
3 minute read
Exness vs Fxpro เทียบกันชัด ๆ โบรกไหนดีกว่ากัน
from Exness
by Exness_Blog
การเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องพิจารณา ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์มือใหม่หรือมืออาชีพที่มีประสบการณ์ การตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ เงื่อนไขการเทรดที่เหมาะสม และการสนับสนุนลูกค้าที่ดีจะส่งผลต่อความสำเร็จในการเทรดของคุณ ในบทความนี้ เราจะเปรียบเทียบสองโบรกเกอร์ยอดนิยมในวงการฟอเร็กซ์อย่าง Exness vs FxPro เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์ไทยตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยเราจะวิเคราะห์ในด้านต่าง ๆ เช่น ความน่าเชื่อถือ, แพลตฟอร์มการเทรด, ค่าสเปรด, ค่าธรรมเนียม, การฝาก-ถอนเงิน, และการสนับสนุนลูกค้า เพื่อให้คุณได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นประโยชน์

1. ภาพรวมของ Exness และ FxPro
Exness
Exness เป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 และเติบโตอย่างรวดเร็วในฐานะหนึ่งในโบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลก โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ไซปรัสและได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่มีชื่อเสียง เช่น FCA (สหราชอาณาจักร), CySEC (ไซปรัส), และ FSA (เซเชลส์) Exness มีจุดเด่นในเรื่องค่าสเปรดที่ต่ำมาก, การดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็ว, และการฝาก-ถอนเงินที่สะดวกสบาย โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ในประเทศไทยที่สามารถใช้ช่องทางการชำระเงินท้องถิ่นได้
Exness ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเทรด ด้วยบัญชีหลายประเภท เช่น Standard, Pro, Raw Spread และ Zero ซึ่งเหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์รายย่อยและเทรดเดอร์ที่มีปริมาณการเทรดสูง นอกจากนี้ Exness ยังมีเลเวอเรจที่สูงถึง 1:ไม่จำกัด ซึ่งเป็นจุดดึงดูดสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
FxPro
FxPro เป็นอีกหนึ่งโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยก่อตั้งในปี 2006 และมีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร FxPro ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียง เช่น FCA, CySEC, และ SCB (บาฮามาส) โบรกเกอร์นี้มีชื่อเสียงในด้านความโปร่งใสและการให้บริการที่ครอบคลุม โดยเฉพาะการเข้าถึงแพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลาย เช่น MT4, MT5, cTrader และ FxPro Edge
FxPro เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและต้องการเครื่องมือการเทรดที่ทันสมัย นอกจากนี้ FxPro ยังมีบัญชีหลากหลายประเภทที่ตอบสนองความต้องการของเทรดเดอร์ทุกระดับ และมีค่าสเปรดที่แข่งขันได้ในตลาด
2. ความน่าเชื่อถือและการกำกับดูแล
เมื่อพูดถึงการเลือกโบรกเกอร์ ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ทั้ง Exness และ FxPro มีความน่าเชื่อถือในระดับสูง เนื่องจากได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่มีมาตรฐานสากล
· Exness: ได้รับใบอนุญาตจาก FCA, CySEC, และ FSA ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เข้มงวดในเรื่องความปลอดภัยของเงินทุนลูกค้า Exness มีการแยกเงินของลูกค้าออกจากเงินของบริษัท และมีการตรวจสอบบัญชีอย่างสม่ำเสมอเพื่อความโปร่งใส นอกจากนี้ Exness ยังมีประวัติการดำเนินงานที่ยาวนานและมีปริมาณการเทรดต่อเดือนสูงถึงหลายล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงถึงความมั่นคงของโบรกเกอร์
· FxPro: ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA, CySEC, และ SCB ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าเงินของลูกค้าจะได้รับการปกป้อง FxPro มีนโยบายการปกป้องยอดคงเหลือติดลบ (Negative Balance Protection) ซึ่งช่วยป้องกันเทรดเดอร์จากการขาดทุนเกินกว่ายอดเงินในบัญชี นอกจากนี้ FxPro ยังมีชื่อเสียงในด้านการให้ข้อมูลที่โปร่งใสเกี่ยวกับเงื่อนไขการเทรด
สรุป: ทั้งสองโบรกเกอร์มีความน่าเชื่อถือสูงและได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียง หากคุณให้ความสำคัญกับความมั่นคงและการปกป้องเงินทุน ทั้ง Exness และ FxPro ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม
3. แพลตฟอร์มการเทรด
แพลตฟอร์มการเทรดเป็นเครื่องมือสำคัญที่เทรดเดอร์ใช้ในการวิเคราะห์และดำเนินการซื้อขาย ดังนั้นการเปรียบเทียบแพลตฟอร์มของทั้งสองโบรกเกอร์จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
· Exness: รองรับแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) รวมถึงแอปพลิเคชัน Exness Trade ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย Exness เอง แพลตฟอร์มเหล่านี้ใช้งานง่ายและเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ Exness ยังมีเครื่องมือวิเคราะห์ในตัว เช่น ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคและกราฟที่ปรับแต่งได้
· FxPro: มีตัวเลือกแพลตฟอร์มที่หลากหลายกว่า โดยรองรับ MT4, MT5, cTrader และ FxPro Edge ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นเอง cTrader เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ที่ต้องการการดำเนินการคำสั่งแบบ ECN (Electronic Communication Network) ซึ่งให้ความรวดเร็วและโปร่งใส ส่วน FxPro Edge เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายผ่านเว็บเบราว์เซอร์
สรุป: หากคุณต้องการแพลตฟอร์มที่หลากหลายและมีตัวเลือกอย่าง cTrader, FxPro จะได้เปรียบ แต่หากคุณชอบความเรียบง่ายและการใช้งาน MT4/MT5 ที่มีประสิทธิภาพ Exness ก็เป็นตัวเลือกที่ดี
4. ค่าสเปรดและค่าธรรมเนียม
ค่าสเปรดและค่าธรรมเนียมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อต้นทุนการเทรด โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดบ่อยหรือใช้กลยุทธ์ Scalping
· Exness: มีชื่อเสียงในเรื่องค่าสเปรดที่ต่ำมาก โดยเฉพาะในบัญชี Raw Spread และ Zero ซึ่งมีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip ในบางคู่สกุลเงินหลัก อย่างไรก็ตาม บัญชีเหล่านี้จะมีค่าคอมมิชชันต่อล็อต ส่วนบัญชี Standard มีสเปรดที่สูงกว่าเล็กน้อย (เริ่มต้นที่ 0.3 pip) แต่ไม่มีค่าคอมมิชชัน ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่
· FxPro: มีค่าสเปรดที่แข่งขันได้ โดยในบัญชี MT4/MT5 สเปรดเริ่มต้นที่ประมาณ 1.2 pip ในคู่สกุลเงินหลัก ส่วนบัญชี cTrader มีสเปรดที่ต่ำกว่า (เริ่มต้นที่ 0.3 pip) พร้อมค่าคอมมิชชัน FxPro ยังมีบัญชี Fixed Spread สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความแน่นอนในค่าสเปรด
สรุป: Exness มีข้อได้เปรียบในเรื่องค่าสเปรดที่ต่ำมากในบัญชี Raw Spread และ Zero ซึ่งเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดบ่อย ส่วน FxPro เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการสเปรดคงที่หรือใช้ cTrader

5. การฝาก-ถอนเงิน
การฝากและถอนเงินที่รวดเร็วและสะดวกสบายเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ไทยให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการรองรับช่องทางการชำระเงินท้องถิ่น
· Exness: มีระบบการฝาก-ถอนที่รวดเร็วและรองรับช่องทางที่หลากหลาย เช่น การโอนเงินผ่านธนาคารในประเทศไทย, QR Code, Internet Banking และ e-wallet เช่น Skrill และ Neteller Exness ยังมีจุดเด่นในเรื่องการถอนเงินที่รวดเร็ว โดยมักจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีถึงไม่กี่ชั่วโมง
· FxPro: รองรับการฝาก-ถอนผ่านช่องทางสากล เช่น การโอนเงินผ่านธนาคาร, บัตรเครดิต/เดบิต, และ e-wallet เช่น Skrill, Neteller และ PayPal อย่างไรก็ตาม FxPro อาจใช้เวลาในการดำเนินการถอนเงินนานกว่า Exness เล็กน้อย (1-3 วันทำการ)
สรุป: Exness ได้เปรียบในเรื่องความเร็วและความสะดวกในการฝาก-ถอน โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ไทยที่ต้องการใช้ช่องทางท้องถิ่น ส่วน FxPro เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตัวเลือก e-wallet ระดับสากล
6. การสนับสนุนลูกค้า
การสนับสนุนลูกค้าที่ดีเป็นสิ่งสำคัญเมื่อเทรดเดอร์เผชิญปัญหาหรือมีคำถามเกี่ยวกับการเทรด
· Exness: มีทีมสนับสนุนลูกค้าที่ให้บริการตลอด 24/7 ผ่านแชทสด, อีเมล และโทรศัพท์ โดยมีทีมงานที่พูดภาษาไทย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำหรับเทรดเดอร์ในประเทศไทย
· FxPro: มีการสนับสนุนลูกค้าตลอด 24/5 ผ่านแชทสด, อีเมล และโทรศัพท์ แม้ว่าจะมีทีมงานที่พูดภาษาไทย แต่การตอบสนองอาจช้ากว่า Exness เล็กน้อยในบางกรณี
สรุป: Exness มีข้อได้เปรียบในเรื่องการสนับสนุนภาษาไทยและความรวดเร็วในการตอบสนอง ส่วน FxPro เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ไม่ต้องการการสนับสนุนนอกเวลาทำการ
7. ข้อดีและข้อเสียของ Exness และ FxPro
Exness
ข้อดี:
· ค่าสเปรดต่ำและเลเวอเรจสูง (1:ไม่จำกัด)
· การฝาก-ถอนรวดเร็วและรองรับช่องทางท้องถิ่น
· การสนับสนุนลูกค้าตลอด 24/7 พร้อมทีมงานภาษาไทย
· บัญชีหลากหลายเหมาะสำหรับทุกประเภทเทรดเดอร์
ข้อเสีย:
· แพลตฟอร์มจำกัดที่ MT4, MT5 และ Exness Trade
· เลเวอเรจสูงอาจมีความเสี่ยงสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่
FxPro
ข้อดี:
· รองรับแพลตฟอร์มหลากหลาย (MT4, MT5, cTrader, FxPro Edge)
· มีบัญชี Fixed Spread สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความแน่นอน
· การปกป้องยอดคงเหลือติดลบ
· เครื่องมือวิเคราะห์ที่ทันสมัย
ข้อเสีย:
· การฝาก-ถอนอาจช้ากว่า Exness
· ค่าสเปรดในบางบัญชีสูงกว่า Exness
8. ควรเลือกโบรกเกอร์ใด?
การเลือกระหว่าง Exness และ FxPro ขึ้นอยู่กับความต้องการและสไตล์การเทรดของคุณ:
เลือก Exness หาก:
· คุณเป็นเทรดเดอร์ที่ต้องการค่าสเปรดต่ำและเลเวอเรจสูง
· คุณให้ความสำคัญกับการฝาก-ถอนที่รวดเร็วและช่องทางท้องถิ่น
· คุณต้องการการสนับสนุนภาษาไทยตลอด 24/7
เลือก FxPro หาก:
· คุณต้องการแพลตฟอร์มที่หลากหลาย เช่น cTrader หรือ FxPro Edge
· คุณชอบบัญชี Fixed Spread หรือต้องการเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง
· คุณเน้นความโปร่งใสและการปกป้องยอดคงเหลือติดลบ
สรุป
ทั้ง Exness และ FxPro เป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีคุณภาพและได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย Exness เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความยืดหยุ่น ค่าสเปรดต่ำ และการฝาก-ถอนที่รวดเร็ว ส่วน FxPro เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการแพลตฟอร์มที่หลากหลายและเครื่องมือวิเคราะห์ที่ทันสมัย การตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ควรพิจารณาจากเป้าหมายการเทรด กลยุทธ์ และความต้องการส่วนตัวของคุณ
อ่านเพิ่มเติม: