บันทึกนักล่า : เจ้าป่าจอมป่วน

Page 1


บทที่ 1

ท่ามกลางแสงแดดจ้าอันร้อนระอุของเดือนมิถุนายน เสียงจักจั่น ร้องแข่งกันดังเซ็งแซ่จนฟ่านอวี่ถงต้องยกมือขึ้นมาอุดหูตัวเองด้วยความ ร�ำคาญขณะเดินลัดเลาะไปตามถนนสายเล็กและแคบเพื่อมุ่งหน้าสู่ป่าลึก กลางหุบเขา แม้ถนนสายนี้จะมีร่มเงาของต้นไม้ที่เขียวชอุ่มช่วยบดบัง แสงแดด แต่กระนัน้ หน้าผากและไรผมก็ยงั ชุม่ ฉ�ำ่ ไปด้วยเม็ดเหงือ่ ทีผ่ ดุ พราย ออกมาตลอดทาง ฟ่านอวี่ถงไม่ได้คาดหวังว่าการมาทัศนศึกษาครั้งสุดท้ายของชีวิต นั ก เรี ย นม.ปลายจะต้ อ งสนุ ก สุ ด เหวี่ ย ง เพราะเป็ น คนไม่ ช อบเดิ น ทาง ท่องเที่ยวต่างประเทศสักเท่าไหร่ ทว่าด้วยต�ำแหน่งหัวหน้าห้องที่ค�้ำคอ อยู่ในขณะนี้ต่างหาก จึงจ�ำเป็นต้องรับผิดชอบหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ ดีที่สุด และตอนนี้เขาก�ำลังใช้สมาธิอย่างสูงในการจดจ�ำเส้นทางที่ก�ำลัง เดินอยู่ การมาทัศนศึกษาในครั้งนี้มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ทะเลสาบ 1


จื้อหลัน ชูเซนจิ1 ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น และในขณะ ที่เพื่อนคนอื่นๆ ใช้เวลาว่างจากการท�ำกิจกรรมมาเดินชมนกชมไม้และ ถ่ายรูปกันอยู่นั้น ฟ่านอวี่ถงกลับต้องเดินตามหาเพื่อนตัวแสบสามคนที่ ชวนกันแตกกลุ่มหนีเข้าไปในป่าลึกโดยไม่บอกไม่กล่าวกันสักค�ำ เพื่อนตัวแสบทั้งสามคนนั้นเรียกได้ว่าเป็นตัวป่วนประจ�ำห้องที่มัก สร้างเรื่องให้หัวหน้าห้องอย่างฟ่านอวี่ถงต้องปวดหัวอยู่เป็นประจ�ำ และ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ฟ่านอวี่ถงต้องคอยคุมเชิงเอาไว้ไม่ให้ทั้งสามคนนั้นเดินออก นอกเส้นทางอยูเ่ กือบตลอดเวลา แต่พวกนัน้ ก็ยงั อาศัยทีเผลอในช่วงเวลาว่าง จากการท�ำกิจกรรมแอบเข้าไปในเขตหวงห้ามทีเ่ ป็นป่าทึบมืดครึม้ จนหายตัว ไปจนได้ ฟ่านอวี่ถงเป็นคนเดินช้าๆ เนิบๆ เป็นปกติซึ่งต่างจากเพื่อนตัวแสบ ทั้งสามคน ดังนั้นนอกจากวิ่งไล่กวดเพื่อนๆ ไม่ทันแล้ว เขาก็ยังเดินหลงป่า อย่างไม่รู้ตัว “บ้าฉิบ! โคตรซวยเลยหลงทางจนได้ ให้ตายเถอะ” ฟ่ า นอวี่ ถ งขยั บ กรอบแว่ น บนสั น จมู ก แม้ บุ ค ลิ ก ภายนอกจะดู สงบเยือกเย็น ทว่าภายในกลับร้อนรุ่มไปด้วยความกังวลใจ แต่ไม่ว่าหนทาง ข้างหน้าจะมีอันตรายอะไรรออยู่ เขาจะต้องรับมืออย่างมีสติและหาทาง กลับไปให้ได้ หากเทียบฟ่านอวี่ถงกับเด็กรุ่นเดียวกันแล้ว จัดว่าเขาเป็น คนสุขุมเยือกเย็นเกินตัว ทั้งนี้อาจเป็นเพราะการได้เป็นหัวหน้าห้องมา ยาวนานตัง้ แต่สมัยประถมศึกษาก็เป็นได้ แต่เมือ่ ต้องมาเดินหลงอยูใ่ นป่าทึบ กลางหุบเขาที่อยู่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ ต่อให้เป็นคนใจเย็นแค่ไหนก็อด ร้อนใจไม่ได้แน่ 1

ทะเลสาบชูเซ็นจิเป็นทะเลสาบที่สูงที่สุดของประเทศญี่ปุ่นโดยอยู่เหนือระดับน�้ำทะเล 1,200 เมตร

2


บันทึกนักล่า : เจ้าป่าจอมป่วน เด็กหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมจี้คริสตัลที่แขวนอยู่บนคอพลางบอก ตัวเองว่า ‘นีไ่ ม่ใช่เวลาคิดเรือ่ งฟุง้ ซ่าน แต่เราต้องตัง้ สติและหาทางออกไปจาก ที่นี่ให้ได้ต่างหากล่ะ’ จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อีกครั้งเพื่อเรียกสติและท�ำให้ ใจเย็นลง ‘ไม่เป็นไร เราหาทางออกไปจากที่นี่ได้แน่นอน ส่วนสามคนนั้น เดีย๋ วค่อยไปบอกให้อาจารย์ทราบ แล้วให้อาจารย์ออกตามหากันเอง เอ๋...แต่ ก็ไม่แน่พวกนั้นอาจกลับไปสมทบกับคนอื่นๆ แล้วก็ได้...’ “ว้าก!” จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังอยู่ข้างหน้าท�ำให้ฟ่านอวี่ถงตกใจจนสะดุ้ง สุดตัว พอเดินเข้าไปใกล้ตน้ เสียงก็เห็นเพือ่ นตัวแสบทัง้ สามคนพากันวิง่ ล้มลุก คลุกคลานออกมาจากพุ่มไม้ และยังไม่ทันที่ฟ่านอวี่ถงจะได้อ้าปากตะโกน เรียกพวกเขา ทั้งสามก็รีบลุกขึ้นวิ่งอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้สนใจมองว่ามีใคร ยืนอยู่ตรงนั้นบ้าง ทั้งสามคนวิ่งราวกับหนีใครมา แถมยังท�ำท่าตื่นกลัวคอย เหลียวหน้าพะวงหลังตลอดเวลาอย่างกับมีผีไล่กวดอยู่ด้านหลัง ‘...หรือที่นี่จะมีผีอยู่จริง?’ คิดแล้วก็ยืนตัวสั่น แต่ไม่ได้สั่นเพราะกลัวผีจะโผล่ออกมาจริงๆ หรอกนะ หากแต่สญ ั ชาตญาณก�ำลังบอกให้รวู้ า่ มีอนั ตรายก�ำลังคืบคลานใกล้ เข้ามาทุกทีจนฟ่านอวี่ถงยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ในนาทีนั้นเองจักจั่นพลันหยุดเสียงร้อง ตามด้วยเสียงลมพัด เสียง ต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ ก็สงบเงียบจนดูวงั เวงผิดปกติ ท�ำให้ฟา่ นอวีถ่ งเกิดอาการ 3


จื้อหลัน หายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกคล้ายกับมีสายตาของใครบางคนก�ำลังจับจ้องการ เคลื่อนไหวของเขาไม่วางตา ตอนนี้เด็กหนุ่มเข้าใจแล้วว่า เหตุใดสามคนนั้นถึงได้โกยแน่บ หนีตายกันขนาดนั้น ไม่เพียงเท่านั้นลางสังหรณ์อันแรงกล้ายังบอกให้รู้ว่า เจ้าของสายตาที่อยู่หลังพุ่มไม้คู่นั้นจะพุ่งกระโจนใส่เขาในไม่ช้านี้ ด้วยเหตุนี้ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดจึงสั่งให้ฟ่านอวี่ถงก้าวเท้าออกจากที่นี่ไปให้ เร็วที่สุด แต่ในจังหวะก�ำลังยกขาจะก้าวไปข้างหน้านั้นก็มีเสียงค�ำรามดัง สะท้านไปทั่วทั้งป่า ฝูงนกกาต่างแตกฮือบินหนีกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศ คนละทาง ส่วนฟ่านอวี่ถงได้แต่ตกใจยืนตัวแข็งอยู่กับที่ไม่กล้าแม้แต่จะ ขยับเขยื้อนกาย ‘เสียงนั่น...มันใช่เสียงค�ำรามของสัตว์ป่าหรือเปล่า?’ ระหว่างที่มัวแต่คิดสงสัยอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีพละก�ำลังมหาศาลจู่โจม เข้าหาจากด้านหลัง “โอ๊ย” ร่างของฟ่านอวี่ถงล้มตึงลงบนพื้นพร้อมเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ถ้าเด็กหนุ่มมีปฏิกิริยาโต้ตอบช้ากว่านี้ ยกแขนขึ้นมากันหน้าผากตัวเอง เอาไว้ไม่ทัน ป่านนี้ใบหน้าคงกระแทกพื้นไปแล้ว และคงไม่เจ็บแค่แขน แบบนี้แน่นอน ในวินาทีต่อมา ร่างทั้งร่างของฟ่านอวี่ถงก็ถูกจับพลิกหงายให้นอน แผ่หลาอยู่บนพื้น ครั้นเจ้าตัวจะลุกขึ้นกลับถูกอีกฝ่ายกดร่างเอาไว้ไม่ให้ ขยับเขยื้อนตัวได้ “โฮก” เงาด�ำทะมึนทาบทับอยู่เหนือศีรษะของเด็กหนุ่ม ตามด้วยเสียง 4


บันทึกนักล่า : เจ้าป่าจอมป่วน ค�ำรามดังกึกก้อง พลังเสียงนั้นสั่นสะเทือนจนฟ่านอวี่ถงขนลุกชันทั่วทั้ง ร่างกาย ตามด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นขึ้นไปถึงสมองจนหูอื้อดังวิ้งๆ ไป ชั่วขณะ ตอนนี้ฟ่านอวี่ถงมั่นใจแล้วว่า เสียงที่ได้ยินคือเสียงค�ำรามของ สัตว์ป่า “สะ...สะ...สิงโต!?” เด็กหนุ่มตกใจจนตาค้าง ร่างมหึมาของสัตว์ป่าแสนดุร้ายตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่าที่เคยเห็นใน สวนสัตว์หลายเท่า แผงคอสีทองพลิ้วไหวไปตามแรงลม สะท้อนกับแสง อาทิตย์เห็นเป็นประกายระยิบระระยับ นัยน์ตาสีเหลืองอ�ำพันดูสง่างามและ เปี่ยมไปด้วยพลัง แต่แววตาอันแข็งกร้าวนั้นก�ำลังจับจ้องใบหน้าของเขาอยู่ ในขณะนี้ ‘มันจะเป็นไปได้ยังไง!? ถึงจะเคยได้ยินว่า ศาลเจ้าบนหุบเขานี้ เลี้ยงสิงโตเอาไว้ แต่นั่นเป็นแค่ข่าวลือไม่ใช่เหรอ ในป่าริมทะเลสาบชูเซนจิ จะมีสงิ โตอาศัยอยูจ่ ริงๆ ได้ยงั ไงกัน? แต่จะไม่เชือ่ ก็คงไม่ได้แล้ว ในเมือ่ สิงโต ตัวใหญ่ก�ำลังยืนอยู่ต่อหน้าเราแล้ว’ ฟ่านอวีถ่ งพยายามลุกขึน้ เพือ่ ถอยหลัง แต่สงิ โตหนุม่ ก็แสดงอาการ เกรี้ยวกราดออกมาทันที คล้ายกับต้องการขู่ขวัญไม่ให้เด็กหนุ่มขยับเขยื้อน ตัว ฟ่านอวีถ่ งจึงได้แต่นอนนิง่ อยูก่ บั ที่ จากนัน้ สิงโตเจ้าป่าจึงยกขาหน้าเหยียบ ลงบนกลางอกของเด็กหนุ่มทันที ก่อนจะใช้เท้าหน้าอีกข้างตะปบลงบน ใบหน้าเบาๆ แล้วเลือ่ นไล้ลงมายังล�ำคอขาวราวกับก�ำลังหยอกเอินเหยือ่ ของ มันก็ไม่ปาน พลางใช้จมูกใหญ่สูดดมไล่ขึ้นไปตามแนวล�ำคอเรียวและขาว นวลของฟ่านอวี่ถง ถ้าไม่เห็นกับตาว่าเจ้าตัวที่เหยียบอกของเขาอยู่ในขณะนี้คือสิงโต 5


จื้อหลัน ฟ่านอวี่ถงคงคิดว่ามันเป็นแค่แมวยักษ์ขี้เล่นแน่ๆ ที่ส�ำคัญเขาเองจะเป็น คนรักสัตว์และอยากเลี้ยงแมวมากแค่ไหน แต่ถ้าเป็นแมวยักษ์ตัวมหึมาที่มี เขี้ยวแหลมคมอันเบ้อเริ่มเทิ่มที่พร้อมจะฉีกเนื้อเขาออกเป็นชิ้นๆ ได้ตลอด เวลาอย่างนี้ เขาคงรักไม่ลงแน่นอน อีกทัง้ อุง้ เท้าขนาดใหญ่ทแี่ ตะอยูบ่ นแก้ม ในเวลานี้ก็สร้างความระทึกขวัญให้ฟ่านอวี่ถงไม่น้อย “โฮก” เสียงค�ำรามดังก้องสะท้อนไปทุกโสตประสาท เห็นได้ชัดว่าสัตว์ นักล่าตัวนี้อยากขย�้ำเหยื่อของมันเต็มทนแล้ว ฟ่านอวีถ่ งหลับตาปีไ๋ ด้แต่ภาวนาขอให้วนิ าทีแห่งความเจ็บปวดยาม ที่คมเขี้ยวของมันฝังลงมาบนตัวเขาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความเจ็บปวดที่ คิดไว้กลับไม่เกิดขึ้น ความรู้สึกคล้ายมีเงาทะมึนนั้นได้อันตรธานหายไปแล้ว ทว่าสิ่งที่แปลกไปกว่านั้นคือเขารู้สึกเหมือนมีคนก�ำลัง... ฟ่านอวี่ถงลืมตาขึ้นมองทันที สิงโตยักษ์หายไปจริงๆ แต่กลับมี ชายหนุม่ รูปร่างสูง หุน่ ก�ำย�ำปรากฏกายขึน้ แทน และมือทัง้ สองข้างของเขาก็ ก�ำลังปลดกระดุมเสื้อของเด็กหนุ่มก่อนจะแหวกเสื้อออกแล้ววางฝ่ามือแนบ ลงบนแผ่นอกบางพลางลูบไล้ไปมาอย่างแผ่วเบา “คุณจะท�ำอะไรเนี่ย!?” ฟ่านอวีถ่ งปัดมือชายหนุม่ ออกทันควันพร้อมกับรวบสาบเสือ้ เข้าหา กัน มืออีกข้างยกขึ้นมากุมจี้คริสตัลสีขาวส่องประกายวิบวับอยู่บนหน้าอก ของตนเอง “คุณเป็นใคร แล้วไอ้...ไอ้ตัวนั้นล่ะ?” “ไอ้ตัวนั้น? ไอ้ตัวไหน เจ้าช่างเป็นมนุษย์ที่ไร้มารยาทเสียจริง” ดูจากภายนอกแล้ว ชายหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุมากกว่าฟ่านอวี่ถง 6


บันทึกนักล่า : เจ้าป่าจอมป่วน หลายปี เขาท�ำท่าเชิดหน้าอย่างทะนงราวกับเป็นผู้สูงศักดิ์ แถมยังมอง ฟ่านอวี่ถงด้วยหางตาประหนึ่งเด็กหนุ่มเป็นแค่เศษเสี้ยวธุลีดิน แม้แสงแดดอันเจิดจ้าจะฉายส่องเข้ามาท�ำให้ฟ่านอวี่ถงมองเห็น ใบหน้าอันหล่อเหลา คมคาย ประกอบกับรูปร่างสมส่วนจนดูน่าหลงใหล เส้นผมสีทองอ่อนพลิ้วเป็นประกายระยิบระยับยามต้องลม เช่นเดียวกั นัยน์ตาสีเหลืองยามต้องแสงแดด แววตาเจิดจ้าสะท้อนระยิบระยับราว บุษราคัมน�้ำงาม แม้คนตรงหน้าจะหล่อเหลาประดุจนายแบบชั้นแนวหน้า ทีห่ ลุดออกมาจากแคตวอล์ก แต่นกี่ ไ็ ม่อาจท�ำให้ฟา่ นอวีถ่ งลืมวินาทีทตี่ วั เอง เกือบถูกสิงโตขย�้ำได้เลยสักนิด “ก็สิงโตยังไงล่ะ...สิงโตยักษ์ตัวนั้นน่ะ มันหายไปไหน และมันหาย ไปได้ยังไง?” “สิงโต?” อีกฝ่ายเลิกคิ้วถามพลางจ้องหน้าฟ่านอวี่ถง ก่อนท�ำเสียงขึ้นจมูก พร้อมกับเชิดหน้าให้อย่างไม่พอใจ และกล่าวด้วยน�้ำเสียงหยิ่งผยองว่า “เด็กน้อยเอ๋ย จงฟังฉันให้ดนี ะ ฉันไม่ใช่สตั ว์และก็ไม่ใช่สงิ โต ชือ่ ของ ฉันคือ เลย์ตันแห่งนีเมียน” เรือนกายเปลือยเปล่า มีเพียงก�ำไลทองคู่ที่พันด้วยสายสร้อยอย่าง ประณีตเป็นเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวสวมอยู่บนข้อมือ สายสร้อยนั้นมี สีแดงอมส้มไม่เหลืองอร่ามอย่างทองค�ำ ทว่ากลับดูลำ�้ ค่าอย่างน่าประหลาด และแม้รา่ งกายของเขาจะมีเพียงก�ำไลไร้อาภรณ์อนื่ ใดปกคลุม ก็ไม่ทำ� ให้เขา รู้สึกอับอายแต่อย่างใด กลับมีท่าทีหยิ่งผยองเช่นเดิม “เลย์ตันแห่งนีเมียน” เด็กหนุ่มเอ่ยทวนชื่อนี้ซ�้ำอีกครั้ง แต่มันไม่ใช่ค�ำตอบที่เขาต้องการ 7


จื้อหลัน เลยสักนิด ยกเว้นเพียงเรือ่ งเดียวทีอ่ ยากรูก้ ค็ อื จะท�ำอย่างไรให้ตนเองรอดพ้น จากคมเขี้ยวของเจ้าสิงโตร้ายตัวนั้น เอ...หรือว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนช่วยตน เอาไว้? ทว่าในวินาทีตอ่ มา ฟ่านอวีถ่ งก็รตู้ วั ว่า ตัวเองคิดผิดถนัดเพราะชาย ที่เรียกตัวเองว่า ‘เลย์ตันแห่งนีเมียน’ ก�ำลังแหวกสาบเสื้อของเขาออกอีกครั้ง พร้อมกับก้มหน้าใช้ปลายจมูกซุกไซ้ซอกคอขาวนวลของเด็กหนุ่มไปมา “รูไ้ หมว่าร่างกายเธอมีกลิน่ กายทีห่ อมชวนหลงใหลมากจนส่วนล่าง ของฉันมันอัดแน่นและแข็งปั๋งจวนจะระเบิดออกมาแล้ว” “เฮ้ย…คุณพูดเรื่องบ้าอะไรน่ะ!” ฟ่านอวี่ถงไม่อยากเชื่อเลยว่าตนจะได้ยินค�ำพูดหยาบโลนเหล่านี้ เด็กหนุม่ รีบยกมือขึน้ ปิดคอตนเองไว้และพยายามกระถดกายถอยไปด้านหลัง พยายามหนีไปให้ไกลจากบุคคลอันตรายผู้นี้ แต่อีกฝ่ายขยับตามทันพร้อม กับกล่าวด้วยน�้ำเสียงจริงจังว่า “เถอะน่าเด็กน้อย มาสมสู่กันเถอะ!” “คุณว่าไงนะ!?” ‘นีเ่ ราไม่ได้หฝู าดไปใช่ไหม ผูช้ ายคนนีก้ ำ� ลังชวนเราท�ำเรือ่ งอย่างว่า กับเขา? หรือเขาพูดผิด’ “สมสู่มันใช้กับสัตว์ไม่ใช่เหรอ?” “ปกติฉนั ไม่เคยเป็นฝ่ายตามตือ๊ ตัวเมียหรอกนะ แต่นเี่ ห็นเธอหน้าตา ดี ทรวดทรงองค์เอวก็ถูกใจฉันเหลือเกิน ฉันจะยอมเธอเป็นพิเศษก็แล้วกัน มามะ...มาเริ่มบรรเลงบทรักกันเถอะ” 8


บันทึกนักล่า : เจ้าป่าจอมป่วน ค�ำพูดแต่ละประโยคที่หลุดออกจากปากของผู้ชายตรงหน้าท�ำให้ ฟ่านอวีถ่ งผูส้ ขุ มุ และเยือกเย็นมาโดยตลอด มีอารมณ์โกรธลุกเป็นฟืนเป็นไฟ ขึ้นมาทันที ‘ไอ้หมอนี่มันเรียกผู้หญิงที่คบหาว่า ‘ตัวเมีย’ แล้วยังเข้าใจผิดคิดว่า เราเป็น ‘ผู้หญิง’ ด้วยเหรอเนี่ย!?’ แต่บางครัง้ ฟ่านอวีถ่ งก็อดเห็นด้วยไม่ได้ เพราะใบหน้าทีด่ อู อ่ นหวาน ประกอบกับรูปร่างผอมเพรียวเมือ่ เทียบกับผูช้ ายวัยเดียวกัน แต่ดว้ ยความสูง 175 เซนติเมตร แถมไหล่และหน้าอกก็ดูผึ่งผายแบนราบอย่างนี้ก็ไม่น่า จะท�ำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดถึงขั้นแยกไม่ออกว่าเขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย กันแน่นี่นา “เด็กน้อย รู้ไหมว่าเธอน่ะโชคดีมากเลยนะที่ฉันเป็นฝ่ายยอมและ อยากจะสมสู่กับเธอ แล้วนี่เธอยังจะต้องคิดมากอะไรอีกล่ะ” ถามแล้วก็ไม่รอให้ฟ่านอวี่ถงตอบตกลง กลับรวบรัดรั้งเอวเด็กหนุ่ม พร้อมดึงเข้าหาตัว แล้วแนบร่างกายส่วนล่างประกบติดแผ่นท้องแบนราบ ของฟ่านอวี่ถง “เป็นไง มีความรู้สึกบ้างไหม นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันมีอารมณ์ อยากสมสู่ขนาดนี้! ถ้าเธอท�ำให้ฉันพอใจได้ละก็ ฉันก็พร้อมให้เธอมีลูกกับ ฉันได้” “มะ...มีลูก!? คุณ...คุณมันบ้าไปแล้ว!” ค�ำพูดเหล่านี้เกินที่จะรับฟังได้ ฟ่านอวี่ถงจึงตะโกนออกมาอย่าง เหลืออด “ไอ้คนโรคจิต” 9


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.