หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร

Page 1


1 ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไรที่กระแสนิยมการสะสมหมึกเกิดแพร่หลาย ขึ้นในเมืองหลวง ไม่วา่ จะเป็นปราชญ์ กวี ผูม้ กี ารศึกษา กระทัง่ ขุนนางทัง้ หลาย ก็ลว้ น ชอบสะสมหมึกดีมีชื่อจากแหล่งต่างๆ ด้วยกันทั้งสิ้น และหนึ่งในผู้ที่ชื่นชอบ การสะสมหมึกเป็นชีวิตจิตใจก็คืออาลักษณ์แซ่จี้ นามว่าจี้เซียว ชื่อรอง ชิงหลาน ทว่าด้วยบุคลิกอันงามสง่า อีกทั้งยังมีจิตใจกว้างขวาง สุภาพ อ่อนโยน ผู้คนจึงขนานนามเขาว่า ‘อวี้เยี่ยน1’ พลบค�ำ่ วันนีอ้ ากาศเย็นสบาย จีเ้ ซียวซึง่ อยูใ่ นห้องหนังสือก�ำลังง่วน กับการกางกระดาษ จรดพูก่ นั ร่ายล�ำน�ำใหม่สองบทเกีย่ วกับดอกไห่ถาง2 ซึง่ เบ่งบานรับฤดูกาลอันอบอุ่นอยู่ที่ริมหน้าต่าง “ท่านราชบุตรเขยสามเสด็จแล้วขอรับ” อวี้เยี่ยน หมายถึง จานฝนหมึกที่ท�ำจากหยก ดอกไห่ถาง (Malus spectabilis) เป็นดอกไม้ที่บานในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ชอบอากาศอบอุ่น มี หลายสี เช่นขาว แดง ชมพู แต่ที่พบมากคือสีชมพู

1 2

1


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร เมื่อได้ยินถ้อยค�ำรายงานของคนรับใช้ จี้เซียวจึงรีบวางพู่กันด้วย ความยินดี แล้วตรงออกไปต้อนรับอาคันตุกะผู้นั้นทันที ชุดคลุมลวดลายงดงามทีอ่ กี ฝ่ายสวมใส่อยูท่ ำ� ให้อาลักษณ์หนุม่ ต้อง กล่าวทักกลั้วรอยยิ้ม “พี่จวิ้นอี้ เหตุใดจึงกลับมาจากชายแดนรวดเร็วนักเล่า” “ข้าแค่ไปตรวจงานตามพระบัญชาเท่านั้น” ราชบุตรเขยสามนาม จวิ้นอี้ก้าวเข้ามาในเรือนอาลักษณ์เยี่ยงคนคุ้นเคย ในมือมีกล่องหุ้มผ้าไหม ทอสลับกับเส้นเงินส่องประกายวาววับมาด้วย “ไปคราวนี้ไม่คิดเลยว่าจะได้ ของดีตดิ มือกลับมา แต่ขา้ มิใช่ผเู้ จนจัดด้านการเขียนอักษรกลอนโคลง ดังนัน้ จึงคิดว่าของชิ้นนี้ควรน�ำมามอบให้เจ้าน่าจะเหมาะกว่า” “ของอะไรหรือ” จี้เซียวเอ่ยถามด้วยความสงสัย จวิน้ อีเ้ ปิดกล่องอันงามวิจติ รนัน้ แล้วยืน่ ส่งให้อกี ฝ่ายทัง้ กล่องพร้อม เอ่ยด้วยน�้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าเป็นผู้สันทัดจัดเจน ช่วยดูทีเถิดว่าหมึกโบราณชิ้นนี้เป็นเช่นไร” เพียงแค่มองปราดเดียวอาลักษณ์หนุม่ ก็ถงึ กับตืน่ เต้นจนพูดไม่ออก มือทีส่ นั่ น้อยๆ ค่อยๆ ประคองหยิบวัตถุชนิ้ นัน้ ขึน้ มาอย่างระมัดระวัง สายตาจับจ้องอยู่ที่แท่งหมึกสีม่วงครามซึ่งแกะสลักเป็นลวดลายมังกร ละเอียดอ่อนแล้วปัดด้วยผงทองวาววับ งดงามไร้ที่ติจนอาจกล่าวได้ว่าเป็น งานหัตถศิลป์ลำ�้ ค่า จีเ้ ซียวค่อยๆ ใช้มอื ลูบไล้ไปบนลวดลายนัน้ อย่างนุม่ นวล แผ่วเบา จากนั้นจึงยกแท่งหมึกขึ้นแตะไล้ที่ปลายจมูก สูดก�ำซาบกลิ่นหอม จางของมันให้แทรกซึมเข้าไปจนถึงส่วนลึกของฆานประสาท วนเวียนซึมซับ รับกลิ่นอยู่นานสองนาน จึงค่อยผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ราวกับเสียดาย กลิ่นที่สูดดมเข้าไป แล้วจึงหลุดปากออกมาด้วยน�้ำเสียงคล้ายละเมอ 2


จู่โร่ว “หมึกดีจริงๆ” “นี่คือหมึกหลวงของฮ่องเต้ราชวงศ์ก่อน ทั่วทั้งใต้หล้าเกรงว่าน่าจะ เหลืออยู่เพียงชิ้นเดียว ข้าใคร่ครวญอยู่ค่อนวันก็เห็นว่าน่าจะมีแต่เจ้าเท่านั้น ที่คู่ควรจะได้ครอบครอง” “พีจ่ วิน้ อีก้ ล่าวเช่นนีจ้ ะพาข้าอายุสนั้ ” จีเ้ ซียวตอบถ่อมตนอย่างรืน่ เริง ในอารมณ์ ก่อนจะก้มหัวคารวะอีกฝ่ายหนึ่งค�ำนับ “เชิญพี่จวิ้นอี้นั่งพักให้ ผ่อนคลายหายเหนือ่ ยก่อน หลายวันก่อนมีสหายน�ำใบชาใหม่ๆ มาให้จำ� นวน มาก ทางห้องครัวจึงเขียนต�ำรับอาหารส�ำหรับงานเลีย้ งน�ำ้ ชาไว้โดยเฉพาะ มี ทั้งกุ้งแก้วรมชา มัจฉาเริงวารี ผู่เอ๋อร์บ�ำเรอนงคราญ ยังมีมัจฉาร�่ำสุธารส อีก เดี๋ยวข้าจะให้เขาลองปรุงรสเสียคืนนี้ จากนั้นเปิดสุราฮวาเตียวเก่าเก็บ สักไหเพื่อเป็นการเลี้ยงต้อนรับพี่จวิ้นอี้ เช่นนี้ดีหรือไม่” ราชบุตรเขยสามหัวเราะชอบใจ ตบไหล่อกี ฝ่ายเบาๆ อย่างสนิทสนม “ไม่ต้องมากพิธีไปหรอก คืนนี้ข้ายังมีธุระต้องเข้าวังหลวง เห็นทีจะ ต้องขอลาเจ้าเลยก็แล้วกัน ส่วนงานเลี้ยงน�้ำชาที่ว่านั่น วันหน้าข้าค่อยมารับ น�้ำใจ” เมือ่ ได้ยนิ ว่าอีกฝ่ายต้องเข้าวัง จีเ้ ซียวจึงมิได้รบเร้าให้อยูต่ อ่ ส่งแขก เสร็จ อาลักษณ์หนุ่มก็ตรงรี่เข้าห้องนอนทันที โดยหลงลืมม้วนกระดาษและ โคลงกลอนที่ยังเขียนค้างคาไว้ได้เพียงครึ่งไปเสียสิ้น เพราะในเวลานี้มีเพียง สิ่งเดียวที่ใจเขาปรารถนา นั่นคือการได้สัมผัสใกล้ชิดแท่งหมึกนั้น จึงเอาแต่ ลูบคล�ำสูดกลิ่นไม่ยอมวางมือ คืนนั้นจี้เซียวฝันประหลาด ในฝันมีบรุ ษุ ชุดด�ำสนิทดุจสีนลิ นอนทาบทับอยูบ่ นร่างเขา ปลายลิน้ ร้อนแทรกสอดเข้ามาในโพรงปาก เกาะเกีย่ วพัวพันลึกซึง้ ท่ามกลางความรูส้ กึ 3


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร ที่รางเลือนนั้น เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นกายคุ้นเคยที่แผ่ซ่านมาจากร่างของบุรุษ ปริศนา เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็สัมผัสได้ว่าทั่วทั้งร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อจนเปียก ชืน้ พอนึกทบทวนถึงความฝัน ใบหน้าขาวเนียนก็พลันแดงซ่านจนถึงใบหู นึก ก่นด่าตัวเองอยู่พักใหญ่ว่าฝันบ้าบออะไรเช่นนั้น! หน้าที่อาลักษณ์ของจี้เซียวคือตรวจช�ำระเอกสารในหออาลักษณ์ หลวง แต่ละวันมีมว้ นหนังสือทีร่ อการตรวจช�ำระกองอยูม่ ากมายจนอ่านแทบ ไม่ทัน เพราะต้องเร่งท�ำงานแข่งกับเวลา เด็กรับใช้ของเขาจึงคล่องแคล่ว รู้งานและมิกล้าชักช้าอ้อยอิ่ง ทุกเช้าจะต้องจัดเตรียมข้าวของไว้ให้เขาที่ห้อง ต�ำรา โดยจะหยิบเอาสี่สมบัติล�้ำค่าแห่งห้องต�ำรา 3ออกมาวางเตรียมให้ พร้อมพรัก จากนั้นเด็กรับใช้จะม้วนแขนเสื้อขึ้นอย่างทะมัดทะแมง เลื่อนฝา เปิดจานฝนหมึก เทน�ำ้ เปล่าลงไปพอขอดติดก้นจาน แล้วจึงหยิบแท่งหมึกมา เริ่มต้นฝนอย่างช้าๆ เพราะรับใช้ใกล้ชดิ จีเ้ ซียวมานาน ฝีมอื การฝนหมึกของเด็กรับใช้ผนู้ ี้ จึงพอจะกล่าวได้ว่ามิน้อยหน้าเด็กรับใช้ของใต้เท้าท่านอื่นเลย ทว่าวันนี.้ ..กลับเกิดเรือ่ งประหลาดขึน้ ทัง้ ทีต่ งั้ ใจฝนอยูเ่ ป็นนาน แต่ น�้ำในจานฝนกลับยังคงใสแจ๋ว ไม่มีสีด�ำของหมึกเจือปนออกมาแม้แต่น้อย จนจี้เซียวซึ่งบิดปลายพู่กันรออยู่อีกด้านต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ฝนหมึกเสร็จรึยัง” “นายท่านขอรับ...” เด็กรับใช้ที่ตอนนี้เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งร่างตอบ สี่สมบัติห้องต�ำรา ได้แก่ พู่กัน หมึก กระดาษ และจานฝนหมึก

3

4


จู่โร่ว ด้วยท่าทางอึกอัก “หมึกนี่...ประหลาดยิ่งนักขอรับ” “หืม?” อาลักษณ์หนุ่มหันไปมอง พอเห็นว่าสิ่งที่อยู่ในมือของเด็กรับใช้คือ แท่งหมึกสีม่วงครามลายมังกรไล้ทองที่ลวดลายถูกสลักเสลาอย่างประณีต ราวกับมีชีวิตแท่งนั้น นัยน์ตาก็พลันเบิกกว้าง รีบเดินมาฉวยคว้าเอาไป แล้ว ส่งเสียงเอ็ดดังลั่นด้วยความฉุนเฉียว “หมึกมีออกเต็มบ้าน เหตุใดเจ้าไม่หยิบ จ�ำเพาะจะต้องมาหยิบแท่ง นี้” เด็กหนุ่มติดตามรับใช้จี้เซียวมาหลายปี น้อยกว่าน้อยที่จะเห็นนาย ท่านผู้นี้บันดาลโทสะ จึงตกใจจนหน้าซีดแล้วรีบอธิบาย “หมึกแท่งเก่าใช้หมดแล้วขอรับ เมือ่ เช้าบ่าวก�ำลังจะไปหยิบแท่งใหม่ มาจากหีบ บังเอิญเห็นหมึกแท่งนี้วางอยู่บนชั้นหนังสือ หลงคิดไปว่าเป็นสิ่ง ที่นายท่านเตรียมไว้ จึงหยิบมาใช้ขอรับ” แทนทีจ่ ะใจเย็นลงเมือ่ ได้รบั ค�ำอธิบาย จีเ้ ซียวกลับยิง่ โกรธเกรีย้ วจน เส้นเลือดบนขมับแทบจะปูดโปน “หมึกแท่งนี้ข้าเก็บไว้ในกล่องด้วยมือตนเอง เช่นนี้แล้วเจ้ายังกล้า โป้ปดว่าหยิบมาจากชัน้ หนังสืออีกหรือ เหตุใดเจ้าจึงกลายเป็นคนปลิน้ ปล้อน เช่นนี้” ทั้งที่ยังต�ำหนิบ่าวรับใช้ได้ไม่สมใจ แต่เพราะความห่วงใยจึงรีบก้ม หน้าส�ำรวจของรักโดยถ้วนถี่ ก่อนจะระบายลมหายใจอย่างโล่งอก “โชคดีนะทีห่ มึกแท่งนีแ้ ข็งแกร่งทนทาน จึงไม่บบุ สลายแม้แต่นอ้ ย” “นายท่านขอรับ...” เด็กรับใช้เอ่ยขึ้นด้วยน�้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ ทั้งที่ เพิง่ ถูกเอ็ดมาหมาดๆ แต่กม็ อิ าจเก็บง�ำความสงสัย “นีค่ อื หมึกอะไรหรือขอรับ 5


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร บ่าวเพียรฝนอยู่เป็นนานก็มิเห็นว่าจะมีสีออกมาแม้แต่น้อย ราวกับว่ามิใช่ แท่งหมึก แต่เป็นก้อนอิฐก้อนหิน” “เช่นนั้นรึ” จี้เซียวหันขวับไปถามด้วยแววตาที่ยังคงหลงเหลือความขุ่นเคือง เพื่อเป็นการพิสูจน์เขาจึงเอานิ้วจุ่มน�้ำที่อยู่ในจานฝนหมึกขึ้นมาดู เป็นดังที่ เด็กรับใช้กล่าว น�้ำยังใสสะอาดดุจเดิม... เพราะเหตุใดกัน ทั้งความงดงามและกลิ่นหอมตราตรึงที่ได้สูดดมท�ำให้จี้เซียวมั่นใจ ว่าแท่งหมึกนีค้ อื สิง่ ล�ำ้ ค่า ดังนัน้ เมือ่ น�ำมาฝนจึงควรจะได้นำ�้ หมึกทีม่ สี ดี ำ� ขลับ ดุจปีกกา อีกทัง้ ยังน่าจะมีกลิน่ หอมติดทนนาน ไม่นกึ ไม่ฝนั ว่าผลลัพธ์จะออก มาเป็นเช่นนี้... หรือว่า...จี้เซียวใจหายวูบ...แท่งหมึกนี้เป็นของปลอม? จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า! ความคิดขัดแย้งที่เกิดขึ้นในใจท�ำให้รู้สึกสับสน จี้เซียวเพียรคิดหา ค�ำตอบอยู่ทั้งวันจนกระทั่งกินข้าวไม่อร่อย คิดจนค�่ำมืดดึกดื่น ในที่สุดจึง ผล็อยหลับไปทั้งที่ความคิดยังติดค้างอยู่ในหัว ช่วงเวลาทีก่ ำ� ลังสะลึมสะลืออยูน่ นั้ จมูกพลันได้กลิน่ หอมประหลาด อบอวล เป็นกลิ่นหอมเย็น สดชื่นคล้ายกานพลูเจือด้วยพิมเสน อีกทั้งยังเป็น กลิ่นที่คุ้นเคย... ใช่แล้ว! นี่คือกลิ่นของแท่งหมึกมังกร! ดวงตาทีห่ ลับพริม้ เบิกกว้างขึน้ ทันที ในความมืดทีม่ เี พียงแสงจันทร์ สลัวสาดส่อง ทว่าก็สว่างพอจะมองเห็นเงาร่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเตียง “ใคร! ใครอยู่ตรงนั้น!” จี้เซียวร้องถามออกไปด้วยความตกใจ 6


จู่โร่ว “เหตุใดจึงถามเช่นนี้ เจ้าน่าจะรู้จักข้าดีอยู่แล้วมิใช่หรือ” เสียงเอื่อยเนือยของชายหนุ่มตอบกลับมา ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ เพื่อให้จี้เซียวได้เห็นถนัดตา เส้นผมยาวสลวยเงางามด�ำขลับดุจปีกกา เช่นเดียวกับขนคิว้ ทีด่ กด�ำ ทว่าผิวหน้ากลับเนียนขาวพิสุทธิ์ดุจหิมะ ที่หน้าผากสลักลายรูปมังกรสีทอง รูปลักษณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าไม่เพียงงามสง่า แต่ยังอวลไปด้วย กลิ่นอายของเสน่ห์อันเย้ายวนชวนให้เคลิบเคลิ้มหลงใหล “ท่านคือ...” จี้เซียวจ้องเขม็งไปที่ร่างตรงหน้า พลันหวนนึกไปถึง ความฝันพิลึกพิลั่นเมื่อคืนวันก่อน แล้วให้ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับอังไฟ “เจ้า! เจ้าเข้ามาอยู่ในห้องข้าได้อย่างไร” “หึ หึ!” บุรุษชุดด�ำยกมุมปากเป็นรอยยิ้ม “ดูเอาเถิด ทั้งที่ตัวเจ้า เอาแต่ลูบคล�ำข้าทั้งวันไม่ยอมห่าง แต่ตอนนี้กลับถามว่าข้าเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ อย่างไร” มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้า “ในเมื่อเจ้ามองเห็นข้าเป็นของล�้ำค่าเช่นนี้ ข้าก็ควรจะตอบแทนน�้ำใจเจ้าสักเล็กน้อยมิใช่หรือ” โดยไม่คาดคิด มือที่ยื่นเข้ามาคู่นั้นพลันจาบจ้วงปลดเปลื้องเสื้อผ้า เขา จีเ้ ซียวตกตะลึงไปครูใ่ หญ่กอ่ นจะได้สติ รีบสะบัดตัวหนี ถอยร่นไปจนหลัง ติดชิดผนัง “จะ...เจ้า...อย่าบอกนะว่า เจ้า...คือ...หมึกโบราณแท่งนั้น!” ถึงจะ หลุดปากออกไปเช่นนัน้ แต่กอ็ ดคิดขัดแย้งค�ำพูดของตัวเองขึน้ มาไม่ได้ “แต่... แท่งหมึก...แท่งหมึกจะกลายเป็นคนได้อย่างไรกัน” บุรุษชุดด�ำเปิดรอยยิ้มผ่องใส แล้วตอบด้วยน�้ำเสียงเรียบเรื่อย “ร้อยปีมานี้ข้าดูดซับพลังฟ้าดิน บ�ำเพ็ญเพียรจนแก่กล้า หากมีผู้ที่ รักใคร่ชื่นชมข้าอย่างสุดจิตสุดใจแล้วละก็ ข้าจะสามารถปรากฏกายออกมา 7


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร ให้เห็น” สิ้นเสียงที่ราวกับมนตร์สะกด ร่างของอีกฝ่ายก็เคลื่อนตัวเข้ามาอยู่ แนบชิด แล้วกระซิบที่ริมหูอาลักษณ์หนุ่มด้วยน�้ำเสียงนุ่มนวลชวนลุ่มหลง “นึกไม่ถึงเลยว่าคนผู้นั้นจะเป็นเจ้า ที่ทั้งน่ารักและใสซื่อถึงเพียงนี้ รู้ตัวหรือไม่...เจ้าก�ำลังท�ำให้จิตราคะบังเกิดขึ้นในใจข้า” ไม่รู้! จี้เซียวที่ก�ำลังสับสนงงงันไม่รู้ตัวเลยสักนิด ว่าบัดนี้เสื้อผ้า ของเขาได้ถกู ปลดเปลือ้ งไปจนร่างเกือบเปลือยเปล่า ต่อเมือ่ เม็ดทับทิมนุม่ นิม่ บนแผ่นอกเนียนเรียบถูกบดคลึงด้วยปลายนิ้วแข็งนั่นละ เขาจึงสะดุ้งโหยง แล้วเปล่งเสียงสั่นพร่าออกมา “เจ้าท�ำอะ...” ยังพูดไม่ทนั จบความ ครึง่ ประโยคหลังก็ถกู ริมฝีปากของอีกฝ่ายกลืน กินไปจนหมดสิ้น จุมพิตนี้ร้อนแรงดูดดื่มยิ่งกว่าในฝัน จนหนอนต�ำราผู้ไม่ ประสาเรือ่ งโลกียอ์ ย่างเขาถึงกับสิน้ ท่า เนือ้ ตัวอ่อนเปลีย้ อยูใ่ นวงแขนแกร่งที่ โอบกอด ไม่ต่างจากผักปลาที่หมดหนทางต่อสู้ขัดขืน “อือ...จะ...เจ้า...” จี้เซียวที่ถูกหยอกเย้าเล้าโลมด้วยริมฝีปากและปลายลิ้นนุ่มจน ขอบตาแดงก�่ำ กัดฟันเอ่ยงึมง�ำออกมาอย่างฉุนเฉียว “บ�ำเพ็ญเพียร ดูดซับพลังฟ้าดิน! ถ้าเจ้าเป็นแท่งหมึกที่มากความ สามารถเช่นนั้น เหตุใดจึงฝนไม่ออกกันเล่า จะให้ข้าเชื่อว่าหมึกฝนไม่ออก เช่นเจ้ากลายร่างมาเป็นคนงัน้ หรือ หึ! เรือ่ งน่าขันเช่นนีจ้ ะเป็นไปได้เช่นไร ข้า ว่าเจ้าคงไม่แคล้วเป็นภูตผีวญ ิ ญาณทีเ่ ทีย่ วออกอาละวาดกลัน่ แกล้งผูค้ นเล่น เสียมากกว่า!” “เจ้าจะต่อว่าข้าก็ได้” บุรษุ ผูน้ นั้ กล่าวชิดติดริมฝีปากของจีเ้ ซียวด้วย 8


จู่โร่ว น�ำ้ เสียงกลัว้ หัวเราะ “แต่เจ้าต้องรูไ้ ว้อย่างหนึง่ ว่า แท่งหมึกเช่นข้ามิปรารถนา จานฝนอันดาษดื่น เว้นเสียแต่ว่า...” ปลายนิ้วแข็งลากไล้ไปมาบนใบหน้า เนียน “จะได้จานฝนหยกเนื้อดีอย่างอวี้เยี่ยนมารองรับ ถ้าเป็นเช่นนั้นละก็ รับรองว่าจะฝนได้หมึกข้นๆ สมใจเจ้าแน่” ภาพความทรงจ�ำในค�ำ่ คืนทีผ่ า่ นมารางเลือนเหมือนไม่ได้เกิดขึน้ จริง ถ้ามิใช่เพราะอาการร้าวระบมตั้งแต่ช่วงเอวลงไปจนถึงน่องขา ปรากฏให้เห็นเป็นเครื่องยืนยันแล้ว จี้เซียวคงนึกว่าตัวเองตกไปอยู่ในความ ฝันสุดวิปลาสเป็นแน่ โชคดีนักหนาที่วันนี้เป็นวันสวิ๋นเจี๋ย4พอดี มิเช่นนั้นหากเขาต้องเดิน ตุปดั ตุเป๋ไปหออาลักษณ์หลวง คงมิรจู้ ะเอาหน้าไปไว้ทไี่ หน อีกทัง้ การอาบน�ำ้ ช�ำระล้างร่างกายในวันนีก้ ถ็ อื เป็นธรรมเนียมปฏิบตั ิ ดังนัน้ พอถึงเวลา บ่าวไพร่ จึงเตรียมตัง้ น�ำ้ ร้อนไว้รอท่าและยกเข้ามาให้ถงึ ในห้องโดยไม่ตอ้ งออกปากสั่ง ให้มีพิรุธ ตอนแช่น�้ำร้อนอยู่ในถัง จี้เซียวรู้สึกร้าวระบมไปทั้งร่าง โดยเฉพาะ ตั้งแต่บั้นเอวลงไป ริมฝีปากขบเม้มเพื่อข่มกลั้นความเจ็บร้าว ขณะลองเอา มือสอดดู ช่องทางสดใหม่ที่เพิ่งถูกใช้งานยังคงเปิดอ้า มิได้ปิดประกบสนิท เช่นเคย เมื่อนึกไปถึงว่าราตรีที่ผ่านมาตนเองถูกกระแทกกระทั้นด้วยความ รุนแรงเพียงใด ใบหน้าเนียนใสก็พลันแดงก�่ำ นึกโมโหจนต้องยกมือขึ้นตบ ขอบถังน�้ำอย่างแรง ในหัวสับสนงุนงงจนแทบจับต้นชนปลายไม่ถูก สวิ๋นเจี่ย 旬假 หรือสวิ๋นซิว 旬修 คือวันหยุดราชการของจีนโบราณ โดยก�ำหนดให้ หยุดงานในทุกวันที่ 10 วันที่ 20 และในวันสุดท้าย (29 หรือ 30) ของเดือน

4

9


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร ต�ำนานจ�ำพวกงูเงี้ยวเขี้ยวขอบ�ำเพ็ญเพียรจนมีอิทธิฤทธิ์แกร่งกล้า ถึงขัน้ แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้นนั้ จีเ้ ซียวเคยอ่านมานักต่อนัก แต่ตำ� นานเรือ่ ง แท่งหมึกบ�ำเพ็ญเพียรจนกลายร่างได้เช่นนี้ เขามิเคยได้ยินได้ฟังมาสักหน หากเอาเรือ่ งนีไ้ ปเล่าให้ผใู้ ดฟัง คงไม่พน้ ต้องถูกหัวเราะเยาะกลายเป็นตัวตลก ทีน่ า่ ขบขันไปเป็นแน่ ขนาดเรือ่ งหมึกจ�ำแลงแปลงร่างเป็นมนุษย์ยงั ยากทีจ่ ะ เชื่อ...แล้วเรื่องที่ยิ่งกว่านั้น...แค่ย้อนคิดถึงยังไม่กล้าด้วยซ�้ำ หลังอาบน�้ำช�ำระคราบอะไรต่อมิอะไรจนสะอาดเอี่ยม และสวม เสื้อผ้าใหม่หมดทั้งตัวแล้ว อาลักษณ์หนุ่มก็เฝ้าแต่น่ังครุ่นคิดอยู่ในห้องเป็น ค่อนวัน ในใจรูส้ กึ สับสบอลหม่าน คิดวกวนกลับไปกลับมา จนในทีส่ ดุ ก็คอ่ ยๆ ยืดตัวลุกขึ้นยืน แล้วฝืนเดินอย่างทุลักทุเลไปที่ห้องต�ำรา หมึกแท่งนั้นยังคงวางอยู่ในกล่องบนโต๊ะหนังสืออย่างเรียบร้อย จีเ้ ซียวจ้องมองเขม็งอยูน่ าน ทัง้ ทีเ่ อือ้ มมือจะหยิบขึน้ มาหลายครัง้ แต่สดุ ท้าย ก็ตดั ใจเอาไปทิง้ ไม่ลง ท�ำได้เพียงหยิบแม่กญ ุ แจทองแดงดอกเขือ่ งทีแ่ ข็งแรง ทนทานขึน้ มา แล้วคล้องมันไว้กบั กล่องอย่างแน่นหนา จากนัน้ จึงน�ำไปใส่ไว้ ในหีบอีกชัน้ เมือ่ ส�ำรวจตรวจตราว่าเก็บง�ำแท่งหมึกเจ้าปัญหาจนมิดชิดดีแล้ว จึงค่อยผ่อนลมหายใจหนักอึ้งออกมาได้บ้าง ใกล้พลบค�ำ่ เต็มที ในตอนทีจ่ วิน้ อีห้ รือราชบุตรเขยสามมาเยีย่ มเยือน เพื่อทวงถามถึงสัญญางานเลี้ยงน�้ำชาเมื่อคราวก่อน จี้เซียวรีบสั่งให้บ่าวไพร่ จัดการปรุงอาหารอย่างรวดเร็ว หลังจบมือ้ อาหารเลิศรส สองสหายสนิทจึงนัง่ จิบชาปราศรัยกันในห้องรับรอง จวิน้ อีย้ กถ้วยชาขึน้ จิบ แล้วพินจิ ดูใบหน้าของสหายโดยละเอียดอยู่ ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม 10


จู่โร่ว “หลายวันมานี้เจ้ามีงานการให้ต้องสะสางมากมายหรือไร ท�ำไม สีหน้าจึงดูมิสู้ดีเลย” จี้เซียวเผลอแขม่วหน้าท้องเกร็งตัวขึ้นมาทันที เขาเสก้มหน้าเป่า น�้ำชาในถ้วย แล้วตอบอ้อมแอ้ม โดยมิได้สบตากับอีกฝ่าย “เอ่อ ไม่...ไม่มีอะไร พอดีว่าเมื่อคืนข้านอนไม่ค่อยหลับน่ะ” “เฮ้อ! อวีเ้ ยีย่ น สุขภาพเจ้าไม่คอ่ ยดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนีน่ ะ” จวิน้ อี้ กวาดตามองส�ำรวจทัว่ ร่างของอีกฝ่ายตัง้ แต่ศรี ษะจรดปลายเท้า ก่อนจะส่าย หน้าคล้ายระอาใจ “นีก่ เ็ ข้าหน้าฝนแล้ว เจ้ามิรหู้ รือว่าหากนุง่ ห่มมิดชิดเกินไป เวลาออกไปข้างนอกกลับจะถูกไอเย็นเข้าแทรกได้ง่าย แล้วดูเจ้าสิ นุ่งห่ม มิดชิดราวกับอยู่ในฤดูหนาวยังไม่พอ บนเก้าอี้ยังรองด้วยพรมผ้าเนื้อหนา ขนาดนี้ ไม่ร้อนบ้างหรือ” จี้เซียวเอามือแตะเบาะนุ่มที่รองรับบั้นท้ายอยู่ พลางคิดเคียดแค้น ในใจ ถ้ามิใช่เพราะร้าวระบมไปหมดทั้งช่วงล่าง มีหรือเขาจะเอาของพรรค์นี้ มารองนั่ง แต่เพราะไม่อาจบอกเล่าต้นสายปลายเหตุได้ จึงเพียงแค่หัวเราะ แห้งๆ แล้วตอบกลับไปแบบเอาสีข้างเข้าถู “ก็ตอนกลางคืนอากาศมันเย็นนี่นา” จากนัน้ สองสหายจึงพูดคุยกันด้วยเรือ่ งสัพเพเหระต่ออีกพักใหญ่ แต่ แล้วจู่ๆ จวิ้นอี้ก็วางถ้วยชาลง พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อวี้เยี่ยน วันที่เก้าเดือนหน้าเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของ รัชทายาทพระองค์ใหม่ เจ้าได้ตระเตรียมข้าวของไว้บ้างหรือยัง” จี้เซียวชะงักไปเล็กน้อย “วันพระราชสมภพองค์รัชทายาท...” พอเห็นท่าทางของอีกฝ่าย จวิน้ อีถ้ งึ กับต้องย่นคิว้ เข้าหากัน แล้วเค้น เสียงหนักถาม 11


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร “อย่าบอกนะว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้เจ้าก็มิได้ใส่ใจ นี่คืองานฉลองวัน คล้ายวันพระราชสมภพในฐานะรัชทายาทครั้งแรกขององค์ชายหกเชียวนะ จะมองข้ามมิได้เป็นอันขาด!” “โธ่ พีจ่ วิน้ อี้ ท่านก็รนู้ สิ ยั ข้าดี...” จีเ้ ซียวทอดถอนลมหายใจ “แต่ไหน แต่ไร วันๆ ข้าก็หมกตัวอยูแ่ ต่ในเรือนกับหออาลักษณ์ มิได้ใส่ใจเรือ่ งปลีกย่อย ในราชส�ำนัก อีกทั้งข้าก็มิได้สนิทชิดเชื้อกับองค์ชายหก อันที่จริงอาลักษณ์ ตัวเล็กๆ อย่างข้า แม้มไิ ด้ไปเข้าร่วมรืน่ เริงเฉลิมฉลองด้วย ก็หามีผใู้ ดใส่ใจไม่ ถ้าเป็นพระญาติอย่างท่านก็ว่าไปอย่าง งานครั้งนี้ท่านคงต้องล�ำบากในการ หาของขวัญไม่น้อยเลยสินะ” “ข้าจัดการเรียบร้อยแล้วละ” จวิ้นอี้บอกด้วยใบหน้ายิ้มย่องผ่องใส “รู้หรือไม่ ข้าต้องจ่ายเงินไปไม่น้อยเพื่อซื้อหยกขาวหนักถึงร้อยชั่ง จากนั้นยัง ต้องเฟ้นหาช่างฝีมอื ดีมาแกะสลัก รับรองว่าพอถึงวันงาน ฉากบังตาลายวิหค ชมผกาที่แกะจากหยกขาวทั้งบานชิ้นนี้ จะต้องเป็นของขวัญที่ไม่น้อยหน้า ผู้ใดเป็นแน่” ราชบุตรเขยสามยกมือขึ้นลูบคางอย่างย่ามใจ ก่อนจะปัดสายตา มายังสหายสนิท “ว่าแต่เจ้าเถอะ ถึงจะบอกว่าตัวเองเป็นเพียงอาลักษณ์เล็กๆ แต่จะ ใช้เหตุผลนี้มาอ้างเพื่อเก็บตัวขีดๆ เขียนๆ อยู่แต่ในหออาลักษณ์ไม่ได้นะ จะ บอกอะไรให้...” จวิ้นอี้ลดเสียงลงเป็นกระซิบกระซาบ “ก่อนหน้าจะมานี่ ข้าได้ปรึกษาหารือกับเสนาบดีหลีไ่ ว้แล้ว ว่าให้ชว่ ยหาทางโยกย้ายเจ้าไปเป็น มหาดเล็กรักษาพระองค์ในวังรัชทายาท ไม่แน่ว่าวันหน้าเจ้าอาจจะได้เป็น ใหญ่เป็นโตกับเขาบ้างอย่างไรล่ะ” จีเ้ ซียวได้ฟงั แล้วแทนทีจ่ ะดีใจ กลับรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน 12


จู่โร่ว “วังรัชทายาทมีผู้คนมากมาย เส้นสายวุ่นวายซับซ้อน ข้ามิใช่ คนหัวไว ไม่กล้าเข้าไปพัวพันด้วยหรอก พี่จวิ้นอวี้ น�้ำใจท่านครั้งนี้ข้าซาบซึ้ง นัก แต่ถ้าจะให้ดี ท่านช่วยเลิกล้มความคิดนี้เสียเถิด อย่าให้ข้าต้องน�ำพา ความเดือดร้อนไปให้พวกท่านปวดหัวจะดีกว่า” ถ้อยค�ำที่มาพร้อมสีหน้าตระหนกตกตื่น แล้วแปรผันเป็นน�้ำเสียง อ้อนวอนขอร้องด้วยสีหน้าน่าเอ็นดูนั้น ท�ำให้จวิ้นอี้ไม่รู้ว่าควรจะโมโหหรือ หัวเราะดี ในเมือ่ จะโกรธก็ไม่ลง จะขันก็ไม่เข้าที เขาจึงท�ำได้เพียงยืน่ นิว้ ไปจิม้ หน้าอกอีกฝ่ายคล้ายต�ำหนิ “เสียแรงผู้คนต่างกล่าวขานกันว่า อวี้เยี่ยนผู้ฝักใฝ่ในแท่งหมึกนี้มี จิตใจใฝ่สันโดษ ไม่ชอบชิงดีชิงเด่นกับผู้ใด ช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก อันที่จริงข้า ว่า เจ้าก็เป็นแค่พวกเกียจคร้านไร้ปณิธานเสียมากกว่า” จีเ้ ซียวก้มศีรษะน้อมรับค�ำติเตียนนัน้ อย่างหน้าชืน่ จนจวิน้ อีอ้ ดเปล่ง เสียงหัวเราะออกมาไม่ได้ ความมืดใต้เงารัตติกาลก�ำลังคืบคลานเข้าสู่นิทราสถานอีกครั้ง แสงเทียนที่ส่องสว่างฉายให้เห็น ‘แท่งหมึกผีสิงลายมังกร’ ที่วางอยู่ บนโต๊ะในห้องนอนได้ชัดถนัดตา แม้จะดูเป็นสิ่งปกติธรรมดา แต่กลับท�ำเอา จีเ้ ซียวทีเ่ พิง่ เดินเข้ามาถึงกับอกสัน่ ขวัญกระเจิง พอหันหลังขวับจะก้าวเท้าหนี ก็ถูกมือคู่หนึ่งดึงรั้งไหล่ไว้ให้หันกลับไปหา “เจ้า! เจ้าโผล่ออกมาอีกได้อย่างไรกัน!” จี้เซียวเคาะปลายนิ้วชี้ไปตรงหน้าบุรุษชุดด�ำ ริมฝีปากสั่นระริกด้วย ความหวาดกลัว 13


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร “อืม โผล่มาได้อย่างไรงัน้ หรือ คงต้องโทษพ่อครัวของบ้านเจ้าทีฝ่ มี อื ล�้ำเลิศ กลิ่นกุ้งแก้วรมชาอะไรนั่นลอยเข้าไปเตะจมูกข้าถึงในหีบ แล้วจะให้ นอนนิง่ อยูไ่ ด้อย่างไรกันล่ะ ข้าก็เลยต้องปีนออกมาลองลิม้ ชิมรสดูสกั หน่อย” บุรุษชุดด�ำกล่าวพลางแลบลิ้นเลียมุมปากอย่างปราศจากความ ละอาย เท่ า นั้ น ยั ง ไม่ พ อ ยั ง ยื่ น มื อ มาโอบรอบเอวบางของจี้ เ ซี ย วอย่ า ง สนิทสนมอีกด้วย! อาลักษณ์หนุ่มสะบัดตัวออกจากมือใหญ่นั้นสุดแรง สูดลมหายใจ เรียกความกล้า แล้วกล่าวค�ำข่มขู่ที่ตระเตรียมไว้อย่างดิบดี “ฟังนะเจ้าปีศาจร้าย! ไม่ว่าเจ้าจะเป็นภูตผีปีศาจแบบไหน ตบะ แก่กล้าเพียงไร แต่หากเจ้ากล้ามาข่มเหงข้าแบบเมือ่ คืนอีกละก็ ข้าจะไปเชิญ นักพรตมาจัดการกับเจ้าเดี๋ยวนี้!” “นักพรต!” สีหน้าและน�้ำเสียงตกใจของบุรุษชุดด�ำท�ำให้จี้เซียวรู้สึกเบาใจ ไม่นอ้ ย แต่ยงั ไม่ทนั ไรก็ตอ้ งเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความฉุนเฉียว เมือ่ อีกฝ่าย พูดขึ้นด้วยน�้ำเสียงเอื่อยเนือยคล้ายไม่ใส่ใจ “จะจัดการกับข้าไม่เห็นต้องไปเรียกหานักพรตให้เหนื่อยยาก แค่ เจ้าเขวี้ยงหมึกบนโต๊ะนั่นทิ้ง วิญญาณข้าก็แหลกสลายแล้ว” ท่าทางยโสโอหังนั้นท�ำให้จ้ีเซียวพุ่งตัวไปคว้าแท่งหมึกมาถือไว้ใน มือทันที “จะ...เจ้า! สามหาวนัก เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าปามันทิ้งงั้นหรือ” บุรุษชุดด�ำค่อยๆ ย่างสามขุมเข้ามาหา จี้เซียวถอยกรูดจนหลังติด ผนัง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่หยุด สาวเท้าเคลื่อนตัวเข้ามาแนบชิด โน้มใบหน้าลง มาใกล้ แล้วยกมุมปากเป็นรอยยิ้มท้าทาย 14


จู่โร่ว “เจ้าท�ำไม่ลงหรอก” น่าแปลกเหลือเกิน ทั้งที่เป็นรอยยิ้มของปีศาจร้าย แต่ท�ำไมกลับดู สว่างจ้าสดใส ราวกับแสงแดดอุ่นที่ช่วยสลายความเย็นชื้นของวสันตฤดูให้ มลายหายไป กลายเป็นความอุ่นอวล ราวกับอยู่ในฤดูร้อนที่มีแสงแดดอ่อน และมวลหมู่พฤกษชาติเบ่งบานส�ำราญตา บรรยากาศที่เปลี่ยนไปกะทันหันท�ำให้จี้เซียวถึงกับตะลึงค้างไปชั่ว ขณะ รู้ตัวอีกทีทั้งร่างก็ตกอยู่ในวงแขนของอีกฝ่าย...และที่ส�ำคัญเขาก�ำลัง ถูกจับกดลงบนเตียง “ไม่! เจ้า! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!” อาลักษณ์หนุ่มพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสน แต่ดูเหมือนจะเสีย แรงเปล่า บุรุษชุดด�ำยันตัวขึ้นด้วยรอยยิ้ม ใช้มือข้างหนึ่งกดไหล่เขาไว้ด้วย ท่าทางสบายๆ ส่วนมืออีกข้างก็โอบรอบเอวบาง แล้วส่งเสียงหัวเราะเบาๆ คล้ายพึงพอใจหนักหนา “วางใจเถอะ ข้าเพิ่งได้เห็นแสงตะวันเป็นครั้งแรกเมื่อไม่นานนี้ จะ ให้ผลาญพลังหยางไปกับเจ้าทุกค�ำ่ คืนคงไม่ไหว” ชายหนุม่ ยืน่ หน้ามากระซิบ เสียงแหบพร่าที่ริมหู “แต่รู้อะไรมั้ย คืนก่อนตอนเจ้าหลับ เจ้ากอดข้าไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือเลยสักนิด อวี้เยี่ยนคนดี เจ้าได้ครอบครองข้าคนนี้แล้ว คิด จะทิ้งให้ข้านอนเปล่าเปลี่ยวเอกาอยู่เพียงผู้เดียวงั้นหรือ...” ริมฝีปากได้รูป คู่นั้นเม้มแน่นคล้ายน้อยใจ ก่อนจะพูดประโยคต่อไปด้วยน�้ำเสียงออดอ้อน “อย่าได้แล้วทิ้งกันง่ายๆ แบบนั้นสิ อวี้เยี่ยน” “เจ้า...” ท่าทางอ้อนออดออเซาะของอีกฝ่ายท�ำเอาจี้เซียวพูดไม่ออกบอก ไม่ถกู เดิมทีเขาก็มใิ ช่คนใจแข็งอยูแ่ ล้ว พอเจอทัง้ น�ำ้ เสียงและท่าทางแบบนัน้ 15


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร เข้า ก็ยิ่งใจอ่อนจนอ่อนใจไปกันใหญ่ มือบางยังคงก�ำแท่งหมึกไว้แน่น ทว่าลมหายใจร้อนผ่าวทีก่ ระซิบอยู่ ข้างหูและก�ำลังเลือ้ ยไล่มาตามแนวคางก็สร้างความรูส้ กึ จัก๊ จีป้ นเสียวซ่านจน ต้องหดคอ แล้วกลัน้ ใจกล่าวออกไปด้วยน�ำ้ เสียงทีพ่ ยายามบังคับไว้ไม่ให้สนั่ “กว่าแท่งหมึกเช่นเจ้าจะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้คงไม่งา่ ยเลย ในเมือ่ รู้ว่าเรื่อง...เอ่อ...เรื่องที่เจ้าท�ำกับข้าในคืนก่อนจะท�ำให้เสียพลัง เหตุใดเจ้า จึงยังมาวุ่นวายกับข้าอีก...เจ้ารีบไปท�ำเรื่องที่ควรท�ำเถิด อย่ามารบกวนข้า อีกเลย” ด้วยบุคลิกที่เยือกเย็นน่านับถือ ท�ำให้จี้เซียวได้รับค�ำชื่นชมว่ามี ความสามารถในการโน้มน้าวชักจูงผูค้ น เขาจึงคิดว่าการชีท้ างสว่างในครัง้ นี้ คงช่วยให้บุรุษชุดด�ำคิดได้ และยอมหายตัวไปในที่สุด... คิดไม่ถึงว่าเพียงพูดประโยคนั้นจบลง เบื้องหน้าจะพลันมืดมิด เพราะบุรุษผู้นั้นดับแสงเทียนทั้งหมดในพริบตา ร่างในความมืดที่เห็นเพียง ประกายแสงจากดวงตาวิบวับเอ่ยถาม ขณะสอดมือเข้ามาในเสื้อของเขา “อวี้เยี่ยน เจ้าอยากให้ข้าไปจริงๆ น่ะหรือ” น�ำ้ เสียงนัน้ เศร้าสร้อย ยังไม่ทนั ทีจ่ เี้ ซียวจะได้ทำ� ใจให้สงสาร อีกฝ่าย ก็เปลี่ยนน�้ำเสียงเป็นฮึกเหิมขึ้นมาอย่างฉับพลันจนตามแทบไม่ทัน “ไม่ได้การ! เห็นทีคนื นีข้ า้ คงต้องยอมสูญพลังเพือ่ ท�ำให้เจ้าไม่อยาก พรากจากข้าไปตลอดชีวิตเสียแล้ว!” พูดเองเออเองเสร็จสรรพ จากนั้นก็จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของ จี้เซียวจนหลุดลุ่ยโดยไม่ถามไถ่ความคิดความเห็นของเขาเลยแม้แต่น้อย ตามด้วยการบรรเลงเพลงจุมพิตอันดูดดืม่ จนอาลักษณ์หนุม่ ถึงกับต้องยืดคอ สูดอากาศอยูค่ รูใ่ หญ่ จึงมีแรงเปล่งเสียง ขณะทีม่ อื ข้างหนึง่ ก็ตอ้ งจับมือซุกซน 16


จู่โร่ว ของบุรุษปริศนาไว้เป็นการบอกให้หยุด “นะ...ไหนเจ้าบอกว่า...คืนนี้...จะ..ไม่” บุรษุ ชุดด�ำซุกไซ้ใบหน้าคมสันลงกับซอกคอของเขา ท่ามกลางความ มืดมิด ลวดลายมังกรสีทองทีอ่ ยูก่ ลางหน้าผากทอแสงเรืองรองร�ำไร ส่องทาบ ใบหน้าหล่อเหลาที่ชวนให้ลุ่มหลง ราวกับมีมนตราที่สามารถตรึงใจผู้คน ริมฝีปากได้รูปชุ่มชื้นแดงฉ�่ำจากรสรักที่เพิ่งผสานผ่านปลายลิ้นของพวกเขา ไปเมื่อครู่ ริมฝีปากถูกทาบทับ ถ้อยค�ำพลันถูกดูดกลืนอีกครั้งด้วยปลายลิ้น ของอีกฝ่าย จีเ้ ซียวทอดตาเหม่อลอย จับจ้องมองชายรูปโฉมสะคราญตรงหน้า ด้วยความสงสัย... ต่อให้บำ� เพ็ญเพียรอาบซับพลังฟ้าดินมาเนิน่ นานเพียงใด ก็แทบไม่ อาจเชื่อได้ว่าแท่งหมึกจะกลายร่างเป็นมนุษย์ที่จับต้องและสัมผัสได้เช่นนี้ “เอาละ” ริมฝีปากชุ่มชื้นขยับกระซิบข้างใบหูนุ่ม “คืนนี้ข้าจะไม่ท�ำ แต่เจ้าต้องนอนกอดข้าเหมือนคืนก่อน” พูดจบก็ซกุ ศีรษะเข้ามาซบลงทีอ่ กเขา แล้วกล่าวเสียงแผ่วเบาคล้าย ออดอ้อน “อวีเ้ ยีย่ น นอกจากเจ้าแล้ว ไม่เคยมีใครเห็นข้าส�ำคัญมากถึงเพียงนี้ มาก่อนเลย” ถ้อยค�ำนัน้ ท�ำให้หวั ใจทีอ่ อ่ นโยนของจีเ้ ซียวพลันอ่อนยวบ อดไม่ได้ที่ จะยื่นมือไปลูบสัมผัสศีรษะของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล แล้วเอ่ยถาม “บอกชื่อของเจ้าให้ข้ารู้ได้หรือไม่” “หลงโม่5” น�้ำเสียงแผ่วเบาทุ้มต�่ำกล่าวย�้ำอีกครั้ง “ชื่อของข้าคือ... หลงโม่ แปลว่า หมึกมังกร

5

17


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร หลงโม่” จีเ้ ซียวนิง่ งันไปคล้ายไม่คาดคิด มือทีล่ บู ศีรษะอีกฝ่ายอยูถ่ กู รวบจับ บุรุษที่แนบซบอยู่กับอกเขาเงยหน้าขึ้นยิ้มตาใสคล้ายเด็กน้อย “อวี้เยี่ยนเป็นจานหยกฝนหมึก ส่วนข้าเป็นหมึกมังกร เข้ากันพอดี เลย ว่ามั้ย” ความร้อนพลันพวยพุง่ ขึน้ สูใ่ บหน้า รูต้ วั ว่าตอนนีผ้ วิ หน้าร้อนผ่าวคง แดงก�่ำ ทว่าแม้นึกอยากจะหันหน้าหนีก็มิอาจท�ำได้ เพราะร่างกายของเขา ถูกท่อนแขนแข็งแรงของหลงโม่โอบรัดไว้แน่นหนา จนใจจะดิ้นรน จี้เซียวจึง นอนนิ่งให้อีกฝ่ายกกกอดแนบกายแต่โดยดี ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาจึงเอ่ยถาม สิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจออกไป “ทีจ่ ริงแล้วเจ้ามิใช่หมึกหลวงในราชวงศ์กอ่ นใช่หรือไม่ ตอนพีจ่ วิน้ อี้ มอบแท่งหมึกนี้ให้กับข้า ข้าเองก็พอดูออกว่าไม่น่าจะเป็นหมึกในยุคของ ราชวงศ์ก่อน แต่ที่มิกล้าทักท้วงเพราะจะเป็นการหักหน้าพี่จวิ้นอี้เสียเปล่าๆ” นิ้วมือเรียวยาวของจี้เซียวยังคงลูบไล้แท่งหมึกเย็นเยียบในมือ “ถ้าข้าเดา ไม่ผดิ อายุของหมึกมังกรแท่งนีต้ อ้ งอยูใ่ นยุคก่อนราชวงศ์ทแี่ ล้วเป็นแน่ ทีแ่ ท้ เจ้าอยู่ในยุคสมัยใดกัน” หลงโม่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วกระซิบด้วย น�้ำเสียงซุกซน “อวี้เยี่ยนเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญในเรื่องหมึก เจ้าดูไม่ออกจริงๆ หรือว่า แท่งหมึกนีเ้ ก่าแก่เพียงใด หากมาถามเอากับข้า จะมิเสียชือ่ ผูเ้ ชีย่ วชาญเรือ่ ง หมึกหรอกหรือ ถ้าอย่างไร ลองทายดูหน่อยดีหรือไม่” คิ้วเรียวของจี้เซียวขมวดเข้าหากัน ก่อนจะก้มหน้า หลุบตา ไม่ต่อ ความใดๆ อีก 18


2 วันที่เก้าเดือนสี่เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์รัชทายาท เหยียนเซียง องค์ชายรัชทายาทที่ฐานันดรเดิมคือองค์ชายหกพระองค์นี้ เพิ่งได้ รับพระราชทานแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทเมื่อต้นปี ว่าไปแล้วก็ค่อนข้าง กะทันหัน ถ้าจะกล่าวถึงที่มาที่ไปก็คงต้องเท้าความไปถึงเมื่อฤดูใบไม้ร่วง ปีกลาย องค์ฮ่องเต้ได้รับสั่งกับเหล่าขุนนางคนสนิทว่า กลางดึกคืนหนึ่ง พระองค์ ท รงฝั น ว่ า ตนเองได้ พ บกั บ มั ง กร และมั ง กรตนนั้ น กราบทู ล ว่ า องค์ชายหกเหยียนเซียงคือผู้สืบทอดราชบัลลังก์ตามเจตนารมณ์ของสวรรค์ นี่จึงเป็นที่มาของราชโองการแต่งตั้งรัชทายาทพระองค์ใหม่อย่างฉับพลัน ทว่าเรือ่ งในความฝันนัน้ ไม่วา่ จะคิดอย่างไรก็ดไู ม่ชอบมาพากล ผูท้ ี่ เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงจึงมีไม่มาก แต่ป่วยการจะทัดทานราชโองการของโอรส สวรรค์ที่มีอ�ำนาจเทียมฟ้า ในเมื่อฮ่องเต้ถึงกับทรงเอ่ยโอษฐ์ด้วยพระองค์เอง มีหรือที่เหล่าบรรดาเสนาบดีและขุนนางผู้รับใช้ใต้ราชบัลลังก์จะกล้าทักท้วง 19


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร องค์ชายอืน่ ๆ ก็มไิ ด้มอี ำ� นาจหนุนหลังมากพอจะโต้แย้ง จึงเป็นอันว่าองค์ชาย เหยียนเซียงหรือองค์ชายหกได้กา้ วขึน้ ยืนอยูใ่ นต�ำแหน่งรัชทายาทอย่างมัน่ คง ในส่วนตัวของจี้เซียวเองนั้น เขามิได้รู้จักหรือเคยรับใช้รัชทายาท พระองค์ใหม่ผนู้ มี้ าก่อน อันทีจ่ ริงแล้ว นอกจากจวิน้ อีห้ รือราชบุตรเขยสามซึง่ รู้จักกันมาตั้งแต่ยังเยาว์แล้ว เขาก็แทบไม่เคยคบค้าสมาคมกับเชื้อพระวงศ์ คนไหนอีก จึงไม่ต้องพูดถึงรัชทายาทพระองค์ใหม่ ซึ่งทรงตระเวนรบทัพ จับศึกตามชายแดนอยู่เป็นเวลานานถึงสองปีพระองค์นั้น แม้แต่หน้า เขายัง ไม่เคยเห็นเลยด้วยซ�้ำ ดังนั้นจึงนับเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่คาดฝันไม่ถึงว่า ก่อนวันงานฉลอง วันคล้ายวันพระราชสมภพ องค์รัชทายาทจะมีรับสั่งให้คนถือหนังสือเชิญ มาที่บ้านสกุลจี้เป็นการเฉพาะเจาะจง เนื้อความในหนังสือนั้นกล่าวว่า องค์รัชทายาททรงได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานนี้อาลักษณ์จี้ได้รับหมึกดีมีค่ามา ชิ้นหนึ่ง ทรงมีพระประสงค์ให้น�ำไปถวายให้ทอดพระเนตร หลังจากรับทราบ เนื้อความแล้ว จี้เซียวก็นึกรู้ได้ทันทีว่าคงไม่พ้นคนปากสว่างอย่างจวิ้นอี้ที่ น�ำความเรื่องนี้ไปกราบทูลองค์รัชทายาทเป็นแน่ แม้ตัวเขาจะมิได้ปรารถนาที่จะน�ำของรักของหวงไปอวดแสดงต่อ หน้าธารก�ำนัล แต่ในเมื่อเป็นพระประสงค์ขององค์รัชทายาทก็มิอาจฝืนขัด คัดค้าน จึงท�ำได้เพียงสอดกล่องซึ่งบรรจุหมึกลายมังกรอันงามวิจิตรไว้ใน แขนเสื้ออย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงสั่งให้เด็กรับใช้ม้วนภาพอักษรมงคลซึ่ง เขาจะน�ำไปถวายเป็นของขวัญให้เรียบร้อย แล้วจึงออกจากบ้านไป ทัง้ ทีอ่ กี หลายชัว่ ยามกว่างานเฉลิมฉลองจะเริม่ ทว่าตอนนีห้ น้าประตู วังตงกงอันเป็นวังรัชทายาทกลับแน่นขนัดไปด้วยขบวนรถม้าของบรรดา ขุนนางทัง้ ฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหาร จีเ้ ซียวเห็นเช่นนัน้ จึงหันไปสัง่ ความกับ 20


จู่โร่ว เด็กรับใช้สองสามค�ำ แล้วรีบเดินตรงไปทางต�ำหนักไคหมิง ขันทีทคี่ อยต้อนรับ แขกเหรือ่ อยูท่ หี่ น้าประตูทางเข้าไม่คนุ้ หน้าเขา อีกทัง้ ของขวัญทีข่ นุ นางแต่ละ คนน�ำมาถวายนัน้ ล้วนหลากหลายพิสดาร มีทงั้ ต้นปะการังจากทะเลลึก ฉาก กัน้ ทีแ่ กะจากหยกขาวทัง้ บาน เครือ่ งประดับอันงามวิจติ ร ดังนัน้ เมือ่ เห็นแขก ไม่คนุ้ หน้าซึง่ มาพร้อมม้วนภาพอักษรมงคลเบาหวิว จึงเพียงปรายตาดูอย่าง ไม่ใส่ใจ ทว่าปากยังคงขยับกล่าวค�ำต้อนรับด้วยน�ำ้ เสียงอ่อนน้อมตามหน้าที่ “เชิญด้านในขอรับ ใต้เท้า” ยังไม่ทนั จะก้าวเท้าเข้าไปตามค�ำเชือ้ เชิญ จูๆ่ ม้วนภาพอักษรมงคล ที่ถือไพล่ไว้ด้านหลังก็ถูกมือปริศนาคว้าหมับ แล้วคลี่เปิดออกดูอย่างถือ วิสาสะ โดยปราศจากความเกรงใจแม้แต่น้อย จี้เซียวชะงัก จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง แต่เจ้าคนไร้มารยาทนั่นกลับ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาดูภาพอักษรที่ถูกเขียนขึ้นอย่างงดงาม เท่านั้นยังไม่พอ ยังเปล่งเสียงหัวเราะชอบใจอันน่าโมโหออกมาอีก ขันทีผู้ที่แต่แรกแทบจะ ไม่มองหน้าจี้เซียวด้วยซ�้ำ ทว่าพอได้ยินเสียงหัวเราะนั่นเข้า ดวงตาก็พลัน เหลือกลานขึ้นมากะทันหัน หมุนตัวกลับมาคุกเข่า โขกศีรษะแล้วกล่าวด้วย น�้ำเสียงสั่นสะท้าน “อะ..องค์...องค์รัชทายาท!” ได้ยินเช่นนั้น กระทั่งคนความรู้สึกช้าอย่างจี้เซียวยังรีบทรุดตัวลง คุกเข่า แล้วโขกศีรษะตามอย่างว่องไว “กระหม่อมจี้เซียว ถวายบังคมองค์รัชทายาท ขอพระองค์ทรง พระเจริญ...” ยังไม่ทันกล่าวค�ำถวายพระพรจบ รัชทายาทเหยียนเซียงก็เอ่ยขึ้น ตัดบท 21


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร “ข้าได้ยนิ ค�ำเล่าลือมานานแล้วว่าอาลักษณ์จที้ งั้ วาดภาพและเขียน อักษรได้งดงามนัก ไม่ผิดค�ำเล่าลือเลยจริงๆ” “องค์รัชทายาท ทรงตรัสชมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จี้เซียวก้มหน้าเอ่ยอย่างถ่อมตน ไม่รู้ท�ำไมเขาจึงรู้สึกคล้ายหายใจ ติดขัดขึ้นมาเฉยๆ อดไม่ได้ที่จะแอบลอบมองดูคนตรงหน้า ร่างสูงใหญ่สวม ชุดเสือ้ คลุมปักไหมสีเหลืองหม่น ตรงคอเสือ้ ปักลวดลายมังกร พอเลือ่ นสายตา มองสูงขึ้นไป ก็ให้บังเอิญสบกับดวงตาของอีกฝ่ายเข้าพอดี ใบหน้าดวงนั้น ดู เปี ่ ยมไปด้ ว ยความกระหยิ่ม ใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เ มื่อดูโดยรวมแล้ว องค์รัชทายาทก็ยังดูเยาว์วัยไม่น้อย “ใต้เท้าจี้ ท่านลุกขึ้นเถิด” เหยียนเซียงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต จีเ้ ซียวจึงค่อยๆ ลุกขึน้ ยืน ในขณะนัน้ พลันได้ยนิ เสียงอีกฝ่ายถามขึน้ ด้วยน�้ำเสียงกระตือรือร้น “ใต้เท้าจี้ ท่านน�ำหมึกโบราณล�้ำค่าแท่งนั้นมาด้วยหรือไม่ ข้าอยาก จะขอชมเป็นขวัญตาสักหน่อย” “น�ำมาด้วยพ่ะย่ะค่ะ อันที่จริงก็เป็นแค่หมึกเก่าๆ ชิ้นหนึ่งที่มีอยู่ ดาษดื่นทั่วไป มิได้มีราคาหรือคุณค่าพอจะให้องค์รัชทายาทสนพระทัยเลย สักนิด เชิญพระองค์ทอดพระเนตรเถิดพ่ะย่ะค่ะ” จีเ้ ซียวตอบ แล้วรีบหยิบกล่องหมึกสุดรักออกจากแขนเสือ้ มายืน่ ส่ง ให้...อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ขันทีคนสนิทรีบวิ่งเข้ามา รับกล่องหมึกนั้นไว้ แล้วน�ำไปเปิดถวาย เบื้องหน้าองค์รัชทายาท เหยียนเซียงหลุบตาดูสิ่งที่อยู่ในกล่อง รอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาผุด ขึ้นตรงมุมปาก 22


จู่โร่ว “ใต้เท้าจี้ หลายวันมานี้เสด็จพ่อพระวรกายอ่อนแอจนไม่อาจเสด็จ ออกมาร่วมงานรืน่ เริงกับทุกคนได้ ในเมือ่ เป็นเช่นนี้ ข้าขออนุญาตน�ำหมึกอัน งามวิจติ รแท่งนีไ้ ปถวายให้เสด็จพ่อทอดพระเนตร เผือ่ จะทรงส�ำราญพระทัย ขึน้ มาบ้างก็แล้วกันนะ” พูดจบก็หนั หลังไปร้องสัง่ บ่าวไพร่ “เด็กๆ รีบพาใต้เท้า จี้ไปที่โต๊ะอาหาร จัดการดูแลให้ดีอย่าให้ขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด!” สายตาของจี้เซียวทอดมองตามเงาของเหยียนเซียงที่เดินจากไป อย่างแทบจะไม่กะพริบ จนบ่าวไพร่ต้องร้องเตือนนั่นละ เขาจึงเดินใจลอย ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตามไปที่โต๊ะอาหาร เพราะไม่ดูตาม้าตาเรือจึงชนเข้ากับ ชายคนหนึง่ ซึง่ ก็ไม่ใช่คนอืน่ ไกล...ราชบุตรเขยสามจวิน้ อีท้ ดี่ มื่ จนเมาได้ทแี่ ล้ว นั่นเอง! “อวี้เยี่ยน!” พออีกฝ่ายเห็นว่าเป็นเขาก็ร้องเรียกออกมาด้วยรอยยิ้ม “เป็นอย่างไรบ้างสหายรัก วันนี้เจ้าได้หน้าไปเต็มๆ เลยรู้มั้ย นอกจากองค์ รัชทายาทจะเสด็จออกมาต้อนรับถึงหน้าประตูด้วยพระองค์เองแล้ว ยังชม ภาพอักษรมงคลของเจ้าว่างดงามเป็นหนึ่งไม่มีสอง ท�ำเอาข้าอิจฉาตาร้อน ไม่น้อยเลยละ” “พีจ่ วิน้ อี”้ จีเ้ ซียวขมวดคิว้ แล้วจ้องหน้าอีกฝ่าย “ข้าไม่เคยคบหาหรือ ใกล้ชดิ กับบรรดาเชือ้ พระวงค์ชนั้ สูง ใคร่ขอถามท่านสักนิดเถิด หากว่า...องค์ รัชทายาทเกิดต้องพระทัยหมึกแท่งนัน้ ขึน้ มาจริงๆ เป็นไปได้หรือไม่ทพี่ ระองค์ จะ...บังคับยึดเอาของรักของข้าไป” แม้จะเริม่ เมาได้ทแี่ ต่จวิน้ อีก้ ย็ งั ครองสติได้คอ่ นข้างครบถ้วน พอเห็น สหายสนิทมีสีหน้าหม่นหมอง อารมณ์สนุกที่นึกจะเย้าแหย่อีกฝ่ายก็พลัน หดหาย เขาฟังค�ำถามนั้นจนครบถ้วนแล้วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “อวี้เยี่ยน เจ้าลองตรองดูให้ดีก่อน คนผู้นั้นเป็นใครกันเล่า ต่อให้ 23


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร พระองค์เป็นแค่องค์ชายหก ยังยากทีจ่ ะปฏิเสธ แต่ตอนนีพ้ ระองค์ทรงเป็นถึง องค์รัชทายาท ถึงจะเป็นของรักของเจ้าแล้วอย่างไรล่ะ ตัดใจถวายพระองค์ ไปเสียเถิด เจ้าอย่าห่วงไปเลย วันหน้าข้าจะเสาะหาของดีมีค่ามาก�ำนัลเจ้า ใหม่” กล่าวจบก็เหลียวมองรอบกาย ลดเสียงลงต�่ำ เขยิบเข้าไปใกล้ แล้ว กระซิบกระซาบที่ข้างหูสหายรัก “เจ้ารูห้ รือไม่ ตอนนีฝ้ า่ บาททรงประชวรหนัก ถ้าเกิดเรือ่ งไม่ดขี นึ้ จริง องค์รัชทายาทก็ต้อง...สรุปแล้ว ดีกับพระองค์ไว้ไม่มีสิ่งใดเสียหาย” ถึงอย่างนั้นจี้เซียวก็ยังรู้สึกอึดอัดขัดข้องใจจนไม่อาจนิ่งสงบได้ “ถ้า...ข้าขอเอาหมึกหายากแท่งอื่นไปแลกกับหมึกมังกรแท่งนั้น ท่านว่าองค์รัชทายาทจะยอมหรือไม่ หมึกนั่น...” เห็นความดื้อดึงของอีกฝ่ายแล้วจวิ้นอี้จึงตีหน้าตึงก่อนจะตัดบท “ชิงหลาน!” เขาเรียกชื่อรองของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพื่อ แสดงให้เห็นถึงความจริงจังในถ้อยค�ำที่ก�ำลังจะกล่าว “อย่าได้คิดที่จะท�ำ เช่นนั้นโดยเด็ดขาด หากท�ำให้ขุ่นเคืองพระทัยจนกลายเป็นปฏิปักษ์กับ พระองค์ขนึ้ มา เจ้าคิดหรือว่าปัญหาจะจบลงโดยง่าย! เถอะน่า...นัน่ ก็แค่หมึก แท่งเดียวมิใช่หรือ จ�ำเป็นที่เจ้าจะต้องเอาคอไปขึ้นเขียงเสี่ยงกับอาญาจาก องค์รัชทายาทเพื่อมันหรืออย่างไร” จวิ้นอี้เหลียวซ้ายแลขวาอีกครั้ง แล้วเค้นเสียงกระซิบเล่า “ดูอย่างคดีล�ำเลียงเสบียงทางน�ำ้ นั่นสิ ยังอยู่ในมือของพระองค์เลย ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชส�ำนักมีผู้ใดบ้างไม่ครั่นคร้ามว่าจะต้องถูกกวาดล้างด้วย คดีนี้ รู้อย่างนี้แล้วเจ้ายังกล้าจะขัดใจพระองค์อีกหรือ” ดวงตาของจี้เซียวเบิกกว้างอย่างไม่ยอมแพ้ 24


จู่โร่ว “คดีทจุ ริตนัน้ โยงใยถึงหลายฝ่าย เมือ่ ท�ำผิดคิดคดย่อมต้องหวัน่ เกรง แต่เรื่องนั้นหาได้เกี่ยวข้องกับข้าไม่ ท่านก็รู้ ข้ารับราชการมาสามปี มิเคยท�ำ เรื่องทุจริตใดๆ สามารถเดินเชิดหน้าได้อย่างสง่าผ่าเผย หมึกแท่งนั้นเป็น สมบัตขิ องข้า ข้าเพียงขอของของข้าคืน มิได้ทำ� ผิดอันใด เช่นนีแ้ ล้วยังมีสงิ่ ใด ต้องกริ่งเกรง!” “เฮ้อ! เจ้านี่น้า” พอเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มท�ำท่าดื้อรั้นตามนิสัย จวิ้นอี้จึงได้แต่ถอนใจ แล้วใช้น�้ำเย็นเข้าลูบให้อีกฝ่ายคลายกังวล “ข้าคงเมามากเกินไปเลยพูดจาเป็นตุเป็นตะจนกลายเป็นเรือ่ งใหญ่ โต เจ้าไม่ต้องคิดมากไปหรอก ไป! ไปนั่งดื่มสุรากันดีกว่า อย่ากังวลเลย ใน วังหลวงไม่มีเพชรนิลจินดาของล�้ำค่าอื่นหรือไร ท�ำไมองค์รัชทายาทจะมา ต้องใจกับหมึกเก่าๆ แท่งนั้นของเจ้าด้วยล่ะ ไปๆ” แม้จะละล้าละลังแต่จี้เซียวก็จ�ำต้องยอมเดินไปนั่งที่โต๊ะแต่โดยดี ทว่าเขากลับมิได้สนใจหรือดื่มด�่ำกับการร�่ำสุราเลยแม้แต่น้อย เฝ้าแต่ชะเง้อ มองไปตรงโถงทางเดินโล่งกว้างหลังต�ำหนัก ผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดร่างใน ชุดสีเหลืองหม่นก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง บ่าวที่อยู่ด้านหลังก�ำลังใช้สองมือ ประคองกล่องหมึกนั้นอย่างระมัดระวังเดินตามมา ทว่าจีเ้ ซียวทีก่ ำ� ลังจะถอนหายใจอย่างโล่งอกกลับไม่อาจท�ำได้ดงั ใจ ปรารถนา เมื่อพบว่าองค์รัชทายาทเหยียนเซียงมิได้สั่งให้บ่าวผู้น้ันน�ำกล่อง หมึกมังกรมาส่งคืนเขา แต่กลับสัง่ ให้เหล่าขุนนางคนสนิทเข้ามารับหมึกมังกร ไปผลัดกันดูเป็นทอดๆ แท่งหมึกทีถ่ กู สลักเสลาเป็นลวดลายมังกรอันงามวิจติ ร ถูกหยิบออก มาจากกล่อง ลายมังกรที่ถูกอาบไล้ด้วยผงทองส่องประกายสะท้อนกับแสง 25


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร โคมแก้วดูแวววาวราวกับจะเคลื่อนไหวคล้ายมีชีวิต เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ที่ ได้เห็น แม้มิใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหมึกก็ยังอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงชื่นชมกัน เซ็งแซ่ ขณะส่งต่อแท่งหมึกนั้น แล้วผลัดกันลูบคล�ำจนหน�ำใจ เจ้าของแท่งหมึกตัวจริงอย่างจี้เซียวได้แต่ยืนกัดริมฝีปากแน่นมอง ดูอยูไ่ กลๆ ต้องจ�ำทนเห็นของส�ำคัญถูกอุ้งมือหยาบกระด้างที่เปรอะเปื้อนไป ด้วยคราบเหล้าและคาวเหงื่อเหล่านั้นลูบไล้ซ�้ำแล้วซ�้ำเล่า เห็นแล้วให้รู้สึก ปวดแปลบในหัวใจจนแทบจะลมจับพับลงตรงนั้น สุราเก่าเหล้าดีส�ำหรับพิธีเฉลิมฉลองในวังย่อมท�ำให้ผู้คนเมามาย เป็นธรรมดา ยิ่งองค์ฮ่องเต้ไม่สามารถเสด็จออกมาร่วมงานได้ด้วยแล้ว ทุกคนก็ยิ่งปล่อยตัวอิสระเสรี งานฉลองเพิ่งด�ำเนินไปได้เพียงครึ่ง สหาย รอบตัวจี้เซียวก็เมาหัวทิ่มกันแทบทั้งโต๊ะ ตั ว เขาเองดื่ ม ไปเพียงเล็กน้อ ย ที่หนักหนาคือการใช้สมองเพื่อ ตรึกตรองว่า ควรจะเปิดปากขอหมึกมังกรคืนอย่างไรดี ก้มหน้าครุน่ คิดได้พกั ใหญ่ พอเหลือบตาขึ้นมอง ก็เห็นว่าองค์รัชทายาทเหยียนเซียงที่ประทับอยู่ หัวโต๊ะก�ำลังเมามายได้ทอี่ ยูเ่ ช่นกัน นางก�ำนัลฝ่ายในหลายคนก�ำลังพยุงร่าง โงนเงนนั้นขึ้น คล้ายกับว่าจะพาเขาลุกออกไปจากโต๊ะ จี้เซียวว้าวุ่นใจจนนั่งไม่ติด จึงจับชายชุดคลุมของตนเองขึ้น แล้ว ลุกจากที่นั่ง ย�่ำเท้าก้าวฉับๆ ตรงไปทันที ทว่าเดินไปได้เพียงครึ่งทางก็ถูก ขันทีเฒ่าผู้หนึ่งขวางไว้ด้วยใบหน้าที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าจี้ ก�ำลังจะไปที่ใดหรือขอรับ” “ข้า...ข้ามีเรื่องจะกราบทูลองค์รัชทายาท” “เอ่อ เห็นจะไม่เหมาะกระมังขอรับ องค์รัชทายาททรงเมามากและ 26


จู่โร่ว ก�ำลังจะเสด็จกลับต�ำหนักเพือ่ พักผ่อน หากใต้เท้าจีม้ กี จิ อันใด ค่อยมาเข้าเฝ้า ใหม่ในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะขอรับ” ถูกทักท้วงขนาดนี้ จี้เซียวจึงจ�ำต้องหยุดฝีเท้าลง แต่นัยน์ตายังคง จ้องเขม็งไปทีก่ ลุม่ คนซึง่ เดินเข้าไปด้านหลังต�ำหนัก จะเข้าไปใกล้เพือ่ กราบทูล ก็ไม่ได้ จะตะโกนกู่ก้องร้องเรียกยิ่งไม่มีหวัง จ�ำต้องยอมถอยหลังไปสองก้าว ด้วยความปวดใจ แล้วหันมาเอ่ยกับขันทีเฒ่า “เช่นนั้นรบกวนกงกงช่วยทูลองค์รัชทายาทหน่อยเถิดว่า หมึกมังกร ชิ้นนั้น หากพระองค์ชื่นชมเสร็จแล้ว ช่วยส่งคนมาแจ้งให้ข้าทราบด้วย ข้าจะ ขอมารับคืนด้วยตนเอง” ใบหน้าของขันทีชรายังคงเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ราวกับมันถูกตรึงไว้ที่ หางตา มิได้มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย “ใต้เท้าจี้โปรดวางใจ ข้าน้อยจะกราบทูลให้ครบทุกค�ำ” ตั้งแต่จวิ้นอี้มอบหมึกมังกรแท่งนั้นให้กับเขา เตียงของจี้เซียวก็ถูก บุรุษชุดด�ำเข้าครอบครองอยู่ทุกคืนค�่ำ กระทั่งยามที่ง่วนอยู่กับเอกสารงาน หลวง เจ้าคนหน้าไม่อายก็ยังนอนขวางวางท่วงท่าดึงดูดสายตาอยู่ไม่ห่าง ห้องหับกว้างขวางของเขา ไม่มบี ริเวณไหนทีช่ ายผูน้ นั้ จะไม่เคลือ่ นกายไปอยู่ ทว่าในค�่ำคืนนี้ กลับมีเพียงจี้เซียวอยู่ล�ำพัง ทั่วทั้งห้องเงียบสงัด ปราศจากส�ำเนียงสรรพเสียงใด ลมหนาววิเวกในยามราตรีพัดโชย ยิ่งท�ำให้ รู้สึกถึงความอ้างว้างเดียวดายได้อย่างชัดเจน แม้จะดับแสงเทียนให้มอดลง และทิง้ ตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนแรงแล้ว แต่ใจกลับถวิลหาส�ำเนียงเสียง กระเซ้าเย้าแหย่ที่เคยกระซิบพร�่ำพลอดอยู่ข้างหู...ข่มตาหลับไม่ลงจริงๆ เกิดมายี่สิบสามปี เพิ่งจะรู้ว่าอะไรคือเหงาใจจนหลับไม่ลงก็วันนี้... 27


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร หลายวันผ่านไป จี้เซียวยังคงง่วนอยู่กับการตรวจเอกสารมากมาย จนนับไม่ถ้วนอยู่ในหออาลักษณ์ โดยที่องค์รัชทายาทไม่มีวี่แววจะเรียกเข้า เฝ้าเพือ่ คืนแท่งหมึกให้เลยแม้แต่นอ้ ย ในใจเขาว้าวุน่ จนนึกอยากจะไปขอเข้า เฝ้าเพื่อเอ่ยปากขอทวงคืนเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่กลับถูกจวิ้นอี้ปรามไว้ โดยให้เหตุผลว่า ในตอนนี้มีผู้คนมากมายปรารถนาจะน�ำเครื่องบรรณาการ ไปถวายองค์รัชทายาท แต่กลับอับจนหนทาง หากจี้เซียวบุ่มบ่ามเข้าไปทวง ของ มิเท่ากับไม่ไว้หน้าองค์รัชทายาทหรือ ทั้งยังบ่นพึมพ�ำว่า แต่ไหนแต่ไร ไม่เคยเห็นตัวเขาจะอินังขังขอบอะไรกับของมีค่าหายากเลยสักชิ้น ท�ำไมใน ตอนนี้จึงนึกห่วงหาอาทร หรือว่าหมึกแท่งนั้นมีดีพิสดารอันใดเป็นพิเศษ พอถูกตั้งค�ำถามแทงใจด�ำ จี้เซียวก็ได้แต่แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน ไปโดยไร้ค�ำตอบ พยายามสงบใจให้นิ่งเฉย แล้วบอกกับตนเองว่า อันที่จริง หมึกมังกรแท่งนั้นก็เอาแต่สร้างความร�ำคาญรบกวนจิตใจไม่ได้หยุด อีกทั้ง ฝนน�้ำหมึกก็ไม่ออก จึงหามีประโยชน์อันใดไม่ ตอนนี้หมึกมังกรจอมกะล่อนได้ย้ายถิ่นพ�ำนักไปพักอยู่ ณ วังตงกง ขององค์รัชทายาทซึ่งมีผู้คนมากมาย ก็คงจะได้เปิดหูเปิดตา...ไม่แน่ว่า ป่านนี้...อาจได้พบเจอของเล่นแปลกใหม่ จนลืมอาลักษณ์ต�่ำต้อยเช่นเขา ไปแล้วก็เป็นได้ จวิ้นอี้รักษาค�ำพูดจริงๆ เขาเที่ยวเสาะหาหมึกชั้นเลิศมามอบให้ ทดแทนหมึกแท่งเดิมอย่างรวดเร็ว ทว่าจี้เซียวเองมิได้มีกะจิตกะใจแม้แต่จะ พินิจพิจารณาดู ล่วงเข้ายามวิกาลดึกสงัดของคืนหนึง่ เพราะนอนไม่หลับ อาลักษณ์ หนุม่ จึงเดินมานัง่ ทีโ่ ต๊ะหนังสือ หยิบแท่งหมึกใหม่ทเี่ พิง่ ได้รบั ขึน้ มาพินจิ ดูโดย 28


จู่โร่ว ละเอียด ทว่าภายในใจกลับถวิลถึงลวดลายมังกรเกลือกทองที่ส่องแสงเรือง รองอยู่บนหน้าผากเนียนขาวดุจหิมะของบุรุษชุดด�ำผู้นั้น ขณะที่ก�ำลังเหม่อลอยอยู่ในภวังค์ความคิด จู่ๆ แสงเทียนก็ถูกลม พัดจนวูบไหว เมื่อเหลือบตาขึ้นมอง จึงเห็นเงาร่างหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า “เจ้า...” นัยน์ตาของจี้เซียวเบิกกว้าง หลุดปากออกมาได้เพียง ค�ำเดียวก็นิ่งตะลึงไปเป็นครู่ “อวีเ้ ยีย่ น เจ้าคงไม่นกึ ว่าข้าจะกลับมาได้ใช่หรือไม่” น�ำ้ เสียงนัน้ เจือ ความเย็นชา คล้ายว่าไม่คอ่ ยสบอารมณ์นกั “ดูทา่ เจ้าคงรังเกียจข้าจริงๆ สินะ จึงได้ผลักไสข้าไปให้ผู้อื่น!” “ไม่...ไม่ใช่นะ!” จี้เซียวผุดลุกขึ้นยืน ละล�่ำละลักอธิบาย “เพราะนั่น เป็นพระประสงค์ขององค์รัชทายาทต่างหากล่ะ” หลงโม่จ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาขุ่นเคือง “เช่นนั้นรึ! ที่แท้เป็นเพราะเจ้าหวั่นกลัวอ�ำนาจของรัชทายาท จึงได้ มอบข้าให้กับเขา” ชายหนุ่มถอนหายใจยาวอย่างอ่อนอก “เสียแรง ข้าหลง คิดไปว่าเจ้าชอบข้าด้วยใจจริง นึกไม่ถงึ เลยว่าโลกมนุษย์จะไร้เยือ่ ใยไมตรีถงึ เพียงนี้” พูดจบก็ก้มหน้าลง แม้จะมีเพียงแสงจากเปลวเทียนสลัวราง แต่ เพราะอยูใ่ กล้ จีเ้ ซียวจึงมองเห็นชัดถนัดตาว่าใบหน้าหล่อเหลาดวงนัน้ เต็มไป ด้วยความหม่นหมอง ราวกับก�ำลังหวนคิดถึงเรื่องราวเศร้าโศกในครั้งอดีต ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกผิด จึงรีบเดินเข้าไปตรงหน้า สองมือจับแขนอีกฝ่ายไว้คล้าย ท�ำอะไรไม่ถูก “ข้า...ข้ามิได้คิดจะมอบเจ้าให้กับใคร เพียงแต่...ข้าคิดว่าวังตงกง ขององค์รัชทายาทนั้นทั้งโอ่อ่า หรูหรา อีกทั้งผู้คนก็มากมาย...ไม่แน่ว่า...เจ้า 29


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร อาจจะชอบ...” “ชอบ?” หลงโม่หัวเราะเสียงต�่ำในล�ำคอ “เจ้าเคยคิดหรือไม่ ถ้าเกิด พวกเขาอยากเห็นสีหมึกขึ้นมาแต่กลับฝนไม่ออก คงมิได้ท�ำแค่เพียงครุ่นคิด สงสัยเช่นเจ้า แต่อาจโมโหโกรธาจนถึงขั้นเขวี้ยงหรือท�ำลายแท่งหมึกอย่าง ข้าทิ้งเลยก็เป็นได้” จี้เซียวนิ่งอึ้ง มือบางบีบแขนทั้งสองข้างของชายหนุ่มแน่นขึ้น แล้ว กล่าวด้วยน�้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความเสียใจ “ข้า...ขอโทษ ข้าไม่ทนั ได้คดิ ถึงเรือ่ งนัน้ ข้า...ต่อไป ข้าจะไม่มอบเจ้า ให้ใครอีกแล้ว” หลงโม่เพ่งมองคนที่อยู่ตรงหน้า ขอบตาพลันรื้นฉ�่ำ แล้วจึงพึมพ�ำ ด้วยเสียงสั่นเครือ “อวี้เยี่ยน เหตุใดจึงท�ำเช่นนี้กับข้า...” “ข้า...” จี้เซียวเห็นเช่นนั้นก็แทบจะหลั่งน�้ำตาออกมาอีกคน “ข้าผิด ไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ จะให้ข้าท�ำเช่นไรจึงจะชดใช้ความผิดนี้ บอกมา เถิด ข้าจะชดใช้ให้เจ้า” หลงโม่ได้ยนิ เช่นนัน้ ก็พลันชะงัก เงยหน้าขึน้ สบตากับอาลักษณ์หนุม่ ดวงตาวาววามบนใบหน้าเนียนขาวเป็นประกาย ราวกับผูท้ นี่ ยั น์ตารืน้ ฉ�ำ่ ด้วย ความเศร้าหมองอยู่เมื่อครู่มิใช่ตัวเขา น�้ำเสียงหม่นเศร้าก็แปรเปลี่ยนเป็น รื่นเริงด้วยความลิงโลดได้อย่างฉับพลันจนน่าอัศจรรย์ใจ “อวี้เยี่ยน เจ้าอยากชดใช้ความผิดนี้จริงหรือ” เห็นสายตาเปีย่ มเลศนัยของอีกฝ่ายแล้ว จีเ้ ซียวก็นกึ เข้าใจความหมาย ได้ในทันที เขาก้าวเท้าถอยหนีด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “ข้า...” 30


จู่โร่ว “อวี้เยี่ยน...” หลงโม่คว้าจับแขนเขาไว้แน่น แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ข้าก�ำลังรอให้เจ้าชดใช้ความผิดอยู่นะ” พูดจบก็ปดิ เปลือกตาลง ริมฝีปากหยักได้รปู ดูนา่ มองเมือ่ อาบไล้ดว้ ย แสงเทียนนวลตา จีเ้ ซียวทอดตามองผูท้ อี่ ยูต่ รงหน้า สัมผัสได้ถงึ เหงือ่ เย็นๆ ที่ ก�ำลังไหลลู่ลงตามจอนผม แล้วจู่ๆ สติก็พลันหลุดลอย เขาถูกความลุ่มหลง ชักน�ำให้ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ใกล้กับอีกฝ่ายจนลมหายใจแทบผสานกัน กลิน่ หอมจางของหมึกกรุน่ อยูท่ ปี่ ลายจมูก ยิง่ สูดดม ร่างกายก็ยงิ่ รุม่ ร้อน รูส้ กึ ราวกับตัวเองก�ำลังฟัน่ เฟือนไปแล้วทีท่ ำ� แบบนีก้ บั บุรษุ ด้วยกัน ไม่ส.ิ ..อีกฝ่าย ไม่ใช่มนุษย์ดว้ ยซ�ำ้ ทว่าเป็นปีศาจ...แต่ถงึ จะเป็นปีศาจ ก็ยงั ก่อความรุม่ ร้อน ให้เกิดขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนทีร่ มิ ฝีปากของทัง้ คูจ่ ะสัมผัสกัน มือของจีเ้ ซียวทีจ่ บั แขนอีกฝ่าย อยูก่ เ็ ลือ่ นไล้ขนึ้ ไปคล้องทีล่ ำ� คอของชายหนุม่ หลงโม่สะดุง้ เฮือก! ดวงตาพลัน เบิกกว้าง นัยน์ตาทั้งสองข้างแดงฉานดั่งโลหิต รังสีแห่งการเข่นฆ่าที่แผ่ซ่าน ท�ำให้จี้เซียวตกใจจนส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ แล้วก้าวผงะถอยหลังจน เสียหลักล้มลงนั่งกับพื้น หลงโม่ยังคงยืนนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกตัว เขารีบปรับสีหน้าให้ กลับมาเหมือนเดิม พอก้มหน้าลงมา สีหน้านั้นก็กลายเป็นใบหน้าหล่อเหลา ขาวสว่างดังตะวันฉาย ชายหนุม่ แค่นหัวเราะเสียงแผ่วคล้ายรูส้ กึ ผิดกับจีเ้ ซียว ที่ตอนนี้ก�ำลังนั่งตัวสั่นงันงก “...ขอโทษที่ท�ำให้เจ้าตกใจ...” ร่างของจี้เซียวยังคงสั่นจนไม่อาจขยับปากพูด ผ่านไปครู่ใหญ่จึง เปล่งเสียงสั่นเครือออกมา “เมื่อครู่...เจ้า...เจ้าเป็นอะไร” 31


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร หลงโม่ยื่นมือมาให้หมายจะช่วยดึงคนที่นั่งกองอยู่กับพื้นให้ยืนขึ้น แต่ถูกจี้เซียวที่ยังคงตกใจไม่หายปัดออก ชายหนุ่มยิ้มอย่างอ่อนใจ ย่อตัวลง นั่งยองแล้วอธิบายเสียงเบา “ข้าก็แค่...ไม่ชอบให้ผใู้ ดมาสัมผัสทีต่ น้ คอ มิได้มเี จตนาจะท�ำให้เจ้า ตกใจ” ได้ยนิ เช่นนัน้ ความตระหนกของอาลักษณ์หนุม่ จึงค่อยผ่อนคลายลง ขณะส่ายหน้าไปมาอย่างรู้สึกผิด “ที่แท้เป็นเพราะข้าไปแตะต้องจุดอ่อนของเจ้าเข้า เช่นนั้นแล้วเป็น ข้าเองต่างหากที่ต้องกล่าวค�ำขอโทษแก่เจ้า” สติคืนกลับมา ราวกับเขาเพิ่งตระหนักว่าหลงโม่มิใช่มนุษย์ และ ความจริงข้อนี้ก็ท�ำให้ภายในใจกลับสงบและ...ว่างเปล่า ทันใดนั้นมือของอีกฝ่ายก็ยื่นมาเกลี่ยเส้นผมให้ จี้เซียวยกมือขึ้น ท�ำท่าจะปัดออก แต่กลับถูกดึงตัวเข้าไปรวบกอดไว้แน่น ริมฝีปากถูกขบจูบ อย่างกระหายหิว แม้จะดิน้ รนขัดขืนก็ดเู หมือนจะไม่เป็นผล ร่างของเขาถูกอุม้ ไปนอนอยู่บนโต๊ะหนังสืออย่างง่ายดาย “อวี้เยี่ยน...เจ้า...อย่าผลักไสข้าอีกเลยนะ” หลงโม่พูดประโยคนี้ขึ้น มาด้วยน�้ำเสียงออดอ้อน ค่อยๆ แนบศีรษะลงมาอิงซบเหนือไหล่เขา “อย่า มอบข้าให้ผู้ใดอีก แล้วก็อย่าลั่นกุญแจขังข้าด้วย...ท�ำได้หรือไม่” ไม่รู้เพราะเหตุใด น�้ำเสียงและท่าทางเช่นนั้นจึงท�ำให้เขารู้สึกผิด ขึ้นมาอีกครา อาลักษณ์หนุ่มจึงยื่นมือไปลูบหลังของอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน “ได้สิ แต่วา่ ...เจ้าเองก็ตอ้ งไม่ทำ� เรือ่ งลามกพวกนัน้ กับข้าอีก...ท�ำได้ หรือไม่” “ลามก?” หลงโม่ไซ้หน้าผากเนียนกับปลายคางของเขาเบาๆ ราวกับ 32


จู่โร่ว เด็กน้อย “ในเมื่อเราสองรักกัน การมีความสุขในเพศรสร่วมกันมิใช่เรื่อง ธรรมชาติหรอกหรือ เหตุใดเจ้าจึงกล่าวหาว่าลามกกันเล่า” “รัก?” จี้เซียวแทบส�ำลักกับค�ำพูดนั้น “เจ้าเพิ่งอยู่บนโลกมนุษย์ได้ ไม่เท่าไร คงยังไม่เข้าใจเรื่องราวบนโลกใบนี้สินะ ความรักคือความสัมพันธ์ อันลึกซึ้งระหว่างชายหญิง มิใช่เยี่ยง...เจ้ากับ...” ถ้อยค�ำของเขาพลันขาดห้วงไป เมื่อเรียวลิ้นเปียกชุ่มของอีกฝ่าย สัมผัสตรงลูกกระเดือก จุดไวต่อความรู้สึกบริเวณนั้นถูกไล้เลียไปมา ก่อนที่ ปลายลิ้นจะเลื่อนต�่ำลงมายังผืนอก พร้อมกับที่เสื้อผ้าของเขาถูกปลดเปลื้อง ออกอย่างว่องไว ริมฝีปากอุ่นร้อนเผยอออก ครอบครองไข่มุกสีแดงเรื่อข้าง หนึ่งบนผืนอกเนียนขาวอย่างหยอกเย้า “เจ้า!” จี้เซียวออกแรงผลักอีกฝ่ายออก แต่ไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย มิหน�ำซ�้ำหลังจากนั้น มือทั้งสองข้างของเขายังถูกกดให้แนบชิดติดโต๊ะจน ไม่อาจดิ้นรนได้อีก หลงโม่ดูดดุนจุดนั้นโดยไม่สนใจเสียงทัดทาน พอได้ยินเสียงหอบ ระทวยรวยรินเป็นจังหวะของเขา ก็เงยหน้าขึ้นส่งเสียงหัวเราะเบาๆ “เห็นอยู่ชัดๆ ว่าอวี้เยี่ยนชอบเรื่องเช่นนี้ ไยเจ้าจึงปากไม่ตรงกับใจ เล่า ก็เพราะหน้าบางอย่างนี้ถึงไม่ได้มีฮูหยินสักทีสินะ” ชายหนุ่มโน้มตัวลง สบตา เพ่งมองใบหน้าแดงระเรือ่ ของจีเ้ ซียว “ให้ขา้ มาเป็นฮูหยินของอวีเ้ ยีย่ น ดีหรือไม่” จีเ้ ซียวมิรวู้ า่ ควรจะกริว้ โกรธหรือหัวเราะด้วยความขบขันดี จึงได้แต่ นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วร�ำพึงเสียงแผ่ว “...เจ้า...มิใช่สตรี” ประโยคนัน้ ดูเหมือนจะท�ำให้หลงโม่ไม่สบอารมณ์ จึงใช้มอื ข้างหนึง่ 33


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร ปลดกางเกงของเขา แล้วสอดดุนเครือ่ งเพศทีร่ อ้ นผ่าวจนแข็งขึงเข้าใส่สะโพก เนียนช้าๆ “สตรีจะท�ำให้เจ้าส�ำเริงส�ำราญเช่นนี้ได้หรือ” สัมผัสร้อนผ่าวที่แนบชิดติดกับส่วนไวสัมผัสท�ำให้จี้เซียวขนลุกซู่ไป ทั้งตัว ใบหน้าเนียนขาวที่ตอนนี้แดงซ่านส่ายไปมาไม่หยุด “อ๊ะ! อย่า! ไม่ได้นะ!” “อืม ไม่ได้จริงๆ ด้วย” หลงโม่พยักหน้าอย่างเห็นพ้อง “ห่างหายไป หลายวัน ดูเหมือนช่องทางนั้นจะคับแน่นเกินไป” พอได้ยินอีกฝ่ายกล่าวพึมพ�ำเช่นนั้น ก็ให้รู้สึกคล้ายเทวดามาโปรด จี้เซียวลอบผ่อนลมหายใจแผ่วเบา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จงปล่อยข้า...” ยังกล่าวไม่ทันจบประโยคดี ชายหนุ่มก็ต้องรีบสูดลมหายใจเฮือก ใหญ่ นิ้วเท้าที่จิกอยู่ข้างโต๊ะพลันเหยียดตรง หลงโม่ดึงขาของเขาขึ้น แหวก ร่องสะโพกออก แล้วมุดหน้าส่งปลายลิ้นซอกซอนเข้าไปด้านในช่องทางที่ คับแน่นนั้น “ไม่...อ๊า! อย่า!” ถ้อยค�ำขาดหายไปพร้อมกับจังหวะหายใจทีถ่ รี่ วั จนไม่อาจเปล่งค�ำพูด ให้ออกมาเป็นถ้อยความได้ หยาดน�ำ้ ใสปริม่ อยูท่ หี่ างตา มิรวู้ า่ เป็นหยาดเหงือ่ หรือหยดน�ำ้ ตา ร่างทีน่ อนแผ่อยูบ่ นโต๊ะสัน่ ระริกไปทัว่ ทัง้ สรรพางค์กาย เขารูส้ กึ ราวกับว่าเรียวลิน้ ของหลงโม่ทกี่ ำ� ลังสอดซอนเข้าไปในช่องทางอ่อนนุม่ นัน้ ดู เหมือนจะยืดยาวกว่าปกติเป็นเท่าตัว อีกทัง้ ยังเคลือ่ นไหวว่องไว ตวัดโลมเลีย ไปทัว่ ทุกซอกมุมจนสติของเขาถึงกับกระเจิดกระเจิง จนอดสงสัยมิได้วา่ ปีศาจ ตนนี้ไปร�่ำเรียนกลกามแปลกประหลาดเหล่านี้มาจากที่ใดหนอ 34


จู่โร่ว ขณะที่สติก�ำลังเคลิบเคลิ้มใกล้จะหลุดลอย ความคิดบางอย่างก็ พลันแวบเข้ามาในหัว แต่เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว ความคิดนั้นก็เลือนหายไป เอกสารชิ้นเล็กชิ้นน้อยบนโต๊ะถูกปัดสะบัดร่วงกระจัดกระจาย จนเกลื่อนพื้น บริเวณซึ่งเคยมีเอกสารตั้งกองไว้ บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยสองขา เปลือยเปล่าซึ่งก�ำลังโยกคลอนไปมาตามจังหวะท่วงท่าของบุรุษที่ยืนอยู่ ผิวเนือ้ ส่วนทีถ่ กู กระท�ำรอบแล้วรอบเล่าเปียกชืน้ และอ่อนนุม่ ราวกับ จะหลอมละลาย ช่องทางคับแน่นคลายตัวโอบรัดแก่นกายร้อนผ่าวราวกับจะ ไม่ยอมปล่อย ยามชายหนุ่มเคลื่อนไหว ได้ยินเสียงคล้ายของเหลวฉ�่ำชุ่ม ร่างกายท่อนบนของจี้เซียวถูกกอดรัดไว้แน่นหนา เปลือกตาบางหรี่ลงขณะ ปลายฟันกัดริมฝีปากล่างเพื่อข่มกลั้นเสียงร้อง ฝ่ามือหยาบใหญ่ของหลงโม่เกาะกุมอยูท่ เี่ ครือ่ งเพศตรงหว่างขาของ เขา มือนั้นเคลื่อนที่กระตุกขึ้นลงไม่เร็วไม่ช้าทว่าต่อเนื่องและหนักแน่น ไม่ นาน คนที่อยู่ด้านล่างก็ทนไม่ไหว ต้องส่งเสียงครางกระเส่าออกมา “จะ...เจ้า...อย่า...อย่าท�ำแบบนี้!” จี้เซียวที่หอบระทวยจนหางตา แดงเล็กน้อยวิงวอน “ข้า...มะ...ไม่ไหวแล้ว...” คร�ำ่ ครวญเสียงแหบพร่าโดยไม่รเู้ ลยว่าทัง้ กริยา น�ำ้ เสียง และถ้อยค�ำ เช่นนั้น กลับยิ่งกระตุ้นความปรารถนาของบุรุษเพศ รอยยิ้มของหลงโม่ฉาย แววเจ้าเล่ห์ ขณะจับมือนุ่มของจี้เซียวไปสัมผัสที่จุดสอดประสาน “อวีเ้ ยีย่ น เจ้าได้ชอื่ ว่าเป็นผูห้ ลงใหลในแท่งหมึกมิใช่หรือ ไม่รวู้ า่ เจ้า จะพึงใจต่อหมึกแท่งนี้ของข้าหรือไม่” “พะ...พูดจา...สะ...ส่งเดช” จีเ้ ซียวทีส่ ง่ เสียงครวญครางอย่างมิอาจอดกลัน้ กัดฟันก่นด่า แต่กถ็ กู ข่มขวัญด้วยวัตถุอันร้อนรุ่มที่เสียบสอดอยู่บริเวณบั้นท้าย จนต้องรีบหดมือ 35


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร กลับไป หลงโม่หัวเราะในล�ำคอ ก่อนจะค่อยๆ ถอนตัวออก แล้วส่งท่อนเนื้อ ร้อนรุมกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งอย่างรวดเร็ว แต่เป็นการเข้าไปเพียงตื้นๆ ตรง ปากทาง จากนั้นจึงเบี่ยงสะโพกแล้วค่อยๆ สอดเคลื่อนเข้าไปทีละนิ้ว ทีละ นิ้ว...ร่างของจี้เซียวกระตุกสั่น “อ๊า!” เสียงร้องนัน้ ท�ำให้รอยยิม้ กว้างขวางปรากฏขึน้ บนใบหน้าของอีกฝ่าย “อวีเ้ ยีย่ น...ยังจะบอกว่าไม่ชอบแท่งหมึกของข้าอีกหรือ รัดแน่นเสีย ขนาดนี้” “อย่า... อ๊า!” จุดอ่อนไหวไวสัมผัสที่ซ่อนเร้นอยู่ในที่ซึ่งแม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังมิเคย ล่วงรู้ถูกเสียดสีไม่หยุดยั้ง อาลักษณ์หนุ่มไม่อาจเอ่ยถ้อยค�ำใดออกมา ท�ำได้ เพียงส่งเสียงครวญครางขณะที่สมองว่างเปล่า ของเหลวสีขาวขุ่นพุ่งตัวออก มาจากปลายยอด หลงโม่หยุดการกระท�ำนั้นโดยฉับพลันแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย จี้เซียวช้อนสายตาพร่าเลือนขึ้นมอง เห็นสิ่งที่ตนปลดปล่อยออกมากระเด็น ไปถูกมุมปากอีกฝ่ายอยู่หนึ่งหยด ปลายลิ้นเปียกชุ่มยื่นออกมาตวัดเลีย ของเหลวนั้นลงคอไปอย่างว่องไว “ของอวี้เยี่ยนนี่อร่อยจริงๆ” หลงโม่กล่าวกลั้วหัวเราะ ผิวหน้าร้อนจนแทบไหม้ จี้เซียวผินหน้าไปอีกทางอย่างเขินอาย ผืนอกบางกระเพื่อมไหวในตอนที่ตวัดเสียงดุ “หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว!” หลงโม่เชื่อฟังเป็นอย่างดีมิได้กล่าวหยอกเย้าอีก แต่กลับโน้มตัวลง 36


จู่โร่ว อุม้ เขาขึน้ จัดท่าให้พงิ กับผนังทัง้ ทีส่ องร่างยังสอดประสาน จากนัน้ ก็ขยับกาย รุกเร้าเป็นจังหวะไม่ยั้งหยุด ท่าทางที่น่าหวาดเสียวว่าอาจจะร่วงหล่นลงมา ได้ทกุ เมือ่ นัน้ ท�ำให้จเี้ ซียวเผลอเกร็งตัว สองขาสองแขนกอดรัดร่างอีกฝ่ายไว้ อย่างแน่นหนา แท่งเนื้อแข็งขึงที่ทิ่มแทงอยู่ในร่างดูเหมือนจะยิ่งร้อนฉ่า รุก ไล่กระแทกกระทั้นจนมิอาจถอยหนี ความทรงจ�ำตอนทีเ่ ขาร่วมสัมพันธ์กบั หลงโม่ในครัง้ แรกนัน้ ค่อนข้าง พร่าเลือน เพราะยังไม่ทนั รับรูถ้ งึ ความสุขสม เขาก็หน้ามืดเป็นลมไปเสียก่อน แต่ครั้งนี้...แม้สมองจะว่างเปล่าขาวโพลนไปชั่วขณะ แต่เขาก็มีสติรู้ตัวครบ ถ้วนสมบูรณ์ จึงรับรู้ได้ทุกห้วงวินาทีแห่งความเร่าร้อน เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนร่างกายเริ่มอ่อนล้า สิ้นไร้เรี่ยวแรงกระทั่ง ไม่อาจเกาะกุมบ่าแกร่งของอีกฝ่ายได้อีก ทว่าผู้ที่ยังเคล้าคลึงคลอเคลีย ก็ ยังดูท่าว่าไม่ยอมจะอ่อนเพลียลงสักที จี้เซียวจึงท�ำได้เพียงทิ้งตัวที่อ่อน กะปลกกะเปลีย้ ลงในอ้อมอกของอีกฝ่าย ไม่เหลือแม้แต่สมุ้ เสียงทีจ่ ะเอือ้ นเอ่ย ขอความเมตตา ได้แต่ส่งเสียงสะอื้นไห้แผ่วเบาออกมาทางโพรงจมูก เมื่อด�ำเนินมาถึงขีดสุดที่จุดปลดปล่อย จี้เซียวยิ่งให้รู้สึกพิศวง เขา รู้สึกว่าในช่องท้องของตนเต็มล้นไปด้วยของเหลวอุ่นร้อน แต่ในยามนี้เขาไม่ เหลือเรีย่ วแรงใดๆ อีกแล้ว จึงได้แต่กล�ำ้ กลืนส่งเสียงครวญคร�ำ่ เบาแผ่ว แล้ว ปล่อยให้หลงโม่ท�ำตามใจจนอิ่มเอม จึงยอมอุ้มเขากลับเข้าไปยังห้องนอน เพียงแค่แผ่นหลังแตะกับฟูกอุ่นนุ่ม เปลือกตาของอาลักษณ์หนุ่มก็ แทบจะปิดพับหลับไปในทันที แต่เสี้ยวสมองกลับวาบค�ำนึงถึงเรื่องหนึ่งขึ้น มาได้ นีเ่ จ้าหมึกมังกรจอมลามกนัน่ ปล่อยน�ำ้ หมึกไว้ในตัวเขาจริงอย่างนัน้ หรือ! 37


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร พอความคิดนีผ้ ดุ พลุง่ ขึน้ มา ก็ให้รสู้ กึ คันยุบยิบทีบ่ ริเวณปากทางด้าน หลัง สัมผัสได้ถึงความเหนียวเหนอะคล้ายมีบางสิ่งทะลักล้นออกมา จี้เซียว ลอบมองอีกฝ่ายว่ายังคงลืมตาตื่นอยู่หรือไม่ พอเห็นว่าเปลือกตาบางเฉียบ ปิดบังดวงตาคมกริบคู่นั้นไว้ ยินเพียงเสียงลมหายใจสม�่ำเสมอ จึงรวบรวม ความกล้า ยื่นมือของตนไปแตะไล้บริเวณท่อนล่าง ทั้งที่เป็นร่างกายของ ตัวเอง แต่ในตอนที่ล้วงลึกเข้าไปยังรู้สึกกระดากใจอย่างไรชอบกล จริงดังที่ รู้สึก นิ้วมือของเขาสัมผัสได้ถึงของเหลวเหนียวลื่นจริงๆ ทว่าสัมผัสนั้นกลับ ไม่เหมือนหมึกเลยสักนิด! จีเ้ ซียวหรีต่ าลง ดึงมือกลับขึน้ มาดูอย่างทุลกั ทุเล แสงเดือนร�ำไรฉาย ให้เห็นว่าบนนิ้วมือนั้นไม่มีสีด�ำเลยแม้แต่น้อย มีเพียงของเหลวสีขาวขุ่นดู แปลกตาเปรอะเปื้อนอยู่ “อวี้เยี่ยน ก�ำลังดูของข้าที่อยู่ในตัวเจ้าอย่างนั้นหรือ” เสียงนัน้ ฟังดูหยอกเย้าอารมณ์ดจี นน่าหมัน่ ไส้ เจ้าแท่งหมึกตัวแสบ แอบดูเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่ให้เสียง ใบหน้าหล่อเหลาวางอยู่บนมือที่เท้าศีรษะ อย่างเกียจคร้าน นัยน์ตาพราวระยับราวกับดวงดาราบนฟากฟ้า “ดูท่าเจ้าจะไม่ค่อยพอใจ ข้าคงปลดปล่อยไว้น้อยไปใช่หรือไม่ เหตุ ใดไม่บอกข้าตรงๆ เจ้าต้องการสักเท่าไร ข้าก็สามารถปล่อยให้เจ้าได้ตาม ปรารถนา” “จะ...เจ้า...เจ้า!” จี้เซียวหัวเสียจนพูดไม่ออกบอกไม่เป็นค�ำอยู่ ชั่วขณะหนึ่ง พอรวบรวมสติและก�ำลังได้จึงเค้นถ้อยค�ำคั่งแค้นออกมา “เจ้า หาใช่หมึกปีศาจไม่!” สีหน้าของหลงโม่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ริมฝีปากหยักได้รูปยังคง ยิ้มพรายอย่างยั่วเย้า 38


จู่โร่ว “ไยกล่าวเช่นนั้นเล่าท่านอาลักษณ์” “ข้าเคยอ่านเจอในหอจดหมายเหตุ ถึงจะมีบันทึกไว้ว่าของโบราณ สามารถกลายร่างได้ แต่หาได้มีสิ่งของจ�ำพวกน�้ำหมึกหรือพู่กันไม่ อีกทั้ง... อีกทั้งเดิมทีหมึกนั้นเป็นของปราบผี จะบ�ำเพ็ญเพียรจนกลายเป็นปีศาจ ภูตมารได้อย่างไรกัน!” แม้จี้เซียวจะมิค่อยสันทัดเรื่องภูตผีปีศาจ แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่าง เป็นต่อบนใบหน้านั้นก็ท�ำให้เขาเกิดแรงฮึกเหิม จึงขุดค้นความรู้ทุกอย่างที่ พอมีขึ้นมา ชี้หน้าบริภาษอีกฝ่ายให้ชุดใหญ่ “...เอาเถอะ ต่อให้...ต่อให้กลายร่างเป็นปีศาจได้จริง ก็ควรทะนง องอาจห้าวหาญ จะท�ำตัวลามกวิตถารเหมือนเจ้าได้เช่นไร!” “เหมือนข้า?” หลงโม่หรีต่ าหัวเราะร่วน “อวีเ้ ยีย่ นทีร่ กั ย่อมไม่มสี งิ่ ใด หรือผูใ้ ดในโลกนีเ้ ป็นเช่นข้าได้อกี แน่ เพราะข้าหาใช่วตั ถุธรรมดาในโลกมนุษย์ ไม่ หากเจ้าอยากรู้เรื่องราว เหตุใดจึงมิลองไปถามไถ่กับราชบุตรเขยจอม โวยวายผู้นั้นดูเล่า ว่าเขาได้ข้ามาจากที่ใด หืม?” จี้เซียวไปหาจวิ้นอี้จริงๆ ในวันรุ่งขึ้น ราชบุตรเขยสามผู้นี้มีต�ำแหน่งเป็นถึงหัวหน้ากองอวี่หลินเวย1วันๆ เตร็ดเตร่อยูร่ อบรัว้ ก�ำแพงวัง ดังนัน้ จึงหาตัวง่ายราวพลิกฝ่ามือ ยิง่ ในช่วงเวลา นี้ที่เหล่าข้าราชบริพารเพิ่งเสร็จจากการเข้าเฝ้าถวายรายงาน บรรดาขุนนาง ทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหารจึงทยอยเดินออกจากต�ำหนักหลีจูไม่ขาดสาย เงาร่างสูงใหญ่ของจวิน้ อีท้ ยี่ นื เด่นเป็นสง่าอยูบ่ นบันไดสูงสิบกว่าขัน้ จึงปรากฏ ชัดแก่สายตา ราชบุตรเขยสามผู้นั้นก�ำลังโน้มศีรษะลงสนทนาบางอย่างกับ อวี่หลินเวย เป็นต�ำแหน่งนายทหารรักษาพระราชวัง

1

39


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร เสนาบดีกรมคลังนามหลี่เจี้ยนชู พอเห็นจี้เซียวเดินตรงรี่เข้าไปหา ก็พลันเงย หน้าขึ้นยิ้มทักอย่างแปลกใจ “ลมอะไรหอบเจ้ามาถึงที่นี่ได้” จี้เซียวส่งยิ้มให้อย่างมีมารยาท แล้วหันไปโค้งค�ำนับหลี่เจี้ยนชู “คารวะท่านอาจารย์” หลี่เจี้ยนชูพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้พบหน้าเจ้าเสียนาน นี่ยังนั่งคัดๆ เขียนๆ อยู่ในหออาลักษณ์ อีกหรือ รอข้ามีเวลาแล้วจะหาที่หาทางให้นะ” จี้เซียวโค้งคารวะอีกหนึ่งครั้ง “ศิษย์ไร้พรสวรรค์ แค่ได้อยู่ในที่ๆ เหมาะควรก็ถือเป็นวาสนาแล้ว มิกล้ารบกวนขอสิ่งอื่นใด ขออาจารย์อย่าต้องตรากตร�ำเพราะศิษย์โง่เง่า คนนี้เลย” หลี่เจี้ยนชูฟังแล้วมิได้พร�่ำบ่นเหมือนเช่นเคย เพียงไต่ถามสารทุกข์ สุกดิบอีกสองสามค�ำ จากนัน้ จึงเดินใจลอยจากไป ทิง้ ให้จวิน้ อีแ้ ละจีเ้ ซียวยืน เผชิญหน้ากันเพียงล�ำพัง ในที่สุดจี้เซียวก็เป็นผู้เปิดปากเริ่มบทสนทนาก่อน “พี่จวิ้นอี้ ข้ามาครั้งนี้เพราะมีเรื่องอยากให้ท่านช่วยชี้แนะ” จี้เซียว นิง่ ไปครูห่ นึง่ แล้วจึงตัดสินใจเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา “ท่านได้หมึกมังกร แท่งนั้นมาจากที่ใด” ท่าทีสบายๆ ของจวิ้นอี้กลับกลายเป็นอึกอักไปในทันที เขาก้าวลง บันไดสองก้าวด้วยสีหน้าท่าทางกระอักกระอ่วน “เหตุใดเจ้าจึงถามเรื่องนี้” ค�ำตอบนั้นยิ่งน�ำมาซึ่งความคลางแคลง จี้เซียวจึงรุกไล่ถามต่อไป ไม่ลดละ 40


จู่โร่ว “หรือว่า...ท่านได้หมึกนั่นมาโดยมิชอบ!” “เปล่านะ ไม่ใช่! ไม่ใช่!” จวิน้ อีล้ นลานปฏิเสธ “ได้มาโดยมิชอบอะไร กัน ผู้เฒ่านั่นเป็นคนยัดเยียดให้ข้าต่างหาก!” “ผู้เฒ่า?” ถึงตอนนี้ราชบุตรเขยสามนามจวิ้นอี้จึงเพิ่งรู้ตัวว่า ได้หลุดปากบอก ความจริงออกไปจนหมดสิ้นเสียแล้ว เพราะมิรู้จะแก้ไขอย่างไร จึงได้แต่ ทอดถอนใจ “เอาเถอะ ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ที่นี่ไม่เหมาะจะสนทนา เราไปคุย กันบนหอชมเมือง ที่พักผ่อนประจ�ำของข้าดีกว่า” หอชมเมืองนอกเขตพระราชฐานแห่งนี้ถูกสร้างไว้สูงตระหง่าน ทัศนียภาพซึง่ มองลงมาจากทีส่ งู จึงแสนตระการตา แต่เวลานีท้ วิ ทัศน์ใดก็ไม่ อาจดึงดูดความสนใจของจี้เซียวได้แม้แต่น้อย ภายในใจของเขารุ่มร้อนจน ต้องออกปากเร่งเร้าให้จวิ้นอี้เล่าที่มาที่ไปของหมึกมังกรแท่งนั้นโดยเร็ว “พอองค์ชายหกได้รับพระราชทานแต่งตั้งขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ฝ่าบาทก็มิได้ส่งผู้ใดไปลาดตระเวนตามแนวชายแดนอีก จนเมื่อสองเดือน ก่อน จึงมีรับสั่งให้ข้าไปส�ำรวจชายแดนด้านทิศประจิม เรื่องนี้เจ้าก็คงรู้อยู่ แล้ว” จวิ้นอี้เริ่มต้นเล่า “แต่ระหว่างเส้นทางกลับ จู่ๆ ก็มีทหารมารายงานว่า เบื้องหน้ามีทะเลสาบกว้างขวางแห่งหนึ่งที่เกิดจากน�้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อร้อย ปีก่อน ที่นั่นมีทิวทัศน์สุดแสนจะงดงาม พวกข้าก็เลยเดินอ้อมไปทางนั้นเพื่อ ชมทะเลสาบ...” นัยน์ตาของจวิ้นอี้เหม่อลอยคล้ายจะย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ ครั้งนั้น 41


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร “ใครจะคิดว่าฟ้าไม่เป็นใจ ท้องฟ้าที่ดูสดใสกลับแปรเปลี่ยน ทั้งฝน กระหน�่ำ ทั้งฟ้าค�ำราม จนพวกเรามิอาจเดินทางต่อได้ ต้องตั้งกระโจมหลบ ฝนอยู่ริมทะเลสาบแห่งนั้น แล้วข้าก็ได้พบกับผู้เฒ่าคนหนึ่ง” ถึงตอนนี้ เรียวคิว้ ของจวิน้ อีก้ ข็ มวดเข้าหากัน “เป็นผูเ้ ฒ่าทีห่ น้าตาประหลาดอย่างยาก จะอธิบาย โหนกคิว้ และสันจมูกดูสงู โด่งกว่าคนทัว่ ไป ในมือเขาถือกล่องเล็กๆ มาด้วยใบหนึง่ ทีน่ า่ ประหลาดใจมากกว่านัน้ คือเขาเอาแต่จอ้ งมองมาทางข้า ไม่วางตา มองจนกระทัง่ ข้าขนลุกซู่ แต่เพราะข้างนอกฝนตกหนัก จะให้ทหาร ออกไปขับไล่ก็ดูกระไรอยู่ ข้าจึงปล่อยเขาไว้อย่างนั้น นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะ บุม่ บ่ามเดินเข้ามาหา แล้วบอกว่าข้ามีลกั ษณะของผูม้ บี ญ ุ หนักศักดิใ์ หญ่...” พอเล่ามาถึงตรงนี้ ทั้งที่จี้เซียวยังมิได้แสดงความคิดเห็นอันใด จวิ้นอี้ก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาเอง “นี่ข้ามิได้ชมตัวเองหรอกนะ ข้ามีผู้ติดตามเป็นขบวนขนาดนั้น ไหน จะเครื่องแต่งกายที่สวมใส่อยู่อีก ใครกันจะดูไม่ออกว่าข้าเป็นผู้สูงศักดิ์ แต่ เมื่อมีคนเยินยอ ข้าก็ได้แต่กล่าวค�ำขอบคุณไปตามมารยาท นึกไม่ถึงว่าเขา ไม่ยอมเลิกรา ยังดึงดันยื่นกล่องในมือนั้นมาให้ข้า บอกว่านี่เป็นหมึกล�้ำค่า หวังว่าข้าจะมอบให้แก่ผู้ที่เหมาะสมและมีวาสนาในภายหน้า จากนั้นก็เดิน ตากฝนออกไป พอข้าวิ่งตามออกมา เขาก็หายตัวไปเสียแล้ว” จี้เซียวอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง “เช่นนั้นที่ท่านว่าหมึกมังกรนั่นเป็นหมึกหลวงของฮ่องเต้ราชวงศ์ ก่อน ทั้งใต้หล้าเหลืออยู่เพียงชิ้นเดียว ทั้งหมดก็ล้วนเป็นค�ำเท็จ...” จวิน้ อีม้ สี หี น้าล�ำบากใจขึน้ มาทันที แล้วเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาคล้าย กระซิบ “เอ่อ...ก็ไม่เชิง คือว่าข้าให้พวกทหารช่วยกันดู พวกมันอวดอ้างว่ามี 42


จู่โร่ว ผูร้ อบรูเ้ ชีย่ วชาญยืนยันว่าหมึกนีม้ อี ายุเก่าแก่ มิหน�ำซ�ำ้ ด้านบนยังมีลายมังกร ดังนั้นน่าจะเป็นหมึกหลวงของฮ่องเต้ราชวงศ์ก่อนไม่ผิดแน่ ดังนั้นตอนที่ข้า น�ำมาให้เจ้า...ข้าก็เลย...แต่งเติมเสริมความไปอีกเล็กน้อยตามแนวทางนั้น” เล่าจบจวิ้นอี้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “อวีเ้ ยีย่ น อย่าหาว่าข้าจงใจปิดบังเลยนะ ในสายตาข้าหมึกแท่งนัน้ ก็ดูดีมีราคา ข้าแน่ใจว่าเจ้าต้องชอบมันแน่ ในเมื่อจะมอบเป็นของก�ำนัลแด่ สหายแล้ว จะให้ข้าบอกว่านี่คือของที่ใครก็ไม่รู้เอามายัดเยียดใส่มือให้ เช่นนั้นหรือ หึ! ข้าพูดไม่ออกหรอกแบบนั้นน่ะ ข้าก็เลย...ไม่ได้เล่าที่มาที่ไป โดยละเอียด” จี้เซียวเห็นใบหน้าของสหายสนิทเกลื่อนไปด้วยความรู้สึกผิดจึง รีบกล่าวปลอบโยน “พี่จวิ้นอี้ ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนี้เลย หมึกมังกรแท่งนั้นเป็นหมึกดี จริงๆ ข้ายินดียิ่งที่ท่านกรุณาน�ำมามอบให้” แม้จะพูดออกไปแบบนั้น แต่สีหน้าของอีกฝ่ายกลับมิได้ดีขึ้นแม้แต่ น้อย ราชบุตรเขยสามทอดถอนใจอีกครั้ง “ถึงเจ้าจะชอบมันมาก แต่เวลานี้องค์รัชทายาทน�ำมันไปแล้ว เจ้าก็ อย่าได้นกึ เสียดายไปเลย นีอ่ วีเ้ ยีย่ น ตอนนีข้ า้ ก�ำลังสืบหาหมึกโบราณแท่งอืน่ อยู่ ถ้าเจอของดีจะต้องรีบบอกเจ้าอย่างแน่นอน” จีเ้ ซียวไม่อาจบอกเรือ่ งทีห่ มึกมังกรกลับมาหาตนเมือ่ ค�ำ่ คืนทีผ่ า่ นมา ได้ จึงกล่าวเลี่ยงไปทางอื่น “เรื่องนี้ข้าเข้าใจดี พี่จวิ้นอี้อย่าเก็บมาคิดให้หนักใจเลย” หลังกล่าวประโยคนัน้ จบลง เขาก็สนทนาต่อกับอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อน จะพยายามหาทางตัดบท แล้วรีบเดินจากมา 43


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร นึกไม่ถึงว่าที่ด้านนอกจะมีมหาดเล็กสองนายจากในวังมายืนรอ อยู่ “องค์รัชทายาทมีรับสั่งให้ข้าน้อยทั้งสองมาเรียนใต้เท้าจี้ว่า หลาย วันก่อนพระองค์ทรงยุ่งอยู่กับราชกิจจึงลืมคืนหมึกล�้ำค่าให้กับท่าน ในวันนี้ ขอเชิญใต้เท้าจี้ไปรับหมึกคืนที่วังตงกง องค์รัชทายาทมีพระประสงค์จะ ขอบพระทัยด้วยพระองค์เอง” จี้เซียวได้ฟังแล้วถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง หรือองค์รชั ทายาทจะยุง่ อยูก่ บั ราชกิจจนยังมิรวู้ า่ หมึกมังกรแท่งนัน้ มิได้อยู่ที่วังแล้ว จึงมีรับสั่งให้เขาไปรับคืน หากถึงเวลา พระองค์ทรงหยิบกล่องนั้นออกมาแต่กลับไม่พบแท่ง หมึกมังกร เช่นนี้แล้ว องค์รัชทายาทจะมิเสียหน้าครั้งใหญ่หรอกหรือ ควรท�ำเช่นไรดี? จี้เซียวเดินไปพลาง คิดใคร่ครวญในใจไปพลาง ในที่สุดก็ตัดสินใจ ได้ว่า เมื่อได้กล่องหมึกกลับคืนมาจะต้องรีบถวายบังคมลาโดยไม่เปิดกล่อง และถือเสียว่าการคืนหมึกในครั้งนี้เป็นอันจบสิ้น องค์รัชทายาทไม่ติดค้าง สิง่ ใดกับเขาอีก ถ้าท�ำเช่นนีก้ จ็ ะไม่มผี ใู้ ดต้องเดือดร้อน วิธนี นี้ า่ จะเป็นทางออก ที่ดีที่สุด ในช่วงเวลาทีเ่ ขาคิดวางแผนได้อย่างรอบคอบและลงตัว ประมุขแห่ง วังตงกงก็ปรากฏร่างขึ้นพอดี ดูเหมือนวันนี้องค์รัชทายาทเหยียนเซียงจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ผิด กับตอนงานฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพที่ยังวางองค์สง่างาม แต่ใน เวลานี้กลับตรงเข้ามากุมมือเขาอย่างสนิทสนม “ใต้ เ ท้ า จี้ ใ จกว้ า งดั่ ง มหาสมุ ท ร หลายวั น มานี้ พ ระวรกายของ 44


จู่โร่ว เสด็จพ่อยังคงอ่อนแรง ข้าจ�ำต้องรับหน้าที่ไปว่าราชการแทน จึงไม่มีเวลา สะสางสิง่ ต่างๆ ต้องขออภัยด้วย” พูดจบก็หนั ไปหาขันทีคนสนิท “ยังไม่รบี ไป บอกหลานชิวให้หยิบหมึกโบราณนั่นออกมาอีก” จี้เซียวได้แต่ค้อมศีรษะอย่างอ่อนน้อมแล้วเอ่ยค�ำพูดสวนทางกับ ใจตน “มิกล้าพ่ะย่ะค่ะ หมึกแท่งนั้นมิได้มีค่าอันใด หากองค์รัชทายาทมี พระประสงค์จะเก็บไว้ทอดพระเนตรอีกสักหลายวัน กระหม่อมก็หาได้มี ข้อขัดข้องอันใดไม่พ่ะย่ะค่ะ” เหยียนเซียงเปล่งเสียงหัวเราะเบาๆ “ไหนเลยข้าจะมีเวลาและปัญญาชื่นชม ตั้งแต่เก็บใส่กล่องวันนั้นก็ ยังมิได้หยิบออกมาดูอีกเลย” จากนั้นก็รีบกล่าวขึ้นด้วยความกังวล “อ๊ะ แต่ ใต้เท้าจี้อย่าได้กังวล ข้าหาได้ปล่อยปละละเลยของรักของท่านไม่ ข้าได้ สั่งการให้นางก�ำนัลผู้หนึ่งคอยดูแลอย่างใกล้ชิด นางเป็นคนท�ำงานละเอียด รอบคอบ เชือ่ ได้วา่ แม้แต่ฝนุ่ ธุลกี จ็ ะไม่มที างปลิวไปเปรอะเปือ้ นหมึกแท่งนัน้ ของท่านได้เป็นอันขาด ใต้เท้าจี้โปรดวางใจ” ได้ยินถ้อยค�ำเช่นนั้นแล้วจี้เซียวให้รู้สึกละอายใจจนเหงื่อซึมเต็ม หน้าผาก “ครั้งนี้ต้องท�ำให้องค์รัชทายาททรงตรากตร�ำพระวรกายแล้ว” ไม่นาน นางก�ำนัลหน้าแฉล้มผู้หนึ่งก็เดินประคองกล่องหมึกเข้ามา ในต�ำหนัก นางคุกเข่าลงเบื้องหน้าเหยียนเซียง ทูนกล่องหมึกขึ้นสูงเหนือ ศีรษะแล้วกล่าวด้วยเสียงอ่อนหวานชวนฟัง “องค์รัชทายาทเพคะ หมึกมาแล้วเพคะ” เหยียนเซียงส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างอ่อนใจ 45


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร “เอามาให้ขา้ ท�ำไม นีเ่ ป็นสมบัตขิ องใต้เท้าจี้ ต้องมอบให้เขาต่างหาก” ได้ยินเช่นนั้นจี้เซียวจึงรีบก้าวเข้าไปรับกล่องหมึกโดยทันที ในใจ ร้อนรนจนอยากจะจับกล่องหมึกเจ้าปัญหายัดใส่ในแขนเสื้อเสียตั้งแต่ ตอนนี้ แต่นึกขึ้นได้ว่าการกระท�ำเช่นนั้นน่าจะไม่เหมาะ จึงหันมาโค้งค�ำนับ เหยียนเซียงอีกครั้ง “ขอบพระทัยองค์รัชทายาท” “ใต้เท้าจี้ ท่านจะไม่ลองเปิดกล่องดูหน่อยหรือ” เหยียนเซียงยกยิ้ม คล้ายหยอก “ไม่กลัวว่าข้าจะสลับเอาหมึกปลอมมาคืนท่านหรือไร” “องค์รัชทายาททรงล้อกระหม่อมเล่นแล้ว...” จีเ้ ซียวฝืนยิม้ จนมุมปากเริม่ เกร็ง ค่อยๆ จับกล่องหมึกยัดใส่แขนเสือ้ อย่างเยือกเย็นโดยไม่แสดงท่าทีมีพิรุธ แต่ยิ่งตั้งใจมากก็ยิ่งผิดพลาด ไม่รู้ว่า ชักมือกลับท่าไหนจึงท�ำให้พลาดพลั้งท�ำกล่องหมึกร่วงตกพื้นเสียอย่างนั้น ทั้งห้องพลันเงียบกริบ ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่จุดเดียว... กล่องไม้งามวิจิตรตกกระทบพื้นอย่างแรง ไม่เพียงฝากล่องเปิดอ้า แต่ยังถึงกับแตกร้าว และที่ส�ำคัญ...ภายในกล่องนั้น...ไม่มีแท่งหมึกมังกร แม้แต่เงา! จีเ้ ซียวใจเต้นรัว มือไม้เย็นเฉียบ แต่ตอ้ งฝืนข่มกิรยิ าให้สงบนิง่ ขณะ เอ่ยออกมาแผ่วเบา “เรื่องนี้...” “บังอาจ!” เหยียนเซียงตบเก้าอี้แล้วส่งเสียงแข็งกร้าวตะคอกใส่ เสียงนั้นท�ำเอาจี้เซียวเข่าอ่อนจนแทบทรุด ยังดีที่พอมีสติ จึงได้เห็น ว่าคนที่เหยียนเซียงตะคอกใส่มิใช่ตน ทว่ากลับเป็นหลานชิว นางก�ำนัลที่ คุกเข่าอยู่อีกด้าน 46


จู่โร่ว “ชัว่ ช้า! เจ้าเอาหมึกล�ำ้ ค่าไปซ่อนไว้ทใี่ ด! เหิมเกริมยิง่ นัก คิดจะเล่น ลวดลายกับข้าและใต้เท้าจี้เช่นนั้นหรือ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วหรือไร!” ร่างบอบบางของหลานชิวสะดุ้งเฮือกแล้วพลันตัวสั่นงันงก ขอบตา แดงก�่ำมีน�้ำใสคลอรื้นขณะก้มศีรษะโขกค�ำนับกับพื้นไม่หยุด “ขอองค์รัชทายาทโปรดเมตตา ไว้ชีวิตด้วยเพคะ หม่อมฉันมิกล้า... มิบังอาจเก็บง�ำอ�ำพรางหมึกล�้ำค่านั่น หม่อมฉัน...หม่อมฉันไม่รู้จริงๆ ว่า เพราะเหตุใด...เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้...ทรงเมตตาด้วย ทรงเมตตา ด้วยเพคะ” “ไม่รงู้ นั้ รึ!” เหยียนเซียงตวาดใส่ “หมึกล�ำ้ ค่านัน่ ข้ามอบหมายให้เจ้า เป็นผู้ดูแล ยังมีหน้ากล้ามาบ่ายเบี่ยงว่าไม่รู้อีกงั้นรึ ปากแข็งนักนะ!” ถึงตอนนี้องค์รัชทายาทกริ้วจนตัวสั่น หันไปตะโกนก้อง “ลากมันไป เฆี่ยนให้ตาย!” “องค์รัชทายาทได้โปรดไว้ชีวิตด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันไม่รู้...ไม่รู้จริงๆ เพคะ องค์รัชทายาททรงโปรดเมตตาด้วย...” หลานชิวคร�ำ่ ครวญวิงวอนขอชีวติ ทว่ามิอาจขัดขืนฝืนแรงดึงทึง้ ของ เหล่าชายหนุ่มรูปร่างก�ำย�ำที่ตรงรี่เข้ามาลากตัวนางออกไปตามค�ำสั่งได้ “องค์รัชทายาท!” จีเ้ ซียวซึง่ ยืนตะลึงอยูค่ รูใ่ หญ่ ด้วยตกใจกับเหตุการณ์ทกี่ ลับตาลปัตร ชนิดไม่ทนั ได้ตงั้ ตัวเพิง่ ได้สติ เหงือ่ เย็นๆ ไหลโซมกาย ถึงกระนัน้ ก็กดั ฟันกราก เข้าไปคุกเข่าขอร้อง “ขอพระองค์ทรงเมตตา ไว้ชวี ติ นางก�ำนัลผูน้ ดี้ ว้ ยเถิดพ่ะย่ะค่ะ หมึก เอ่อ หมึกแท่งนี้สูญหายไปอย่างมีเงื่อนง�ำ กระหม่อมจึงคิดว่าไม่น่าจะเป็น ฝีมือของนางหรอกพ่ะย่ะค่ะ” 47


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร เหยียนเซียงหันมามองร่างของอาลักษณ์ที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วย แววตาเยือกเย็น “ถ้าเช่นนั้นใต้เท้าจี้ก็หมายความว่า...ในวังของข้าน่าจะยังมีสุนัข ขี้ขโมยตัวอื่นอีกงั้นหรือ เอาละ ช่างเถอะ เรื่องนี้ข้าจะไต่สวนด้วยตนเอง แต่ อย่างไรมันผู้นี้ก็ถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่ ดูแลข้าวของข้าไว้ไม่ได้ ด้วยสาเหตุ นี้มันจึงสมควรตาย ใต้เท้าจี้มิจ�ำเป็นต้องออกหน้าขอร้องแทนหรอก” “หา...หามิได้พ่ะย่ะค่ะ” จีเ้ ซียวยังคงยืนกราน เพราะความรูส้ กึ ทีจ่ ริงแท้ในใจของเขาคือมิควร มีผู้ใดต้องมาสูญเสียชีวิตไปเพราะแท่งหมึกมังกรเป็นเหตุ! มือทั้งสองของ อาลักษณ์หนุ่มถูกก�ำแน่นเพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วย น�้ำเสียงมั่นคง “ทูลองค์รชั ทายาท...ตอนนีห้ มึกนัน่ ...หมึกมังกรแท่งนัน้ ...อยูใ่ นบ้าน ของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ!” เขาไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบตามองอีกฝ่ายขณะ กัดฟันกล่าวต่อ “มัน...มันเป็นแท่งหมึกประหลาดที่มีชีวิต จิตวิญญาณ และ ผูกพันกับเจ้าของมาก ดังนั้น..มันจึงลอบกลับไปหากระหม่อมเอง นางก�ำนัล ผู้นี้มิได้มีความผิดอันใดเลย ขอพระราชทานอภัยที่กระหม่อมมิได้กราบทูล ตั้งแต่ต้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ขอองค์รัชทายาท...ทรงลงอาญากระหม่อมเถิด พ่ะย่ะค่ะ!” ทัง้ ทีค่ ดิ ไว้วา่ อีกฝ่ายอาจโกรธเกรีย้ วจนตวาดเสียงดัง แต่เหยียนเซียง กลับรับฟังด้วยท่าทีนิ่งสงบ มีเพียงความประหลาดใจปรากฏอยู่บนสีหน้า “ท่านอาลักษณ์ นี่ท่านก�ำลังจะบอกข้าว่า...หมึกแท่งนั้นมีขา และ สามารถเดินกลับไปหาท่านเองได้เช่นนั้นหรือ” จี้เซียวผงกศีรษะรับแล้วกล่าวย�้ำ 48


จู่โร่ว “เรื่องนี้จะว่าไปแล้วก็ดูเหลือเชื่อ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นความจริง พ่ะย่ะค่ะ ขอพระองค์โปรดทรงไว้ชีวิตนางด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนเซียงหรี่ตาคมกริบคู่นั้นลงเล็กน้อย แล้วกล่าวด้วยน�้ำเสียง เนิบๆ “ท่านกล่าวเช่นนีม้ เิ ท่ากับหมายความว่า ข้าคุณธรรมต�ำ่ ต้อย กระทัง่ ผีสางยังมิกล้าย่างกรายเข้ามาใกล้ แม้แต่แท่งหมึกก็ยงั ไม่อยากอยูร่ ว่ มด้วย... ใช่หรือไม่!” ได้ยนิ เช่นนัน้ จีเ้ ซียวถึงกับผงะ ตกใจจนหน้าซีดมือสัน่ แล้วรีบลนลาน กล่าวชี้แจง “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมปากพล่อยเอง เรื่องนี้มิได้เกี่ยวข้อง อันใดกับคุณธรรมบารมีของพระองค์เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่...หมึกแท่งนั้น กับกระหม่อม...ผูกสัมพันธ์กันแน่นแฟ้น ดังนั้นจึง...” “พอ! หยุดพูดได้แล้ว!” เหยียนเซียงเชิดคางขึ้นอย่างถือดี แล้วกล่าวด้วยน�้ำเสียงเยียบเย็น “เอาละ ข้าจะไม่เอาผิดท่านในเรื่องนี้ แต่จงน�ำหมึกแท่งนั้นมามอบ ให้กับข้า ข้าจะดูสิว่าครั้งนี้มันจะกลับไปหาท่านได้อีกหรือไม่” “องค์รชั ทายาท!” จีเ้ ซียวตกใจจนเผลอเงยหน้าขึน้ กะทันหัน แล้วรีบ โขกศีรษะลงอย่างรวดเร็ว “หมึกดีมีค่าในเรือนกระหม่อมมีอีกมากมายนัก ยินดีให้พระองค์เลือกสรรได้ตามพระทัย เว้นแต่หมึกมังกรแท่งนัน้ กระหม่อม... กระหม่อมถวายให้มิได้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!” ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ รอบข้างเงียบสงัดจนแทบจะได้ยินเสียง ใบไม้ปลิดปลิว ความเงียบงันอันหนักหน่วงช่างยาวนานจนเหลือจะทานทน หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่เหยียนเซียงจึงทอดถอนลมหายใจยาว 49


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร “จี้เซียว เจ้านี่มันช่าง...บังอาจนัก!” “กระหม่อม...” จี้เซียวเงยหน้าขึ้น แม้จะหวาดกลัวจนจับจิต แต่เมื่อเห็นท่าทางที่ พร้อมจะบีบบังคับข่มขู่ของเหยียนเซียงเข้าเต็มสองตา นิสัยดื้อรั้นไม่ยอมคน ก็โผล่ผุดจนยากจะฉุดไว้ได้ “องค์รัชทายาท กระหม่อมใคร่ขอทูลตามตรง เดิมทีหมึกมังกรแท่ง นีเ้ ป็นสมบัตขิ องกระหม่อม แม้พระองค์จะทรงมีฐานะสูงส่ง แต่กห็ ามีเหตุอนั ชอบธรรมในการทีจ่ ะบังคับริบทรัพย์ของกระหม่อมไม่ หากความนีแ้ พร่งพราย ออกไปทั่ววังจนถึงนอกวัง กระหม่อมเกรงว่า...จะเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ไม่น้อย” เหยียนเซียงได้ยินแล้วถึงกับค้อมเอวลงต�่ำ เหยียดยิ้มมุมปากอย่าง น่าหวัน่ เกรง ใบหน้าสูงศักดิโ์ น้มเข้ามาใกล้ตวั เขาจนเกือบชิด จ้องดูอยูค่ รูห่ นึง่ จากนั้นจึงยืดตัวขึ้น แล้วหันหลังกล่าวด้วยน�้ำเสียงนิ่งสงบ “ส่งใต้เท้าจี้!” หลังจากไปก�ำแหงอวดดีทวี่ งั รัชทายาทในตอนกลางวัน พระอาทิตย์ ยังมิทันจะลับขอบฟ้า จี้เซียวก็เริ่มรู้สึกส�ำนึกผิดขึ้นมา แม้เขาจะไม่ค่อยรู้ ตืน้ ลึกหนาบางในแวดวงราชการ แต่กร็ ดู้ แี ก่ใจว่าสิง่ ทีท่ ำ� ลงไปนัน้ เท่ากับข่มขู่ และตัง้ ตนเป็นศัตรูกบั องค์รชั ทายาท เช่นนีแ้ ล้ว หน้าทีก่ ารงานคงจะต้องตกต�ำ่ เป็นแน่ เพียงแต่ยังมิรู้ว่ารัชทายาทที่คุ้มดีคุ้มร้ายผู้นั้นจะตอบโต้เขาอย่างไร ครุ่นคิดอยู่หลายตลบ แต่ก็มิรู้ว่าควรจะคิดอ่านประการใด คิดจน กระทั่งมีอาการปวดหัวเข้ามารุมเร้า แม้แต่การวาดเรียนเขียนอักษรที่แสน โปรดปรานในยามปกติ ในเวลานี้เห็นแล้วก็มีแต่ความเหนื่อยหน่าย ได้แต่ 50


จู่โร่ว ทอดถอนใจกับแสงเทียนบนโต๊ะ รูส้ กึ ตัวว่ามีอกี ร่างหนึง่ อยูด่ ว้ ยก็เมือ่ ฝ่ามือนัน้ วางลงมาบนไหล่ ตาม ด้วยเสียงกระซิบแผ่ว “อวี้เยี่ยน” จี้เซียวทอดถอนหายใจบางเบา “วันนี้ข้าไปวังตงกงขององค์รัชทายาทมา” พออยู่ต่อหน้าปีศาจตนนี้ ความขลาดกลัว ความคับข้องขุ่นเคืองที่ อัดอั้นตันใจทั้งหลาย ก็ดูเหมือนจะไม่อาจเก็บซ่อนไว้ได้อีก เรื่องทั้งหมดจึง พรัง่ พรูออกมาราวกับท�ำนบกัน้ น�ำ้ ทีพ่ งั ทลาย พอเล่าถึงตอนทีน่ างก�ำนัลผูน้ นั้ ถูกลากออกไปเฆีย่ นปางตาย ความรูส้ กึ เจ็บแปลบก็คล้ายจะแล่นริว้ ขึน้ มาจน เสียวสันหลังวาบ “หากคนผู้นี้ได้ปกครองแผ่นดิน จะต้องมิใช่กษัตริย์ที่ทรงคุณธรรม เป็นแน่ เขาบังคับให้ข้ามอบเจ้าให้กับเขา ข้า...ไม่มีวันยอม...ไม่มีวันยอม อย่างแน่นอน” หลงโม่นิ่งฟังตั้งแต่ต้นจบจนด้วยอาการสงบนิ่ง แม้แต่ขนคิ้วยังไม่ กระดิกเลยสักนิด ฝ่ามือใหญ่ลูบหลังคอของจี้เซียวไปมาด้วยท่าทางคล้าย ปลอบโยน ทว่าพอได้ยินประโยคแสนดื้อดึงนั้นก็หลุดเสียงหัวเราะออกมา เบาๆ อย่างมิอาจกลั้น “ขอบใจเจ้ามาก” “ไม่ต้องขอบใจ” จี้เซียวส่ายหน้าไปมาอย่างรวดเร็ว “เจ้าเป็นของ ส�ำคัญ ข้าย่อมไม่ยอมให้ตกไปอยู่ในมือคนพรรค์นั้นได้อยู่แล้ว...” มือที่ลูบไล้ปลอบโยนหยุดชะงัก เปลี่ยนเป็นดึงร่างผอมบางเข้ามา กอดไว้เต็มวงแขน แนบลมหายใจอุ่นกระซิบที่ริมหูนุ่มของอีกฝ่าย 51


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร “อวี้เยี่ยน เจ้าช่างดีเหลือเกิน...” จี้เซียวตกใจจนสะดุ้ง แต่กลับมิได้รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย ตรง กันข้าม กลับรูส้ กึ เสน่หาอาลัยในไออุน่ นัน้ ขึน้ มาอย่างบอกไม่ถกู ความอึดอัด ขัดเขินในกาลก่อนจางหาย สองมือของอาลักษณ์หนุม่ จึงสอดเข้าไปโอบกอด ตอบแผ่นหลังนัน้ แผ่วเบา ทัง้ ทีเ่ นือ้ ตัวร้อนผ่าว แต่อารมณ์อนั คุกรุน่ กลับพลัน สงบลงได้ในอ้อมแขนอบอุ่นนั้น จี้เซียวตกอยู่ในภวังค์หวานล�้ำจนมิทันสังเกตเห็น แววตาอันลึกล�้ำ อย่างหาดูได้ยากยิ่งของหลงโม่

52


3 กาลเวลาเปลี่ยนเวียนผันมาถึงปลายวสันตฤดู เมืองหลวงในยามนีจ้ งึ มีฝนตกลงมาไม่ขาดสาย ประจวบกับเป็นวัน คล้ายวันพระราชสมภพขององค์ไทเฮา เหล่าข้าราชการจึงได้หยุดงานสามวัน บรรดาเสมียนอาลักษณ์ในวังต่างเริงร่าดีใจ พากันออกไปเที่ยวส�ำราญตาม ชานเมือง ขับล�ำน�ำร�่ำถึงหยาดพิรุณที่สาดซัดลงมาเป็นเส้นสาย ทว่าราชบุตรเขยสามนามจวิ้นอี้ที่แต่ไหนแต่ไรมีใจนิยมในการ เที่ยวเตร่เฮฮา บัดนี้กลับโผล่หน้าเคร่งเครียดมาที่บ้านของจี้เซียวสหายสนิท หลังจากพร�่ำบ่นอยู่กับเจ้าบ้านในห้องต�ำราได้สักพัก ยังมิทันได้กินข้าวปลา ก็รีบควบม้าตะบึงกลับออกไป ส่วนเจ้าบ้านจีเ้ ซียวนัน้ พอเดินออกมาจากห้องต�ำราก็มสี หี น้าไม่สดู้ ี หลังจากเรียกพ่อบ้านมาสอบถามเรื่องบัญชีแล้วก็กลับเข้าไปตรวจตรา ทรัพย์สินภายในบ้าน มิรู้ว่าคิดอ่านการใด ยามผูค้ นหลับลึกดึกสงัด หลงโม่ยงั คงมาเยีย่ มเยือนเช่นเคย พอเห็น 53


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร อาลักษณ์หนุ่มสวมใส่เพียงเสื้อผ้าไหมเนื้อบาง นั่งเหม่อลอยฟังเสียงฝน ซัดสาดอยู่ตรงริมหน้าต่าง ใบหน้าอ่อนโยนเจือความหงอยเหงาเศร้าสร้อย ก็ให้รู้สึกเสน่หาว่าน่าเอ็นดูยิ่งนัก “อวี้เยี่ยน คิดอันใดอยู่หรือ” หลงโม่โน้มตัวลงเล็กน้อย ก�ำลังจะยืน่ มือมาโอบกอดคนตรงหน้า แต่ ยังมิทันได้ท�ำตามคิดก็ถูกผลักไสและส่งเสียงขับไล่ด้วยท่าทีเย็นชา “ข้ามีเรื่องกลุ้มใจ เจ้าอย่าเพิ่งมากวนใจ “ “เรื่องกลุ้มใจ? เหตุใดไม่เล่าให้ข้าฟังบ้าง” หลงโม่ทรุดลงนั่งพิงตัวตามสบายกับขอบหน้าต่าง แม้ปากจะพร�่ำ พูดถ้อยค�ำแสดงความห่วงใย ทว่าสายตากลับจับจ้องอยู่ที่ล�ำคอขาวสะอาด จนถึงกระดูกไหปลาร้าใต้สาบเสื้อหลวมๆ ไม่วางตา “ข้าได้ยินมาว่า...” น�้ำเสียงเบาแผ่วฟังคล้ายกลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน “หลายเดือนมานีท้ เี่ มืองเหยีย่ นโจวไม่มฝี นตกลงมาเลยสักหยด นีก่ ถ็ ึงเวลาที่ ต้องเริ่มเพาะปลูกแล้ว หากยังแห้งแล้งอยู่เช่นนี้ คงไม่มีผลผลิตให้เก็บเกี่ยว เป็นแน่” คิ้วเข้มของหลงโม่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “เหยี่ยนโจว? อยู่หนใดหรือ ใกล้กับเมืองหลวงหรือไม่ ถ้าที่นั่นไม่มี พืชพันธุ์ธัญญาหารแล้วจะกระทบถึงเจ้าเช่นนั้นหรือ” “ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของข้า” จี้เซียวพึมพ�ำบอก จากนั้นจึงกล่าวต่อ เสียงเบา “ข้าเป็นเพียงข้าราชการจนๆ คนหนึง่ มิรจู้ ะคิดอ่านช่วยเหลือประการ ใด ท�ำได้แค่เพียงเก็บเล็กผสมน้อย รอให้พี่จวิ้นอี้รวบรวมสมัครพรรคพวก ได้เพียงพอ หวังว่าคงจะสามารถระดมเสบียงล�ำเลียงอาหารไปช่วยเหลือ ชาวบ้านที่ทุกข์ยากได้ก่อนเข้าฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว” 54


จู่โร่ว หลงโม่ยังคงท�ำหน้าฉงน “นี่เป็นปัญหาปากท้องของราษฎร เหตุใดฮ่องเต้ของพวกเจ้าจึงไม่ จัดการ” “ราชส�ำนักจะแจกจ่ายเสบียงอาหารก็เมื่อเกิดเหตุเภทภัยหนักหนา สาหัส อีกทั้งยังต้องรอถวายฎีกาฝ่าบาท ต้องรอให้กรมคลังตรวจสอบจน ถ้วนถี่ หลังจากเห็นชอบแล้วจึงจะถวายให้ทรงลงพระปรมาภิไธยอีกครั้ง มากมายหลายขั้นตอนนัก ต้องเสียเวลามิใช่น้อย กว่าจะเสร็จเรื่องมิรู้ว่าจะ ต้องอดตายกันอีกกี่ชีวิต” แววตาหม่นหมองของจี้เซียวเหม่อมองไปไกล ราวกับก�ำลังหวน คิดถึงช่วงชีวิตที่ยากล�ำบากในอดีต โดยมิได้กล่าวอันใดต่อไปอีก “ภัยธรรมชาตินั้นยากที่แรงมนุษย์จะต้านทาน อวี้เยี่ยน การที่เจ้า กลัดกลุ้มอยู่เช่นนี้หามีประโยชน์ไม่ มิสู้ผ่อนคลายดูเสียหน่อยเล่า” หลงโม่โน้มน้าวด้วยเสียงอ่อนโยน จากนัน้ จึงลุกขึน้ ยืนแล้วเดินตรง เข้าไปหา จับเส้นผมที่ยาวสลวยถึงกลางหลังขึ้นสางเล่น พอเห็นว่าอีกฝ่าย มิได้ผลักไส ก็ก้มหน้าลงไปจูบไซ้ตรงล�ำคอ เพียะ! เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่น ที่ตามมาในฉับพลันคือรอยมือที่ ปรากฏบนผิวแก้ม ตบฉาดนี้ของจี้เซียวรุนแรงจนหลงโม่ถึงกับมึนงงไปครู่หนึ่ง พอเงย หน้าขึ้นมอง จึงเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “เหยีย่ นโจวเป็นบ้านเกิดข้า บิดามารดาข้าต้องอดอยากหิวโหยตาย อยู่ที่นั่นก็เพราะภัยแล้ง บัดนี้ข้าได้รับรู้ว่าภัยพิบัติอันโหดร้ายหวนกลับมา อีกครา ผู้คนในหมู่บ้านล้วนไม่ต่างจากญาติพี่น้องของข้า เจ้าลองบอกมา ทีเถิดว่าเช่นนี้แล้วจะมิให้ข้าทุกข์ร้อนได้อย่างไร” 55


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร หลงโม่ยังคงกล่าวด้วยน�้ำเสียงและสีหน้าเรียบเฉย “ทั้งภัยแล้ง ทั้งอุทกภัย ในใต้หล้ามีมาแต่โบราณตามกาลหมุน เปลีย่ น เพียงแต่ครัง้ นีเ้ วียนมาถึงเหยีย่ นโจวเท่านัน้ เกิดตายภัยพิบตั ลิ ว้ นเป็น ชะตาฟ้าก�ำหนด เจ้าจะกลุ้มอกกลุ้มใจไปท�ำไมกัน” พูดจบยังอ้าปากหาวหวอดปิดท้ายอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วยืน่ มือ ไปดึงมือจี้เซียว “ช่วงนี้เจ้าได้หยุดพักมิใช่หรือ นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเราควรต้องรีบ พักผ่อนจึงจะถูก” ได้ฟงั ถ้อยค�ำและเห็นอากัปกิรยิ าเช่นนัน้ ท�ำเอาจีเ้ ซียวถึงกับโมโหจน ตัวสั่น สะบัดอีกฝ่ายออกในทันที “ใช่สิ! เจ้ามันปีศาจไร้เทือกเถาเหล่ากอ กระทั่งส�ำนึกรักแผ่นดินถิ่น ก�ำเนิดก็หามีไม่ ในหัวคงมีแต่เรือ่ งพรรค์นนั้ เพียงอย่างเดียว! เสียดายเรีย่ วแรง ที่ข้าหลงระบายความในใจ ที่แท้ก็ดีดพิณให้วัวฟัง1โดยแท้” สีหน้าเรียบเฉยของหลงโม่แปรเปลีย่ นไป ริมฝีปากขยับคล้ายจะพูด อะไรบางอย่าง ทว่าจี้เซียวกลับหันหลังให้อย่างไม่คิดจะสนใจอีก “ออกไปให้พ้น ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า!” เพราะมีพนื้ ฐานจิตใจเป็นคนอ่อนโยน ไม่เคยอาฆาตแค้นผูใ้ ด ดังนัน้ เพียงวันรุ่งขึ้นจี้เซียวก็หายโกรธหลงโม่เป็นปลิดทิ้ง มิหน�ำซ�้ำยังรู้สึกผิดที่ ก่นด่าอีกฝ่ายไปอย่างรุนแรง เมื่อทบทวนแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าหมึกมังกรแท่งนั้นเพิ่งกลายร่าง คง ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวในโลกมนุษย์ ค�ำพูดที่กล่าวออกมาก็คงเป็นไปตาม ดีดพิณให้วัวฟัง ตรงกับสุภาษิตไทยว่า สีซอให้ควายฟัง

1

56


จู่โร่ว สั ญ ชาตญาณตามธรรมชาติ ที่ สั่ ง สม ถ้ อ ยค� ำ เสี ย ดสี ที่ อ อกจากปากตน ต่างหาก ที่มิรู้ว่าจะไปท�ำร้ายจิตใจอีกฝ่ายเข้าหรือไม่ พอคิ ด ได้ เ ช่ น นั้ น ก็ ใ ห้ พ ะวั ก พะวน รู ้ สึ ก ราวกั บ เวลาเดิ น ช้ า เสี ย เหลือเกิน พอล่วงเข้าถึงยามดึก อาลักษณ์หนุ่มจึงจงใจจุดเทียนให้ส่องสว่าง ไปทั่วห้อง เพื่อเฝ้ารอดูบุรุษชุดด�ำผู้นั้นผลักประตูเดินเข้ามาหา หัวเราะ เสียงแผ่วแล้วส่งเสียงกระซิบเรียก ‘อวี้เยี่ยน’ เหมือนเช่นเคย ท่อนแขนแข็งแรงสวมกอดจากด้านหลัง โน้มใบหน้าลงมาซุกไซ้กับ หน้าผากเขาเบาๆ พร้อมกับพึมพ�ำด้วยเสียงทุ้มต�่ำ “อวี้เยี่ยน ยังโกรธข้าอยู่รึเปล่า” “ไม่” จี้เซียวพลิกตัวหันกลับไปกอดอีกฝ่ายด้วยท่าทางส�ำนึกผิด “เป็นข้าที่มิควรจะอารมณ์เสียใส่เจ้า” ทั้งที่เป็นการกล่าวขออภัยด้วยใจบริสุทธิ์ แต่ไม่ว่ารู้เป็นเพราะ เหตุใด พอหลงโม่ได้ฟงั ก็ดนั ตัวเขาออก สีหน้ากรุม้ กริม่ แปรเปลีย่ นเป็นเย็นชา อย่างที่ไม่เคยปรากฏ “พวกมนุษย์ช่างปรวนแปรเสียจริง เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย!” พูดจบก็หายตัวไป ไม่เหลือแม้เงา... เมื่อปราศจากอ้อมแขนแข็งแกร่งห่อหุ้ม ความหนาวเย็นก็พลันวิ่ง เข้าเกาะกุมทั่วสรรพางค์ จี้เซียวสะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันใด ถึงตอนนี้จึงเพิ่งรู้ว่า ทุกสิ่งเป็นความฝัน เขาเหลียวมองไปภายนอก ฟ้าก�ำลังเริม่ สาง ตัวเขานอนหมอบรออยู่ ที่โต๊ะตลอดคืน น�้ำตาเทียนเย็นจนจับตัวกันเป็นก้อนซ้อนกันเป็นชั้น ค�่ำคืน เดียวดายที่มีเพียงความเหน็บหนาวอันร้าวราน จี้เซียวคิดแล้วก็อดที่จะทอด ถอนใจออกมาไม่ได้ 57


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร หลายวันผ่านไป ยังคงปราศจากวี่แววของหลงโม่ แท่งหมึกวางนิ่ง อยู่ในกล่องบนโต๊ะ ส่องแสงสีม่วงครามวาววับจับตาทั้งเวลากลางวันและ กลางคืน ดึกดืน่ ค�ำ่ คืนเงียบสงัด จีเ้ ซียวกุมแท่งหมึกนัน้ ไว้แนบอก ขณะพึมพ�ำ เสียงแผ่ว “หลงโม่ เจ้าออกมาหาข้าได้หรือไม่” ไม่มีเสียงตอบกลับอื่นใด นอกจากความเงียบงัน เขาลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเอาหมึกนั้นกลับไปวาง ในกล่อง ร�ำพึงเสียงแผ่วกับตนเอง “ข้า...อยากพบเจ้า” เอกสารฉบับหนึ่งในหอจดหมายเหตุกล่าวไว้ว่า เหล่าภูตผีปีศาจล้วนมองเห็นได้เพียงรางๆ หาได้สัมผัสจับต้องกัน โดยง่ายไม่ โอกาสที่จะได้พบนั้นก็แสนยาก ต�ำนานอันว่าด้วยเรื่องผู้คง แก่เรียนถูกผีแม่ม่ายอ�ำพรางล่อลวงล้วนเล่าตรงกันว่า ท้ายที่สุดหลังจาก ถูกมอมเมาให้หลงรักหัวปักหัวป�ำแล้ว คนผู้นั้นก็มิพ้นที่จะต้องตรอมใจตาย เห็นทีวา่ คราวนีต้ วั เขาคงหลงเดินย�ำ่ ซ�ำ้ รอยผูอ้ าวุโสเหล่านัน้ มากว่า ครึง่ ทาง จีเ้ ซียวร�ำพึงขณะเก็บม้วนต�ำราเก่าคร�ำ่ ให้เข้าที่ แล้วเดินออกจากคลัง ต�ำราด้วยท่าทางสลดหดหู่ เมื่อแหงนหน้ามองท้องฟ้า จึงพบว่าเพิ่งเป็นเวลา เที่ยงวัน แต่ท้องฟ้ากลับมืดครึ้มราวกับว่าอีกไม่นานน่าจะมีฝนตกลงมา ห่าใหญ่ เมื่อรุ่งเช้าตะวันยังทอแสงเจิดจ้า ตัวเขาเองถึงกับน�ำต�ำราไปปูลาด ตากแดดไว้ตามเฉลียงระเบียงทางเดิน มิรู้ว่าป่านนี้จะมีบ่าวไพร่เก็บให้ หรือไม่ จี้เซียวรู้สึกเป็นกังวล จึงขอลากลับก่อนเวลา แล้วรีบตรงดิ่งกลับไป ที่บ้าน ทว่าขณะสาวท้าวอย่างเร่งรีบอยู่บนเส้นทางสั้นๆ จากหออาลักษณ์ 58


จู่โร่ว ถึงตัวเรือน ท้องฟ้าที่มืดครึ้มกลับค่อยๆ สว่างกระจ่างใส หมู่เมฆด�ำกระจาย หายไปไม่เหลือร่องรอย เพียงครู่เดียว ผืนฟ้าก็พลันสาดแสงแรงกล้า บรรดา บ่าวไพร่ทยี่ นื เก็บกวาดอยูห่ น้าประตู พอเห็นว่าเจ้านายกลับเร็วกว่าปกติดว้ ย ท่าทางเร่งร้อน ก็ท�ำสีหน้าประหลาดใจแล้วเอ่ยปากถามไถ่ “เหตุใดนายท่านจึงกลับมาเวลานี้ล่ะขอรับ” บ่าวผู้นั้นแหงนใบหน้า ขึน้ ดูทอ้ งฟ้า “จริงด้วยสิ วันนีท้ อ้ งฟ้าอากาศดูประหลาดชอบกล ราวกับฝนฟ้า ในเดือนหกเลยนะขอรับ” จี้เซียวแหงนหน้าขึ้นมองผืนฟ้าอีกครั้ง แต่ก็หาสาเหตุไม่พบ อีกทั้ง ยังขบไม่แตกว่าเป็นเพราะเหตุใดท้องฟ้าถึงแปรปรวนเช่นนั้น จึงเพียงแค่ พยักหน้าอย่างเห็นพ้อง แล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน ม้วนต�ำรายังคงวางลาดเรียงรายตามเฉลียงทางเดินอย่างเป็น ระเบียบ แต่ทว่าหน้าต่างห้องนอนของเขากลับเปิดอยู่ ดูคล้ายกับถูกบางอย่าง กระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงจนกระดาษปิดหน้าต่างถึงกับขาดออกครึ่งหนึ่ง พยานหลักฐานยังห้อยร่องแร่งให้เห็นอยู่กับตา จี้เซียวใจหายวาบ...หรือโจรผู้ร้ายจะปีนป่ายเข้ามายกเค้า คิดได้ ดังนั้นจึงรีบเปิดประตูเข้าไปดูในห้อง แสงแดดอุ่นสาดส่องให้เห็นร่างมนุษย์ผู้หนึ่งนอนขดตัวอยู่บนเตียง ผ้าม่านตรงหัวเตียงถูกดึงลงมาห่มห่อบนร่างนัน้ อย่างลวกๆ สภาพทีไ่ ด้เห็นดู ราวกับได้รับบาดเจ็บมาอย่างสาหัส จิตใต้สำ� นึกสัง่ ให้จเี้ ซียวเรียกบ่าวไพร่ แต่เมือ่ เพ่งพินจิ เห็นผมสีหมึก ยาวสยายปรกหมอนไปจนถึงขาเตียง ในใจก็พลันสะท้าน รีบสาวเท้าตรง เข้าไปหา แล้วก็เป็นดังคาด... หลงโม่! 59


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร “หลงโม่ เจ้าเป็นอะไร” พอแหวกผ่านม่านบังเตียงเข้าไป ใบหน้าหล่อเหลาของผู้ที่เฝ้ารอก็ ปรากฏให้เห็นชัดกับสายตา ผิวหน้าเนียนขาวตอนนี้ซีดเผือด ลายมังกร ทองบนหน้าผากที่เคยเปล่งประกายกลับรางเลือน ร่างกายแข็งแรงก�ำย�ำดู อ่อนระโหย จนเมื่อมืออุ่นของจี้เซียวยื่นไปสัมผัสแผ่วเบาที่ผิวแก้ม ร่างนั้นจึง ฝืนลืมตาขึ้น ได้ยินเสียงครางแผ่วในล�ำคอ “อวี้...เยี่ยน” “ท�ำไม...เหตุใดเจ้ากลายเป็นเช่นนี”้ จีเ้ ซียวเอามือแตะไปตามเนือ้ ตัว ของอีกฝ่ายอย่างร้อนรน “ผู้ใดท�ำร้ายเจ้า หรือว่า...มีผู้ใดมาขโมยหมึก!” หลงโม่ส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง “ไม่...หมึกยังอยูบ่ นโต๊ะ” มือใหญ่คว้าแขนเขาไว้คล้ายเป็นทีย่ ดึ เหนีย่ ว “เจ้า...ฟังข้านะ...” “ได้ เจ้าจะพูดอะไร พูดมาสิ!” จิตใจจี้เซียวก�ำลังว้าวุ่น เขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความกังวลจนท�ำ อะไรไม่ถูก “เจ้าจงน�ำหมึกมังกรแท่งนั้นไปแช่ไว้ในโอ่งที่ใส่น�้ำจนเต็ม จากนั้น จงหาก้อนหินมาปิดทับไว้ ภายในเจ็ดวันนี้ ห้ามเปิดออกเด็ดขาด!” ร่างที่นอนอ่อนระโหยอยู่บนเตียงฝืนยันตัวขึ้น โดยมีจี้เซียวช่วยโอบ ประคอง “หลายวันจากนี้ไปข้าไม่อาจมาพบหน้าเจ้า แต่เจ้ามิต้องเป็นกังวล ไป เอ้า รีบไปจัดการเร็วเข้า!” จี้เซียวฟังแล้วรู้สึกสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก แม้อยากจะซักถาม ให้กระจ่างใจ แต่เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดปราศจากสีของหลงโม่เร่งเร้า เขาก็ 60


จู่โร่ว พูดไม่ออก ได้แต่ผงกศีรษะรับค�ำแล้วสาวเท้าออกไปอย่างรีบร้อน อาลักษณ์หนุ่มเดินถือหมึกแท่งส�ำคัญมาที่หลังบ้าน ปกติบริเวณนี้ จะมีโอ่งใบใหญ่ที่ใส่น�้ำจนเต็มอยูห่ ลายใบเพื่อส�ำรองน�ำ้ ไว้ใช้ยามจ�ำเป็น น�ำ้ ในโอ่งล้วนเป็นน�้ำสะอาดที่ชักรอกขึ้นมาจากบ่อทั้งสิ้น จึงใสเสียจนมองเห็น ถึงก้นโอ่งได้อย่างชัดเจน จี้เซียวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจหย่อนแท่งหมึกลงในโอ่ง อย่างระมัดระวัง หลังจากปิดฝาแล้วก็นึกถึงถ้อยค�ำก�ำชับของหลงโม่ขึ้นมา ได้ จึงเรียกหาบ่าวชราทีไ่ ว้ใจได้คนหนึง่ ให้นำ� เอาก้อนหินหนักๆ มาทับฝาโอ่ง ไว้ และสั่งให้เฝ้าดูอยู่ตลอดทั้งเจ็ดวันอย่าให้คลาดสายตา เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ ก็รีบกลับไปที่ห้องนอน บนเตียง เหลือเพียงที่นอนหมอนมุ้งยุ่งเหยิง โดยปราศจากเงาร่างของหลงโม่! วันที่สิบเดือนห้า มีสาส์นรายงานมาจากเมืองเหยีย่ นโจวซึง่ แห้งแล้งติดต่อกันมานาน หลายเดือนว่า จู่ๆ ที่เมืองนั้นก็เกิดฝนตกหนักในช่วงเพาะปลูก โดยตกติดต่อ กันเป็นเวลานานถึงห้าวันห้าคืน ไพร่ฟ้าประชาชนทั่วทั้งเมืองต่างโห่ร้องด้วย ความยินดี ตอนท้ายของสาส์นฉบับนี้ยังมีข้อความยาวเฟื้อยหลายพันตัว อักษร กล่าวแซ่ซ้องสดุดีพระเกียรติยศตามธรรมเนียม เนื้อความกล่าวไว้ว่าด้วยพระเจ้าจักรพรรดิ์หมิงตี้ทรงมีคุณานุคุณ หาที่ สุ ด มิ ไ ด้ กอปรด้ ว ยบารมี ธ รรมอั น ยิ่ ง ใหญ่ ปรกแผ่ ไ พศาล อาณา ประชาราษฎร์จึงอยู่สุขส�ำราญ บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขทุกคืนวัน จวิ้นอี้ที่ยืนฟังสาส์นนั้นอยู่ด้านล่างได้ยินแล้วเกือบจะอ้าปากหาว หวอดออกมา ต้องรีบฝืนตัวเองให้ส�ำรวมไว้ รอให้ขุนนางเฒ่าที่พยุงสังขาร 61


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร งกเงิ่นอ่านรายงานต่อจนจบ เบื้องหลังม่านอันเป็นบัลลังก์ของฮ่องเต้มี เสียงไอลอดออกมาให้ได้ยินเป็นระยะ ตามปกติที่จวิ้นอี้เคยเข้าเฝ้า ถ้าไม่มีราชการงานส�ำคัญใด เวลานี้ ควรจะเลิกประชุมขุนนางได้แล้ว ทว่าวันนีก้ ลับไม่เป็นเช่นปกติ เพราะจูๆ่ องค์ รัชทายาทเหยียนเซียงก็ก้าวออกมายืนอยู่ตรงด้านล่างของบันไดหยก แล้ว กราบทูลเสียงดังกังวาน “เสด็จพ่อ หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูลให้ทรงทราบพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทนิ่งไปชั่วครู่ แล้วกล่าวต่อ “เมือ่ สองเดือนก่อน เสด็จพ่อมีรบั สัง่ ให้หม่อมฉันด�ำเนินการตรวจสอบ เรือ่ งคดีลำ� เลียงเสบียงทางน�ำ้ หม่อมฉันมิกล้านิง่ นอนใจจึงได้ดำ� เนินการอย่าง รวดเร็ว หลังจากไต่สวนโดยละเอียดถีถ่ ว้ นแล้ว บัดนีจ้ งึ ขอถวายรายชือ่ ขุนนาง ทีม่ คี วามข้องเกีย่ วกับการทุจริตในคดีนี้ และตัวเลขทรัพย์เสบียงทีถ่ กู ยักยอก ไปได้ ถู ก จั ด เรี ย งไว้ ต ามล� ำ ดั บ ในฎี ก าฉบั บ นี้ แ ล้ ว ขอเสด็ จ พ่ อ ทรงโปรด ทอดพระเนตรด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เมือ่ เสียงกล่าวรายงานจบลง เหล่าขุนนางทัง้ หมดทีก่ อ่ นหน้านีท้ ำ� ท่า จะหลับแหล่มหิ ลับแหล่ตา่ งก็พากันสะดุง้ ลืมตาตืน่ หายง่วงเหงาเป็นปลิดทิง้ ทุกคนล้วนตระหนักดีว่าคดีโกงบ้านกินเมืองครั้งนี้เกี่ยวโยงกันหลายทอด กระทบถึงหลายคน เรียกได้วา่ หากจะเอาผิดกันจริงจังแล้ว ก็แทบจะกวาดล้าง ขุนนางทั้งราชส�ำนักให้ตายตกไปตามกันได้เลยทีเดียว ทุกคนต่างรู้สึกคล้ายครั่นเนื้อครั่นตัว ด้วยมิรู้ว่าฎีกาที่อยู่ในมือองค์ รัชทายาทในตอนนี้จะกุมชีวิตผู้คนไว้กี่ชีวิต คนที่ใจเสาะหน่อยก็ถึงกับตัวสั่น มือสั่น เหงื่อเย็นๆ ไหลเป็นทาง สองตาจับจ้องมองฎีกาม้วนยาวที่ถูกน�ำขึ้น ถวายบนโต๊ะมังกร ราวกับอยากจะมองให้ทะลุเข้าไปถึงภายใน 62


จู่โร่ว ยามตะวันเบี่ยงบ่ายคล้อย จี้เซียวก�ำลังสนทนาเรื่องสัพเพเหระกับ สหายอยู่ในลานบ้านอย่างออกรส พอเห็นจวิ้นอี้เดินเข้ามาในสภาพเหงื่อชุ่ม ศีรษะ ก็นกึ รูไ้ ด้ทนั ทีวา่ อีกฝ่ายคงควบม้าตะบึงมาหา ยังไม่ทนั จะทักถาม ฝ่าย อาคันตุกะผู้มาเยือนอย่างเร่งร้อนก็รีบพูดขึ้นจนแทบหายใจหายคอไม่ทัน “อวี้เยี่ยน เจ้ารู้เรื่องหรือยัง!” “รู้แล้ว” ใบหน้าของจี้เซียวยามนี้เปี่ยมไปด้วยความปิติยินดี ขณะ พยักหน้ารับรัวเร็ว “ที่เหยี่ยนโจวมีฝนตกแล้วใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นปีนี้ก็คงจะ มีผลิตผลให้เก็บเกี่ยว มิต้องแร้นแค้น...” “ไม่ใช่!” จวิ้นอี้รีบโบกมือตัดบทด้วยสีหน้าที่ดูไม่ดีเอาเสียเลย “ที่ข้า ถามว่ารูห้ รือยังก็คอื เจ้ารูห้ รือไม่วา่ เสนาบดีหลีอ่ ยูใ่ นรายชือ่ ผูท้ เี่ ข้าไปข้องเกีย่ ว กับคดีลำ� เลียงเสบียงทางน�ำ้ นัน่ เมือ่ ครูเ่ พิง่ ถูกคุมตัวไป ได้ยนิ ว่า...” ชายหนุม่ สูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง “ได้ยินว่าอาจจะถูกประหารเดือนหน้า!” ใบหน้าเปีย่ มความยินดีของจีเ้ ซียวพลันเปลีย่ นเป็นซีดสลดหมดสีใน ฉับพลัน อาลักษณ์หนุม่ ยืนนิง่ อึง้ อยูค่ รูใ่ หญ่ จึงเอ่ยปากออกมาอย่างไม่อยาก เชื่อ “อาจารย์....ท�ำไมอาจารย์ถงึ ได้...” มือข้างหนึง่ ยืน่ ไปจับชายแขนเสือ้ ของจวิ้นอี้ “มีคนใส่ความท่านรึเปล่า พี่จวิ้นอี้ เจ้าได้ทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว หรือไม่” “เฮ้อ! อวี้เยี่ยน วันนี้เจ้าไม่ได้อยู่ในท้องพระโรงจึงมิรู้ว่าบรรยากาศ ในตอนนัน้ เป็นอย่างไร” จวิน้ อีว้ า่ พลางยกแขนเสือ้ ขึน้ เช็ดเหงือ่ บนใบหน้า ใน ตอนนัน้ จึงเพิง่ เห็นอาลักษณ์อกี คนทีย่ นื อยูอ่ กี ฝัง่ ชายหนุม่ เพียงแค่พยักหน้า ทักทายไปหนึ่งครั้ง แล้วรีบดึงจี้เซียวหลบเข้าไปในหลืบมุม กระซิบเสียงแผ่ว “รู้หรือไม่ เงินทองที่ถูกยักยอกไปในคราวนี้มิใช่น้อย เกือบเท่ากับ 63


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร รายได้ในท้องพระคลังทั้งปี พอองค์รัชทายาททรงอ่านรายงานจบ ฝ่าบาทก็ กริ้วจนถึงกับเดินออกมาด้านนอกทั้งที่ยังทรงประชวร จากนั้นก็ทรงบริภาษ เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ไปหนึ่งยก ถ้าเป็นไปตามที่องค์รัชทายาทกล่าวจริง เฉพาะเสนาบดีหลี่ผู้เดียวก็ยักยอกเงินเข้าตัวไปกว่าร้อยหมื่นต�ำลึงแล้ว ไหนจะแก้วแหวนเงินทองที่ยังมิได้ลงบัญชีอีก ทรัพย์สินมากมายนับไม่ถ้วน เชียวละ” ราชบุตรเขยสามส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ “หากเป็นเช่นนัน้ จริง โทษประหารเจ็ดชัว่ โคตรยังนับว่าเบาไปด้วยซ�ำ้ เช่นนี้แล้วเจ้ายังจะให้ข้าเสนอหน้าเข้าไปกราบทูลขออภัยโทษ หรือเสนอให้ สืบเสาะหาความจริงอีกหรือ หากท�ำเช่นนัน้ แล้วละก็ แม้แต่หน้าศรีภรรยาข้า ก็คงไม่ได้กลับไปเห็น เกรงว่าคงจะถูกลากออกไปเอาเลือดล้างมีดก่อนใคร เป็นแน่” หากเป็นในยามปกติ จวิ้นอี้ผู้นี้ไม่มีทางเรียกองค์หญิงสามผู้งาม หยดย้อยว่า ‘ศรีภรรยา’ เป็นอันขาด ครั้งนี้คงเพราะรีบร้อนจึงเผลอหลุดปาก ออกมา แต่นนั่ ไม่ใช่สาระส�ำคัญทีจ่ เี้ ซียวสนใจ พอได้ยนิ ค�ำว่า ‘องค์รชั ทายาท’ จี้เซียวก็รู้สึกเหมือนมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงอยู่ในศีรษะ “หรือว่า...เรื่องที่เกิดขึ้นกับอาจารย์ครั้งนี้จะเป็นเพราะ...ข้าไป ล่วงเกินองค์รชั ทายาทเข้า พระองค์จงึ ทรงป้ายความผิดและคิดจะจับอาจารย์ ข้าไปสังหาร” จวิ้นอี้ถึงกับตะลึงงัน ละล�่ำละลักถามอย่างร้อนรน “ว่าอะไรนะ! เจ้าไปล่วงเกินองค์รัชทายาทตอนไหน เมื่อไร อย่างไร เล่ามาเดี๋ยวนี้!” จี้เซียวรีบเล่าเรื่องที่ตนไม่ยอมมอบหมึกมังกรแท่งส�ำคัญให้อีกฝ่าย 64


จู่โร่ว ฟังอย่างย่อๆ รวมถึงเรื่องที่แท่งหมึกนั้นหนีกลับมาบ้านของตนด้วย ทว่ายัง เล่าไม่ทันจบ จวิ้นอี้ก็ตัดบทด้วยเสียงอันดัง “ข้าบอกเจ้าแล้ว อวี้เยี่ยน! ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วมิใช่หรือ ว่าอย่าไป ล่วงเกินองค์รัชทายาท แล้วนี่อะไร เจ้าจะฟังค�ำข้าสักนิดหามีไม่ เห็นรึยัง บัดนี้...บัดนี้! เฮ้อ!” จวิ้นอี้ยีศีรษะจนยุ่งเหยิง นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดออกมาด้วย น�้ำเสียงคล้ายละเมอ “ไม่หรอก! ไม่แน่ว่าเรื่องที่เสนาบดีหลี่ยักยอกคดโกงทุจริตอาจจะ เป็นจริงก็ได้ อาจมิใช่เพราะถูกองค์รัชทายาทใส่ร้ายป้ายสี” “ข้าไม่เชือ่ หรอกว่าอาจารย์จะท�ำเรือ่ งชัว่ ช้าเช่นนัน้ ได้!” จีเ้ ซียวโพล่ง ขึน้ ด้วยเสียงอันดัง แล้วส่ายหน้ารัวเร็ว “ไม่ได้การ! ข้าจะต้องไปถามเอาความ จริงให้รู้แจ้งด้วยตนเอง ข้าจะไม่ยอมให้อุบายชั่วร้ายขององค์รัชทายาทมา ท�ำให้อาจารย์แปดเปื้อนมลทินเป็นอันขาด!” “เฮ้อ! เจ้าคิดอยากถามก็ถามได้เช่นนั้นรึ บัดนี้เสนาบดีหลี่ถูกคุมขัง อยู่ในคุกหลวง คดีอุกฉกรรจ์เช่นนี้หากไม่มีราชโองการจะเข้าพบนักโทษได้ อย่างไร” คิว้ ของจวิน้ อีข้ มวดพันจนแทบแกะไม่ออก “เอาเถิด เจ้าอย่าเพิง่ ร้อน ใจไป รอให้ฮ่องเต้หายกริ้ว ข้าจะลองไปกราบทูลขอพระราชทานอภัยโทษดู” จีเ้ ซียวก�ำพร้าพ่อแม่ตง้ั แต่เด็ก ครอบครัวล�ำบากยากจน จึงย่อมไม่มี ญาติสนิทมิตรสหายในวัง เมือ่ มีการจัดสอบประชุมใหญ่ในเมืองหลวงช่วงฤดู ใบไม้ผลิก็หามีผู้ใดสนับสนุนไม่ โชคดีที่หลี่เจี้ยนชูซึ่งเป็นประธานคุมสอบใน ครั้งนั้นชื่นชมบทความของเขาอย่างยิ่ง จึงตกลงรับเขาเป็นศิษย์ จากนั้นชีวิต ก็พลิกผันจนได้เข้ามาท�ำงานอยู่ในหออาลักษณ์แห่งวังหลวง กินอิ่มนอนอุ่น 65


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร มีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยไร้กังวลก็เพราะความเมตตาของหลี่เจี้ยนชูผู้เป็น อาจารย์ ความรู้สึกของจี้เซียวที่มีต่อคนผู้นี้จึงลึกซึ้งเกินจะพรรณนา บัดนี้อาจารย์ผู้มีพระคุณมีภัยร้ายแรงถึงชีวิต อีกทั้งดูเหมือนเขา น่าจะเป็นผู้น�ำภัยนั้นมาเสียเอง จะให้คิดตัดช่องน้อยแต่พอตัวจึงมิใช่วิสัย ตอนนีใ้ นหัวของจีเ้ ซียวเอาแต่ครุน่ คิดว่า จะลบล้างความผิดและช่วยอาจารย์ ออกมาจากคุกหลวงได้อย่างไร ในใจของเขาว้าวุ่นจนอยู่ไม่ติดที่ เดินครุ่นคิดไปจนถึงสวนหลังบ้าน พลันเหลือบเห็นโอ่งใบนั้น จึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า วันนี้ครบเจ็ดวันตามที่ หลงโม่ได้บอกไว้ หลายวันมานี้โอ่งใบนั้นมิได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนที่เลยสักนิด เนิ่นนานถึงป่านนี้...มิรู้ว่าแท่งหมึกจะยังคงสภาพดีอยู่หรือไม่ นึกแล้วก็ให้อดฉุนขึน้ มาเล็กน้อยไม่ได้ เจ้าหมึกมังกรผูน้ นั้ ชอบท�ำตัว มีลบั ลมคมใน อีกทัง้ ยังมากเล่หแ์ สนกลจนเขาไม่เคยดูออกเลยสักครัง้ ทว่ามี ความลับที่ใดย่อมมีความสงสัยอยู่ที่นั่น จี้เซียวแนบหูฟังตรงข้างโอ่งอยู่ ครู่หนึ่ง แล้วลองเอามือเคาะดู...ไม่มีเสียงใดๆ อาลักษณ์หนุ่มยืนพิศดูโอ่งที่มีก้อนหินขนาดยักษ์ทับไว้อยู่เป็นนาน จู่ๆ ก็พลันนึกขึ้นได้ว่า มีหินก้อนใหญ่ขนาดนั้นทับอยู่ หากหลงโม่นึกอยาก ออกมาแต่เกิดออกไม่ได้เพราะถูกหินทับ ป่านนี้จะมิเฉาตายละลายไปกับ สายน�้ำเสียแล้วหรือ! เช่นนี้แล้วก็น่าจะลองยกหินออกก่อนเป็นเบื้องแรก เขาจับจ้องมองเพื่อประเมินน�้ำหนักก้อนหินด้วยตาเปล่า สุดท้ายก็ตัดสินใจ ไม่ส่งเสียงเรียกบ่าวไพร่ แต่ออกแรงผลักหินก้อนนั้นทิ้งลงไปอีกด้านด้วย ตนเอง ‘ถ้าหากแง้มฝาโอ่งออกสักนิด แอบส่องดูด้านในแบบไม่กระโตก กระตาก...จะเป็นเช่นไรไหมหนอ’ 66


จู่โร่ว จี้เซียวสูดหายใจลึก ยื่นมือไปวางแปะไว้บนฝาโอ่งอย่างเผลอไผล ฝาไม้ผุพังถูกเลื่อนแง้มออกอย่างเบามือ ทุกอย่างยังคงเงียบสนิท ปราศจากสุ้มเสียงใดๆ จี้เซียวหรี่ตามองดูด้านในอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทว่าทันใดนัน้ ก็ถงึ กับต้องผงะ รีบขยับฝาไม้เก่าคร�ำ่ นัน้ เปิดออก แล้ว ทิ้ ง ลงบนพื้ น อย่ า งรวดเร็ ว จากนั้ น จึ ง โน้ ม ตั ว ลงตรวจตราดู ใ นโอ่ ง อย่ า ง พิเคราะห์ ต่อด้วยการหันมาส�ำรวจทีด่ า้ นนอก เหงือ่ เย็นๆ เปียกชุม่ ไปทัง้ ศีรษะ นัน่ ก็เพราะในโอ่งไม่มสี งิ่ ใดอยูเ่ ลย ไม่วา่ จะเป็นแท่งหมึกซึง่ เขาได้ใส่ลงไปเอง กับมือเมือ่ หลายวันก่อน กระทัง่ น�ำ้ ทีเ่ คยมีอยูจ่ นเต็มปริม่ บัดนีก้ ก็ ลับเหือดแห้ง ไม่เหลือแม้สักหยดเดียว! “นี่! นี่มัน...นี่มันคือ...” จี้เซียวยืนงงงันด้วยมิรู้ว่าควรท�ำเช่นไรดี แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะ เบาๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง “อวี้เยี่ยน เจ้านี่น้า ช่างไม่ฉลาดเอาซะเลย!” อาลักษณ์หนุม่ หันหลังกลับไปในทันที ภาพทีป่ รากฏอยูต่ รงหน้าคือ ร่างของหลงโม่ซงึ่ ก�ำลังมองตรงมาทีต่ วั เขาด้วยใบหน้ายิม้ ละไม สภาพร่างกาย ที่เห็นอยู่ตอนนี้มิได้มีอาการร่อแร่จนน่าเป็นห่วงเช่นในวันก่อน กลับมาเป็น หลงโม่ หมึกแปลงกายจอมยียวนกวนประสาท ที่ท่าทางดูผ่อนคลายสบาย อารมณ์เหมือนเช่นเคย ใบหน้าหล่อเหลาเชิดขึ้นเล็กน้อย ราวกับจะแหงนรับ แสงตะวันที่สาดส่อง “เจ้า!” จี้เซียวหลุดปากออกมาได้เพียงค�ำเดียวก็พลันสะดุ้งโหยง รีบถอด เสื้อคลุมออก ก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วใช้เสื้อคลุมบังศีรษะให้พลางต�ำหนิ อย่างร้อนใจ 67


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร “พระอาทิตย์ส่องแสงแรงกล้าขนาดนี้ เจ้าออกมาได้อย่างไร มิกลัว ตัวจะละลายหรอกหรือ” หลงโม่หรี่ตาพริบพราวแล้วหัวเราะร่า “อวี้เยี่ยนที่รัก ข้ามิใช่ภูตผีปีศาจที่ร่างกายถูกต้องแสงแดดไม่ได้ สักหน่อย ว่าแต่...” เขากางเสื้อคลุมบางเบาที่บังศีรษะของตนอยู่ให้เลื่อนไป ด้านหน้าเพื่อคลุมตัวจี้เซียวให้เข้ามาอยู่ในร่มเงาด้วยกัน จากนั้นจึงเลื่อน ใบหน้ามากระซิบเสียงแผ่ว “เหตุใดเจ้าจึงมิฟังค�ำข้า ท�ำเช่นนี้มิกลัวข้าตายหรือ เคราะห์ดีนะที่ ข้าเตรียมการป้องกันไว้ก่อน” จี้เซียวเหลียวมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ข้า...ข้าก็แค่สงสัย มิได้คิดว่าจะเป็นการท�ำร้ายท�ำลายเจ้าแม้แต่ น้อย วางใจเถอะ หากมีครั้งต่อไป ข้าจะไม่...” พอเห็นว่าชายหนุ่มใสซื่อถือเอาค�ำหยอกล้อของตนเป็นเรื่องจริงจัง จนถึงกับละล�่ำละลักลั่นวาจา อีกทั้งนัยน์ตาคู่งามนั้นยังฉ�่ำน�้ำ เรียวปากบาง สัน่ ไหวไปตามแรงอารมณ์ หลงโม่กร็ สู้ กึ ใจสัน่ จนห้ามตัวเองไว้ไม่ไหว โน้มตัว ลงไปประกบริมฝีปาก...จุมพิตอ่อนหวานเร่าร้อนขึน้ ตามอารมณ์ มือใหญ่บบี คางของจีเ้ ซียว บังคับให้เปิดปากอ้าเพือ่ ตอบรับความปรารถนาของตนอย่าง ไร้ความปรานี จี้เซียวครางอู้อี้ขณะถอยร่นไปสองก้าวจนแผ่นหลังติดก�ำแพงบ้าน โชคดีที่มีเสื้อคลุมบังอยู่ มิเช่นนั้นคงได้เขินอายจนขาดใจตายไปแล้ว หลังจูบอันแสนยาวนานผ่านพ้น หลงโม่กว็ างคางไว้บนไหล่ของเขา พลางถอนหายใจยาว “คิดถึงข้าใจจะขาดเลยละสิ” 68


จู่โร่ว ใบหน้าอาลักษณ์หนุ่มพลันแดงก�่ำ พลอยคิดถึงเวลาสิบกว่าวันที่ พวกเขาต้องพรากจากกันขึ้นมาทันที อันที่จริงนี่ก็นานแล้วที่มิได้ชิดใกล้กัน เช่นนี้ กระทั่งจูบเมื่อครู่ก็ท�ำให้สั่นไปทั้งร่างอย่างไม่รู้สึกตัว หลงโม่ย่อมรู้สึกโหยหากว่าอีกฝ่าย และเจ้าตัวก็ไม่คิดปิดบังความ รูส้ กึ นัน้ รีบรุดฉุดมือจีเ้ ซียวเข้าไปในห้องด้วยเจตนาอันโจ่งแจ้งทัง้ ทีด่ วงอาทิตย์ ยังทอประกายแสงแรงกล้า อาลักษณ์หนุ่มจึงขัดฝืนขืนตัวไว้ แล้วร�ำพึง เสียงแผ่ว “เหตุใดเจ้าจึงลามกเช่นนี้...” ถ้อยค�ำหลุดจากปากได้เพียงประโยคเดียว ความคิดก็พลันล่องลอย ไปถึงเรื่องราวมากมายที่ผันผ่านเข้ามาแต่แรกเริ่ม บุรุษผู้นี้เกิดในธาตุน�้ำ อีกทั้งลวดลายมังกรเจือทองอร่ามตาบน หน้าผากที่จู่ๆ เลือนรางไปถึงห้าวัน สอดคล้องพ้องกันพอดีกับเหตุการณ์ ฝนตกหนักต่อเนื่องห้าวันที่เมืองเหยี่ยนโจว ไหนจะยังความหมกมุ่นใน กามคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้นั่นอีก เมื่อน�ำทุกสิ่งมาประมวลเข้าด้วยกันแล้ว ดูเหมือนจะมีเพียงค�ำตอบเดียวเท่านั้น! “หลงโม่” จีเ้ ซียวรัง้ มือใหญ่ไว้ดว้ ยใจกังขา “ทีแ่ ท้...เจ้าเป็นปีศาจแท่ง หมึกหรือว่าเป็น...เป็นมังกรกันแน่” ฝีเท้าที่ก�ำลังก้าวย่างของอีกฝ่ายหยุดลงทันที ใบหน้าหล่อเหลาหัน กลับมาช้าๆ “เจ้าว่าอย่างไรนะ” จีเ้ ซียวขบริมฝีปากล่าง รวบรวมความกล้าแล้วกล่าวด้วยเสียงจริงจัง “สภาพภูมิอากาศเมืองเหยี่ยนโจวนั้นข้าคุ้นเคยดี ทั้งต้องเผชิญกับ ภัยแล้งยาวนาน อีกทั้งยังเกิดภัยพิบัติไม่หยุดหย่อนมานานปี แล้วเพราะ 69


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร เหตุใด จูๆ่ จึงมีนำ�้ ฝนเดือนห้ามาตกในช่วงเพาะปลูกได้พอดิบพอดีเช่นนีก้ นั ... ถ้า...ถ้ามิใช่เพราะฝีมือเจ้า” คิ้วเรียวของอาลักษณ์หนุ่มขมวดแน่น “เจ้ากลับ มาในสภาพร่อแร่เช่นนัน้ ก็เพราะสูญเสียพลังมหาศาลไปกับการท�ำให้ฝนตก ข้ากล่าวได้ถูกต้องหรือไม่” หลงโม่นิ่งเงียบไป มิได้หยอกล้อต่อปากต่อค�ำกับเขาเหมือนเคย จี้เซียวเห็นแล้วก็นึกหวั่นสะท้านใจ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจกล่าวต่อ “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใครในเผ่าพงศ์วงศ์มังกร แต่ข้าเคยอ่านเจอใน ต�ำราว่ามหาสมุทรทัง้ สีล่ ว้ นมีราชามังกรปกครองรักษา อีกทัง้ บรรดาทะเลสาบ แม่คงคาต่างก็มีพญามังกรเป็นผู้ปกปักษ์ เจ้า...เจ้าเป็นลูกหลานของเหล่า ราชวงศ์มังกรเช่นนั้นหรือ” หลงโม่นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ แล้วจู่ๆ เสียงหัวเราะเย็นชาก็ดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบสงัดนั้น “แม้กำ� เนิดเกิดกายในคงคา มกรวงศ์พงศานัน้ หาใช่ ข้าเป็นแค่มงั กร เน่าเคล้ามูลไคล เพียงบ�ำเพ็ญเพียรใหญ่จนได้ฌาณ” แววตาที่ปกติมักจะ พริบพราวสดใสหม่นหมองลงในตอนทีก่ ล่าวถ้อยค�ำเจือน�ำ้ เสียงขืน่ ขมบางเบา “หรือถ้าจะพูดให้ถูก...ตัวข้าในตอนนี้มิใช่มังกรอีกต่อไปแล้ว!” “ในเมือ่ เจ้าเป็นมังกร เหตุใดจึงบอกข้าว่าตัวเองเป็นแท่งหมึกกันเล่า” จี้เซียวถามอย่างฉงนใจ “ก็เจ้านิยมชมชอบในหมึกมิใช่หรือ” หลงโม่หันมามองเขาด้วย สายตาแพรวพราว “ข้าก็แค่อยากให้เจ้าชอบเท่านั้นเอง” “จะ...เจ้า!” นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ จะถูกเกี้ยวพาราสีอย่างฉับพลัน ทั่วทั้ง ใบหน้าจึงร้อนผ่าวราวกับอังไฟ จี้เซียวรีบดึงเรื่องกลับมายังหัวข้อสนทนา อย่างว่องไว 70


จู่โร่ว “ในเมือ่ เจ้ากล่าวว่าตนมิใช่มงั กรอีกต่อไป แล้วเหตุใดจึงยังอาศัยอยู่ ในแท่งหมึก” “อวี้เยี่ยน เจ้าอยากรู้เรื่องของข้าเช่นนั้นหรือ” หลงโม่เอ่ยถามเสียง แผ่ว แล้วเว้นจังหวะห่างไปคล้ายครุ่นคิด ก่อนจะกวักมือด้วยท่าทีเชิญชวน “ถ้างั้นก็มานี่สิ ข้าจะเล่าให้ฟัง” แม้จะเป็นอาลักษณ์ใสซือ่ แต่เมือ่ อยูก่ บั ความเจ้าเล่หแ์ สนกลมานาน วันก็ย่อมต้องซึมซับมาบ้าง จี้เซียวจึงเข้าใจเจตนาแฝงของอีกฝ่ายในทันที ดังนั้นแทนที่จะก้าวเข้าไปหา สองขาจึงกลับก้าวถอยหลัง “ขะ...ข้าไม่เห็นจะอยากรู้ เรื่องของเจ้าก็เป็นเรื่องของเจ้าสิ แต่ ตอนนี้...” จี้เซียวทอดเสียงลงเล็กน้อย “เจ้า...จะช่วยข้าอีกครั้งได้หรือไม่” “ช่วยเจ้า? ช่วยอะไร” จี้เซียวผ่อนลมหายใจแผ่วเบา อันที่จริงเขากระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก ที่จะต้องเอ่ยปากร้องขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย ยิ่งหวนนึกถึงสภาพ ร่างกายอ่อนแอปางตายของหลงโม่เมื่อหลายวันก่อนด้วยแล้ว ก็รับรู้ได้ทันที ว่าการจะท�ำให้ฝนตกเช่นนัน้ มิใช่เรือ่ งง่ายดายเลยสักนิด แม้จะผ่านมาหลาย วันแล้ว แต่ไม่รู้ว่าร่างของผู้ที่อยู่ตรงหน้าฟื้นตัวมากน้อยแค่ไหน นึกแล้วก็ยิ่ง ละอายใจ หากหลุดปากร้องขอความช่วยเหลือออกไปแบบสุม่ สีส่ มุ่ ห้า ก็ดทู า่ ว่าจะไร้ยางอายเกินไปแล้ว “อวี้เยี่ยน” เพราะมัวแต่พะวักพะวนสับสนอยูก่ บั ความคิดของตัวเอง จึงไม่รตู้ วั ว่าหลงโม่เดินมายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อใด มือใหญ่นั้นกุมไหล่เขาไว้อย่าง นุ่มนวลขณะเอ่ยชื่อเขาออกมาด้วยน�้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้ามีเรื่องทุกข์ร้อนอันใด ลองเล่าให้ข้าฟังดีหรือไม่ หากมีสิ่งใดที่ 71


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร ท�ำได้ ข้าย่อมต้องช่วยเหลือเจ้าอย่างเต็มก�ำลัง” จี้เซียวลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ยอมเปิดปาก “อาจารย์...ซึง่ เป็นผูม้ พี ระคุณต่อข้าอย่างยิง่ ถูกผูอ้ นื่ ใส่ความ ตอนนี้ ท่านถูกจับขังอยูใ่ นคุกหลวง ข่าวว่าอีกไม่นานจะต้องถูกประหารชีวติ ข้า...ข้า อยากพบหน้าท่านสักครัง้ เพือ่ จะได้ไต่ถามต้นสายปลายเหตุของเรือ่ ง ขอเพียง ได้รู้ความจริง ไม่แน่ว่าข้าอาจจะสามารถหาทางช่วยชีวิตอาจารย์ได้” เล่าถึงตรงนี้จี้เซียวก็พลันทอดถอนหายใจ “แต่คุกหลวงมีเวรยามคุ้มกันแน่นหนา ล�ำพังตัวข้า...” อาลักษณ์ หนุม่ ก้มหน้าลงมองมือตัวเอง “ทีม่ อื ยังไม่มแี รงแม้แต่จะมัดไก่ ข้า...จนปัญญา จริงๆ ไม่รู้ว่าจะเข้าไปในนั้นได้อย่างไร” จี้เซียวหันไปจ้องหน้าอีกฝ่าย “หลงโม่ เจ้าพอมีวิธีที่จะพาข้าเข้าไปในคุกหลวงได้หรือไม่” คุกหลวงตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมืองหลวง แน่นอนว่าในอาณา บริเวณนัน้ ย่อมปราศจากเสียงอึกทึกครึกโครมแตกต่างจากย่านใจกลางเมือง ยิ่งตกดึกก็ยิ่งเงียบสงัดจนเข้าขั้นวังเวง ที่หน้าประตูมีโคมไฟส่องสว่าง ทหาร ยามหลายนายเดินตรวจตราไปมาอย่างแข็งขันอยู่ตลอด มิได้มีท่าทีจะ ย่อหย่อนก�ำลังลงเลยแม้แต่น้อย จีเ้ ซียวซึง่ หลบอยูใ่ นทีซ่ อ่ นกวาดตามองดูอยูค่ รูห่ นึง่ แล้วพูดเสียงเบา กับผู้ที่อยู่ด้านหลัง “พวกเราจะเข้าไปได้อย่างไร” “เจ้าหลับตาลงก่อนสิ” หลงโม่กระซิบตอบ จีเ้ ซียวรีบหลับตาลง รูส้ กึ ได้ถงึ กระแสลมทีผ่ วิ ผ่านอยูด่ า้ นหน้า หัวใจ เต้นรัว เขาตื่นเต้นจนเหงื่อซึมออกมาจากฝ่ามือโดยไม่รู้ตัว แล้วจู่ๆ ก็รู้สึก 72


จู่โร่ว อุ่นชื้นที่ริมฝีปาก ที่แท้ก็เพราะถูกขโมยจูบเบาๆ ไปหนึ่งที! “เจ้า!” จีเ้ ซียวเบิกตากว้างในทันที “หน้าสิว่ หน้าขวานขนาดนี้ เจ้ายัง จะ...” หลงโม่หัวเราะคิกคักชอบใจแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว “ใครใช้ให้เจ้าว่าง่ายหลับตาพริม้ น่าเอ็นดูเช่นนีล้ ะ่ ข้าก็เลยอดใจไม่ ไหวน่ะสิ” ชายหนุ่มเถียงอย่างหน้าด้านหน้าทน แต่พอเห็นใบหน้างอง�้ำของ อีกฝ่ายก็รีบบอกทันที “เอาละๆ ข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว ต่อจากนี้เจ้าต้องท�ำตาม ทีข่ า้ บอกไว้จริงๆ นะ จ�ำไว้วา่ ห้ามลืมตาแม้แต่นดิ เดียว เสร็จธุระแล้วก็รบี เดิน กลับมา ข้าจะพาเจ้าออกไปเอง” มีหนทางใดอื่นให้เลือกอีกงั้นหรือ! ในเมื่อไม่มี จี้เซียวจึงจ�ำต้องยอมเชื่อเจ้ามังกรมากเล่ห์ผู้นี้อีกครั้ง ชณะทีห่ ลับตาลง เขาก็รสู้ กึ คล้ายร่างกายเบาโหวง ครูห่ นึง่ จึงรูส้ กึ ได้วา่ ถูกดัน ที่หลังเบาๆ หนึ่งครั้ง และได้ยินเสียงของหลงโม่ดังขึ้น “ไปได้แล้ว” สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าพร่ามัวและเลือนราง สัมผัสได้ถึงอากาศ อับชืน้ จนเกิดเห็ดรางอกขึน้ ในบางจุด ช่องเว้าตามแนวก�ำแพงมีตะเกียงน�ำ้ มัน จุดอยู่ แสงสลัวนั้นสะบัดไหวไปมา ส่องให้เห็นกรงเหล็กเก่าคร�่ำสนิมเขลอะ กรังที่อยู่ตรงหน้า ภายในกรงนั้นยิ่งมืดสลัวกว่าภายนอก แต่ก็ยังพอมองเห็น เงาร่างตะคุ่มๆ ของใครคนหนึ่งได้อย่างรางๆ “อาจารย์...” ความตื่นเต้นตกใจท�ำให้จี้เซียวแทบจะควบคุมระดับเสียงตัวเอง เอาไว้ไม่อยู่ พอรูส้ กึ ว่าเสียงของตนก้องไปถึงหน้าราวลูกกรงก็รบี อุดปากทันที เสียงนั้นท�ำให้หลี่เจี้ยนชูขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ หันมาอย่าง 73


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร เชือ่ งช้า พอเห็นชัดว่าเป็นเขา ก็ตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง แล้วอ้าปากส่งเสียง เบาแผ่วราวกับกระซิบ “ชิงหลาน นั่นเจ้าเองหรือ!” “ศิษย์เองขอรับ” จี้เซียวกวาดตามองอาจารย์ที่อยู่ในสภาพมอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิง เห็นเช่นนั้นแล้วก็ให้รู้สึกขื่นในล�ำคอขึ้นมา จนต้องกลืนกล�้ำแล้วเค้นค�ำ ถามไถ่ “อาจารย์ ครั้งนี้ท่านต้องล�ำบากแล้ว” “เจ้า! เจ้าเข้ามาในนีไ้ ด้อย่างไร!” หลีเ่ จีย้ นชูลากเท้าทีถ่ กู พันธนาการ ด้วยโซ่ตรวนมายืนอยู่ที่หน้าลูกกรงเหล็ก แล้วยื่นมือออกมาแตะศีรษะของ จี้เซียวเบาๆ คล้ายไม่เชื่อสายตาตนเอง “รีบไปซะ! ถ้าถูกผู้คุมจับได้ เจ้าไม่ รอดแน่!” “วางใจเถิดขอรับ ไม่มีผู้ใดเห็นศิษย์หรอก” จี้เซียวบีบซี่ลูกกรงเหล็ก เย็นเยียบที่อยู่ในมือ “อาจารย์ ศิษย์เสี่ยงตายเข้ามาครั้งนี้เพราะอยากรู้ว่ายัง พอมีหนทางใดที่จะช่วยให้อาจารย์พ้นผิดในครั้งนี้ได้บ้าง” ทว่าหลี่เจี้ยนชูกลับส่ายหน้าช้าๆ อย่างปลงตก “ไม่ต้องล�ำบากเจ้าหรอก ความผิดครั้งนี้ข้าสมควรชดใช้ สงสารก็ แต่...บรรดาหัวหงอกหัวด�ำในบ้านที่ต้องพลอยเดือดร้อนกันไปหมด เฮ้อ! ความผิดของข้าครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก” “อาจารย์!” จี้เซียวเรียกอย่างร้อนรน “เรื่องนี้มิใช่เป็นเพราะท่านถูก ใส่ความหรอกหรือขอรับ เงินสกปรกเหล่านั้น มีผู้จงใจป้ายความผิดให้ท่าน เช่นนั้นมิใช่หรือ! ขออาจารย์โปรดบอกความจริงกับศิษย์ด้วยเถิด แม้ศิษย์ไร้ สามารถ แต่ก็จะทุ่มเททุกสิ่งที่มีเพื่อช่วยให้ท่านกลับไปรับราชการดังเดิมให้ 74


จู่โร่ว จงได้” “ชิงหลาน” หลี่เจี้ยนชูพูดเสียงเบาคล้ายไร้เรี่ยวแรง “เจ้าเป็นศิษย์ที่ ข้าชื่นชมเอ็นดูมาโดยตลอด นั่นก็เพราะเจ้ามีจิตใจที่บริสุทธิ์ ดีงาม และ ใสซื่อ...ซื่อเสียจนไม่ประสากับเรื่องทางโลก เส้นทางข้าราชการนั้นโสมม มืดด�ำดุจราตรีในคืนเดือนดับ เพราะเจ้ายังมิได้ย่างกรายเข้าไปให้ลึกซึ้ง จึง มิรตู้ นื้ ลึกหนาบาง อันทีจ่ ริงแล้ว หากกวาดตาดูขนุ นางทัง้ ราชส�ำนักในตอนนี้ เห็นทีว่าจะมีข้าราชการน�้ำดีอยู่เพียงหยิบมือ” หลี่เจี้ยนชูทอดถอนลมหายใจยาว “แม้เจ้าจะเคารพนับถือข้าเป็นอาจารย์ แต่เอาเข้าจริงแล้วข้าก็หาใช่ ผู้มีคุณธรรมสูงส่งไม่ สองวันมานี้ข้าคิดตกแล้ว ฟ้ารู้ดินรู้ แม้เจ้าจะพาข้าหนี ไปได้ในวันนี้ วันพรุ่งนี้ก็ยากที่จะรอด ข้าจึงตัดสินใจแล้วว่า...ข้าหลี่เจี้ยนชู! ขอก้มหน้าน้อมรับโทษตาย แต่จะไม่ยอมปริปากบอกเล่าเรือ่ งนีก้ บั ผูใ้ ดแม้แต่ ค�ำเดียว” จี้เซียวนิ่งงัน เขารู้สึกคล้ายกับว่าบางสิ่งที่ตนเคยนับถือและศรัทธา อย่างหมดหัวใจก�ำลังแตกสลายไปต่อหน้า...เขาไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด ทว่า...ไม่เชื่อก็ไม่ได้ “ชิงหลาน” น�้ำเสียงเนิบนาบนั้นเรียกเขาอย่างนุ่มนวล “งานคัดๆ เขียนๆ ของเจ้าตอนนี้ แม้ดูแล้วจะไม่ได้เรื่องได้ราวเท่าใดนัก แต่อย่างน้อยก็ ท�ำให้จิตใจสงบ หากมีวันใดเจ้าเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานขึ้นมา จง รักษาใจให้เข้มแข็ง อย่าได้แปรเปลีย่ นไปจากจิตใจทีใ่ ฝ่สนั โดษนีเ้ ป็นอันขาด เจ้าจงจ�ำค�ำนี้ของอาจารย์เอาไว้ให้ดี” กล่าวจบหลี่เจี้ยนชูก็มองหน้าเขาอยู่อึดใจ แล้วตัดใจกล่าวด้วย น�้ำเสียงแกมบังคับ 75


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร “รีบไปซะ!” ทันใดนั้นก็มีเสียงอสนีบาตฟาดเปรี้ยงดังเข้ามาทางหน้าต่างเหล็ก เล็กแคบของคุกหลวง แสงสว่างพลันกระจ่างสว่างวาบไปทั่วทั้งห้องขัง ทว่า เพียงไม่นานก็เลือนหาย... จากนั้นจึงดังขึ้นอีกระลอก เสียงฟ้าค�ำรามร้องครั้งนี้ท�ำเอาจี้เซียว ตกใจจนขวัญกระเจิง ก้าวเท้าถอยหลังกรูดอย่างไม่เป็นท่า อารามรีบร้อน ท�ำให้เขาหาเส้นทางที่เดินมาตั้งแต่แรกเริ่มไม่เจอ! สายฝนสาดซัดลงมามืดฟ้ามัวดิน เสียงฟ้าร้องยังคงกึกก้องอยู่เป็น ระยะ ยิ่งได้ยินก็ยิ่งลนลาน ท่ามกลางแสงสลัวและบรรยากาศมืดทะมึน จี้เซียวคล�ำมือเปะปะไปตามก�ำแพงอย่างจนปัญญา จะร้องเรียกเสียงดังก็ ไม่กล้า ได้แต่เปล่งเสียงแผ่วเบาดุจกระซิบทั้งที่ใจเต้นรัว “หลงโม่? เจ้าอยู่ไหน! หลงโม่ เจ้าอยู่ที่ไหน!” ปราศจากเสียงตอบรับใดๆ เสียงฟ้าร้องค�ำรามยังคงดังอื้ออึง แต่ที่ แทรกเข้ามาคือเสียงฝีเท้าของกลุ่มคนจ�ำนวนหนึ่ง จี้เซียวใจหายวาบ รีบหัน ขวับกลับไปทันที หรือว่าจะเป็น... “หลงโม่!” ตะเกียงที่อยู่ในมือของผู้คุมสองนายถูกยกขึ้นส่องฉายเพื่อหาที่มา ของเสียง ขณะตวาดดังก้อง “ใครน่ะ!” อาลักษณ์หนุ่มตกใจจนขวัญผวา สติปลิวว่อน นึกอะไรไม่ออก นอกจากหันหลังตัง้ ท่าจะยกขาวิง่ แต่ยงั มิทนั ได้กา้ วขา ก็มเี สียงขูต่ ะคอกจาก ด้านหลังยับยั้งไว้ “หยุดนะ! อย่าขยับ!” 76


จู่โร่ว เส้นทางข้างหน้าดูสับสน ผู้ที่ตามหลังมาก็เร่งเร้าเข้าประชิด ยังมีที่ เลี้ยวลดมาสมทบอีก ขณะก�ำลังงงงวยอยู่นั้น ด้านหน้าของอาลักษณ์หนุ่มก็ มีเสียงฝีเท้าที่แม้จะฟังได้ไม่ถนัด แต่ก็พอคะเนได้ว่าเป็นกลุ่มคนขบวนใหญ่ เสียงฝีเท้าไล่หลังดังมาติดๆ ไม่มีเวลาให้ได้ขบคิดอีกต่อไป แสงจากคบไฟ พลันสาดสว่างจ้าไปทั่วคุกมืดสลัวในทันที! ในขบวนทีถ่ อื คบไฟตามหลังมา จีเ้ ซียวมองเห็นผูท้ สี่ วมอาภรณ์งาม สง่าอย่างชัดเจน บุรุษที่ดูราวกับจะเรืองรองด้วยรัศมีแห่งบารมีนั้น พอจะนับ ได้ว่าเป็นคนคุ้นเคยในช่วงเวลานี้...เขาคือองค์รัชทายาทเหยียนเซียง! ส่วนที่ยืนอยู่ด้านหลังคือหวางเสียง เจ้ากรมอาญาผู้ดูแลคุกหลวง พอเห็นว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นต่อหน้าองค์รัชทายาท เขาก็รู้สึกหน้าชาขึ้น มาพร้อมกับอาการตัวสัน่ ตะครัน่ ตะครอคล้ายจับไข้ ชีน้ วิ้ กราดไปทางผูค้ มุ ทัง้ สองนายที่วิ่งล้มลุกคลุกคลานตามจี้เซียวมาด้วยความฉุนเฉียว “พวกเจ้าสองคนเล่นอะไรกัน!” ผู้คุมทั้งสองรู้ว่าสถานการณ์เข้าขั้นคับขัน จึงรีบย่อตัวลงคุกเข่าลง กับพื้น “ข้าพระองค์สมควรตายพ่ะย่ะค่ะ” หนึง่ ในนัน้ รีบชีม้ าทางจีเ้ ซียวด้วย สีหน้าเอาเรื่อง “คือ...” จี้เซียวนั่งนิ่งอึ้ง สายตาจับจ้องมองปลายนิ้วที่ชี้มายังตนเอง ไม่ต้อง พูดถึงค�ำอธิบายทีใ่ นตอนนีไ้ ม่มอี ยูใ่ นสมองเลยแม้แต่นอ้ ย แค่จะเอ่ยปากพูด ออกมาสักหนึ่งค�ำเขายังแทบไม่มีแรง ขณะที่ก�ำลังร้อนรนอยู่นั้นก็พลันได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ แต่ทว่า กลับทรงอ�ำนาจเหลือแสน “ชิงหลาน เจ้ามาอยู่ที่นี่นั่นเอง ข้าหาแทบแย่” 77


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร อาลักษณ์หนุ่มยังคงนิ่งอึ้ง จ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาเบิกกว้าง ราวกับเห็นตัวประหลาดทีส่ ดุ ในแผ่นดิน ทว่าเหยียนเซียงกลับหันไปกล่าวกับ หวางเสียงด้วยท่าทางปกติ “ข้าเรียนเชิญใต้เท้าจีใ้ ห้เข้ามาช่วยจดบันทึกการสอบสวนในค�ำ่ คืนนี้ ทว่าคุกหลวงกว้างใหญ่ เมือ่ ครูเ่ ขายังเดินตามหลังข้ามาติดๆ ห่างตาเพียงครู่ ก็หลงทางหายไป ข้าก�ำลังจะสั่งให้คนออกตามหาอยู่พอดี ที่แท้ก็มานั่งอยู่นี่ นั่นเอง” พูดถึงตรงนี้ ริมฝีปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย “ชิงหลาน เจ้านี่ ชอบท�ำให้คนอื่นต้องเป็นห่วงอยู่เรื่อย ท�ำให้คนของใต้เท้าหวางวุ่นวายกัน ใหญ่โต ยังไม่รีบขออภัยใต้เท้าหวางอีก” หวางเสียงได้ฟังทั้งถ้อยความ น�้ำเสียง รวมถึงได้เห็นท่าทางเอ็นดู เหลือแสนที่องค์รัชทายาทมีต่อผู้บุกรุกรายนี้ จึงรีบละล�่ำละลักกล่าวอย่าง ร้อนรน “หามิได้พะ่ ย่ะค่ะ หามิได้ ไยองค์รชั ทายาทจึงตรัสเช่นนี้ เป็นเจ้าสวะ ตื่นตูมสองตัวนี่ต่างหาก ที่ท�ำให้ใต้เท้าจี้ตกอกตกใจ ในเมื่อใต้เท้าปลอดภัย ก็ดีแล้ว เช่นนั้นกระหม่อมขอน�ำเสด็จต่อนะพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนเซียงกระดกปลายคางหนึ่งที แล้วหันมากวักมือเรียกจี้เซียว เป็นสัญญาณว่าให้ลุกขึ้นเดินมาอยู่ข้างกายตน คิดไม่ถึงเลยว่าองค์รัชทายาทมากเล่ห์ผู้นี้จะออกหน้าแก้ต่างปิดบัง ให้กับตัวเขา ไม่รู้ว่าในใจอีกฝ่ายก�ำลังวางแผนอะไรอยู่ อีกทั้งยังเรียกชื่อรอง ของเขาออกมาอย่างเต็มปากเต็มค�ำ ราวกับสนิทชิดเชื้อกันมาแต่หนไหน ยิ่ง คิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่น่าไว้ใจแม้แต่น้อย ทว่าในเวลานี้เหมือนถูกจับมัดมือชก จ�ำต้องลุกขึ้นยืนอย่างนิ่งสงบ ก้มศีรษะเป็นการถวายค�ำนับให้ จากนั้นจึงเดินไปอยู่ข้างๆ เยื้องมาทาง 78


จู่โร่ว ด้านหลังเล็กน้อย ขบวนผู้ติดตามเดินล้อมหน้าล้อมหลังเหยียนเซียงราวกับ ไข่ในหิน เพื่อตรงเข้าไปยังส่วนลึกที่มืดสลัวของคุกหลวง! จีเ้ ซียวเดินไปพลางนึกสงสัยไปพลาง ขณะทีค่ วามคิดตกอยูใ่ นภวังค์ ก็รสู้ กึ ถึงไออุน่ ร้อนทีก่ ำ� ซาบเข้ามายังฝ่ามือ เมือ่ เงยหน้าขึน้ มองจึงเห็นว่าทีแ่ ท้ เป็นเหยียนเซียงที่จับมือเขาไว้ อาลักษณ์หนุ่มตกใจจนเกือบสะบัดมือตาม สัญชาตญาณ แต่อีกฝ่ายกลับบีบมือเขาแน่นขึ้นจนไม่อาจขยับ ทว่ากลับยัง วางท่าทางเป็นปกติ ชายแขนเสือ้ รุม่ ร่ามของพวกเขาเกีย่ วพันกัน คนรอบข้างจึงดูไม่ออก ถึ ง อย่ า งนั้ น จี้ เ ซี ย วก็ รู ้ สึ ก กระอั ก กระอ่ ว นเป็ น ที่ สุ ด เมื่ อ ครู ่ เ ขาเพิ่ ง ผ่ า น เหตุการณ์นา่ หวาดกลัวมาหมาดๆ ทัง้ ฝ่ามือจึงชืน้ ไปด้วยเหงือ่ ยิง่ ถูกมือใหญ่ ของเหยียนเซียงเกาะกุมไว้แบบนี้ ก็ยงิ่ รูส้ กึ ร้อนรนจนอยากสะบัดออก มือบาง จึงขยับยุกยิกอยู่ในอุ้งมือใหญ่ไม่หยุด เหยียนเซียงคงรู้สึกได้ถึงอาการนั้น จึงปล่อยมือเขาง่ายๆ โดยไม่แสดงท่าทีใดๆ แล้วเอ่ยถ้อยค�ำด้วยน�้ำเสียง กลั้วหัวเราะ “ชิงหลาน อีกนิดเดียวก็ถึงแล้วละ” คดีทถ่ี กู สอบในค�ำ่ คืนนีค้ อื คดีการล�ำเลียงเสบียงทางน�ำ้ ซึง่ เป็นข้อหา อุกฉกรรจ์ ด้วยไม่มหี นทางหลบเลีย่ งจีเ้ ซียวจึงจ�ำใจต้องตามน�ำ้ นัง่ จดบันทึก ค�ำให้การอยู่ทางด้านขวามือของเหยียนเซียงอย่างว่าง่าย คิดไม่ถึงว่าระหว่างที่ไต่สวนทวนความอยู่นั้น เหยียนเซียงจะมิได้ แสดงท่าทียโสโอหัง อวดศักดาบารมีว่าเป็นถึงองค์รัชทายาทเลยแม้แต่น้อย ทุกกระทู้ถามล้วนชัดเจน ตรงไปตรงมา ช่างห่างไกลกันลิบลับกับสิ่งที่จี้เซียว คิดวาดภาพไว้ ว่าจะต้องเป็นการซักฟอกอย่างคาดคั้น บีบเค้น หรือมิเช่นนั้น 79


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร ก็ต้องหว่านล้อมชักจูงให้ยอมรับโทษ แม้พกู่ นั ในมือจะตวัดเขียนตัวหนังสืออย่างคล่องแคล่วมิได้หยุด แต่ ภายในใจก็ยังอดคิดถึงโทษทัณฑ์ที่รัชทายาทผู้นี้หยิบยื่นให้หลี่เจี้ยนชู ผู้เป็น อาจารย์ของตนอยู่อย่างคลางแคลง การสอบสวนคดีเสร็จสิ้นลงแล้ว ทว่าพายุฝนด้านนอกยังคงโหม กระหน�่ำอย่างไม่มีทีท่าว่าจะซา เหยียนเซียงที่ยืนอยู่ด้านหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงหันมากล่าวกับเขาด้วยน�้ำเสียงเรียบๆ คล้ายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ “ฝนยังตกไม่หยุดเช่นนี้ คงจะกลับล�ำบาก ถ้าอย่างไรให้ขา้ ไปส่งเจ้า ก็แล้วกัน” จี้เซียวจ้องมองไปยังขบวนรถม้าหรูหรา ความล�ำบากใจเคลื่อนตัว เข้ายึดครองใบหน้าทันที “องค์รัชทายาท กระหม่อมเกรงว่า...” เหยียนเซียงก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วเปล่งเสียงหัวเราะแผ่วเบา “ท�ำไม ใต้เท้าจี้กลัวว่าข้าจะท�ำร้ายท่านอย่างนั้นหรือ ลองทบทวน ดูเถิด หากว่าข้าคิดจะท�ำร้ายเจ้าจริง เมื่อครู่คงมิเสียแรงออกหน้าช่วยเจ้า หรอก จริงไหม เอาละ ถ้าเช่นนั้นเราก็ไปกันเถิด” สิ้นเสียงนั้นบ่าวไพร่ก็รีบรุดเข้ามากางร่มและประคองเขาขึ้นรถม้า อย่างระมัดระวัง จีเ้ ซียวเพิง่ เคยขึน้ รถม้าของเชือ้ พระวงศ์ชนั้ สูงเป็นครัง้ แรก ในใจรูส้ กึ อึดอัดคล้ายว่าตนมาอยู่ผิดที่ผิดทาง กระทั่งมือไม้ยังมิรู้ว่าควรจะวางไว้ตรง ไหน ยังไม่ทันจะได้ปรับใจให้เข้าที่ เหยียนเซียงก็เคลื่อนตัวเข้ามานั่งแนบชิด จนแทบไม่เหลือที่ว่างสักกระเบียด สายฝนทีส่ าดซัดลงมาอย่างต่อเนือ่ งท�ำให้รถม้าเคลือ่ นทีไ่ ด้ไม่เร็วนัก 80


จู่โร่ว อาลักษณ์หนุ่มนั่งตัวลีบบีบสองมือแน่นด้วยความตื่นเต้น โดยไม่เปล่งวาจา ใดออกมาแม้แต่คำ� เดียว อยูก่ บั ความเงียบสงัดกันได้ชวั่ อึดใจใหญ่ เหยียนเซียง ก็เป็นฝ่ายเอ่ยถ้อยค�ำออกมาก่อน “ใต้เท้าจีช้ า่ งเป็นคนทีว่ เิ ศษพิสดารจริงๆ ทีเ่ จ้าเคยเล่าก่อนหน้านีว้ า่ หมึกโบราณแท่งนั้นมีชีวิต และกลับไปหาเจ้าได้เอง เรื่องอัศจรรย์เช่นนั้น... บอกตามตรงว่าข้ายังไม่ปักใจเชื่อ แต่มาวันนี้ กระทั่งคุกหลวงที่มีเวรยาม คุ้มกันแน่นหนา เจ้าก็ยังสามารถเข้าออกได้ตามใจชอบ เห็นทีว่า ข้าคงต้อง มองเจ้าใหม่เสียแล้ว” จี้เซียวหน้าตื่น แล้วรีบยกมือขึ้นโบกไปมาปฏิเสธเป็นพัลวัน “กระหม่อมหาใช่ผวู้ เิ ศษไม่ แม้เรือ่ งหมึกทีก่ ระหม่อมกราบทูลจะเป็น ความจริง แต่สำ� หรับวันนี.้ ..เอ่อ ทีก่ ระหม่อมเล็ดลอดเข้าไปได้กเ็ พราะ...เพราะ สบโอกาสพอดีพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างถ้ากระหม่อมเป็นผู้มีฤทธิ์เดชวิเศษอย่างที่ พระองค์กล่าว คงไม่ถูกทหารยามทั้งสองไล่ต้อนเอาจนมุม หากมิใช่เพราะ องค์รัชทายาททรงมีน�้ำพระทัยเมตตายื่นพระหัตถ์มาช่วยเหลือไว้ เห็นที ตอนนี้กระหม่อมคงไม่พ้นได้นอนในคุกหลวงไปแล้วละพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนเซียงหัวเราะแล้วเอ่ยออกมาด้วยน�้ำเสียงทีเล่นทีจริง “อืม เป็นเช่นนัน้ รึ ในเมือ่ ข้าช่วยเจ้าให้รอดพ้นคุกตะรางมาได้ เหตุใด เจ้าจึงมิขอบใจข้าสักค�ำ” จี้เซียวรีบลดตัวลงจากเบาะ คุกเข่าลงกับพื้นรถ “พระอาญามิพ้นเกล้า เพราะกระหม่อมตื่นตกใจเกินไปจึงเสีย มารยาท ขอบพระทัยองค์รัชทายาท” เหยียนเซียงยืน่ มือข้างหนึง่ ออกมารัง้ แขนเขา ด้วยก�ำลังวังชามหาศาล ร่างของจี้เซียวจึงถูกดึงเข้าไปจนชิดใกล้ จากนั้นใบหน้าสูงศักดิ์ก็ก้มลง 81


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร เพ่งพินิจดูใบหน้าของเขาอย่างสนอกสนใจ สายตาคมกริบที่มองมาท�ำให้จี้เซียวขนลุกซู่ไปทั้งตัว อดไม่ได้ที่จะ หดล�ำคอลงเล็กน้อย ขณะเอ่ยออกมาด้วยเสียงตะกุกตะกัก “อะ...เอ่อ...อะ...องค์ องค์รัชทายาท...” “ชิงหลาน เจ้ายังกลัวข้าอยูอ่ กี หรือ” เหยียนเซียงถามด้วยเสียงทุม้ ต�ำ่ “ข้าจะบอกให้ ที่ข้าช่วยเจ้าในครั้งนี้ หาได้มีแผนการอันใดไม่” พอพูดถึงตรงนี้ องค์รชั ทายาทก็ทอดถอนใจ จากนัน้ มือใหญ่กต็ บลง ที่ไหล่เขาเบาๆ สองที “ตัง้ แต่ขา้ ได้รบั แต่งตัง้ ให้เป็นรัชทายาท ทัง้ ขุนนางบ่าวไพร่ตา่ งล้วน พินอบพิเทา อีกทั้งยังประจบสอพลอ เที่ยวเฟ้นหาเพชรนิลจินดาของล�้ำค่า มากมายมาประเคนให้ ขอเพียงข้าเอ่ยปาก ไม่ว่าของหายากเพียงใดใน ใต้หล้านี้คงมีผู้เสาะหามาให้จนได้ ทว่า...” มุมปากถูกยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “มีเพียงแท่งหมึกมังกรของเจ้าเท่านั้นที่ข้าถูกปฏิเสธ ชิงหลาน เจ้า เป็นคนแรก...และคนเดียวเท่านั้นที่กล้าปฏิเสธประสงค์ของข้า ทั้งที่เป็นแค่ อาลักษณ์ตัวเล็ก ๆ แต่อุปนิสัยใจคอของเจ้าท�ำให้ข้ารู้สึกนับถือจริงๆ” เพราะไม่เคยคิดเลยว่าองค์รัชทายาทที่เขาเข็ดขยาดไม่อยากเจอ หน้า จะมีใจคอกว้างขวางถึงเพียงนี้ จี้เซียวจึงถึงกับนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออกไป ชั่วขณะ กว่าจะตะกุกตะกักเค้นค�ำพูดออกมาได้ก็นานโข “เอ่อ กระ...กระหม่อม...กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ” “ชิงหลาน” นัยน์ตาคมกริบของเหยียนเซียงยังคงจับจ้องอยูท่ ใี่ บหน้า ของเขาแล้วกล่าวต่อ “แม้ตัวข้าจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แต่ข้างกายกลับหา ขุนนางที่ซื่อตรงและไว้เนื้อเชื่อใจได้ยากยิ่ง เจ้ารู้หรือไม่ ชีวิตในวังหลวงแห่ง 82


จู่โร่ว นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินทางรอนแรมในยามดึกสงัด ที่แวดล้อมไปด้วย ภยันตราย มิหน�ำซ�้ำในบางครั้งยังมืดมนมองไม่เห็นทาง อ้างว้างเป็นที่สุด ดังนั้นข้าจึง...อยากจะขอให้เจ้ามาเป็น...คนสนิทของข้า เจ้าคิดเห็นเป็น ประการใด” จี้เซียวเผลอตัวสั่นหน้าปฏิเสธในทันทีโดยมิต้องเสียเวลาไตร่ตรอง ต่อเมื่อนึกขึ้นได้จึงรีบเอ่ยถ้อยค�ำ “เอ่อ ขอบพระทัยในพระเมตตา แต่กระหม่อมสติปัญญาน้อยนิด มี แต่จะท�ำให้ระคายเคืองเบือ้ งพระยุคลบาท คงไม่อาจรับหน้าทีน่ ไี้ ด้พะ่ ย่ะค่ะ” ทั้งที่เตรียมใจไว้ว่าอีกฝ่ายอาจโมโหและบังคับขู่เข็ญให้เป็นไป ตามใจตน แต่เหยียนเซียงกลับยังคงเยือกเย็น ยินเพียงเสียงถอนหายใจ ยืดยาว พร้อมกับใบหน้าหม่นหมองที่ส่ายไปมาเล็กน้อย “ชิงหลาน เจ้ายังไม่ตอ้ งรีบให้คำ� ตอบข้าหรอกนะ ลองเอากลับไปคิด ทบทวนดูสักสามสี่วันก่อน แล้วค่อยให้ค�ำตอบก็ได้” พูดจบก็ยื่นมือไปเลิก ผ้าม่านขึ้น ทอดสายตามองออกไปด้านนอก “ถึงบ้านเจ้าแล้ว เดี๋ยวข้าจะให้ คนมาประคองเจ้าลงจากรถ” แม้ใจอยากจะรีบออกจากตรงนีไ้ ปให้เร็วทีส่ ดุ แต่ขณะทีก่ ำ� ลังแหวก ผ้าม่านเพื่อเคลื่อนตัวลงจากรถ จี้เซียวก็กลั้นใจหันกลับไปอีกครั้งด้วยสีหน้า ลังเล “มีอยู่เรื่องหนึ่ง มิรู้ว่ากระหม่อมควรพูดดีหรือไม่” เหยียนเซียงถึงกับหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน “ใช่เรื่องของเสนาบดีหลี่หรือไม่” ถูกอีกฝ่ายล่วงรู้ความคิดทั้งที่ยังมิทันจะเอ่ยปาก จี้เซียวจึงก้มหน้า งุดด้วยความอับอาย 83


หลงโม่ ลิขิตรักหมึกเทพมังกร “องค์รัชทายาท...” “เสด็จพ่อใส่พระทัยกับคดีนี้เป็นอย่างยิ่ง เดิมทีแล้วต้องลงโทษ สถานหนักกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง อันที่จริงหลายวันมานี้ข้าก็พยายามช่วยพูด อยู่ หวังว่าจะสามารถรักษาชีวิตคนบริสุทธิ์ในครอบครัวของขุนนางเหล่านั้น ได้บ้าง” น�้ำเสียงเนิบๆ นั้นกล่าวต่อไปอย่างชัดถ้อยชัดค�ำ “เสนาบดีหลี่เองก็ ฉ้อโกงทรัพย์แผ่นดินไปไม่น้อย เฮ้อ! แม้ข้าจะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาเป็นอาจารย์ เจ้า แต่ก็มิอาจละเมิดกฎหมายบ้านเมืองจนละเลยความผิดของเขาได้ ชิงหลาน...เจ้าคงเข้าใจข้านะ” จี้เซียวพยักหน้ารับเงียบๆ ถวายบังคมลา แล้วจึงลงจากรถ พายุฝนทีซ่ ดั สาดมาตลอดคืนหยุดตกไปตัง้ แต่เมือ่ ใดก็ไม่รู้ อาลักษณ์ หนุ่มถือตะเกียงเขาแพะ2ค่อยๆ เดินกลับเข้าไปภายในบ้านอย่างไม่เร่งร้อน ในห้องนอนเงียบสงัด แสงไฟสลัวจากตะเกียงส่องสะท้อนให้เห็นเงา ร่างใครคนหนึง่ ทีย่ นื อยูต่ รงหน้าต่าง จีเ้ ซียวชะงักฝีเท้า วางตะเกียงลงบนโต๊ะ โดยแรงจนแสงไฟที่หรุบหรู่อยู่ด้านในดับลง “เจ้า! เหตุใดเจ้าจึงทิ้งข้าไว้เพียงผู้เดียวแบบนั้น!” เงาร่างของหลงโม่ขยับหันกลับมา แล้วค่อยๆ ก้าวเข้ามายืนอยู่ ข้างกายเขา “อวี้เยี่ยน ข้าขอโทษ เมื่อครู่ข้า...เจอกับอริเก่า” “อริเก่า?” จี้เซียวใคร่ครวญแล้วย้อนถาม “ไหนเจ้าบอกว่าเพิ่งออก มาเจอแสงเดือนแสงตะวันบนโลกมนุษย์ได้ไม่นาน แล้วอริอะไรนั่นมาจาก ที่ใด เจ้าหลอกข้าเล่นอีกแล้วใช่หรือไม่” ตะเกียงเขาแพะ เป็นตะเกียงที่มีวัตถุโปร่งแสงสวมครอบดวงไฟเอาไว้เพื่อป้องกันลมและฝน

2

84


จู่โร่ว หลงโม่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ยกมือขึ้น ตะเกียงน�้ำมันที่อยู่บน โต๊ะพลันสว่างวาบขึน้ ทันใด ฉายให้เห็นความเงียบงันทีป่ กคลุมไปทัว่ ทัง้ ห้อง ในตอนนี้จี้เซียวจึงเพิ่งเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายดูอ่อนล้าไม่น้อย ชายหนุ่ม กระแอมไอเบาๆ แล้วถามด้วยเสียงแผ่ว “อวี้เยี่ยน เจ้ายังอยากฟังเรื่องราวของข้าหรือไม่”

85


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.