3 minute read

บัญชี Exness แบบไหนดี: คู่มือเลือกบัญชีที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ

การเลือกบัญชีเทรดที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสำเร็จในการเทรดฟอเร็กซ์และ CFD กับโบรกเกอร์ Exness ซึ่งเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ชั้นนำที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ด้วยจุดเด่นอย่างการฝากถอนที่รวดเร็ว สเปรดต่ำ และตัวเลือกบัญชีที่หลากหลาย Exness จึงเป็นที่สนใจของทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ แต่ด้วยประเภทบัญชีที่มีให้เลือกถึง 5 ประเภท คุณอาจสงสัยว่า บัญชี Exness แบบไหนดี และเหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุด? บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกประเภทบัญชีของ Exness พร้อมแนะนำวิธีเลือกบัญชีที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและเป้าหมายทางการเงินของคุณ

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

ทำความรู้จักโบรกเกอร์ Exness

ก่อนจะไปดูประเภทบัญชีต่างๆ มาทำความรู้จักกับ Exness กันก่อน Exness ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 และเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์และ CFD ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยปริมาณการซื้อขายมากกว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อเดือน (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2023) และมีลูกค้าที่ใช้งานมากกว่า 1 ล้านรายทั่วโลก Exness ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น CySEC (Cyprus Securities and Exchange Commission) และ FSA (Financial Services Authority of Seychelles) ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ Exness ยังมีจุดเด่นในด้าน:

·        การฝากถอนที่รวดเร็ว: รองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทย เช่น กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ และกรุงไทย โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที

·        เลเวอเรจไม่จำกัด: เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเพิ่มโอกาสทำกำไรด้วยเงินทุนจำกัด

·        สเปรดต่ำ: บางบัญชีมีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip ซึ่งช่วยลดต้นทุนการเทรด

·        รองรับหลายสินทรัพย์: สามารถเทรดฟอเร็กซ์ คริปโต โลหะ หุ้น ดัชนี และพลังงานได้ในแพลตฟอร์มเดียว

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ Exness จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย แต่การเลือกบัญชีที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากจุดเด่นเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่

ประเภทบัญชี Exness มีอะไรบ้าง?

Exness มีบัญชีให้เลือกทั้งหมด 5 ประเภท แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ บัญชีมาตรฐาน (Standard Accounts) และ บัญชีสำหรับมืออาชีพ (Professional Accounts) แต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันเพื่อตอบโจทย์เทรดเดอร์ในทุกระดับประสบการณ์ ดังนี้:

1. บัญชี Standard Cent

เหมาะสำหรับ: มือใหม่ที่ต้องการทดสอบการเทรดด้วยเงินจำนวนน้อย

คุณสมบัติเด่น:

·        เงินฝากขั้นต่ำ: 1 USD (100 USC)

·        สเปรด: เริ่มต้นที่ 0.3 pip

·        ไม่มีค่าคอมมิชชัน

·        ขนาดล็อต: เริ่มต้นที่ 0.01 cent lot (เหมาะสำหรับการเทรดด้วยเงินน้อย)

·        รองรับตราสาร: ฟอเร็กซ์และโลหะ 36 รายการ

·        แพลตฟอร์ม: MT4 เท่านั้น

ข้อดี:

·        เหมาะสำหรับการฝึกเทรดด้วยเงินจริงโดยมีความเสี่ยงต่ำ

·        สเปรดคงที่ ช่วยให้คาดการณ์ต้นทุนได้ง่าย

·        ไม่มีรีโควต (Requote)

ข้อควรระวัง:

·        รองรับตราสารจำกัด (ไม่รวมคริปโต หุ้น หรือดัชนี)

·        ไม่เหมาะสำหรับการเทรดด้วยปริมาณมาก

เหมาะกับใคร? บัญชี Standard Cent เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ที่ต้องการฝึกฝนกลยุทธ์การเทรดด้วยเงินทุนต่ำ หรือผู้ที่ต้องการทดสอบระบบเทรดโดยไม่ต้องเสี่ยงมาก

2. บัญชี Standard

เหมาะสำหรับ: มือใหม่และเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ระดับปานกลาง

คุณสมบัติเด่น:

·        เงินฝากขั้นต่ำ: 1 USD

·        สเปรด: เริ่มต้นที่ 0.3 pip

·        ไม่มีค่าคอมมิชชัน

·        รองรับตราสาร: มากกว่า 120 รายการ รวมถึงฟอเร็กซ์ คริปโต โลหะ หุ้น และดัชนี

·        แพลตฟอร์ม: MT4 และ MT5

ข้อดี:

·        ไม่มีเงินฝากขั้นต่ำ ทำให้เริ่มต้นง่าย

·        รองรับตราสารหลากหลาย เหมาะสำหรับการกระจายพอร์ต

·        สเปรดคงที่และไม่มีรีโควต

ข้อควรระวัง:

·        สเปรดอาจสูงกว่าบัญชีสำหรับมืออาชีพในบางตราสาร

·        อาจไม่เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้น (Scalping) เนื่องจากสเปรดไม่ต่ำเท่าบัญชีอื่น

เหมาะกับใคร? บัญชี Standard เป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเริ่มต้นด้วยเงินทุนต่ำและเทรดตราสารหลากหลาย

3. บัญชี Raw Spread

เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และเน้นต้นทุนต่ำ

คุณสมบัติเด่น:

·        เงินฝากขั้นต่ำ: 200 USD (บางภูมิภาคอาจสูงถึง 1,000 USD)

·        สเปรด: เริ่มต้นที่ 0.0 pip

·        ค่าคอมมิชชัน: สูงสุด 3.5 USD ต่อล็อตต่อด้าน (7 USD ต่อล็อตสำหรับการเทรดรอบหนึ่ง)

·        รองรับตราสาร: ฟอเร็กซ์ คริปโต โลหะ หุ้น และดัชนี

·        แพลตฟอร์ม: MT4 และ MT5

ข้อดี:

·        สเปรดต่ำมาก เหมาะสำหรับการเทรด Scalping และ Day Trading

·        ค่าคอมมิชชันคงที่ ช่วยให้คาดการณ์ต้นทุนได้ง่าย

·        การดำเนินการคำสั่งแบบ Market Execution

ข้อควรระวัง:

·        ต้องมีเงินทุนเริ่มต้นที่สูงกว่าบัญชี Standard

·        ค่าคอมมิชชันอาจเป็นภาระสำหรับเทรดเดอร์ที่มีปริมาณการเทรดต่ำ

เหมาะกับใคร? บัญชี Raw Spread เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการสเปรดต่ำและยอมรับค่าคอมมิชชันเพื่อลดต้นทุนการเทรด โดยเฉพาะผู้ที่เทรดบ่อยหรือใช้กลยุทธ์ Scalping

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

4. บัญชี Zero

เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ที่มีปริมาณการเทรดสูงและเน้นสเปรดต่ำสุด

คุณสมบัติเด่น:

·        เงินฝากขั้นต่ำ: 200 USD (บางภูมิภาคอาจสูงถึง 1,000 USD)

·        สเปรด: 0.0 pip สำหรับ 30 ตราสารยอดนิยมใน 95% ของช่วงเวลาเทรด

·        ค่าคอมมิชชัน: เริ่มต้นที่ 0.05 USD ต่อด้านต่อล็อต (ขึ้นอยู่กับตราสาร)

·        รองรับตราสาร: ฟอเร็กซ์ คริปโต โลหะ หุ้น และดัชนี

·        แพลตฟอร์ม: MT4 และ MT5

ข้อดี:

·        สเปรดใกล้เคียงศูนย์ เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้นและช่วงข่าว

·        การดำเนินการคำสั่งแบบ Market Execution ช่วยให้เทรดได้รวดเร็ว

·        เหมาะสำหรับการใช้ EA (Expert Advisors) หรือบอทเทรด

ข้อควรระวัง:

·        ค่าคอมมิชชันอาจแตกต่างกันตามตราสาร ทำให้ต้องคำนวณต้นทุนอย่างรอบคอบ

·        ต้องมีประสบการณ์ในการจัดการความผันผวนของสเปรด

เหมาะกับใคร? บัญชี Zero เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สูง โดยเฉพาะผู้ที่เทรด Scalping หรือต้องการต้นทุนต่ำสุดในตราสารยอดนิยม

5. บัญชี Pro

เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์มืออาชีพที่ต้องการความยืดหยุ่น

คุณสมบัติเด่น:

·        เงินฝากขั้นต่ำ: 200 USD (บางภูมิภาคอาจสูงถึง 1,000 USD)

·        สเปรด: เริ่มต้นที่ 0.1 pip

·        ไม่มีค่าคอมมิชชัน

·        รองรับตราสาร: ฟอเร็กซ์ คริปโต โลหะ หุ้น และดัชนี

·        แพลตฟอร์ม: MT4 และ MT5

ข้อดี:

·        สเปรดต่ำและไม่มีค่าคอมมิชชัน เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้นและระยะยาว

·        การดำเนินการคำสั่งทั้งแบบ Instant และ Market Execution

·        เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์หลากหลาย รวมถึง Scalping และ Swing Trading

ข้อควรระวัง:

·        สเปรดอาจสูงกว่า Raw Spread หรือ Zero ในบางตราสาร

·        ต้องมีเงินทุนเริ่มต้นที่สูงกว่าบัญชี Standard

เหมาะกับใคร? บัญชี Pro เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และต้องการความสมดุลระหว่างสเปรดต่ำและการไม่มีค่าคอมมิชชัน โดยเฉพาะผู้ที่เทรดด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย

การเปรียบเทียบประเภทบัญชี Exness

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ต่อไปนี้คือตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติหลักของแต่ละบัญชี:

วิธีเลือกบัญชี Exness ที่เหมาะกับคุณ

การเลือกบัญชี Exness ที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่:

ระดับประสบการณ์:

·        มือใหม่: ควรเลือกบัญชี Standard หรือ Standard Cent เพราะใช้งานง่าย เงินฝากขั้นต่ำต่ำ และมีความเสี่ยงต่ำ

·        เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์: บัญชี Raw Spread, Zero หรือ Pro จะเหมาะสมกว่า เนื่องจากมีสเปรดต่ำและเหมาะกับการเทรดที่ซับซ้อน

สไตล์การเทรด:

·        Scalping/Day Trading: เลือก Raw Spread หรือ Zero เพราะสเปรดต่ำและเหมาะกับการเทรดระยะสั้น

·        Swing Trading: บัญชี Standard หรือ Pro เหมาะสมเพราะไม่มีค่าคอมมิชชันและสเปรดอยู่ในระดับที่ยอมรับได้

·        เทรดด้วย EA: บัญชี Pro หรือ Raw Spread เหมาะกับการใช้บอทเทรดเนื่องจากมีการดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็ว

เงินทุน:

·        งบจำกัด: Standard หรือ Standard Cent เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินทุนน้อย

·        งบปานกลางถึงสูง: Raw Spread, Zero หรือ Pro จะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าแต่ต้องใช้เงินฝากเริ่มต้นสูง

สินทรัพย์ที่ต้องการเทรด:

·        หากเทรดเฉพาะฟอเร็กซ์และโลหะ: Standard Cent ก็เพียงพอ

·        หากต้องการเทรดคริปโต หุ้น หรือดัชนี: เลือก Standard, Raw Spread, Zero หรือ Pro

ข้อดีและข้อควรระวังของ Exness

ข้อดี

·        การฝากถอนรวดเร็ว: Exness มีระบบฝากถอนที่รวดเร็วและรองรับธนาคารไทยหลายแห่ง

·        สเปรดต่ำ: บัญชี Raw Spread และ Zero มีสเปรดต่ำสุดในตลาด ช่วยลดต้นทุนการเทรด

·        เลเวอเรจไม่จำกัด: ช่วยให้เทรดเดอร์ที่มีเงินทุนน้อยสามารถทำกำไรได้มากขึ้น (แต่ต้องระวังความเสี่ยง)

·        แพลตฟอร์มหลากหลาย: รองรับ MT4, MT5 และ WebTerminal รวมถึงแอปมือถือ

·        Swap ฟรี: ทุกบัญชีไม่มีค่า Swap เหมาะสำหรับการถือออเดอร์ยาว

ข้อควรระวัง

·        ปัญหากราฟในบางครั้ง: มีรีวิวจากผู้ใช้บางส่วนระบุว่ากราฟอาจถ่างในช่วงข่าวสำคัญ แนะนำให้เปรียบเทียบกับกราฟโบรกเกอร์อื่น

·        สเปรดในบัญชี Standard: สเปรดของบัญชี Standard อาจสูงกว่าบัญชีสำหรับมืออาชีพ

·        ความซับซ้อนสำหรับมือใหม่: ตัวเลือกบัญชีที่หลากหลายอาจทำให้มือใหม่สับสน

วิธีเปิดบัญชี Exness

การเปิดบัญชี Exness นั้นง่ายและใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ทำตามขั้นตอนดังนี้:

·        เข้าไปที่เว็บไซต์ Exness: เยี่ยมชม www.exness.com/th หรือดาวน์โหลดแอป Exness

·        ลงทะเบียน: คลิก “เปิดบัญชี” และกรอกข้อมูล เช่น อีเมลและรหัสผ่าน

·        เลือกประเภทบัญชี: เลือกบัญชีที่ต้องการ (Standard, Standard Cent, Raw Spread, Zero หรือ Pro)

·        ยืนยันตัวตน: อัปโหลดเอกสาร เช่น บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง และหลักฐานที่อยู่

·        ฝากเงิน: เลือกช่องทางการฝากเงิน เช่น ธนาคารไทย หรือคริปโต และเริ่มเทรด

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับเทรดเดอร์

·        ทดลองด้วยบัญชีทดลอง: Exness มีบัญชีทดลองฟรีที่ช่วยให้คุณทดสอบกลยุทธ์การเทรดโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง

·        ศึกษาเงื่อนไขการเทรด: อ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขของแต่ละบัญชีอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะกับกลยุทธ์ของคุณ

·        จัดการความเสี่ยง: การเทรดมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะเมื่อใช้เลเวอเรจไม่จำกัด ควรตั้ง Stop Loss และบริหารเงินทุนอย่างรอบคอบ

·        เปรียบเทียบกับโบรกเกอร์อื่น: หากยังไม่แน่ใจ ลองเปรียบเทียบ Exness กับโบรกเกอร์อื่น เช่น XM หรือ FBS เพื่อหาตัวเลือกที่ดีที่สุด

สรุป: บัญชี Exness แบบไหนดีที่สุด?

คำถามว่า บัญชี Exness แบบไหนดี ไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับความต้องการและสไตล์การเทรดของคุณ หากคุณเป็นมือใหม่ บัญชี Standard หรือ Standard Cent เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพราะใช้งานง่ายและมีความเสี่ยงต่ำ สำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ บัญชี Raw Spread หรือ Zero จะช่วยลดต้นทุนด้วยสเปรดต่ำสุด ส่วนบัญชี Pro เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นและไม่มีค่าคอมมิชชัน

Exness เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยเหตุผลที่สมเหตุสมผล ไม่ว่าจะเป็นการฝากถอนที่รวดเร็ว สเปรดต่ำ และการกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม การเทรดมีความเสี่ยง ดังนั้นควรศึกษาและทดลองใช้บัญชีทดลองก่อนลงทุนจริง หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่า บัญชี Exness แบบไหนดี และเหมาะสมกับเป้าหมายการเทรดของคุณ!

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

อ่านเพิ่มเติม:

This article is from: