เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ : เรือมรณะ

Page 1


ตอน เรือมรณะ

1

ณ ชั้นบนสุดของอาคารสูงเสียดฟ้า ชายวัยกลางคนเอ่ยถ้อยค�ำขึ้น ด้วยน�ำ้ เสียงเนิบๆ ขณะทอดตามองไปยังสายฝนทีซ่ ดั สาดอยูภ่ ายนอกกระจก “พวกคุณแน่ใจแล้วเหรอ ว่าจะท�ำแบบนี้?” “ไม่งั้นคุณคิดว่ายังมีทางเลือกอื่นอีกรึไง?” ผู้ที่ย้อนถามกลับไปคือชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะท�ำงาน เขาหันไปมอง ใบหน้าด้านข้างของชายอีกคน ซึ่งก�ำลังใช้นิ้วเคาะหัวเข่าตัวเองเบาๆ เทียบ กับอีกสองคนแล้ว ท่าทางของชายผู้นี้ดูผ่อนคลายสบายใจกว่ามาก “ผมเห็นด้วย” เขากล่าวด้วยน�้ำเสียงเรียบเรื่อย “แล้วสกุลเนีย่ ล่ะ?” ชายทีย่ งั คงยืนมองสายฝนถามขึน้ “ตอนนีเ้ นีย่ อี้ ไปต่างประเทศ เทียบกับพวกเราแล้ว ครั้งนั้นเขาโชคดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ผมสงสัยว่า...เขาน่าจะปิดบังบางอย่างไว้ ไม่ให้พวกเรารู้” “ไม่เห็นจะยาก เราก็ท�ำให้เขาคายความลับออกมาซะสิ! เขารัก หลานมาก ต้องเคยเล่าเรื่องนี้ให้หลานชายฟังแน่” 1


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 “งั้นตกลงตามนี้ กติกาเดิม คนละหนึ่งคน” ชายที่ใช้นิ้วเคาะหัวเข่า หยุดขยับปลายนิ้ว แล้วกล่าวสรุปออกมา สายฝนยังคงโปรยปราย ทิวทัศน์นอกบานกระจกพร่ามัวดั่งภาพ มายา รถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ริมทางเท้าใต้อาคารสูงเสียดฟ้าหลังนั้น ชายซึ่ง ยืนอยู่หน้ารถกดอุปกรณ์ดักฟังในหูให้ได้ยินถนัดขึ้น หลังจากมั่นใจว่า กลุม่ คนบนอาคารคุยกันจบแล้ว เขาจึงถอดเครือ่ งดักฟังออก แล้วกดโทรศัพท์ “พวกเขาตัดสินใจจะลงมือแล้ว จะให้ท�ำยังไงต่อ?” “ตามไป!” คนที่อยู่ปลายสายตัดสินใจอย่างรวดเร็วโดยปราศจาก ความลังเล ฟ้าดินโปรดคุ้มครอง ท่านอาจารย์เจ้าส�ำนักโปรดส�ำแดงอิทธิฤทธิ์ อวยชัยให้พรให้เขาชนะตานี้ด้วยเถิด! หลังจากภาวนาซ�้ำๆ ในใจมาหลายรอบ ในที่สุดจางเสวียนก็ยอม ทิ้งไพ่! “เก้าเสาะ1” ตั้งแต่เริ่มตั้งวงไพ่นกกระจอก2 มาจนถึงตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่อง ชนะ แค่รอน็อก3จางเสวียนยังไม่เคยมีโอกาสเลยสักครัง้ ชายหนุม่ ทอดตามอง ธนบัตรที่หลั่งไหลดุจสายธารออกจากกระเป๋าตนเองไปเข้ากระเป๋าของ เก้าเสาะ เป็นหนึ่งในชุดของไพ่นกกระจอก เรียกว่าไพ่ชุดเสาะ ไพ่ตัวนี้จะเป็นรูปกิ่งไผ่เก้ากิ่ง ไพ่นกกระจอก เป็นไพ่ที่นิยมเล่นกันแพร่หลายในจีนและญี่ปุ่น มีไพ่ทั้งหมด 5 ชุดมาตรฐาน คือ ชุดท้ง ชุดเสาะ ชุดบ่วง ชุดทิศทั้งสี่ และชุดมังกร วิธีเล่นจะต้องสะสมไพ่ให้ครบ 4 กลุ่ม และต้องมีคู่ไพ่ที่เหมือนกัน ปกติใช้ผู้เล่น 4 คน 3 น็อก การมีไพ่อยู่ในมือครบชุดพอดี, รอน็อก คือการที่มีไพ่อยู่ในมือใกล้ครบชุดขาดเพียง 1 ตัวเท่านั้น 1 2

2


ตอน เรือมรณะ อีกสามขาที่เหลือแล้ว ถึงกับน�้ำตาเหือดแห้งร้องไห้ไม่ออก เขาสาบานกับ ตัวเองว่านีค่ อื ตาสุดท้าย จะปล่อยให้เงินทองทีห่ ามาด้วยหยาดเหงือ่ แรงกาย สูญเปล่าไปแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว “เก็บ!” เสี่ยวไป๋ที่นั่งอยู่ทางขวาเก็บไพ่เก้าเสาะของจางเสวียนไปอย่าง หน้าชื่นตาบาน ท�ำเอาเขาโมโหจนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เก็บเสาะไปเยอะขนาดนั้น ไม่กลัวติดคอตายรึไง!” “ติดคอตายก็ดีกว่าเจ็บใจตาย” เสี่ยวไป๋ยักไหล่ด้วยท่าทางไม่ยี่หระ เรียงไพ่ในมืออย่างสบายใจ แล้วใช้กรงเล็บแมวดีดทีเดียวทิ้งไพ่ตง4ลงมา เพราะเถียงไม่ออก จางเสวียนจึงได้แต่นั่งมองคนอื่นๆ จั่วไพ่ทิ้งไพ่ ด้วยความหงุดหงิด หลังจากที่วนจั่วไพ่ทิ้งไพ่มาสองรอบ อีกสามขาก็เริ่ม จะรอน็อกกันแล้ว มีเพียงเขาที่ยังย�่ำอยู่กับที่ และตอนนี้ก็ถึงตาเขาจั่วไพ่ อีกครั้ง คราวนี้เขาได้ลักเสาะ5 หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจทิ้ง มันออกไป เลขหกเป็นเลขมงคลน�ำมาซึ่งความราบรื่น ครั้งนี้หวังว่าคงทิ้งไพ่ ไม่ผิดตัว! “เหมาะเจี๊ยะ6!” สามปากแต่กลับเอ่ยประโยคเดียวกัน มิหน�ำซ�้ำยังเปิดไพ่ของตน ออกมาโดยพร้อมเพรียงราวกับผ่านการซักซ้อมกันมาก่อน “นี่มันเรื่องบ้าอะไร!” จางเสวียนกวาดตามองไพ่ของทั้งสามแล้ว ตง ไพ่ตงหรือไพ่มังกรแดง เป็นไพ่จากชุดมังกร ลักเสาะ เป็นหนึ่งในชุดของไพ่นกกระจอก เรียกว่าไพ่ชุดเสาะ ไพ่ตัวนี้จะเป็นรูปกิ่งไผ่หกกิ่ง 6 เหมาะเจี๊ยะ คือค�ำที่ต้องพูดออกมาเมื่อตนเองชนะ 4 5

3


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 ส่งเสียงร้องลั่น เนีย่ สิงเฟิงน็อกซัมฟาน7 ด้วยไพ่ชดุ เสาะทัง้ หมด รอแค่ลกั เสาะทีเ่ ขา เพิ่งทิ้งลงไปเพียงตัวเดียวเท่านั้น ไพ่ของจิ้งจอกน้อยน็อกผ่อง8 เสี่ยวไป๋มังกร หนึ่งตัว9 แต่ละคนเล่นกันได้แบบมืออาชีพสุดๆ “ไม่น่าเชื่อ! ไพ่ตัวเดียวท�ำให้น็อกได้ถึงสามคน” เนีย่ สิงเฟิงทีน่ งั่ อยูฝ่ ง่ั ตรงข้ามเห็นแล้วอยากจะหัวเราะเหลือเกิน แต่ พอเหลือบเห็นสีหน้าถมึงทึงของจางเสวียนแล้ว เขาก็เลือกที่จะปิดปากเงียบ ด้วยความ...อยู่เป็น “เหนือฟ้าใต้หล้าข้าคือยอดคน!” ฮัว่ หลีหวั เราะร่าขณะเอ่ยประโยคนัน้ ออกมาโดยไม่ได้สนใจสีหน้าที่เปลี่ยนจากเขียวเป็นเทาและจากเทาเป็นด�ำ ของพี่ใหญ่ตนเลยสักนิด “พี่ใหญ่โง่เกินไปแล้ว เห็นๆ อยู่ว่ากองไพ่ตรงกลาง ไม่มลี กั เสาะ พีก่ น็ า่ จะรูแ้ ล้วนีน่ าว่าทิง้ ตัวนีไ้ ม่ได้ หลักการง่ายๆ ขนาดนีแ้ ม้แต่ ผมยังรู้เลย เสี่ยวไป๋ นายนับให้หน่อยสิว่าครั้งนี้พวกเราสามคนชนะกี่เท่า” “ท่ า นประธานชนะซั ม ฟานได้ เ จ็ ด เท่ า จิ้ ง จอกน้ อ ยชนะผ่ อ งได้ สามเท่า ส่วนข้า...” “Shut Up!” จางเสวียนเปิดไพ่ของตัวเองด้วยสีหน้าขุ่นเคือง ไพ่ของ เขามีแต่ไพ่ท้ง10ล้วนๆ ถ้าไม่ทิ้งไพ่เสาะ แล้วจะให้ทิ้งผีที่ไหนล่ะ! เขากวาดสายตามองอีกสามขาที่เหลือด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูด ซัมฟาน คือไพ่ชุดเสาะที่เรียงติดกันกลุ่มละ 3 ตัวหรือเรียกว่าไพ่ตองสาม และมีไพ่คู่เหมือน จากชุดมังกรอีก 1 คู่ 8 ผ่อง คือไพ่ตอง 4 กลุ่มและไพ่คู่เหมือนอีก 1 คู่ 9 มังกรหนึ่งตัว คือไพ่ที่เรียงตัวเลข 1–9 จากไพ่ชุดใดชุดหนึ่ง และมีเรียงติดกัน 3 ตัวกับอีก 1 คู่ จากไพ่ชุดเดียวกัน 10 ไพ่ท้ง รูปบนไพ่จะเป็นรูปวงกลม เรียงจากเลข 1-9 เรียกว่าไพ่ชุดท้ง 7

4


ตอน เรือมรณะ ด้วยเสียงยะเยือก “ตานี้ไม่นับ! ไพ่ตานี้ผิดปกติ พวกนายต้องโกงฉันแน่!” “พี่ใหญ่ พี่ไม่มีน�้ำใจนักพนันเอาซะเลย!” จิ้งจอกน้อยเบ้ปากขณะ แย้งออกมา “Yes!” เมื่อเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์เรื่องเงิน เสี่ยวไป๋ย่อมเห็นด้วย กับฮั่วหลี “เป็นไปไม่ได้ทฉี่ นั จะดวงตกขนาดนี”้ ต้องเห็นเงินทองของตัวเองไหล จากไปราวสายน�ำ้ ทีไ่ ม่อาจหวนคืน แค่คดิ ยังเจ็บใจจนเหลือจะกล่าว แต่นคี่ อื สถานการณ์จริง! ดวงตาสีฟ้าของจางเสวียนจ้องไปยังคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “ท่านประธาน ที่ผมพูดมาคุณว่าถูกต้องรึเปล่า?” รู้ทั้งรู้ว่าเทียนซืออ่อนหัดก�ำลังเริ่มใช้แผนเรียกร้องความเห็นใจอีก แล้ว แต่เมือ่ ถูกดวงตาสีฟา้ ทีเ่ อ่อคลอด้วยหยาดน�ำ้ คูน่ นั้ จับจ้อง จะบอกว่าไม่ หวัน่ ไหวก็คงเป็นเรือ่ งโกหก เนีย่ สิงเฟิงจึงไม่ได้พดู อะไร เพียงแค่หยิบกระเป๋า เงินออกมา นับ แล้วยื่นให้เสี่ยวไป๋กับฮั่วหลีตามจ�ำนวนที่พวกเขาต้องได้รับ ทั้งสองสหายต่างเงียบเสียงแล้วพากันนับเงินอย่างดีอกดีใจ “ยังเช้าอยูเ่ ลย มาเล่นกันอีกตาหนึง่ เถอะ ยังไงก็วา่ งอยูแ่ ล้ว” เสีย่ วไป๋ ที่ได้ก�ำไรมาตุงกระเป๋าเสนอ “ไม่!” จางเสวียนปฏิเสธเสียงแข็ง ขืนเล่นต่อมีหวังเขาได้เบิกเงินเดือน ล่วงหน้าแน่ ชายหนุ่มหันไปมองสีหน้าที่อ่านอารมณ์ไม่ออกของเนี่ยสิงเฟิง ขณะค�ำนวณอยู่ในใจว่าคืนนี้เขาจะต้องปรนนิบัติท่านประธานกี่รอบ จึงจะ ชดใช้หนี้สินก้อนนี้ได้หมด โทรศั พ ท์ มื อ ถื อ ของฮั่ ว หลี ดั ง ขึ้ น ราวกั บ ระฆั ง พั ก ยกที่ ช ่ ว ยชี วิ ต 5


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 จางเสวียนไว้ได้อย่างพอดิบพอดี เป็นโทรศัพท์จากเนี่ยอี้ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ ออสเตรเลีย จิ้งจอกน้อยเดินเลี่ยงออกไปคุยโทรศัพท์ที่ด้านนอก เสี่ยวไป๋วิ่ง ตามไปด้วย จางเสวียนจึงฉวยโอกาสนีร้ บี เก็บไพ่ ตัง้ ใจว่าเก็บเสร็จแล้วจะรีบ กลับขึ้นชั้นบนเพื่อไปดูทีวีช่องเคเบิ้ลดีกว่า จ่ายค่ารายเดือนไปมิใช่น้อย จะ ปล่อยให้เสียเปล่าไม่ได้เด็ดขาด เสียงออดประตูดังขึ้น ไม่ต้องรอค�ำอนุญาตหรือรอให้ใครไปเปิด ประตูให้ เนี่ยรุ่ยถิงก็เปิดผลัวะเข้ามาเองแล้วเอ่ยทักทายด้วยน�้ำเสียงแจ่มใส “อ้าว! เล่นไพ่นกกระจอกกันอยูเ่ หรอ ท�ำไมไม่ไปเรียกผมล่ะ เอ๋! เล่น กันแค่สามคนท�ำไมมีไพ่สชี่ ดุ ?” เขามองไพ่แล้วหันมองไปทางจางเสวียนด้วย ความสงสัย “คงไม่ใช่ว่า...คุณอัญเชิญวิญญาณมาร่วมวงด้วยหรอกนะ?” ได้ยินประโยคนั้น น�้ำชาที่จางเสวียนเพิ่งจะดื่มเข้าไปก็เกือบถูกพ่น ออกมาจากปาก เนี่ยสิงเฟิงถลึงตาจ้องน้องชาย “เรียกนาย? คืนไหนบ้างที่นายไม่ไปเที่ยวผับบาร์ คนอย่างนายมี เวลาว่างมาเล่นไพ่นกกระจอกด้วยรึไง?” “โธ่! พี่ใหญ่ พูดแบบนี้ใส่ความกันชัดๆ ผมกลับมาเดินสายธรรมะ แล้วนะ ไม่ได้ไปทีแ่ บบนัน้ มาตัง้ เป็นเดือนแล้ว” อันทีจ่ ริงไม่ใช่เพราะเนีย่ รุย่ ถิง อยากล้างมือในอ่างทองค�ำ แต่เป็นเพราะหมู่นี้มีผีตามติดจนไม่กล้าไป ต่างหาก “พูดเรื่องนี้ก็ดีแล้ว จางเสวียน คุณช่วยดูให้ผมหน่อยสิว่าผีเฮี้ยน ตัวนั้นไปรึยัง? ถ้าเขายังดื้อด้านไม่ยอมไป คุณช่วยหาวิธีก�ำจัดให้ผมหน่อย ได้มั้ย?” ทั้งจางเสวียนและเนี่ยสิงเฟิงต่างพร้อมใจกันเลื่อนสายตาจ้องมอง ไปที่เหยียนไค วิญญาณพิทักษ์ซึ่งลอยอยู่ด้านหลังเนี่ยรุ่ยถิง ชายหนุ่มนักเที่ยวผู้นี้เอะอะก็เรียกเหยียนไคว่าผีเฮี้ยนบ้าง พร�่ำพูด 6


ตอน เรือมรณะ ว่าจะเชิญนักพรตมาท�ำพิธีขจัดภูตผีบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่ความฉุนเฉียว เสี้ยวบางๆ จะปรากฏอยู่บนสีหน้าที่ปกติจะเรียบนิ่งอยู่เป็นนิจของเหยียนไค “เขาไม่ใช่ผีเฮี้ยนหรอกครับ แต่เป็นวิญญาณพิทักษ์ที่คอยติดตาม ดูแลเพือ่ ช่วยเหลือคุณในเวลาคับขันต่างหาก ถึงยังไงคุณก็มองไม่เห็น ถือซะ ว่าเขาไม่มีตัวตนก็ได้นี่นา” จางเสวียนปลอบ “เฮ้อ! ถึงจะพูดแบบนัน้ ก็เถอะ แต่เจ้าผีเฮีย้ นนีเ่ ล่นตามติดผมตลอด เวลา มันท�ำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกแอบดูอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง” น�้ำเสียงของ เนี่ยรุ่ยถิงบ่งบอกถึงความอึดอัด ท�ำไมเขาจะไม่รวู้ า่ ทีจ่ ริงแล้วผีเฮีย้ นตนนีไ้ ม่นา่ กลัวเลยสักนิด นีเ่ ป็น ข้อสรุปที่เขารับรู้ได้เองจากประสบการณ์ตรงหลังจากขับเคี่ยวกับวิญญาณ ตนนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ไม่น่ากลัวน่ะจริงอยู่ แต่ที่ร้ายกว่านั้นก็คือเจ้าผีบ้านี่ก้าวเข้ามา ควบคุมอิสรภาพในชีวติ เขา ทัง้ ยังอาจหาญถึงขนาดก�ำหนดเวลากลับบ้านให้ เขาอีกต่างหาก สี่ทุ่ม! นอกจากกรณีที่ติดงานจริงๆ มิเช่นนั้นแล้วหนุ่มเจ้าส�ำราญ อย่างเขาจะต้องกลับให้ถึงบ้านก่อนสี่ทุ่ม! ให้ตายเถอะ! นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกอะไรกันล่ะ! เขาโตมาจนป่านนี้ยังไม่เคยมีใครมาควบคุมเวลากลับบ้านเลย สักครั้ง แล้วนี่อะไร จะไปเที่ยวกลางคืนก็ไม่ได้! จะไปหลีหญิงยิ่งไม่ต้องฝัน! ครั้นจะขัดขืนฝืนค�ำสั่งก็ต่อต้านอิทธิฤทธิ์ของเจ้าผีบ้าตนนั้นไม่ไหว ยิ่งได้ฟัง ค�ำพูดของจางเสวียน เนี่ยรุ่ยถิงก็ยิ่งตระหนักรู้แก่ใจว่าชีวิตต่อจากนี้ไปคงมี แต่ความเหี่ยวเฉาอย่างแน่นอน “อ้าว! พี่รุ่ยถิง เมื่อกี้คุณปู่ถามถึงพี่ด้วยครับ” ฮั่วหลีเพิ่งคุยโทรศัพท์ 7


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 เสร็จ พอเดินเข้ามาเห็นว่าเนี่ยรุ่ยถิงอยู่ด้วยจึงรีบไปรินชามาให้ “เล่นไพ่ นกกระจอกด้วยกันมั้ยครับ?” “ไม่ล่งไม่เล่นมันแล้ว!” ตอนนี้เขาก�ำลังหมดอาลัยตายอยาก จนร�่ำๆ อยากจะลาลับจาก โลกนี้ไปเสียด้วยซ�้ำ ยังจะมีอารมณ์มาเล่นไพ่นกกระจอกอีกงั้นหรือ! “เออ จริงสิ ที่มานี่เพราะผมจะมาถามว่า มีใครอยากไปเที่ยวสัก อาทิตย์นงึ มัย้ ? วันก่อนผมซือ้ เครือ่ งเสียงแล้วถูกรางวัล เป็นตัว๋ ล่องเรือส�ำราญ ของเครือว่านหัว” “ผมครับ! ผมอยากไป!” ทันทีที่ได้ยินว่ามีตั๋วล่องเรือส�ำราญฟรี ฮั่วหลีก็ยกมือเห็นชอบเป็น คนแรก เสี่ยวไป๋เองก็ยกมือแมวขึ้นมาข้างหนึ่ง อยู่แต่ในบ้านทั้งวัน มันเบื่อ จะแย่อยูแ่ ล้ว เมือ่ มีโอกาสเดินทางท่องเทีย่ วฟรีๆ มาเสนอให้ถงึ ที่ ย่อมไม่ควร ปล่อยโอกาสดีเช่นนี้ให้หลุดลอยไป เนีย่ สิงเฟิงรับบัตรรางวัลจากเนีย่ รุย่ ถิงมาดู บนบัตรระบุไว้วา่ ผูไ้ ด้รบั รางวัลสามารถพาผู้ติดตามไปได้สองคน ออกเดินทางวันจันทร์และกลับถึง ท่าเรืออีกครั้งในวันอาทิตย์ ระหว่างทางจะมีการแวะชมเกาะหลายแห่งใน ทะเลเหนือ จากนัน้ จะจอดพักทีเ่ กาะเงินทอง ด้านหลังบัตรพิมพ์วธิ ตี ดิ ต่อและ เงื่อนไขต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน ครบถ้วน “แล้วนายไม่ไป?” “อาทิตย์หน้าจะมีลูกค้าจากอเมริกามาที่บริษัท ผมนัดเขาไว้นาน แล้ว คงไม่ดีแน่ถ้าจะมาปฏิเสธเอากระชั้นชิดแบบนี้ อีกอย่างผมไปคนเดียว จะสนุกอะไร ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายจนพี่กับจางเสวียนแทบไม่ได้ พักผ่อน ถือซะว่าไปพักร้อนก็แล้วกัน” 8


ตอน เรือมรณะ เนี่ยสิงเฟิงหันมองจางเสวียนซึ่งยังมีท่าทีเฉยเมยอย่างที่หาได้ยาก ยิ่ง น้อยกว่าน้อยที่หมอนี่จะไม่ตื่นเต้นยินดีเมื่อได้ยินค�ำว่าฟรี ทว่าครั้งนี้ อีกฝ่ายกลับขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วเบะปาก “ผมเกลียดการนั่งเรือ” “โธ่! พี่ใหญ่ ไปเถอะน่า โอกาสดีๆ แบบนี้มีไม่มากนะ” ฮัว่ หลีพยายามเกลีย้ กล่อม โดยมีเสีย่ วไป๋ทอี่ ยากไปเทีย่ วเต็มประดา คอยพยักหน้าสนับสนุน พอเห็นว่าจางเสวียนยังมีทีท่าไม่สนใจ จิ้งจอกน้อย ก็ถลาเข้าไปกอดคอพี่ใหญ่ของตนไว้ พลางโยกตัวไปมาราวกับแกว่งชิงช้า หางจิ้งจอกไฟสีแดงฟูฟ่องส่ายไปมาอยู่ด้านหลัง ขณะพยายามออดอ้อน ประจบประแจง “น้า~ พี่ใหญ่ น้า~ ไปเหอะน่า น้า~” หลังจากทีถ่ กู ท�ำร้ายจนวิญญาณแตกดับ ร่างกายของจิง้ จอกน้อยก็ หดเล็กลงกลายสภาพเป็นเด็กอายุราวแปดเก้าขวบ ตบะที่บ�ำเพ็ญเพียรมา ถูกท�ำลายไปไม่น้อย วิชาอาคมที่เดิมก็ไม่ได้แข็งแกร่งอยู่แล้วจึงยิ่งอ่อนด้อย ลงไปอีก เพียงแค่รอ้ นใจขึน้ มานิดหน่อย หางจิง้ จอกก็โผล่ออกมาอย่างไม่อาจ ควบคุม จางเสวียนเห็นแบบนั้นจึงรีบกันร่างจิ้งจอกน้อยไว้ด้านหลังให้พ้น สายตาของเนี่ยรุ่ยถิง แล้วรีบรับปากแบบส่งๆ “ก็ได้ๆ ไป ไป ฉันไป ฉันยอมไปแล้ว” “เย้!” เมื่อสมปรารถนา ฮั่วหลีก็กระโดดตัวลอย ถลาเข้าไปอุ้ม เสี่ยวไป๋เต้นไปเต้นมารอบๆ อย่างร่าเริง แล้วรีบพากันวิ่งไปดูต�ำแหน่งของ เกาะบนแผนที่ทันที “เอ๊ะ! ข้างหลังเสี่ยวหลีมีอะไรติดอยู่ หาง? คอสเพลย์รึไง?” โชคดีที่ฮั่วหลีวิ่งเร็วมาก เนี่ยรุ่ยถิงจึงมองหางฟูฟ่องสีแดงพวงใหญ่ 9


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 ทีโ่ บกสะบัดไปมาอยูด่ า้ นหลังจิง้ จอกน้อยไม่ถนัด เขาขยีต้ าตัวเองอีกครัง้ แต่ ร่างของฮัว่ หลีกว็ งิ่ หายลับไปซะแล้ว นัน่ ท�ำให้ชายหนุม่ อดคิดไม่ได้วา่ คงเป็น เพราะถูกผีเฮีย้ นตามรังควานทัง้ วันทัง้ คืน จนแม้แต่สขุ ภาพสายตาก็ยงั ย�ำ่ แย่ ลงทุกที น้องชายเดินคอตกกลับห้องไปแล้วด้วยอาการเซื่องซึม เนี่ยสิงเฟิง จึงเดินมานั่งข้างๆ จางเสวียน ที่ก�ำลังหมุนไพ่นกกระจอกสองตัวบนโต๊ะด้วย ท่าทางเหม่อลอย “คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย? ถ้าไม่อยากไปจริงๆ ก็อย่าไปเลย ไว้ผมจะหา วันหยุดให้ แล้วเราค่อยไปเที่ยวที่อื่นกันดีมั้ย?” “ไม่เป็นไรครับ ถ้าได้ไปเที่ยวฟรีแต่ไม่ไปจะถูกฟ้าผ่าเอาได้นะ” ถึงปากจะพูดเล่นตามความเคยชิน แต่ในใจจางเสวียนก�ำลังกระสับ กระส่าย รู้สึกคล้ายมีลางสังหรณ์ว่าการเดินทางครั้งนี้ต้องมีเหตุการณ์ บางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน แต่นี่คือการล่องเรือส�ำราญฟรีเชียวนะ! ทริปเดินทางสุดหรูที่มาพร้อมค�ำว่าฟรีเช่นนี้ช่างเย้ายวนเกินห้ามใจ เขาจึ ง ตั ด สิ น ใจที่ จ ะมองข้ า มสั ม ผั ส ที่ ห กซึ่ ง ชอบเล่ น ตลกกั บ ตั ว เองไป ชั่วคราว ทั้งที่อุตส่าห์แสดงความเป็นห่วงเป็นใย แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็น ค�ำตอบแสนละโมบจากเจ้าหมอผีนักต้มตุ๋น เนี่ยสิงเฟิงได้ยินแล้วถึงกับขมับ เต้นตุบ พูดไม่ออกไปในทันที แต่พอเห็นอีกฝ่ายเริม่ กางแผนทีเ่ พือ่ ดูเส้นทางใน การล่องเรือ เขาก็พลอยรูส้ กึ ตืน่ เต้นกับการล่องเรือส�ำราญด้วยกันเป็นครัง้ แรก ขึ้นมาบ้าง 10


ตอน เรือมรณะ ในที่สุดวันออกเดินทางก็มาถึง กระเป๋าสัมภาระของฮั่วหลีกับเสี่ยวไป๋ท�ำเอาเนี่ยสิงเฟิงถึงกับตาโต อ้าปากค้างด้วยความตกใจ นั่นก็เพราะถ้าเอากระเป๋าเดินทางใบนั้นมาวาง ในแนวตั้งแล้ว มันจะสูงกว่าตัวของฮั่วหลีเสียอีก นอกจากนี้บนหลังจิ้งจอก น้อยยังมีเป้อกี หนึง่ ใบ ช่องด้านซ้ายใส่ขวดน�ำ้ แร่ ช่องด้านขวาใส่ไฟฉาย LED ในช่องเก็บของก็อัดแน่นไปด้วยซีเรียลบาร์ ถั่ว ผลไม้แห้ง และช็อกโกแลต ห่อใหญ่ เสี่ ย วไป๋ ถู ก จั บ ซุ ก ไว้ ใ นช่ อ งด้ า นหน้ า สุ ด ของเป้ บนคอของมั น นอกจากมุกเฉียนคุนสีเขียวทีเ่ ปล่งประกายสดใสซึง่ สวมใส่อยูเ่ ป็นประจ�ำแล้ว ยังห้อยเครื่องรางขลุ่ยทองค�ำมุกสีรุ้งไว้ด้วย นี่เป็นเครื่องรางขจัดเภทภัยที่ พวกเขาซื้อมาจากวัดอาซากุสะเมื่อครั้งไปเที่ยวโตเกียวด้วยกัน ว่ากันว่าถ้า เป่าขลุ่ยนี้ให้เกิดเสียงดังก็จะสามารถขจัดมาร ก�ำจัดภัยอันตรายได้ แต่ของ ทีพ่ วกเขาซือ้ มาเป็นเพียงเครือ่ งประดับ ถ้าแค่เป่าขลุย่ จิว๋ นีก้ ส็ ามารถขจัดมาร ได้แล้วละก็ ยังจะต้องมีเทียนซือไว้ท�ำไมกันล่ะ?! “พวกเธอแน่ใจนะว่านี่คือของที่เตรียมไปล่องเรือส�ำราญ?” เนี่ยสิงเฟิงถาม ขึ้นชื่อว่าเรือส�ำราญแล้วก็ต้องมีสิ่งของจ�ำเป็น ครบครัน ดังนั้นคงไม่ถึงขั้นต้องเตรียมซีเรียลบาร์ไปด้วยกระมัง เจ้าพวกนี้ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า นีพ่ วกเขาไม่ได้จะไปฝึกซ้อมรับมือภัยพิบตั ทิ างทะเลนะ! “แน่ใจครับ” ฮั่วหลีตอบฉะฉาน “เสี่ยวไป๋บอกว่ากันไว้ดีกว่าแก้ ของกินพวกนีเ้ ก็บไว้ได้นาน ช็อกโกแลตให้พลังงานได้ดี ส่วนนกหวีดมีไว้เป่า ขอความช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน หนังหลายเรื่องที่เรืออับปางก็ใช้ของพวกนี้ เพื่อให้รอดชีวิตกันทั้งนั้น โอ๊ย...” ฮั่วหลีถูกจางเสวียนตบศีรษะฉาดใหญ่ ตามด้วยเสียงเทศนา 11


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 “นายดูทีวีมากไปแล้ว พูดจาไม่เป็นมงคลเอาซะเลย เรือจะอับปาง ได้ยังไง? ต่อให้เกิดเรื่องขึ้นจริง นายก็ยังมีพี่ใหญ่ซึ่งเป็นถึงเทียนซือมือฉมัง คนนี้คุ้มกันอยู่ทั้งคน ลืมไปแล้วรึไง!” เนี่ยรุ่ยถิงซึ่งรับหน้าที่ขับรถไปส่งคณะเดินทางที่ท่าเรือ พอเห็น สัมภาระของลูกทัวร์ก็ข�ำจนตัวงอ โชคดีที่ทั้งจางเสวียนและเนี่ยสิงเฟิงมีแค่ กระเป๋าสัมภาระขนาดปกติ ไม่งั้นกระโปรงหลังรถของเขาคงใส่ไม่หมดแน่ เรือเทียนหยางจอดรออยู่แล้วที่ท่า มันเป็นเรือส�ำราญขนาดกลาง รู ป ลั กษณ์ ภ ายนอกไม่ไ ด้ใ หญ่โตอลัง การนัก เรียกได้ว่า ผิดจากที่คิดไว้ ไม่น้อย “นี่เป็นการออกเดินเรือครั้งแรกของเรือเทียนหยาง พวกพี่ต้องสนุก แน่ เพราะทางบริษัทต้องจัดกิจกรรมเพื่อฉลองการเดินเรือครั้งแรกมากมาย แน่นอน” เนี่ยรุ่ยถิงคาดการณ์ “ข้าเคยได้ยินว่าเรือไททานิกล่มในการเดินทางครั้งแรก” เสี่ยวไป๋ที่ อยู่ในเป้พึมพ�ำ หา! เสียงหลอน...เนี่ยรุ่ยถิงเบิกตากว้าง นะ...นี่...นี่เขาได้ยินเสียง หลอนนีอ้ กี แล้วหรือ! ชายหนุม่ ตัวสัน่ สะท้านขึน้ มาวูบหนึง่ จากนัน้ จึงรีบสะบัด ศีรษะไปมาแล้วพึมพ�ำสะกดจิตตัวเอง ‘ไม่จริง...เราไม่ได้ยินอะไร...ไม่...เราไม่ได้ยินอะไรเลย...ไม่ได้ยิน อะไร...ไม่ได้ยินอะไร...’ ขณะที่เนี่ยรุ่ยถิงมุ่งมั่นร่ายคาถาสะกดจิตตัวเองอยู่นั้น จางเสวียนก็ กวาดตามองดูนกั ท่องเทีย่ วทีก่ ำ� ลังทยอยกันขึน้ เรือ ใบหน้าหล่อเหลาฉายแวว ผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด 12


ตอน เรือมรณะ “ไหนว่าเป็นเรือส�ำราญสุดหรูไงล่ะ ล�ำเล็กขนาดนี้เทียบไททานิก ไม่ติดฝุ่นเลยสักนิด นี่ถ้าเจอพายุ เกิดสึนามิ กระแทกหินโสโครก หรือชน ภูเขาน�้ำแข็งเข้าละก็ มีหวังจมแบบไม่ต้องกู้กันเลย” ทั้งที่เพิ่งดุด่าจิ้งจอกน้อยเรื่องพูดจาอัปมงคลไปเมื่อครู่ แต่ตอนนี้ ตัวเองกลับพ่นค�ำอัปมงคลออกมามากกว่าไม่รกู้ เี่ ท่า เนีย่ สิงเฟิงอยากจะบอก อีกฝ่ายเหลือเกินว่า นี่เป็นเรือส�ำราญแบบแล่นเลียบชายฝั่ง ไม่ได้ออกทะเล ลึกหรือข้ามมหาสมุทรสักหน่อย จะมีเภทภัยแบบนั้นได้อย่างไรกันล่ะ! ชายหนุ่มยกมือนวดหว่างคิ้วที่ยับย่นไปมา ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่า ผูร้ ว่ มเดินทางเหล่านีก้ ำ� ลังอยูใ่ นระหว่างแข่งขันกันสาปแช่งตัวเองหรืออย่างไร เรือยังไม่ทนั ออกจากท่า ก็อา้ ปากแข่งกันพ่นค�ำอัปมงคลไม่หยุด เขาเงยหน้า มองท้องฟ้าสีครามสดใสแล้วถอนใจ อากาศดีขนาดนี้จะตีตนก่อนไข้กัน ไปเพื่อ?! จางเสวียนบ่นเสร็จก็จัดแจงยกกระเป๋าเดินทางออกจากกระโปรง หลังรถ ตอนที่จะหยิบกระเป๋าของฮั่วหลี จู่ๆ เขาก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาฉับพลัน เหมือนมีหมอกสีดำ� ล่องลอยผ่านข้างกาย กลุม่ หมอกนัน้ ดูคล้ายเงาร่างมนุษย์ ทว่าพอเขาตั้งสติแล้วหันกลับไปดู มันก็สลายหายไปจนหมดสิ้น นัยน์ตาสีฟา้ ใสจ้องมองไปทีธ่ งประจ�ำเรือเทียนหยางซึง่ มีสญ ั ลักษณ์ เป็นรูปพังงาเรือสีทองแดง ธงผืนนั้นสะบัดพลิ้วไปตามสายลมจนดูบิดเบี้ยว ท�ำให้สัญลักษณ์นั้นผิดเพี้ยนไปจนมองดูคล้ายรูปหัวกะโหลก บรรยากาศ โดยรอบอึมครึม น�้ำทะเลสีครามดูคล้ายเป็นสีด�ำมืด ท่ามกลางเสียงคลื่น ซัดสาด มีกลิ่นอายแปลกประหลาดโชยมา “คุณเป็นอะไรรึเปล่า?” เห็นอีกฝ่ายสีหน้าไม่คอ่ ยดี เนีย่ สิงเฟิงจึงรีบเข้ามารับกระเป๋าเดินทาง 13


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 ไปช่วยถือ “เพราะคุณนั่นละ ผมถึงได้เหนื่อยขนาดนี้” จางเสวียนปรายตามองคนถามด้วยแววตาขุ่นเขียว ขณะที่ความ กังวลในใจดูเหมือนจะยิง่ รุนแรงขึน้ ทุกขณะ เขาอยากจะยกเลิกการเดินทางใน ครั้งนี้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าร่าเริงดีใจของจิ้งจอกน้อยกับเสี่ยวไป๋แล้วก็ตัดใจท�ำ ไม่ลง จึงได้แต่ลบความคิดนี้ทิ้งไปเสีย แล้วหาเหตุโยนความผิดให้แมวกวัก จอมหื่นแทน ค�ำตอบนั้นท�ำให้เนี่ยสิงเฟิงถึงกับท�ำหน้าไม่ถูก จะให้พูดอย่างไร ดีล่ะ... ปกติแล้วสภาพร่างกายของจางเสวียนค่อนข้างพิเศษ ไม่วา่ เขาจะ... เอ่อ...ท�ำกี่รอบ ร่างกายที่น่าเอ็นดูนี้ก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว ท�ำให้เขา ควบคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่ แต่เมื่อคืน...พวกเขาก็ท�ำกันแค่รอบเดียวนี่นา สีหน้าของเทียนซือ อ่อนหัดไม่ควรจะย�่ำแย่ขนาดนี้ ช่างเถอะ! ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควร จะต่อความยาวสาวความยืดกันในที่สาธารณะ เนี่ยสิงเฟิงจึงหันไปบอกลาน้องชาย แล้วก�ำชับกับเหยียนไคที่อยู่ ด้านหลัง “ระหว่างที่ผมไม่อยู่ ฝากดูแลเขาด้วยนะครับ” เห็นพี่ชายพูดกับผู้ที่ไม่มีตัวตนเนี่ยรุ่ยถิงก็ถึงกับสะดุ้งเฮือก หันขวับ ไปมองที่ด้านหลังทันที แน่นอนว่าเขาไม่มีทางมองเห็นเหยียนไค ยิ่งท�ำให้ โมโหจนต้องพูดออกมาด้วยเสียงดังลั่น “ผีกลัวแสงอาทิตย์ไม่ใช่รึไง? ท�ำไมแดดเปรี้ยงขนาดนี้นายยังกล้า ตามติดฉันอยูไ่ ด้ ฟังนะ ฉันขอสัง่ ให้นายหายไปเดีย๋ วนี!้ เดีย๋ วก่อน ท�ำไมนาย 14


ตอน เรือมรณะ รู้จักพี่ใหญ่ล่ะ? งั้นเอาใหม่ อย่าเพิ่งไป มาอธิบายให้ฉันฟังก่อนแล้วค่อยไป ไอ้ผีบ้า!” เหยียนไคไม่สนใจค�ำพูดไร้สาระนัน้ แม้แต่นอ้ ย นัยน์ตาเยียบเย็นดุจ สายน�้ำมองดูคณะเดินทางที่ก�ำลังเดินขึ้นเรืออย่างเงียบๆ เมื่อครู่ เขาเองก็ สังเกตเห็นความผิดปกติทปี่ รากฏอยูเ่ หนือผิวน�ำ้ เช่นกัน แต่เพราะจางเสวียน ไม่ได้พูดอะไร เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่เอ่ยค�ำใดออกมา การเดินทางครัง้ นีอ้ าจมีเค้าลางของอันตรายอยูบ่ า้ ง แต่มจี างเสวียน อยู่ทั้งคน นายท่านย่อมปราศจากเภทภัยอย่างแน่นอน คนผู้นั้นลงไปยังนรก ขุมลึกสุดและกลับมาได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นเหยียนไคจึงเชื่อมั่นว่าคงไม่มี ภูตผีหรือมารร้ายตนไหนจะเป็นปรปักษ์กับเทียนซือผู้นี้ได้อีก จางเสวียนขึ้นเรือแล้วหันมองกลับลงมายังเบื้องล่าง เห็นเนี่ยรุ่ยถิง กระโดดหย็องแหย็งไขว่คว้าไปรอบตัว คล้ายพยายามจะจับเหยียนไคให้ได้ ฝ่ายเหยียนไคก็เบีย่ งตัวหลบซ้ายทีขวาทีเพือ่ ไม่ให้อกี ฝ่ายสัมผัสถูกตัวเอง เห็น แบบนั้นแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ผมเคยได้ยินแต่เนตรหยินหยาง ไม่เคยได้ยินว่ามีหัตถ์หยินหยาง ด้วย สัมผัสได้แต่มองไม่เห็น ครั้งนี้เหยียนไคล�ำบากจริงๆ” “โอ๊ย!” ฮั่วหลีที่เพิ่งเคยมาเที่ยวทะเลเป็นครั้งแรกตื่นเต้นมาก จึงวิ่งเล่นไป มาอยู่บนดาดฟ้าไม่หยุด ในที่สุดก็ชนเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ก�ำลังเดินมา เข้าอย่างจัง ทั้งที่จิ้งจอกน้อยเป็นฝ่ายล้มก้นจ�้ำเบ้า แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้าม กระชากคอเสื้อขึ้นมาตวาดทันที 15


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 “ไอ้เด็กเวร!” ชายหนุม่ คนนัน้ ถลึงตาจ้องแล้วตะคอกใส่ “ท�ำบ้าอะไร ของแกวะ?” “ขะ...ขอโทษครับ” “ขอโทษแล้วจบรึไงวะ? รองเท้าคู่นี้ฉันเพิ่งซื้อมาใหม่ ตอนนี้มันถูก แกเหยียบจนเลอะไปหมดแล้ว ชดใช้มาเดี๋ยวนี้!” ชายหนุ่มชี้ไปที่รองเท้าผ้าใบของตนเองโดยไม่ยอมปล่อยฮั่วหลี ไปง่ายๆ “งี่เง่า! นายเดินไม่ดูตาม้าตาเรือจนไปชนคนอื่นเองยังมีหน้ามาด่า เด็กอีก แล้วรองเท้าเน่าๆ ของนายน่ะจะสักกี่เหรียญกันเชียว!” ผู้ที่เข้ามาแทรกกลางคือหญิงสาวที่ก�ำลังเคี้ยวหมากฝรั่ง ตุ้มสีเงิน สองอันสะท้อนแสงวาววับไปตามการขยับของริมฝีปาก เธอต่อว่าและ เหน็บแนมชายหนุ่มอย่างดูแคลน ก่อนจะเดินมาตรงหน้าฮั่วหลี เอื้อมมือมา หยิกแก้มเด็กชายเบาๆ แล้วถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะระรื่น “เป็นอะไรรึเปล่า เขาไม่ได้ท�ำเธอบาดเจ็บใช่มั้ย?” “เปล่า...เปล่าครับ” “ดี ฉันชื่อเติ้งเหยียน ส่วนเขาชื่อซ่งเจี้ยน นิสัยบ้าๆ บอๆ ไปหน่อย อย่าถือสาเลยนะ ว่าแต่น้องชายหน้าตาน่ารักจัง ชื่ออะไร ไหนบอกพี่สาว หน่อยสิ” เติ้งเหยียนยื่นมือออกมา คล้ายตั้งใจจะลูบเส้นผมสีแดงเพลิงของ ฮัว่ หลี แต่มอื ยังไม่ทนั ได้สมั ผัสเส้นผมของจิง้ จอกน้อยก็ถกู จางเสวียนเดินเข้า มาขวางไว้ เส้นผมสีนำ�้ ตาลสะท้อนกับแสงแดดเป็นประกาย ดวงตาสีฟา้ ราวกับ น�ำ้ ทะเล ทัง้ ผิวและเครือ่ งหน้ากระจ่างใส ในสายตาของเติง้ เหยียน คนผูน้ เี้ ป็น 16


ตอน เรือมรณะ ผู้ชายที่หล่อจนไม่รู้จะสรรหาถ้อยค�ำใดมาบรรยายได้เลย! หญิงสาวยืนนิ่งจ้องมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาวาววับอ่อนเชื่อม ขณะก�ำลังจะเอ่ยทักทาย อีกฝ่ายก็ปัดมือเธอออกเบาๆ แล้วพูดด้วยน�้ำเสียง เย็นชา “คุณผูห้ ญิงครับ น้องชายผมยังเด็ก คุณท�ำแบบนีจ้ ะท�ำให้เขาตกใจ ได้นะครับ” พูดจบก็คว้ามือฮั่วหลีเดินลิ่วจากไปแบบไม่เหลียวหลัง เติ้งเหยียน ซึ่งยังคงยืนอึ้งอายจนหน้าแดง สายตามองตามหลังทั้งสองคนที่เดินจากไป ด้วยความเจ็บใจ ซ่งเจี้ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะเยาะเสียงดังลั่น “โง่เอ๊ย! คิดจะอ่อยคนรวยก็ต้องดูด้วยว่าเขาสนใจเธอรึเปล่า เสีย เวลาน่า สู้หาทางขู่เอาเงินจากพวกเขาสักก้อนไม่ได้ ง่ายกว่าเยอะ!” เติง้ เหยียนถ่มหมากฝรัง่ ลงไปในทะเล แล้วยืน่ ขาถีบซ่งเจีย้ นไปหนึง่ ที “ไอ้งั่งอย่างนายจะไปรู้อะไร คิดจะหนีไปด้วยกันแท้ๆ ท�ำไมไม่รู้จัก เอาเงินมาให้เยอะกว่านี้ นีย่ งั คิดจะหาเรือ่ งเข้าคุกด้วยการขูก่ ระโชกเงินคนอืน่ อีกงั้นเหรอ!” ถูกแฟนสาวด่าทอ ซ่งเจีย้ นทีร่ สู้ กึ เสียหน้าจึงได้แต่เถียงแถไปเรือ่ ยๆ “ฉันเอาเงินมาเยอะแล้วนะ ถ้าใช้แบบประหยัดๆ หน่อย เราสองคน ก็จะอยู่ได้สบายๆ อย่างน้อยก็ครึ่งปีเลยละ” แต่นั่นคงเป็นค�ำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นส�ำหรับอีกฝ่าย เพราะซ่งเจี้ยนเอง ก็รู้อยู่เต็มอกว่าต่อให้ขนเงินมามากมายแค่ไหนก็ยากที่จะพอ ตราบใดที่ เติ้งเหยียนยังใช้เงินหว่านโปรยราวกับเศษกระดาษอยู่แบบนี้ เพิง่ อยูร่ ว่ มกันมาได้แค่หนึง่ เดือน บัตรเครดิตก็ถกู รูดจนแทบจะหมด 17


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 วงเงิน เขาหงุดหงิดอารมณ์เสียเป็นทีส่ ดุ แต่ไม่อาจท�ำอะไรได้ จึงคิดแผนเรือ่ ง ขู่กระโชกขึ้นมา “ช่างเถอะ! ไม่มีเงินก็ต้องหา ฉันมีความคิดดีๆ แล้ว จะลองดู หน่อยมั้ย?” พอเห็นอีกฝ่ายท�ำเสียงอ่อย เติ้งเหยียนที่คิดอยากจะด่าซ่งเจี้ยนที่ เป็นตัวเกะกะ ท�ำให้เธอหมดโอกาสที่จะปฏิสัมพันธ์กับหนุ่มหล่อเมื่อครู่ก็ อ่อนใจจนไม่อยากเอาเรื่องเอาราว ยิ่งคิดก็ยิ่งเซ็งในอารมณ์ เดิมทีพอได้ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนรัก เธอ นึกว่าชาตินคี้ งสบาย ในทีส่ ดุ ก็ตกได้ผชู้ ายฐานะดีมาเคียงคู่ ทีไ่ หนได้ ดูสภาพ ของหมอนีต่ อนนีส้ ิ เติง้ เหยียนปรายตามองคนทีย่ นื อยูเ่ คียงข้างแล้วเบะปาก... กากซะไม่มี! กระทั่งเสื้อผ้าของเด็กคนเมื่อกี้ยังดูดีมีราคากว่าเจ้างั่งนี่ไม่รู้เท่าไร! หญิงสาวกลอกตา ในที่สุดเธอก็คิดหาวิธีรวยทางลัดออกแล้ว! เติง้ เหยียนชะโงกหน้าเข้าไปเพือ่ จะกระซิบบางอย่างทีข่ า้ งหูซง่ เจีย้ น แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถ้อยค�ำออกมาก็มีแสงสว่างส่องวาบขึ้นตรงหน้าเสียก่อน ชายหนุม่ ท่าทางธรรมดา สวมเสือ้ เชิต้ ธรรมดาวิง่ เข้ามาทักทายพวกเขาอย่าง ร่าเริง “ขอโทษครับ ผมเป็นช่างภาพครับ เวลาเห็นเหตุการณ์สวยๆ งามๆ ทีไร อดกดชัตเตอร์ไม่ได้ทุกที...” “นึกจะถ่ายก็ถ่ายได้งั้นเหรอ กลับไปถ่ายแม่แกโน่นไป๊!” เติ้งเหยียน แผดเสียงด่าทอ แล้วกระชากกล้องมาจากมือชายหนุ่ม กดลบรูปทิ้ง จากนั้น จึงโยนกล้องคืนให้ “ถ้ายังกล้าถ่ายรูปไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้อีกละก็ ฉันจะ โยนกล้องแกทิ้งทะเลให้ดู!” 18


ตอน เรือมรณะ เรือเทียนหยางเป็นเรือส�ำราญระดับสี่ดาว ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ หรูหราไม่นอ้ ย แม้ภายนอกจะดูเป็นเรือขนาดกลาง แต่ภายในกว้างขวางกว่า ที่คิดไว้มากทีเดียว บริกรเดินน�ำคณะเดินทางทั้งสี่ชีวิตไปยังเคบินผู้โดยสาร เนี่ยสิงเฟิงกับจางเสวียนพักเคบินเดียวกัน ส่วนจิ้งจอกน้อยและ เสีย่ วไป๋พกั อยูห่ า่ งออกไปอีกเคบิน อันทีจ่ ริงรางวัลทีไ่ ด้รบั มานัน้ มีเพียงเคบิน เดียว แต่เพราะไม่อยากเป็นก้างขวางคอคูร่ กั ข้าวใหม่ปลามัน ฮัว่ หลีจงึ ขอให้ เนี่ยรุ่ยถิงช่วยจองเคบินเพิ่มให้ตนและเสี่ยวไป๋อีกหนึ่งห้อง ภายในเคบินตกแต่งอย่างหรูหรา เพียบพร้อมด้วยเครื่องอ�ำนวย ความสะดวกแทบไม่ต่างจากโรงแรมห้าดาว บริกรที่น�ำทางพวกเขามายัง เคบินอธิบายบริการหลักๆ และกิจกรรมที่มีบนเรือจบแล้ว แต่ยังไม่ยอมจาก ไปไหน ยืนรีๆ รอๆ อยู่ที่หน้าประตู จางเสวียนเห็นแล้วเข้าใจได้ทันที จึงใช้มือตบไปตามกระเป๋าเสื้อ และกางเกง สุดท้ายก็หยิบได้ซองช็อกโกแลตแบบเม็ดทีเ่ พิง่ เปิดกินไปได้เพียง ครึ่งเดียว จึงวางมันลงบนฝ่ามือของบริกรผู้นั้น แล้วยิ้มหล่อเหลาพร้อมพูด ด้วยน�้ำเสียงนุ่มนวล “ขอบคุณนะครับ” ใบหน้าขาวเนียนของบริกรหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีช็อกโกแลตในทันใด ฮั่วหลีเห็นแล้วถึงกับส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทางอ่อนอกอ่อนใจ “พี่ใหญ่นี่งกชะมัดเลยแฮะ ไม่รู้จักธรรมเนียมบ้างเล้ย!” พูดจบก็หัน ไปหาบริกรผู้นั้นแล้วบอกด้วยรอยยิ้มสดใส “พี่ชาย ไม่เป็นไรนะครับ พี่ช่วย พาผมไปทีเ่ คบินหน่อยสิ ผมเอาช็อกโกแลตบาร์แท่งใหญ่มาด้วย เดีย๋ วผมจะ แบ่งให้พี่ รับรองว่าต้องมากกว่าที่พี่ใหญ่แบ่งให้แน่นอนครับ” 19


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 บริกรโค้งค�ำนับ แล้วเดินน�ำฮัว่ หลีออกไปจากห้องด้วยสีหน้าเหมือน คนท้องผูก จางเสวียนปิดประตูแล้วหงายผลึ่งลงบนเตียงทันที “ยังรู้สึกไม่สบายอยู่รึเปล่า?” เนี่ยสิงเฟิงนั่งลงข้างๆ ยื่นมือไปนวด หน้าผากให้อีกฝ่ายอย่างใส่ใจ จางเสวียนไม่ปกติ! ปกติ แ ล้ ว เมื่ อ ไปยั ง สถานที่ แ ปลกใหม่ หมอนี่ ต ้ อ งวิ่ ง วุ ่ น ส� ำ รวจ นูน่ นีน่ นั่ ไปทัว่ ราวกับหนูตดิ จัน่ บริการไหนทีส่ ามารถใช้ได้ฟรีเป็นต้องรีบแจ้น ไปใช้ให้ครบครันราวกับกลัวจะขาดทุน การทีม่ าถึงห้องพักแล้วกลับทิง้ ตัวลง นอนนิ่งอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ถือเป็นเรื่องผิดปกติจนเนี่ยสิงเฟิงเริ่มรู้สึก ไม่สบายใจ “แค่ง่วงนิดหน่อยน่ะครับ” เปล่าเลย อันที่จริงเขาไม่ได้ง่วงแม้แต่น้อย แต่รู้สึกเวียนหัวจนไม่ อยากท�ำอะไรทั้งสิ้น จางเสวียนยกมือทาบหน้าผากตัวเองเพื่อวัดอุณหภูมิ ไม่มีไข้ แต่ต่อให้มีไข้เขาก็ไม่รู้ เพราะโตมาจนป่านนี้เขายังไม่เคยเจ็บไข้ได้ ป่วยเลยสักครั้ง! เนี่ยสิงเฟิงจึงเข้าใจไปว่าอีกฝ่ายอาจจะรู้สึกอ่อนเพลียจากกิจกรรม เมื่อคืนจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นให้นอนพักคงจะดีที่สุด “งั้นคุณนอนพักนะ ผมจะไปดูเสี่ยวหลีก่อน แล้วจะรีบกลับมาอยู่ เป็นเพื่อน” “ไม่ต้องหรอกครับ คุณไปเที่ยวให้สนุกเถอะ ทิ้งแผนที่ไว้ให้ผมก็พอ ผมอยากวิเคราะห์เกาะเงินทองหน่อย ทุกชื่อย่อมมีที่มา ลองตั้งชื่อเกาะ แบบนี้ไม่แน่ว่าพอไปถึงเราอาจจะขุดเจอแร่ทองค�ำบนเกาะก็ได้” เกาะเงินทองคือเกาะที่จะใช้เป็นสถานที่หยุดพักในการเดินทาง 20


ตอน เรือมรณะ ครั้งนี้ ที่นั่นเป็นเกาะร้าง แต่เพราะมีทิวทัศน์งดงาม อีกทั้งเม็ดทรายยังมีแร่ที่ สามารถเปล่งประกายสีทองเจือปนอยู่ ท�ำให้ถูกเรียกขานว่าเกาะเงินทอง ไม่ได้มีแร่ทองค�ำอย่างที่เจ้าเทียนซืออ่อนหัดคนนี้คิดเพ้อเจ้อไปเองสักนิด แม้ความจริงจะเป็นเช่นนั้น แต่เนี่ยสิงเฟิงก็ไม่อยากอธิบายให้อีก ฝ่ายอารมณ์เสีย จึงยื่นแผนที่ให้โดยไม่โต้แย้ง แล้วเดินออกไปยังห้องของ ฮั่ ว หลี ประตู ห ้ อ งไม่ ไ ด้ ล็ อ ก มี เ สี ย งหั ว เราะเฮฮาดั ง ลอดมาจากด้ า นใน เนี่ยสิงเฟิงที่ก�ำลังจะยกมือขึ้นเคาะประตูถึงกับต้องถอยห่างออกมาเล็กน้อย เพื่อตรวจดูหมายเลขหน้าห้องอีกครั้ง ‘ใช่แล้ว นี่เป็นห้องของเสี่ยวหลี ไม่ผิดแน่’ ชายหนุ่มยกมือขึ้นเคาะ ทันทีที่ประตูเปิดออก ใบหน้าที่คาดไม่ถึงก็ ปรากฏอยู่ตรงหน้า “พี่สิงเฟิง! โลกกลมจังเลยนะคะ” เฝิงฉิงฉิง! อะไร? ยังไง? ท�ำไมเขาต้องมาเจอน้องสาวจอมยุง่ คนนีอ้ กี แล้ว? เสียงหัวเราะทีย่ งั คงดังแว่วมาท�ำเอาเนีย่ สิงเฟิงใจหายวูบ แล้วรีบชะโงกหน้าเข้าไปมองด้านใน ห้องทันที เป็นอย่างที่หวั่นเกรง ในห้องของฮั่วหลีมีแขกอยู่หลายคน ล้วนเป็น คนที่เขาคุ้นหน้า ไม่ว่าจะเป็นฉู่เกอ ฉินอิง หลัวเยี่ยน จ้าวเสี่ยวเวย เฉิงเข่อซิน รวมกับเฝิงฉิงฉิงและโจวหลินหลินที่ยืนพิงผนังอยู่ด้วยแล้ว ทั้งหมดก็รวมกัน ได้เจ็ดคน หรือพูดง่ายๆ ว่า สมาชิกชมรมวิจยั เรือ่ งลีล้ บั ทีเ่ ขาแสนจะครัน่ คร้าม ได้มารวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา! แค่เห็นว่ามีคนกลุ่มนี้เดินทางร่วมทริปเรือส�ำราญในครั้งนี้ด้วย 21


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 ไม่ต้องใช้สมองคิดไตร่ตรอง เนี่ยสิงเฟิงก็รู้ได้ทันทีว่า นี่ต้องไม่ใช่สัญญาณดี อย่างแน่นอน! “พวกเธอมาได้ยังไง?” เนี่ ย สิ ง เฟิ ง รู ้ สึ ก จุ ก แน่ น หน้ า อกเหมื อ นจะหายใจไม่ อ อกขณะ พยายามเค้นเสียงถาม “มาเที่ยวไงคะ พี่สิงเฟิง มาค่ะ เดี๋ยวฉันจะแนะน�ำพวกเพื่อนๆ ให้พี่ รู้จัก” “ไม่ต้อง ฉันจ�ำพวกเธอได้หมดทุกคน” จ�ำได้ดีชนิดไม่มีวันลืมเลยเชียวละ! เนี่ยสิงเฟิงเคยพบกับนักศึกษากลุ่มนี้ที่โรงพยาบาลเสิ้งอัน แน่นอน ว่าคนคุ้นหน้าที่สุดย่อมเป็นโจวหลินหลิน เพราะเหตุการณ์มารร้ายจิ่วอิงที่ เพิ่งผ่านมานั้นเกี่ยวพันกับเขาไปเต็มๆ แต่ในตอนเกิดเรื่องที่โรงพยาบาล เสิ้งอันนั้นมีการบิดเบือนของมิติเวลา พวกฉู่เกอจึงจ�ำเนี่ยสิงเฟิงไม่ได้ “ครั้งนี้พวกเธอจะไปจับผีที่ไหน? เกาะเงินทอง?” “โธ่! พี่สิงเฟิงละก็ อย่าล้อเล่นสิคะ ถึงพวกเราจะอยู่ชมรมวิจัยเรื่อง ลี้ลับแต่ก็ไม่จ�ำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับวิญญาณไปซะทุกครั้งนะคะ” เฝิงฉิงฉิง พ้อ “ครั้งนี้พวกเราแค่มาเที่ยวค่ะ บังเอิญเจอเสี่ยวหลีเข้าพอดี” ท�ำไมเขาจะไม่เห็นว่าก่อนตอบค�ำถามเฝิงฉิงฉิงชะงักไปเล็กน้อย อีกทั้งสีหน้าของคนอื่นๆ ก็แสดงพิรุธอย่างชัดเจน แม้จะสงสัยแต่เขาก็ยัง ไม่คิดที่จะเค้นถามอะไรต่อ “พวกเราอยูช่ นั้ บนนีเ่ อง มีอะไรพีก่ ข็ นึ้ ไปหาฉันได้นะคะ ถ้าอย่างนัน้ ฉันไม่กวนพี่กับเสี่ยวหลีแล้ว ไว้เจอกันนะคะ” พูดจบก็ยกโขยงกันออกจากห้องไป 22


ตอน เรือมรณะ “ดีจงั เลยนะครับ มีคนรูจ้ กั เยอะแยะ มาล่องเรือครัง้ นีค้ งไม่เหงาแน่ๆ” ฮั่วหลีพูดด้วยหน้าตาดีอกดีใจ ต่างกับสีหน้าละเหี่ยเพลียจิตของเนี่ยสิงเฟิง โดยสิ้นเชิง ‘ไม่ใช่แค่ไม่เหงา แต่เกรงว่าน่าจะครึกครื้นมากจนเกินไปอีกด้วย’ แค่คิดว่ามีนักศึกษาจอมก่อเรื่องกลุ่มนี้อยู่ด้วย เนี่ยสิงเฟิงก็หมด ความมั่นใจแล้วว่าครั้งนี้พวกเขาจะได้ล่องเรือส�ำราญเที่ยวอย่างสงบสุข เสียงหวูดดังมาจากด้านนอก เหมือนจะเป็นการตีตราประทับรับรอง ความคิดของชายหนุ่ม เรือส�ำราญเทียนหยางพร้อมออกเดินทางแล้ว... ฮั่วหลีอุ้มเสี่ยวไป๋แนบอก แล้วรีบวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อดูทะเล เนี่ยสิงเฟิงเองก็เดินตามไปด้วย น�้ำทะเลสีเขียวมรกตประดับด้วยฟองคลื่นสีขาวฟูฟ่องสะอาดตา สาดซัดอยู่ด้านบน เรือค่อยๆ แล่นออกจากท่า การเดิ น ทางล่ อ งเรื อ ส� ำ ราญท่ อ งเที่ ย วนานหนึ่ ง สั ป ดาห์ เ ริ่ ม ต้ น ขึ้นแล้ว!

23


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6

2

ทีก่ ราบเรือ ชายหนุม่ คนหนึง่ ก�ำลังนัง่ เล่นเหรียญอยู่ ฮัว่ หลีปรีเ่ ข้าไป ดูอย่างสนใจ พอเห็นเหรียญกษาปณ์นนั้ กลิง้ หมุนไปมาอยูบ่ นมืออีกฝ่ายอย่าง คล่องแคล่วราวกับมีแม่เหล็กดูด จิ้งจอกน้อยก็ตื่นเต้นจนร้องออกมาด้วย ความชื่นชม “โอ้โห! คุณเก่งจังเลย ท�ำได้ไง สอนผมหน่อยได้มั้ยครับ?” “ได้สิ ไม่ยากเลย” อีกฝ่ายตอบด้วยรอยยิ้ม “ขอแค่ตั้งใจฝึกฝน เธอ ก็ต้องท�ำได้เหมือนกัน” ชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นี้ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วอายุน่าจะไม่ ถึงสามสิบ เสือ้ ผ้าทีส่ วมแม้จะไม่หรูหรามียหี่ อ้ แต่กด็ ดู มี รี สนิยม กริยาท่าทาง สุภาพเรียบร้อย พอเห็นเนีย่ สิงเฟิงเดินเข้ามา เขาก็เก็บเหรียญลงกระเป๋าแล้ว เอ่ยทักทายอย่างมีอัธยาศัย “ลูกชายคุณน่ารักมากเลยนะครับ” รอยยิม้ บนใบหน้าหล่อเหลาแข็งค้างไปในทันที ยิง่ เหลือบมองไปเห็น 24


ตอน เรือมรณะ ฮั่วหลีก�ำลังหัวเราะลั่นจนถึงกับต้องขดตัวกุมท้องด้วยแล้วก็ยิ่งหน้าตึง “เอ่อ...เขาไม่ใช่ลูก แต่เป็นน้องชายของเพื่อนผมครับ” “อ้าว! ขอโทษครับ ขอโทษที” ชายหนุม่ ก้มศีรษะด้วยสีหน้ากระดาก อาย แล้วรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาโดยยื่นมือมาตรงหน้าเขาพร้อมกับแนะน�ำ ตัวเอง “ผมชือ่ จัว่ เทียนครับ ท�ำงานอยูบ่ ริษทั ประกันภัย ยินดีมากทีไ่ ด้เดินทาง ร่วมกันในครั้งนี้นะครับ” “ผมเนี่ยสิงเฟิงครับ” ทัง้ สองจับมือแนะน�ำตัวกันเสร็จเรียบร้อย แต่เสียงหัวเราะคิกคักของ ฮั่วหลียังคงแว่วมาเข้าหู ควบคู่กับเสียงซุบซิบของเสี่ยวไป๋ “สงสัยท่านประธานคงต้องบ�ำรุงผิวหน้าสักหน่อยแล้ว เจ้าว่ามั้ย?” มีอีกเสียงหัวเราะดังขึ้นจากฝั่งตรงข้าม โจวหลินหลินนั่นเอง เขานั่ง อยูต่ รงบริเวณทีห่ า่ งไปไม่ไกลนัก จึงน่าจะได้ยนิ บทสนทนาทัง้ หมดเข้าไปเต็ม สองหู แย่แล้ว! ถ้าโจวหลินหลินเอาเรือ่ งนีไ้ ปเล่าให้เฝิงฉิงฉิงกับเพือ่ นๆ ฟัง ละก็ มีหวังเขาต้องอับอายขายหน้าแน่ ขณะที่ก�ำลังคิดจะก้าวเข้าไปเตือน อีกฝ่ายว่าห้ามเอาเรือ่ งนีไ้ ปเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด ก็มคี นถือกล้องวิง่ มาตัดหน้า เสียก่อน “น่ารักทีส่ ดุ !” ชายหนุม่ ผูน้ นั้ พูดพร้อมกับจ้องมองฮัว่ หลีตงั้ แต่ศรี ษะ จรดปลายเท้า แล้วพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเองด้วยความพึงพอใจ เส้นผมสีแดงยุ่งเหยิงที่เปล่งประกายงดงามภายใต้แสงอาทิตย์ ดวงตากลมโตวาววับราวกับมุกสีนิล ภาพของเด็กน้อยที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ ท�ำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจส�ำหรับภาพถ่ายที่จะส่งเข้าประกวดขึ้นมาทันที ชายหนุ่มรีบหยิบนามบัตรออกมายื่นให้เนี่ยสิงเฟิง 25


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 “สวัสดีครับ ผมชื่อเจียงเซิง เป็นช่างภาพมืออาชีพ ผมขออนุญาต ถ่ายรูปลูกชายคุณหน่อยได้มั้ย? เขาน่ารักมากเลย สีผมก็สวยเป็นธรรมชาติ ด้วย” เมือ่ ครูช่ า่ งภาพผูน้ เี้ พิง่ ถูกเติง้ เหยียนด่าสาดเสียเทเสียมาสดๆ ร้อนๆ จึงไม่กล้าวู่วามกดชัตเตอร์มั่วซั่วอีก ยิ่งครั้งนี้อีกฝ่ายเป็นเด็ก เขายิ่งต้องระวัง ให้มาก จึงรีบแสดงตัวเพือ่ ขอความเห็นชอบจากผูป้ กครองของเด็กน้อยอย่าง เป็นทางการก่อน เนีย่ สิงเฟิงปรายตามองดูฮวั่ หลีทตี่ อนนีล้ งไปข�ำกลิง้ อยูก่ บั พืน้ อีกรอบ ความขุ่นเคืองทบทวีคูณขึ้นในใจทันที ชายหนุ่มเริ่มสงสัยแล้วว่าหรือการ ประสบพบเจอภูตผีวิญญาณร้ายมากเกินไป จะเป็นสาเหตุของการแก่ชรา ก่อนวัยอันควร? ส่วนจิ้งจอกน้อยนั้นทั้งข�ำทั้งดีใจที่ได้รับค�ำชม พอตั้งสติได้จึงตอบ รับอย่างหน้าตาชื่นบาน “พีอ่ ยากถ่ายรูปผมเหรอครับ ได้เลย แต่...ต้องถ่ายคูก่ บั เสีย่ วไป๋ดว้ ย ได้มั้ยครับ?” “ได้ สิ ได้ แ น่ น อน” เจี ย งเซิ ง รี บ รั บ ค� ำ แข็ ง ขั น ทั้ ง ยั ง หั น มาทาง เนี่ยสิงเฟิงและจั่วเทียนด้วยใบหน้ายิ้มร่า “ได้ลงเรือล�ำเดียวกันถือเป็น พรหมลิขิต ถ้าอย่างนั้นทุกคนมาถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกสักใบดีมั้ยครับ” ทว่าแค่เขายกกล้องขึ้น จั่วเทียนก็หลบวูบในทันที “ขอโทษครับ เอ่อ คือ...ผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูป เชิญพวกคุณตาม สบายเลยครับ” พูดแล้วก็แยกตัวออกไปยืนดูอยู่ข้างๆ หลังถ่ายรูปเสร็จ ฮั่วหลีก็รีบ วิ่งแจ้นไปหาจั่วเทียนเพื่อขอให้เขาสอนวิธีเล่นเหรียญให้ทันที เจียงเซิงที่อยู่ 26


ตอน เรือมรณะ ว่างๆ จึงเดินตามไปด้วย ส่วนเนี่ยสิงเฟิงแยกตัวไปทักทายโจวหลินหลินที่ ยังคงยืนชมวิวอยู่ที่เดิม “ไง คุณยายของคุณสบายดีมั้ย?” ก่อนหน้านี้เขาเคยไปบ้านพักคนชราเพื่อพูดคุยกับคุณยายของ โจวหลินหลิน จึงถามถึงโดยลืมไปเสียสนิทว่าอีกฝ่ายน่าจะยังไม่รู้เรื่องนี้ หลังจากฟังค�ำถามของเขาแล้ว โจวหลินหลินก็เหลียวซ้ายแลขวาด้วยความ งุนงง ทั้งยังใช้นิ้วชี้จมูกตัวเองอย่างไม่แน่ใจ “ถามผมเหรอครับ?” “ใช่สิ ผมเป็นคนรูจ้ กั ของฉิงฉิง เมือ่ กีเ้ ราก็เพิง่ จะเจอกัน คุณคงไม่ได้ ลืมผมไปแล้วใช่มยั้ ?” เห็นอีกฝ่ายท�ำท่าประหลาดใจอย่างสุดแสน เนีย่ สิงเฟิง จึงช่วยเตือนความจ�ำให้ “เปล่าครับเปล่า ผมก็แค่...นึกไม่ถงึ ...” โจวหลินหลินยกมือเกาศีรษะ ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด สร้อยลูกประค�ำที่สวมอยู่บนข้อมือส่องประกายเจิดจ้าอยู่ ภายใต้แสงตะวันอันอบอุ่น “คุณยายผมสบายดี ขอบคุณครับ จริงสิ ท�ำไม คุณถึงมาล่องเรือครั้งนี้ได้ล่ะครับ ฉิงฉิงเคยบอกว่าพวกคุณงานยุ่งมาก” “น้องผมได้ตวั๋ ฟรีจากการจับรางวัล พวกเราก็เลยมาพักผ่อนกัน แล้ว พวกคุณล่ะ? สมาชิกชมรมวิจัยเรื่องลี้ลับมากันพร้อมหน้าแบบนี้ คงไม่ได้มา ตามล่าภูตผีวิญญาณร้ายในทะเลใช่มั้ย?” เนี่ยสิงเฟิงถามกึ่งจริงกึ่งหยอก ทัง้ ทีค่ ดิ ว่าอีกฝ่ายคงหัวเราะร่าแล้วรีบแก้ตวั แต่ทา่ ทีของโจวหลินหลิน กลับผิดไปไกลจากที่คิด ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างลังเล “อันที่จริง...ผมเอง...ก็ไม่อยากให้พวกเขามาหรอกครับ แต่ทุกคนก็ ดึงดันจะมากันให้ได้” ความกั ง วลเสี้ ย วหนึ่ ง ฉาบอยู ่ บ นดวงตาของอี ก ฝ่ า ย หั ว ใจของ 27


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 เนี่ยสิงเฟิงกระตุกวูบขึ้นมาทันที เขามีลางสังหรณ์ว่าค�ำพูดทีเล่นทีจริงของ ตัวเองดูเหมือนจะเป็นจริงขึ้นมาเสียแล้ว ครั้งนี้ชมรมวิจัยเรื่องลี้ลับต้องมี จุดประสงค์มากกว่าแค่มาเที่ยวเล่นแน่ “ที่พวกเรามาครั้งนี้ก็เพราะได้รับความอุปถัมภ์จากรุ่นพี่ฉู่ครับ คุณ ลุงของรุน่ พีจ่ ะมาเทีย่ ว เลยอนุญาตให้พวกเรามาด้วย คุณเองก็คงทราบ สกุล ฉู่เป็นเศรษฐีใหญ่ พาเพื่อนของหลานมาเที่ยวแค่นี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ส�ำหรับพวกเขา นั่นไงครับ ผู้ชายคนนั้นคือคุณลุงของรุ่นพี่” โจวหลินหลินชีไ้ ปทีช่ ายวัยกลางคนซึง่ นัง่ อยูท่ หี่ น้าบาร์เครือ่ งดืม่ แม้ จะเห็นแค่ใบหน้าด้านข้าง แต่เนี่ยสิงเฟิงก็จ�ำได้ว่าคนผู้นั้นคือฉู่เจิ้งหนาน นักธุรกิจผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในแวดวงอุตสาหกรรมสิ่งทอ กับตัวเขาเองก็เคย เจอกันอยู่หลายครั้ง นึกไม่ถึงว่าโลกจะกลมขนาดที่คนคนนี้กลายเป็นคุณลุง ของฉู่เกอ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมวิจัยเรื่องลี้ลับด้วย “คุณเนี่ยครับ...” โจวหลินหลินเรียกเขาด้วยท่าทางอึกอักอย่างน่าสงสัย “ว่าไง มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่า?” “คือ...ผม...ผมมีลางสังหรณ์วา่ การเดินทางครัง้ นีต้ อ้ งมีอนั ตรายแน่” อีกแล้ว! ครั้งที่เท่าไรแล้วที่มีคนพูดแบบนี้ หรือว่าทุกคนที่ร่วมเดิน ทางในครั้งนี้ต่างคาดหวังให้เกิดเหตุเรืออับปาง ภัยพิบัติทางทะเล หรือไม่ก็ เกิดอันตรายร้ายแรงขึน้ กับคนในเรือกันนะ จึงพร้อมใจกันคาดคะเนไปในทาง สาปแช่งกันเสียทุกคน! “ท�ำไมพูดแบบนี้ล่ะ?” “อืม..ลางสังหรณ์ครับ ผม...รู้สึกได้...โดยเฉพาะกับรุ่นพี่ฉู่ ผมเกรง ว่า...เขาจะมีอันตราย” 28


ตอน เรือมรณะ “คุณบอกเรื่องนี้กับเขารึยัง?” “ผมไม่ได้บอกใครทั้งนั้น คุณเองก็อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ออกไปนะครับ มันเป็นแค่ลางสังหรณ์ ผมยังไม่แน่ใจจึงยังไม่อยากบอกให้ทุกคนตกใจ น่ะครับ” ถึงจะพูดว่าไม่แน่ใจ แต่สีหน้าของโจวหลินหลินดูจริงจังมาก ท�ำให้ รู้สึกได้ทันทีว่านี่ต้องไม่ใช่แค่ความรู้สึกสังหรณ์ใจธรรมดาแน่ ต้องมีเหตุผล บางอย่างที่มากกว่านั้น เนี่ยสิงเฟิงก�ำลังจะอ้าปากถามต่อ แต่เจียงเซิงก็วิ่งเข้ามาขัดจังหวะ เสียก่อน ชายหนุม่ ยิม้ แย้มอย่างมีความสุข ดูทา่ ว่าคงถ่ายรูปดีๆ ของฮัว่ หลีได้ ไม่น้อย “คุณเนี่ยครับ ผมถ่ายรูปให้คุณดีมั้ยครับ? วิวทะเลสวยขนาดนี้ ไม่ ถ่ายเก็บไว้เสียดายแย่” เนี่ยสิงเฟิงไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียน�้ำใจ จึงยื่นกล้องของตัวเองให้ “ถ้างั้นรบกวนด้วยนะครับ” โจวหลินหลินเขยิบตัวเข้ามาโอบไหล่เนีย่ สิงเฟิงด้วยท่าทางสนิทสนม “ถ้าได้ขอ้ มูลอะไรเพิม่ ผมจะรีบบอกคุณทันที อย่าเพิง่ บอกเรือ่ งนีก้ บั คนอื่นนะครับ” ชายหนุ่มกระซิบบอกหลังถ่ายรูปเสร็จ แล้วเดินจากไปทันทีโดย ไม่เปิดโอกาสให้ซักถามอะไรอีก แม้จะยังติดใจสงสัยในหลายเรือ่ ง แต่เพราะเป็นห่วงจางเสวียน หลัง จากพูดคุยกับเจียงเซิงต่ออีกไม่กี่ประโยค เนี่ยสิงเฟิงก็ขอตัวกลับไปที่เคบิน ภายในห้อง ผ้าม่านถูกรูดปิดหมดทุกด้าน ทัง้ ห้องจึงมีเพียงแสงสลัว ส่องสว่างอยู่รางๆ ทว่าเสียงลมหายใจแผ่วเบาสม�่ำเสมอที่ได้ยินก็ท�ำให้ 29


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 เนี่ยสิงเฟิงคาดเดาไปว่าจางเสวียนน่าจะยังนอนหลับอยู่ เขาจึงค่อยๆ ย่อง เข้าไปที่เตียงอย่างเงียบเชียบ เป็นดังที่คิด ร่างของจางเสวียนนอนคว�่ำอยู่บนเตียง มือยังวางอยู่ บนแป้นคีย์บอร์ดของโน้ตบุ๊กเและแผนที่ เนี่ยสิงเฟิงยื่นมือออกไป ตั้งใจจะ วัดอุณหภูมิที่หน้าผากของอีกฝ่าย แต่ข้อมือกลับถูกคว้าไว้โดยไม่ทันตั้งตัว คนที่เขานึกว่าหลับลืมตาใสแป๋วขึ้นมาทันที แล้วถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “ท่านประธาน คุณคิดจะแอบลวนลามผมรึไง?” “ลวนลามคุณ? ผมต้องแอบด้วยเหรอ?” เห็นรอยยิม้ ของอีกฝ่ายแล้ว รู้สึกเบาใจขึ้นมาก เนี่ยสิงเฟิงจึงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “เป็นยังไงบ้าง รู้สึก ดีขึ้นบ้างรึยัง?” “อือ พอได้หลับไปงีบนึงก็ค่อยยังชั่วขึ้นแล้วละครับ” จางเสวียนดีดตัวลุกขึน้ นัง่ แล้วจึงพบว่ายังคงมีอาการเวียนศีรษะอยู่ เล็กน้อย แต่โชคดีที่รู้สึกอยากอาหารขึ้นมาบ้างแล้ว ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการ เสียบรรยากาศการท่องเที่ยว เขาจึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วชวนเนี่ยสิงเฟิงไป กินข้าวที่ห้องอาหาร “คุณไม่ค่อยสบายแบบนี้ กินในห้องดีกว่ามั้ย?” “ไม่ได้ครับ มีบริการฟรีให้ใช้ตั้งเยอะแยะ ถ้าไม่ได้ใช้ให้คุ้มละก็ ผม ต้องไม่สบายหนักกว่าเดิมแน่” จางเสวียนยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยเจ็บป่วย ดังนั้นแค่ อาการเวียนศีรษะเล็กน้อยจึงไม่อาจหยุดยั้งความงกของเขาได้ ดวงตาสีฟ้า ใสกวาดมองตารางกิ จ กรรมบั น เทิ ง ที่ ว างอยู ่ บ นโต๊ ะ อย่ า งรวดเร็ ว และ ตัดสินใจได้ในทันทีว่าหลังรับประทานอาหารให้อิ่มหน�ำแล้วจะไปเริงร่าต่อ ยังคาสิโน 30


ตอน เรือมรณะ มาล่องเรือส�ำราญทัง้ ทีถา้ ไม่เล่นพนันต้องรูส้ กึ ผิดกับตัวเองแน่นอน! ที่ส�ำคัญมีตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่อยู่ข้างกายแบบนี้ ต่อให้ป่วยจนใกล้ ตาย ขอเพียงลากสังขารไปไหว ยังไงก็ต้องไปเล่นให้จงได้! ทั้งสองจึงเดินไปที่ห้องอาหารกลาง พอได้ฟังจากเนี่ยสิงเฟิงว่า สมาชิกชมรมวิจัยเรื่องลี้ลับมาล่องเรือส�ำราญกันครบทุกคน ดวงตาของ จางเสวียนก็เปล่งประกายแวววาวขึ้นทันที “เชื่อผมสิ! พวกเขาไม่ได้มาจับผีแต่มาตามล่าหาสมบัติต่างหาก สมบัติล�้ำค่าใต้ทะเลลึกไงล่ะ!” ถ้อยค�ำนั้นท�ำให้เนี่ยสิงเฟิงรู้สึกเหมือนได้เจอสมาชิกใหม่ของชมรม วิจัยเรื่องลี้ลับขึ้นมาทันที “สมบัติล�้ำค่าใต้ทะเลลึก? จางเทียนซือ คุณดูหนังมากไปแล้ว” หลังมือ้ อาหาร ทัง้ สองไม่ได้ตรงดิง่ ไปคาสิโน แต่เลือกทีจ่ ะไปเดินเล่น ชมวิวและถ่ายรูปเล่นบนดาดฟ้าก่อน บรรยากาศปลอดโปร่งแสนสบาย คลื่นน�้ำสีขาวสะอาดสาดซัดเป็นฟองฟูฟ่อง นกนางแอ่นทะเลโผบินส่งเสียง ร้องดังแว่ว เห็นเงาของโลมากระโดดลิบๆ อยู่เหนือผิวน�้ำ จางเสวียนยืนพิงขอบเรือ ทอดสายตามองดูท้องน�้ำสีครามที่ก�ำลัง ซัดสาด จูๆ่ เขาก็เกิดความรูส้ กึ อยากกระโดดลงไปแหวกว่ายน�ำ้ เล่นกับโลมา ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาสีฟ้าใสแปรเปลี่ยนเป็นสีน�้ำเงินเข้มลึกยิ่งกว่าสีของน�้ำทะเล อี ก ทั้ ง ยั ง มี ป ระกายเย้ า ยวนชวนให้ ลุ ่ ม หลงว่ า ยเวี ย นอยู ่ ใ นนั้ น ท� ำ เอา เนี่ยสิงเฟิงซึ่งยืนมองอยู่อดจะใจเต้นรัวขึ้นมาไม่ได้ เขากวักมือเรียกบริกรที่ เดินผ่านมา “รบกวนช่วยถ่ายรูปให้พวกผมหน่อยได้มั้ยครับ?” 31


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 บริกรผูน้ นั้ อายุคอ่ นข้างน้อย เวลายิม้ จะเห็นฟันกระต่ายโดดเด่นเป็น เอกลักษณ์ เนีย่ สิงเฟิงรูส้ กึ ว่าใบหน้าของเด็กหนุม่ ผูน้ ดี้ คู นุ้ ตาอย่างบอกไม่ถกู แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน ทว่าตอนยื่นกล้องให้อีกฝ่าย จู่ๆ มือของเขาก็สั่นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ กล้องร่วงหลุดจากมือโดยไม่คาดคิด โชคดีที่บริกรหนุ่มน้อยรับไว้ได้ทัน แล้วบอกพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “ช่วยขยับเข้ามาชิดๆ กันหน่อยนะครับ” เนี่ยสิงเฟิงหันไปมองคนข้างๆ ดวงตาคมกริบเขียวปัดขึ้นมาทันที เผลอแป๊บเดียว เจ้าหมอผีนกั ต้มตุน๋ ตัวดีกป็ รีเ่ ข้าไปตีสนิทกับสาวสวยทีย่ นื อยู่ ถัดไปอย่างกระตือรือร้นเสียแล้ว “สวัสดีครับคุณคนสวย เอ่อ...เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าครับ?” แต่หญิงสาวกลับเมินใส่อย่างเห็นได้ชัด ถึงอย่างนั้นเจ้าเทียนซือ อ่อนหัดก็ยังไม่ยอมเลิกรา เนี่ยสิงเฟิงกัดฟัน กระเถิบตัว ยืดแขนไปคว้าคอ กระชากร่างอีกฝ่ายกลับมาโอบไหล่ไว้ แล้วสั่งเสียงต�่ำ “มองกล้อง!” “ท่านประธานครับ ขอร้องละ เวลาถ่ายรูปคุณอย่ายิ้มโหดขนาดนี้ ได้มั้ย ผมขนลุกไปหมดแล้วนะ โอ๊ย!” ถูกหยิกเข้าทีเ่ อวหนึง่ ที จางเสวียนถึงกับร้องลัน่ เป็นจังหวะเดียวกับ ที่บริกรหนุ่มกดชัตเตอร์ให้พวกเขาพอดี จากนัน้ อีกฝ่ายก็เดินเข้ามายืน่ กล้องคืนให้ เนีย่ สิงเฟิงฉวยโอกาสมอง ป้ายชื่อบนอก ‘เซี่ยงเหวิน’ แม้จะรู้สึกคุ้นหน้า แต่นี่เป็นชื่อที่เขาไม่รู้จักอย่าง แน่นอน “คุณมองอะไรอยูน่ ะ่ ?” จางเสวียนไล่มองตามสายตาของเนีย่ สิงเฟิง ไป จึงพบว่าจุดสิ้นสุดของสายตาอยู่ที่แผ่นหลังของเซี่ยงเหวิน พอเห็น 32


ตอน เรือมรณะ แบบนั้นก็อดจะรู้สึกหึงหวงขึ้นมาไม่ได้ “เฮ้ๆ! มีผมยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน คุณจะมาเหม่อมองผู้ชายอื่นแบบนี้ ไม่ได้นะ!” เนี่ยสิงเฟิงเหล่ตามองคนขี้โวยวายแวบหนึ่ง “คุณจีบสาวสวยได้ ผมก็ต้องมองหนุ่มหล่อได้สิ” จางเสวียนยิ้มอย่างได้ใจ แล้วใช้ไหล่กระแทกคนข้างตัวไปหนึ่งที “นั่นแน่ หึงเหรอครับ หึหึ วางใจเถอะ ผมไม่ได้จีบใครสักหน่อย แค่ รู้สึกคุ้นหน้าเธอเท่านั้น” อธิบายเสร็จก็หันกลับไปมอง หญิงสาวคนนั้นเดินจากไปแล้ว “ผมเองก็รสู้ กึ คุน้ หน้าบริกรคนนัน้ อยูเ่ หมือนกัน” เนีย่ สิงเฟิงบอกด้วย น�้ำเสียงราบเรียบ ตอนนี้จางเสวียนรู้สึกว่าอาการวิงเวียนของตนเองดีขึ้นมากแล้ว ยิ่ง ได้เห็นแมวกวักแสดงอาการหึงหวงอย่างออกนอกหน้าก็ยิ่งรู้สึกดีขึ้นเป็น ทวีคูณ อารมณ์จึงชื่นมื่นเบิกบานเป็นพิเศษ พอเหลือบไปเห็นใบหน้าคุ้นตา ปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็รีบดีดนิ้วเรียก “คุณช็อกโกแลต! คุณช็อกโกแลต!” คุณช็อกโกแลตที่จางเสวียนร้องเรียกนั้นที่จริงแล้วคือบริกรประจ�ำ เรือที่พาพวกเขาไปส่งยังเคบิน ทั้งที่อุตส่าห์อดทนยืนรอทิปอยู่พักใหญ่ แต่ที่ ได้รบั กลับเป็นช็อกโกแลตเม็ดครึง่ ห่อ ดังนัน้ พอได้ยนิ เสียงดีดนิว้ เรียกแล้วหัน มาเห็นว่าเป็นจางเสวียน บริกรหนุ่มก็เผลอหลุดสีหน้าที่เผยความในใจว่า ไม่อยากจะเดินเข้ามาสักนิดออกมาทันที แต่จะท�ำอย่างไรได้ ลูกค้าคือพระเจ้า! สุดท้ายเขาจึงจ�ำต้องเดินเข้า มาหา แล้วฝืนยกมุมปากฉีกยิ้มการค้า 33


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 “สวัสดีอีกครั้งครับ ผมลู่ผิง ยินดีที่ได้รับใช้ครับ” “ช่วยเอาแชมเปญมาให้พวกผมสองแก้วนะครับ ขอบคุณครับ” สั่งเสร็จก็ปรายตามองคนข้างๆ โชคดีที่ตู้เอทีเอ็มส่วนตัวตู้นี้ไม่เพียง หล่อเหลา เงินหนา แต่ยังอ่านสายตาของเขาออกได้อย่างดีเยี่ยม เนี่ยสิงเฟิงหยิบเงินออกมาส่งให้ลู่ผิง ตอนแรกเขาตั้งใจจะบอก อีกฝ่ายว่าไม่ตอ้ งทอน แต่เมือ่ รูส้ กึ ถึงสายตาทีจ่ บั จ้องอยูข่ า้ งๆ ชายหนุม่ ก็กลืน ค�ำพูดประโยคนั้นกลับลงคอไปทันที แชมเปญถูกยกมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว พอเห็นจางเสวียนท�ำท่า ตบกระเป๋า ลู่ผิงที่ผ่านประสบการณ์น่าสะพรึงมาแล้วหนึ่งครั้งจึงรีบปฏิเสธ “ไม่ต้องครับ ไม่ต้อง พอแล้วครับ” เมื่อเช้านอกจากช็อกโกแลตเม็ดครึ่งห่อของจางเสวียนแล้ว เขายัง ได้ช็อกโกแลตกล่องใหญ่จากฮั่วหลีเป็น ‘ทิป’ ตอบแทนที่เขาช่วยยกกระเป๋า ให้ ตอนนี้พอเห็นอีกฝ่ายตบกระเป๋า ลู่ผิงจึงรีบส่ายหน้าและยกมือห้ามด้วย ความหวาดผวา...เขาไม่ต้องการช็อกโกแลตเพิ่มอีกแล้ว! ทว่าสิง่ ทีจ่ างเสวียนล้วงออกมากลับเป็นแบงก์ดอลลาร์สหรัฐหนึง่ ใบ พอได้ยินค�ำห้ามปรามของลู่ผิง เขาก็ท�ำท่าเสียดายแล้วเก็บมันเข้ากระเป๋า กางเกงไปหน้าตาเฉย เห็นดวงตาที่เบิกกว้างและปากที่อ้าค้างของลู่ผิงแล้ว เนี่ยสิงเฟิงก็ แทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ ขณะส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ เจ้าเทียนซือ อ่อนหัดคนนี้นี่นะ! “เอ๊ะ?” เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังขึ้นจากด้านหลัง พอพวกเขา หันกลับไปมองก็พบกับใบหน้าคุ้นเคยที่ไม่คาดคิด ฝ่ายที่ส่งเสียงร้องเองก็มี 34


ตอน เรือมรณะ สีหน้าตกใจสุดขีด ถึงขนาดพ่นเหล้าในปากออกมา โชคดีทที่ งั้ เนีย่ สิงเฟิงและ จางเสวียนต่างมีปฏิกิริยาว่องไวจึงเบี่ยงตัวหลบได้ทัน แต่ลู่ผิงที่ยืนอยู่ ด้านหลังไม่โชคดีขนาดนั้น...จึงถูกเหล้าพ่นใส่เข้าไปเต็มหน้า “อ๊ะ! ขอโทษ ขอโทษครับ ขอโทษ” ชายหนุ่มที่พ่นเหล้าออกมาโดยไม่ตั้งใจกุลีกุจอหยิบผ้าเช็ดหน้ามา เช็ดให้ลู่ผิง พร้อมกับละล�่ำละลักกล่าวค�ำขอโทษ ทว่าคุณช็อกโกแลตผู้นี้นับ ว่าสมกับเป็นบริกรมืออาชีพ เพราะนอกจากจะไม่ปรากฏร่องรอยความ หงุดหงิดแม้เพียงเสี้ยวบนสีหน้าแล้ว ยังยิ้มและโค้งค�ำนับอย่างสุภาพ “ขอบคุณคุณผู้ชายที่ให้เกียรติครับ” “นี่ต้องเป็นการล่องเรือส�ำราญที่เป็นฝันร้ายของลู่ผิงแน่” เนี่ยสิงเฟิงปรารภขึ้นด้วยความเห็นใจบริกรผู้โชคร้ายที่เพิ่งเดินจาก ไป ส่วนจางเสวียนนั้นพุ่งตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อของชายที่พ่นเหล้าแล้ว เค้นเสียงถาม “ท�ำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?” “แล้วท�ำไมท่านอาจารย์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ?” เว่ยเจิ้งอี้ นายต�ำรวจยศสูงซึ่งตอนนี้ครองต�ำแหน่งศิษย์รักประจ�ำ ส�ำนักจางเสวียนย้อนถามท่านอาจารย์ที่เคารพด้วยค�ำถามเดียวกัน “ผมก็ต้องมาเที่ยวแน่นอนอยู่แล้ว” “ผมก็มาเที่ยวเหมือนกัน แล้วก็มา...” เว่ยเจิ้งอี้ลดเสียงลง ชะโงก หน้าเข้ามาใกล้ กลอกตามองไปรอบๆ ด้วยท่าทีมีพิรุธ “จับโจรด้วยครับ” ‘จับโจร?’ จางเสวียนกวาดตามองศิษย์รักตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เส้นผม สีทองอร่ามแถมยังท�ำไฮไลต์สีน�้ำเงิน มิหน�ำซ�้ำยังเจาะคิ้ว สวมรองเท้าบูต 35


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 คาวบอย สภาพอย่างนี้นี่นะมาจับโจร! ถ้าจะให้พูดตามตรง สารรูปของนายต�ำรวจเลือดเดือดในตอนนี้ ต่างหากที่ดูยังไงก็...อาชญากรชัดๆ ดูจากสีหน้าก็รไู้ ด้ทนั ทีวา่ ทัง้ ท่านอาจารย์และท่านประธานคงไม่เชือ่ ค�ำพูดของเขา เว่ยเจิ้งอี้จึงรีบพาทั้งสองเข้าไปคุยในที่ลับตา ถึงอย่างนั้นก็ยัง พูดด้วยเสียงแผ่วเบาไม่ต่างจากกระซิบ “พวกเราเพิ่งได้รับรายงานด่วนเข้ามาว่าอาจมีผู้ร้ายหนีคดีลอบ ปะปนขึ้นมาบนเรือล�ำนี้น่ะครับ” “ต่อให้ตอ้ งมาจับผูร้ า้ ยหนีคดี ก็ไม่เห็นคุณต้องลงทุนย้อมผมแต่งตัว แบบนี้เลย” ขนาดผีวิญญาณเฮี้ยนเขายังไม่กลัว นับประสาอะไรกับอาชญากร ซึ่งเป็นคน ดังนั้นนอกจากไม่แสดงความหวั่นเกรงออกมาแล้ว จางเสวียนยัง เอ่ยถามในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับโจรผู้ร้ายแม้แต่น้อย “ผมก�ำลังตามแกะรอยคดีเกีย่ วกับยาเสพติดอยูถ่ งึ ได้แต่งตัวแบบนี้ พอได้รับค�ำสั่งด่วนให้มาตามเรื่องผู้ร้ายบนเรือก็ตรงมาที่นี่เลย ไม่ทันได้ เปลี่ยนเสื้อผ้า” เว่ยเจิ้งอี้เปิดรูปในโทรศัพท์มือถือให้พวกเขาดู “นี่ไงครับ หมอนี่ เ ป็ น ฆาตกรที่ เ หี้ ย มโหดมาก มี ข ่ า วลื อ ว่ า เขาเคยท� ำ ศั ล ยกรรม เปลี่ยนแปลงใบหน้าด้วย เพราะฉะนั้นผมก็เลยต้องสืบหาร่องรอยของเขา อย่างเงียบเชียบทีส่ ดุ ถ้าท่านอาจารย์กบั ท่านประธานเห็นใครมีทา่ ทีนา่ สงสัย ช่วยบอกผมด้วยนะครับ” เนี่ยสิงเฟิงจ้องมองภาพถ่ายในโทรศัพท์ หน้าตาของชายหนุ่มในรูป ดูสุภาพเรียบร้อย ท�ำให้เขารู้สึกว่ามีบรรยากาศคล้ายชายหนุ่มที่ชื่อจั่วเทียน ที่ส�ำคัญคือคนร้ายท�ำศัลยกรรมใบหน้ามา ดังนั้นคดีนี้คงสืบไม่ได้ง่ายแน่ๆ 36


ตอน เรือมรณะ เว่ยเจิ้งอี้บอกว่าคนร้ายเป็นฆาตกรเหี้ยมโหด นี่จึงน่าจะไม่ใช่เรื่องเล็ก “พวกคุณมากันกี่คน? แจ้งกัปตันรึยัง? เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คุณต้อง รับรองและดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสารบนเรือด้วยนะ” “ผมมาคนเดียวครับ เพราะนีย่ งั เป็นแค่ขา่ วจากสาย เรายังไม่รวู้ า่ จะ เชื่อถือได้แค่ไหน ถ้ายังไม่มีหลักฐานพอหรือเหตุจ�ำเป็นจริงๆ ผมก็ไม่อยาก ท�ำให้ผู้โดยสารบนเรือแตกตื่นครับ” เพราะยังไม่สามารถพิสูจน์ความน่าเชื่อถือของแหล่งข่าวได้ร้อย เปอร์เซ็นต์ ผูก้ ำ� กับการเฉินจึงส่งเขามาปฏิบตั ภิ ารกิจนีเ้ พียงล�ำพัง ถ้าฆาตกร ทีว่ า่ ไม่ได้หนีคดีมาอยูบ่ นเรือก็ถอื ว่าเขาได้มาเทีย่ วฟรีดว้ ยงบของทางราชการ แต่ถ้าฆาตกรอยู่บนเรือล�ำนี้จริงๆ นั่นก็เป็นอีกเรื่อง ในตอนแรกเว่ยเจิ้งอี้รู้สึกกังวลไม่น้อย แต่พอรู้ว่าท่านอาจารย์ที่ เคารพอยูบ่ นเรือล�ำนีด้ ว้ ยจึงค่อยเบาใจ และรูส้ กึ ว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกิน “ถ้างั้นผมขอตัวไปท�ำงานก่อนนะครับ ไว้ค่อยคุยกันใหม่คืนนี้” นายต� ำ รวจหนุ ่ ม เดิ น จากไปแล้ ว เนี่ ย สิ ง เฟิ ง จึ ง หั น มามองหน้ า จางเสวี ย นด้ ว ยรอยยิ้ ม ละเหี่ ย ใจ ไม่ อ ยากเชื่ อ เลยว่ า พวกเขาจะได้ เ จอ คนรู้จักมากมายบนเรือส�ำราญล�ำนี้ ทั้งที่ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ถ้าทั้งหมดนี้เป็น เรื่องบังเอิญ ก็นับว่าช่างเป็นความบังเอิญที่เกินคาดอยู่ไม่น้อย! จางเสวียนโทรหาฮั่วหลี บอกเรื่องฆาตกรหนีคดีเพื่อให้จิ้งจอกน้อย ระวังตัว ไม่เที่ยวเล่นซุกซนจนเกินไป แต่อีกฝ่ายก็รับค�ำแบบขอไปที แม้วิชา อาคมของฮัว่ หลีจะอ่อนด้อยลงแต่กเ็ ป็นถึงจิง้ จอกไฟ ดังนัน้ เขาจึงไม่เป็นห่วง มากนัก ขณะก�ำลังกดวางสาย ลมเหนือทีพ่ ดั เข้าหาใบหน้าวูบหนึง่ ท�ำให้เขา รู้สึกหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน รู้สึกคล้ายมองเห็นเงาด�ำกลุ่มก้อนนั้นเคลื่อนตัว 37


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 ผ่านไหล่ของตนไป เสียงลมหวีดหวิวกรีดผ่านข้างหูท�ำเอาจางเสวียนถึงกับ หนาวเยือกจนตัวสั่นสะท้าน “คุณหนาวเหรอ?” “ลมพัดน่ะครับ ก็เลยหนาวนิดหน่อย” เนี่ยสิงเฟิงเงยหน้าขึ้นมองแสงแดดที่ส่องสว่างจ้าอยู่เหนือศีรษะ ยามบ่ายเช่นนี้เป็นเวลาที่อากาศอุ่นสบาย อีกทั้งเขายังไม่รู้สึกถึงสายลม แม้แต่น้อย ดูเหมือนจางเสวียนจะไม่สบายเอาจริงๆ ดังนั้นแม้อีกฝ่ายจะร�่ำ ร้องอยากไปคาสิโน เขาก็ไม่ยอมตามใจ บังคับพาตัวกลับห้อง ทว่าพอหยิบ ยาลดไข้ให้ก็กลับถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง จางเสวียนปรุงน�้ำยันต์ดื่มหนึ่งแก้ว จากนั้นจึงมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม แต่ยังไม่วายเอ่ยปากสั่ง “จัดรูปเสร็จแล้วคุณอย่าลืมตรวจดูข้อมูลด้วยนะ ว่าเกาะเงินทองมี อะไรผิดปกติรึเปล่า ท�ำไมทุกคนถึงมุ่งหน้าไปที่นั่น” “รับทราบครับผม” ท่านเลขานุการซึ่งเป็นถึงเทียนซือมือฉมังออกค�ำสั่ง ตัวเขาในฐานะ เจ้านายและประธานบริษทั ย่อมต้องปฏิบตั ติ ามอย่างเคร่งครัด เนีย่ สิงเฟิงโยน ไฟล์รูปถ่ายลงในคอมพิวเตอร์ ระหว่างที่ก�ำลังนั่งดู เขาก็พบว่ารูปถ่ายคู่ของ ตัวเองกับโจวหลินหลินซึง่ เจียงเซิงเป็นคนถ่ายให้นนั้ โจวหลินหลินถูกตัดหลุด ออกจากเฟรมไปกว่าครึ่ง เห็นแบบนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ‘ถ่ายคนขาดไปครึ่งตัว...ฝีมือย�่ำแย่ขนาดนี้ เจียงเซิงเป็นช่างภาพ มืออาชีพจริงหรือ?’ หลังจัดรูปถ่ายเสร็จ ภารกิจต่อไปคือตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับ เกาะเงินทอง ด้วยการสืบค้นทางอินเทอร์เน็ตเขาจึงได้รู้ว่านอกจากเป็น สถานที่ท่องเที่ยวแล้ว เกาะเงินทองไม่ได้มีต�ำนานแปลกประหลาดอะไรอีก 38


ตอน เรือมรณะ แต่เมือ่ ดูภาพถ่ายมุมสูงของเกาะเงินทองและหมูเ่ กาะใกล้เคียงแล้ว กลับพบ ว่ามีรูปร่างบิดเบี้ยวแปลกประหลาด รูปร่างดูคล้ายกับ... ‘คล้ายกับอะไร...?’ เนีย่ สิงเฟิงนึกไม่ออก แต่รสู้ กึ ว่าต้องเป็นบางอย่างทีเ่ ขาเคยเห็น ชาย หนุม่ ถอนหายใจเฮือกหนึง่ แล้วนึกระอาใจในตัวเอง ดูเหมือนการพบเจอภูตผี บ่อยครั้งจะไม่ใช่แค่ท�ำให้ใบหน้าแก่ก่อนวัย แต่ยังท�ำให้ความจ�ำเลอะเลือน มากขึ้นทุกทีอีกด้วย ช่วงเย็น ฮัว่ หลีกบั เสีย่ วไป๋มาหาพวกเขาทีห่ อ้ ง พอเห็นว่าจางเสวียน ยังคงหลับอยู่ เสี่ยวไป๋ก็กระโดดขึ้นไปเดินย�่ำบนหลังอีกฝ่าย ทั้งยังใช้อุ้งมือ แมวตบแก้ม จางเสวียนถูกมันก่อกวนจนหงุดหงิดจึงเค้นเสียงขู่ออกมา “ถ้านายยังไม่หยุด ฉันจะจับนายโยนลงไปเลี้ยงฉลามในทะเล!” “เชอะ! ถ้าเจ้ามีแรงก็ลุกขึ้นมาจับข้าโยนสิ” เสี่ยวไป๋ท้าทายแล้วพ่น เสียงหัวเราะเยาะใส่หน้าโดยปราศจากซึง่ ความเห็นใจและหวาดกลัว “ดูจาก สภาพเจ้าแล้ว คงไม่ได้เมาเรือแน่ ใครกันนะที่เคยบอกว่าท้องทะเลคือบ้าน ของตัวเอง มีใครที่ไหนกลับบ้านแล้วมีสภาพแบบนี้บ้าง?” ค�ำพูดนั้นของเสี่ยวไป๋ท�ำให้เนี่ยสิงเฟิงนึกสงสัยขึ้นมาครามครัน สภาพอ่อนเปลี้ยของจางเสวียนดูคล้ายอาการเมาเรือก็จริงอยู่ แต่ปกติแล้ว หมอนีแ่ ข็งแกร่งยิง่ กว่าแมลงสาบ กระทัง่ นัง่ รถซิง่ ฝีมอื เขายังไม่เคยเมาหรือมี อาการวิงเวียนแม้แต่น้อย คิดไม่ถึงว่าจะเมาเรือเสียได้ “คุณไม่เคยบอกผมเลยว่าคุณเมาเรือ” “ผมไม่เคยนั่งเรือ จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ?” จางเสวียนตวัดสายตาขุ่นเขียวใส่แล้วยันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังรู้สึก 39


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 เวียนศีรษะ ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าอาการที่เป็นอยู่นี้เพราะเมาเรือหรือเป็น ผลกระทบจากกลุ่มเงาสีด�ำอัปมงคลนั่น...มันคืออะไรกันแน่? “ผมเอายาแก้เมาเรือมาด้วย พี่ใหญ่ลองกินดูดีมั้ย?” ฮั่วหลีที่เตรียมการมาพร้อมสรรพเสนอแต่จางเสวียนปฏิเสธ ถึง อย่างไรก็ยากที่เขาจะเชื่อว่าตัวเองสุขภาพย�่ำแย่จนเมาเรือหรือป่วยไข้จนถึง ขั้นต้องกินยาขึ้นมาจริงๆ “พวกนายไปเที่ยวเล่นที่ไหนมาบ้าง?” จางเสวียนเปลี่ยนหัวข้อ สนทนา “ผมอยู่กับพวกเจียงเซิง” เพราะถูกใจฮั่วหลีมาก หนุ่มช่างภาพจึงเสนอตัวเป็นไกด์พาจิ้งจอก น้อยกับเสี่ยวไป๋ไปเล่นสนุกในห้องกิจกรรมต่างๆ บนเรือ ตอนแวะไปที่ บาร์บังเอิญเจอกับจั่วเทียนเข้าพอดี ชายหนุ่มผู้นั้นแนะน�ำให้ไปห้องสปา ทุกคนจึงพากันไปท�ำสปาวารีบ�ำบัด ต่อด้วยฝึกกายบริหาร ระหว่างที่ก�ำลัง เที่ยวเล่นกันอยู่ ได้พบกับซ่งเจี้ยนหลายครั้ง โชคดีที่ฝ่ายนั้นไม่ได้เข้ามา หาเรื่องหาราวอีก ยิง่ ฟังทีจ่ งิ้ จอกน้อยเล่า จางเสวียนก็ยงิ่ หงุดหงิด มีกจิ กรรมบันเทิงตัง้ มากมายบนเรือล�ำนี้ ทีส่ ำ� คัญทุกอย่างฟรี! แต่เขากลับยังไม่ได้ใช้บริการแม้แต่ อย่างเดียว มาล่องเรือส�ำราญสุดหรูทั้งทีกลับท�ำได้แค่หลับใหลอยู่ในเคบิน แบบนี้ มันน่าเจ็บใจนัก! “เจี ย งเซิ ง บอกว่ า คื น นี้ จ ะมี โ ชว์ สุ ด เซ็ ก ซี่ ด ้ ว ย ผมตั้ ง ใจว่ า จะพา เสี่ยวไป๋ไปดูด้วยกัน” “ฉันไปด้วย!” แค่ได้ยินค�ำว่าเซ็กซี่ สีหน้าอิดโรยของจางเสวียนก็ แจ่มใสขึ้นทันตา แล้วหลุดถ้อยค�ำนั้นออกมาในทันใด แต่ก็เหมือนนึกอะไร 40


ตอน เรือมรณะ ขึ้นได้ จึงรีบเหลือบตามองไปยังคนข้างกาย ก่อนจะอ้อมแอ้มพูดขึ้นมา อีกประโยค “ท่านประธานเองก็จะไปด้วย” มื้อเย็นวันนี้เนี่ยสิงเฟิงเลือกรับประทานอาหารที่ห้องอาหารสไตล์ ตะวันตกบนดาดฟ้าเรือ ทีน่ วี่ วิ สวยมาก มองเห็นทิวทัศน์ทอ้ งทะเลได้กว้างไกล มุมหนึ่งของห้องอาหารมีนักเปียโนบรรเลงบทเพลงไพเราะอ่อนหวาน เพิ่ม บรรยากาศสุดแสนโรแมนติกให้กับค�่ำคืนนี้ จั่วเทียนกับเจียงเซิงนั่งรับประทานอาหารอยู่ด้วยกัน พอฮั่วหลีเห็น เข้าก็รีบเล่าให้พี่ชายทั้งสองของตนฟังว่า แม้จะมาเที่ยวแต่จั่วเทียนก็ยังขยัน ท�ำงานไม่หยุด เขาพยายามเสนอขายประกันให้คนรอบข้างตลอดเวลา สงสัย ว่าตอนนี้เจียงเซิงคงตกเป็นเป้าหมายของชายหนุ่มนักขายไปเรียบร้อยแล้ว ฉู่เจิ้งหนานเองก็เข้ามารับประทานอาหารเย็นในห้องนี้ด้วยเช่นกัน เขาก�ำลังพูดคุยกับชายชราซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น เนี่ยสิงเฟิงไม่รู้จักชายชราคน นั้น แต่ดูจากรสนิยมการแต่งตัวแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าต้องไม่ใช่คนทั่วไปแน่ ใน ตอนนั้นเองฉู่เจิ้งหนานก็หันมาเห็นเขาเข้าพอดี นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ตกตะลึง ไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข็นรถของชายชราเข้ามาทักทาย “คุณเนี่ยนั่นเอง มาเที่ยวเหมือนกันเหรอครับ?” เมื่อพบคนรู้จักในแวดวงธุรกิจย่อมต้องให้เกียรติกันเป็นธรรมดา เนี่ยสิงเฟิงจึงลุกขึ้นยืนจับมือกับอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท “คุณฉู่ บังเอิญจังนะครับ ผมเองงานยุ่งมานาน พอมีโอกาสก็เลย อยากจะมาพักผ่อนสักหน่อย ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอกันที่นี่” ฉู่เจิ้งหนานชี้ไปที่ชายชราและอีกสองคนที่อยู่ด้านหลัง “นีค่ อื คุณไป๋เซียนไข่หรือผูเ้ ฒ่าไป๋ ส่วนทางนีค้ อื ไป๋ซี เป็นลูกชายครับ และนี่คือเซียวอวี่ หลานสาว” 41


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 เนีย่ สิงเฟิงเคยได้ยนิ ชือ่ ของไป๋เซียนไข่มาก่อน ในอดีตคนผูน้ เี้ คยเป็น นักธุรกิจแถวหน้าของวงการอุตสาหกรรมยา แต่หลายปีมานีอ้ ำ� นาจของสกุล ไป๋ในแวดวงธุรกิจค่อยๆ ตกต�่ำลง ชายชราจึงแทบจะไม่ได้ปรากฏโฉมใน วงการธุรกิจอีก ไป๋เซียนไข่มใี บหน้าค่อนข้างเรียว รูปร่างผอมเพรียว บุคลิกดูเป็นคน สุขมุ ไป๋ซผี เู้ ป็นลูกนัน้ แม้จะไม่ดนู า่ เกรงขามเท่ากับบิดา แต่กเ็ ปีย่ มด้วยเสน่ห์ ของหนุม่ ใหญ่วยั กลางคน ส่วนเซียวอวี่ คิดแล้วก็ให้รสู้ กึ กระดากใจเหลือเกิน เพราะหญิงสาวคนนี้คือคนที่จางเสวียนปรี่เข้าไปท�ำท่าก้อร่อก้อติกด้วย ตอนที่ขึ้นไปชมวิวบนดาดฟ้าเรือนั่นเอง “ตอนนีส้ กุลเนีย่ รุง่ เรือง เป็นหนึง่ ในเสาหลักของวงการธุรกิจการเงิน มีหลานชายประสบความส�ำเร็จทัง้ ทีย่ งั หนุม่ แน่นแบบนี้ คุณปูข่ องเธอคงภูมใิ จ ในตัวเธอมากสินะ” ไป๋เซียนไข่กึ่งถามกึ่งชมด้วยรอยยิ้ม “ผมเองก็แค่หวังว่าจะไม่ท�ำให้คุณปู่ผิดหวังครับ” เนีย่ สิงเฟิงตอบอย่างถ่อมตัว ฟังจากค�ำพูดของอีกฝ่ายแล้ว ชายชรา ผูน้ นี้ า่ จะคุน้ เคยกับคุณปูข่ องเขาไม่นอ้ ย แต่เท่าทีจ่ ำ� ได้เขาไม่เคยได้ยนิ คุณปู่ เอ่ยถึงชื่อนี้เลยสักครั้ง จึงอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ “เธอเป็นคนหนุ่มที่เก่งกาจขนาดนี้ ไม่มีทางท�ำให้เขาผิดหวังแน่” ชายชราพูดด้วยรอยยิ้มแล้วหันไปทางหลานสาว “เสี่ยวอวี่ ต่อไปหลานต้อง เรียนรู้จากคุณเนี่ยให้มากนะ” พอได้ยินเช่นนั้น เซียวอวี่ก็ก้าวเดินมาข้างหน้า ยื่นมือมาสัมผัสกับ เนี่ยสิงเฟิงอย่างเป็นกันเอง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ฝากตัวด้วยนะคะ” หญิงสาวเป็นคนสวยมาก เส้นผมสีด�ำขลับตัดกับชุดกระโปรงสีขาว 42


ตอน เรือมรณะ พิสุทธิ์ที่สวมใส่อยู่ ทั้งที่ไป๋เซียนไข่ซึ่งเป็นคุณปู่แต่งกายหรูหรามีระดับ แต่ หญิงสาวผู้นี้กลับแต่งตัวเรียบง่าย ไม่สวมใส่เครื่องประดับอะไรเป็นพิเศษ ทว่าความเรียบง่ายนี้กลับยิ่งส่งให้เธอดูงดงามแบบคลาสสิค “แค่กๆ” เสียงกระแอมของจางเสวียนดังมาจากด้านหลัง เนีย่ สิงเฟิง จึงรู้สึกตัวแล้วรีบปล่อยมือของเซียวอวี่ออกในทันที พร้อมกับยิ้มให้อย่าง สุภาพ “ยินดีครับ” หลังจากแนะน�ำตัวและทักทายกันตามสมควรแล้ว ฉูเ่ จิง้ หนาน รวม ทั้งสองพ่อลูกสกุลไป๋และหลานสาวก็เอ่ยขอตัวแล้วเดินจากไป พวกเขานั่งที่ โต๊ะซึ่งอยู่ห่างออกไปโดยมีฉู่เกอนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย พอชายหนุ่มหันมาเห็น เนี่ยสิงเฟิงก็โบกมือทักทายอย่างร่าเริง “จะว่าไป ตั้งแต่เจอกันที่ห้องเสี่ยวหลีแล้ว ยังไม่เจอฉิงฉิงอีกเลย” เมื่อเห็นฉู่เกอ เนี่ยสิงเฟิงก็นึกถึงน้องสาวจอมยุ่งขึ้นมาได้ ปกติแล้ว เฝิงฉิงฉิงมีนิสัยชอบตามติดเขาไปทุกแห่งหน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องแปลกมากที่ วันนี้ยังไม่เห็นหน้าอีก ความผิดปกตินี้ยิ่งตอกย�้ำให้เขามั่นใจว่าการเดินทาง มาล่องเรือส�ำราญของชมรมวิจัยเรื่องลี้ลับในครั้งนี้ ต้องมีเป้าหมายอื่น นอกจากมาท่องเที่ยวแน่ ขณะก�ำลังขบคิดเรือ่ งต่างๆ อยูน่ นั้ จูๆ่ เนีย่ สิงเฟิงก็สมั ผัสได้ถงึ ความ หนาวเยือกขึน้ มาอย่างฉับพลัน อีกทัง้ บรรยากาศก็ดเู หมือนจะเงียบงันผิดปกติ ไม่มีใครโต้ตอบบทสนทนาของเขาเลยสักค�ำ พอเหลือบตามองไปทางคนที่ นั่งอยู่เคียงข้างก็เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าอึมครึม อีกทั้งนัยน์ตายังวาววับราวกับมี กองเพลิงลุกโชนอยูภ่ ายใน...มินา่ เล่าบรรยากาศทีร่ ายรอบจึงเยียบเย็นเช่นนี้ พอมองไปที่ฮั่วหลี ก็เห็นจิ้งจอกน้อยก�ำลังหัวเราะคิกคักด้วยสีหน้า 43


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 แก่แดด “หึหึ มีสาวสวยมาเสนอตัวให้พี่เนี่ยถึงที่แบบนี้ พี่ใหญ่ก็ต้องหึงเป็น ธรรมดาอยู่แล้วละครับ” ฮั่วหลีอธิบาย “เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่ายุ่งเรื่องผู้ใหญ่ กินข้าวไปเลย!” พูดแล้วก็กด ใบหน้าของจิ้งจอกน้อยลงไปจนแทบจะจมจานข้าว แล้วจึงหันมาพูดกับ เนี่ยสิงเฟิง “ผมนึกออกแล้วว่าเคยเห็นคนสวยคนนี้ที่ไหน ตอนที่ผมออกไป กินข้าวกับกู้เฉิง เขาเคยให้ผมดูรูปของเธอ” กู้เฉิงเป็นชื่อของคุณชายสกุลกู้ ซึ่งเป็นสกุลที่มีชื่อเสียงโด่งดังใน วงการแพทย์ ทัง้ ยังเป็นเพือ่ นรุน่ พีร่ ว่ มมหาวิทยาลัยเดียวกับเนีย่ สิงเฟิงมาก่อน จางเสวี ย นรู ้ จั ก กู ้ เ ฉิ ง จากการร่ ว มปราบผี ที่ โ รงพยาบาลเสิ้ ง อั น หลังจากนั้นก็ติดต่อกันเรื่อยมา กู้เฉิงเคยหลุดปากพูดถึงเซียวอวี่ให้เขาฟัง เนื้อหาก็เป็นไปในท�ำนองว่า หลังจากบ้านสกุลไป๋ฐานะตกต�่ำลง แทนที่ผู้คน ในตระกูลจะเร่งท�ำงานเพื่อฟื้นฟูฐานะ กลับเอาแต่เร่ขายหลานสาวคนสวย ไปทัว่ กูเ้ ฉิงชอบผูห้ ญิงทีม่ บี คุ ลิกเร่าร้อน เซียวอวีจ่ งึ ไม่ใช่ผหู้ ญิงแบบทีเ่ ขาจะ รับมาเป็นคู่ควง ‘มินา่ เล่า หมอนีถ่ งึ ต้องกระแอมไอ ทีแ่ ท้กเ็ พราะรูด้ วี า่ ไป๋เซียนไข่คดิ อะไรอยู่นี่เอง’ เนี่ยสิงเฟิงใช้ศอกกระทุ้งอีกฝ่ายเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถอะ คุณเห็นนั่นมั้ย ฉู่เกอกับเซียวอวี่ดูเ หมาะสมและ สนิทสนมกันมาก ไม่แน่ว่าทั้งสองตระกูลอาจจะตั้งใจพาพวกเขามาดูตัวกัน ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้” “คิดจะหว่านแหก็ต้องหว่านให้ทั่ว สุดท้ายค่อยมาคัดเลือกอีกครั้งก็ ยังไม่สาย เทียบกับสกุลฉูแ่ ล้วสกุลเนีย่ ของคุณมีฐานะสูงกว่ามาก คุณไม่เห็น 44


ตอน เรือมรณะ เหรอว่าเมื่อกี้ตาแก่ไป๋นั่นพยายามเสนอหลานสาวให้คุณออกนอกหน้า ขนาดไหน?” พูดจบก็สบั มีดลงไปในจานสเต๊กอย่างแรง ก้อนเนือ้ ในจานขาดเป็น สองส่วนภายในคมมีดเดียว ประกายแสงสีทองเย็นเยียบเสี้ยวหนึ่งวาดผ่าน ดวงตาสีฟ้าใส เสี่ยวไป๋ที่บังเอิญเห็นเข้าพอดีถึงกับตกใจจนสะดุ้งเฮือก ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ ลูกแมวน้อยสัมผัสได้ทันทีว่าประกาย แสงสีทองนัน้ เจือไว้ดว้ ยจิตสังหารอันเข้มข้น ผสานกับความเหีย้ มโหดอ�ำมหิต อีกทั้งยังเปี่ยมล้นด้วยความรู้สึกที่พร้อมจะเข้าต่อสู้ แย่งชิง เมื่อความรู้สึก เหล่านีไ้ หลเวียนอยูใ่ นดวงตาสีฟา้ กระจ่างใสของจางเสวียน จึงเกิดเป็นความ ขัดแย้งอย่างยากที่จะอธิบาย เสี่ยวไป๋รีบก้มหน้าลงกินอาหารในชามของตนเงียบๆ ไม่แน่ว่า...มันอาจจะมองผิดไปเองก็ได้ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นแค่ความ รู้สึก ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนต้องเคยมีสัมผัสที่หกผิดพลาดกันบ้างมิใช่หรือ! “ท�ำไมฉู่เจิ้งหนานถึงไม่แนะน�ำเซียวอวี่ให้ลูกชายตัวเอง แต่มา แนะน�ำให้หลานชายแทนล่ะครับ?” แม้บรรยากาศจะค่อนข้างตึงเครียด แต่ฮั่วหลีที่เก็บความสงสัยไว้ ไม่อยู่ก็ยังหลุดปากถามค�ำถามออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ลูกชายของฉูเ่ จิง้ หนานตายไปตัง้ แต่ยงั แบเบาะ เคยได้ยนิ มาว่าเขา มีลูกนอกสมรสอีกหลายคน แต่เพราะอ�ำนาจของครอบครัวฝั่งภรรยาหลวง ท�ำให้ไม่สามารถรับลูกๆ เข้ามาอยู่ในบ้านใหญ่ได้” ปกติแล้วเนีย่ สิงเฟิงไม่คอ่ ยสนใจข่าวซุบซิบในวงการธุรกิจเท่าไรนัก กระทั่งความสัมพันธ์ลุงหลานระหว่างฉู่เกอกับฉู่เจิ้งหนานเขายังเพิ่งมารู้เอา วันนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะฉู่เกอไม่เคยไปเข้าร่วมงานสังสรรค์ในแวดวงธุรกิจ ดู 45


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 จากลักษณะนิสัยที่เห็นแล้วอาจเป็นไปได้ว่า ชายหนุ่มคนนี้คงไม่ค่อยชอบ บรรยากาศในวงสังคมนักธุรกิจสักเท่าไร หลังมือ้ อาหาร ฮัว่ หลีอมุ้ เสีย่ วไป๋ไปหาเจียงเซิง ส่วนจางเสวียนมีทา่ ที ร้อนรนคล้ายใจไม่อยูก่ บั เนือ้ กับตัว เพิง่ ดืม่ แชมเปญไปได้แค่สองอึกก็วางแก้ว ลง เนี่ยสิงเฟิงเห็นท่าทางแบบนั้นแล้วรู้สึกเป็นห่วง ก�ำลังจะชวนให้กลับไป พักผ่อน เว่ยเจิ้งอี้ก็โทรเข้ามาพอดี “ท่านอาจารย์ครับ เห็นใครน่าสงสัยบ้างมั้ยครับ?” “ไม่ แล้วคุณล่ะ?” เขาหลับอยู่ที่เคบินทั้งวัน ถ้าพบผู้ต้องสงสัยก็ ประหลาดเกินไปแล้ว แน่นอนว่าเว่ยเจิง้ อีต้ อ้ งตอบว่าไม่ บนเรือส�ำราญล�ำนีม้ กี จิ กรรมทีน่ า่ สนใจมากมาย เมื่อเทียบกับการต้องตามหาตัวฆาตกรหนีคดีที่ไม่แน่ชัด กระทั่งหน้าตาท่ามกลางผู้คนนับร้อยแล้ว เขาย่อมเลือกที่จะเผลอไผลไปกับ กิจกรรมสนุกสนานมากกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร เพราะไม่มีเบาะแสคืบหน้า เว่ยเจิ้งอี้จึงเพียงแค่บ่นอีกไม่กี่ประโยค ก็วางสายไป เนีย่ สิงเฟิงก�ำลังนัง่ ชมวิวทะเล แต่พอเบนสายตามองไปรอบด้าน ก็เห็นว่าโจวหลินหลินก�ำลังเดินเข้ามาทีห่ อ้ งอาหาร เขานัง่ อยูโ่ ต๊ะทีต่ ดิ กับโต๊ะ ของฉู่เกอ พอหันมาเห็นเนี่ยสิงเฟิงก็โบกมือทักทายทันที “ท�ำไมถึงมีแค่โจวหลินหลินคนเดียว แล้วคนอื่นล่ะ?” “อะไรนะครับ?” จางเสวียนทีไ่ ด้ยนิ ไม่ถนัดย้อนถาม แต่ยงั ไม่ทนั ได้รบั ค�ำตอบ พืน้ เรือ ก็เกิดการสัน่ สะเทือนขึน้ และสัน่ อยูน่ านกว่าสิบวินาทีจงึ สงบลง เสียงประกาศ ที่ดังออกมาจากเครื่องกระจายเสียงอธิบายว่าแรงสั่นสะเทือนเมื่อครู่เป็นผล มาจากคลืน่ ใต้ทะเล ไม่สง่ ผลกระทบใดๆ ต่อการเดินเรือทัง้ สิน้ ขอให้ผโู้ ดยสาร 46


ตอน เรือมรณะ ทุกคนสบายใจได้ ทว่าจางเสวียนถึงกับหน้าถอดสี! เมื่อครู่เขามองเห็นว่ามีกระแสคลื่นสีด�ำพัดจากด้านนอกเข้ามาใน ห้องอาหาร กระแสคลืน่ นัน้ โผพุง่ เข้าหาเขา รสเค็มปร่าของน�ำ้ ทะเลทะลักเข้า มาในปาก ยังคงรูส้ กึ ได้จนถึงตอนนี้ หัวใจเต้นแรงขึน้ ในทันใด ภาพเบือ้ งหน้า พลันหมุนวนชวนให้เกิดอาการวิงเวียนอย่างบอกไม่ถูก “จางเสวียน!” เนี่ยสิงเฟิงที่นั่งอยู่ข้างๆ พอเห็นอาการเช่นนั้นก็รีบ เรียกชื่อ คว้ามือเย็นเฉียบของคนรักมากุมไว้อย่างร้อนใจ “ผม...รู้สึกไม่ค่อยสบาย ช่วยพาผมไปห้องน�้ำที” จางเสวียนรู้สึกคลื่นเหียนจนทรมาน ไม่อาจฝืนทนนั่งได้อีก จึงลุก พรวดขึน้ ทันที การเคลือ่ นไหวอย่างรวดเร็วยิง่ ท�ำให้วงิ เวียนศีรษะหนักขึน้ กว่า เดิม โชคดีที่มีเนี่ยสิงเฟิงช่วยพยุงไว้ ทันทีที่มาถึงห้องน�้ำ เขาก็พุ่งตัวไปอาเจียน ดูเหมือนคนที่คอยดูแล อยู่ข้างๆ จะพูดอะไรบางอย่าง แต่หูของเขาอื้อจนแทบลั่น ศีรษะก็ปวดจน แทบระเบิด จึงไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าอาการสุดแสนทรมานนั้นจะทุเลาลง เนี่ยสิงเฟิง เข้ามาช่วยพยุงไปบ้วนปากที่อ่างล้างมือ ทั้งยังช่วยลูบหลังให้อย่างเอาใจใส่ “คุณเป็นยังไงบ้าง?” จางเสวี ย นส่ า ยหน้ า ด้ ว ยอาการอิ ด โรย เวลานี้ เ ขารู ้ สึ ก ทรมาน กระเพาะอย่างเหลือแสน บนหน้าผากก็มีเหงื่อไหลซึมจนเปียกชุ่ม เมื่อเงย หน้ามองเงาตัวเองในกระจกก็พบว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาขาวซีดจนน่ากลัว ในดวงตาสีฟ้ามีประกายสีแดงคล�้ำเจือปนอยู่บางเบา ‘หมอกด�ำกลุ่มนั้นคืออะไรกันแน่?’ 47


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 มันไม่มกี ลิน่ อายของภูตมารหรือผีรา้ ย ตรงกันข้าม มันกลับเจือด้วย กลิน่ อายพิสทุ ธิใ์ นแบบของผูบ้ ำ� เพ็ญตบะ ทัง้ ยังให้ความรูส้ กึ คุน้ เคย สนิทสนม จางเสวียนสัมผัสได้วา่ มันไม่ได้ประสงค์รา้ ยต่อตัวเขา แต่ทำ� ไมเขาถึงต้องรูส้ กึ ไม่สบายทุกครั้งที่มันปรากฏขึ้น? “พ่อหนุม่ คนนีด้ ทู า่ ทางไม่คอ่ ยดีเลย ผมว่า ตามหมอมาดูอาการเขา หน่อยจะดีกว่า” ชายชราทีล่ า้ งมืออยูข่ า้ งๆ มองดูพวกเขาแล้วพูดออกมาด้วย น�้ำเสียงเจือความห่วงใย ชายชราผู้นี้มีเส้นผมขาวโพลนทั้งศีรษะ อีกทั้งยังมีหนวดเครายาว มาก เขาสวมแว่นตาไว้ที่เหนือดั้งจมูก ให้บรรยากาศของนักวิชาการผู้สุขุม รู้รอบ เนี่ยสิงเฟิงกล่าวค�ำขอบคุณก่อนจะพยุงจางเสวียนออกมา ตอนที่ ก�ำลังเดินกลับไปยังเคบินก็เจอเข้ากับเซียวอวี่โดยบังเอิญ เธอมองไปที่ จางเสวียนด้วยสีหน้าประหลาดใจ “คุณเนี่ย เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” “เพื่อนผมไม่ค่อยสบาย ขอโทษนะครับต้องขอตัวก่อน” ตอนนีเ้ นีย่ สิงเฟิงก�ำลังหงุดหงิดเพราะเป็นห่วงคนรัก จึงไม่มอี ารมณ์ จะสนทนากับหญิงสาวให้มากความ เขาแค่ตอบให้จบๆ แล้วขอตัวเดินจาก มาอย่างรวดเร็ว เมื่อกลับมาถึงห้อง เนี่ยสิงเฟิงค่อยๆ พยุงจางเสวียนให้เอนตัวลง นอนบนเตียงอย่างนุ่มนวล จากนั้นจึงรีบโทรตามหมอ สิบนาทีให้หลัง คุณ หมอตู้ซึ่งเป็นแพทย์ประจ�ำเรือก็มาถึงพร้อมกระเป๋าอุปกรณ์ “คนไข้อาการเป็นยังไงบ้างครับ?” คุณหมอตู้เป็นชายหนุ่ม น่าจะอายุราวสามสิบเศษ บุคลิกท่วงท่าดู 48


ตอน เรือมรณะ ภูมฐิ านตามแบบฉบับของนายแพทย์ผเู้ คร่งขรึม เขาให้จางเสวียนหนีบปรอท วัดไข้แล้วหยิบเอาหูฟังออกมา “เมื่อครู่เขาอาเจียนหนักมาก ผมกลัวว่าจะอาหารเป็นพิษน่ะครับ” เนีย่ สิงเฟิงตอบแทนอีกฝ่าย ซึง่ ดูทา่ ทางอ่อนเพลียจนไม่มแี รงแม้แต่จะพูดจา คุ ณ หมอตู ้ ว างมื อ ทาบลงบนหน้ า ท้ อ งตรงบริ เ วณที่ น ่ า จะเป็ น กระเพาะอาหาร แล้วกดเบาๆ “รู้สึกคลื่นไส้มั้ยครับ?” ‘งี่เง่า! ถูกกดท้องแบบนี้ ต่อให้คนปกติดียังต้องรู้สึกไม่สบายเลย’ แม้จะฉุนเฉียวแค่ไหน แต่ในเวลานี้จางเสวียนหมดเรี่ยวแรงจะ แผลงฤทธิ์ จึงได้แต่ตอบรับเสียงแผ่ว จากนั้นคุณหมอตู้ก็ลองกดบริเวณอื่นต่อจนพอใจ สุดท้ายจึงหันมา พูดกับเนี่ยสิงเฟิง “ไม่ตอ้ งห่วงครับ คนไข้นา่ จะแค่เมาเรือ คุณดูสคิ รับ เขามีไข้ตำ�่ ๆ อาจ เป็นได้ว่าเพราะเมาเรือท�ำให้ร่างกายไม่ค่อยปกติอยู่แล้ว พอเรือโคลงเมื่อครู่ ก็เลยอาเจียนออกมา” เนีย่ สิงเฟิงรับปรอทวัดไข้มาดู 37.8 องศาเซลเซียส มีไข้เล็กน้อยจริงๆ คุณหมอตู้จึงจ่ายยาลดไข้และยาแก้เมาเรือให้ “ลองให้เขากินยาและดูอาการไปก่อนนะครับ ถ้าไม่ดขี นึ้ โทรแจ้งผม ได้ทันที” หลังส่งคุณหมอตู้กลับเรียบร้อยแล้ว เนี่ยสิงเฟิงก็จัดแจงรินน�้ำอุ่น แล้วเดินกลับมายืนทีข่ า้ งเตียง ใบหน้าของจางเสวียนตอนนีข้ าวซีดจนดูคล้าย ชิ้นหยกโปร่งใส หาได้ยากยิ่งที่หมอนี่จะเงียบสงบหมดฤทธิ์เดชได้ถึงขนาดนี้ นี่จึงเป็นบรรยากาศที่เนี่ยสิงเฟิงไม่คุ้นเคยเลยสักนิด 49


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 “ท่านประธาน คุณยอมได้ไง เมือ่ กีห้ มอเฮงซวยคนนัน้ กล้าลวนลาม ผมต่อหน้าคุณเชียวนะ” แค่ เ ห็ น สี ห น้ า แมวกวั ก ก็ รู ้ แ ล้ ว ว่ า อี ก ฝ่ า ยเป็ น ห่ ว งตนแค่ ไ หน จางเสวียนจึงจงใจพูดหยอกล้อเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ โชคดีที่ประโยคนี้ สามารถท�ำให้อีกฝ่ายหัวเราะออกมาได้จริงๆ เนี่ยสิงเฟิงยื่นมือมาขยี้ผมนุ่มเบาๆ “พูดอะไรน่ะ คุณหมอไม่กล้าท�ำแบบนั้นหรอก บนโลกนี้มีแค่ผม เท่านั้นที่กล้าลวนลามคุณ” พูดจบก็หยิบยาขึ้นมา จางเสวียนจับจ้องมองท่าทางนั้นด้วยสีหน้า ตกตะลึง “คุณจะท�ำอะไร?” “ให้คุณกินยาไง กินยาลดไข้สักหน่อย พอเหงื่อออก เดี๋ยวก็หาย” “ฆ่าให้ตายผมก็ไม่กนิ !” ดวงตาสีฟา้ ของจางเสวียนจ้องมองแคปซูล ยาเขม็ง “มีแต่ผีเท่านั้นที่รู้ว่าในนั้นใส่อะไรไว้บ้าง” สภาพของเจ้าหมอผีนักต้มตุ๋นที่ออกอาการเกลียดกลัวและต่อต้าน การกินยาในตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับตอนที่เขาถูกบังคับให้ดื่มน�้ำยันต์เลย สักนิด พอนึกถึงน�ำ้ ยันต์ เนีย่ สิงเฟิงก็พลันเกิดความคิดดีๆ บางอย่างขึน้ มาได้ เขาอมยาเม็ดหนึ่งไว้ในปาก ดื่มน�้ำหนึ่งอึก แล้วก้มหน้าลง ประกบ จูบริมฝีปากนุม่ ของจางเสวียน จากนัน้ จึงใช้ปลายลิน้ เกีย่ วพัน ส่งเม็ดยาและ ป้อนน�้ำเข้าไปในปากนั้นอย่างนุ่มนวล “แค่กๆ ท่านประธาน ในที่สุดคุณก็ได้แก้แค้นแล้วสินะ” ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสพูดนาน ปลายลิ้นนุ่มของเนี่ยสิงเฟิงกด 50


ตอน เรือมรณะ ปลายลิ้นของจางเสวียนไว้ ยาอีกสองเม็ดถูกบังคับกรอกเข้าไปในปาก เทียนซืออ่อนหัดจนส�ำเร็จ อันที่จริงเม็ดยานั้นไม่ขมเลยสักนิด แต่พอนึกว่านี่เป็นวิธีที่แมวกวัก ลอกเลียนแบบมาจากตนเอง จางเสวียนก็รู้สึกเจ็บใจจนขมในอก นี่มันยก ก้อนหินขึ้นมาทับเท้าตัวเองแท้ๆ ถ้ารู้ว่าจะต้องมีวันนี้ละก็ ในตอนนั้นเขาคง ไม่แกล้งอีกฝ่ายด้วยการจูบป้อนน�้ำยันต์หรอก ดวงตาของจางเสวียนกลายเป็นสีน�้ำเงินเข้มด้วยความฉุนเฉียว แต่ ท่าทางดูสดชื่นขึ้นกว่าเดิมมาก เห็นอย่างนั้นแล้วเนี่ยสิงเฟิงจึงค่อยเบาใจขึ้น มาเล็กน้อย “คุณนอนพักเถอะ ผมจะเฝ้าอยู่ข้างๆ เอง” “ท่านประธาน คุณออกไปเที่ยวเถอะ ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนผมหรอก ครับ” น�ำ้ เสียงของเทียนซืออ่อนหัดเปีย่ มไปด้วยความห่วงใย ขณะทีใ่ นใจ ก�ำลังคิดว่า...เขาเพิง่ กลืนยาลงไปหมาดๆ ถ้าแมวกวักยอมออกไปตอนนี้ เขา ก็ยังสามารถอาเจียนเอายาไร้สาระพวกนั้นออกมาได้ทัน! ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นดังหวัง จางเสวียนได้แต่นอนตาปริบๆ ด้วย สีหน้าอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก ขณะมองดูเนี่ยสิงเฟิงช่วยถอดเสื้อผ้าเพื่อ เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ หลังจากห่มผ้าให้เขาเรียบร้อย คนรักผู้แสนดีก็ทรุดตัวลง นั่งข้างเตียงอีกครั้ง สีหน้าท่าทางบ่งบอกชัดเจนว่าต่อให้เอารถมาลาก เอา ช้างมาฉุด ก็จะไม่ยอมก้าวออกไปจากห้องนี้อย่างแน่นอน ‘ยอมรับชะตากรรม’ จางเสวียนร�ำพึงอยูใ่ นใจ ถอนหายใจเฮือกหนึง่ แล้วหลับตาลงอย่าง อ่อนล้า ยอมเข้าสู่ห้วงนิทราแต่โดยดี 51


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6

3

โคมไฟหัวเตียงส่องแสงนวลกระจ่าง รอบด้านเงียบสงัด ได้ยนิ เพียง เสียงลมหายใจเป็นจังหวะสม�่ำเสมอของจางเสวียน บรรยากาศเช่นนี้พลอย ท�ำให้เนี่ยสิงเฟิงรู้สึกง่วงงุนไปด้วย ในตอนที่ก�ำลังสะลึมสะลือ เสียงสั่นของ โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าก็ท�ำเอาเขาถึงกับสะดุ้ง ต้องรีบลุกเดินไปยัง ด้านนอกเพื่อรับสายทันที “พี่สิงเฟิงคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ พี่รีบมาเร็วเข้า!” เสียงเจือสะอื้นของเฝิงฉิงฉิงดังมาจากปลายสาย เนี่ยสิงเฟิงร้อนใจ จนต้องรีบถาม “เธออยู่ที่ไหน?” “ห้องฟิตเนสที่อยู่ปลายสุดของทางเดินชั้นสามค่ะ” “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” เนีย่ สิงเฟิงวางสายแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอน จางเสวียนยังคง หลับสนิท ชายหนุม่ จึงช่วยจัดผ้าห่มให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปด้วยฝีเท้า 52


ตอน เรือมรณะ เบาแผ่ว โดยไม่ลืมที่จะล็อกประตูห้อง หลอดไฟบนดาดฟ้าส่องแสงสว่างไสว เนีย่ สิงเฟิงวิง่ ไปตามขัน้ บันได ที่อยู่ตรงกลางอย่างเร่งรีบ จนไม่ทันสังเกตเห็นเงาร่างของคนสองคนที่ก�ำลัง เดินมาจากฝั่งตรงข้าม ซึ่งเร้นตัวหลบเข้ามุมมืดทันทีที่เห็นเขา จนชายหนุ่ม เดินลับไปไกลแล้ว ทั้งคู่จึงออกมาสู่แสงสว่างอีกครั้ง “เขาเป็นคนในครอบครัวของเด็กคนนัน้ ” เติง้ เหยียนพูดออกมาเบาๆ “เธอแน่ใจเหรอว่าเจ้าเด็กนั่นจะมาแน่?” “แน่สิ ท่าทางหลอกง่ายขนาดนั้น เขามาเมื่อไรนายก็ลงมือได้ทันที” คนมีเงินมักจะโง่เสมอ! ดูจากคนข้างตัวเธออย่างซ่งเจี้ยนก็รู้แล้ว เติง้ เหยียนแค่บอกเด็กน้อยว่าเธอเล่นมายากลเป็นและจะสอนเขาแค่คนเดียว เท่านั้น เรื่องนี้ถือเป็นความลับระหว่างเธอกับเขา แค่นี้เจ้าเด็กนั่นก็ตาวาว ตอบตกลงว่าจะมาพบเธอในคืนนีอ้ ย่างง่ายดาย ทัง้ ยังรับปากรับค�ำหนักแน่น ว่าจะไม่บอกใครทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเติ้งเหยียนจึงมั่นใจมากว่าฮั่วหลีต้องมา และทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผน เงินเป็นสิ่งส�ำคัญ เมื่อมันหมดไปก็ย่อมต้องคิดวิธีหามาเพิ่มพูน บน เรือทีม่ แี ต่คนกระเป๋าหนักแบบนี้ เธอคิดว่าการลักพาตัวน่าจะเป็นวิธที ดี่ ที สี่ ดุ เพราะโครงสร้างของเคบินต่างๆ บนเรือมีลักษณะซับซ้อน เหมาะอย่างยิ่งที่ จะใช้ซ่อนคน โดยเฉพาะเด็ก เธอตั้งใจว่าจะจับตัวฮั่วหลีไปซ่อน จากนั้นก็ บังคับให้ครอบครัวของเขาโอนเงินไปยังบัญชีที่เธอก�ำหนด รอให้เพื่อนของ เธอถอนเงินได้แล้ว จึงค่อยฆ่าคนปิดปาก แม้เด็กน้อยผู้นี้จะไม่ได้มีความผิด อะไร แต่เพราะเขาเห็นหน้าพวกเธอ จึงไม่อาจปล่อยไว้ได้ การก�ำจัดศพกลางทะเลเป็นเรือ่ งง่ายยิง่ กว่าปอกกล้วย ทัง้ เติง้ เหยียน และซ่งเจี้ยนร่วมกันวางแผนในทุกขั้นตอน มีเพียงเรื่องเดียวที่เธอไม่ได้บอก 53


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 อีกฝ่าย ก็คือเรื่องที่คิดจะฆ่าปิดปากฮั่วหลี “เธอแน่ใจเหรอว่าจะไม่ถูกจับได้?” แม้ซ่งเจี้ยนจะหน้าตาดุดัน ท่าทางเป็นอันธพาล แต่ความจริงแล้ว ไม่ใช่คนใจกล้าอะไรนัก เมือ่ ถึงเวลาต้องลงมือท�ำความผิดขึน้ มาจริงๆ เขาจึง เริ่มรู้สึกกลัว “งานเต้นร�ำเริ่มแล้ว ทุกคนไปสนุกอยู่ในงานกันหมด ไม่มีคนมา หรอก ชู่ว์! เขามาโน่นแล้ว” เงาร่างมนุษย์เล็กๆ ปรากฏขึ้นบนพื้นดาดฟ้าเรือ ฮั่วหลีที่แบกเป้ใบ เล็กไว้บนไหล่วิ่งกระหืดกระหอบมาถึงบริเวณกราบเรือซึ่งค่อนข้างมืด แล้ว เหลียวมองซ้ายขวาด้วยความสงสัย “มืดจังเลย ท�ำไมต้องนัดกันที่นี่ด้วยล่ะครับ?” “ก็เพราะมันเป็นความลับยังไงล่ะ ตามฉันมาสิ” เติ้งเหยียนก้าวเข้ามากุมมือฮั่วหลีไว้อย่างถือสนิท ขณะหันไปส่ง สัญญาณทางสายตาให้กับซ่งเจี้ยน เรื่องมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ชายหนุ่มได้แต่ กัดฟัน สูดลมหายใจลึก ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมา จากนั้นก็พุ่งตรงเข้าล็อกตัว ฮั่วหลีจากด้านหลัง ใช้ผ้าอุดปากและจมูกไว้ เด็กชายดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่งก่อน จะแน่นิ่งไป คงหมดสติเนื่องจากขาดอากาศหายใจไปชั่วครู่ เมื่อมั่นใจว่าเหยื่อเป็นลมไปแล้ว ซ่งเจี้ยนจึงคลายมือออก อุ้มตัว ฮั่วหลีขึ้น แล้ววิ่งตามเติ้งเหยียนไปยังเคบินชั้นล่าง “เมี้ยว!” เงาด�ำก้อนหนึ่งพุ่งออกมาจากเป้ของเด็กน้อย สองหนุ่มสาวสะดุ้ง โหยง เมื่อเพ่งมองให้ดีจึงเห็นว่ามันคือลูกแมวด�ำที่กระโดดออกมายืนอยู่บน พื้น ดวงตาสีฟ้าของมันส่องประกายเย็นเยือกท่ามกลางความมืด ซ่งเจี้ยน 54


ตอน เรือมรณะ รู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาในหัวใจ เขาอยากจะจับลูกแมวไว้แต่ถูกเติ้งเหยียน ห้าม “ไว้ค่อยกลับมาจัดการมันทีหลัง เอาเด็กลงไปก่อน” เคบินทีเ่ ติง้ เหยียนเลือกคือโกดังส�ำหรับเก็บอุปกรณ์ชว่ ยเหลือในยาม ฉุกเฉิน ซึ่งปกติไม่ได้ใช้งาน จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ซ่อนคน ทั้ ง สองเดิ น ลงไปตามขั้ น บั น ไดจนถึ ง ชั้ น ห้ อ งเครื่ อ ง ที่ ป ระตู แขวนป้ายห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าเอาไว้ เติ้งเหยียนเปิดยิ้มเย้ยหยันใส่ป้ายนั้น เธอหยิ บ กิ๊ บ ด� ำ ออกมาเสี ย บเข้ า ไปในรู กุ ญ แจ จากนั้ น ก็ บิ ด เพี ย งไม่ กี่ ที บานประตูกเ็ ปิดออกอย่างง่ายดาย หญิงสาวท�ำเรือ่ งผิดกฎหมายมาตัง้ แต่เด็ก เรื่องแค่นี้จึงนับว่าเล็กน้อยมากส�ำหรับเธอ เทียบกับซ่งเจีย้ นแล้วเติง้ เหยียนจึงดูเชีย่ วชาญในการท�ำชัว่ มากกว่า เธอเดินน�ำอยู่ด้านหน้า ค่อยๆ ไต่บันไดลงไปทีละขั้นจนถึงเคบินเก็บของ ภายในนั้นมีอุปกรณ์เครื่องใช้ยามฉุกเฉินหลายชนิด และมีที่ว่างเหลือเฟือ ส�ำหรับซ่อนเด็กหนึ่งคน “เข้าไปลึกอีกหน่อยดีกว่า” ในเคบินกว้างมาก เติ้งเหยียนจึงตั้งใจจะหาต�ำแหน่งที่ดีที่สุด ซึ่ง หมายถึงอยู่เร้นลับจากสายตาผู้คน แม้ว่าดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครลงมาที่นี่ สักเท่าไรก็ตาม หญิงสาวมองไปรอบๆ สุดท้ายก็ผลักประตูบานหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ให้ เปิดออก ภายในห้องนัน้ มืดสนิท เติง้ เหยียนจึงกดเปิดสวิตช์ไฟ แสงสลัวอ่อน จางสาดส่องท�ำให้เห็นว่าห้องนี้น่าจะใช้ส�ำหรับเก็บข้าวของสัพเพเหระ เมื่อ เดินลึกเข้าไปอีกก็พบว่ามีประตูอีกบานซ่อนตัวอยู่ และมันถูกล็อกไว้อย่าง 55


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 แน่นหนา “เวรเอ๊ย! อยู่ซะลึกลับขนาดนี้ยังจะล็อกอีก ต้องซ่อนความลับอะไร ไว้แน่!” หญิงสาวร้องด่าก่อนจะใช้วชิ าสะเดาะกลอนทีเ่ ธอถนัด รอบด้านมืด มาก ซ่งเจี้ยนเริ่มรู้สึกกลัว แต่เขาก็ไม่อาจสะกดกลั้นความอยากรู้อยากเห็น เอาไว้ได้ “เธอว่าในนั้นจะซ่อนของมีค่าไว้รึเปล่า?” “ถ้ามีก็ดีสิ พวกเราจะได้ฉกไปด้วยซะเลย” เติ้งเหยียนใช้เวลานานกว่าปกติเล็กน้อยในการไขประตู พอไขได้ก็ ถีบประตูบานนั้นเต็มแรงด้วยความหงุดหงิด เกิดเป็นเสียงทุ้มๆ จากการ กระแทกกันของบานประตูเหล็ก ทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน ทั้งที่ประตูปิดแต่ไฟกลับเปิดอยู่ ภายใน ห้องนั้นกว้างมาก กลิ่นแปลกๆ ตลบอบอวลไปทั่ว ทั้งสองฝั่งมีชั้นวางของซึ่ง ท�ำจากเหล็กตัง้ อยูเ่ รียงราย ข้าวของสัพเพเหระวางอยูบ่ นนัน้ และทีต่ รงกลาง ห้องมีโลงไม้วางอยู่ “ในนั้นจะมีสมบัติซ่อนอยู่รึเปล่า?” สิง่ ทีป่ รากฏแก่สายตาอยูใ่ นขณะนีไ้ ม่ตา่ งอะไรกับฉากในภาพยนตร์ ความละโมบของซ่งเจี้ยนจึงถูกกระตุ้นให้ลุกโหมขึ้นมาอีกคน ชายหนุ่มวาง ร่างของฮั่วหลีลง ตั้งใจจะเข้าไปเปิดโลงดู “ผมว่าคุณอย่าเปิดจะดีกว่า อย่าโลภมากอยากได้ของทีไ่ ม่ใช่ของตัว” พอหันขวับมาตามเสียงนั้น จึงเห็นว่าเด็กชายก�ำลังลุกขึ้นยืน มือทั้ง สองขยับปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า ซ่งเจี้ยนถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ “แก! แกฟื้นแล้ว?” 56


ตอน เรือมรณะ “ผมไม่ได้สลบสักหน่อย” ดวงตาวาววับของจิ้งจอกน้อยเปี่ยมด้วย ความเย้ยหยัน “ผมแค่อยากรูว้ า่ พวกคุณคิดจะท�ำอะไรกันแน่ ไม่นกึ เลยว่าจะ มีแผนชั่วร้ายขนาดนี้ ถึงขั้นคิดจะลักพาตัวผม” ต่อให้เขาโง่ตามที่เสี่ยวไป๋ชอบว่าหรือไม่ประสีประสามากแค่ไหน แต่เขาก็เป็นถึงจิ้งจอกไฟที่เคยบ�ำเพ็ญตบะมานานนับร้อยปี นอกจากนี้ยังมี ทั้งพี่ใหญ่ซึ่งเป็นเทียนซือมือฉมังและแมวน้อยอดีตนักพรตเป็นกุนซือคอย สอนสัง่ ชายหญิงคูน่ มี้ จี ติ ชัว่ แผ่ซา่ นอยูร่ อบกาย ฮัว่ หลีสมั ผัสได้ตงั้ แต่แรกแล้ว ว่า ทั้งคู่มีจุดประสงค์ร้ายซ่อนเร้น จึงได้ยอมมาตามนัด เมื่อเห็นฮั่วหลีลุกขึ้น เติ้งเหยียนก็รู้ได้ทันทีว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ ย�่ำแย่ เธอพุ่งตัวเข้าไปตั้งใจจะจับแขนเด็กชาย แต่กลับมีลมเย็นวูบหนึ่งพุ่ง เข้าปะทะใบหน้ากะทันหัน เพียงชั่วขณะที่เธอหลับตาลง ฮั่วหลีก็หายไป หลอดไฟเหนือศีรษะส่งเสียงดังเปรีย๊ ะๆ เดีย๋ วดับเดีย๋ วสว่าง สภาพคล้ายเวลา ไฟตก บรรยากาศอึมครึมในตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนในหนังผีไม่ผิดเพี้ยน หลังจากติดๆ ดับๆ อยูค่ รูห่ นึง่ ในทีส่ ดุ หลอดไฟก็ดบั สนิท ทัง้ ห้องจม อยูใ่ นความมืดมิด โชคดีทซี่ ง่ เจีย้ นพกไฟฉายมาด้วย เขาจึงใช้มนั ส่องออกไป เพื่อตามหาเด็กน้อย ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงา “ต้องหลบอยู่หลังชั้นวางของแน่ ไปหาดูเร็ว!” เติ้งเหยียนตะคอกสั่งอย่างร้อนใจ ความรู้สึกเย็นเยือกแล่นวูบขึ้นที่ ท้ายทอย ตามด้วยสัมผัสของบางสิ่งที่คล้ายกับขนนุ่มๆ ไล้ผ่านบริเวณนั้น พร้อมกับน�้ำเสียงอึมครึมที่ดังขึ้นใกล้หู “คุณก�ำลังตามหาผมอยู่เหรอ?” “กรี๊ดดดด!” หญิงสาวส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เธอคลุกคลีอยูใ่ นวงการนักเลงอันธพาลมาตัง้ แต่เด็ก จิตใจโหดเหีย้ ม 57


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 กล้าแกร่งกว่าผูห้ ญิงทัว่ ไป แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่วา่ ใครก็ตอ้ งหวาดกลัว ด้วยกันทั้งนั้น! จะไม่ให้กลัวได้อย่างไรกันล่ะ ตอนนี้เธอยืนหลังชิดผนังอยู่แท้ๆ แต่ เสียงของฮัว่ หลีกลับมากระซิบอยูท่ ดี่ า้ นหลังของเธอ คนปกติยอ่ มไม่สามารถ ท�ำอย่างนั้นได้แน่นอน... นอกเสียจากว่าเด็กน้อยคนนี้สามารถทะลุก�ำแพงได้...หรือไม่ก็... หญิงสาวรีบล้วงหาโทรศัพท์ด้วยความร้อนรน พอหาเจอก็รีบเปิด โหมดไฟฉาย จึงได้เห็นว่าตอนนี้ร่างของซ่งเจี้ยนก�ำลังลอยอยู่กลางอากาศ หลังจากที่หมุนคว้างอยู่บนนั้นหนึ่งรอบ ก็ร่วงตกลงมาบนพื้น ไฟฉายในมือ ชายหนุ่มหลุดร่วง แล้วกลิ้งตัวไปข้างหน้าราวกับถูกเชือกที่มองไม่เห็น ฉุดกระชาก อุ้งเท้าเล็กๆ เหยียบกระบอกไฟฉายนั้นไว้ ดวงตาสีฟ้าส่องประกาย วาววับในลักษณะเฉพาะของแมวก�ำลังจ้องมองเธออยูท่ า่ มกลางความมืดมิด “ฟ่อ...!” เสียงขู่เหี้ยมเกรียมดังเสียดหู หัวใจของเติ้งเหยียนเต้นรัว เธอผ่าน การท�ำชั่วมาอย่างโชกโชน ลงมือแต่ละครั้งจึงวางแผนอย่างรัดกุมและ ระมัดระวัง ตอนที่เข้ามาในห้องนี้เธอมั่นใจว่าปิดประตูเรียบร้อยแล้ว ขนาด คนยังต้องออกแรงไม่นอ้ ยกว่าจะเปิดเข้ามาได้ จึงไม่มที างทีแ่ มวจะเปิดประตู เหล็กหนาหนักนั้นเข้ามาได้เอง และยิ่งไม่มีทางที่สัตว์สี่เท้าชนิดนี้จะส่งเสียง ข่มขู่เหี้ยมเกรียมเช่นนี้ได้ ‘อย่ายัว่ โมโหแมวด�ำ! เพราะมันคือร่างจ�ำแลงแห่งความมืดทมิฬและ ชั่วร้ายที่จะพาเธอไปลงนรก!’ ดูเหมือนจะมีใครบางคนเคยพูดประโยคนี้ให้เธอฟัง แต่เติ้งเหยียน 58


ตอน เรือมรณะ ไม่มีเวลาทบทวนอีกแล้ว เธอขว้างโทรศัพท์มือถือออกไปพร้อมกับตะโกนด่า เสียงดัง “ไอ้แมวเวรตะไล! ฉันจะฆ่าแก!” ซ่งเจี้ยนเพิ่งกระเสือกกระสนคลานขึ้นมาจากพื้น เขายังไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึน้ กันแน่ แต่ทนั ทีทเี่ งยหน้าขึน้ ก็เห็นว่ามีเงาด�ำกลุม่ ก้อนหนึง่ อยูต่ รง หน้า แม้จะยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่เขาก็พุ่งตัวกระโจนคว้าไว้ทันที ฮั่วหลีเบี่ยง ตัววิ่งหนีได้ทัน ห้องนี้ไม่เพียงกว้างมากแต่ยังมีชั้นวางของอยู่เรียงราย ถ้าจะ เล่นไล่จับกันแล้วละก็ ไม่จ�ำเป็นต้องใช้วิชาอาคมช่วยเลยสักนิด จิ้งจอกน้อย อย่างเขาก็สามารถหนีรอดได้อย่างสบาย เขาวิ่งเลี้ยวซ้ายทีขวาทีท่ามกลาง สิ่งกีดขวาง สนุกจนเผลอประมาทไปเพียงนิดก็รู้สึกตึงที่ข้อมือ...เติ้งเหยียน จับเขาไว้ได้แล้ว! “ไอ้เด็กเวร! ดูสวิ า่ แกยังจะกล้าหนีไปไหนได้อกี ” หญิงสาวขูต่ ะคอก เสียงเย็น ทั้งยังล้วงมีดสั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง เมือ่ ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนและอยูเ่ หนือความคาดหมายไปไกล อีกทั้งเด็กคนนี้ก็เห็นหน้าพวกเขาไปเต็มตา จึงมีเพียงทางเดียวให้เลือก...ฆ่า คนปิดปาก หลังจากนั้นก็แค่โยนศพทิ้งทะเล ทุกอย่างก็จะจบ เสียดายก็แค่ อุตส่าห์ลงทุนลงแรงไปตั้งมากมาย กลับไม่ได้เงินค่าแรงแม้แต่เหรียญเดียว “เฮ้! พวกคุณเอาจริงเหรอ...” สัญชาตญาณสัตว์ป่าของจิ้งจอกน้อยยังคงใช้การได้ดี จมูกของ ฮั่วหลีจึงสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเติ้งเหยียน เมื่อ เห็นมีดสัน้ ในมือของเธอก�ำลังจะจ้วงแทงลงมา เขาจึงรีบร่ายคาถาเคลือ่ นย้าย เห็นร่างของเด็กชายที่จับอยู่กับมือหายวับไปต่อหน้า เติ้งเหยียน 59


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 ตกใจจนอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลง ส่วนซ่งเจีย้ นนัน้ ยิง่ อาการหนักกว่า เขา หวีดร้องเสียงแหลม “มันไม่ใช่คน! มันไม่ใช่คน!” “อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้!” เติ้งเหยียนได้สติคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว นาทีนี้ไม่ว่าจะคนหรือผี ก็ ไม่ส�ำคัญเท่ากับโทษทัณฑ์ที่พวกเธอจะได้รับหากปล่อยให้ฮั่วหลีหนีไปได้ ทั้งที่กลัวจับใจ แต่หญิงสาวก็กัดฟันวิ่งไล่ตามไปทันที นึกไม่ถงึ ว่าเติง้ เหยียนจะเหีย้ มโหดได้ถงึ เพียงนี้ ฮัว่ หลีเริม่ นึกกลัว ได้ แต่วิ่งวนหนีไปมาอยู่ในห้อง ส่วนเสี่ยวไป๋ก็ถูกซ่งเจี้ยนวิ่งไล่จับหัวซุกหัวซุน เช่นกัน ทั้งหมดต่างวิ่งไล่วิ่งหนีกันอลหม่านท่ามกลางความมืด สุดท้ายไม่รู้ ว่าท�ำท่าไหน ถึงวิ่งเข้าหาโลงศพพร้อมกัน ฮั่วหลีกระโดดขึ้นไปอยู่บนฝาโลง ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งไล่ตามมาจากทางด้านหลัง แต่แล้วจู่ๆ เสียงนั้นก็ถูกลม เย็นวูบหนึ่งพัดหายไปในทันที เปรี๊ยะๆ หลอดไฟกะพริบเกิดประกายไฟติดๆ ดับๆ อยู่หลายครั้ง ก่อนจะ ส่องแสงสลัวรางออกมา อันที่จริงแล้วแสงไฟลักษณะนี้ยิ่งท�ำให้ทุกอย่างดู น่ากลัวยิ่งกว่าตอนไฟดับมืดสนิทเสียอีก ฮั่ ว หลี ลู บ อกซ้ า ยที่ ก� ำ ลั ง เต้ น รั ว สู ด ลมหายใจเฮื อ กใหญ่ ค ล้ า ย พยายามเรียกก�ำลังใจ แล้วหันไปมองเสีย่ วไป๋ทนี่ อนหมอบหอบหายใจอยูบ่ น ฝาโลงเช่นเดียวกัน “เสี่ยวไป๋ ขอบใจนะที่ช่วย” “หืม?” เสี่ยวไป๋เกาหูแมวเบาๆ อย่างงุนงง 60


ตอน เรือมรณะ ฮั่วหลีหันไปมองชายหญิงที่ล้มกองอยู่บนพื้น “ก็นั่นไง นายเป็นคนใช้อาคมจัดการจนพวกเขาสลบไสลนอนกอง อยู่นั่นไม่ใช่เหรอ?” “ข้าเปล่า” เสี่ยวไป๋ปฏิเสธเต็มปากเต็มค�ำ ที่มันท�ำก็มีแค่สร้าง เสียงดังเพื่อหลอกให้ศัตรูตกใจ ด้วยการเป่าขลุ่ยที่ห้อยอยู่บนคอเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้นหลอดไฟนี่...” ฮั่วหลีแหงนมองหลอดไฟที่ติดๆ ดับๆ แล้วถามเสียงสั่น “มะ...ไม่ใช่ฝีมือนายหรอกเหรอ?” “ข้ามีฝีมือแค่ไหน เจ้าน่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่รึไง?” เสี่ยวไป๋ตอบด้วยน�้ำเสียงติดจะร�ำคาญ ตั้งใจจะส่งสายตาดูแคลน ไปให้ฮวั่ หลีสกั หนึง่ ที แต่ยงั ไม่ทนั ได้ทำ� อย่างใจคิด มันก็ตอ้ งส่งเสียงร้องเมีย้ ว ออกมา แล้วยกมือแมวชี้ไปทางด้านหัวของโลงศพ ฮั่วหลีรีบหันมองตามไปอย่างรวดเร็ว เมื่อก้มหน้าลงจึงเพิ่งเห็นว่า ฝาโลงนั้นท�ำจากวัสดุกึ่งโปร่งใส สามารถมองเห็นภายในได้รางๆ ร่างของ ชายชราคนหนึ่งนอนหงายอยู่ ใบหน้าชายผู้นั้นบวมเป่งจนเปล่งประกาย แสงสีครามจางๆ ฮั่วหลีก้มหน้าลงไปใกล้มากกว่าเดิมด้วยความอยากรู้ แล้วโดยไม่ คาดคิด จู่ๆ ดวงตาของชายคนนั้นก็ลืมพรึ่บขึ้นมา! ไม่มีนัยน์ตาด�ำ! ดวงตา คูน่ นั้ ดูคล้ายวัตถุทรงกลมสีขาวขุน่ สองลูกทีก่ ลอกกลิง้ ไปมา ก่อนจะหยุดจ้อง เป๋งมาที่เขา ใบหน้านั้นฉายแววเกรี้ยวกราด จากนั้นจึงยื่นมือพุ่งตรงมา! “ผี!” เรื่องขี้กลัวฮั่วหลีไม่เป็นรองใคร นาทีนี้เขาลืมไปสิ้นว่าตนเองเป็นถึง ภูตมารจิ้งจอกไฟ ได้แต่กระโดดตัวลอยลงจากโลง กอดศีรษะตัวเองไว้ด้วย ความหวาดกลัว แล้วรีบวิ่งออกไปข้างนอกทันที 61


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 เสี่ ย วไป๋ ม องตามอย่ า งระอาใจ ถ้ า มี โ อกาสมั น อยากจะบอก เจ้ า เด็ ก น้ อ ยที่ วิ่ งแน่ บออกไปโดยไม่เหลียวหลัง เหลือเกินว่า จิ้งจอกไฟ ไม่จ�ำเป็นต้องกลัวผี แต่ยงั ไม่ทนั ได้อา้ ปากด้วยซ�ำ้ ฮัว่ หลีกว็ งิ่ หายไปไม่เหลือ แม้แต่เงา ลูกแมวน้อยหันกลับไปมองในโลงอีกครั้ง ชายชราผู้นั้นก�ำลังดัน ฝาโลงและลุ ก ขึ้ น มานั่ ง ตั ว ตรง การเคลื่ อ นไหวของเขาเหมื อ นผี ดิ บ ใน ภาพยนตร์ไม่มีผิด อยู่ต่อไปไม่ดีแน่ เสี่ยวไป๋จึงโกยแน่บตามจิ้งจอกน้อยไป ส่วนเติ้งเหยียนและซ่งเจี้ยนซึ่งเพิ่งได้สติลุกขึ้นมา พอมองเห็นว่ามี ร่างมนุษย์โผล่ขึ้นจากโลงด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวที่แข็งกระด้างผิดปกติ ประกอบกับเสียงร้องโวยวายของฮั่วหลี ทั้งสองก็ขนลุกเกรียว เมื่อตั้งหลักได้ ก็ท�ำท่าจะวิ่งอ้าวออกไปตามสัญชาตญาณ แต่เติ้งเหยียนเคลื่อนไหวช้าไปหนึ่งก้าว จึงถูกมือเย็นเยือกข้างหนึ่ง คว้าข้อมือไว้ได้ กลิ่นยาฉุนๆ โชยมาแตะจมูก เธอหันขวับกลับไปมองทันที เมื่อได้เห็นนัยน์ตาสีขาวขุ่นคู่นั้นก็ตกใจจนกรีดร้องไม่หยุด สะบัดมือเต็มแรง แล้ววิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว หลอดไฟดับลงอีกครั้ง ทั้งห้องจมลงสู่ความมืดมิด... เติง้ เหยียนสัมผัสได้วา่ มีวตั ถุบางอย่างขวางอยูข่ า้ งหน้า เธอพยายาม วิง่ หลบหลีกโซซัดโซเซโดยใช้ความรูส้ กึ เป็นเครือ่ งน�ำทางบวกกับความทรงจ�ำ รางเลือน กระเสือกกระสนไปจนถึงจุดที่คิดว่าน่าจะเป็นประตู ทว่าพอยื่นมือ ออกไป สิ่งที่สัมผัสได้กลับเป็นราวเหล็กเย็นเฉียบ ยิ่งท�ำให้เธอหวาดกลัวจน ไม่อาจคุมสติได้อีก หญิงสาวร้องตะโกนดังลั่น “ซ่งเจี้ยน ซ่งเจี้ยน แกไปตายอยู่ที่ไหน! รีบพาฉันออกไปจากที่นี่สิ! ไอ้บ้า! ไอ้เลว! รีบพาฉันออกไป!” 62


ตอน เรือมรณะ ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่เธอส่งเสียงเรียก รอบด้านมีเพียงความ เงียบสงัดดุจเสียงกระซิบแห่งความตาย ทันใดนัน้ เสียงลมหอบใหญ่กพ็ ดั เข้า ข้างหู สายลมนั้นเจือด้วยกลิ่นไอเค็มคาวของน�้ำทะเล เอี๊ยด...เอี๊ยด เสียงบางอย่างเคลือ่ นไหวดังเสียดหู ราวเหล็กค่อยๆ ขยับจากทัง้ สอง ฝั่ง ปิดทางหนีของเติ้งเหยียนไว้ ตอนนี้เธอถูกบีบให้อยู่ตรงกลาง เสียงฝีเท้า จากด้านหลังค่อยๆ ใกล้เข้ามาทุกที หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าไปมา ริมฝีปาก พึมพ�ำพร�่ำบอกกับตัวเองว่าทั้งหมดคือภาพลวงตา... ทว่าความจริงท�ำลายความหวังของเธอจนหมดสิ้น ดวงตาของ เติ้งเหยียนเหลือกลานด้วยความหวาดกลัว เสียงคลื่นซัดสาดและกลิ่นของ ทะเลเข้มข้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกสุดท้ายคือสัมผัสเย็นเยือกน่าขยะแขยงของมือที่ยื่นเข้า มา...บีบที่ล�ำคอของเธอไว้แน่น... ถ้าพูดถึงเรือ่ งวิชาทีไ่ ด้รบั การถ่ายทอดมาจากจางเสวียนแล้ว ฮัว่ หลี ช�ำนาญวิชาเผ่นหนีเป็นทีส่ ดุ เด็กน้อยเลีย้ วลดมุดลอดสิง่ กีดขวางต่างๆ ไปถึง ประตูดว้ ยความว่องไว ขณะทีก่ ำ� ลังจะผลักประตูออกก็นกึ ขึน้ ได้จงึ หันมาคว้า เสี่ยวไป๋ไว้ แล้วเผ่นแน่บออกไปแบบไม่เหลียวหลัง ภายใต้สถานการณ์เร่งด่วนทีเ่ ต็มไปด้วยแรงกดดันอย่างเช่นการเจอ ผีนี้ สามารถท�ำให้จิ้งจอกน้อยหลงลืมทุกอย่างได้จนหมดสิ้น ลืมกระทั่งว่า ตัวเองมีวิชาอาคมที่พอจะใช้ป้องกันตัวได้ ซ่งเจี้ยนวิ่งหน้าตั้งตามมาติดๆ พอรู้สึกตัวก็รีบหันไปมองด้านหลัง จึงเพิ่งเห็นว่าเติ้งเหยียนไม่ได้วิ่งตามมาด้วย ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ตั้งท่า 63


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 จะหันกลับ แต่พอเห็นทางเดินมืดมิดที่อยู่เบื้องหลังก็ตัดใจได้อย่างง่ายดาย หันกลับมาวิ่งหน้าตั้งต่อ ทว่าทั้งที่วิ่งตามจิ้งจอกน้อยมาในระยะประชิด แต่ เพราะความหวาดกลัวจึงท�ำให้เขาไม่รู้ตัวว่าก�ำลังวิ่งไปคนละฝั่งกับฮั่วหลี เสียแล้ว ซ่งเจี้ยนวิ่งไปถึงชั้นบนในรวดเดียว ทันทีที่มาถึงดาดฟ้า ก็ยืนพิง ขอบเรือหอบหายใจอย่างรุนแรง เหตุการณ์เมื่อครู่ช่างน่าสยดสยอง แค่หวนคิดถึงก็สั่นสะท้านไปทั้ง ตัว ขนลุกกรูเกรียว หลังจากที่พอจะสงบใจตั้งสติได้ เขาก็กวาดตามองไป รอบๆ ตอนนี้น่าจะล่วงเข้าสู่กลางดึกแล้ว หยาดฝนหยดเล็กๆ สาดเทลงมา เสียงเพลงวอลซ์และเสียงหัวเราะร่าเริงดังแว่วมาจากที่ไกลๆ บรรยากาศ รอบกายช่างดูสงบสุข ต่างจากเรื่องที่เขาเพิ่งพบเจอมาสดๆ ร้อนๆ เหลือเกิน “เกิดอะไรขึ้น?” เสียงใครบางคนดึงซ่งเจีย้ นให้หลุดออกจากห้วงแห่งความหวาดกลัว นาทีนเี้ ขาลืมไปแล้วว่าตัวเองเพิง่ ก่อคดีรา้ ยแรงอย่างการลักพาตัวมาหมาดๆ ชายหนุ่มรีบคว้าข้อศอกของอีกฝ่ายไว้ แล้วละล�่ำละลักบอก “มีผี! บนเรือล�ำนี้มีผี!” “คุณผู้ชาย คุณคงจะเมามากไปแล้วละ” “ผม...ผมไม่ได้ดื่ม ผมไม่ได้ดื่มเหล้า!” ซ่งเจี้ยนลนลานปฏิเสธ “ที่นี่ มีผีจริงๆ ไม่สิ ไม่! อาจจะไม่ใช่ผีธรรมดา แต่เป็นผีดิบ ใช่! ที่นี่มีผีดิบ มันอยู่ ในเคบินเก็บของ อุก...” ค�ำอธิบายด้วยความร้อนรนถูกค�ำอุทานพยางค์เดียวกลืนกินไปจน หมดสิน้ ซ่งเจีย้ นยังคงกุมแขนอีกฝ่ายไว้แน่น มีดสัน้ ทีอ่ ยูใ่ นมือใครคนนัน้ แทง เข้าที่กลางอกซ้ายของเขาอย่างเหี้ยมโหด ปลิดขั้วหัวใจ ดับชีพในมีดเดียว 64


ตอน เรือมรณะ คนผู้นั้นยืนดูร่างที่ค่อยๆ ทรุดลงตรงหน้าอย่างเฉยเมย น�้ำเสียง เยียบเย็นเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก “แกมันอยากแส่ไม่เข้าเรื่องเอง!” “นายท่าน...” เสียงแผ่วเบากระซิบเรียกอยู่ข้างหู จางเสวียนค่อยๆ ลืมตาขึ้น รอบ ด้านเป็นสีด�ำมืดมิด เนี่ยสิงเฟิงไม่อยู่ตรงนั้น มีเพียงหมอกสีด�ำกลุ่มหนึ่ง หยุดอยูต่ รงหน้า แสงสีเงินสองเส้นวนเวียนอยู่ท่ามกลางกลุ่มหมอก ทว่าเมือ่ ตั้งใจจะเพ่งดูให้ละเอียด หมอกกลุ่มนั้นก็กลับอันตรธานหายไป ความรู้สึกคลื่นเหียนยังคงตีวนอยู่ในอก จางเสวียนลุกขึ้นจากเตียง เพื่อไปอาเจียนที่ห้องน�้ำ คิดในใจว่าท�ำไมอาการเมาเรือถึงทรมานขนาดนี้ ยามั่วซั่วของหมอจอมปลอมไม่เห็นจะช่วยให้อาการดีขึ้นสักนิด หลังจากอาเจียนเสร็จ ใช้น�้ำเปล่าบ้วนปากเรียบร้อย เขาจึงเดิน สะโหลสะเหลกลับมาทีเ่ ตียงอีกครัง้ ขณะก�ำลังจะล้มตัวลงนอน ก็ได้ยนิ เสียง คนเรียกชื่อตนจากด้านนอก เสียงนั้นเหมือนแว่วมาจากที่ไกลๆ ได้ยินไม่ชัดเจนนัก แต่ฟังคล้าย เสียงของเนีย่ สิงเฟิง สติของจางเสวียนเริม่ พร่าเลือน เขาหลับตาลงเพือ่ บรรเทา อาการวิงเวียน เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ประกายแสงสีทองเสี้ยวหนึ่งวาดผ่าน ดวงตา จางเสวียนทรงตัวด้วยอาการสะลึมสะลือ แล้วก้าวเดินไปตาม เสียงเรียก เขาเดินไปทีด่ าดฟ้า ตรงไปทีด่ า้ นท้ายของเรือ บริเวณนัน้ ไม่มใี ครอยู่ แม้แต่คนเดียว สายฝนเย็นเยือกกระทบลงบนใบหน้า ท�ำให้ได้สติขึ้นมา ฉับพลัน! 65


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 ท�ำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้? ชายหนุม่ เหลียวมองรอบด้านด้วยความงุนงง ท่ามกลางความสับสน เขามองเห็นว่าตรงที่ห่างออกไปไม่ไกลมีร่างของใครบางคนล้มอยู่ตรงข้าง ขอบเรือ กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นอบอวลอยู่ในอากาศ เขายังไม่ทันได้ตั้งสติก็มี เสียงลมวูบหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง จางเสวียนรู้สึกเจ็บแปลบที่ท้ายทอย สติ เลือนหาย ทุกอย่างพลันจมดิ่งลงสู่ความมืด เนิ่นนาน... เสียงเอะอะโวยวายด้วยความตกใจท�ำให้จางเสวียนสะดุ้งตื่น รู้สึก ว่าหนังตาหนักอึง้ จนท�ำให้ลมื ตาได้อย่างยากเย็น ภาพเบือ้ งหน้ายังคงพร่ามัว มองเห็นเพียงรางเลือนว่ามีคนจ�ำนวนมากมารวมตัวกันอยูต่ รงหน้า ในบรรดา คนเหล่านั้นมีใบหน้าร้อนรนของเนี่ยสิงเฟิงรวมอยู่ด้วย เมื่อลองกระดิกนิ้วจึง รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างอยู่ในมือ พอเหลือบตามองจึงเห็นว่าตอนนี้ในมือของ ตัวเองกุมมีดสั้นชุ่มเลือดด้ามหนึ่งไว้ “ท่านประธาน ไม่ใช่ผม...” ค�ำพูดแผ่วเบาเลือนหายไปท่ามกลาง ความง่วงงุน สติจมดิ่งลงสู่ความมืดมิดอีกครั้ง ตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกหน จางเสวียนก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง ในเคบิน มีเนี่ยสิงเฟิง ฮั่วหลีและเสี่ยวไป๋ยืนอยู่ข้างเตียง พอเห็นว่าเขาลืมตา ทั้งหมดก็กรูเข้ามาในทันที “คุณเป็นยังไงบ้าง?” “ดีขึ้นนิดหน่อยครับ” ความจริงแล้วเขายังคงเวียนศีรษะ ร่างกายก็ ยังรูส้ กึ อ่อนเปลีย้ นีเ่ ป็นความรูส้ กึ ทีไ่ ม่เคยสัมผัสมาก่อน มันแปลกใหม่จนเขา รู้สึกกลัว แต่เพราะไม่อยากให้ทุกคนต้องเป็นห่วงมากจนเกินไป จึงพยายาม 66


ตอน เรือมรณะ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง “เกิดอะไรขึ้น?” “ซ่งเจีย้ นถูกฆ่า พวกเขาหาว่าพีใ่ หญ่เป็นคนท�ำ จะเอาตัวพีไ่ ปขัง แต่ พี่เนี่ยไม่ยอม สุดท้ายเลยส่งพี่กลับมาที่ห้อง ตอนนี้กัปตันกับเจ้าหน้าที่รักษา ความปลอดภัยเฝ้าอยู่ข้างนอก” ฮั่วหลีเล่าอย่างรวบรัด หลังจากที่จางเสวียนรู้สึกเจ็บแปลบที่ท้ายทอยแล้วหมดสติไป บริกรคนหนึ่งก็เดินผ่านมาพบทั้งเขาและซ่งเจี้ยนนอนจมกองเลือดอยู่ จึงรีบ แจ้งกัปตันเฉินอวี้ คุณหมอตู้เป็นผู้ชันสูตรศพของซ่งเจี้ยน เขายืนยันว่าชายหนุ่มเสีย ชีวิตแล้ว และสิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือบนร่างกายของจางเสวียนมีเลือดของ ซ่งเจีย้ นเลอะอยูจ่ ริง อีกทัง้ มีดสัน้ ทีอ่ ยูใ่ นมือก็มขี นาดตรงกับบาดแผลบนร่าง ของผูเ้ สียชีวติ เพือ่ ความปลอดภัยของผูโ้ ดยสารคนอืน่ ๆ พวกเขาจึงคิดว่าควร จะคุมขังจางเสวียนไว้ก่อน แต่เนี่ยสิงเฟิงไม่ยอม ดังนั้นตอนนี้ทั้งกัปตันและ เจ้ า หน้ า ที่ รั ก ษาความปลอดภั ย จึ ง ต้ อ งมาเฝ้ า อยู ่ ที่ ห น้ า ห้ อ ง เพื่ อ รอให้ จางเสวียนฟื้น “ผมเปล่า ผมไม่ได้ฆ่าเขา ผมไม่ใช่ฆาตรกร!” ระดับเทียนซือมือฉมังอย่างเขา ถ้าคิดจะฆ่าใครสักคน รับรองว่า ทุกอย่างต้องสะอาดหมดจด ใครจะมานอนรอให้จับพร้อมหลักฐานคามือ อย่างนี้ล่ะ! ทีฆ่ าตกรกล้าปรักปร�ำเขาด้วยวิธสี นิ้ คิดแบบนี้ ไม่เพียงกล่าวร้ายเขา อย่างหน้าด้านแต่ยังเท่ากับเป็นการดูถูกสติปัญญาของเขาชัดๆ “ผมรู้ โชคดีที่คุณหมอตู้บอกว่าสภาพร่างกายของคุณตอนนี้ไม่ แข็งแรงพอที่จะลุกขึ้นไปฆ่าใครได้ คุณถึงได้พ้นจากข้อกล่าวหา” เนี่ยสิงเฟิง อธิบายเสียงเรียบ 67


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 คนที่เห็นเหตุการณ์มีเพียงลูกเรือและผู้โดยสารไม่กี่คน ข่าวนี้จึงยัง ไม่แพร่สะพัด ในที่เกิดเหตุกัปตันเฉินอวี้ยืนกรานว่าต้องควบคุมตัวจางเสวียนไว้ ก่อน โชคดีที่ไป๋เซียนไข่ช่วยออกหน้า สกุลไป๋กับเครือว่านหัวเจ้าของเรือ ส�ำราญล�ำนี้มีความสัมพันธ์แนบแน่นกันไม่น้อย เฉินอวี้จึงยอมเห็นแก่หน้า ผู้ชราปล่อยตัวจางเสวียนมาแต่โดยดี พอได้ยินเรื่องนี้ จางเสวียนก็รู้สึกหนักใจแทนเนี่ยสิงเฟิงขึ้นมาทันที หนี้เงินทองยังใช้หมด แต่หนี้บุญคุณชดใช้อย่างไรไม่รู้จักหมด ท่าทาง แมวกวักคงต้องปวดหัวเพราะบุญคุณครั้งนี้ของสกุลไป๋ไปอีกนาน เนีย่ สิงเฟิงรินน�ำ้ อุน่ มาให้หนึง่ แก้ว รอจนเขาจิบน�ำ้ และสีหน้าดูดขี นึ้ แล้วจึงถามขึ้นด้วยน�้ำเสียงอ่อนโยน “ท�ำไมคุณถึงไปอยู่บนดาดฟ้าเรือได้?” จางเสวียนยังไม่ทันได้ตอบ เสียงเคาะประตูก็ดังขัดจังหวะขึ้นเสีย ก่อน ผู้ที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกคือชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบ เขาคือ กัปตันเฉินอวี้ มีเว่ยเจิ้งอี้และคุณหมอตู้เดินตามมาด้านหลัง “พวกคุณมาก็ดีแล้ว” จางเสวียงพูดเสียงดังฟังชัด “ผมขอบอกไว้ ตรงนี้เลยว่า ผมไม่ได้ฆ่าคน ฆาตกรจงใจโยนความผิดให้ผม!” ในเมื่อทุกคนมาพร้อมหน้า จางเสวียนจึงถือโอกาสเล่าเหตุการณ์ ทั้งหมดอย่างคร่าวๆ มีเพียงเรื่องที่ได้ยินเสียงหลอนเท่านั้นที่ไม่ได้พูดออกไป เฉินอวี้ฟังจนจบแล้วจึงถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “คุณเห็นรึเปล่าว่าใคร เป็นคนทุบคุณจนหมดสติ?” “ถ้าผมเห็นก็คงกระชากตัวเขาออกมาแล้วละครับ จะมานั่งให้พวก คุณสอบปากค�ำแบบนี้รึไง?” 68


ตอน เรือมรณะ จางเสวียนตอบด้วยน�้ำเสียงหงุดหงิด เขาไม่ชอบสายตาของกัปตัน คนนีเ้ อาเสียเลย คนคนนีใ้ ช้สายตาแบบทีใ่ ช้ในการพยายามเค้นความจริงจาก โจรผู้ร้ายมองเขา ทั้งที่เขาบอกแล้วบอกอีกว่าไม่ได้ท�ำ ยังจ้องมองกันแบบนี้ เป็นกัปตันเรือแล้วใหญ่โตนักรึไง! คุณหมอตู้ช่วยตรวจร่างกายให้เขาอีกครั้ง จากนั้นก็สั่งจ่ายยาเพิ่ม อยู่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ จางเสวียนจนปัญญาที่จะหลบหลีก จึงได้แต่ กัดฟันกลืนยาลงท้องไปอย่างว่าง่าย แต่พอได้ยินถ้อยค�ำที่คุณหมอตู้เอ่ยกับ เฉินอวี้แล้ว ก็อดจะนึกขอบใจเจ้าหมอปลอมคนนี้ขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ “ร่างกายคนไข้อ่อนเพลียมาก ให้เขาพักผ่อนเถอะครับ” เฉินอวี้หันไปทางเนี่ยสิงเฟิงแล้วพูดด้วยน�้ำเสียงเย็นชา “บนเรือล�ำนี้มีผู้โดยสารกว่าสามร้อยคน ผมไม่อยากให้เกิดความ โกลาหลเพียงเพราะคนคนเดียว ดังนั้นผมขอบอกไว้ก่อนว่า ถ้าจ�ำเป็น ผมไม่ ลังเลเลยทีจ่ ะจับเขาขัง ถึงเวลานัน้ กรุณาให้ความร่วมมือด้วยนะครับ คุณเนีย่ ” เนี่ยสิงเฟิงไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแค่พูดเรียบๆ “รอให้เติ้งเหยียนกลับเป็นปกติจนสอบปากค�ำได้ก่อนเถอะครับ ถึง เวลานั้นค่อยมาว่ากันอีกที” ‘เติ้งเหยียน?’ ชื่ อ นั้ น ท� ำ ให้ จ างเสวี ย นต้ อ งหั น ไปมองเนี่ ย สิ ง เฟิ ง ด้ ว ยสายตา ประหลาดใจ รอจนเฉินอวี้และหมอตู้ออกไปแล้วจึงถามขึ้นทันที “เกิดอะไรขึ้นกับเติ้งเหยียนเหรอครับ?” “เธอเสียสติไปแล้ว” ผู้โดยสารหญิงคนหนึ่งพบเติ้งเหยียนในห้องน�ำ้ หญิงสาวนั่งซุกตัว อยู่ตรงมุมห้อง หัวเราะคิกคักด้วยท่าทางคล้ายคนวิกลจริต ท�ำเอาผู้โดยสาร 69


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 หญิงที่พบตกอกตกใจเป็นการใหญ่ เฉินอวี้จึงให้พยาบาลคอยเฝ้าเธอไว้ หวังว่าเมื่อเธอได้สติกลับมาจะสามารถบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ “ท่านอาจารย์ครับ เรื่องนี้จะเป็นฝีมือของฆาตกรหนีคดีรึเปล่า? เขา อาจจะเจอท่านอาจารย์เข้าโดยบังเอิญ ก็เลยคิดจะโยนความผิดให้” เว่ยเจิง้ อี้ ซึ่งยังคงอยู่ในห้องสันนิษฐาน “ก็เป็นไปได้นะ” ปากพูดออกไปอย่างนั้น แต่ในใจของจางเสวียนรู้ว่าไม่ใช่! มีใครบางคนตั้งใจล่อเขาไปที่ดาดฟ้าเพื่อจะโยนความผิดให้ เรื่องที่ เกิดขึ้นเป็นความจงใจไม่ใช่ความบังเอิญ แต่ศิษย์รักผู้นี้เป็นคนใจร้อนมุทะลุ ดังนั้นเรื่องบางอย่างอย่าเพิ่งให้รู้จะดีกว่า “ท่านประธาน ไหนคุณว่าจะเฝ้าผม แล้วหายไปไหนมา?” “ผมไปหาฉิงฉิง” เนีย่ สิงเฟิงรูส้ กึ เสียใจมากทีต่ วั เองตัดสินใจออกจากห้องไป นอกจาก ท�ำให้จางเสวียนเกิดเรื่องแล้ว เขายังไม่พบน้องสาวตัวป่วน ห้องฟิตเนสที่ว่า ก็ปิด ไม่มีใครอยู่ในนั้นสักคน เขาจึงต้องออกไปตามหาเธอที่ห้องอื่นๆ ท�ำให้ เสียเวลาไปไม่น้อย ถึงอย่างนั้นเขาก็มั่นใจว่าออกไปจากห้องไม่เกินสิบห้า นาที แต่พอกลับมาก็เกิดเรื่องขึ้นกับคนรักเสียแล้ว “คุณทะลุมติ เิ วลาอีกแล้วเหรอ?” จางเสวียนพึมพ�ำ นีเ่ ป็นค�ำอธิบาย เพียงหนึ่งเดียวในเรื่องของระยะเวลา ส�ำหรับแมวกวัก มิติเวลาที่ผิดเพี้ยน อย่างฉับพลันดูจะกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว “ท่านอาจารย์” เสียงเว่ยเจิ้งอี้เอ่ยแทรกขึ้นมา “ผมบอกเรื่องฆาตกร หนีคดีกับกัปตันไปแล้ว เขาสัญญาว่าจะช่วยตรวจสอบอีกแรง วางใจเถอะ ครับ...” นายต�ำรวจหนุม่ ตบอกอย่างแข็งขัน “มีผมอยูท่ งั้ คน ผูร้ า้ ยไม่มโี อกาส 70


ตอน เรือมรณะ ลงมืออีกแน่!” เพือ่ เป็นหลักประกันความอุน่ ใจให้กบั จางเสวียน เว่ยเจิง้ อีถ้ งึ กับยอม เปิดเผยฐานะต�ำรวจของตนกับเฉินอวี้ ทั้งยังเสนอว่าควรรีบน�ำเรือล�ำนี้ กลับเข้าฝั่งทันที แต่กัปตันผู้น้ันปฏิเสธ บอกว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องการ เปลีย่ นเส้นทางเดินเรือ ถ้าจูๆ่ น�ำเรือกลับกะทันหันโดยไม่มคี ำ� สัง่ ไม่เพียงแต่ จะท�ำให้บริษทั สูญเสียรายได้มหาศาล ยังจะส่งผลกระทบถึงชือ่ เสียงด้วย เขา จึงยืนกรานว่าควรจะปกปิดเรือ่ งนีเ้ อาไว้ โดยจะเป็นผูร้ บั ผิดชอบเรือ่ งหาทีเ่ ก็บ ศพของซ่งเจี้ยนเอง ในเมื่อมีต�ำรวจอยู่บนเรือล�ำนี้ทั้งคน ก็ขอให้รีบตามหา ตัวผู้ร้ายให้เจอ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน “สารเลว! เห็นแก่ตัวชะมัด” จางเสวียนถึงกับหลุดปากด่าออกมา ทันทีที่ฟังจบ “ผมขอตัวไปหาร่องรอยคนร้ายเพิ่มก่อนนะครับ ถึงเรือล�ำนี้จะมี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่น้อย แต่ดูเหมือนจะหวังพึ่งไม่ค่อยได้” เห็นท่านอาจารย์มแี รงด่า ศิษย์อย่างเขาก็เบาใจว่าอาการน่าจะดีขนึ้ บ้างแล้ว เว่ยเจิ้งอี้จึงรีบขอตัว แต่เนี่ยสิงเฟิงกลับรั้งเขาไว้ “เดี๋ยว ผมขอยืมปืนของคุณกระบอกนึงสิ” “อะไรนะ?” เว่ยเจิ้งอี้คล�ำที่เอวของตัวเองโดยอัตโนมัติ ล้อเล่นน่า! ปืนของต�ำรวจถือเป็นสิ่งส�ำคัญที่สุด จะให้ยืมกันง่ายๆ ได้ยังไง ถึงจะเป็นท่านประธานก็เถอะ! “ผมรูว้ า่ คุณพกปืนสองกระบอกเสมอ ตอนนีศ้ ตั รูอยูใ่ นทีม่ ดื ส่วนเรา อยู่ในที่สว่าง ผมคิดว่าจ�ำเป็นที่จะต้องมีอาวุธไว้ป้องกันตัว” สีหน้าของเนี่ยสิงเฟิงเรียบเฉย แต่น�้ำเสียงมีอ�ำนาจ บ่งบอกชัดเจน 71


เทียนซือ คู่ป่วนผจญวิญญาณ 6 ว่านี่ไม่ใช่ค�ำขอร้องแต่เป็นค�ำสั่ง! เว่ยเจิ้งอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยอมจ�ำนนหยิบปืนมามอบให้ “ถ้าไม่ถึงเวลาคับขันจริงๆ ห้ามใช้เป็นอันขาดนะครับ ตอนนี้ท่าน อาจารย์ยังเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ อย่าท�ำให้การตัดสินใจของผมในครั้งนี้ต้อง กลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด” ก�ำชับเสร็จสรรพก็เดินออกจากห้องไป จางเสวียนหยิบปืนมาลูบไล้ ด้วยความอิจฉาแต่กลับถูกเนี่ยสิงเฟิงแย่งไปถือไว้ในทันที ชายหนุ่มเก็บปืน ลงกระเป๋าอย่างมิดชิดแล้วหันไปถามฮั่วหลี “ท�ำไมพวกเธอถึงรู้ว่าเขาเกิดเรื่อง?” “ผมกับเสี่ยวไป๋เห็นกับตาว่าซ่งเจี้ยนถูกผีดิบฆ่า” จิ้งจอกน้อยคันปากอยากจะบอกทุกคนมานานแล้วว่าผีดิบคือ ฆาตกร! แต่กลับถูกเสี่ยวไป๋ห้ามไว้ ตอนนี้คนอื่นออกไปหมดแล้ว สองสหาย จึงแย่งกันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเคบินเก็บของชนิดฟังแทบไม่ทัน “พวกนายแน่ใจเหรอว่าเป็นผีดิบ?” จางเสวียนถามย�้ำ ฮั่วหลีพยักหน้ารัวๆ แต่ก็ถูกลูกถีบแมวของเสี่ยวไป๋สกัดเข้าให้ หนึ่งที “ไม่แน่ว่าอาจเป็นคนก็ได้” เมื่อคิดทบทวนดูแล้วเสี่ยวไป๋ก็สัมผัสได้ว่า บนร่างนั้นปราศจากจิต แห่งความตาย แต่เพราะหน้าตาท่าทางน่ากลัวท�ำให้มนั ตกใจ จึงเผลอวิง่ หนี ตามจิ้งจอกน้อยโดยไม่ได้ดูให้ชัดเจน และตั้งใจว่าจะกลับมาหารือเรื่องนี้กับ จางเสวียน นึกไม่ถึงว่าเทียนซืออ่อนหัดผู้นี้ก็จะเกิดเรื่องขึ้นเช่นกัน ต้องมีใครบางคนซ่อนเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นไว้ในเคบินเก็บของ พอ รู้ว่าซ่งเจี้ยนรู้ความลับ จึงคิดฆ่าชายหนุ่มเพื่อปิดปาก ส่วนเติ้งเหยียนก็ช็อก จนเสียสติ ผู้ที่จะเข้าไปท�ำการซ่อนร่างมนุษย์ไว้ในเคบินเก็บของได้มีไม่มาก 72


ตอน เรือมรณะ ดังนั้นคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ... “เฉินอวี้!” จางเสวียนร้องลั่น “ตอนทีซ่ ง่ เจีย้ นถูกฆ่า เฉินอวีก้ ำ� ลังกล่าวค�ำต้อนรับทุกคนอยูใ่ นงาน เลีย้ งเต้นร�ำ มีคนมากมายเป็นพยานได้” ทีแรกเนีย่ สิงเฟิงเองก็คดิ เช่นเดียวกัน แต่พอนึกทบทวนก็มั่นใจว่าในตอนนั้นเฉินอวี้ไม่น่าปลีกเวลาไปฆ่าคนได้ “อาจเป็นคนของเขาก็ได้นี่ครับ ไม่ว่าจะเป็นต้นเรือ ต้นหน นายท้าย หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทุกคนก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น” จางเสวียนสันนิษฐานต่อ “สิ่งที่ข้าประหลาดใจก็คือ...” เสี่ยวไป๋เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางครุ่นคิด “ท�ำไมฆาตกรต้องซ่อนผีดบิ หรือจะเรียกว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตนนัน้ ไว้บนเรือ ที่ก�ำลังออกเดินทางไกลด้วยล่ะ?” “ง่ายจะตาย” ฮั่วหลีตอบทันที “ก็เพื่อความสะดวกในการก�ำจัดศพ ไงล่ะ แค่โยนทิ้งทะเลก็ไม่มีใครรู้เรื่องแล้ว” เนี่ยสิงเฟิงส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย วิธีก�ำจัดศพมีอยู่หลายแบบ แทบไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องเลือกใช้ เรือส�ำราญเป็นที่ทิ้งศพ บนเรือส�ำราญมีคนมากมาย อีกทั้งสถานที่ยังจ�ำกัด มีโอกาสทีจ่ ะถูกเปิดโปงความลับได้งา่ ย ดังนัน้ ผูร้ า้ ยต้องมีเป้าหมายอืน่ แน่... เป้าหมาย...ที่ท�ำให้เขา ‘จ�ำเป็น’ ต้องเลือกเรือส�ำราญล�ำนี้!

73


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.