรอบ และ “สุดยอดขนมไทย 4 ดาว” และภาพจากรายการโทรทัศน์ที่มาถ่ายทาที่ร้านขนมคุณยาย

ขนมต่างๆที่ร้านขนมคุณยาย มีหมี่กรอบได้รับรางวัลสุดยอด Otop 5 ดาว KA NOM KUN YAI - 8


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

Note

ผลิตภัณฑ์ขนมคุณยายที่มีชื่อเสียง คือ ชุดเครื่องทอง ซึ่งได้แก่ ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด และ เม็ดขนุน โดยมีขนมฝอยทองเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด เพราะรสอร่อย ไม่หวานจัด เส้น เล็ก เนียน นุ่มนวล ไม่แข็งกระด้าง ได้รับคาชมเชยแก่ลูกค้ามากมาย และให้เกียรติเรียกว่า “ ไหม ทอง” ทองหยิบ ยังคงมีรูปแบบโบราณ คือ 3หยิบ ฟูนุ่ม อร่อย ไม่หวานจัด ทองหยอด เม็ดเล็กๆ ไม่หวานอย่างที่คิด เป็นขนมที่ทายากอีกอย่างหนึ่ง เม็ดขนุ่นไส้ถั่วกวน ไส้ถั่วกวนถูกปั้นเป็นลูกกลม เล็กๆ และนามาชุบไข่ หลอดลมในน้าเชื่อมโดยช้อน เพื่อเพิ่มความสะอาดในการผลิต

2.2 VISION & MISSION

KA NOM KUN YAI - 9


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

2.3 4P { PRODUCT – PRICE – PLACE – PROMOTION }

PRODUCT ทางร้านได้แบ่งสินค้าออกเป็น 4 ส่วน หลักๆดังนี้ คือ ขนมสดที่เก็บได้ตั้งแต่ 1-2วัน, ขนมแห้งเก็บ ได้ประมาณ 1-2เดือน, น้าพริกเก็บได้ 1-2 เดือน และ คอร์สสอนทาขนมไทย โดยสินค้าของทางร้านจะเน้น ที่คุณภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก อย่างเช่น ขนมที่ทาจากไข่ ก็จะใช้ใข่ 100% ไม่มีการ ผสมแป้งใดๆ โดยมีการปรุงรสให้มีความหวานน้อยกว่าปกติ และ ไม่มีการใช้วัตถุกันเสียเลย สินค้าของทาง ร้านในแต่ละกลุ่มมีรายละเอียดดังนี้ 1. ขนมไทยสด : ขนมสดเหล่ านี้ โ ดยส่ ว นใหญ่ จะ สามารถเก็บได้เพียง 2-3 วัน เนื่องจากส่วนผสมส่วน ใหญ่จะประกอบไปด้วย ไข่, น้าตาล และกระทิ เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง กล้อยบวชชี รวมมิตร เป็นต้น ขนมในส่วนนี้ทางร้านจะทาการเตรียมวัสดุ ในวันพฤหั สและศุกร์ ของสั ปดาห์ เพื่อท าการผลิ ต ขายที่ร้านที่อัมพวาในวัน ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ซึ่ง เป็นวันที่มีนักท่องเที่ยวมาก 2. ขนมไทยแห้ง : ขนมแห้งจะเป็นของที่เก็บได้นาน ประมาณ 1-2 เดือน เช่น กลีบลาดวน คุกกี้สิงคโปร์ ครองแครงกรอบ เป็นต้น ในส่วนของขนมแห้งนี้ก็จะ เน้นที่วัตถุดิบคุณภาพและไม่ใส่วัตถุกันเสียเช่นกัน เนื่องจากขนมในส่วนนี้มีอายุที่เก็บได้นานกว่า ทาให้ ทางร้านสามารถส่ งขนมประเภทนี้ไปขายที่ร้านอื่น เช่น เลมอนฟาร์มในกรุงเทพได้อีกด้วย KA NOM KUN YAI - 10


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

3. น้าพริก น้าพริกของทางร้านก็ขึ้นชื่อไม่แพ้ขนม ชนิดอื่นๆเช่นกัน เช่น น้าพริกปลาดุกฟู ที่ใช้เนื้อปลา ดุกแท้ๆไม่มีการปนเนื้อปลาชนิดอื่น พร้อมทั้งรสที่ กลมกล่อม หอมเครื่องเทศ นอกจากนั้นยังมีน้าพริก กลางดงสูตรพิเศษของร้านขนมคุณยายที่ใครๆได้ชิม ก็ต้องติดใจ และน้าพริกชนิดอื่นๆอีกมากมาย 4. คอร์สสอนทาขนม ในส่วนของคอร์สสอนทาขนมนี้ คุณแม่บุลากร จะเป็นผู้ทาการสอนด้วยตนเอง และ สอนทุกขั้นตอนไม่มีการหวงสูตรแม้แต่อย่างใด แต่จะ มีเพียงหมี่กรอบทรงเครื่องซึ่งเป็นสู ตรเด็ดของทาง ร้ านเท่ านั้ น ที่ จะไม่ ท าการเปิ ดสอนให้ แก่ บุคคลภายนอก ทางร้านยังเคยได้รับเกียรติจากองค์ ภาฯ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ มาที่บ้านขนมคุณ ยายที่อัมพวา เพื่อทรงขอให้สอนทาขนมไทยนานา ชนิด เช่ น เม็ดขนุน ทองหยิบ ทองหยอด เป็ นต้ น เนื่องด้วยพระองค์ทรงโปรดขนมไทยของบ้านขนม คุณยายเป็นการส่วนพระองค์

KA NOM KUN YAI - 11


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

PRICE ทางด้านราคาของสินค้าของทางร้านขนมคุณยายจะอยู่ในช่วง 35 – 120บาทต่อกล่อง ซึ่งอาจจะมี ราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าร้านอื่นๆในอัมพวา เนื่องจากทางร้านขนมคุณยายเน้นวัตถุดิบคุณภาพ และไม่มีการ ใส่สารกันเสีย แต่เมื่อเทียบกับร้านขนมชื่อดังร้านอื่นๆ ที่คุณภาพอยู่ในระดับเดียวกัน เช่น ขนมไทยเก้าพี่ น้อง แล้วจะเห็นได้ว่าขนมไทยของทางร้านขนมคุณยายนั้นมีราคาที่ถูกว่าพอสมควร โดยราคาของผลิตภัณฑ์ ในร้านขนมคุณยายมีคร่าวๆดังนี้  ทองหยิบ , ทองหยอด , เม็ดขนุน กล่องละ 60 -80 บาท  ฝอยทอง , หมี่กรอบ , น้าพริก กล่องละ 120 บาท

KA NOM KUN YAI - 12


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

PLACE ผลิตภัณฑ์ของบ้านขนมคุณยายมีการจัดจาหน่ายแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนที่เป็นของทาง ร้านเอง และส่วนที่ฝากขายกับร้านอื่น มีรายละเอียดดังนี้ 1. ส่วนที่เป็นของทางร้านเอง ในส่วนนี้จะมีทั้งหมด 3 ร้านด้วยกัน ซึ่งทั้ง 3 ร้านจะอยู่ในเขต ของอัมพวาทั้งหมด ตามรูปประกอบด้านล่าง จากแผนที่ร้านบ้านทองโบราณ จะเป็นร้าน ร้านอาหาร ซึ่งที่ร้านนี้จะมีการวางขนมไว้เพียงบางชนิดเท่านั้น ส่วนอีก 2 ร้านที่เหลือจะ เป็นร้านสาหรับขายขนมโดยเฉพาะ ซึ่งทั้ง 2 แห่งนี้จะมีขนมทุกชนิดของบ้านขนมคุณยาย วางขาย 2. ส่วนที่ฝากขายกับร้านอื่น ช่องทางการขายอีกช่องทางของร้านขนมคุณยาย ก็คือการฝาก ขายที่ร้าน Lemon Farm ในกรุงเทพ ซึ่งมีวางขายอยู่ที่สาขา ประชาชื่น แจ้งวัฒนะ และ เมืองทองธานี สาเหตุที่ทางร้านเลือกขายกับร้าน Lemon Farm นั้นก็เพราะว่ากลุ่มลูกค้า ของทาง Lemon Farm เป็นกลุ่มคนที่รักสุขภาพ และใส่ใจกับการกิน ซึ่งตรงกับconcept ของทางร้านขนมคุณยายที่เน้นเรื่องขนมหวานที่ไม่หวานจนเกินไป ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ไม่ใส่วัตถุกันเสีย แต่ในช่องทางนี้ ขนมบางส่วนของทางร้านมีข้อจากัดในเรื่องอายุการเก็บ ทาให้ขนมที่วางขายในร้าน Lemon Farm จะมีแต่ขนมจาพวก ขนมแห้ง และน้าพริก เท่านั้น ร้านขนมคุณยาย ส่วนที่เป็นของทางร้านเอง มีทั้งหมด 3 ร้านด้วยกัน ซึ่งทั้ง 3 ร้านจะอยู่ในตลาด น้า อัมพวา อาเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีสาขาทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่  ร้านขนมคุณยายเป็นร้านแรกขายขนมไทย ตั้งอยู่บริเวณปลายตลาดน้าอัมพวาด้านทิศใต้  ร้านอาหารทองโบราณ ตั้งอยู่บริเวณปลายตลาดน้าอัมพวาด้านทิศเหนือ  ร้านขนมคุณยายเป็นของฝากร้าน ตั้งอยู่ริมถนนประชาเศรษฐ ก่อนถึงตลาดน้าอัมพวา

KA NOM KUN YAI - 13


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

2

3

1

1

2

3

KA NOM KUN YAI - 14


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

KA NOM KUN YAI - 15

3


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

PROMOTION ร้านขนมคุณยายไม่มีการจัดการส่งเสริมการขายหรือPromotion

KA NOM KUN YAI - 16

3


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

3 PART

OVERVIEW BUSINESS

สาหรับ

ในธุรกิจขนมไทยนี้สามารถแบ่งประเภทของธุรกิจได้เป็นสามระดับคือ ระดับ Eco, ระดับ Standardและระดับ Premium โดยการแบ่งประเภทนี้อ้างอิงจากข้อมูลด้าน ราคาสินค้า สถานที่ตั้งของร้าน และวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตขนม

ระดับ Eco ในระดับ Eco นี้จะเป็นร้านขายขนมไทยที่วางขายตามท้องตลาดทั่วไป บางร้านไม่มียี่ห้อสินค้า หรือยี่ห้อสินค้าเป็นประเภท No-name คือไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก ราคาจะไม่แพง อีกทั้งการบรรจุหีบห่อ ก็จะเป็นซื้อหีบห่อมาจากร้านค้าแล้วแพคใส่ขายเลย ราคาจะไม่สูงนัก โดยมากมักเน้นตั้งราคา 3 อย่าง 100 บาท ลูกค้าที่ซื้อมักไม่มีลูกค้าประจาที่แน่นอน คือเดินผ่านแล้วก็ซื้อเลย และคุณภาพของขนม (ที่มา จากการสอบถาม) มักใช้ส่วนผสมทั่วๆไปบางครั้งไม่มียี่ห้อ เช่น น้าตาลทรายซื้อใส่ถุงเป็นกิโลมาจากตลาด หรือน้ามันพืชก็ซื้อแบบใส่ปี๊ป เป็นต้น และส่วนผสมไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น ทองหยิบทองหยอดไม่ใช้ไข่ไก่ 100% แต่มีส่วนผสมของแป้งเจือปนอยู่ด้วย เป็นต้น

KA NOM KUN YAI - 17


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

ระดับStandard ในระดับนี้จะมีแบรนด์เด่นชัดและเป็นที่รู้จักในท้องถิ่น หรือเป็นที่รู้จักของจังหวัด เช่น ร้านขนม หม้อแกง แม่กิมลั้ง แม่กิมไล้ ที่นอกเหนือจากขนมหม้อแกงแล้วยังมีขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองฯ ซึ่ง เป็นสินค้าที่ขายรวมอยู่ในหมวดขนมหวานอีกด้วย ในระดับ Standard นี้ ส่วนผสมและวัตถุดิบจะดี มากกว่าระดับ Eco จากการสอบถามและการสารวจ กลุ่ม Standard นี้จะมีการผสมวัตถุดิบเกือบ 80 – 100% แต่วัตถุดิบในการใช้นั้นไม่ใช่เกรด A ราคาก็จะอยู่ในระดับปกติไม่สูงมากใน แต่จานวนปริมาณน้อย กว่ากับแบบ Eco

KA NOM KUN YAI - 18


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

ระดับ Premium ในระดับ Premium นี้ ทั้งคุณภาพของวัตถุดิบและกรรมวิธีการผลิตจะได้มาตราฐาน วัตถุดิบที่ใช้ เป็นเกรด A และระดับราคาจะสูงกว่าท้องตลาดทั่วไป เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีชื่อเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และมีมาตราฐาน สินค้าบางประเภทมี อย. รับประกัน สินค้าลูกค้ามักซื้อรับประทานเองหรือฝากผู้หลัก ผู้ใหญ่ ตราสินค้าที่อยู่ในระดับ Premium นี้คือ ขนมไทยเก้าพี่น้อง, บ้านอัยการ, เอสแอนด์พี

KA NOM KUN YAI - 19


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

4

บทวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือทางการตลาด 4.1 SWOT Analysis

KA NOM KUN YAI - 20

PART


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

Strength 1. ทางเจ้าของมีประสบการณ์ในการผลิตและจาหน่ายมากกว่า 10 ปี ทาให้สินค้าที่ผลิตมีคุณภาพสูงถึงแม้ว่าวัตถุดิบที่มา นั้นแตกต่างกันในแต่ละช่วงฤดู ยกตัว อย่างเช่น ในฤดูฝ น วัตถุดิบที่ใช้เช่น ไข่ไก่ และ ไข่เป็ดจะมีปริมาณน้าสูงกว่าใน ฤดู อื่ น ๆ ฉะนั้ น การที่ จ ะท าให้ สิ น ค้ า ยั ง คงความอร่ อ ย เหมือนเดิมต้องใช้ประสบการณ์ในการทาอัตราส่วนผสมให้ ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ด้วยประสบการขายที่สั่งสม มาท าให้ ส ามารถประมาณการผลิ ต เพื่ อ ให้ ส อดคล้ อ งกั บ ตลาด และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่าง เต็มที่ 2. ทางร้านขนมคุณยายมีการทดลองและพัฒ นาสินค้าใหม่ๆ ออกมาอย่างสม่าเสมอ เพื่อ อาทิเช่น ขนมเปี๊ยะรสชาเขีย ว เป็นต้น ทาให้สินค้าที่ผลิตมีความหลากหลายและสอดคล้อง กับกระแสที่เกิดขึ้น 3. ทางร้านได้รับการการันตีถึงคุณภาพ และ รสชาติมากมาย จากสื่ อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่ องทางผ่ านนิตยสาร สื่ อวิท ยุ โทรทัศน์ และ Social Media ต่างๆ ทาให้ชื่อเสียงของร้าน ขนมคุณยายเป็นที่รู้จักและถูกยอมรับมากขึ้น

Opportunity 1. ตลาดขนมไทยยั ง เป็ น ที่ ต้ อ งการของชาวต่ า งชาติ และ นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีน มาเลเซีย และสิงค์โปร 2. มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วยเกื้อหนุนในการ ผลิตและการเก็บรักษาสินค้าให้มีคุณภาพมากขึ้น 3. ตัวสินค้านอกจากจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ยังถูกใช้ใน พิธีการต่างๆ ทาให้ความต้องการของผู้บริโภคมีอยู่เสมอ KA NOM KUN YAI - 21


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

Weakness 1. หลั ง จากที่ ต ลาดน้ าอั ม พวาเป็ น แหล่ ง ท่ อ งเที่ ย วส าคั ญ ตาแหน่งร้านเดิมของร้านขนมคุณยายที่อยู่ด้านในสุดประสบ กับคู่แข่งรายใหม่มากรายที่เข้ามาและเปิดกิจการทางต้นทาง ทาให้ลู กค้านักท่องเที่ยว หรือลูกค้ารายใหม่เลือกซื้อสินค้า ก่อนที่จะเดินทางถึงร้าน ทาให้นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาซื้อที่ ร้านขนมคุณยายจะเป็นนักท่องเที่ยงที่เจาะจงมาซื้อโดยเฉพาะ 2. เนื่องจากสินค้าของขนมคุณยายต้องการรักษาคุณภาพความ สดเสมอจึ งไม่ใส่ สารกันบูด ทาให้ มีข้ อจ ากั ดในการจัดวาง จาหน่ายสินค้า และช่องทางการขายที่จากัด อีกทั้งไม่ทราบถึง วิธีอื่นๆในการเก็บรักษาสินค้าให้มีอายุยาวขึ้น 3. ความสามารถในการผลิตยังไม่เป็น Economic of Scale เนื่องจากไม่ได้มีการจัดระเบียบแผนงานและการจัดการที่ดี ทางร้านไม่ทราบราคาต้นทุนของสินค้าอย่างแท้จริงอาศัยจาก การประเมินข้อมูลจากอดีตเท่านั้น

Treats 1. ไม่มีการกีดกันการเข้าสู่ตลาดของผู้ค้ารายใหม่ เนื่องจากเป็น สินค้าที่สามารถเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อการผลิตได้ 2. จ านวนผู้ แข่ งขั นในตลาดมี สู ง ผู้ บริ โภคสามารถหาสิ นค้ า ทดแทนได้ง่าย 3. ผู้บริโภคปัจจุบันคานึงถึงปัญหาสุ ขภาพมากขึ้น อาจทาให้ ปริมาณความต้องการลดลงเนื่องจากสินค้าขนมไทยส่วนมาก มักทาจาก ไข่ แป้ง และกะทิ

KA NOM KUN YAI - 22


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

4.2 STP Analysis

Segmentation ทางเจ้าของร้าน ขนมคุณยาย ได้บอกกับทางกลุ่มเราว่า สินค้าของเขาจัดอยู่ใน Premium แต่ทาง กลุ่มของเราได้ทาการประเมินคุณภาพของสินค้าของร้าน ขนมคุณยาย ซึ่งมีคุณภาพของวัตถุดิบที่ดี แต่การ จัดร้านและรูปแบบของสินค้ายังไม่เป็นที่น่าสนใจเท่าที่ควร ทางกลุ่มจึงได้จัด Segment ให้อยู่ในระดับ Standard

Targeting Customer สัดส่วนผู้ซื้อในปัจจุบัน เป็นชาวไทย 98% ซื้อเพื่อรับประทานและเป็นของฝาก

Positioning ทางกลุ่มของเราได้แบ่ง Positioning ในรูปแบบของ Perceptual Map โดยที่ทางร้านได้บอกกับ ทางกลุ่มเราว่าเขาอยู่ในระดับ Premium เกรดเดียวกับ ขนมไทยเก้าพี่น้อง ขนมบ้านอัยการ แต่ราคาถูกกว่า เราจึงได้ดึงตัวแปร Quality กับ Priceมาใช้ใน Perceptual Map KA NOM KUN YAI - 23


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

KA NOM KUN YAI - 24

3


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

5 PART

บทวิเคราะห์ 5.1 คู่แข่งทางการตลาด จากการวิเคราะห์ของกลุ่ม คู่แข่งทางการตลาดร้านขนมคุณยายสามารถแบ่งได้ออกเป็นสามกลุ่ม ดังนี้ 1. คู่แข่งโดยตรง เนื่องจากสินค้าของทางร้านกาหนดตาแหน่งทางการตลาดที่ระดับ พรีเมี่ยม ทาให้คู่แข่งทางการ ตลาดโดยตรงคือ แบรนด์ดังที่มีสาขากระจายทั่วไปปริมาณมาก และ เป็นที่รู้จักและราคาแพง อาทิเช่น ขนม ไทยเก้าพี่น้อง ที่มีการจาหน่ายออกนอกประเทศไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และ ขนมบ้านอัยการ ที่มีจาหน่าย ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนาทั่วไป

KA NOM KUN YAI - 25


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

 สาขาตลาดนาอัมพวา  ร้านอาหารทองโบราณ

ตลาดนาอัมพวา  ร้ า นของฝาก ตั งอยู่ริ ม ถนนประชาเศรษฐ ก่ อ นถึ ง ตลาดนาอัมพวา  สาขา ที่ตลาด อตก. 2 สาขา  ห้างสรรพสินค้า Emporium ตลาดบองมาเช่ ปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้น 33 สาขา แบ่งเป็น  สาขาที่ดาเนินการโดยแฟรนไชส์ 5 สาขา  สาขาในสถานีบริการน้ามันปตท. 3 สาขา  สาขาแบบสแตนอโลน 2 สาขาในย่านเมืองทองธานี  สาขาในห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล และเดอะ มอลล์  ร้าน โกลเด้น เพลซ : สาขาพระราม 9,CPTower (สีลม),ศิริราช,สะพานสูง,ศูนย์ราชการ  ร้าน เลมอนฟารม์ : สาขาสุขุมวิท39,เพชรเกษม 57,ประชาชื่นมรามคาแหง,เกษตร,ศรีนครินทร์,พาราไดซ์ พาร์ค,แจ้งวัฒนะ,ประดิษฐ์มนูธรรม

KA NOM KUN YAI - 26


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

2. คู่แข่งทางอ้อม จากการที่อุตสาหกรรมขนมไทยไม่มีข้อกีดกันทางการค้าทาให้ มีคู่แข่งมากมายในท้องตลาด และมี สินค้าทดแทนเป็นจานวนมาก จากการที่ได้เข้าไปสัมภาษณ์ผู้ประกอบการ ทางสมาชิกกลุ่มจะสังเกตได้ว่า พบว่ามีร้านขนมไทยที่เปิดระหว่างการเดินทางไปยังจุดจาหน่ายเป็นจานวนมาก ซึ่งทางร้านขนมคุณยายอยู่ ลึกที่สุดทาให้นักท่องเที่ยวที่มาจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าของคู่แข่งก่อนแล้ว ซึ่งสามารถระบุได้ว่าลูกค้าที่จะมา ซื้อผลิตภัณฑ์ของขนมคุณยายจะต้องเป็นกลุ่มบุคคลที่ตั้งใจมาซื้อจริงๆ

KA NOM KUN YAI - 27


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

3. คู่แข่งแฝง หลังจากที่ทางกลุ่มได้ทาการค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมทางอินเตอร์เนตพบว่า ชื่อของขนมคุณยายถูกใช้ อย่างกว้างขวางถึงแม้ว่าชื่อนี้ได้รับการจดทะเบียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ขนมคุณยาย (อ่าง ศิลา) ขนมบ้านคุณยาย (สมุทรสาคร) โดยคาค้นหาที่ขึ้นต้นเป็นชื่อแรกใน website เป็นของเจ้าอื่นๆ ส่งผล ให้การทาการตลาดใดๆหากสื่อสารไม่ชัดเจน หรือน้อยจนเกินไป ทางคู่แข่งแฝงจะได้รับอานิสงค์ผลดีด้วย เช่นกัน

 ขนมคุณยายจังหวัดอุดรธานี(ซ้ายบน)  ขนมคุณยายจังหวัดระยอง(ขวาบน)  ขนมคุณยายชลบุรี อ่างศิลา(ซ้ายล่าง)

KA NOM KUN YAI - 28


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

5.2 Marketing Channel ทางร้านขนมคุณยายได้มีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์กับผู้บริโภคมากมายหลายช่องทาง ซึ่ง ประกอบไปด้วย 1.Internet ทางร้านมีการลงโฆษณาผ่าน Internet ใน website ท่องเทีย่ วอัมพวา และของกินต่างๆ

KA NOM KUN YAI - 29


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

2. Facebook ทางร้านขนมคุณยาย มีการสร้างหน้าเพจ เฟสบุคตั้งแต่ช่วงวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ไม่ค่อยมี การเคลื่อนไหว หรือ อัพเดทข้อมูลมากนัก เนื่องจากผู้จัดทาเป็นทายาทรุ่นใหม่ และเพิ่งเข้ามาศึกษาธุรกิจ ซึ่งยังศึกษาข้อมูล และไม่มีข้อมูลมากนัก

KA NOM KUN YAI - 30


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

3.รายการโทรทัศน์ ร้านขนมคุณยาย ได้ออกรายการทางโทรทัศน์หลายรายการ เช่น รายการตื่นมาคุย ทางช่อง 9 , รายการเปรี้ยวปาก ทางช่อง 3 และ รายการบ้านเลขที่ ๕ ทางช่อง 5 รายการตื่นมาคุย

รายการเปรียวปาก

รายการบ้านเลขที่ ๕

KA NOM KUN YAI - 31


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

4.งาน event ช่วงแรกของธุรกิจ ทางผู้ประกอบการมีร้านอาหารอยู่ที่กรุงเทพฯ และมีการผลิตขนมไทยต่าง เพื่อขายหน้าร้านด้วย ทางร้านมีการโปรโมตสินค้าโดยการออก event ในสถานที่ต่างๆ อาทิเช่น Emporium , Central , Fashion Island เป็นต้น แต่เนื่องด้วยทางผู้ประกอบการตัดสินใจย้ายกิจการมีที่ ตลาดน้าอัมพวา จ.สมุทรสงคราม การออก event จึงต้องเป็นอันยกเลิกไป อันมีสาเหตุมาจาก ด้านการผลิต , การขนส่ง และปริมาณพนักงานที่ไม่เพียงพอ 5.นิตยสาร ทางร้านได้รับเกียรติลงนิตยสารการท่องเที่ยวอัมพวา ในเรื่อง หนึ่งในร้านในตลาดน้าอัมพวาที่ไม่ ควรพลาด , คู่มือท่องเที่ยวอัมพวา และ ท่องเที่ยวสมุทรสงคราม เป็นต้น

5.3 Current Problem 1. ด้านการควบคุมต้นทุน เนื่องจากว่าทาง Batt design จะ Outsource ส่วนของการผลิตและติดตั้งทั้งหมด (บางครั้งออกแบบดีไซน์ เอง และบางครั้งแบบก็มาจากทางลูกค้า) โดยเพียงแค่เป็นตัวกลางในการบริหารจัดการระหว่าง Supplier และ ลูกค้าเท่านั้น ดังนั้นเรื่องการควบคุมต้นทุนเรื่องค่าแรง (การติดตั้ง) หรือค่าวัสดุที่เลือกใช้ จึงทาได้ยาก เพราะทาง Batt design จะไม่มีการสต๊อกวัสดุไว้เลย ซึ่งอาจเกิดปัญหาขึ้นบ้างในบางครั้ง เช่น หากเกิดมีช่วง ที่วัสดุที่เลือกนามาใช้เกิดขาดแคลนหรือแรงงานที่มีฝีมือเกิดหายากขึ้นมา ก็จะเป็นปัญหาที่จะเกี่ยวข้องกับ การควบคุมต้นทุนอย่ างแน่นอน อีกทั้งยังต้องบริหารเวลาให้ อยู่ในกรอบของสั ญญาโครงการอีก ดังนั้น บางครั้งจึงต้องมีบ้างเรื่องการจายอมเรื่องต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นโดยการจ่ายแพงขึ้นเพื่อให้งานเสร็จทันเวลา 2. ด้านการขาย ด้านการขายถือว่าเป็นส่วนสาคัญที่ทาง Batt design ประสบปัญหาไม่พออยู่ในขณะนี้ เนื่องจากเป็นบริษัท ขนาดเล็กจึงมี Sale ที่รับผิดชอบด้านการขายเพียงแค่คนเดียว ความสามารถในการหางานหรือ Bandwidth ด้านการขายจึงมีน้อยมาก ทั้งๆที่รู้ช่องทางการเข้าไปขายแต่ Batt design ก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้เพราะติด งานที่อยู่ในระหว่างดาเนินการอยู่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการเข้าไปคุยแบบเสนอไอเดีย, การแก้ไขแบบให้ลูกค้า ซึ่งในแต่ละครั้งนั้นก็ใช้เวลานานในการเข้าไปติดต่อประสานงานที่ออฟฟิศลูกค้า จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทาให้ไม่ มีช่วงเวลาในการหาลูกค้าใหม่เพื่อเพิ่มยอดขายมากนัก KA NOM KUN YAI - 32


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

3. ด้านการเข้าถึงบริษัท ส่วนนี้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่สาคัญไม่แพ้เรื่องการขายเหมือนกัน คือเรื่องที่ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงบริษัท เพื่อการศึกษาหาข้อมูล ดู Site reference หรือดูงานที่เคยส่งมอบต่างๆ เพราะจนถึงปัจจุบันลูกค้าก็ยังไม่ สามารถเข้าถึงบริษัทได้ เนื่องจากช่องทางในการเข้าถึงยังมีแค่ ช่องทางทาง Social network เช่น Facebook เป็นต้น และวิธีการขายก็มีเพียงการขายแบบ Direct sales เท่านั้น ดังนั้นได้งานในแต่ละครั้งจึง หมายถึงทีมงานจะต้องเสียเวลาในการออกหางานด้วยตนเองตามสถานที่ต่างๆ (Observe & Survey) เพราะ ลูกค้าใหม่ไม่มีช่องทางในการเข้าถึงเองได้ ดังนั้นการขาดเว็บไซต์บริษัทจึงหมายถึงการขาดช่องทางในการ เข้าถึง เพื่อเข้าไปศึกษารายละเอียด และการมีเว็บไซต์ในธุรกิจนี้ยังหมายถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทและ ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้บริษัทได้อย่างดีอีกด้วย 4. ด้านการติดตัง ข้อนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับทาง Batt design อยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นกรณีเมื่อถึงเวลาต้องเข้าไปติดตั้งป้ายแต่ ว่าทางสถานที่ยังไม่พร้อมให้สามารถให้เข้าไปดาเนินการได้ และโครงการก็มีสัญญาเรื่องกรอบเวลาในการส่ง มอบงาน ก็อาจทาให้เกิดปัญหาหรือวิตกเรื่องเวลาในสัญญาได้ เพราะโดยทั่วไปแล้วฝ่ายที่ต้องตรวจรับงาน กับฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างจะเป็นคนละกลุ่มกัน ดังนั้นถ้าไม่มีการบริหารโครงการหรือประสานงานกันที่ดีก็อาจ เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นได้ โดยที่ลูกค้าไม่ทราบเลยว่าปัญหาเกิดขึ้นจากการเข้าไปติดตั้งได้ช้ากว่ากาหนด เหตุการณ์เช่นนี้มีเคยเกิดขึ้นบ้างและวิธีการแก้ไขปัญหาก็มีหลายลักษณะคืออาจต้องขอขยายระยะเวลาใน สัญญาเพื่อให้สามารถส่งมอบงานทันในระยะเวลาของสัญญาโครงการ หรือทาสัญญาขึ้นอีกฉบับนึงเฉพาะ ส่วนงานที่ต้องการแก้ไข ถ้าไม่เป็นเช่นนี้หรือทางบริษัทผิดสัญญาเอง ทางบริษัทก็จะโดนค่าปรับเนื่องจากไม่ ส่งมอบตามระยะเวลาเป็นรายวัน

KA NOM KUN YAI - 33


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

บทสรุปการเรียนรู้ส่วนบุคคล

KA NOM KUN YAI - 34

3

6 PART


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

1.บทบาทที่ ท่ า นรั บ ผิ ด ชอบในการท้ า MKT conference นี และได้เรียนรู้ อะไรจากบทบาทที่ท่านรับผิดชอบ จากการได้ร่วมงานกับเพื่อนๆใน การทา MKT Conference ทาให้ได้รับ ประสบการณ์ ใหม่ ๆเพิ่ มขึ้ น มากมาย ทั้ ง จากเพื่ อ นที่ ไ ม่ เ คยร่ ว มงานกั น มากก่ อ น และข้อคิดจากการทางานร่วมกันในหลาย ประเด็น ตั้งแต่การเลือกหัวข้องาน บริษัท ผลิ ตภัณฑ์ที่ส นใจ ซึ่งได้มีการร่ ว มกัน คิด ติดต่อร้านค้าที่ส นใจ โดยทางกลุ่ มตั้งเป้าไว้ว่าจะทาธุรกิ จ เกี่ยวกับของกิน เนื่องจากอาหารหรือขนม เป็นธุรกิจที่น่าสนใจ มีหลากหลายประเภท นอกจากนี้ ยังมี ความท้าทายในตัวเอง แรกเริ่มทางกลุ่มได้ติดต่อคนรู้จักที่มีกิจการเกี่ยวกับอาหารหลายราย เช่น ธุรกิจซูชิ 5 บาท โรตี ลิงโก้ แต่ในธุรกิจที่กล่าวมาได้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะการประกอบธุรกิจไป และยังมีความไม่แน่นอน ในรู ปแบบการดาเนิ นกิจ การ เป็ นที่มาของอุปสรรคแรกของการทางาน คือ มีการสัมภาษณ์เจ้าของ กิจการ ศึกษารูปแบบกิจการ ไปแล้ว แต่พบว่าธุรกิจที่เลือกอาจจะไม่เหมาะกับความต้องการของกลุ่ม ที่ ต้องการทาธุรกิจที่มีแนวทางค่อนข้างชัดเจน แต่ในที่สุด กลุ่มของเราก็ได้พบกับธุรกิจ “ขนมคุณยาย” ขนมคุณยาย เป็นธุรกิจขายขนมไทย ซึ่งตัวผู้ประกอบการเป็นมีความรู้ในการทาขนมไทย และมี จิตใจรักการทาขนมเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมากในการธุรกิจ คือ การมีใจ รักและถนัดในงานที่ทา เพราะในการทางานหากได้ทาในสิ่งที่รักจะสามารถทาได้ดี มีความพยายาม ปรับปรุงตัวเอง ตลอดจนผลิตภัณฑ์ร้านค้าอยู่เสมอ และจะรู้สึกสนุกกับงานที่ทาอยู่ตลอดเวลา เมื่อเกิด ปัญหาจะมุ่งมั่นในการแก้ปัญหา ไม่ละทิ้งธุรกิจไปง่ายๆ กลุ่มของเราเห็นรูปแบบการดาเนินธุรกิจแบบ ครอบครัวที่มีความรักความผูกพันทั้งกับผลิตภัณฑ์ และคนในร้าน รวมถึงลูกจ้างก็มีการดูแลเหมือนญาติ ทาให้เกิดความประทับใจในร้านขนมคุณยายเพิ่มขึ้นหลังการสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์กิจการขนมคุณยาย แม้จะมีอุปสรรคเรื่องเวลา การจัดเตรียมข้อมูลการสัมภาษณ์ แต่ทางกลุ่มโดยคุณเคน ก็ได้ประสานงานจนได้ไปสัมภาษณ์คุณจิรสิน สุขขาวดี ผู้ดูแลกิจการที่ร้านทอง โบราณ ซึ่งเป็นร้านอาหารของครอบครัว และเป็นช่องทางการจาหน่ายขนมอีกทางของร้าน ณ ตลาดน้า อัมพวา โดยทางกลุ่มได้รวมตัวกันเดินทางไปยังตลาดน้าอัมพวา ได้เข้าชมร้านขนมคุณยายทั้ง 3 สาขา ได้ สัมผัสบรรยากาศของตลาดน้าอัมพวาโดยรวม ทาให้พบปัญหาของทางร้าน คือ พบว่าที่ตลาดอัมพวามี คู่แข่งที่ขายขนมหวานลักษณะเดียวกันหลายร้านระหว่างเดินไปยังร้านขนมคุณยายที่ตั้งอยู่เป็นร้าน สุดท้ายของตลาดน้าอัมพวา ในการสัมภาษณ์ที่บริเวณร้านทองโบราณ สมาชิกในกลุ่มได้ช่วยกันถามคาถามเกี่ยวกับธุรกิจใน KA NOM KUN YAI - 35


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

ด้านต่างๆเพื่อรวบรวมข้อมู ลสาหรับการทาสไลด์นาเสนอตัวร้าน รายงาน ตลอดจนเนื้อหา ประเด็น ปัญหาในการดาเนินธุรกิจ ถ่ายภาพร้านพร้อมครอบครัวสุขขาวดี ประกอบการนาเสนอ เมื่อกลับมา สมาชิกได้ปรึ กษากัน เกี่ย วกับ ประเด็น ปั ญหาของทางร้าน และได้แบ่งงานในส่ ว นถัดไป นั่นคือ การ นาเสนอEvent marketing โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องการจัดการตกแต่งพื้นที่ด้วยดอกไม้สด ร่วมกับน้องอ้อย และน้องแป้ง ซึ่งพวกเราได้ไปช่วยกันเลือกซื้อดอกไม้และนามาร้อยตกแต่งพื้นที่จัดงาน ตลอดจนอุปกรณ์ประกอบ เช่น กระทงดอกไม้ น้าอุทัยทิพย์ เป็นต้น นอกจากนี้ ทางกลุ่มได้ระดมสมอง ในการทาสไลด์สาหรับวันงานและเตรียมอุปกรณ์สาหรับตกแต่งสถานที่ เมื่อถึงวันงาน สมาชิกในกลุ่มร่วมมือกันตกแต่งสถานที่ ทั้งประดับดอกไม้ เทียนไฟฟ้า ผ้า ต้นไม้ แบคดรอป ป้ายชื่อร้าน ไฟฟ้า ต่างๆ ตลอดจนจัดเรียงขนมให้สวยงาม แม้สมาชิกในกลุ่มจะไม่สามารถมา ได้ตั้งแต่เช้าทุกคน แต่ก็ได้เตรียมสิ่งของที่สามารถเตรียมล่วงหน้าไว้ก่อน เมื่อมาถึงสถานที่สามารถติดตั้ง ได้เลย ทาให้ช่วยลดเวลาในการจัดได้ส่วนหนึ่ง แต่งานก็สาเร็จลงได้ด้วยดีด้วยความร่วมมือร่วมใจของ สมาชิกทุกคน ถึงแม้จะเหนื่อยและกลัวงานจะไม่สาเร็จแต่ก็มีความสนุกอยู่ไม่น้อย หลังการจัดงานทางกลุ่มได้ปรึกษากันถึงเรื่องการทารายงานและได้แบ่งงานกันตามหัวข้อต่างๆ ของรายงาน โดยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดรูปเล่ มรายงาน ตลอดจนงานอาร์ตเวิร์คภายในเล่ม ซึ่ง สมาชิกได้แบ่งหัวข้องานกันทาและแชร์ข้อมูลกันไว้ในดรอปบ๊อกซ์ ทาให้แม้จะไม่ค่อยมีเวลาได้ทางานอยู่ ด้วยกัน งานก็ยังสามารถเดินหน้าไปได้ด้วยดี มีการปรึกษาแบ่งงานกันในโปรแกรมแชทไลน์ รวมถึงการ มาร่วมกันทาบทสรุปงานในช่วงสุดท้ายก่อนปิดเล่ม 2. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากเลือกท้ากรณีศึกษานี จากการดาเนินงาน MKT Conference กรณีขนมคุณยาย ทาให้ได้เรียนรู้อะไรมากมายทั้งมิต รภาพ การ จัดการและความรู้เกี่ยวกับการดาเนินงานจริงของธุรกิจที่ดาเนินกิจการจริงในตลาด ซึ่งอาจไม่ได้ตรงตามสูตรที่เราได้ เรียนตามตารา ทาให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวนอกตารา รับรู้เทคนิควิธี ข้อดี ข้อด้อยของกิจการ เพื่อนามาปรับใช้ในงาน ของเราในปัจจุบันและอนาคต โดยในประเด็นของการเลือกกรณีศึกษา ได้ตัดสินใจเลือกร้านขนมคุณยาย เพราะสนใจในเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ อาหารซึ่งมีมาในปัจจุบัน อยากจะศึกษาวิธีการดาเนินกิจการที่มีมาว่ามีวิธีการจัดการร้าน การทาการตลาด อย่างไร มี จุดเด่น ข้อเสียเปรียบทางการค้าอย่างไร จึงได้รวบรวมขึ้นเป็น ประเด็นคาถามของกลุ่ม โดยมีการใช้เครื่องมือทาง การตลาดต่างๆมาตั้งเป็นแนวทางในการถามคาถาม เช่น 4P STP เป็นต้น เนื่องจากร้านขนมคุณยายเป็นธุรกิจครอบครัว อาจมิได้มีการวิเคราะห์ข้อมูล เก็บข้อมูลของร้านค้า ซึ่งเมื่อไป สัมภาษณ์ก็พบว่าเป็นดังที่คาด คือ ทางร้านไม่มีก ารบันทึกข้อมูลต่างๆของร้าน เช่น รายรับ รายจ่าย ยอดขาย มีการ รับรู้ในร้านเพียงว่ายังไม่มียอดขาดทุน แต่ไม่ได้มีแนวทางในการวางทิศทางกิจการอย่างเป็นทางการ เป็นการดาเนิน กิจการด้วยใจที่รักการทาขนม และอยากทาขนมที่อร่อย มีคุณภาพให้คนได้รับประทาน ซึ่งอาจส่งผลเสียในอ นาคต เพราะมีการแข่งขันกันรุนแรงมากในตลาดขนมหวาน ทั้งในตลาดน้าอัมพวา และตลาดขนมทั่วไป การใช้เครื่องมือทาง KA NOM KUN YAI - 36


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

การตลาดจึงเป็นแนวทางที่ดีสาหรับใช้เป็นไกด์ไลน์ในการตั้งคาถาม เพื่อจัดเรียงข้อมูลของทางร้านซึ่งยังไม่เคยจัดทา ข้อมูลทางการตลาด ข้อมูลกลยุทธ์ การกระจายสินค้า ตลอดจนข้อมูลเชิงสถิติต่างๆ ทั้งนี้ ทางครอบครัวสุขขาวดีได้ให้ ความร่วมมือในการสัมภาษณ์เป็นอย่างดี มีการให้ข้อมูลในทุกประเด็นคาถามอย่างไม่ปิดบัง ทาให้การเก็บข้อมูลดาเนิน ไปอย่างราบรื่น ตลอดจนการเดินประเมินสภาพตลาดในวันที่ไปสัมภาษณ์ ซึ่งประเด็นกลยุทธ์การตลาดของกิจการขนมคุณยายจากการสัมภาษณ์ทาให้ทราบว่าทางร้านไม่มีการวางกล ยุทธ์ หรือตาแหน่งทางการตลาดของตนเอง มีการตั้งเป้าหมายการดาเนินงานอย่างคร่าวๆ คือ เน้นไปที่เรื่องการผลิต ขนมให้อร่อย มีคุณภาพ แต่ยังไม่ค่อยคานึงถึงรูปแบบการดาเนินกิจการในระยะยาว รวมถึงการศึกษาตลาดและคู่แข่ง อย่างจริงจัง ไม่มีการประเมินศักยภาพภายในของตนเอง และไม่มีการประเมินสภาพแวดล้อมตลาดของการแข่งขัน ภายนอก ทาให้ขาดการปรับปรุงรูปแบบการดาเนินงาน บรรจุภัณฑ์ ช่องทางการกระจายสินค้า ตลอดจนช่องทางการ สื่อสารกับตลาด ซึ่งคิดว่าทางร้านควรเริ่มศึกษาจากภายในกิ จการและอุดจุดโหว่ ช่องว่างของตนเอง ไปพร้อมๆกับ การศึกษาตลาด กลยุทธ์ของคู่แข่งเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างกลยุทธ์ของทางร้าน ที่จะนาไปสู่การพัฒนาธุรกิจทั้ง ระบบเพื่อความอยู่รอด ในส่วนการจัดทาEvent marketing ได้เรียนรู้ทั้งการจัดงาน ตั้งแต่การเตรียมงาน เตรียมอุป กรณ์ เตรียม พื้นที่ เตรียมข้อมูลที่จะนาเสนอในงาน ตลอดจนในการจัดงานวันจริง เกี่ยวกับการทางานเป็นทีม ซึ่งงานทั้งงานจะ สาเร็จลงได้จาเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของหลายฝ่าย เช่นเดียวกับการดาเนินกิจการทุกอย่าง จาเป็นต้องมีการติดต่อ ประสานงาน ไม่ว่าคนในองค์กร ลูกค้า ซั บพลายเออร์ หน่อยงานราชการ อีกทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและ ทางอ้อม จาเป็นต้องมีการคิดล่วงหน้า แผนงาน ระยะเวลาดาเนินงาน ผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ซึ่งทุกอย่างล้วนมีผลต่อ การทางาน โดยส่วนสาคัญคือ ทีมงาน ซึ่งอยู่กับงาน ร่วมกันดาเนินงานด้วยกันมาตั้งแต่ต้นจนจบ แบ่งหน้าที่กันตาม ความถนัด ร่วมกันฝ่าฟันแก้ปัญหากันมา จนถึงวันที่ต้องจัดงานจริง แม้จะมีปัญหาเรื่องเวลาไม่ตรงกันบ้าง เนื่องจากทุก คนทางานประจา แต่ก็มีการแบ่งงานที่ดี ทาให้แก้ปัญหาเรื่องนี้ไปได้ ในส่วนการนาเสนอมีการคิดรูปแบบของงานให้เป็นงานแบบงานลอยกระทง เพื่อให้เพื่อนสนใจการนาเสนอ มี การถกเถียงประเด็นปัญหาที่เตรียมมากันในห้อง ซึ่งเพื่อนๆมีความสนใจและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะ ในช่วงการให้ทดลองชิมขนม สร้างความสนใจในผลิตภัณฑ์และร้านได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เพื่อนๆยังร่วมกันตอบ คาถามใน E-Learning กันอย่างมากมาย เนื่องจากประเด็นคาถามของร้านเองมีความน่าสนใจ เพราะเป็นประเด็นที่ เกิดขึ้นในธุรกิจครอบครัวของหลายๆคน และคนที่จะเริ่มทาธุรกิจที่อาจยังไม่มีแนวทางในการดาเนินกิจการที่ชัดเจน จะ ได้ร่วมกันคิดข้อดี ข้อด้อยของร้าน และนาไปปรับใช้ของตนเองได้ ทาให้เกิดการหารือกันอย่างกว้างขวาง

3. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการฟัง MKT conference ของกลุ่มอื่นๆ MKT Conferenceของกลุ่มเพื่อนๆก็ล้วนมีความน่าสนใจ ทั้ง pop me up black sheep งานวัดดอทคอม ซึ่งได้เรียนรู้ทั้งเรื่องการช่วยเหลือระหว่างกลุ่ม เพื่อนๆแม้จะอยู่คนละกลุ่มก็ให้ความช่วยเหลือหยิบยืมอุปกรณ์กัน เพื่อน บางคนมาก่อนเวลาเพื่อมาช่วยกลุ่มอื่นจัดงาน และในเวลาเลิกงานก็ยังอยู่ช่วยกันเก็บของ แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพ อีก KA NOM KUN YAI - 37


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

ทั้งยังสะท้อนถึงการทางาน แม้จะอยู่กันคนละทีมหากมีน้าใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน งานในภาพรวมย่อมออกมาได้ดี มากกว่าที่จะคิดแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยที่เพื่อนแต่ละกลุ่มก็มีรูปแบบวิธีการจัดการกับปัญหาที่แตกต่างกัน ไป ทาให้ได้เรียนรู้วิธีการใหม่ๆที่เราเองก็ไม่เคยนึกถึงมาก่อน ในส่วนการนาเสนอทุกกลุ่มมีรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยอิงไปที่ตัวสินค้าหรือบริการที่เลือกมาเป็นหลัก ทาให้ ได้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของทุกกลุ่ม มีการจัดตกแต่งพื้นที่ในงานตามคอนเส็ปต์งาน ร่วมกันคิด ร่วมกันทา จนเกิด เป็นผลสาเร็จขึ้นมาอย่างที่ปรากฏ ทาให้ได้เรียนรู้วิธีการทางานของแต่ละกลุ่ม ตั้งแต่การประชุมเลือกสินค้าหรือบริการ การพูดคุยเรื่องการจัดงาน รูปแบบการนาเสนองาน เนื้อหาที่จะนาเสนอ ตลอดจนวิธีการแก้ไขปัญหาของแต่ละกลุ่ม ในหัวข้ออภิปรายของเพื่อนกลุ่มอื่น ทาให้เห็นมุมมองการทาธุรกิจที่หลากหลายรูปแบบ เห็นถึงวิธีการดาเนิน กิจการ และกลยุทธ์ที่ธุรกิจนั้นๆใช้ ซึ่งสังเกตว่าธุรกิจที่เริ่มจากครอบครัวหรือความชอบส่วนตัว จะขาดการดาเนินงานที่ เป็นรูปแบบไม่มีการวางแผน วางกลยุทธ์ ซึ่งอาจจะส่งผลเสียในระยะยาวเมื่อเกิดคู่แข่งที่มีสินค้าหรือบริการลักษณะ เดียวกัน ในส่วนการอภิปรายของเพื่อนในห้องและใน E-Learning ทาให้ได้เห็นมุมมองที่หลากหลาย แม้คาถามจะเป็น คาถามเดียวกัน แต่การระดมความคิดทาให้ได้เห็นมุมหรือแนวคิดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหลายแนวคิดมีความน่าสนใจ เป็นอย่างมาก รู้สึกว่าการถกเถียงในลักษณะนี้เป็นการพูดคุยที่มีประโยชน์อย่างมาก เพราะเป็นการกระตุ้นให้ทุกคนได้ คิดและแสดงความคิดออกมาให้คนอื่นๆได้รับรู้ด้วย ซึ่งในการทางานจริงๆหากทาได้ อย่างในการเรียน ทุกคนสามารถ แสดงความเห็นได้อย่างเสรี จะทาให้ทีมได้ไอเดียดีๆเพิ่มอีกมาก

4. ท่านได้มีการลองไปใช้สินค้าหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยวิธีใดกับสินค้าใดบ้าง ส่วนตัวแล้วได้มีการเข้าไปดูแฟนเพจของกางเกงยีนส์ Black sheep เนื่องจากมีความน่าสนใจ หากคิดจะซื้ อ กางเกงยีนส์ในอนาคต ลองเข้าไปดูแบบต่างๆ และห้างที่จะไปจัดอีเวนท์ ส่วนPop me up และ งานวัดดอทคอม ยังไม่ เคยลองดูเวปไซต์ของทั้งสองร้าน เนื่องจากยังไม่มีความจาเป็นในการใช้สินค้าหรือบริการ

5. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากวิชาการตลาด เอาไปใช้อะไรได้บ้างกับการท้างาน จากการเรียนวิชาการตลาด ทาให้ได้เรียนรู้อะไรมากมาย มากกว่าแค่ตัววิชาที่เรียน ถึงหลักการและเครื่องมือ ทางการตลาดซึ่งมีประโยชน์และสามรถนาไปใช้กับการทางานได้ เพื่อให้เราวิเคราะห์ตาแหน่งและกลยุทธ์ของบริษัท ตนเอง เรียนรู้กลยุทธ์ของบริษัทอื่นๆ โดยเฉพาะบริษัทที่อาจารย์ได้ยกตัวอย่างเป็นกรณีศึกษาประกอบในแต่ละเรื่อง ซึ่ง มีประโยชน์อย่างมากและหาไม่ได้ในหนังสือทั่วไป ทาให้มองเห็นภาพเนื้อหาการเรียนได้อย่างชัดเจน และสามารถนามา ปรับใช้กับงานขนาดเล็กของเราได้ หรือการเพิ่มความระมัดระวังในการดาเนินธุรกิจเพื่อป้องกันตัวเองจากธุรกิจขนาด ใหญ่ อีกทั้งยังสามารถนาความรู้ที่ได้ไปวางแผนการและกลยุทธ์ในธุรกิจที่ตั้งใจจะทาในอนาคตได้อีกด้วย อีกทั้ง ในการเรียนครั้งนี้ นอกจากความรู้จากอาจารย์ ยังได้รับความรู้จากเจ้าของธุรกิจทั้งกลุ่มที่เราไป สัมภาษณ์ กลุ่มของเพื่อน ตลอดจนความรู้จากการพูดคุย ในห้องและในE-Learning ทาให้ได้เปิดมุมมองให้กว้างขวาง KA NOM KUN YAI - 38


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

ขึ้น ได้พบไอเดียดีๆมากมาย นอกจากนี้ ในการจัด Event marketing ยังทาให้ได้รับประสบการณ์มีค่าในการจัดงาน การแก้ปัญหา การทางานร่วมกับผู้อื่น การจัดการต่างๆเพื่อให้งานบรรลุเป้าหมาย เพราะในการทางานเราไม่สามารถ ควบคุ ม ตั ว แปรต่ า งๆ ทั้ งลู ก ค้ า เพื่ อ ร่ ว มงานซั ป พลายเออร์ หน่ ว ยงานต่ า งๆ การท างานในครั้ งนี้ จึ งเป็ น เสมื อ น แบบจาลองการทางานจริงให้เราได้ทดลอง

6. ข้อเสนอแนะส้าหรับการปรับปรุงวิชานี สาหรับข้อเสนอสาหรับวิชาการตลาด อยากให้มีคู่มือการเรียนเป็นภาษาไทยสาหรับอ่านเพิ่มเติ ม ขยายความ ในประเด็นต่างๆที่ได้เรียนในห้องเรียน เพื่อความเข้าใจมากขึ้น เนื่องจากส่วนตัวไม่มีความรู้ และไม่มีพื้นฐานในด้าน ธุรกิจ และทางานในองค์กรขนาดเล็ก ซึ่งไม่มีแบบแผนอะไร ทาให้ในบางครั้งอาจตามไม่ทันหากมีการใช้ศัพท์เฉพาะ หรืออาจเข้าใจไม่ตรงกับข้อความที่อาจารย์ต้องการสอน และบางครั้งไปเสริชหาเนื้อหาที่สงสัยแต่กลับพบว่ามีการ อธิบายที่ต่างจากอาจารย์ทาให้เกิดความสับสน แต่ในส่วนการสอนในห้องชอบการยกกรณีของบริษัทต่างๆของอาจารย์ มาก จนคิดว่ามีเวลาเรียนน้อยไป อยากฟังเคสต่างๆมากขึ้นอีก

KA NOM KUN YAI - 39


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

1.บทบาทที่ ท่ า นรั บ ผิ ด ชอบในการท้ า MKT conference นี และได้เรียนรู้อะไร จากบทบาทที่ท่านรับผิดชอบ เมื่ อ กลุ่ ม เราเลื อ กได้ แ ล้ ว ว่ า จะท า เกี่ยวกับร้าน “ขนมบ้านคุณยาย” ย่านตลาด น้าอัมพวา ระหว่างที่เรายังไม่ว่างไปดูหน้า ร้านที่อัมพวา ก็มีการเตรียมข้อมูลกันคร่าวๆ ก่ อ น พู ด คุ ย ส่ ง เมลล์ ส อบถามกั บ ทาง เจ้าของร้าน คิดคอนเซปว่าจะพรีเซนยังไง โดยคิดกันว่าจะทาเป็นธีมลอยกระทง เนื่องจากอัมพวาเป็น ตลาดน้า และช่วงที่เราจัดเป็นช่วงลอยกระทงพอดี ก็มีคิดรูปแบบงาน วางผังกันเลย ว่าจะทายังไงกัน บ้าง ในขั้นตอนนี้ แป้งรับหน้าที่ไปทาโปสเตอร์โฆษณางาน โดยได้นาไปแปะประกาศตามลิฟท์ชั้นต่างๆ กลุ่มเรามีผู้ชายเยอะหน่อย 3 คน ผู้หญิงอีก 3 คน พี่เคนกับไอซ์รับหน้าที่ออกไปซื้อของ พี่พัด เตรียมใบตอง และต้นไม้ตกแต่งในงาน และหน้าที่สาคัญของผู้ชายคือ ทาไฟ เนื่องจากกลุ่มเราคิดธีมเป็น ลอยกระทงกลางคืน จึงต้องปิดไฟทั้งห้อง แล้วใช้ไฟเพิ่มความสว่าง ซึ่งในขั้นตอนนี้ ก็เกิดปัญหา คือลอง มาต่อไฟกันก่อน ว่าแสงสว่างจะพอมั้ย แล้วหลอดไฟเกิดร่วง หล่นแตกจากบอร์ด จึงต้องไปซื้อไฟใหม่เลยค่ะ ส่วนผู้หญิง ก็ รับหน้าที่เตรียมเรื่องดอกไม้ ตกแต่งงาน ในตอนแรกได้ไปดูที่ ปากคลอง หากซื้อที่ร้อยสาเร็จมา ราคาจะสูง เราจึงตกลงว่า ผู้หญิงจะมาร้อยกันเอง ซึ่งต้องใช้ดอกไม้ปริมาณเยอะ ทาให้ เป็นปัญหา ไม่สามารถเตรียมไว้ล่วงหน้าได้หลายวัน ก่อนวัน จัดอีเว้นท์ 2 วัน เราจึงไปปากคลองตลาดด้วยกัน และแยก ย้ายกันไปร้อยดอกไม้ที่บ้าน แล้วแช่ตู้เย็นเตรียมไว้ ซึ่งแป้ งรับ หน้ า ที่ ร้ อ ยพวงมาลั ย คล้ อ งคอเพื่ อ นๆ และกระทงใบตอง เอาไว้ให้เพื่อนๆใส่ขนม เมื่อถึงวันงาน ได้ลางานและมาช่วยกันจัดตั้งแต่สายๆ โดยขนมทางร้านเตรียมใส่กล่องมาให้ แล้วก็มาจัดใส่ขันโตกเอง นาใบตองมาแปะที่บอร์ด ตกแต่งงาน โดยตอนเช้าเรารีบทากันมาก กลัวไม่ทัน เนื่องจาก กลุ่มเราเป็นงานสร้างสรรค์ และประดิษฐ์เองซะส่วน ใหญ่ โดยใครสามารถทาอะไรได้ ก็ช่วยๆกันทา และก็เสร็จทันเวลาค่ะ พอได้เห็นภาพงานทั้งหมด รู้สึกดี ใจ ภูมิใจ และหายเหนื่อยเลยค่ะ ทุกคนสนุกกันมาก จากนั้นได้แต่งตัว โดยพี่เคนได้เช่าชุดไทยมาให้สาวๆ ใส่ ซึ่งไม่เคยใส่ชุดแบบนี้มาก่อน ใส่ยากมากและดูแปลกๆชอบกล แต่แต่งตัวออกมาก็สวยกันทุกคน KA NOM KUN YAI - 40


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

ในส่วนของรายงาน หลังจากพรีเซ้นเสร็จ เราได้แบ่งกันไปทาในส่วนของตัวรายงาน ซึ่งแป้งรับ หน้าที่ในการทา Marketing Channal และ รวบรวม E-Learning ของเพื่อนๆ ซึ่งการเรียนวิชานี้ โดยเฉพาะการจัดอี เว้นท์ รู้สึกสนุกมากค่ะ ทาให้สนิทสนมกันกับเพื่อนๆใน กลุ่มมากขึ้น รวมถึงเพื่อนในห้องด้วย ทุกสัปดาห์ที่มีการจัดงาน หากเพื่อนคนไหนว่าง ก็จะมาช่วยตั้งแต่ บ่าย ส่วนตอนหลังจัดงานเสร็จ เพื่อนๆ ก็จะช่วยเก็บของกันหมดเลยค่ะ ทาให้งานเสร็จเร็วขึ้น รู้สึก ประทับใจมาก ส่วนการทางานภายในกลุ่ม รู้สึกไม่เหนื่อยเลย เราสนุกกันมากๆ ได้ไปเที่ยวอัมพวา ถึงแม้ วันที่เราไป ไปวันเสาร์กันแต่เช้า แล้วก็ต้องรีบกลับมาเรียนตอนบ่ายก็ตาม 2. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากเลือกท้ากรณีศึกษานี ในตอนเริ่มแรก ทางกลุ่มเราจะทาเกี่ยวกับร้าน Rotee Lingo ได้เข้าไปคุยกับเจ้าของธุรกิจถึง ปัญหา ซึ่งหลังจากที่พูดคุยแล้ว คิดว่าผู้ประกอบยังไม่พร้อม ธุรกิจยังไม่ต่อเนื่อง และยังไม่ชัดเจน จากนั้น นิค เพื่อนในห้อง ได้แนะนาให้รู้จักกิจการขนมไทย “ขนมบ้านคุณยาย” ย่านตลาดน้า อัมพวา ทางกลุ่มเราเห็นว่าน่าสนใจ และได้โทรคุย และส่งเมลล์คุยกันถึงธุรกิจคร่าวๆก่อน เนื่องจากไม่มี เวลาเดินทางไป และนัดกันกับเพื่อนๆทั้งกลุ่มยังไม่ได้ จากนั้นได้เดินทางไปดูหน้าร้าน ที่ตลาดน้าอัมพวา และได้พูดคุยกับเจ้าของกิจการพร้อมกัน โดยข้อมูลที่เราสอบถาม ก็จะมีการพูดคุยกันในกลุ่มทุกอาทิตย์ เปนระยะๆ หากมีคาถาม ในช่วงแรกก็จะโทรไปคุยหรือส่งเมลล์ แล้วข้อมูลในส่วนด้านการผลิต เราก็ รวบรวมไปสอบถามวันที่เดินทางไปอัมพวา ทางร้านได้วางตาแหน่งของตัวเองเป็นระดับพรีเมี่ยม เนื่องจากทางร้านใช้วัตถุดิบในการผลิต 100 % แต่แป้งเห็นว่าขนมบ้านคุณยาย ยังมีภาพลักษณ์ไม่ถึงระดับพรีเมี่ยม ทั้งบรรจุภัณฑ์ที่ยังมีความ แตกต่างในแบรนด์ตัวเอง การทาการตลาดยังไม่ชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับระดับพรีเมี่ยมในตลาด เช่น บ้านอัยการ ขนมไทยเก้าพี่น้อง เป็นต้น การทา event โดยการทาโฆษณา ประชาสัมพันธ์ในตึก เป็นที่ประสบผลสาเร็จ เนื่องจากในวัน งาน มีนักศึกษาทั้งไทยและต่างชาติ ที่ได้เห็นโปสเตอร์ล่วงหน้า ได้เข้ามาเยี่ยมชมงานหลายสิบคน ในงาน เราก็มีกิจกรรมให้เพื่อนๆมีส่วนร่วม ทั้งทามาลัยให้คล้องคอ น้าดื่มอุทัยทิพย์ ลอยกระทง การแต่งกาย ประกวด Blind test และ ชิมขนมต่างๆในร้าน ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี ในส่วนของ E-Learning เพื่อนๆหลายคนต่างร้องเรียนมาว่ากลุ่มเราคาถามยากเกินไป เหมือน สอบปลายภาค แต่เพื่อนๆก็ให้ ความร่ วมมือ ตอบคาถามกันเป็นอย่างดี ซึ่งคาตอบที่เพื่อนๆตอบมา ทั้งหมด ทางกลุ่มเราจะรวบรวมข้อมูล และส่งทางร้านขนมคุณยาย เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาต่อไป 3. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการฟัง MKT conference ของกลุ่มอื่นๆ ได้ศึกษาทั้งวิธีการจัดงานของกลุ่มอื่นๆ การพรีเซ้น แล้วนามาปรับปรุงกลุ่มตัวเอง อย่างเช่นกลุ่ม แรก POP ME UP การนาเสนอของกลุ่มนี้ กลุ่มเราคิดว่ามีการพรีเซ้น power point ในส่วนของเนื้อหา น้อยเกินไป จึงนามาปรับปรุงของกลุ่มเรา ใส่เนื้อหาวิชาการเข้าไป เพื่อให้ผู้ฟังได้เห็นถึงลักษณะของ กิจการได้ชัดเจนขึ้น KA NOM KUN YAI - 41


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

4. ท่านได้มีการลองไปใช้สินค้าหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยวิธีใดกับสินค้าใดบ้าง ในตอนแรก ที่เลือกว่าจะทาร้านขนมคุณยาย ได้เข้าไปดูใน E-Learning ของเพื่อนๆรุ่นก่อน ได้ เข้าไปดูของร้านหวานดารงค์ ซึ่งเคยได้ยินชื่อเสียงของร้านนี้อยู่แล้ว และมีลักษณะร้านที่คล้ายกลุ่มเรา แต่ยังไม่มีการไปซื้อ หรือใช้สินค้าต่างๆ ที่เพื่อนๆได้นาเสนอมา 5. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากวิชาการตลาด เอาไปใช้อะไรได้บ้างกับการท้างาน การนาไปใช้กับการทางาน อาจยังไม่ได้ใช้ในปัจจุบัน เนื่องจากแป้งทางานทางด้านบันชีอยู่ ซึ่ง ความรู้ในด้านการตลาดต่างๆที่เรียนในวิชานี้ คิดว่าในอนาคตได้นาไปใช้อย่างแน่นอนกับธุรกิจ หรือการ ทางานในภายภาคหน้า ซึ่งการเรียนวิชานี้ ทาให้ได้มองเห็นถึงการทาโฆษณาที่แปลกๆใหม่ๆ ไม่เคยเห็น ตามสื่อต่างๆ ช่วยให้สินค้าน่าสนใจมากยิ่งขึ้น 6. ข้อเสนอแนะส้าหรับการปรับปรุงวิชานี อาจารย์ยุ้ยมีวิชาการสอนและการนาเสนอที่เป็นกันเอง ทาให้บรรยากาศในการเรียนน่ ามาเรียน มากๆ และยิ่งทาให้เข้าใจในเนื้อหาวิชาได้มากยิ่งขึ้นค่ะ

KA NOM KUN YAI - 42


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

1.บทบาทที่ ท่ า นรั บ ผิ ด ชอบในการท้ า MKT conference นี และได้เรียนรู้ อะไรจากบทบาทที่ท่านรับผิดชอบ การจัดงาน MKT Conference ครั้งนี้ ผม ได้เรียนรู้เคล็ดลับมากมายในการประกอบ ธุรกิจ อีกทั้ง ยังได้รั บความสนุกสนานใน การทางานร่วมกันของสมาชิกในกลุ่ม สิ่งที่ ผมประทับใจส่วนหนึ่งคือการที่เพื่อนๆต่าง กลุ่มเดินทางมามหาลัยเร็วขึ้นเพื่อช่วยจัด งาน และ ช่วยเก็บทาความสะอาดเมื่อเสร็จงาน สิ่งเหล่านี้ทาให้ความสัมพันธ์ของเพื่อนๆในห้องและ สมาชิกในกลุ่มมีความสนิทสนมกันมากขึ้น และการทางานเป็นไปด้วยอย่างสนุกสนาน โดยในการทา MKT Conference ครั้งนี้ทางกลุ่มของผมได้เลือกทา ร้านขนมไทยชื่อดังจาก ตลาดน้าอัมพวาที่มีชื่อว่า “ขนมคุณยาย” ซึ่งส่วนมากแล้วเนื้องานต่างๆที่ได้จะมาจากการประชุม ร่วมกันภายในกลุ่ม แต่ก็ได้มีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ โดยส่วนที่ข้าพเจ้ารับผิดชอบคือติดต่อเพื่อขอนัด สัมภาษณ์ผู้ประกอบการ แบ่งปันข้อมูล ร่วมมือปรึกษากับสมาชิกภายในกลุ่มเพื่อวางแผนรูปแบบจัดงาน ซื้ออุปกรณ์ต่างๆ และพิธีกรในวันจัดงาน ทั้งนี้จากบทบาทที่กระผมรับผิ ดชอบ เริ่มแรกมีปัญหาจากการนัดสัมภาษณ์กับผู้ประกอบการ เนื่องจากระยะเวลาที่สะดวกของสมาชิกแต่ละคนไม่ตรงกัน อีกทั้งระยะเวลาค่อนข้างมีจากัดจากการ เปลี่ยนหัวข้อ ทาให้ต้องจัดเวลานัดสัมภาษณ์ให้ตรงกับวันเรียนในช่วงเช้า เพื่อเข้าสัมภาษณ์และกลับมา เรียนต่อในช่วงบ่าย นอกจากนี้การเตรียมการในการจัดงานบางอย่างเช่น การทา Workshop ต้อง เปลี่ ย นแปลงเนื่ องจากอุป กรณ์ไม่เอื้ออานวยต่อสถานที่ และสมาชิกยังไม่มีประสบการณ์ในการทา สิ่งของที่นามาใช้ในการจัดงานเช่น ขนมไทย ดอกไม้ประดับ ใบตอง มีอายุในการเก็บรักษาค่อนข้างสั้น ทาให้ในวันจัดงานจะต้องเดินทางไปซื้อมาเพิ่มเติม อาจจะเห็น ได้ว่าในการจั ดงานนี้มีปัญหามากมาย อย่างไรก็ดีข้าพเจ้าได้เรียนรู้แนวความคิด ประสบการณ์มากมาย จากทั้งจากผู้ประกอบการและปัญหาที่พบ อาทิเช่น การวางแผนการจัดการควร วางแผนให้ละเอียดและมีแผนสารองไว้เสมอเพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่คาดคิด เป็นต้น 2. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากเลือกท้ากรณีศึกษานี ในการเลือกหัวข้อเพื่อทาการ Conference สมาชิกภายในกลุ่มสนใจและเลือกที่จะทาหัวข้อ เกี่ยวกับอาหาร เนื่องมาจากเป็นเรื่องใกล้ตัวและเพื่อนๆในห้องสนใจ เริ่มแรกทางกลุ่มข้าพเจ้าเลือก ทา ผู้ผลิตและจาหน่ายอาหารญี่ปุ่นที่วางขายชิ้นละ 5 -10 บาท ตามตลาดนัดทั่วไป แต่ทางผู้ประกอบการได้ เปลี่ยนแนวธุรกิจเป็นขายวัตถุดิบเพียงอย่างเดียวจึงต้องยกเลิกไป ต่อมาทางสมาชิกจึงได้เลือกร้าน Roti Lingo ร้านขายโรตีฟิวชั่น แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนเนื่องจากทางผู้ประกอบการยังไม่พร้อม สุดท้ายแล้ว จึงได้ KA NOM KUN YAI - 43


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

เลือกร้านบ้านขนมคุณยายที่ทางผู้ประกอบการต้องการคาแนะนาพอดี ด้วยเหตุนี้ทางสมาชิกกลุ่มจึงได้จัดเตรียมข้อมูลและคาถามต่างๆให้ครอบคลุมในส่วนเนื้อหามาก ที่สุด และ ถามเพิ่มเติมจากข้อสงสัย ทางผู้ประกอบการได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจึงทาให้ทางกลุ่มได้ ข้อมูลอย่างครบถ้วน อย่างไรก็ดีจากการที่ทางผู้ประกอบการไม่เคยเข้ามาศึกษาหรือประเมินคู่แข่งทางการตลาดมา ก่อนทาให้ ทางกลุ่ มต้องศึกษาค้น คว้าเพิ่มเติม แต่ด้ว ยเวลาที่จากัดอาจทาให้ เกิดข้อผิดพลาดได้บาง ประการอาทิเช่น การวางตาแหน่งทางการตลาดของร้านขนมคุณยายซึ่งทางผู้ประกอบการระบุว่าเป็น สินค้า พรีเมี่ยม แต่ในสภาพตลาดจริงไม่ได้มีการแยกไว้อย่างชัดเจน ซึ่งหากทางผู้ประกอบการแบ่งด้วย ราคาที่ขายในตลาด สินค้าของทางขนมคุณยายนั้นจะอยู่ในกลุ่มสินค้าระดับกลาง และหากใช้เกณฑ์การ ใช้วัตถุดิบที่เป็น ธรรมชาติ 100% ทางขนมคุณยายจะอยู่ตาแหน่งพรีเมี่ยม หากแต่การวิเคราะห์ทาง การตลาดเกณฑ์นี้จะต้องเข้าไปศึกษาคู่แข่งรายอื่นๆที่อยู่ในระดับเดียวกัน เช่น เก้าพี่น้อง และ/หรือ ขนม บ้านอัยการ และแบรนด์ร้านขายขนมไทยทั่วไปว่ามีการผสม อย่างอื่นหรือไม่ ในเรื่องการจัดงาน จากการที่สมาชิกกลุ่มเล็ งเห็นว่าทางมหาลัยมีกลุ่มนักศึกษาชาวต่างชาติ ค่อนข้างมาก และจะเป็นการอันดีหากทางกลุ่มสามารถถ่ายทอดเรื่องราว ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ ของไทยผ่านการทา Conference ในครั้งนี้ อีกทั้งช่วงเวลาที่เข้าไปสัมภาษณ์ผู้ประกอบการเป็นช่วยลอย กระทงพอดีและ สินค้าที่นาเสนอก็เป็นเอกลักษณ์ของไทย ทางสมาชิกกลุ่มจึงมีการประชุมและ เห็นพ้อง กัน ว่ าจะจ าลองสถานการณ์ง านลอยกระทงในตลาดน้ าอั ม พวา และได้ ท าการประชาสั ม พั นธ์ ด้ ว ย ภาษาอัง กฤษโดยมีเป้ าหมายเพื่อเชื้อเชิญนั กศึก ษาจากต่างประเทศ และส่ ง บัตรเชิญ ส าหรับเพื่อ น นักศึกษาทั่วไป ด้วยการเล่าเรื่องราวต่างๆผ่านทางตัวละครและจับประเด็นหยอกล้อกันในห้องเรียนมาใช้ ทาให้การสื่อสารกับเพื่อนๆเกิดความสนใจและกระตุ้นให้เกิดการ Discuss กัน ซึ่งน่าประหลาดใจมากที่ เพื่อนในห้องบอกว่าคาถามยากเหมือนกับข้อสอบ จึงทาให้การ Conference ครั้งนี้ได้ทั้งความรู้และ ความสนุกสนานไปพร้อมๆกัน 3. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการฟัง MKT conference ของกลุ่มอื่นๆ จากการฟังการ Conference ของเพื่อนกลุ่มอื่นๆ ทาให้เรียนรู้ได้ว่าทุกธุรกิจมีขีดจากัดและช่อง โหว่ของมัน ทุกๆธุรกิจมีการแข่งขันค่อนข้างสูง ดังนั้นการป้องกันธุรกิจเพื่อความอยู่รอดจาเป็นจะต้อง ศึกษาและทาความเข้าใจธุรกิจนั้นๆให้ละเอียด 4. ท่านได้มีการลองไปใช้สินค้าหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยวิธีใดกับสินค้าใดบ้าง จากการที่ผมได้เข้าไปใน e-learning และได้เห็นหัวข้อของกลุ่มอื่นๆ ผมรู้ศึกสนใจและเข้าไป อ่าน Presentation ในนั้น อาทิเช่น ร้าน Chalala หรือ หวานดารง เป็นต้น แต่ยังไม่มีโอกาสได้ลองใช้ หรือมีส่วนร่วมกับสินค้านั้นๆ

KA NOM KUN YAI - 44


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

5. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากวิชาการตลาด เอาไปใช้อะไรได้บ้างกับการท้างาน การเรียนวิชาการตลาด Marketingในครั้งนี้ถือว่าเปิดโลกทัศน์ของผมเป็นอย่างมาก ทาให้ว่าสิ่ง ที่กระผมเคยทาไว้ที่ผ่านมาผิดแนวทางมาโดยตลอด ก่อนมาเรียนที่มหิดลนี้ตัวผมเคยได้รับโอกาสให้ไป ดูแลกิจการหนึ่ง แต่ด้วยการขาดความรู้และประสบการณ์ ทาให้เจอปัญหามากมายซึ่งไม่ทราบสาเหตุ และที่มา ก่หน้านั้นผมไม่เคยมองคู่แข่งทางธุรกิจว่าเขาประชาสัมพันธ์ยังไง ใช้กลยุทธ์อะไร แต่หลังจากที่ ได้เรียนทาให้ผมเข้าใจรายละเอียดต่างๆในการทาการตลาดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทาให้ผมมีละเอียด รอบคอบมากขึ้นในการทาธุรกิจ

KA NOM KUN YAI - 45


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

1.บทบาทที่ ท่ า นรั บ ผิ ด ชอบในการท้ า MKT conference นี และได้เรียนรู้อะไร จากบทบาทที่ท่านรับผิดชอบ บทบาทที่ ผ มรั บ ผิ ด ชอบในการท า MKT Conference นี้ คือ ฝ่ายจัดแสงสีเสียงของ สถานที่, ฝ่ายจัดซื้อของที่ใช้ในการจัดงาน และทาบัตรเชิญ ผมได้ใช้ความรู้สมัยมัธยม ต้ น ในการต่ อ ไฟ Back-Drop และไฟ พระจันทร์ ซึ่งเจอแต่ปัญหาเล็กๆน้อยๆ เช่น เรื่องสายไฟไม่พอ, หลอดไฟหมดอายุเพราะโดนคนขายหลอก แก้ปัญหาโดยการซื้อสายไฟและหลอดไฟ มาเพิ่ม ในเรื่องของการทางานทางกลุ่มได้แบ่งงานโดยชัดเจน พอใครเสร็จงานของตัวเองก็ไปช่วยคน อื่นๆในกลุ่มทางานต่อ เช่น ผมต่อสายไฟเสร็จแล้วก็ไปช่วยพวกพี่ๆผู้หญิงร้อยมาลัย 2. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากเลือกท้ากรณีศึกษานี ในการเลือกกรณีศึกษา ทางกลุ่มเราได้เน้นไปในเรื่องของธุรกิจอาหาร โดยในตอนแรกเราได้ เลือกธุรกิจซุชิแต่เนื่องจากทางเค้าได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นการผลิตวัตถุดิบเพื่อส่งมากกว่า ทางกลุ่ม เราเลยเปลี่ยนไปเป็นธุรกิจ โรติริ้งโก้ ซึ่งเป็นโรตีแบบฟิวชั่น แต่ตัวเจ้าของธุรกิจยังไม่มีความแน่นอนใน ธุรกิจของตนเอง ทางกลุ่มเราจึงเปลี่ยนเป็น ขนมคุณยาย ซึ่งทางตัวเจ้าของเองต้องการคาแนะนาอยู่พอดี ทางกลุ่มเราจึงได้นาความต้องการของเจ้าของธุรกิจมาเรียบเรียงและทาเป็นคาถาม ในการเก็บข้อมูลของทางกลุ่มเรานั้นเราได้ไปสัมภาษณ์ถึงที่หน้าร้านของ ขนมคุณยาย โดยได้ ถามถึงประวัติก่อนแล้วค่อยๆเจาะลึกเข้าไปถึงต้นทุนการผลิต , ผลิตที่ไหน, จานวนพนักงาน, รายได้ต่อ เดือน, ปัญหาที่เจอ และสิ่งที่ทางเจ้าของอยากจะไปให้ถึง ได้ดูคู่แข่งรอบข้าง, ได้ดูหน้าร้าน, วิธีการจัด ของ, วิธีการขาย, ราคาขาย, ปริมาณขาย, การจัดPackageของสินค้า และหาข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติมใน อินเตอร์เน็ต ในเรื่องของกลยุทธ์การตลาดทางเจ้าของได้มองว่าเขาเองเป็นสินค้าแบบ Premium เพราะ ใช้วัตถุดิบที่ดีๆไม่มีสารกันบูดเสีย มีระยะเวลาในเก็บสินค้าที่สั้นเพราะกลั วว่าลูกค้าจะกินของไม่ดี แต่ใน มุมมองของผม ผมกลับมองว่าทาง ขนมคุณยาย นั้นอยู่ในระดับ Standard มากกว่าเพราะ คู่แข่งที่เป็น ระดับ Premium นั้นไม่ว่าจะเป็น ขนมบ้านอัยการ, ขนมไทย๙พี่น้อง ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงและความ นิยมมากกว่า ในเรื่องของการจัดแต่งห้อง ทางกลุ่มเราได้ตกลงกันว่าจะทาเป็นธีมงานลอยกระทง โดยให้ทุก คนแต่งชุดไทยและทา poster เชิญชวนเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้นักศึกษาต่างชาติเข้ามาร่วมงานด้วย การนาเสนอทางกลุ่มเราได้ตกลงกันว่าระหว่างการนาเสนอจะให้มีการชิมขนมไทยเปรียบเทียบเพื่อเป็น การพักและดึงผู้ช มให้กลับเข้ามาสนใจในSlideของเรา และพอจบการนาเสนอทางกลุ่มเราก็ได้ให้ผู้ชม ช่วยกันเก็บดาวที่ห้อยอยู่เพื่อนาไปแลกขนมไทยที่อยู่ด้านหลัง พอจบงานทางกลุ่มเราก็ได้รวบรวมข้อมูล KA NOM KUN YAI - 46


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

มาทาเป็นรูปเล่มรายงานแบบคร่าวๆเพื่อนามาปรับปรุงแก้ไขและเพิ่มเติมในช่วงหลังสอบเสร็จ 3. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการฟัง MKT conference ของกลุ่มอื่นๆ ผมได้เ รี ย นรู้ วิ ธีก ารจั ด จ าหน่ ายสิ น ค้า ช่ างทางการขายและรู้จั ก สิ นค้ า แปลกใหม่ จาก MKT Conference ของกลุ่มอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มของ Blacksheep Jean ซึ่งทางเจ้าของไม่ได้มีหน้าร้าน เลยแต่ใช้วิธีออกบูธขายไปเรื่อยโดยใช้สื่อทางอินเตอร์เน็ตในการติดต่อกับลูกค้า หรือจะเป็น Cakepop ซึ่งมีความแปลกใหม่ในการทาเค้กให้เป็นรูปตัวการ์ตูนต่างๆตามสั่ง หรือจะเป็นกลุ่มงานวัดที่ใช้ธีมงานวัด ในงานแต่งงาน แต่หลังจากที่ผมจบจากการฟัง MKT conference ผมก็ไม่ได้มีการกลับไปใช้บริการของ ร้านค้าเหล่านั้นเพราะอาจจะยังไม่ถึงเทศกาลหรือผมยังไม่มีความจาเป็นที่จะต้องใช้บริการเหล่านั้น หลังจากจบConference ของเพื่อนๆพี่ๆกลุ่มอื่นๆแล้ว ผมก็ต้องเข้าไปตอบคาถามใน E-learning ซึ่งใน การตอบนั้นผมก็ต้องกลับมานั่งนึกว่าในงานนั้นมีอะไรบ้างเจ้าของได้บอกอะไรบ้างและย้อนกลับไปดู สไลด์ประกอบการตอบไปด้วย 4. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากวิชาการตลาด เอาไปใช้อะไรได้บ้างกับการท้างาน สุดท้ายนี้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างในวิชาการตลาดซึ่งอาจารย์ไม่ได้สอนจากตาราแต่นา ประสบการณ์และเรื่องจริงมาสอนซึ่งเป็นประโยชน์มาก แต่เนื่องจากธุรกิจของที่บ้านผมที่ผมช่วยอยู่นั้น ยังไม่ได้มีขนาดใหญ่มากที่จะต้องมองคู่แข่งทางการตลาดหรือปรับกลยุทธ์ในการสู้ในตลาดมากนักจึงยัง ไม่ได้ใช้ความรู้ในห้องเรียนเท่าทีควร แต่ในอนาคตถ้าผมได้เข้าไปทาธุรกิจของตัวเองผมมั่นใจว่าผมจะได้ ใช้วิชาความรู้ในห้องเรียนได้อย่างแน่นอน ผมอยากให้อาจารย์สอนในรูปแบบต่อไปเพราะผมคิดว่ามันมี ประโยชน์มากกว่าสอนตามหนังสือ การสอนโดยใช้เรื่องจริงหรือปัจจุบันมาเปรียบเทียบจะเห็นภาพและ การใช้งานจริงได้มากกว่า

KA NOM KUN YAI - 47


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

ในการทา Marketing Conference ครั้ง นี้ ทาให้ ผ มได้ประสบการณ์มากมาย ได้ ฝึ ก การท างานเป็ น กลุ่ ม การแก้ ปั ญ หา และที่สาคัญคือการได้เรียนรู้เกี่ยวกับการ ทาMarketingที่ถูกวิธีและมีขั้นตอน ตั้งแต่ การวิเคราะห์ตลาด วิเคราะห์คู่แข่ง และ การวางต าแหน่ ง ของตนเองในตลาด รวมถึงการทาให้ตนเองเป็นที่รู้จักของผู้ซื้อ และกลยุ ท ธต่ า งๆอี ก มากมาย โดย ประสบการณ์การทางานทั้งหมดนี้ ผมขอ รวบรวมไว้เป็นข้อๆดังนี้ 1.บทบาทที่ท่านรับผิดชอบในการท้า MKT conference นี และได้เรียนรู้อะไรจากบทบาทที่ท่าน รับผิดชอบ 1. ในการทา Marketing Conferenceในครั้งนี้ ทางกลุ่มของผมได้เลือกทาร้านขนมไทยที่มีชื่อ ว่า ”ขนมคุณยาย” โดยทางกลุ่มของเราได้ทาการประชุมและแบ่งหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละคน โดยดู ตามความสามารถและความถนัด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทางาน เนื่องด้วยระยะเวลาที่เรา มีจากัด เนื่องจากทางกลุ่มได้ทาการเปลี่ยนผู้ประกอบการที่จะทาการPresent ซึ่งปัญหานี้จะกล่าวถึง ต่อไปในภายหลัง หน้าที่ของผมสามารถแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆดังนี้ 1.1.ขั้นตอนจัดเตรียมอุปกรณ์ ผมได้มีห น้าที่ในการจั ดหาดอกไม้ ใบตอง และของสดต่างๆสาหรับประกอบฉาก เนื่องด้ว ย Themeของกลุ่มเราเป็น Themeวันลอยกระทง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศขนมไทย ทางกลุ่มของเราจึง พยายามที่จะใช้ดอกไม้และใบตอง ในการตกแต่งฉากและทาเป็นกระทงสาหรับใส่ขนม ในตอนแรกคิดว่า จะใช้ดอกไม้ที่ทาจากพลาสติก เพื่อให้ง่านต่อการจัดและเก็บได้นาน แต่ทางกลุ่มคิดว่าการใช้ดอกไม้จริง และใบไม้จริงๆ จะทาให้มีความเสมือนจริง และผู้เข้าร่วมงานเกิดความประทับใจมากกว่า จึงได้มีการ ลงคะแนนเสียง เลือกใช้ดอกไม้และใบตองสดในที่สุด เนื่องด้วยทางบ้านของผม มีสวนอยู่ที่จังหวัดนครปฐม มีต้นกล้วยและดอกไม้ที่สามารถนามา ประกอบฉาก(ไม่รวมดอกไม้สนที่ใช้ร้อยมาลัย ดอกไม้สดเหล่านั้นซื้อที่ปากคลองตลาด)ได้จานวนมาก ผม จึงทาหน้าที่รับอาสาในการจัดเตรียมในส่วนนี้ แต่ปัญหาที่พบก็คือ งานMarketing Conferenceของ กลุ่มเรา จะทาการจัดขึ้นในวันพุธ แต่ดอกใบตอง ดอกไม้บางส่วน และหยวกกล้วยสาหรับทากระทง ต้องเตรียมมาจากทางบ้านตั้งแต่วันอาทิตย์ ซึ่งแปลว่าของเหล่านี้ต้องเก็บนานถึง 3-4วัน ในตอนแรกทาง ผมทาการเช็คจากทางอินเตอร์เน็ตว่าของเหล่านี้น่าจะเก็บได้โดยแช่ตู้เย็น แต่เมื่อถึงวันจริง พบปัญหาว่า ใบตองมีการเปลี่ยนสีเป็นสีออกเหลืองๆ แต่โชคดีที่เรามีการเช็คอยู่ตลอดทาให้ทางเรารู้ตัวทันตั้งแต่คืน KA NOM KUN YAI - 48


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

ก่อนหน้า และผู้ดูแลการตกแต่งหน้างานมีการตัดสิ นใจที่รวดเร็ว ทาให้สามารถทาการซื้อใบตองใหม่ได้ ทันเวลา นอกจากนี้ยังมีการแบ่งงานในการเตรียมอุปกรณ์ โดยแบ่งให้ฝ่ายชายร้อยเชือกกับดาวเรืองแสง ส่วนฝ่ายหญิงรับหน้าที่ในการร้อยดอกไม้และพับกระทง ในส่วนของการแบ่งงานครั้งนี้มีเพียงปัญหา เล็กน้อยเรื่องเวลาเท่านั้น แต่ด้วยที่ทางกลุ่มมีการร่วมมือร่วมแรงกันอย่างดี จึงสามารถเตรียมอุปกรณ์ทุก อย่างเสร็จอย่างทันท่วงที 1.2. ขั้นตอนเตรียมงาน ในขั้นตอนเตรียมงาน ผมและน้องไอซ์(กมล)ได้รับหน้าที่ในการจัดการเรื่องไฟ เนื่องจากกลุ่มของ เราใช้Themeตอนกลางคืน ทาให้ต้องมีการใช้ไฟต่างๆในการประกอบฉากค่อนข้างเยอะ ในส่วนนี้มี ปัญหาเพียงเล็กน้อย เช่นโดนร้านขายหลอกเอาหลอดไฟเสียมาให้ และหลอดไฟติดฉากหลังแบบหนีบ ตกลงมาแตกระหว่างการจัดฉาก ซึ่งทางเราได้แก้ปัญหาด้วยการใช้ตะปูตอกล็อคขาหนีบอีกทีหนึ่งเพื่อ เป็นการป้องกันอีกชั้นหนึ่ง 1.3. ขั้นตอนพรีเซ้น ในขั้นตอนนี้ทางผมกับคุณเคน ได้ทาการเตรียมการพรีเซ้นและซักซ้อมบทกันอยู่ประมาณ 2-3 รอบ เพื่อที่จะได้ช่วยกันแก้เนื้อหาให้ กระชับและน่าสนใจมากขึ้น ในส่วนนี้ไม่ค่อยพบปัญหามากนัก เนื่องจากสมาชิกกลุ่ม และเพื่อนๆที่เข้ามาร่วมงานได้ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี 2. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากเลือกท้ากรณีศึกษานี สิ่งที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จากการทาMarketing conferenceมีดังนี้ 2.1. เกี่ ย วกับ การเลื อกกรณี ศึก ษา ทางกลุ่ ม ของเราได้เ ริ่ มจากการเลื อกผลิ ต ภัณ ฑ์ที่ คิด ว่ า น่าสนใจ และทุกคนสามารถมีส่วนร่วมด้วยได้ ทางกลุ่มเราจึงคิดกันว่าทางเราควรจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่ เป็นของกิน เนื่องจากคนส่วนใหญ่จะมีความสนใจ และได้มีส่วนร่วมด้วย โดยทางเราได้ให้สมาชิกทาการ นาเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตนเองรู้จักก่อน เพราะจะได้สามารถหาข้อมูลได้ง่าย และเจ้าของเต็มใจให้ข้อมูล ใน ตอนแรกกลุ่มของเราเลือกผลิตภัณฑ์ Roti Ringo ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์โรตีแบบใหม่ แต่หลังจากสัมภาษณ์ ผู้ประกอบการแล้ว ทางผู้ประกอบการพึ่งจะเริ่มประกอบธุรกิจ ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ และตัว Concept ของธุรกิจเองยังไม่แน่ชัด ทาให้ทางเราต้องมองหาผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่งทาให้ทางเราได้พบกับ ” ขนมคุณยาย” ซึ่งประกอบธุรกิจมานาน มีข้อมูลมาก และมีปัญหาจริงๆ ทาให้ทางเรานาปัญหา เหล่านั้นมาเป็นคาถามกับเพื่อนๆได้ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการจริงๆ ซึ่งจะดีกว่าคาถามที่ แต่งขึ้นโดยยังไม่มีเหตุการณ์จริงประกอบ 2.2. ส่วนของการเก็บข้อมูล ทางกลุ่มของเราเน้นการไปพบกับผู้ประกอบการจริงๆที่ร้านและทา การเก็บข้อมูลจากการถามคาถามผู้ประกอบการ และการสังเกตุจากสถานที่จริงเช่น ที่ตั้ง กลุ่มลูกค้า ราคา ประกอบ เพื่อเป็นข้อมูลในการนาเสนอ

KA NOM KUN YAI - 49


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

2.3. จากที่ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการ ทางผู้ประกอบการไม่ได้มีกลยุทธทางการตลาดเป็นพิเศษ แต่จากการสัมภาษณ์ ทางกลุ่มมีความรู้สึกว่า ทางผู้ประกอบการไม่เคยมีการวิเคราะห์คู่แข่ง หรือวาง ตาแหน่งของผลิตภัณฑ์ของตัวเองที่ผิด โดยทางผู้ประกอบการวางตัวเองว่าเป็น ตลาด Premium แต่ ทางกลุ่มคิดว่า ไม่ได้อยู่ในตลาดPremium แต่ควรจะอยู่ในตลาด Standard มากกว่า และได้เรียนรู้ว่า ถ้าผู้ประกอบการไม่ทาการวิเคราะห์ หรือใช้ความรู้ทางMarketingเข้ามาช่วย จะทาให้ธุรกิจสามารถ เติบโตได้ยาก หรือเติบโตได้แบบไม่ยั่งยืน 2.4. ในส่วนของการนาเสนอ กลุ่มของผมมีการใช้มุกตลกผสมกับเนื้ อหาให้ผู้ฟังไม่เครียด และ ใช้การBlind Test เพื่อให้เพื่อนลองทาการทดสอบผลิตภัณฑ์ เพื่อจะได้เห็นความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ ของผู้ประกอบการ กับผลิตภัณฑ์ของร้านอื่น เพื่อให้เพื่อนๆได้รับรู้คุณค่าของผลิตภัณฑ์อย่างแท้จริง 2.5. จาก e-learning ที่ เ พื่ อ นๆตอบท าให้ ไ ด้ เ ห็ น แนวความคิ ด ที่ ห ลากหลายโดยบาง แนวความคิดน่าจะสามารถนาไปใช้ได้จริง และน่านาไปบอกต่อกับตัวผู้ประกอบการเอง 3. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการฟัง MKT conference ของกลุ่มอื่นๆ จากการได้ฟัง Conference ของกลุ่มอื่นๆ ทาให้ได้เห็นถึงผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมากมาย รวมถึง ได้เห็นวิธีการทาธุรกิจที่แตกต่างกันในแต่ละผู้ประกอบการ นอกจากนี้ยังได้ทราบว่าผู้ประกอบการราย ใหม่ ๆ ส่ ว นใหญ่ มั ก จะไม่ ไ ด้ น าความรู้ ท างMarketingมาใช้ ใ นการท าธุ ร กิ จ เลย แต่ มั ก จะอาศั ย ประสบการณ์และการสอบถามจากผู้รู้เป็นหลัก และยังเห็นว่าทุกๆธุรกิจมีขีด จากัดและช่องโหว่ของ ตัวเอง การที่จะเอาตัวรอดในธุรกิจได้นั้น ต้องอาศัยความรู้และความเข้าใจในธุรกิจนั้นๆเป็นอย่างดี 4. ท่านได้มีการลองไปใช้สินค้าหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยวิธีใดกับสินค้าใดบ้าง ผมยังไม่มีโอกาสได้ไปลองใช้สินค้าและบริการ หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมกับสินค้าของกลุ่มอื่นเลย เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่ได้มีความสนใจส่วนตัวมากเท่าที่ควร แต่ได้มีการกลับไปซื้อขนมจากทางร้านขนม คุณยายที่ทางกลุ่มตนเองได้ทา เนื่องจากรู้สึกติดใจในรสชาติของฝอยทองของทางร้าน 5. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากวิชาการตลาด เอาไปใช้อะไรได้บ้างกับการท้างาน ผมได้ความรู้มากมายจากวิชาการตลาดมากมาย จากที่ผมเคยคิดว่าการตลาดก็คือแค่การโป รโมทสินค้า ไม่น่าจะมีอะไรยาก แต่จริงๆแล้ววิชาการตลาด มีทั้งขั้นตอน แนวคิด เทคนิค และToolอีก มากมายเพื่อเข้ามาช่วยทาให้การทาการตลาดสัมฤทธิ์ผลได้ นอกจากนี้สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือการได้รับ ฟังประสบการณ์ความรู้ด้านการตลาดของอาจารย์ ที่ไม่สามารถหาอ่านได้จากหนังสือเล่มใด ซึ่งถือว่า เป็นความรู้ที่มีคุณค่ามาก ความรู้เหล่านี้อาจจะนาไปใช้ประโยชน์ในอาชีพของผมได้ไม่มากนักเนื่องจาก เป็นธุรกิจด้านวิศวกรรมซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับการตลาดน้อ ยมาก แต่ผมคิดว่าความรู้เหล่านี้จะสามารถ นาไปใช้เป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างแน่นอน เนื่องจากผมอยากจะมีธุรกิจเป็นของตนเอง ซึ่งต้อง อาศัยความรู้ทางการตลาดเป็นอย่างมากในอนาคต

KA NOM KUN YAI - 50


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

6. ข้อเสนอแนะส้าหรับการปรับปรุงวิชานี ผมคิดว่าเนื้ อหาของวิช านี้มีความน่าสนใจและเหมาะสมอยู่แล้ ว ในส่ วนแต่ทางมหาลั ยควร อนุญาติให้ทางนักศึกษาสามารถเข้ามาจัดสถานที่ได้ในวันก่อนหน้า เพราะนักศึกษาบางคนต้องทางานใน ตอนกลางวันทาให้ไม่สามารถลางานมาจัดห้องในตอนกลางวันได้

KA NOM KUN YAI - 51


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

ในการทา Marketing Conference นี้เป็น การท างานที่ ไ ด้ เ รี ย นรู้ ปั ญ หาและต้ อ ง แก้ปัญหาอย่างแท้จริง กล่าวคือ กว่ากลุ่ม เราจะได้ เ ลื อ กเอาขนมคุ ณ ยายมาเป็ น หั ว ข้ อ ในการด าเนิ น การซึ่ ง ขั้ น ตอนการ ดาเนินงานของกลุ่มเรามีดังนี้ 1.บทบาทที่ ท่ า นรั บ ผิ ด ชอบในการท้ า MKT conference นี และได้เรียนรู้ อะไรจากบทบาททีท่ ่านรับผิดชอบ ขั้ น ตอนแรก กลุ่ ม เราต้ อ งหาแบรนด์ เพื่อที่จะนาเสนอรายงานอยู่ หลายงานมากๆ ซึ่งทางกลุ่มได้ลองไปสั มภาษณ์ผู้ ประกอบการรายอื่น มาแล้ว แต่การไปสัมภาณ์และการสอบถามลักษณะการดาเนินงานนั้น ผลที่ได้รับนั้นไม่ค่อยโดนใจ เท่าไหร่ เนื่องจากธุรกิจแรกที่ไปสัมภาษณ์ผู้ประกอบการไม่มีความพร้อมในการเริ่มดาเนินการ ต่อมา ทางกลุ่มจึงพยายามหาอะไรที่ตอบโจทย์จนกระทั่งมีคนแนะนาให้ไปลองสัมภาษณ์ “ขนมคุณยาย” ดู ซึ่งสถานประกอบการตั้งอยู่ที่ อาเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ในตอนนั้นทางกลุ่มเรารีบกันมา คือกลัวไม่ทันจะนาเสนอ เลยนัดกันแบบกระทันหันไปกันในเช้าวันเสาร์ซึ่งตอนบ่ายต้องรีบบึ่งรถมาเพื่อ เรียนอีกวิชานึง แต่ทางกลุ่มก็ประทับใจกับเจ้าของร้านมากๆเพราะทางเจ้าของให้ความร่วมมืออย่าง มากกับทางกลุ่ม กลุ่มเราจึงตกกันว่าเลือก “ขนมคุณยาย” ขั้นตอนที่สอง จากนั้น กลุ่ มเราได้ทาการแบ่งหน้าที่โดยเริ่มจากเราจะเชื่อมโยงขนมคุณยาย อย่างไร เพื่อจัดให้เข้า concept ของงาน ในช่วงนั้นเป็นเทศกาลลอยกระทงพอดีในเดือนพฤศจิกายน กลุ่ มเราจึ งมีความคิดว่าเป็ น เทศกาลลอยกระทง โดยดิฉันก็ได้ห าข้อมูล ว่าเทศกาลลอยกระทงเป็น อย่างไร จนกระทั่งไปเจองานเทศกาลลอยกระทง จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นการนากาบกล้วยมา เป็นกระทง จากนั้นแนวความคิดอื่นๆก็ถูกนาเสนอเข้ามา ขั้นตอนที่สาม ต่อมาทางกลุ่มได้มีการวางแผนการทางานกัน ซึ่งจะมีแบ่งคนไปซื้อวัสดุอุปกรณ์ ในการประกอบฉาก ซึ่งกลุ่มดิฉันมีผู้ชายสามคน โดยผู้ชายสองในสาม (พี่เคนกับน้องไอซ์) ได้รับอาสา ไปดินสาเพ็งเพื่อซื้ออุปกรณ์ และสาวๆในกลุ่มรับหน้าที่ไปเดินปากคลองตลาดเพื่อซื้อดอกไม้มาประกอบ โดยผู้หญิงจะแบ่งไปร้อยมาลัยเองและต้องกาหนดวันด้วย ปัญหาหลักคือดอกไม้มักมีอายุสั้นเพียง 2-3 วันก็เหี่ยวแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงต้องซื้อดอกไม้กันสองวันก่อนพรีเซ้นต์ เพื่อนากลับมาร้อยเตรียมไว้ สาหรับวันพรีเซ้นต์ ขั้นตอนสุดท้าย ในวันงานทุกคนก็รีบมาช่วยกันแต่เช้า ผู้ชายก็ช่วยกันในด้านของเรื่องไฟฟ้า และการเดินสายไฟต่างๆ ผู้หญิงก็ทา Backdrop ทาแคร่วางขนมหวาน จัดเรียงขนมหวาน ดิฉันก็รับ แต่งตัวในชุดไทยแต่งหน้าให้กับสาวๆในกลุ่ม การแบ่งหน้าที่นั้นสาคัญมากหากเราไม่มีการแบ่งหน้าที่ KA NOM KUN YAI - 52


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

กันงานจะดาเนินไปอย่างยากลาบากและเสียเวลาอย่างยิ่ง การแบ่งหน้าที่ทาให้แต่ละคนมีจุดมุ่งหมายว่า จะทาอย่างไร และเมื่อแต่ละคนทาตามหน้าที่ของตนเสร็จก็จะมาช่วยเพื่อนในกลุ่ม การเตรียมงานของ กลุ่มเราเต็มไปด้วยความสนุกสนานและมีแต่เสียงหัวเราะ ไม่เคยมีทะเลาะเบาะแว้งกันเลยแม้แต่น้อย ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันทาหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ งานออกมาทุกคนก็รู้สึกประทับใจและภูมิใจว่า เราทาได้ 2. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากเลือกท้ากรณีศึกษานี เรียนรู้วิธีการทาขนมไทยว่าต้องทาอย่างไรและใช้ส่วนผสมอะไรบ้าง และเรียนรู้ถึงการเตรียม งานต่างๆในการจัดเป็นเหมือน Mini-Event ซึ่งทาให้เรียนรู้ว่าทุกอย่างมีรายละเอียดที่ลึกซึ้ง และการที่ กลุ่มเลือกเรื่องขนมคุณยายนี้การตั้งคาถามนี่มาจากการที่เราสอบถามประวัติและวิธีการดาเนินงานของ เจ้าของจึงเกิดเป็นข้อสงสัยขึ้นมาประกอบกับความรู้ที่ได้รับมาในชั้นเรียน โดยการเก็บข้อมูลหลักๆเลย กลุ่มเราได้มาจากการสอบถามซึ่งเจ้าของกิจการก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นอกเหนือจากนั้นเวลา กลุ่มเรามีปัญหาอะไรก็สามารถไลน์ถามลูกของเจ้าของกิจการได้ นอกเหนือจากนั้นก็ใช้การเก็บข้อมูล โดยการสังเกตจากกลุ่มลูกค้าที่เข้าไปซื้อ และหาข้อมูลจากทางอินเทอร์เน็ต โดยกลยุทธ์ที่ขนมคุณยาย นามาใช้นั้นจากการสัมภาษณ์ต้องยอมรับว่าขนมคุณยายใช้กลยุทธ์ในการดาเนินงานน้อยมาก ซึ่งจุดนี้ ถือเป็นจุดอ่อนในการดาเนินธุรกิจ เพราะทุกวันนี้การแข่งขันในด้านการตลาดค่อนข้างรุนแรง ถ้าธุรกิจ ไม่มีการนากลยุทธ์มาใช้ในการดาเนินการ ก็เหมือนธุรกิจอยู่กับที่และไม่ได้รับการพัฒนา ส่วนการนาเสนอเนื้อหาเพื่อให้เพื่อนสนใจจะเน้น ความเป็นไทยและพิธีกรมีความตลกในคาพูด เล็กน้อยเพื่อดึงดูดความสนใจให้กับผู้ชม แต่เพื่อนๆก็น่ารักตั้งใจฟังและให้ความร่วมมือในการตอบ คาถามในห้องทุกคน อีกทั้งทุกคนก็ให้ความร่วมมือในการตอบคาถาม Self-Learning เป็นอย่างดี การ ตอบคาถามแสดงให้เห็นถึงการที่เพื่อนๆสนใจและเข้าร่วมกิจกรรม 3. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการฟัง MKT conference ของกลุ่มอื่นๆ การฟัง Marketing Conference ของกลุ่มอื่นๆ ทาให้ดิฉันได้รับข้อคิดมากมายหลายด้าน คือ ในแต่ ล ะกลุ่ ม เสนอธุ ร กิ จ ที่ แ ตกต่ า งกั น ซึ่ ง แต่ ล ะธุ ร กิ จ มี จุ ด สนใจที่ แ ตกต่ า งกั น มี ก ลยุ ท ธ์ ใ นการ ดาเนินงานที่แตกต่างกัน มีเป้าหมายการดาเนินงานที่แตกต่างกัน ทาให้เห็นว่ายังมีธุรกิจอีกหลายธุรกิจ ที่ไม่ได้ศึกษาถึงหลักการในการดาเนินธุรกิจ คือเหมือนว่าดาเนินกิจการไปตามเนื้องาน ไม่ได้นากลยุทธ์ มาปรับใช้ อาจเป็นเพราะบางธุรกิจเป็นการสานต่อจากครอบครัวจึงดาเนินกิจการในรูปแบบเดิมไม่ได้มี การพัฒนาที่แตกต่าง นอกจากนี้ เห็นการดาเนินงานและการแบ่งงานของแต่ละกลุ่มว่าแต่ละกลุ่มมีการ ดาเนินงานกันอย่างไร มีการแบ่งงานกันอย่างไรเพื่อให้งานบรรลุวัตถุประสงค์ 4. ท่านได้มีการลองไปใช้สินค้าหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยวิธีใดกับสินค้าใดบ้าง ดิฉันยังไม่ได้มีโอกาสได้ใช้สินค้าที่นาเสนอใน Marketing Conference นี้ มีแต่ซื้อเสื้อของกลุ่ม BlackSheep ไปใส่ค่ะ และก็มีแวะ Lemon Farm สาขาแจ้งวัฒนะเพื่อซื้อขนมคุณยายค่ะ เพราะเป็น คนชอบทานขนมเมื่อแวะ Lemon Farm ก็เลยจาได้ว่ามีขนมคุณยายจึงแวะซื้อค่ะ KA NOM KUN YAI - 53


M A R K E T I N G

C O N F E R E N C E

/

E I

/

1 6 A

/

G R O U P

3

5. ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้างจากวิชาการตลาด เอาไปใช้อะไรได้บ้างกับการท้างาน สุดท้ายนี้วิชาการตลาดที่อาจารย์สอนนี้ทาให้ดิฉันได้รับความรู้และประสบการณ์ ที่อาจารย์ได้ จาลองให้นักศึกษาไปศึกษาและจัด Conference ซึ่งพูดได้เลยว่าแป็นการศึกษาอย่างจริงจังและต้อง นาเสนอให้เพื่อนซึ่งไม่ได้ศึกษาอะไรมาเลยเข้าใจในสิ่งที่เรานาเสนอ อีกทั้งยังต้องจัดเหมือนอีเว้นต์ จาลอง ซึ่งแม้จะเป็นอีเว้นต์เล็กๆแต่เรารู้สึกได้เลยว่ามันมี detail อะไรหลากหลายมาก ซึ่งจุดนี้นักการ ตลาดจะให้ ความสาคัญกับ detail ต่างๆอย่างมาก อาจารย์ทาให้เรารู้สึกว่าการตลาดเป็นยังไงที่ นอกเหนื อจากตาราเรียน ซึ่งความรู้ที่ดิฉันได้รับมานี้ ดิฉันจะนาเอาไปปรับใช้กับงานที่ทาอยู่อย่าง แน่นอนค่ะ

KA NOM KUN YAI - 54


7 PART

ผลการอภิปรายจากE-LEARNING 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่ กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไรเพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่าง เดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธี ใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคงรักษาภาพลักษณ์เดิมไว้

3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกันและbrand ยังไม่เป็น ที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrand อย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับ ความสาคัญของสิ่งที่ควรจะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไรหลังอย่างไร

1-55


ชื่อ-สกุล ยศพงศ์ สิริมณีกุล ชื่อเล่น เอ รหัส 5650032 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึง และจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น ตอบ : สร้างความแตกต่างและบ่งบอกคุณค่าให้ลุกค้าเห็นชัดว่าบ้านขนมคุณยายคือเจ้าแรกที่ผลิตขนม สิ่งที่ต้องทาก่อนการสื่อสารแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ทางร้านต้องทาการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งก่อน โดย การออกแบบโลโก้ใหม่ให้ไม่ซ้าใครและเห็นเด่นชัด เพื่อให้ง่ายต่อการจดจา และควรเปลี่ยน แพคเกจของ สินค้าให้มีโลโก้ของทางร้านชัดเจนและเหมือนกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถจดจาในตัวโลโก้และสินค้าได้ง่าย ขึ้น 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ :เปิดช่องทางการขายเพิ่มขึ้นโดยอาจเปิด Facebook Fanpage , Website ให้ลูกค้าสามารถ สอบถามสิน ค้าได้ เพราะในปัจจุ บัน คนหั นมาสนใจและให้ ความส าคัญกับสื่อออนไลน์มากขึ้นเพราะ สะดวกสบายในการจับจ่ายซื้อสินค้า หรือติดต่อกับห้างสรรพสินค้าหรือ Partner ในการจาหน่ายสินค้า ใน Modern Trade ต่างๆเพื่อให้มีช่องทางให้ลูกค้าได้จับจ่ายสินค้ามากขึ้นกว่าเดินทางไปซื้อที่ร้านต้นตา หรับ โดยพยายาม Communicate หรือสื่อสารกับลูกค้าในด้านที่เราเป็นต้นตาหรับและรักษาความเป็น ไทยไว้อย่างดี 1-56


3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ ตอบ :ควรเปลี่ยนโลโก้ในแต่ละบรรจุภัณฑ์ให้เหมือนกัน เพื่อให้ลูกค้าจดจาได้ว่าเป็น Brand ของทางร้าน โฆษณาประชาสัมพันธ์ในตลาดอัมพวาให้ เป็นที่รู้จักมากขึ้น อาจเลือก Position ของสินค้าว่าเราเป็น ขนมไทยที่มีความใส่ใจในสุขภาพ ทานแล้วสะอาดปลอดภัย ให้ลูกค้าเชื่อและมั่นใจ Brand ของทางร้าน 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม: ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ :เริ่มแรกทางร้านต้องคานึงถึงงบประมาณที่ตั้งไว้ก่อนว่าทางร้านมีงบประมาณเท่าใด ซึ่งคร่าวๆ แนะนาให้ทางร้านทาโลโก้ที่ทาให้ Brand นั้นเข้มแข็งก่อนเพราะหากว่า Brand ไม่แข็งแรง จะทาให้การ สื่อสารกับลูกค้าและการจดจาของลูกค้านั้นทาได้ยากขึ้น ลาดับต่อมาคือทาการสื่อสารคุณค่าของทาง ร้านให้กับลูกค้าหรือผู้บริโภคได้รับรู้ และรู้จักทางร้านมากขึ้น เพื่อสร้างโดดเด่นในตลาด โดยนาเสนอว่า สินค้าทางร้านไม่ใส่สารกันบูดและดาเนินด้วยกรรมวิธีและสูตรแบบไทยดั้งเดิมโดยไม่เสียคุณค่าความเป็น ไทย และยังดีต่อสุขภาพเพราะในปัจจุบันคนหันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น และเพิ่มช่องทางการโฆษณาเช่น สื่อออนไลน์ ,Facebook , Website review อาหารหรือขนมหวานเป็นต้น เพื่อให้คนได้รู้จักมากยิ่งขึ้น

1-57


ชื่อ-สกุล ศุภกฤต ธีระพงษ์ ชื่อเล่น แมน รหัส 5650123 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ อย่างแรกคือการสร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแรงมากขึ้นและให้จดจาได้ง่าย โดยการสร้าง logo ใหม่หรือการสร้าง mascot ขึ้นมา หลังจากนั้นต้องเน้นเรื่องการมีอยู่ชองแบรนด์โดยการเลือกช่องทาง สื่อสาร เช่น การออกสื่อ mass media และการใช้ guerrilla attack คือการวางแบรนด์ไว้ตามที่ต่างๆที่ คิดว่ามีความโดดเด่น 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ: ในโลกปัจจุบันคงต้องเน้นเพิ่มการขายบนช่องทาง online เช่นการมีเวบไซต์ ด้วย ซึ่งการมีตรง นี้คือเพื่อการเพิ่มยอดขายเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นถึงรูปลักษณ์สินค้าที่ทางร้า นมี อาจมีการใส่ประวัติของ สินค้าเพื่อเพิ่มเรื่องราวสินค้าด้วย รวมถึงการเพิ่มช่องทางการขายโดยการเลือกพันธมิตรโดยใช้การเลือก จากสินค้าที่มีความเป็นไทยเช่นกันก็ได้ 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า 1-58


คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ : อย่างที่ได้นาเสนอไปในข้อ 1. โดยคงจาเป็นที่ต้องมีสร้าง logo หรือ mascot ขึ้นมาใหม่เพื่อให้ ง่ายต่อการจดจาและเฉพาะ 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ : อย่างแรกควรมีการสร้างแบรนด์ให้แข็แรงก่อน เพื่อให้ไม่ซ้ากั บเจ้าอื่นที่คล้ายกันในตลาด ลาดับต่อมาก็เลือกช่องการตลาด และ การเลือกพันธมิตรหรือช่องทางการขาย

1-59


ชื่อ-สกุล อศิรวรรณ อิทธิพรรษนันต์ ชื่อเล่น แป้ง รหัส 5650040 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ: ในเรื่องของการสื่อสาร Brand ให้กับผู้บริโภค เพื่อให้ผู้บริโภครู้จักทางร้ านมากยิ่งขึ้น ทางร้าน สามารถทาได้ดังนี้ 1.1. ประชาสัมพันธ์ร้านผ่านสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะ Socail Network เช่น Facebook, Instagram เป็นต้น ซึ่งเป็นช่องทางที่ข่าวสารสามารถแพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็ว 1.2. ประชาสัมพันธ์ร้านให้ ลูกค้าที่มาเดินตลาดอัมพวาทราบ เช่น การจ้างคนถือป้ายแจ้ง ตาแหน่งร้าน โดยอาจจะดึงจุดขายที่ร้านติดริมน้าหรือจัดโปรโมชันอย่างบุฟเฟ่ต์ขนมไทยในการชักชวน ให้ลูกค้าไปซื้อสินค้าที่ร้าน การติดป้ายกองโจร ไว้ตามสถานที่ใกล้ๆ ตลาดอัมพวา เพื่อเพิ่มโอกาสในการ เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น 1.3. ออกรายการที่กลุ่มลูกค้าของร้านสนใจ เช่น รายการสรยุทธ รายการแจ๋ว รายการครัวคุณ ต๋อย เป็นต้น 1.4. เปลี่ยน Packaging โดยใส่รูป/ตรา/สัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์และสื่อถึง Brand "ขนมคุณ ยาย" เช่น การเพิ่มรูปคุณยายไว้ที่ Packaging เป็นต้น 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้

1-60


คาตอบ: สาหรับการขยายช่องทางการจัดจาหน่ายสินค้า เนื่องจากในปัจจุบันทางร้านได้มีการย้ายร้าน จากกรุงเทพฯ มายังตลาดอัมพวา ซึ่งทาให้ทางร้านสูญเสียช่องทางในการจัดจาหน่ายสินค้าในกรุงเทพฯ (ช่องทางจัดจาหน่ายลดลง) ดังนั้น ทางร้านควรเลือกทา Partner หรือพันธมิตรในการจัดจาหน่ายสินค้า เช่น ห้ างสรรพสิ น ค้า หรื อร้ านที่ขายสิ นค้ าไทย เป็ นต้น ซึ่งแนวทางนี้ส ามารถทาได้ในจังหวั ดอื่น ๆ เช่นเดียวกัน แต่ทางร้านควรมีการศึกษาตลาด เพื่อให้เห็นถึงความต้องการของตลาดในแต่ละท้องถิ่น 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ: ควรเปลี่ยนฉลากของแต่ละสาขาให้เป็นรูปแบบเดียวกัน หรืออย่างน้อยควรมีสิ่งที่เชื่อมโยงกัน เช่น รูป/ตรา/สัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์และสื่อถึง Brand "ขนมคุณยาย" โดยในช่วงแรกที่เปลี่ยนฉลาก ควรเน้นการทาการประชาสัมพันธ์ (PR) ให้มาก เพื่อให้ลูกค้าจดจา Brand ได้ 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ: สิ่งแรกที่สาคัญที่สุดคือการสร้าง Brand ให้เป็นที่รู้จักและจดจาในสายตาผู้บริโภค ซึ่งจากข้อมูล “ร้านขนมคุณยาย” เป็นชื่อร้านที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าเกิดความสับสนและ ไม่สามารถจดจา Brand ได้ ทางร้านควรเริ่มจากการเปลี่ยนฉลากของสินค้าเพื่อให้เป็น ที่จดจา เช่น เพิ่ม รูปคุณยาย เป็นต้น หรือการเปลี่ยน Packaging ที่โดดเด่นหรือแปลกตากว่าร้านอื่นๆ เช่น การตกแต่ง Packaging ด้วยใบตอง หรือการเปลี่ยนมาใช้ Packaging ที่เป็นกระดาษพิมพ์ลวดลายใบตอง (โดยด้าน ในอาจจะเคลือบสารที่ไม่ทาให้น้าในขนมซึมออกมาด้านนอก) เป็นต้ น หลังจากการสร้างจุดเด่นให้กับตัว สินค้าหรือ Packaging แล้ว สิ่งสาคัญในลาดับต่อมาคือการสื่อสาร Brand ไปสู่ผู้บริโภค ทางร้านควร เน้นการประชาสัมพันธ์ Brand ในทุกช่องทางที่ทาได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและเวลาที่ทางร้านมี เช่นกัน เช่น ช่องทางออนไลน์ ป้ายโฆษณาบริเวณตลาดอัมพวา ออกรายการโทรทัศน์ เป็นต้น หลังจาก ที่ลูกค้าจดจาแบรนด์ได้แล้ว สิ่งที่ต้องทาให้ลาดับถัดไปก็ขึ้นอยู่กับทางร้าน เช่น การจัดโปรโมชัน การ ขยายสาขา การเพิ่มการประชาสัมพันธ์ เป็นต้น

1-61


ชื่อ-สกุล หนึ่งฤทัย จันทราธรรมชาติ ชื่อเล่น หนึ่ง รหัส 5650129 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ : ควรจะออกแบบโลโก้ของตัวเองขึ้นมาก่อนเป็นอับดับแรก หลังจากนั้นค่อยสื่อสารให้ลูกค้ารู้ว่า ขนมคุณยายเป็นขนมที่มีคุณภาพ และเป็นเจ้าแรก อาจจะไปเปิดบูธตามงานแฟร์ต่างๆเพื่อให้เป็นที่รู้จัก มากขึ้น 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ : ควรจะขยายสาขา หรือไปเปิดบูธขายตามงานอีเว้นท์ของห้างซึ่งมีจัดบ่อย เช่น พารากอน เอ็ม โพเรียม หรือเพิ่มช่องทางโดยร่วมกับออแกไนเซอร์ ไปจัดขนมให้ตามงานแต่งงาน หรืองานประชุมต่างๆ 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า

1-62


คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ : อย่างที่กล่าวในข้อ 1 ควรจะมีการคิด ออกแบบโลโก้ของตัวเองขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นก็ควรจะค่อยๆเปลี่ยนรูปแบบแพคเกจที่แตกต่างกัน ให้เหมือนกันในขนมทุกชนิดเพื่อให้ ลูกค้าจดจาได้ 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดั บความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ : ขั้นแรกสุด ออกแบบโลโก้เป็นของตัวเอง หรืออาจจะต้องมีการปรับปรุงชื่อใหม่ให้สอดคล้องกับ ชื่อเดิมเนื่องจากมีชื่อที่ซ้ากับร้านอื่นและไม่เป็นเอกลักษณ์พอซึ่งอาจจะทาให้ลูกค้าสับสน เช่น ขนมคุณ ยาย ณ อัมพวา ขั้น ที่ส อง เมื่อมีโ ลโก้แล้ ว ทาให้ โ ลโก้เป็ นที่จดจาของลู กค้า โดยติดโลโก้ที่แพคเกจของขนมทุกชนิด (แพคเกจของขนมทุกชนิดควรจะเหมือนกัน) และต้องสื่อสารให้ ลูกค้ารู้ด้วยว่าขนมของเรามีคุณภาพ และเป็นเจ้าแรกในอัมพวา โดย การสร้างเรื่องราวที่มาที่ไปของสินค้า

1-63


ชื่อ-สกุล พชร ชัยเพชร ชื่อเล่น แฮม รหัส 5650028 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของBrand ยังไม่เด่นชัด คาถาม: ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ:ลงทุนจัดทาเว็บไซต์ของทางร้าน เพื่อแสดงสินค้า ผลงาน และ feedback รวมถึงช่องทางการ จัดจาหน่าย เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าได้รู้จักกับทางร้านควรใช้จุดเด่น ในแง่ที่ว่าเป็นของดี อัมพวามา ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพสินค้านอกจากนี้ควรมีการว่าจ้างบริษัท IT ที่ คอยจัด ranking ในการsearch google เนื่องจาก ชื่อของทางร้านเมื่อsearch มาแล้วจะไม่ถูกจัดใน rank หรือ result ที่เกี่ยวข้องมากนักซึ่งอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ความเป็นผู้นาได้ 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม: ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ:ก่อนอื่นทางร้านควรจะมองกลุ่มลูกค้าว่าเป็นใครและจะเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนั้นยังไง แต่ปัญหาเรื่อง ค่าขนส่ง และการเก็บรักษายังเป็นปัญหาที่จะตามมา ดังนั้นช่องทางในปัจจุบัน น่าจะเป็นช่องทางที่ถือ ว่าเหมาะสมในด้านต้นทุนอยู่แล้ว และถ้าเพิ่มฐานลูกค้าและกาไรได้มากระดับหนึ่งอาจลงทุนในการเพิ่ม ช่องทางผ่านห้างสรรพสินค้า หรือ ตามร้านoutlet 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า 1-64


คาถาม: ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ:ควร จัดทา mascot ประจาร้าน ซึ่งถือว่าเป็น สิ่งที่จดจาง่ายมากเพราะในตลาดขนมไทยอาจยัง ไม่มีใครนา mascot มาใช้ และอีกทางคือ การทา packaging ให้ดูดี พรีเมียม ซึ่งแม้ว่าจะเพิ่มต้นทุน แต่ อาจกระตุ้นให้ ลูกค้าอยากซื้อเป็นของฝากมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้ 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม: ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ:เท่าที่ทราบข้อมูลมา ปัญหาของร้านขนมคุณยายคือ ความแพร่หลาย และการเป็นที่รู้จักของแบ รนด์ดังนั้น ผู้ประกอบการควรเริ่มจากการทาให้แบรนด์เป็นที่รู้จักก่อน ผ่านวิธีการต่างๆ แต่จะวิธีไหน ทางร้านก็ควรวิเคราะห์ให้ได้ว่า ใคร คือกลุ่มลูกค้า ที่ทางร้านสนใจและหาทางสื่อสารไปที่ช่องทางนั้น ซึ่ง นับเป็นเรื่องดีที่สินค้าของทางร้านมีคุณภาพอยู่แล้ว การสร้างแบรนด์ให้พร่หลายจึงสาคัญ แล้วจึงมุ่งเน้น ในด้าน การเพิ่มกาลังการผลิต

1-65


ชื่อ-สกุล อารยา สุธนะเสรีพร ชื่อเล่น นุ้ย รหัส 5650131 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ : ทางร้านต้องสร้างความชัดเจนและแข็งแรงของตัวแบรนด์ก่อน ซึ่งแสดงถึงความเป็นตัวแทน ของสินค้าที่จะเสนอไปสู่กลุ่มลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดการรับรู้ถึงตัวตนของแบรนด์ก่อนว่ามีแบรนด์นี้ เกิ ด ขึ้ น ในตลาดโดยสร้ า งความเป็ น เอกลั ก ษณ์ ที่ ถ่ า ยทอดถึ ง ตั ว สิ น ค้ า อย่ า งชั ด เจน เช่ น โลโก้ ห รื อ Packaging ควรไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกับตัวสินค้า ในที่นี้หมายถึงสินค้าเป็นขนมไทย สัญลักษณ์โลโก้ก็ควรมีความเป็นไทยและภาชนะบรรจุภัณฑ์ควรใช้รูปแบบเดียวกันและอาจอ้างอิงความ เป็นไทยเดิม เช่น ใช้ใบตอง เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้ารับรู้และจดจาแบรนด์เราได้เร็วและง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ต้องอาศัยช่องทางสื่อสารสู่ลูกค้าที่ชัดเจนด้วย เช่น ป้ายโฆษณาของร้านที่ชัดเจน และอยูในตาแหน่งที่เหมาะสม เพราะร้านตั้งอยู่ในทาเลที่ลึก จึงเป็นอุปสรรคสาคัญต่อการขายสินค้าด้วย และอาจใช้การสื่อสารที่ต้นทุนต่าเข้าช่วย เช่น การสื่อสารทางอินเตอร์เนตที่มีต้นทุนต่าและรวดเร็ว ทั้งนี้ ทุกช่องทางที่ทางร้านใช้เพื่อการสื่อสารถึงกลุ่มลูกค้าต้องมีความชัดเจน จดจาง่าย น่าสนใจและควรใช้กล ยุทธ์ซ้า ย้า ทวนในตลาดการประชาสัมพันธ์เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่เป็นที่นิยมในท้องตลาด จึงต้องอาศัย ความถี่เข้าช่วยสาหรับการจดจาของลูกค้า

1-66


2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ : 1. อาจเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ เนื่องจากเป็นช่องทางที่ลูกค้ายุคปัจจุบันให้ความสนใจกัน มาก เพราะความสะดวก รวดเร็ ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ นค้าดังกล่ าวมีขายที่ต่างจังหวัดเท่านั้น ช่อ ง ทางการขายดังกล่าวจึงสามารถขยายกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในเมืองได้มากขึ้นด้วย และที่สาคัญเป็นช่องทางที่มี ต้นทุนต่าแต่ต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้าช่วย 2. นอกจากนี้อาจเพิ่มช่องทางโดยการสร้าง partner กับร้านของฝากใหญ่ๆในตัวเมืองเพื่อนา สินค้าเข้าไปขายฝากและเสียค่าใช้จ่ายในส่วนของพื้นที่ เพราะลูกค้าหลายท่านที่อาศัยความสะดวกใน การซื้อของฝากจากร้านใดร้านหนึ่งเพียงร้านเดียวซึ่งมักจะเป็นร้านของฝากดังๆ และทาให้แบรนด์เรา เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย 3. การติ ดต่ อ กับ โรงแรมหรื อ บริ ษั ทรั บจั ดงานต่ างๆ เพื่อ ขยายช่ องทางสิ น ค้า ไปในรู ปแบบ catering เพราะนอกจากจะขยายตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้าอื่นๆแล้วยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ ด้วย 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ : ประเภทสินค้าที่วางขายในแต่ละสถานที่นั้นอาจแตกต่างกันได้ตามความเหมาะสมและความ ต้องการของตลาดที่ต่างกัน แต่ภาชนะบรรจุภัณฑ์ของสินค้าต้องไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อสร้างความ เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์และทาให้ลูกค้าเกิดการจดจาแบรนด์ได้ว่า package แบบนี้คือแบรนด์นี้ หาก ทางร้านเปลี่ยน packaging ไปเรื่อย ลูกค้าก็จะไม่เกิดการรับรู้และจดจาว่าสินค้าดังกล่าวเป็นของใคร นอกจากนี้ ช่องทางการขายสิน ค้าต้องคานึงถึงความเหมาะสมและกลุ่มเป้าหมายที่ทางร้าน ต้องการด้วย เช่น สินค้าเป็นประเภทของฝากสาหรับคนรักสุขภาพ สถานที่ขายก็ควรจะสอดคล้องกัน ด้วย เช่น โรงพยาบาล หรือร้านอาหาร เป็นต้น โดยการนาสินค้าออกสู่ตลาดนี้ต้องอาศัยกลยุทธ์ทาง การตลาดร่วมด้วยเพื่อสร้างความแข็งแรงและน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ 1-67


คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ : อันดับแรก ควรสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าเพื่อสร้างการรับรู้ของสินค้าให้เกิดขึ้นในตลาดก่อน ควบคู่ไปกับการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์โดยอาศัยกลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสมทั้งกับสินค้า และกลุ่มเป้าหมายต่อมาควรสื่อสารแบรนด์สินค้าให้ กลุ่มเป้าหมายรับรู้ได้อย่างชัดเจน โดยอาศัยช่อง ทางการสื่อสารที่เหมาะสมและหลากหลาย ซึ่งอาจต้องอาศัยงบประมาณในการทาประชาสัมพันธ์ด้วย เพื่อช่วยทาให้การสื่อสารมีคุณภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนการสื่อสารคุณค่าของสินค้าที่เป็นสิ่งสาคัญของทาง ร้าน เช่น เป็นสินค้าที่ปลอดสารกันบูดและใช้วัตถุดิบสดร้อยเปอร์เซ็นต์ จุดสาคัญดังกล่าวจะทาให้ลูกค้า เล็งเห็นมูลค่าของสินค้าได้ดีขึ้น ทั้งนี้ข้อมูลการสื่อสารที่ส่งให้ลูกค้าต้องชัดเจนและถูกต้อง นอกจากนี้เมื่อสินค้าเป็นที่รู้จักในท้องตลาดแล้ว ทางร้านต้องคงคุณภาพของสินค้าให้ได้อย่าง เดิมเพื่อรักษาภาพลักษณ์และลูกค้าให้คงอยู่กับแบรนด์ได้ยาวนาน

1-68


ชื่อ-สกุล สุจิตรา วัดล้อม ชื่อเล่น ไอซ์ รหัส 5650125 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น ค าตอบ: ขนมคุ ณ ยาย นั้ น มี ชื่ อ ที่ ซ้ ากั น ในหลายๆจั ง หวั ด จึ ง ไม่ เ ป็ น ที่ จ ดจ ามากนั ก ทางร้ า นควร ออกแบบโลโก้ เป็นของตัวเอง ก่อน แล้ว สิ่งที่น่าจะทาต่อไป คือความเป็นเอกลักษณ์ของ "ขนมคุณยาย" โดยความคิดเห็นส่วนตัวน่าจะเปลี่ยน packaging ใหม่ เพื่อให้เป็นที่น่าจดจา อาจจะเป็น packaging ใน รูปแบบถุงใบตอง หรือกระดาษ แต่อาจจะไม่ได้ทามาจากใบตองจริงๆ เพราะในส่วนเล็กๆน้อยๆ แบบนี้ จะทาให้ เป็ น ที่จ ดจ าของลู กค้าได้ ยกตัว อย่าง กาแฟ โบราณ ของเทอมที่แล้ ว ถ้ากาแฟ ไม่ได้ใส่ ถุ ง กระดาษลูกค้าก็คงไม่จาแบรนด์ได้ คงเหมือนร้านทั่วๆไป ซึ่งนอกจากจะสื่อสารออกไปโดยโลโก้ใหม่แล้ว ก็ควรที่จะออกแบบpackaging ใหม่ไปด้วยเลย และเนื่องจากร้านขนมคุณยาย นั้นอยู่อัมพวา เน้น นักท่องเที่ยวเป็นหลัก ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะทาแคมป์เปญที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวไปด้วย เนื่องจากรี สอร์ทแถวอัมพวา มีการพาลูกค้าไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ดังนั้นทางร้านก็ควรที่จะ deal กับรีสอร์ทให้ พาลูกค้ามาดูการทาขนม เพื่อสร้างเรื่องราวให้กับร้านขนมคุณยาย และมีการบอกต่อๆไป

2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว

1-69


คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ: ช่องทางการขายที่เพิ่มมากขึ้น นั้นควรจะเริ่มจากร้านอาหารใกล้เคียงในบริเวณอัมพวาก่อน โดยเริ่มจาก ร้านอาหารที่ขึ้นชื่อ โดยการนาไปฝากวาง หรือขายควบคู่กับอาหาร ติดป้ายประกาศ ทั้งนี้ เพื่อไม่ต้องกังวลเรื่องการขนส่ง ซึ่งขนมนั้นมีอายุการเก็บรักษาที่สั้น และในอนาคตหากทางร้านต้องการ ที่จะขยายตลาดให้กว้างขึ้น ก็ควรที่จะศึกษาวิธีถนอมอาหาร เพื่อเก็บรักษาได้นานก่อนที่จะขยายตลาด 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ: ดังข้อที่ 1 ที่ได้แนะนาไปแล้วว่าควรออกแบบโลโก้ใหม่ ง่ายต่อการจดจา และควรมีสโลแกน เพื่อ ย้าเตือนผู้บริโภคให้จดจา ส่วนในเรื่องของสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาที่ไม่เหมือนกันนั้น คิดว่าไม่ น่าจะมีปัญหา เพียงแต่ผู้ประกอบการต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าสินค้าแบบไหนควรวางที่shop ไหน สินค้าไหน ขายไม่ ดี สิ น ค้า ไหนขายดี ดัง นั้ น ควรมี การเก็บ ข้อ มูล ผู้ บ ริโ ภคระแวกนั้ นก่ อน ที่ จะนาสิ น ค้า ไปวาง จาหน่าย 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ: ในสิ่งแรกที่ควรทา คือ คานวณงบประมาณ ก่อน ว่าเราจะไปได้ถึงระดับไหน และ set goal เอาไว้เลย ลาดับสิ่งที่สาคัญก่อน หากมองสิ่งที่สาคัญมากๆของ แบรนด์ตอนนี้คือความเป็นเอกลักษณ์ ดังนั้น ควรที่จะออกแบบโลโก้ก่อน สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก โดยการโฆษณา อาจจะทาป้าย เชิญชวน มีกิจกรรมเล่นเกมกับทางร้าน จากนั้นจึงค่อยๆขยายเป้าหมายไปที่กว้างขึ้น เพื่อให้แบรนด์ นั้นมีการ เติบโตที่ต่อเนื่อง

1-70


ชื่อ-สกุล ปิยวรรณ ตีรณจินดา ชื่อเล่นปุ้ย รหัส 5650027 ข้อ1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นทีร่ ู้จักมากขึ้น คาตอบ 1.ควรจะมีการออกแบบโลโก้ใหม่ ให้สามารถจดจาได้ง่าย และเปลี่ยนpackage ให้ดูทันสมัยขึ้น 2.ทาป้ายห้อยโฆษณาproduct บริเวณรอบๆอัมพวา และ มีเขียนถึงรางวัลที่เคยได้รับ เพื่อยืนยันถึง คุณภาพของสินค้า 2..ใช้สื่อโทรทัศน์เป็นตัวกลางในการเผยแพร่ ร้านขนมคุณยาย ให้ลูกค้าลูกจักมากขึ้น เช่น รายการแจ๋ว , รายการครัวคุณต๋อย ฯลฯ นอกจากนี้ควรใช้ IT เข้ามาpromote ร้านขนมคุณยาย เช่น ทาweb site , facebook 3.ขยายสาขาไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น เพลินวาน ,ตลาดร้อยปี ฯลฯ ข้อ2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ 1-71


คาตอบจากการที่ร้านขนมคุณยายนั้นได้มีการเปิดขายเพียงหน้าร้านอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้น ร้านขนมคุณยายอาจจะทาการไปเปิดร้านขายตามงานevent ต่างๆ หรือ อาจจะทาpartner กับร้านขาย ของฝาก นอกจากนี้อาจจะขายผ่านช่องทางweb site โดยจะเน้นเป็นการขายแบบสั่งทา เน้นปริมาณ มาก เพื่อเป็นของฝากหรือทาส่งตามงานต่างๆ เช่น งานหมั้น/งานแต่ง,งานบวช ฯลฯ ข้อ3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ : คิดว่าที่แต่ละสาขามีการขายสินค้าที่ไม่เหมือนกันไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งที่สาคัญคือต้องทาให้ลูกค้า ทราบถึงคุณภาพของproduct เช่น รสชาติ ฯลฯ และนอกจากนี้ต้องทาให้ลูกค้าสามารถจดจาbrand ขนมคุณยาย ได้ ดังนั้นควรการออกแบบโลโก้และpackage ใหม่ เพื่อง่ายในการจดจา ข้อ4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ ควรจะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ : ก่อนอื่นคิดว่าทางร้านขนมคุณยายควรมีการออกแบบโลโก้และpackage ใหม่ และมีการใช้สื่อ ต่างๆเข้ามามีส่วนช่วยให้ลูก ค้ารู้จักร้านขนมคุณยายมากขึ้น หากสามารถทาให้ลูกค้ารู้จักร้านขนมคุณ ยายมากขึ้นแล้วอาจจะค่อยมาคิดต่อในเรื่องที่จะขยายสาขา หรือเรื่องอื่นๆต่อไป

1-72


ชื่อ-สกุล เสาวภาคย์ จันทร์จรัสวัฒนา ชื่อเล่น แพร รหัส 5650128 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ : จากภาพลักษณ์ในปัจจุบันและแบรนด์ยังไม่มีจุดเด่นที่เพียงพอ หากดูจาก โลโก้บนสินค้าทุกชิ้น ได้มีความหลากหลายของสติ๊กเกอร์ สีสัน และรูปทรงแพ็คเกจของสินค้า ทาให้แบรนด์ยังไม่มีจุดเด่นและ ดูกลมกลืนเหมือนแบรนด์ทั่วไป ดังนั้นหากจะต้องการสร้างแบรนด์ต้องปฏิบัติดังนี้ 1.1 ต้องเปลี่ย นรูป แบบของโลโก้ใหม่ เลื อกโทนสี อาจจะเน้นสีน้าตาล ครีม ดูเป็น vintage เรียบหรู และอาจจะมีหน้าคุณยายผู้ก่อตั้งเป็นโลโก้มีชื่อร้านประกอบที่ชัดเจน และใช้โลโก้อันนี้ แปะในทุกๆสินค้าให้เหมือนกัน เพื่อความเป็นแบรนด์ และการจดจาง่ายของลูกค้า 1.2 ต้องเน้นเรื่องของ package ของสินค้า ว่าจะเป็นรูปแบบไหน เป็นกล่องกระดาษ หรือเน้นเป็นกล่องพลาสติกทรงสี่เหลี่ยม หรือ ทรงกลมก็ว่าไปแต่เลือกมาสักทรง และต้องดูไปจนถึงการ ใช้ถุงใส่ห่อกลับบ้าน จะเป็นถุงกระดาษ หรือถุงพลาสติกขุ่น หรือใส และก็สกรีนชื่อร้านพร้อมเบอร์ร้าน ลงไปด้วย

1-73


1.3 หากต้องการโปรโมทว่าร้านเป็นแบบ Authentic ร้านออริจินอล อาจจะต้องมีคาพูด หรือเครื่องหมายตกใจพร้อมกับคาพูดที่ว่า “เจ้าแรกเจ้าต้นตาหรับ” “ของแท้ต้องขนมคุณยาย....” เป็น ต้น 1.4 จากนั้นพอสร้างแบรนด์ได้ อาจจะต้องผลิตสื่อสาหรับโปรโมตสินค้า อาทิ โปรเตอร์ โลโก้ รูปภาพต่างๆ ต้องพยายามทาออกมาให้เป็นตีมเดียวกันกับ logo ไม่งั้นอาจจะหลุดตีมและดูไม่เข้า กัน ไม่เป็นเอกภาพณ์ หรือเป็นภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ดูทรงคุณค่าและแข็งแรง 1.5 สาหรับการโปรโมทร้านที่อยู่ที่อัมพวาอาจจะต้องมีการติดป้ายเชิญชวน หรือรูปภาพ ประกอบโลโก้คุณยาย และลูกศรตัวใหญ่ๆตลอดทางเพื่อให้ลูกค้าเกิดความสนใจและสามารถเดินไปหา ร้านขนมคุณยายที่อยู่สุดซอยในอัมพวาได้ค่ะ 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใ ดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ ตอบก่อนอื่นทางร้านต้องถามตัวเองก่อน สามารถมีกาลังการผลิตและกาลังการส่งได้เท่าไหร่ หากไม่มี ข้อจากัด 1.1 สามารถโปรโมทสินค้าผ่านช่องทาง อินเตอร์เนต ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเว็บเพจ Facebook , IG ใช้ต้นทุนน้อยแต่กระจายสื่อสารสินค้าถึงลูกค้าได้รวดเร็วและทั่วถึง 1.2 การโปรโมทสินค้าmodern trade อันนี้อาจจะต้องเลือกว่า target group ของ ลูกค้าขนมคุณยายเป็นแบบไหน หากเน้น พรีเมียมไฮโซ อาจจะต้องดูทาเลพวก Emporium , paragon , central world หากลูกค้าทั่วไปปานกลาง ตามห้างต่างๆ ของเซ็ลทรัล โรบินสัน หรือเดอะมอล์ลเป็น ต้น และหากเป้นลูกค้าระดับกลาง-ล่าง พวก 7/11 , Lotus , Big C 1.3 ทางขนมคุณยายยังสามารถที่จะออกอีเว้นตามงานเทศกาลต่างๆที่มีการจัด ณ ห้าง หรือ เมืองทองธานีที่จะมีเทศกาล อาหารไทยของไทย ของดี Otop ประมาณนี้ 1.4 หรือสามารถรับจัด catering งานเลี้ยง งานแต่ง งานวันเกิด งานแซยิต งานขึ้นบ้าน ใหม่ งานบวช งานศพ เป็นต้น เป็นอาหารของขนมคุณยาย ยังเป็นการโปรโมทและขยายสายการขายได้ อีกอย่างหนึ่ง 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ 1-74


ตอบ ข้อนี้ก็อาจจะเสนอแนะคล้ายๆ กับการสร้างแบรนด์ในข้อแรก 1.1ต้องเน้นเรื่องโลโก้สร้างอย่างไรให้เป็นเอกลักษณ์ มีรูปหน้าคุณยาย มี ชื่อคุณยาย มีโทนสีที่ดู คลัง ดูเป็นของแท้ดั่งเดิม หรือการติดคาพูดที่ว่า “ต้นตาหรับ” “เจ้าแรก...ของแท้” “ดั้งเดิมสูตรต้นตา หรับชาววัง” แสดงถึงความเป็นเจ้าแรกของการตั้งชื่อขนมคุณยายให้เป็นที่รูปจัก 1.2 เน้นเรื่อง แพ็คเกจ รูปทรง วัสดุ ตลอดจนการปรับเรื่องถุงห่อใส่สินค้า 1.3 การปรับปรุงเรื่องสินค้าใหม่ๆ สูตรใหม่ๆ หรือออกสินค้าเฉพาะซีซั่น การสร้างสูตรหรือ เอกลักษณ์และรสชาติที่แปลกใหม่ให้กับลูกค้า แต่ต้องถูกปากคนไทยด้วย 1.4เน้นเรื่องการสื่อสาร โปรเตอร์ โปรโมท billboard ตามทางข้างถนน ก่อนถึงอัมพวา การใช้ ป้ายบอกทางไปยันร้านที่อยู่สุดซอยอัมพวา การจะสร้างแบรนด์ให้คนจดจาอาจจะต้องเริ่มจาก รูปลักษณ์ ภาพลักษณ์ position ว่าจะวางแบรนด์ อย่างไร ใครคือลูกค้าเรา เราจะได้มุ่งพัฒนาให้ตรงกับ target group ของลูกค้า และจะได้ง่ายต่อการ วางแผนในการขายสินค้า และพัฒนาแบรนด์ 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ: 1.1 ทางร้านควรจะนางบมาสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของ LOGO ก่อน 1.2 จากนั้นเริ่มพัฒนารูปทรง วัสดุของกล่อง package ที่ใส่สินค้า 1.3 ดูเรื่องถุงหรือที่ใส่ ของสาหรับเวลาลูกค้าซื้อกลับบ้านควรจะเป็นอะไร ถุงกระดาษ กล่อง กระดาษ ถุงพลาสติก เป็นต้น 1.4 เน้นการโปรโมท ป้ายต่างๆ ทาให้คนเห็นและอยากเข้าไปร้านซื้อขนมคุณยาย โดยต้อง เน้นคาพูดที่ต้อง ของแท้ เจ้าต้นตาหรับ สูตรชาววังของแท้ต้อง.... เป็นต้น 1.5 ออกโปรโมทในสื่อออนไลน์ Facebook , Ig หรือสร้าง web page ให้ตัวเอง อาจจะเน้น ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ เพราะร้านตั้งอยู่ที่อัมพวา และชาวต่างชาติก็ชอบมาเที่ ยวเยอะ ดังนั้นหากมี การโปรโมดแบบภาษาอังกฤษด้วย ก็สร้างความน่าสนใจให้กับร้านขนมคุณยายได้

1-75


1.6 ถ้าหากมีเงินทุนพอก็อาจจะไปฝากขายตาม modern trade ที่กล่าวมาข้างต้น 1.7 การออกบู้ทตามเทศกาลงานต่างๆ ตามเมืองทองธานี ห้างใหญ่ๆแหล่งคนเยอะๆ พารา กอน เซ็นทรัลเวริ์ล เป็นต้น 1.8 ถ้าหากต้องการโปรโมทและเพิ่มยอดขายก็ต้องพัฒนาวัตถุดิบให้สามารถเก็บได้นานโดยไม่ ใส่สารกันบูด จะได้ส่งออกขายต่างประเทศสร้างรายได้อีกทางให้กับแบรนด์ได้

1-76


ชื่อ-สกุล อาทิตยา อาศิรวาท ชื่อเล่น ลี่ รหัส 5650041 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุ ณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ : ในการสื่อสารแบรนด์ ‘ขนมคุณยาย’ ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและเหมาะสมกับลักษณะ ของธุรกิจ ทาได้หลายวิธี ซึ่งข้าพเจ้าขออธิบายโดยการแบ่งระดับการสื่อสารออกเป็น การสื่อสารระดับ Mass และ การสื่อสารในระดับ Local -การสื่อสารในระดับ Mass ช่องทางที่มีประสิทธิภาพและประหยัด ที่สุดก็คือ อินเทอร์เน็ต โดย ทางร้านควรทาเว็บไซต์เพื่อเป็นช่องทางในการนาเสนอสินค้า Communicate Value และกระจาย ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ออกไป พร้อมกันนี้ก็ควรสร้าง account บนโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook เพื่อกระจายข้อมูลข่าวสารของร้าน เป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ย นข้อมูลและความคิดเห็นระหว่างทางร้าน กับลูกค้า Twitter เพื่อให้ลูกค้าได้ติดตามข่าวสารความอร่อย และ Instagram เพื่อเป็นช่องทางในการ โปรโมทสินค้า ร้านค้า และลูกค้าที่มาเยี่ยมเยือนร้านและจากปัญหาที่ว่า เมื่อ search ใน google แล้ว ไม่เจอร้านขนมคุณยายร้านนี้ แต่กลั บเจอร้านอื่นๆ ที่มีชื่อเดียวกัน ทางร้านก็อาจแก้ปัญหาโดยการซื้อ พื้นที่บน google เพื่อให้ร้านขนมคุณยายอยู่ในอันดับแรก เมื่อค้นหาคาที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น คาว่า

1-77


‘ขนมคุณยาย’ ‘ขนมไทย’ ‘ขนมหวาน’ เป็นต้นยิ่งไปกว่านั้น อาจติดต่อไปยังสานักพิมพ์ต่างๆ ทั้งที่เป็น นิตยสารท่องเที่ยวหรือพ็อกเก็ตบุ๊คนาเที่ยว เพื่อให้สื่อช่วยลงเนื้อหาเกี่ยวกับร้านให้คนอ่านได้รู้จักและ สนใจที่จะมาเยือนมากขึ้น เช่น สานักพิมพ์ที่จัดทาไกด์บุ๊ครวมแหล่งท่องเที่ยวอัมพวา เป็นต้น - การสื่อสารในระดับ Local ทางร้านควรให้ความสาคัญกับการสื่อสารในระดับ นี้เป็นพิเศษ เพื่อให้ ‘ขนมคุณยาย’ เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมุ่งหน้าสู่อัมพวา ซึ่ง อาจทาได้ด้วยหลายวิธี เช่น หนึ่ง ติดป้ายโฆษณาระหว่างทางเมื่อใกล้ถึงอัมพวา เช่น ‘อีก 1 กิโลเมตร จะ ถึงร้านขนมคุณยาย’ สอง ติดป้ายบอกทางในตลาดน้าอัมพวาเพื่อดึงดูดความสนใจแก่ผู้มาเยือน สาม ประชาสัมพันธ์ร้านขนมคุณยายผ่านเสียงตามสายในตลาดน้าอัมพวา สี่ ในอัมพวาจะมีนิตยสารท้องถิ่น ชื่อว่า ‘มนต์รักแม่กลอง’ ซึ่งทางร้านอาจลงโฆษณาในสื่อท้องถื่นเล่มนี้ ห้า ออกแบบถุงใส่สินค้าให้มีชื่อ ร้านและมีดีไซด์ที่สวยงาม เป็นเอกลักษณ์ เพื่อว่าเมื่อลูกค้าจานวนหนึ่งซื้อสินค้าไปแล้วเดินออกจากร้าน นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เห็นก็จะได้สนใจและมีแนวโน้มที่จะมาเยือนร้านมากขึ้น เป็นต้น 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ:จากข้อมูลที่ฟังในวัน Marketing Conference พบว่าเจ้าของธุรกิจขนมคุณยายมีความตั้งใจว่า ผลิตภัณฑ์ของร้านจะไม่ใส่วัตถุกันเสีย ผลิตภัณฑ์ของร้านจึงมีอายุเพียง 7 วันเท่านั้น ในการมองหาช่อง ทางการขายสินค้าเพิ่มเติมจึงจาเป็นต้องคานึงถึงระยะทางและการจัดเก็บสินค้าของช่องทางนั้นๆ เป็น สาคัญ ข้าพเจ้าจึงมีความคิดเห็นว่าช่องทางการขายที่เป็นไปได้ในการเพิ่ม ได้แก่ - ฝากขายในร้านขายสินค้าของฝากรายใหญ่ประจาจังหวัด ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นจุ ด แวะพักของคนเดินทาง เส้นทาง กรุงเทพฯ ลงสู่ภาคใต้ และจากภาคใต้ขึ้นสู่กรุงเทพฯ - เพิ่มจานวนสาขา โดยการเปิดร้านหรือ Kiosk ณ แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งควรเลือกสถานที่ที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยเพื่อความสอดคล้องกับแบรนด์ เช่น ตลาดน้าบางน้อย ตลาดน้าท่าคา พิพิธภัณฑ์บ้านขนมไทย เป็นต้น -เพิ่มช่องทางการขาย โดยการเปิดหน้าร้านเล็กๆ หรือ Kiosk ในปั้มใหญ่ๆ หรือ Community Mall ที่มีชื่อเสียงบนถนนเพชรเกษม เช่น Porto Chino คล้ายกับธุรกิจ ‘เค้กบ้านสวน’ ที่ก็มีการเปิด ร้านเล็กๆ ในปั้มน้ามันใหญ่ ซึ่งก็มีลูกค้าแวะเวียนมาซื้อไม่น้อย - ออกบูทในมหกรรมสินค้าต่างๆ มากขึ้น โดยเลือกงานที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์และภาพลักษณ์ ของผลิตภัณฑ์ เช่น งานรวมสุดยอดสินค้า OTOP ที่มีการจัดขึ้นบ่อยครั้งในห้างสรรพสินค้าและศูนย์ แสดงสินค้าต่างๆ เป็นต้น 1-78


3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ:ในการสร้านแบรนด์ให้แข็งแรงนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งแรกที่ทางร้านควรทาคือการย้อนกลับมาดู ตัวเองว่ามีจุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส อุปสรรคอะไรบ้าง พร้อมกับวิเคราะห์ว่าตนเองมี Competitive advantage อะไรบ้าง เพื่อจะได้เลือกหยิบข้อได้เปรียบที่โดดเด่นที่สุดแล้ว communicate value ออกไปยังลูกค้า ซึ่งอาจสื่อสารออกไปเป็นคาสร้อยห้อยท้ายชื่อร้านหรือสโลแกนประจาร้าน เช่น ‘ขนม คุณยาย…ขนมไทยตาหรับชาววัง’ เป็นต้น สาหรับผลิตภัณฑ์อาหาร ข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งที่ช่วยสร้างภาพลักษณ์และสร้างการจดจาได้มากก็คือ Logo และ Packaging ดังนั้นทางร้านจึงควรออกแบบ Logo และ Packaging ของขนมคุณยายใหม่ให้มี ความสอดคล้องกับ ‘ผลิตภัณฑ์ขนมหวานระดับพรีเมียม’ ที่ทางร้าน positioning ตัวเองไว้ และใช้ Logo นี้กับทุกผลิตภัณฑ์ของร้าน เนื่องจากปัจจุบันทางร้านใช้ชื่อ ขนมคุณยาย เหมือนกัน แต่รูปแบบ Logo ต่างกัน ซึ่งอาจทาให้ลูกค้าสับสนหรือไม่แน่ใจว่าเป็นร้านขนมคุณยายเดียวกันหรือไม่ 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ :เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณและเวลาจากัด ดังนั้นทางร้านต้ องเลือกทาบางอย่างที่สาคัญให้ สาเร็จก่อน ซึ่งลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควรจะทาในความคิดข้าพเจ้าคือ หนึ่ง คานวณงบประมาณว่า ทางร้านมีความยินดีที่จะจ่ายเพื่อการ Rebranding ครั้งนี้เท่าไหร่ สอง ปรับปรุง Logo และ Packaging ของผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ ในเวลาเดียวกันก็เน้นการสื่อสารออกไปยังลูกค้า โดยอาจเริ่มที่ช่องทางที่ไม่เสีย เงินก่อน เช่น โซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ จากนั้นถ้ามีงบเพียงพอก็ลงมือการสื่อสารไปยังช่องทางอื่นๆ ที่อาจ ต้องเสียเงิน ซึ่งมีรายละเอียดตามคาตอบในข้อที่ 1 ทั้งนี้การทาซ้า ย้า ทวน เป็นเรื่องสาคัญ เพราะสินค้า ขนมหวานมีขายมากมาย โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวที่ชูความเป็นไทยดั้งเดิมเป็นจุดขาย ดังนั้นทาง ร้านควรเน้นที่การสื่อออกไปซ้าๆ ในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อให้ลูกค้าจดจาได้ว่า ถ้าไปอัมพวา จะต้อง ลองชิมขนมหวานสูตรต้นตาหรับชาววัง ณ บ้านขนมคุณยาย

1-79


ชื่อ-สกุล สุชานาฏ โรจนรวีวงศ์ ชื่อเล่น ออม รหัส 5650126 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ : การที่ทางร้านจะสื่อสาร Brand ขนมคุณยายให้คนรู้จักและจดจาได้นั้น ทางร้านจะต้องสร้าง Brand ให้เข้มแข็งและเป็นที่รู้จักก่อน ซึ่ง Brand ร้านขนมคุณยายนั้น คาว่า “ขนมคุณยาย” เป็นชื่อที่มี คนใช้เป็นชื่อ Brand จานวนมากจึงทาให้ไม่มีเอกลักษณ์ หรือจุดเด่นให้น่าจดจา ดังนั้นทางร้านควร Rebrand ใหม่ โดยใช้จุดแข็งของร้านมาเป็นจุดขาย เช่น ทางร้าน claim ขนมของเค้ามีคุณภาพใช้วัสดุ ที่ดี เป็นขนมไทย healthy (น้าตาลน้อย) เค้าก็น่าจะนาสิ่งเหล่านี้มาสร้าง brand ใหม่ เปลี่ยน package ใหม่ หลังจากที่ rebrand แล้วเราก็ค่อยสื่อสารไปยังลูกค้า ซึ่งการสื่อสาร brand นั้นก็มีหลากหลายวิธี เช่น - การทารีวิวการท่องเที่ยวที่อัมพวา แล้วก็รีวิวถึงร้านขนมของเรา เวลานักท่องเที่ยวที่เค้าจะไป เที่ยวเค้ามักจะหาข้อมูลการท่องเที่ยวก่อน และเมื่อไปอัมพวาร้านไหนที่ไม่ควรพลาด(ร้านขนมของเรา) - การที่ร้านขนมตั้งอยู่ในทาเลที่ลึกที่สุด ค่อนข้างหายาก เค้าก็ควรติดป้ายแบบโกงโจรบอก สถานที่ตั้งให้ชัดเจน โดยการติดป้ายนั้นก็ต้องทาป้ายที่มีลักษณะเด่น เห็นแล้วสะดุดตา

1-80


- การที่จะให้คนจดจาร้านเราได้ เราอาจต้องหาจุดเด่นที่ทาให้ ลูกค้าสนใจ เช่น ให้พนักงานขาย ใส่ชุดไทย (เป็นพริตตี้ชุดไทย) หรือมีการสาธิตการทาขนมหน้าร้าน (เป็นเหมือนงาน event ที่ทางกลุ่ม นาเสนอ) เนื่องจากมองว่าขนมไทยเป็นสินค้าที่คนไม่ได้ซื้อรับประทานประจา ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าขาจร นักท่องเที่ย วชาวไทยและชาวต่างชาติ ดังนั้น สาหรับนักท่องเที่ยวแล้ วเค้าอยากไปดูสิ่ งที่แปลกใหม่ (สังเกตจากที่นักศึกษาชาวต่างชาติที่มาเยี่ยมชมในงาน) 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ : จากสินค้าของร้านที่มีจุดขายว่าไม่ใส่สารกันเสีย สดใหม่ เก็บได้ 7 วัน ทาให้เป็นอุปสรรคที่จะ ขยายตลาด ดังนั้นทางร้านเองต้องมี innovation ที่ทาให้สินค้ามีคุณภาพเหมือนเดิม แต่สามารถเก็บไว้ ได้นานขึ้น จากนั้นถึงจะมามองเรื่ องการขยายช่องทางการขาย เช่น เพิ่มการขายแบบ B2B ซึ่งเป็นการ ทาธุรกิจระหว่างบริษัทกับบริษัท เช่น โรงแรมหรือร้านอาหารต่างๆ, organizer รับจัดงานแต่งงาน, ขันหมาก, งานบวช หรือ ร้านขายของฝากเป็นต้น 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และ brand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้าง brand อย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ : สร้าง brand จากจุดขายของทางร้าน ที่ทางร้าน claim ว่าเป็นขนมไทย healthy ใช้วัตถุดิบ ชั้นดี โดยอาจจะต้องมีการเปลี่ยนชื่อร้านใหม่ ที่มีความทันสมัยมากขึ้น มีจุดเด่น ได้ยินแล้วรู้สึกน่าสนใจ เพราะคาว่า “ขนมคุณยาย” เป็นชื่อที่คนนามาใช้เป็นชื่อร้านมากมาย จึงทาให้ไม่มีจุดเด่น อีกทั้งควร สร้ า งโลโก้ ข องร้ า นที่ เ ป็ น เอกลั ก ษณ์ เมื่ อ เห็ น โลโก้ แ ล้ ว รู้ ไ ด้ เ ลยว่ า เป็ น ขนมจากทางร้ า น และการ ปรับเปลี่ยน packaging ใหม่ให้ดูเป็นสินค้า premium เพราะจากที่ทางร้านวางตาแหน่งทางการตลาด ของตนเอง 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึง Goal ที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ : ในส่ว นนี้ต้องถามตัวผู้ประกอบการเองว่าให้ความสาคัญกับส่ วนไหนเป็นสิ่งแรก ทาง ผู้ป ระกอบการมองว่าตรงจุ ดไหนเป็ น ปั ญหา แล้ ว ดาเนินการแก้ไขตรงนั้นก่อน หากจะให้ วิเคราะห์ สถานการณ์ของร้านขนมคุณยายจากข้อมูลที่มีอยู่ก็คิดว่าทางร้านควรสร้าง Brand ใหม่ก่อน เพราะ 1-81


Brand เป็นสิ่งแรกลูกค้าสามารถสัมผัสและเห็นตัวตนของเราได้ชัดเจน ตัว Brand จะเป็นสิ่งที่กาหนด positioning, target group และ segmentation ได้อย่างชัดเจน ซึ่ง brand เป็นจุดเริ่มต้นที่สาคัญที่ ทาให้ลูกค้าจดจาเราในสิ่งนั้นได้ หากมีการสร้าง brand ที่ดี ก็จะสามารถต่อยอดไปทาในส่วนอื่นๆได้ง่าย ขึ้น

1-82


ชื่อ-สกุล สุนันทา จุฬาศินนท์ ชื่อเล่น โบจ้า รหัส 5650036 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ : ทางขนมคุณยายควรควรจะสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งก่อนโดยมีการออกแบบโลโก้ขึ้ นมาก่อน เป็นอับดับแรกเพื่อให้ง่ายต่อการจดจา หลังจากนั้นค่อยสื่อสารให้ลูกค้ารู้ว่าขนมคุณยายเป็นขนมที่มี คุณภาพ และเป็นเจ้าแรกที่ผลิตขนม 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ : เนื่องจากร้านขนมคุณยายนั้นได้มีการเปิดขายเพียงหน้าร้านอย่างเดียว ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะ เป็นที่รู้จักและการสร้างแบรนด์ ดังนั้นร้านขนมคุณยายควรมีการต่อยอดธุรกิจ อาจจะออกบูธแสดง สินค้า หรือตามงานevent ต่างๆ นอกจจากนี้ยังสามารถจับมือทา partnership กับร้านขายของฝาก ไม่ ว่าจะร้านค้าในปั้ม หรือจะเน้นเป็นการขายแบบสั่งทา เน้นจานวนการผลิตมากขึ้น เช่น งานหมั้น /งาน แต่ง,งานบวช ฯลฯ 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า 1-83


คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ :ในการสร้านแบรนด์ให้แข็งแรงนั้นหลังจากนั้นก็ควรจะค่อยๆเปลี่ยนรูปแบบpackagaing ที่ แตกต่างกัน ให้เหมือนกันในขนมทุกชนิดเพื่อให้ลู กค้าจดจาได้ทั้งยังสามารถสร้างสโลแกน หรือคาที่ง่าย ต่อการจดจา ทั้งใช้สีสัญลักษณ์ หรือถุงหิ้วใส่ขนม เป็นต้น 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ : ทางร้านควรเลือกที่จะออกแบบโลโก้ สัญลักษณ์สีเพื่อให้ง่ายต่อการจดจาก่อน จากนั้นควร ออกแบบ packaging ใหม่ให้ดูสวยงามเล่นเป็นลักษณะเด่นเฉพาะตัว นอกจากนี้เรื่องของถุงกระดาษ หรือถุงหิ้ วเป็นของฝากที่ความเรี ยบง่าย มีความเป็นไทยๆแบบชาววัง นอกจากนี้ห ากมีงบประมาณ เพียงพอควรออกบูธ หรืองานแสดงสินค้า OTOP เทศกาลต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ร้านให้เป็นรู้จักมาก ยิ่งขึ้น

1-84


ชื่อ-สกุล พรปวีณ์ กรุสวัสดิ์ ชื่อเล่น แป้ง รหัส 5650029 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึน้ คาตอบ : สร้างความแตกต่างและบ่งบอกคุณค่าให้ลุกค้าเห็นชัดเจนว่าและเกิดการรับรู้ถึงตัวตนของแบ รนด์ก่อนว่ามีแบรนด์นี้เกิดขึ้นในตลาดโดยสร้างความเป็นเอกลักษณ์ที่สามารถถ่ายทอดถึงตัวสินค้าอย่าง ชัดเจน เช่น โลโก้หรือ Packaging ควรไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกับตัว สินค้า เช่นเน้น ธรรมชาติ สัญลั กษณ์โลโก้ก็ควรมีความเป็นไทยและภาชนะบรรจุภัณฑ์ควรใช้รูปแบบเดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้ารับรู้และจดจาแบรนด์เราได้เร็วและง่ายยิ่งขึ้นโดยอาจจะใช้ Packaging ที่ทามาจากชาน อ้อย เพราะสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ นอกจากนี้ต้องอาศัยช่องทางสื่อสารสู่ลูกค้าที่ชัดเจนด้วย เช่น ป้ายโฆษณาของร้านต้องชัดเจน (กอลิล่าร์)และอยูในตาแหน่งที่เหมาะสม เพราะร้านตั้งอยู่ในทาเลที่ลึก จึงเป็นอุปสรรคสาคัญต่อการขาย สินค้า และควรใช้กลยุทธ์ซ้า ย้า ทวนในตลาดการประชาสัมพันธ์เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่เป็นที่นิยมใน ท้องตลาด จึงต้องอาศัยความถี่เข้าช่วยสาหรับการจดจาของลูกค้าหรืออาจจะยกจุดเด่นหรือความหมาย ที่ดีดีของขนมไทยแต่ละชนิดขึ้นมา โดยติดไว้บน Packaging เพื่อให้ลูกค้าอ่านได้ชัดเจน เป็นต้น 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว

1-85


คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ : 1. เปิดช่องทางการขายเพิ่มขึ้นโดยอาจเปิด Line , Facebook Fanpage , Website ให้ลูกค้า สามารถสอบถามสินค้าได้ เพราะในปัจจุบันคนหันมาสนใจและให้ความสาคัญกับสื่อออนไลน์มากขึ้น เพราะสะดวกสบายในการจับจ่ายซื้อสินค้า 2. หา Partner หรือติดต่อกับห้างสรรพสินค้า , ผู้รับจัดงานอีเว้นท์ต่างๆเพื่อจาหน่ายสินค้าใน Modern Trade ทาให้ลูกค้ามีช่องทางได้จับจ่ายสินค้ามากขึ้นกว่าเดิม และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ ดีอีกด้วย แต่ก็ยังสามารถเดินทางไปซื้อที่ร้านต้นตาหรับ โดยพยายาม Communicate หรือสื่อสารกับ ลูกค้าในด้านที่เราเป็นต้นตาหรับและรักษาความเป็นไทยแบบธรรมชาติไว้ได้อย่างดี 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ :ควรเปลี่ยนโลโก้ในและบรรจุภัณฑ์ในแต่ละสินค้าให้เหมือนกันและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์และทาให้ลูกค้าเกิดการจดจาแบรนด์ได้ว่า package แบบนี้คือ แบรนด์นี้ หากทางร้านเปลี่ยน packaging ไปเรื่อย ลูกค้าก็จะสับสนและไม่สามารถจดจาว่าสินค้านี้เป็น ของใครและทางร้านควรมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในตลาดอัมพวาให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นว่าร้านตั้งอยู่ ตรงไหน โดยอาจใช้ป้ายและลาโพงประชาสัมพันธ์ตามจุดต่างๆ และควรเลือก Position ของสินค้าว่าเรา เป็นขนมไทยที่มีความใส่ใจในสุขภาพ สะอาดปลอดภัย ให้ลูกค้าเชื่อและมั่นใจ Brand ของทางร้าน 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม: ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ :เริ่มแรกทางร้านต้องคานึงถึงงบประมาณที่ตั้งไว้ก่อนว่าทางร้านมีงบประมาณเท่าใด และอันดับ แรก ทางร้านควรสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าเพื่อให้ลูกค้ารับรู้แบรนด์ของสิ นค้าว่ามีสินค้านี้เกิดขึ้นในตลาด ก่อน ควบคู่ไปกับการสร้างความแบ็งแกร่งให้กับแบรนด์โดยอาศัยกลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสมทั้งกับ สินค้าและกลุ่มเป้าหมาย

1-86


ต่อมาควรสื่อสารแบรนด์สิ นค้าให้ กลุ่ มเป้าหมายรับรู้ได้อย่างชัดเจน โดยอาศัยช่องทางการ สื่อสารที่เหมาะสมและหลากหลาย ซึ่งอาจต้องอาศัยงบประมาณในการทาประชาสัมพันธ์ด้วยเพื่อช่วย ทาให้การสื่อสารมีคุณภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนการสื่อสารคุณค่าของสินค้าที่เป็นสิ่งสาคัญของทางร้าน เช่น เป็นสินค้าที่ปลอดสารกันบูดและใช้วัตถุดิบสดร้อยเปอร์เซ็นต์ จุดสาคัญดังกล่าวจะทาให้ลูกค้าเล็งเห็น มูลค่าของสินค้าได้ดีขึ้น ทั้งนี้ข้อมูลการสื่อสารที่ส่งให้ลูกค้าต้องชัดเจนและถูกต้อง และที่สาคัญเนื่องจากเป็นสินค้าประเภทอาหาร เมื่อสินค้าเป็นที่รู้จักในท้องตลาดแล้ว ทางร้าน ต้องคงคุณภาพของสินค้าทั้งรสชาติ Texture ต้องคงไว้ให้ได้อย่างเดิมเพื่อรักษาภาพลักษณ์และฐาน ลูกค้าให้ยึดกับแบรนด์ได้ยาวนานและนานากันแบบปากต่อปาก

1-87


ชื่อ-สกุล ภาวิณี อภิวัฒน์ชาติ ชื่อเล่น ใหม่ รหัส 5650122 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ: โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยได้ยินหรือรู้จัก ร้านขนมหวาน ชื่อ "ร้านคุณยาย" มาก่อน จะเป็นเพราะว่า ชื่อของแบรนด์ยั งไม่ เป็ น ที่จ ดจ ายั งไม่มีเ อกลั กษณเท่ าไหร่ รวมถึงโลโก้ สติ้กเกอร์ ที่แ ปะหน้ากล่ อ ง ผลิ ตภัณฑ์ของร้ านคุณยายและ Packaging ที่ไม่มีความเป็นหนึ่งเดียวคือจะมีการเปลี่ ยนรูปแบบ สติ้ ก เกอร์ข องสิ น ค้า แต่ ล ะประเภทตลอดซึ่ ง ทาให้ ก ารรั บ รู้ ข องลู ก ค้ า เกิด ความลั ง เล และสั บ สนได้ เพราะฉะนั้นดิฉันจะทาในฐานะผู้ประกอบการของธุรกิจนี้ คือเริ่มจากการเปลี่ยนรูปแบบ โลโก้ และ Packaging ของผลิตภัณฑ์ก่อนเป็นอันดับแรกๆซึ่งต้องแสดงถึงเอกลักษณ์ของความเป็นร้านขนมคุณยาย อาจจะเป็น โลโก้ที่เป็นตัวอักษรเขียน ว่า ร้านขนมคุณยาย ในรูปแบบตัวอักษรที่สะดุดตาพร้อมสีสัน สดใส และ Packaging ที่แตกต่างไปจากร้านขนมอื่นๆ อาจมีการจัดทาเป็นเซทขนม ในช่วงวันพิเศษ ต่างๆ พร้อมกับ Packing ที่สอดคล้องกับธีมงานพร้อมกันนี้ควรมีป้ายโฆษณาสินค้าตามแหล่งท่องเที่ยว ว่าเป็นที่ร้านที่ต้องไปเมื่อไปอัมพวา เป็นสินค้าที่มีคุณภาพได้รับรางวัล OTOP ก็เป็นการประชาสัมพันธ์ ร้านขนมคุณยายได้อีกทางหนึ่ง 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว

1-88


คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ: เนื่องร้านขนมยายมีความตั้งใจว่าผลิตภัณฑ์ของร้านจะไม่ใส่วัตถุกันเสีย ผลิตภัณฑ์ของร้านจึงมี อายุเพียง 7 วันเท่านั้น ซึ่งตรงนี้อาจเป็นปัญหาสาหรับการจัดเก็บสินค้า ทางร้านอาจต้องหากรรมวิธีที่จะ ช่วยให้ขนมหวานนั้นสามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น สาหรับการเพิ่มช่องทางการขาย ทาได้ดังนี้ 1. เพิ่มช่องทางการขายผ่านออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่าย และสะดวก ถ้าหากได้รับความสนใจจะทาให้การบอกต่อ Follow เป็นไปอย่างรวดเร็ว 2. ร้านขนมคุณยาย สามารถทากาน Co กับบริษัทรับจัด Event งานต่างๆ ให้บริการในรูปแบบ catering บริการขนมหวานแสนอร่อย เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี 3. ออกโบ้ทตามงานนิทรรศการ มหกรรมสินค้าต่างๆ เช่น งานแสดงสินค้า OTOP ของดีแต่ละ จังหวัด ซึ่งปัจจุบันๆ ได้รับความนิยมเป็นอย่างดี มีผู้คนเข้ามาจับจ่าย ซื้อของเป็นของฝากเป็นจานวน มาก 4. ติดต่อวางขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าชั้นนา เช่น ตามโซนขนมหวาน อาหาร 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และ brand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้าง brand อย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ: ก่อนอื่นต้องรู้ SWOT ของทางร้านขนมคุณยายก่อนว่า จุดแข็งและจุดอ่อนของทางร้านคืออะไร แล้ ว ในฐานะผู้ ป ระกอบการจะพัฒนาจุ ดแข็งของร้านให้ ดียิ่งขึ้นได้อย่างไรขณะเดียวกันจะปรับปรุง จุดอ่อนได้อย่างไรบ้าง นอกจากนี้จาเป็นที่ต้องสร้างจุดขายให้กับสินค้า โดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบ ผลิตภัณฑ์, Packaging, Logo ฯลฯ ให้มีความทันสมัยแตกต่างจากคู่แข่ง ให้เหมาะกับร้านขนมไทย ระดับพรีเมี่ยม 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ : เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณและเวลาจากัด ส่วนตัวคิดว่าทาสิ่งที่ง่ายแล้วเห็นได้ชัดเจนก่อน จะดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรูปแบบผลิตภัณฑ์ Packing, Logo ก่อนซึ่งสามารถ เปลี่ยนการรับรู้ของลูกค้าได้ดีขึ้น หลังจากนั้นควรสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์สินค้า เนื่องจาก 1-89


สินค้านั้นอยู่ในกลุ่มพรีเมี่ยมซึ่งมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งหลายรายซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นร้านขนมที่ได้รับความนิยม ทั้ ง สิ้ น พอแบรนด์ เ ริ่ ม มี ค วามแข็ ง แกร่ ง แล้ ว อาจเพิ่ ม ช่ อ งทางการสื่ อ สารที่ เหมาะสม ให้ เ ข้ า ถึ ง กลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุดซึ่งส่วนนี้จาเป็นต้องใช้เงินลงทุนที่สูงขึ้น ในการประชาสัมพันธ์เพื่อช่วยทาให้ การสื่อสารมีคุณภาพยิ่งขึ้น

1-90


ชื่อ-สกุล วิลาวัล อัญชลิสังกาศ ชื่อเล่น มุก รหัส 5650033 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็ นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ : "ผูกกับแบรนด์อมั พวา" สร้างให้คนจดจาในฐานะของฝากจากอัมพวา ใครมาต้องซื้อ เหมือนไป หัวหิน ชะอาแล้วต้องแวะบ้านขนมนันวรรณ เหมือนไปอีสานต้องซื้อของฝากร้านเจ้าสัว ด้วยความอัมพวาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ที่ถูกพูดถึงมากแห่งหนึ่งในเมืองไทย จุดเด่นคือล่องเรือ ชมหิงห้อย และซื้อขนมของฝาก แต่ไม่มีแบรนด์สินค้าที่โดดเด่นพอให้จดจาได้ว่านี่คือ ของฝากจากอัมพ วา ด้วยช่องว่างตรงนี้ทางร้าน ควรสร้างสโลแกนให้อัมพวากลายมาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ แล้วซ้า ย้า ทวนอยู่เสมอ อนาคตต้องปรับปรุง Life cycle ของผลิตภัณฑ์ โดยใช้เทคโนโลยีถนอมอาหารมาช่วย และช่องทางการขยับขยายหน้าร้านไปสู่ถนนใหญ่ ให้คนที่สัญจรลงใต้สามารถซื้อติดไม้ติดมือไปเป็นของ ฝากของกินเล่น โดยไม่ต้องขับรถเข้ามาในอัมพวา 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้ว ยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้

1-91


คาตอบ :ต้องดูกาลังการผลิต และอายุของผลิตภัณฑ์ว่าจะสามารถเก็บได้นานเพียงใด ถ้ามีกาลังการผลิต ที่สูงเพียงพอและยืดอายุผลิตภัณฑ์ได้ยาวนานขึ้น 1.ควรจัดจาหน่ายเป็น Big Volume เช่น มีเซลล์เสนอขายไปยังโรงแรม ทาเป็น Welcome gift ในห้องพักตามโรงแรมขนาดใหญ่ ทั้งนี้ทางร้านสามารถดีไซน์ Packaging ให้คงภาพลักษณ์ของ ตนเองไว้ได้ด้วย 2. หา Partner หรือติดต่อกับห้างสรรพสินค้า , ผู้รับจัดงานอีเว้นท์ต่างๆ เพื่อจาหน่ายสินค้า ใน Modern Trade ทาให้ลูกค้ามีช่องทางได้จับจ่ายสินค้ามากขึ้นกว่าเดิม 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ : สร้างจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ต้องมีProduct Highlight ขึ้นมาก่อน หรือมี Key word อะไรที่จะ ให้คนจดจา เช่น ขนมไทยเจ้านี้น้าตาลหอมมาก ได้กลิ่นเหมือนดอกมะลิลอยในขันน้าฝน หรือ ขนมไทย เจ้านี้ใช้คุณยายจริงๆมาทาขนม คนงานทุกคนไม่มีใครอายุตากว่า 60 เป็นต้น แต่ต้องให้ แน่ใจว่า Highlight นั้นสื่อสารภาพลักษณ์ที่ดีกับผลิตภัณฑ์และเป็นจุดขายที่ทาให้คนอยากลอง จากนั้นสื่อสารให้ ทุกคนในองค์กรโดยเฉพาะคนขายหน้าร้านเข้าใจ key word ดังกล่าว และพูดให้ดัง พูดให้ชัด พูดให้ บ่อย ให้กลายเป็นคาขวัญประจาร้าน ให้ทุกหน้าร้านทาให้เหมือนๆกัน ทั้งนี้ขนมที่เป็น High light ต้องมี ขายในทุกร้านก็จะกลับเข้าสู่ปัญหาเรื่องข้อจากัดเรื่อง Life Cycle ของผลิตภัณฑ์อีกครั้ง ฉะนั้นถ้าอยาก ขายให้ได้มาก ต้องผลิตมากและกาจัดข้อจากัดดังกล่าวก่อน 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม: ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ : 1. set goal ก่อนว่าอยากขายเฉพาะอัมพวาพอแล้ว ไม่ได้อยากโตมากนัก หรือหากต้องการเป็น ร้านที่มีสาขาเยอะอย่างขนมบ้านอัยการ สิ่งที่ต้องทาคือ 2. ปรับปรุงคุณสมบัติของขนมให้เก็บนานขึ้น หรือ เพิ่มกาลังการผลิต อย่างเช่นมีสาขาที่เมือง ทอง ก็ไปทาโรงงานผลิ ตใกล้ๆเมืองทองเลย ให้สูตรไป หรือ อาจขายแฟรนไชน์แต่ต้องคอยควบคุม มาตราฐานไว้ด้วย 1-92


3.คิดราคารวมค่าทา Branding ไปด้วย 4.หาช่องทางจาหน่ายเพิ่ม เช่นขายให้โรงแรม ขยายสาขา ขายแฟรนไชน์ 5.หาช่องทางประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จัด เช่นใช้สื่อรายการทีวีช่วงพาเที่ยว โฆษณาใน นิตยสารการท่องเที่ยว และจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายบ้าง

1-93


ชื่อ-สกุล สุสินี ขนอม ชื่อเล่นเฟิร์น รหัส 5650127 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ : 1. เน้นการสร้างความแตกต่างในตัวของสินค้าบ้านขนมคุณยาย 2. การนาเสนอคุณค่าให้ลุกค้าเห็นว่าบ้านขนมคุณยายเป็นเจ้าแรกที่ผลิตขนมในอัมพวา 3.การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสาคัญ โดยการออกแบบโลโก้ใหม่ให้ง่ายต่อ การจดจา ทันสมัยมากขึ้น รวมทั้งแพคเกจของสินค้ า เพื่อให้ลูกค้าสามารถจดจาในตัวโลโก้และสินค้าได้ ง่ายขึ้น 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ : 1. เพิม่ ช่องทาง ในส่วนของ social network เช่น Facebook Fanpage , Website ให้ลูกค้า สามารถสอบถามตัวสินค้าได้ เพิ่มความสะดวกมากขึ้น ในการเข้าถึงหรือซื้อสินค้า

1-94


2. เพิ่มช่องทาง ในส่วนห้างสรรพสินค้าหรือ Partner ในการจาหน่ายสินค้าใน Modern Trade ต่างๆเพื่อให้มีช่องทางให้ลูกค้ามากขึ้น นอกจากที่ต้องเดินทางไปซื้อที่ร้านที่อัมพวา 3. แต่ก็ต้องเน้นหลังสาคัญคือ การพยายาม Communicate หรือสื่อสารกับลูกค้าในด้านที่เรา เป็นต้นตาหรับและรักษาความเป็นไทยส่วนนี้ไว้ 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ : 1.เน้นที่ควรเปลี่ยนโลโก้ หรือแบรนด์ ในแต่ละบรรจุภัณฑ์ของสินค้าให้เหมือนกัน เพื่อให้ ลูกค้าจดจาได้ว่าเป็น Brand ของทางร้าน 2. การประชาสัมพันธ์ โฆษณาในตลาดอัมพวาให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น อาจเลือกการชี้จุดขายของ สินค้าว่าเราเป็นขนมไทยที่มีความใส่ใจในเรื่องสุขภาพ สะอาดปลอดภัย ใส่ใจคุณภาพให้ลูกค้าเชื่อและ มั่นใจกับ Brand และสินค้าของทางร้าน 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากั ดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม: ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ : 1. เริ่มแรกทางร้านบ้านขนมคุณยาย ต้องทาโลโก้ที่ทาให้ Brand นั้นชัดเจน เป็นที่รู้จักเกิด การจดจา หรืออาจกล่าวได้ว่า สร้างแบรนด์ ให้เกิดความ แข็งแรงก่อนเพราะหากว่า Brand ไม่แข็งแรง แน่นอนว่าจะทาให้การสื่อสารกับลูกค้าและการจดจาของลูกค้านั้นทาได้ยากขึ้น 2.ต่อมาคือทาการสื่อสารกับตัวลูกค้า โดยการนาเสนอ คุณค่าและเรื่องราวของทางร้านให้กับ ลูกค้าได้เห็น และรู้จักทางร้านมากขึ้น 3.สร้างความโดดเด่นของร้านให้เกิดขึ้น โดยนาเสนอจุดขายว่าสินค้าทางร้านไม่ใส่สารกันบูดและ ดาเนินด้วยกรรมวิธีและสูตรแบบไทยดั้งเดิมโดยไม่เสียคุณค่าความเป็นไทย และยังดีต่อสุขภาพ 4.สุดท้ายเพิ่มช่องทางการโฆษณา เช่น สื่ อออนไลน์ ,Facebook , Website review อาหาร หรือขนมหวานเป็นต้น เพื่อให้คนได้รู้จักมากยิ่งขึ้น

1-95


ชื่อ-สกุล ญาณี จิรพัฒนานุกุล ชื่อเล่น โอ รหัส 5650023 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ : แนวคิดหรือวิธีในการสื่อสารนั้น ทางร้านควรจะสร้างแบรนด์ของร้านให้มีความแข็งแรง ร้าน ควรมีการออกแบบโลโก้หรือชื่อร้านที่มีความชัดเจนหรือแตกต่างจากร้านอื่นๆ เพื่อที่เมื่อลูกค้าพูดถึงแล้ว จะนึกถึงเรา หรือไม่เกิดความสับสนกับร้านขนมไทยอื่นๆ จากนั้นทางร้านจึงสื่อสารกับผู้บริโภคถึงคุณค่า ของแบรนด์ทางร้าน โดยอาจจะมีการประชาสัมพันธ์ร้านมากขึ้น อาจจะโดยอาศั ยทางเฟชบุคหรือเวป ไซด์ หรื ออาจทาแผ่ นโฆษณาแปะในตลาดอัมพวา เพื่อทาให้เวลานักท่องเที่ยวที่มานั้นสนใจแล้ว มา หาทางร้านได้ 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้ างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ : นอกจากการมีหน้าร้านแล้ว ทางร้านอาจขยายช่องทางการขายได้การมีเฟชบุค หรือมีเวปไซด์ เพื่อเป็นทั้งช่องทางในการขาย และยังเป็นช่องทางในการสื่อสารกับผู้บริโภคได้ด้วย ทางร้านสามารถมี การตกแต่งหรือทาให้หน้าเฟชบุคหรือเวปไซด์มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ ภาพลักษณ์ของร้านได้ร้าน

1-96


สามารถสื่อสารถึงคุณค่าของทางร้านให้แก่ผู้บริโภคทราบว่าร้านเน้นเรื่องคุณภาพของสินค้าและรสชาติ โดยการอัพเดทข้อมูลข่าวสารของทางร้านอยู่เสมอ 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ : ทางร้านควรมีแบบหรือโลโก้ให้มีความเหมือนกันในทุกสาขาก่อน อย่างตัวสติ้กเกอร์ที่แปะที่ห่อ ขนมนั้นก็เป็นช่องทางในสื่อสารกับผู้บริโภคได้ หรือหีบห่อขนมก็อาจจะทาให้มีลักษณะแตกต่างออกไป จากร้านขนมทั่วไปเพื่อสร้างความแตกต่างมากขึ้น นอกจากนั้นทางร้านควรสร้างคุณค่าของแบรนด์ทาง ร้านขึ้นมาก่อน หากทางร้านเน้นในเรื่องของรสชาติและคุณภาพแล้ว ก็ควรทาการตอกย้าในเรื่องนี้แล้ว พยายามสื่อสารออกไปให้ถึงผู้บริโภคมากขึ้น 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ : เนื่องด้วยทางร้านยังมีภาพของแบรนด์ที่ยังไม่ค่อยชัด จึงควรทาให้แบรนด์ชัดเจนก่อนอย่างที่ กล่าวมา แล้วก็สื่อสารถึงแบรนด์ทางร้านออกไป นอกจากนี้ในเรื่องของช่องทางการขาย ก็อาจเพิ่ม ช่องทางโดยการใช้สื่อออนไลน์ต่างๆ เช่น เฟชบุค ซึ่งไม่มีต้นทุนในการทานัก เป็น ได้ทั้งช่องทางในการ ขายและในการสื่อสารกับลูกค้าได้อีกด้วย และนอกนี้ทางร้านควรหา partner มากขึ้น เพื่อให้สามารถมี การขายเพิ่มมากขึ้นและเป็นทางช่วยประชาสัมพันธ์ทางร้านไปด้วย เช่น การออกอีเว้นท์ในงานที่มีความ เป็นไทย

1-97


ชื่อ-สกุล สุนันทา ศุภดิลกกุล ชื่อเล่น เบ็ญ รหัส 5650217 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ : คนเรามักจะจดจาสิ่งต่างๆด้วยภาพได้ง่าย ซึ่งสะท้อนได้ว่าสิ่งสาคัญที่แบรนด์ขนมบ้านคุณยาย ควรมีการทาให้แบรนด์มีภาพที่เป็นที่จดจาก่อน อาจจะด้วยโลโก้ รวมทั้งแพคเกจของขนม ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบ สี และลวดลายของแพคเกจที่บ่งบอกชัดเจนว่ากล่องแบบนี้ สีโทนนี้หรือลักษณะนี้คือ ขนมบ้าน คุณยาย และอาจจะเพราะการรู้จักแบรนด์แค่คนเพียงบางกลุ่มทาให้แบรนด์ไม่เป็นที่จดจาและนึกถึงของ คนทั่วๆไป จึงควรขยายความเป็นขนมบ้านคุณยายออกไปให้คนหลายๆกลุ่มรู้จักมากขึ้น อาจจะด้วยการ เพิ่มช่องทางการสื่อสาร เช่นทางอินเตอร์เน็ตโดยการมีเว็บไซต์ของตัวเอง ใช้สื่อบนเฟลบุ๊ค ร่วมเป็น ผู้สนับสนุนของเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับอาหารบ้าง ขนมโดยเฉพาะบ้าง และเว็บไซต์ท่องเที่ยว ซึ่งหาก แบรนด์ต้องการสร้างเอกลักษณ์ที่ชัดเจนว่าแบรนด์เป็นขนมที่มีคุณภาพ และความอร่อยระดับพรีเมี่ยม การเลือกช่องทางก็เป็นสิ่งสาคัญ อย่างเช่นการพาตัวเองลงในเว็บไซต์ด้านอาหารก็ควรเลือกเว็บไซต์ที่จะ มีผู้เข้าชมที่จะเป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ได้ รวมทั้งการไปออกแฟร์ด้านอาหาร ด้านท่องเที่ยวหรือ ร้านโรงแรม เพื่อให้แบรนด์เป็นที่จดจาและรู้จักมากขึ้น 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้

1-98


คาตอบ : อย่างที่กล่าวจากข้อแรกเรื่องของการเปิดแบรนด์ในโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งจะเป็นช่องทางใน การสั่งซื้อ และขนมบ้านคุณยายสามารถเพิ่งทางในการจาหน่ายได้โดยการไปร่วมออกงานแฟร์ต่างๆ อย่างเช่นงานที่เกี่ยวข้องกับขนม อาหาร ท่องเที่ยว หรืองานด้านวัฒนธรรมไทย รวมทั้งการวางจาหน่าย ในห้ างสรรพสิ น ค้า ที่จ ะสื่ อ ภาพลั กษณ์ การเป้ นขนมพรีเ มี่ยมของแบรนด์ไ ด้ รวมทั้งการใช้พื้ น ที่ ว าง จาหน่ายในโรงแรมใหญ่ๆ เพื่อให้ได้เป็นทั้งของฝาก ของขวัญ ที่มาจากโรงแรมระดับคุณภาพ ที่จะช่วย เสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ดีอีกด้วย. อีกทั้งอาจจะเป็นช่องทางให้ขนมบ้านคุณยายได้กลายเป็นขนม ที่จัดเป็นอาหารในโรงแรมสาหรับเสริฟในงานพิธีหรือการประชุมต่างๆได้ เพื่อ ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักใน หลายๆกลุ่ม เป็นขนมที่ทานได้หลายๆโอกาส เพื่อเพิ่มช่องทางจาหน่ายให้กว้างขึ้น 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ : แบรนด์ควรสร้างภาพลักษณ์ความเป็นขนมพรีเมี่ยมที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนมากขึ้น โลโก้และ แพคเกจที่ดูดี น่าหยิบจับหรือถือ จะช่วยส่งเสริมให้แบรนด์ดูมีความเป็นคุณภาพและมาตราฐานมากขึ้น ทั้งในเรื่องคุณภาพ ความสวยงาม ความสะอาดและความเหมาะสม ช่องทางการสื่อสาร หรือการโฆษณา กับลูกค้าก็เป็นสิ่งสาคัญที่แบรนด์ควรใส่ใจในรายละเอียด และเลือกใช้ช่องทางดังกล่าว เลือกช่องทางที่มี ส่ว นช่ว ยส่ งเสริ มภาพลักษ์ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นสื่ อ เว็บไซต์ หรืองานแฟร์ หรือสถานที่การวาง จาหน่ายอื่นๆ ที่จะรักษาภาพลักษ์ขนมคุณภาพของแบรนด์เอาไว้ได้ 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ : ทางร้านควรให้ความสาคัญกับการสร้างเอกลักษณ์กับภาพลักษณ์ของแบรนด์ในส่วนที​ีจะ สื่อสารได้ง่ายก่อน อย่างที่กล่าวไปแล้ วว่าภาพ สี และรูปร่างในการสัมผัสนั้นช่วยให้ คนจดจาได้ง่าย ดังนั้นแบรนด์ควรให้ความสาคัญกับการแก้ไขปรับปรุงในส่วนของโลโก้และแพคเกจที่เลือกใช้ หลังจาก นั้นจึงควรจัดการกับระบบการทางานและสื่อสาร ภายในแบรนด์เองให้ได้คุณภาพมากขึ้น ให้การวาง จาหน่ายในแต่ละที่ แต่ละสาขามีคุณภาพและมาตรฐานที่เหมือนกัน เพื่อให้ได้เป็นผลประโยชน์ในการ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ด้วย และการจัดการระบบที่ดีถึงจะเป็นการลงทุนที่ใหญ่หน่อยแต่จะช่วย ประหยัดในเรื่องของต้านทุนในส่วนต่างๆได้ ทั้งยังช่วยให้การทางานต่างๆนั้นประหยัดเวลามากขึ้น เป็น การลงทุนครั้งเดียวที่ได้ประโยชน์ในหลายๆด้านและระยะยาว หลังจากนั้นแบรนด์ควรให้ความสาคัญกับ การเพิ่มช่องทางการสื่อสาร และการจัดจาหน่ายเพื่ อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการของลูกค้า มากขึ้น

1-99


ชื่อ-สกุล สิริเชษฐ์ พายนต์รัตน์ ชื่อเล่น ราช รหัส 5650034 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ : วิธีการที่ทางร้านควรจะสื่อสารและมีความจาเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้าง Brand เป็นที่รู้จักก่อน และเมื่อเป็นที่รู้จักแล้วก็จ ะสามารถขยายฐานของลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้นได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งเมื่อลองค้นหา Brand ร้านขนมคุณยายจากอินเตอร์เน็ตนั้น ก็มีร้าน “ขนมคุณยาย” ที่มีคนใช้เป็นชื่อ Brand ซ้ากัน จานวนมากจึงทาให้ไม่มีเอกลักษณ์ หรือจุดเด่นให้น่าจดจา ดังนั้นทางร้านควร Rebrand หรือ Rebrand และเพิ่มจุดแตกต่างนิดหน่อย โดยใช้จุดแข็งของร้านมาเป็นจุดขาย และใช้สถานที่ตั้งที่แรกมาเป็นการ สร้างจุดแตกต่างระหว่างขนมคุณยายอื่นๆ เช่น ขนมของเค้ามีคุณภาพใช้วัสดุที่ดี ทามาจากไข่แดงเป็น หลัก เป็นขนมไทยที่มีน้าตาลน้อยเหมาะสาหรับคนรักษาสุขภาพ รวมถึงการปรับเปลี่ยน Package ที่มี ความแตกต่างหรือที่เป็นที่จดจาเมื่อผู้รับได้รับเป็นของฝาก หลังจากที่ Rebrand แล้วเราก็ค่อยสื่อสารไปยังลูกค้า ซึ่งการสื่อสาร brand นั้นก็มีหลากหลาย วิธี เช่น การทาการตลาดผ่านทาง Social media ซึ่งเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพและประหยัดที่สุด สาหรับการสื่อสาร เพื่อทาการสื่อสารกระจายข้อมูลข่าวสารต่างๆ ออกไป และยังเป็นช่องทางในการโป รโมทสินค้า ร้านค้า รวมถึงอาจจะเป็นการนารูปลูกค้าที่มาเยี่ยมเยือนร้านมาแชร์ ซึ่งอาจจะเป็นดาราที่ เข้ามาซื้อสินค้า ก็เป็นการทาการตลาดไปได้ในตัว 1-100


- ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่อัมพวา แนะนาร้านขนมคุณยาย เวลานักท่องเที่ยว ที่เค้าจะไปเที่ยวเค้ามักจะหาข้อมูลการท่องเที่ยวก่อน และเมื่อไปอัมพวาร้านไหนที่ไม่ควรพลาด(ร้าน ขนมของเรา) และควรจะมีป้ายแนะนาร้านค้าแสดงถึงต่าแหน่งที่ชัดเจนของร้านเพื่อไม่ให้เกิดความ สับสนได้ - สร้างภาพลักษณ์ที่สามารถทาให้คนจดจาร้านเราได้ ต้องหาจุดเด่นที่ทาให้ลูกค้าสนใจ เช่น มี การสาธิตการทาขนมหน้าร้าน เนื่องจากมองว่าขนมไทยเป็นสินค้าที่คนไม่ได้ซื้อรับประทานประจา ส่วน ใหญ่เป็นลูกค้าขาจรซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ดังนั้นสาหรับนักท่องเที่ยวแล้วเค้า อยากไปดูสิ่งที่แปลกใหม่ (สังเกตจากที่นักศึกษาชาวต่างชาติที่มาเยี่ยมชมในงาน) 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ : เนื่องจากสินค้าของร้านมีความตั้งใจที่จะทาขนมเพื่อสุขภาพจึงมีจุดขายว่าไม่ใส่สารกันเสีย สด ใหม่ เก็บได้ 7 วันเท่านั้น ทาให้เป็นอุปสรรคที่จะขยายตลาด ดังนั้นทางร้านเองต้องมี innovation ที่ทา ให้สินค้ามีคุณภาพเหมือนเดิม แต่สามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น อย่ างเช่น วิธีรักษาอาหารแบบแช่แข็งที่ สามารถรักษาอาหารไม่ให้เสียได้นาน แต่ก็ต้องมีการคิดค้นว่าจะทาอย่างไรเมื่ออุ่นแล้วจะทาให้ขนมมี รสชาติเหมือนของที่ไม่ได้แช่แข็ง และจากนั้นถึงจะมามองเรื่องการขยายช่องทางการขาย เช่น เพิ่มสาขาของร้านขนมคุณยาย, เพิ่มการขายแบบ B2B ซึ่งเป็นการทาธุรกิจระหว่างบริษัทกับบริษัท , เพิ่มการขาย B2C ออกบูทใน มหกรรมสินค้าต่างๆ มากขึ้นและการฝากขายตามสิ้นค้า OTOP ในภูมิภาคที่สามารถบริหารจัดการได้ สะดวก เป็นต้น 3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ : การสร้าง brand ควรจะสร้างจากจุดขายของทางร้าน สิ่งที่สร้างภาพลักษณ์และสร้างการ จดจาได้มากก็คือ Logo และ Packaging ดังนั้นทางร้านจึงควรออกแบบ Logo และ Packaging ของ ขนมคุณยายใหม่ ตามสิ่งที่ขนมคุณยายได้วางต่าแหน่งและคุณค่าของตัวเองไว้ในระดับ Premium และ อาจจะต้องมีการเปลี่ยนชื่อร้านใหม่ ที่มีความทันสมัยมากขึ้น มีจุดเด่น ได้ยินแล้วรู้สึกน่าสนใจ เพราะคา ว่า “ขนมคุณยาย” เป็นชื่อที่คนนามาใช้เป็นชื่อร้านมากมาย จึงทาให้ไม่มีจุดแตกต่าง ซึ่งก่อให้เกิดการ

1-101


สื่อสารที่คลาดเคลื่อนได้ โดยการเพิ่มชื่อที่บ่งบอกความเป็นตัวเองเข้าไปในชื่อร้านอย่างเช่น ขนมคุณยาย ...ไทยเดิม @ อัมพวา เป็นต้น 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่ งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ : ต้องถามตัวผู้ประกอบการเองว่าให้ความสาคัญกับส่วนไหนเป็นสิ่งแรก งบประมาณเป็นจานวน เงินเท่าไร ปัญหาที่มีอยู่ ณ ขณะนี้ แล้วดาเนินการแก้ไขตรงนั้นก่อน เมื่อวิเคราะห์สถานการณ์ของร้าน ขนมคุณยายจึงประมาณการณ์ว่าทางร้านควรสร้าง Brand ใหม่ก่อน เพราะ Brand เป็นสิ่งแรกลูกค้า สามารถสัมผัสและเห็นตัวตนของเราได้ชัดเจน ตัว Brand โดยสร้างภาพลักษณ์และสร้างการจดจาผ่าน Logo และ Packaging ต่างๆ ในเวลาเดียวกันก็เน้นการสื่อสารออกไปยังลูกค้าผ่านช่องทาง Social network ที่สามารถเข้าไปใช้บริการฟรีเป็นอันดับแรก และค่อยๆ ขยายไปช่องทางอื่นเมื่อต้องการขยาย ฐานลูกค้า

1-102


ชื่อ-สกุล ไกรวิชญ์ คาภู่ ชื่อเล่น นิค รหัส 5650020 1. ในปัจจุบันสินค้าของขนมคุณยายเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม และยังไม่เป็นที่กล่าวถึงและจดจามากนัก และความเป็นเอกลักษณ์ของ Brand ยังไม่เด่นชัด คาถาม : ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการ จะมีแนวคิดหรือวิธีในการสื่อสาร Brand กับผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้ทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาตอบ :การสื่อสารBrandอันดับแรกจาเป็นต้องเข้าใจคาแรคเตอร์ของแบรนด์ตนเองว่าเป็นอย่างไรก่อน จากนั้นมาคิด Logoหรือการทา Package ไปในทางเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดให้มีเอกภาพ และ รักษาCharacterตัวเองไว้ให้ได้ / เนื่องจากร้านขนมคุณยายกลุ่มลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์เป็ นนักท่องเที่ยว ภายในอัมพวา และมีหน้าร้านถึง 3 สาขา แต่ไม่มีแผนที่หรือป้ายบอกทาวเลย จึงควรทาป้ายกองโจร หรือ ธงไวนีล เป็น Route ของบ้านขนมคุณยายว่ามีจุดใดบ้าง 2. ในปัจจุบันช่องทางการขาย ของร้านมาจากการขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว คาถาม : ในฐานะผู้ประกอบการท่านมีวิธีจะขยายช่องทางการขายด้วยวิธีใดบ้างและอย่างไร โดยที่ยังคง รักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ คาตอบ : ทาการตลาด Online เพราะมีทั้งสินค้าสด และสินค้าที่เก็บได้เป็นเดือนๆ ดังนั้นช่องทางนี้ควร มองเป็นอันดับต้นๆ ค่าใช้จ่ายน้อย / เนื่องจากผู้ประกอบการเอยออก Event จัดบูทตามห้างฯ แล้วไม่ คุ้มค่ากับการขนส่งและเดินทาง ดังนั้นจึงควรดูที่งบประมาณตนเองว่าพร้อมที่จะเปิดสายการผลิต หรือ ขยายหน้าร้านซึ่งจาเป็นต้องมีค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในความคิดเห็นส่วนตัว ข้าพเจ้าคิดว่าการทา Partnerเป็นสิ่งที่ดีเพื่อฝากขายโดยมีการทาการตลาดก่อน เพื่อกระตุ้น Demand ให้ติดเพราะขนมไทย เป็นสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าตาม Trend แต่ขนมคุณยายชูจุดขายที่ว่า "หวานน้อย" จึงสามารถนาเป็นจุดขาย ได้

1-103


3. ในปัจจุบันสินค้าที่วางขายในแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน และbrand ยังไม่เป็นที่จดจาของลูกค้า คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะสร้างbrandอย่างไร ให้มีความแข็งแกร่ง และผู้คนจดจาได้ คาตอบ :สื่อสารให้ลูกค้าจดจาได้ดี โดยตามข้อ 1. คือ Logo + Character + Package และเสริมคือ มี การสร้าง Story ของขนมคุณยาย เนื่องจากเป็นสูตรเฉพาะที่คุณยายคิดเอง และมีการผ่านรุ่นลูก หลาน มาหลาย Generation และเป็นร้านเพื้นเพคนอัมพวาอยู่แล้วด้วย จึงมีเรื่องให่เล่าถึงคุณค่า ความ เก่าแก่ และเพิ่มความน่าเชื่อถือ 4. เนื่องจากทางร้านมีงบประมาณ และเวลาที่จากัดทาให้จาเป็นต้องจัดลาดับความสาคัญของสิ่งที่ควร จะทา เพื่อให้สามารถไปถึงGoalที่ตั้งไว้ได้ คาถาม : ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ ท่านคิดว่าทางร้านควรจะทาอะไรบ้าง และควรทาอะไรก่อน อะไร หลังอย่างไร คาตอบ :หากจะทาเพื่อเติบโต อันดับแรก ทางร้านควรจะมีการทาบัญชี รายรับรายจ่าย ต้นทุน ค่าวัสดุ กล่อง เพื่อเป็นการ Forecast ในแต่ละเดือนได้ / จากนั้นทา Logo ตามที่ได้กล่าวไว้ / Communicate ให้ลูกค้าทราบโดยขณะนี้มี Facebook แล้ว แต่ยังไม่เกิดประโยชน์มากนัก ควรทาให้ละเอียดมีแบบแผน หรืออาจทาลักษณะ website ที่เป็น E-Commerce ไปเลย / หากกรณีจะขยายกิจการ หรือส่งออก ต้องดูที่ Budget และ สารวจ Demand ก่อนว่ามีหรือไม่ และคุ้มที่จะดาเนินกิจการส่งออกหรือไม่

1-104


1-105


1-106


1-107


Marketing conference EI / 16A / Group3

1-108


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.