
4 minute read
Exness vs HFM เทียบกันชัด ๆ โบรกไหนดีกว่ากัน
from Exness
by Exness_Blog
การเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่เหมาะสมเปรียบเสมือนการเลือกคู่หูในการเดินทางสู่ความสำเร็จทางการเงิน ด้วยตัวเลือกมากมายในตลาด โบรกเกอร์สองรายที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเทรดชาวไทยคือ Exness vs HFM (เดิมชื่อ HotForex) ซึ่งทั้งคู่มีจุดเด่นและข้อเสนอที่แตกต่างกัน บทความนี้จะเปรียบเทียบ Exness และ HFM อย่างละเอียดในทุกแง่มุม ตั้งแต่ความน่าเชื่อถือ ค่าธรรมเนียม แพลตฟอร์มการซื้อขาย ผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการ การฝากถอนเงิน ไปจนถึงการสนับสนุนลูกค้า เพื่อช่วยคุณตัดสินใจว่าโบรกเกอร์ใดเหมาะกับสไตล์การเทรดและเป้าหมายทางการเงินของคุณมากที่สุด

1. ภาพรวมของ Exness และ HFM
Exness
Exness ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 มีสำนักงานใหญ่ในเมืองลิมาสซอล ประเทศไซปรัส และเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลกที่มีปริมาณการซื้อขายสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนในปี 2024 Exness ได้รับการยอมรับในด้านสเปรดที่ต่ำ การถอนเงินที่รวดเร็ว และความโปร่งใสในการดำเนินงาน โบรกเกอร์นี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่มีชื่อเสียง เช่น FCA (สหราชอาณาจักร), CySEC (ไซปรัส), FSCA (แอฟริกาใต้), และ FSA (เซเชลส์) ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยของเงินทุนและการปฏิบัติตามกฎระเบียบสากล
Exness มีฐานลูกค้าทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียและแอฟริกา และมุ่งเน้นการให้บริการที่เหมาะกับทั้งนักเทรดมือใหม่และมืออาชีพ ด้วยบัญชีหลากหลายประเภท เช่น Standard, Pro, Raw Spread และ Zero
HFM (HotForex)
HFM หรือ HotForex ก่อตั้งในปี 2010 มีสำนักงานใหญ่ในมอริเชียส และได้รับความนิยมจากนักเทรดทั่วโลกด้วยการนำเสนอเครื่องมือการซื้อขายที่หลากหลายและโปรโมชั่นที่น่าสนใจ HFM อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานชั้นนำ เช่น FCA, CySEC, FSC (มอริเชียส), และ DFSA (ดูไบ) โบรกเกอร์นี้มีจุดเด่นในด้านโบนัส เช่น โบนัสเงินฝาก และโปรแกรมความภักดีสำหรับลูกค้าประจำ
HFM มีบัญชีหลากหลายประเภท เช่น Micro, Premium, Zero Spread และ Auto ซึ่งตอบโจทย์ทั้งนักเทรดรายย่อยและนักลงทุนที่มีประสบการณ์
สรุปภาพรวม
Exness มีอายุการก่อตั้งที่ยาวนานกว่าและมีปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่า ซึ่งแสดงถึงความมั่นคงและความน่าเชื่อถือ ส่วน HFM โดดเด่นในด้านโปรโมชั่นและการให้บริการที่ยืดหยุ่นสำหรับนักเทรดทุกระดับ
2. ความน่าเชื่อถือและการกำกับดูแล
Exness
· ใบอนุญาตและการกำกับดูแล: Exness ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่มีชื่อเสียง เช่น FCA, CySEC, FSCA และ FSA ซึ่งเป็นการรับประกันว่าบริษัทปฏิบัติตามมาตรฐานสากล
· ความปลอดภัยของเงินทุน: Exness ใช้การแยกบัญชี (Segregated Accounts) เพื่อเก็บเงินของลูกค้าแยกจากเงินของบริษัท และมีนโยบายชดเชยเงินลงทุนในบางเขตอำนาจศาล เช่น ผ่าน Financial Services Compensation Scheme (FSCS) ในสหราชอาณาจักร
· ชื่อเสียงในวงการ: Exness ได้รับรางวัลมากมาย เช่น รางวัล “Best Global Forex Broker” จาก Global Forex Awards และรางวัลจาก World Finance ในด้านความโปร่งใสและนวัตกรรม
HFM
· ใบอนุญาตและการกำกับดูแล: HFM ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA, CySEC, FSC และ DFSA ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีมาตรฐานสูงเช่นกัน
· ความปลอดภัยของเงินทุน: HFM มีการแยกบัญชีและให้ความคุ้มครองเงินฝากของลูกค้าผ่านประกันภัยสูงถึง 5 ล้านยูโรในบางเงื่อนไข ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สำคัญ
· ชื่อเสียงในวงการ: HFM ได้รับรางวัลมากมาย เช่น “Best Forex Broker in Asia” จาก AtoZ Markets และรางวัลจาก European CEO Awards ในด้านการให้บริการที่เป็นเลิศ
สรุป
ทั้ง Exness และ HFM มีความน่าเชื่อถือสูงและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียง Exness ได้เปรียบในด้านปริมาณการซื้อขายและชื่อเสียงที่ยาวนาน ส่วน HFM มีจุดเด่นในเรื่องประกันเงินฝากที่ครอบคลุม ซึ่งอาจดึงดูดนักเทรดที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเงินทุน
3. ค่าธรรมเนียมและสเปรด
Exness
· สเปรด: Exness มีสเปรดที่แข่งขันได้ โดยเริ่มต้นที่ 0.0 pip ในบัญชี Raw Spread และ Zero ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดที่เน้นต้นทุนต่ำ สำหรับบัญชี Standard สเปรดเริ่มต้นที่ประมาณ 0.3 pip สำหรับคู่สกุลเงินหลัก
· ค่าคอมมิชชั่น: บัญชี Raw Spread และ Zero มีค่าคอมมิชชั่นประมาณ 3.5 USD ต่อล็อตต่อด้าน แต่บัญชี Standard ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
· Swap: Exness มีบัญชี Swap-Free สำหรับนักเทรดที่ต้องการหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยข้ามคืน ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดชาวมุสลิมหรือผู้ที่เทรดในระยะยาว
· ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ: Exness ไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากหรือถอนเงิน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำหรับนักเทรดที่ทำธุรกรรมบ่อย
HFM
· สเปรด: HFM มีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip ในบัญชี Zero Spread แต่ในบัญชี Premium หรือ Micro สเปรดอาจสูงกว่า Exness เล็กน้อย (เริ่มต้นที่ 1.0 pip)
· ค่าคอมมิชชั่น: บัญชี Zero Spread มีค่าคอมมิชชั่น 3 USD ต่อล็อตต่อด้าน ซึ่งต่ำกว่า Exness เล็กน้อย แต่บัญชีอื่น ๆ เช่น Premium ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
· Swap: HFM มีบัญชี Swap-Free เช่นกัน แต่เงื่อนไขอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาคและประเภทบัญชี
· ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ: HFM มีค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งานบัญชี (Inactivity Fee) 5 USD ต่อเดือน หากบัญชีไม่มีการเคลื่อนไหวเกิน 6 เดือน ซึ่งอาจเป็นข้อเสียสำหรับนักเทรดที่ไม่ได้เทรดสม่ำเสมอ
สรุป
Exness มีข้อได้เปรียบในด้านสเปรดที่ต่ำและไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากถอน ทำให้เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการลดต้นทุน HFM มีสเปรดที่แข่งขันได้ในบัญชี Zero Spread และค่าคอมมิชชั่นที่ต่ำกว่าเล็กน้อย แต่ค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งานอาจเป็นข้อพิจารณาสำหรับบางคน
4. แพลตฟอร์มการซื้อขาย
Exness
· แพลตฟอร์มที่รองรับ: Exness รองรับ MetaTrader 4 (MT4), MetaTrader 5 (MT5) และ Exness Terminal ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นเอง รองรับการใช้งานทั้งบนเดสก์ท็อป มือถือ และเว็บ
· ความสะดวก: Exness Terminal มีอินเทอร์เฟซที่ทันสมัยและใช้งานง่าย เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการความรวดเร็วและความยืดหยุ่น
· เครื่องมือวิเคราะห์: มีเครื่องมือวิเคราะห์ในตัว เช่น Trading Central, ข่าวสารการเงินแบบเรียลไทม์ และปฏิทินเศรษฐกิจ

HFM
· แพลตฟอร์มที่รองรับ: HFM รองรับ MT4, MT5 และ HFM Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นเอง
· ความสะดวก: แอป HFM ได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่รวดเร็วและมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุม เช่น การจัดการบัญชีและการวิเคราะห์ในแอปเดียว
· เครื่องมือวิเคราะห์: HFM มีเครื่องมืออย่าง Autochartist สำหรับการวิเคราะห์กราฟอัตโนมัติ และให้บริการ VPS ฟรี สำหรับบัญชีที่มีเงินฝากสูง ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดที่ใช้ EA (Expert Advisors)
สรุป
ทั้ง Exness และ HFM รองรับ MT4 และ MT5 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเทรด Exness มี Exness Terminal ที่ทันสมัยและใช้งานง่าย ส่วน HFM มี Autochartist และ VPS ฟรี ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดที่เน้นการวิเคราะห์อัตโนมัติและการเทรดด้วยบอท
5. ผลิตภัณฑ์การซื้อขาย
Exness
· Forex: คู่สกุลเงินมากกว่า 100 คู่ รวมถึงคู่สกุลเงินหลัก (Major), รอง (Minor), และคู่สกุลเงินแปลกใหม่ (Exotic)
· สินค้าโภคภัณฑ์: ทองคำ, เงิน, น้ำมันดิบ, ก๊าซธรรมชาติ
· ดัชนี: ดัชนีหุ้นชั้นนำ เช่น S&P 500, NASDAQ, FTSE 100
· คริปโตเคอเรนซี่: รองรับการซื้อขายคริปโต เช่น Bitcoin, Ethereum, และ Ripple
· หุ้น: หุ้น CFD จากบริษัทชั้นนำ เช่น Apple, Tesla, Amazon
HFM
· Forex: คู่สกุลเงินมากกว่า 50 คู่ ครอบคลุมคู่สกุลเงินหลักและรอง
· สินค้าโภคภัณฑ์: ทองคำ, เงิน, น้ำมัน, สินค้าเกษตร
· ดัชนี: ดัชนีหุ้นมากกว่า 20 ดัชนีทั่วโลก
· คริปโตเคอเรนซี่: รองรับคริปโตบางสกุล เช่น Bitcoin และ Ethereum
· หุ้นและอื่น ๆ: หุ้น CFD, พันธบัตร, และ ETF
สรุป
Exness มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่า โดยเฉพาะในส่วนของคู่สกุลเงินและคริปโตเคอเรนซี่ HFM มีข้อได้เปรียบในด้านการซื้อขาย ETF และพันธบัตร ซึ่งอาจเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ต
6. การฝากและถอนเงิน
Exness
· วิธีการฝากถอน: รองรับวิธีการหลากหลาย เช่น โอนเงินผ่านธนาคาร, บัตรเครดิต/เดบิต, Skrill, Neteller, และ TrueMoney (ในประเทศไทย)
· ระยะเวลาการถอน: ถอนเงินทันที (Instant Withdrawal) สำหรับช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ และ 1-3 วันสำหรับการโอนผ่านธนาคาร
· ค่าธรรมเนียม: ไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากหรือถอน
· ขั้นต่ำ: ฝากขั้นต่ำเพียง 1 USD สำหรับบัญชี Standard
HFM
· วิธีการฝากถอน: รองรับการโอนผ่านธนาคาร, บัตรเครดิต/เดบิต, Skrill, Neteller, และ Bitcoin
· ระยะเวลาการถอน: ถอนเงินภายใน 24 ชั่วโมงสำหรับช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ และ 2-5 วันสำหรับการโอนผ่านธนาคาร
· ค่าธรรมเนียม: อาจมีค่าธรรมเนียมสำหรับบางช่องทาง เช่น การโอนผ่านธนาคาร
· ขั้นต่ำ: ฝากขั้นต่ำ 5 USD สำหรับบัญชี Micro
สรุป
Exness มีข้อได้เปรียบในด้านการถอนเงินทันทีและไม่มีค่าธรรมเนียม ทำให้เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการความรวดเร็ว HFM มีตัวเลือกที่หลากหลายเช่นกัน แต่การถอนเงินอาจใช้เวลานานกว่าเล็กน้อยและอาจมีค่าธรรมเนียมในบางช่องทาง
7. การสนับสนุนลูกค้า
Exness
· ช่องทางการติดต่อ: แชทสด, อีเมล, โทรศัพท์, และ LINE (สำหรับประเทศไทย)
· ภาษา: รองรับมากกว่า 15 ภาษา รวมถึงภาษาไทย
· ระยะเวลาการตอบกลับ: แชทสดตอบกลับภายในไม่กี่วินาที อีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
· คุณภาพ: ได้รับคำชื่นชมในด้านการตอบกลับที่รวดเร็วและเป็นมืออาชีพ
HFM
· ช่องทางการติดต่อ: แชทสด, อีเมล, โทรศัพท์
· ภาษา: รองรับหลายภาษา รวมถึงภาษาไทย
· ระยะเวลาการตอบกลับ: แชทสดตอบกลับภายใน 1-2 นาที อีเมลภายใน 24-48 ชั่วโมง
· คุณภาพ: ได้รับคำชมในด้านความเป็นมิตร แต่บางครั้งการตอบกลับอาจช้ากว่า Exness
สรุป
Exness มีการสนับสนุนลูกค้าที่รวดเร็วกว่าและมีช่องทาง LINE ซึ่งสะดวกสำหรับนักเทรดชาวไทย HFM มีการสนับสนุนที่ดีเช่นกัน แต่ความเร็วในการตอบกลับอาจด้อยกว่าเล็กน้อย
8. ข้อดีและข้อเสีย
Exness
ข้อดี:
· สเปรดต่ำและไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากถอน
· ถอนเงินทันที
· แพลตฟอร์ม Exness Terminal ทันสมัย
· ปริมาณการซื้อขายสูง แสดงถึงความมั่นคง
ข้อเสีย:
· โปรโมชั่นและโบนัสน้อยเมื่อเทียบกับ HFM
· เครื่องมือวิเคราะห์อาจไม่หลากหลายเท่า HFM
HFM
ข้อดี:
· มีโบนัสและโปรโมชั่นที่น่าสนใจ
· เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Autochartist และ VPS ฟรี
· ประกันเงินฝากสูงถึง 5 ล้านยูโร
ข้อเสีย:
· มีค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งานบัญชี
· การถอนเงินอาจใช้เวลานานกว่า Exness
9. โบรกเกอร์ไหนเหมาะกับคุณ?
เลือก Exness หาก:
· คุณต้องการสเปรดต่ำและการถอนเงินที่รวดเร็ว
· คุณเป็นนักเทรดที่เน้นความโปร่งใสและความมั่นคงของโบรกเกอร์
· คุณต้องการแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย เช่น Exness Terminal
เลือก HFM หาก:
· คุณต้องการโบนัสและโปรโมชั่นเพื่อเพิ่มเงินทุน
· คุณใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Autochartist หรือ EA
· คุณให้ความสำคัญกับประกันเงินฝากที่ครอบคลุม
10. สรุป
ทั้ง Exness vs HFM เป็นโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือและมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน Exness เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการต้นทุนต่ำ การถอนเงินที่รวดเร็ว และแพลตฟอร์มที่ทันสมัย ส่วน HFM เหมาะสำหรับนักเทรดที่มองหาโบนัส เครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ การตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรด เป้าหมาย และความต้องการของคุณ
อ่านเพิ่มเติม: