
3 minute read
Exness vs BDSwiss เทียบกันชัด ๆ โบรกไหนดีกว่ากัน
from Exness
by Exness_Blog
การเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ ในบทความนี้ เราจะมาเปรียบเทียบสองโบรกเกอร์ชั้นนำอย่าง Exness vs BDSwiss เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าโบรกเกอร์ไหนเหมาะกับสไตล์การเทรดและเป้าหมายของคุณมากกว่ากัน เราจะพิจารณาในด้านต่าง ๆ เช่น การกำกับดูแล, ค่าธรรมเนียม, แพลตฟอร์มการซื้อขาย, สินทรัพย์ที่ให้บริการ, และประสบการณ์ผู้ใช้ โดยเน้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย

1. ภาพรวมของ Exness และ BDSwiss
Exness
Exness ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 และเติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ชั้นนำของโลก ด้วยปริมาณการซื้อขายต่อเดือนกว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ กันยายน 2023) Exness ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ที่ต้องการสเปรดต่ำและเลเวอเรจสูง โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ เช่น ประเทศไทย โบรกเกอร์นี้มีจุดเด่นในด้านความโปร่งใสและเทคโนโลยีการซื้อขายที่ทันสมัย
BDSwiss
BDSwiss ก่อตั้งในปี 2012 และมีฐานลูกค้ากว่า 1.6 ล้านรายทั่วโลก โบรกเกอร์นี้เน้นการให้บริการที่ใช้งานง่ายและมีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และผู้ที่มีประสบการณ์ BDSwiss มีรางวัลมากมาย เช่น รางวัล Best Global Partnership Programme และ Best Forex Research & Education Provider จาก UF AWARDS GLOBAL ปี 2023
2. การกำกับดูแลและความน่าเชื่อถือ
Exness
Exness ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานหลายแห่ง รวมถึง:
CySEC (Cyprus Securities and Exchange Commission)
FCA (Financial Conduct Authority) ในสหราชอาณาจักร
FSA (Financial Services Authority) ในเซเชลส์
CBCS (Central Bank of Curaçao and Sint Maarten)
อย่างไรก็ตาม Exness มีข้อจำกัดที่สำคัญคือ ไม่รับลูกค้าปลีกในเขตที่มีการกำกับดูแลเข้มงวด เช่น สหราชอาณาจักรและไซปรัส โดยลูกค้าจะถูกส่งไปยังหน่วยงานนอกชายฝั่ง เช่น ในเซเชลส์ ซึ่งอาจมีความเข้มงวดน้อยกว่า ถึงกระนั้น Exness มีมาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น บัญชีแยก (Segregated Accounts) และกองทุนชดเชยนักลงทุนสูงถึง 20,000 ยูโรผ่าน Financial Commission
BDSwiss
BDSwiss ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น:
CySEC (ไซปรัส)
FSC (Financial Services Commission) ในมอริเชียส
FSA ในเซเชลส์
BDSwiss มีชื่อเสียงในด้านความน่าเชื่อถือและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด โบรกเกอร์นี้ยังมีบัญชีแยกเพื่อปกป้องเงินของลูกค้าและไม่รับลูกค้าจากบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา เนื่องจากข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ
สรุป: Exness มีการกำกับดูแลที่หลากหลาย แต่การที่ไม่รับลูกค้าปลีกในบางเขตอาจเป็นข้อเสียสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด ในขณะที่ BDSwiss มีการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งและเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือ
3. ค่าธรรมเนียมและสเปรด
Exness
Exness มีชื่อเสียงในด้านสเปรดที่ต่ำมาก โดยเฉพาะในบัญชี Zero และ Raw Spread ซึ่งสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip สำหรับบางคู่สกุลเงิน นอกจากนี้:
ไม่มีค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอน: Exness รับผิดชอบค่าธรรมเนียมจากผู้ให้บริการชำระเงิน
ไม่มีค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน: เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ไม่ได้เทรดบ่อย
เลเวอเรจสูง: Exness เสนอเลเวอเรจแบบไม่จำกัดในบางบัญชี ซึ่งเป็นจุดเด่นสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความยืดหยุ่น
BDSwiss
BDSwiss ใช้โมเดลสเปรดแบบแปรผัน (Variable Spread) ซึ่งสเปรดเริ่มต้นที่ประมาณ 0.3 pip ในบัญชี VIP และ Raw อย่างไรก็ตาม:
ค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน: BDSwiss เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหากบัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว ซึ่งอาจเป็นข้อเสียสำหรับบางคน
เงินฝากขั้นต่ำ: BDSwiss กำหนดเงินฝากขั้นต่ำเพียง 10 USD สำหรับบางบัญชี (100 USD สำหรับบางภูมิภาค) ซึ่งเข้าถึงได้ง่าย
เลเวอเรจ: สูงสุดที่ 1:1000 ซึ่งต่ำกว่า Exness ในบางกรณี
สรุป: Exness เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่เน้นสเปรดต่ำและเลเวอเรจสูง ในขณะที่ BDSwiss มีข้อดีในด้านเงินฝากขั้นต่ำที่ต่ำ แต่มีค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งานที่อาจเป็นข้อพิจารณา
4. แพลตฟอร์มการซื้อขาย
Exness
Exness รองรับแพลตฟอร์มการซื้อขายที่หลากหลาย ได้แก่:
MetaTrader 4 (MT4): มาตรฐานสำหรับเทรดเดอร์ทั่วโลก
MetaTrader 5 (MT5): รองรับการซื้อขายสินทรัพย์หลายประเภท
Exness Terminal: แพลตฟอร์มบนเว็บที่มีการออกแบบเรียบง่ายและใช้งานง่าย
Exness Trader App: แอปมือถือที่เหมาะสำหรับการเทรดทุกที่ทุกเวลา
Exness ยังมีฟีเจอร์ เช่น การซื้อขายด้วยคลิกเดียว (One-Click Trading), Trailing Stop และ Social Trading ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคัดลอกกลยุทธ์จากผู้เชี่ยวชาญได้
BDSwiss
BDSwiss มีแพลตฟอร์มดังต่อไปนี้:
MetaTrader 4 (MT4): รองรับการซื้อขายฟอเร็กซ์และ CFD
MetaTrader 5 (MT5): เหมาะสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์หลากหลาย
WebTrader: แพลตฟอร์มบนเว็บที่ใช้งานง่ายและไม่ต้องดาวน์โหลด
BDSwiss มีฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การซื้อขาย เช่น One-Click Trading และ Pending Orders แต่ไม่มี Social Trading ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการคัดลอกกลยุทธ์
สรุป: Exness มีความได้เปรียบในด้านแพลตฟอร์มที่หลากหลายและฟีเจอร์ Social Trading ในขณะที่ BDSwiss เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการแพลตฟอร์มที่เรียบง่ายและเข้าถึงได้ง่าย

5. สินทรัพย์ที่ให้บริการ
Exness
Exness มีสินทรัพย์ให้เลือกหลากหลาย รวมถึง:
ฟอเร็กซ์: 96 คู่สกุลเงิน
คริปโตเคอเรนซี่: 10 สกุล
สินค้าโภคภัณฑ์: ทองคำ, เงิน, น้ำมัน, และพลังงาน
ดัชนี: 10 ดัชนีหลัก
หุ้น: กว่า 90 หุ้น CFD
Exness เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนในหลายตลาด
BDSwiss
BDSwiss มีสินทรัพย์มากกว่า 250 รายการ ได้แก่:
ฟอเร็กซ์: คู่สกุลเงินหลัก, รอง, และ Exotic
คริปโตเคอเรนซี่: Bitcoin, Ethereum และอื่น ๆ
สินค้าโภคภัณฑ์: โลหะมีค่าและพลังงาน
ดัชนี: ดัชนีชั้นนำของโลก
อย่างไรก็ตาม BDSwiss ไม่มีให้บริการการซื้อขายพันธบัตรและออปชั่น ซึ่งอาจจำกัดตัวเลือกสำหรับบางเทรดเดอร์
สรุป: Exness มีสินทรัพย์ที่หลากหลายกว่า โดยเฉพาะในส่วนของหุ้นและพลังงาน ในขณะที่ BDSwiss เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่เน้นฟอเร็กซ์และคริปโต
6. ประสบการณ์ผู้ใช้และการสนับสนุนลูกค้า
Exness
Exness มีชื่อเสียงในด้านการสนับสนุนลูกค้าที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ:
การฝาก-ถอน: รองรับวิธีการชำระเงินหลากหลาย รวมถึงคริปโต และการถอนเงินแบบทันที (Instant Withdrawals)
การสนับสนุน: ให้บริการ 24/7 ในหลายภาษา รวมถึงภาษาไทย
แหล่งการเรียนรู้: มีศูนย์การเรียนรู้ที่ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิคและกลยุทธ์การซื้อขาย
BDSwiss
BDSwiss มีจุดเด่นในด้านประสบการณ์ผู้ใช้ที่เป็นมิตร:
การฝาก-ถอน: รองรับวิธีการชำระเงินหลายรูปแบบ แต่บางครั้งอาจมีระยะเวลารอคอยนานกว่า Exness
การสนับสนุน: ให้บริการในหลายภาษา รวมถึงภาษาไทย และมีทีมงานที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว
แหล่งการเรียนรู้: มีบทความและวิดีโอการสอน แต่เนื้อหาอาจไม่ครอบคลุมเท่า Exness
สรุป: Exness มีข้อได้เปรียบในด้านการถอนเงินทันทีและแหล่งการเรียนรู้ที่ครอบคลุม ในขณะที่ BDSwiss เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย
7. ข้อดีและข้อเสีย
Exness
ข้อดี:
สเปรดต่ำและเลเวอเรจสูง
การถอนเงินทันที
รองรับ Social Trading
ไม่มีค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน
ข้อเสีย:
ไม่รับลูกค้าปลีกในเขตที่มีการกำกับดูแลเข้มงวด
แหล่งการเรียนรู้สามารถพัฒนาให้ครอบคลุมมากขึ้น
BDSwiss
ข้อดี:
เงินฝากขั้นต่ำต่ำ
อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย
ได้รับรางวัลด้านการให้บริการมากมาย
ข้อเสีย:
มีค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน
ไม่มี Social Trading
สินทรัพย์บางประเภทจำกัด
8. โบรกเกอร์ไหนเหมาะกับคุณ?
การเลือกโบรกเกอร์ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและสไตล์การเทรดของคุณ:
หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่เน้นสเปรดต่ำและเลเวอเรจสูง: Exness เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะสำหรับการเทรดแบบ Scalping หรือ High-Frequency Trading
หากคุณเป็นมือใหม่หรือต้องการแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย: BDSwiss อาจเหมาะสมกว่า ด้วยเงินฝากขั้นต่ำที่ต่ำและอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตร
หากคุณให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและการกำกับดูแล: BDSwiss มีข้อได้เปรียบในด้านนี้ เนื่องจากมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดและรางวัลมากมาย
9. คำแนะนำสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย
สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย การเลือกโบรกเกอร์ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:
การสนับสนุนภาษาไทย: ทั้ง Exness และ BDSwiss มีการสนับสนุนภาษาไทย ซึ่งช่วยให้การสื่อสารและการเรียนรู้สะดวกยิ่งขึ้น
วิธีการฝาก-ถอน: Exness มีข้อได้เปรียบในด้านการถอนเงินทันที ซึ่งเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความรวดเร็ว
การศึกษาและการฝึกอบรม: Exness มีศูนย์การเรียนรู้ที่ครอบคลุมกว่า ซึ่งเหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการพัฒนาทักษะ
ความเสี่ยง: อย่าลืมว่าการเทรดฟอเร็กซ์มีความเสี่ยงสูง ควรใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อฝึกฝนก่อนลงทุนจริง
10. สรุป
ทั้ง Exness vs BDSwiss เป็นโบรกเกอร์ที่มีคุณภาพและเหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์ในระดับต่าง ๆ Exness โดดเด่นด้วยสเปรดต่ำ, เลเวอเรจสูง, และการถอนเงินทันที ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำ ในขณะที่ BDSwiss มีจุดเด่นในด้านความน่าเชื่อถือ, อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย, และเงินฝากขั้นต่ำที่ต่ำ ซึ่งเหมาะสำหรับมือใหม่และผู้ที่ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแล
สุดท้าย การเลือกโบรกเกอร์ขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนตัวของคุณ ลองพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น สไตล์การเทรด, งบประมาณ, และเป้าหมายการลงทุน เพื่อเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
อ่านเพิ่มเติม: