3 minute read

Exness vs Avatrade เทียบกันชัด ๆ โบรกไหนดีกว่ากัน

การเลือกโบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรด ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นหรือมืออาชีพที่มีประสบการณ์ การเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ มีเงื่อนไขการซื้อขายที่เหมาะสม และแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายจะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ในปี 2025 นี้ Exness vs AvaTrade เป็นสองโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยและทั่วโลก แต่โบรกเกอร์ไหนจะเหมาะกับคุณมากกว่ากัน? บทความนี้จะเปรียบเทียบทั้งสองโบรกเกอร์อย่างละเอียดในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นความน่าเชื่อถือ, ค่าธรรมเนียม, แพลตฟอร์ม, การฝาก-ถอน, การบริการลูกค้า, และเครื่องมือการเรียนรู้ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

ทำไมการเลือกโบรกเกอร์ถึงสำคัญ?

การเทรด Forex และ CFD มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นการเลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือและเงื่อนไขการเทรดที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม Exness และ AvaTrade ต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน Exness ขึ้นชื่อเรื่องสเปรดต่ำและเลเวอเรจที่ยืดหยุ่น ส่วน AvaTrade โดดเด่นด้วยแพลตฟอร์มที่หลากหลายและแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ที่ครบครัน บทความนี้จะเจาะลึกทุกมิติเพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนว่าโบรกเกอร์ใดเหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณมากที่สุดในปี 2025

1. ความน่าเชื่อถือและการกำกับดูแล

Exness: ความโปร่งใสและการกำกับดูแลระดับโลก

Exness ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 และเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลก บริษัทได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ได้แก่:

  • FCA (Financial Conduct Authority) จากสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดและมีมาตรฐานสูง

  • CySEC (Cyprus Securities and Exchange Commission) ในไซปรัส ซึ่งควบคุมการดำเนินงานในยุโรปและให้ความคุ้มครองนักลงทุนผ่านกองทุนชดเชย

  • FSCA (Financial Sector Conduct Authority) ในแอฟริกาใต้ ซึ่งช่วยขยายความน่าเชื่อถือในภูมิภาคแอฟริกา

  • หน่วยงานอื่น ๆ เช่น SFSA (Seychelles) และ CBCS (Curaçao)

Exness มีนโยบายความโปร่งใสสูง โดยเผยแพร่รายงานการตรวจสอบบัญชีโดยบริษัท Big Four อย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืนยันความมั่นคงทางการเงิน นอกจากนี้ Exness ยังแยกเงินของลูกค้าไว้ในบัญชีที่แยกจากกองทุนของบริษัท (Segregated Accounts) เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

AvaTrade: ความมั่นคงและรางวัลในอุตสาหกรรม

AvaTrade ก่อตั้งในปี 2006 และเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่มีประวัติยาวนานและได้รับรางวัลมากมายในวงการ Forex บริษัทได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานชั้นนำ เช่น:

  • ASIC (Australian Securities and Investments Commission) ในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านความเข้มงวด

  • CBI (Central Bank of Ireland) ในไอร์แลนด์ ซึ่งควบคุมการดำเนินงานในสหภาพยุโรป

  • FSA (Financial Services Agency) ในญี่ปุ่น ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในตลาดเอเชีย

  • ADGM (Abu Dhabi Global Market) ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

AvaTrade มีนโยบายปกป้องยอดคงเหลือติดลบ (Negative Balance Protection) ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดทุนเกินเงินฝาก นอกจากนี้ AvaTrade ยังได้รับรางวัลจากองค์กรในอุตสาหกรรม เช่น “โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด” จากงานประกาศรางวัลต่าง ๆ ซึ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์

สรุป: ทั้ง Exness และ AvaTrade มีความน่าเชื่อถือสูงและได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำ Exness อาจได้เปรียบเล็กน้อยในแง่ของจำนวนหน่วยงานกำกับดูแลและความโปร่งใสในการเผยแพร่รายงานการเงิน ส่วน AvaTrade โดดเด่นด้วยรางวัลและนโยบายปกป้องยอดคงเหลือติดลบที่ชัดเจน

2. ค่าธรรมเนียมและสเปรด

Exness: สเปรดต่ำและตัวเลือกหลากหลาย

Exness เป็นที่รู้จักในฐานะโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในบัญชี Raw Spread และ Zero ซึ่งมีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip สำหรับคู่สกุลเงินหลัก เช่น EUR/USD และ USD/JPY อย่างไรก็ตาม บัญชีเหล่านี้มีการคิดค่าคอมมิชชั่นต่อล็อต (เช่น $3.5 ต่อล็อตในบัญชี Raw Spread หรือสูงกว่านั้นในบัญชี Zero) ซึ่งเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดในปริมาณมากและต้องการต้นทุนต่ำ

สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ บัญชี Standard และ Standard Cent ของ Exness ไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่สเปรดจะสูงกว่าเล็กน้อย (เริ่มต้นที่ 0.3-0.7 pip) ซึ่งยังคงแข่งขันได้ในตลาด นอกจากนี้ Exness ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง เช่น ค่าบำรุงรักษาบัญชีหรือค่าความไม่active

AvaTrade: สเปรดคงที่และความแน่นอน

AvaTrade ใช้โมเดล Fixed Spread ซึ่งสเปรดคงที่เริ่มต้นที่ 0.9 pip สำหรับคู่สกุลเงินหลัก เช่น EUR/USD สเปรดคงที่นี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์ต้นทุนได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวน อย่างไรก็ตาม สเปรดของ AvaTrade อาจสูงกว่า Exness ในบางคู่สกุลเงิน โดยเฉพาะในบัญชีที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น

AvaTrade ยังมีบัญชี Islamic Account ที่ปลอด Swap สำหรับเทรดเดอร์มุสลิม และไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากหรือถอนเงิน อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ที่ถือตำแหน่งข้ามคืนอาจต้องจ่าย Rollover Fee ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทสินทรัพย์

สรุป: Exness เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการสเปรดต่ำและยอมรับค่าคอมมิชชั่นในบัญชีขั้นสูง ส่วน AvaTrade เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการสเปรดคงที่และความแน่นอนในต้นทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวน

3. แพลตฟอร์มการซื้อขาย

Exness: เน้น MetaTrader และแพลตฟอร์มที่พัฒนาเอง

Exness รองรับแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในวงการ เช่น:

  • MetaTrader 4 (MT4): เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ที่ต้องการความเรียบง่ายและการใช้งานที่รวดเร็ว

  • MetaTrader 5 (MT5): มีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์เชิงลึก, กราฟขั้นสูง, และเครื่องมือเพิ่มเติมสำหรับการเทรดหลายสินทรัพย์

  • Exness Terminal: แพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย Exness เอง เป็นแพลตฟอร์มบนเว็บที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ไม่ต้องการติดตั้งซอฟต์แวร์

  • แอปมือถือ Exness Trade: รองรับทั้ง iOS และ Android มีฟังก์ชันครบครัน เช่น การจัดการบัญชี, การวิเคราะห์กราฟ, และการเทรดแบบเรียลไทม์

Exness ยังมีฟีเจอร์ Social Trading ที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคัดลอกกลยุทธ์ของเทรดเดอร์มืออาชีพได้ผ่านแอปมือถือ ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์มือใหม่

AvaTrade: ความหลากหลายของแพลตฟอร์ม

AvaTrade มีตัวเลือกแพลตฟอร์มที่หลากหลายกว่า ซึ่งตอบโจทย์เทรดเดอร์ในทุกระดับ:

  • MetaTrader 4 และ 5: เช่นเดียวกับ Exness รองรับการเทรด Forex, CFD, และสินทรัพย์อื่น ๆ

  • AvaTradeGO: แอปพลิเคชันมือถือที่มีฟีเจอร์การคัดลอกการเทรด (Copy Trading) และเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Market Trends และการแจ้งเตือนราคา

  • AvaOptions: แพลตฟอร์มเฉพาะสำหรับการเทรดออปชัน ซึ่งเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการกลยุทธ์ที่ซับซ้อน

  • WebTrader: แพลตฟอร์มบนเว็บที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความสะดวก

AvaTrade ยังมีฟีเจอร์ DupliTrade และ ZuluTrade ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคัดลอกการเทรดที่ช่วยให้เทรดเดอร์มือใหม่สามารถเลียนแบบกลยุทธ์ของผู้เชี่ยวชาญได้

สรุป: AvaTrade มีความหลากหลายของแพลตฟอร์มมากกว่าโดยเฉพาะสำหรับการเทรดออปชันและ Copy Trading ส่วน Exness เน้นแพลตฟอร์ม MetaTrader และ Exness Terminal ที่ใช้งานง่ายและเหมาะกับเทรดเดอร์ทุกระดับ

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

4. ประเภทบัญชีและความยืดหยุ่น

Exness: ตัวเลือกที่หลากหลาย

Exness มีบัญชีหลากหลายประเภทเพื่อตอบโจทย์เทรดเดอร์ทุกประเภท:

  • Standard: ไม่มีค่าคอมมิชชั่น สเปรดเริ่มต้นที่ 0.3 pip เหมาะสำหรับมือใหม่

  • Standard Cent: เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเริ่มต้นด้วยเงินทุนน้อย โดยใช้หน่วย Cent

  • Raw Spread: สเปรดต่ำมาก (เริ่มต้นที่ 0.0 pip) มีค่าคอมมิชชั่น เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดปริมาณมาก

  • Zero: สเปรด 0.0 pip ในบางคู่สกุลเงิน มีค่าคอมมิชชั่น เหมาะสำหรับ Scalping

  • Pro: ออกแบบสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพที่ต้องการความยืดหยุ่นและการดำเนินการที่รวดเร็ว

Exness มีเลเวอเรจสูงถึง 1:ไม่จำกัด (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและประเภทบัญชี) ซึ่งเป็นจุดเด่นสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการทำกำไรด้วยเงินทุนจำกัด

AvaTrade: ความเรียบง่ายและบัญชีพิเศษ

AvaTrade มีบัญชีหลักเพียงประเภทเดียวคือ Standard Account ซึ่งออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและเหมาะกับเทรดเดอร์ทั่วไป สเปรดเริ่มต้นที่ 0.9 pip และไม่มีค่าคอมมิชชั่น นอกจากนี้ AvaTrade ยังมี:

  • Islamic Account: บัญชีปลอด Swap สำหรับเทรดเดอร์มุสลิม

  • Professional Account: สำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ

เลเวอเรจของ AvaTrade สูงสุดที่ 1:400 ซึ่งต่ำกว่า Exness แต่เพียงพอสำหรับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ AvaTrade ยังมีนโยบายปกป้องยอดคงเหลือติดลบในทุกบัญชี

สรุป: Exness มีความยืดหยุ่นมากกว่าในแง่ของประเภทบัญชีและเลเวอเรจสูง ส่วน AvaTrade เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความเรียบง่ายและบัญชีที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย

5. การฝาก-ถอนเงิน

Exness: รวดเร็วและหลากหลาย

Exness มีระบบฝาก-ถอนที่รวดเร็วและรองรับวิธีการที่หลากหลาย เช่น:

  • บัตรเครดิต/เดบิต (Visa, MasterCard)

  • การโอนเงินผ่านธนาคาร

  • กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Skrill, Neteller, Perfect Money)

  • สกุลเงินดิจิทัล (Bitcoin, USDT)

จุดเด่นของ Exness คือการถอนเงินที่รวดเร็ว มักจะดำเนินการภายใน 24 ชั่วโมง และไม่มีค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอน นอกจากนี้ Exness ยังรองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารในประเทศไทย เช่น ธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงเทพ

AvaTrade: ครอบคลุมแต่ช้ากว่า

AvaTrade รองรับวิธีการฝาก-ถอนที่หลากหลาย เช่น บัตรเครดิต, การโอนเงินผ่านธนาคาร, และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม การถอนเงินอาจใช้เวลา 1-5 วันทำการ ขึ้นอยู่กับวิธีที่เลือก AvaTrade ไม่มีค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอน แต่บางวิธีอาจมีข้อจำกัดในบางประเทศ

สรุป: Exness มีความได้เปรียบในด้านความรวดเร็วและความหลากหลายของวิธีการฝาก-ถอน ส่วน AvaTrade อาจใช้เวลานานกว่าเล็กน้อย

6. การบริการลูกค้า

Exness: การสนับสนุน 24/7

Exness มีทีมสนับสนุนลูกค้าที่ให้บริการ 24/7 ในหลายภาษา รวมถึงภาษาไทย การติดต่อสามารถทำได้ผ่าน:

  • แชทสดบนเว็บไซต์และแอป

  • อีเมล

  • โทรศัพท์

ทีมงานที่พูดภาษาไทยของ Exness ได้รับคำชื่นชมในเรื่องความรวดเร็วและความเป็นมืออาชีพ ทำให้เทรดเดอร์ในประเทศไทยรู้สึกมั่นใจเมื่อมีปัญหาหรือคำถาม

AvaTrade: การสนับสนุนที่ครอบคลุม

AvaTrade มีทีมสนับสนุนลูกค้าให้บริการ 24/5 และมีทีมงานที่พูดภาษาไทย การติดต่อสามารถทำได้ผ่านแชทสด, อีเมล, และโทรศัพท์ อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนของ AvaTrade อาจไม่ครอบคลุม 24/7 ในบางภาษา ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดในช่วงสุดสัปดาห์

สรุป: Exness มีความได้เปรียบในด้านการสนับสนุน 24/7 และทีมงานที่พูดภาษาไทย ส่วน AvaTrade เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการการสนับสนุนในช่วงวันทำการ

7. เครื่องมือและแหล่งข้อมูลการเรียนรู้

Exness: เครื่องมือวิเคราะห์ที่แข็งแกร่ง

Exness มีเครื่องมือวิเคราะห์ที่หลากหลาย เช่น:

  • Trading Central: บริการวิเคราะห์สัญญาณการเทรด

  • ปฏิทินเศรษฐกิจแบบเรียลไทม์

  • ข่าวการเงินอัปเดตจากแหล่งที่เชื่อถือได้

สำหรับแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ Exness มีบทความ, วิดีโอสอนการเทรด, และบล็อกเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรด แต่เนื้อหาการเรียนรู้ของ Exness อาจไม่ครอบคลุมเท่า AvaTrade

AvaTrade: การเรียนรู้ที่ครบครัน

AvaTrade มีจุดเด่นด้านแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ที่ครอบคลุม เช่น:

  • AvaTrade Academy: คอร์สเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ

  • วิดีโอสอนการเทรดและการวิเคราะห์ตลาด

  • Webinar โดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม

  • อีบุ๊กและบทความเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรด

นอกจากนี้ AvaTrade ยังมีฟีเจอร์ DupliTrade และ ZuluTrade สำหรับการคัดลอกการเทรด ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์มือใหม่สามารถเรียนรู้จากกลยุทธ์ของผู้เชี่ยวชาญได้

สรุป: AvaTrade โดดเด่นในด้านแหล่งข้อมูลการเรียนรู้และเครื่องมือสำหรับมือใหม่ ส่วน Exness เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่เน้นเครื่องมือวิเคราะห์และสัญญาณการเทรด

สรุป: Exness หรือ AvaTrade ดีกว่ากัน?

ทั้ง Exness vs AvaTrade เป็นโบรกเกอร์ชั้นนำที่มีจุดเด่นแตกต่างกัน:

  • เลือก Exness หาก: คุณต้องการสเปรดต่ำ, เลเวอเรจสูง, การฝาก-ถอนที่รวดเร็ว, และบัญชีที่หลากหลาย เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่เน้นต้นทุนต่ำและความยืดหยุ่น

  • เลือก AvaTrade หาก: คุณเป็นมือใหม่ที่ต้องการแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ที่ครบครัน, แพลตฟอร์มที่หลากหลาย, หรือสนใจการเทรดออปชันและ Copy Trading

การเลือกโบรกเกอร์ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและสไตล์การเทรดของคุณ หากคุณเน้นการเทรดที่มีต้นทุนต่ำและความเร็วในการดำเนินการ Exness อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่หากคุณต้องการการสนับสนุนด้านการเรียนรู้และแพลตฟอร์มที่หลากหลาย AvaTrade จะตอบโจทย์มากกว่า

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

อ่านเพิ่มเติม:

This article is from: