สุภาษิตไทย

Page 1

1

สุ ภ าษิ ต คาพั ง เพยสานวนไทย

โดย นางสาวแอน เข็มเพ็ชร รหัสนักศึกษา 5315881050 คณะครุศาสตร์ เอกภาษาไทย ปี 3 หมู่ 1

มหาวิทยาลัยราชภัฎราไพพรรณี


2

คานา ในยุคปัจจุบันการติดต่อสื่อสารและการคมนาคมได้เจริญก้าวหน้าไปมาก ทาให้วัฒนธรรมทุกๆด้าน ค่อยๆผสมปนเปกันมากขึ้นๆ รวมทั้งวัฒนธรรมทางภาษาด้วย เรารับเอาภาษาต่างประเทศมาใช้และ ต่างประเทศก็รับเอาภาษาของเราไปใช้ด้วยเช่นเดียวกัน การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมนับว่าเป็น พัฒนาการทางภาษาได้อย่างหนึ่งแต่อย่างไรก็ตาม เราควรตระหนักว่า ภาษาเราเป็นวัฒนธรรมที่มี ความสาคัญ ต่อเอกลักษณ์ของความเป็นชาติไทยถ้าเราต้องการรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นชาติ เอาไว้ เราก็จาเป็นต้องรักษาภาษาของเราเอาไว้ให้ได้ ด้วยเหตุนี้ผู้จัดทาจึงได้จัดทา สื่อการเรียนการสอนนี้ขึ้น ในหัวข้อที่ว่าสานวนสุภาษิต และคา พังเพยไทยขึ้น เพื่อให้มีส่วนช่วยอนุรักษ์สานวนภาษาอันสวยงามและมีความไพเราะเพราะพริ้งของ เราเอาไว้ เพื่อให้ชาติไทยยังคงเป็นชาติไทยต่อไปตราบนานเท่านาน

แอน เข็มเพ็ชร ผู้จัดทา


3

สารบัญ

เรื่อง สุภาษิต สานวนไทย หมวด ก-จ บรรณานุกรม

หน้า 4-13 14


4

สุภาษิต สานวนไทย กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี สานวนคาพังเพยประโยคนี้เป็นสานวนเก่าซึ่งอาจจะมีมาจากครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ได้ เพราะปรากฏมีหลักฐานในเสภาขุนช้างขุนแผนตอนเถรกวาดแก้แค้นพลายชุมพลตอนหนึ่งด้วยว่า ” คนดีไม่สิ้นอยุธยา ” สานวนนี้เป็นความหมาย ที่อธิบายอยู่ในตัวแล้ว ” คนดี ” ก็คือคนเก่งหรือผู้มี ความสามารถในทางต่อสู้และความคิดอยู่พร้อม อย่าชะล่าใจนักจักเสียที กลิ้งครกขึ้นภูเขา สานวนนี้ มักจะพูดกันว่า ”เข็นครกขึ้นภูเขา ” กันส่วนมาก แต่แท้จริง ” ครก ” ต้องทา กริยา ” กลิ้ง ” ขึ้นไปจึงจะถูก กล่าวคาว่า ” เข็น ” แปลว่าเรื่องที่กาลังจะทาหรือจะทาให้สาเร็จ บรรลุผลนั้นยากลาบากแสนเข็ญมิใช่ของที่ทาได้ง่ายนักเปรียบได้กับการกลิ้งครกขึ้นภูเขาไปสู่ยอด เขา


5

กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แปลว่ า หมดหนทางที่ จ ะท าหรือไม่รู้จ ะทาอย่ างไรดีห รือเป็ นการทาให้ตัด สินใจไม่ถู ก เพราะจะไม่ทาลงไปก็ไม่ดีทาลงไปก็ไม่ดีเป็นการยากที่จะตัดสินใจทาลงไปได้ง่ายเหมือนก้างปลา หรือเศษอาหารอะไรอย่างหนึ่งเข้าไปติดอยู่กลางลาคอกลืนก็ไม่เข้าคายก็ไม่ออก กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ สานวนพังเพยนี้ มาจากการคั่วถั่วกับงาในกระทะเดียวกันถั่วเป็นของสุกช้างาสุกเร็วมัวรอ ไห้ถั่วสุก งาก็ไหม้เสียก่อนสานวนนี้หมายถึงการทาอะไรสองอย่างพร้อมกันหรือทาอะไรสักอย่างที่ ไม่รอบคอบมัวคิดแต่จะได้ทางหนึ่งต้องเสียทางหนึ่งในความหมายอีกแง่ก็แปลว่าการทาอะไรมัว รีรออยู่ ไม่รีบลงมือทาเสียแต่แรกครั้นพอลงมือจะทาก็ไม่ทันการเสียแล้ วเพราะคนอื่นเขาเอาไปทา เสียก่อน กาขี้ ดีกว่า กาตด ความหมายว่า ได้ในสิ่งที่เห็นหรือเป็นของได้แน่ดีกว่าคิดอยากได้ในสิ่งหรือของที่ไม่เห็น เหมื อ นไม่ มี ตั ว ตนการกิ น การอยู่ ใ ครไม่ สู้ พ่ อ การพายการถ่ อ พ่ อ ไม่ สู้ ใ คร :ส านวนนี้ อ ธิ บ าย ความหมายอยู่ในตัวแล้วแสดงว่าเรื่องกินแล้วเก่งจนไม่มีใครสู้แต่ถ้าเรื่องงานแล้วยอมแพ้ ซึ่งแปลว่า ขี้เกียจนั้นเอง กินที่ลับ ขับที่แจ้ง สานวนนี้ มีความหมายไปในทานองที่ว่าทาอะไรไว้ในที่ลับแล้วอดปากไว้ไม่ได้เอามา เปิดเผยให้คนทั้งหลายรู้เพื่อจะอวดว่าตนกล้าหรือสามารถทาอย่างนั้นได้โดยไม่กลัวใครผิดกฎหมาย อะไรทานองนั้นหรือไม่กลัว กินน้าใต้ศอก หมายไปในทางที่ว่าถึงจะได้อะไรสักอย่างก็ไม่เทียมหน้าหรือไม่เสมอหน้าเขาเช่นหญิงที่ ได้สามี แต่ต้องตกไปอยู่ในตาแหน่งเมียน้อยก็เรียกว่า “กินน้าใต้ศอกเขา” ที่มาของสานวนนี้ คนใน


6

สมัยก่อนอธิบายว่าคนหนึ่งเอาสองมือกอบน้ามากิน มากินอีกคนหนึ่งรอหิวไม่ไหวเลยเอาปากเข้า ไปรองน้าที่ไหลลงมาข้อศอกของคนกอบน้ากินนั้นเพราะรอหิวไม่ทันใจ กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา แปลว่าคนที่เนรคุณคนเปรียบได้กับคนที่อาศัยพักพิงบ้านเขาอยู่แล้วคิดทามิดีมิชอบให้ เกิดขึ้นภายในบ้านนั้นทาให้เจ้าของบ้านที่ให้อาศัยต้องเดือดร้อนคนโบราณเอาลักษณะของแมวที่ไม่ ดีคือกินแล้วไม่ขี้ให้เป็นที่กลับขึ้นไปขี้บนหลังคาให้เป็นที่สกปรกเลอะเทอะเพราะคนสมัยก่อน ต้องการให้หลังคาสะอาดเพื่อรองน้าฝนไว้กินจึงเอาแมวชั่วนี้ มาเปรียบเทียบกับคนชั่วที่ไม่รู้จัก บุญคุณคน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน เบี้ย ” ในสมัยก่อนเป็นพวกหอยชนิดหนึ่งเรียกว่า ” เบี้ยจั่น ” ใช้เป็นเงินแลกเปลี่ยนซื้อของ ได้แต่มีราคาต่าแปลตามตัวอักษรนี้ก็ว่าเก็บเบี้ยที่ตกอยู่ตามใต้ถุนร้านหรือแผงลอยวางของขายซึ่งตก หล่นอยู่บ้างเพราะมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนเบี้ยกับของโดยไม่เห็นว่าจะเป็นเบี้ยมีราคาต่าสานวนนี้จึง แปลความหมายว่าถึงจะทางานเล็กใหญ่ หรือค้าขายอะไรก็ตามก็พยายามค่อย ๆ ทาให้มีผลได้แม้ เล็ก ๆ น้อย ๆก็ยังดีกว่าปล่อยให้หลุดลอยไปเสีย เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้าแกง สานวนนี้มีความหมายแตกต่างกับประโยค ” เกลียดขี้ขี้ตาม ” เพราะแปลความหมายไป ในทางที่ว่าเกลียดตัวเขาแต่อยากได้ผลประโยชน์จากเขาหรือของ ๆ เขาตามความหมายเปรียบเทียบ ของส านวนที่ ว่ า เช่ น เกลี ย ดปล าไหล ในรู ปร่ า งของมั น แต่ เ มื่ อ เอามาแกงมี ร ส หอ ม ก็ทาให้อดอยากกินแกงไม่ได้ถึงแม้จะไม่กินเนื้อปลาไหลเลยก็ตาม แกว่งเท้าหาเสี้ยน หมายถึงคนที่ชอบทาอะไรเป็นการสอดแทรกเข้าไปยุ่งกับเรื่องของผู้อื่นเข้าจนกระทั้งกลาย เป็นเรื่องกับตัวเองจนได้เสมอเรียกว่าชอบสอดเข้าไปเกี่ยวสานวนในปัจจุบันเปลี่ยนไปใช้เป็นว่า ” แกว่งปากหาเท้า ”เสียแล้ว เพื่อให้ความชัดเจนขึ้น


7

ไก่กินข้าวเปลือก สานวนคาพังเพยประโยคนี้ ถ้าพูดให้เต็มความก็ต้องพู ดว่า ” ตราบใดที่ไก่ยังกินข้าวเปลือก อยู่ ตราบนั้นคนเราก็ยังอดกินสินบนไม่ได ” เข้าใจว่าเป็นคาพังเพยของจีน ๆ เอามาใช้เป็นภาษาของ เขาก่อนแล้วไทยเราเอามาแปลเป็นภาษาไทยใช้กันอยู่มากในสมัยก่อน ใกล้เกลือกินด่าง หมายความว่าสิ่งที่หาได้ง่ายหรืออยู่ใกล้ไม่เอากลับไปเอาสิ่งที่อยู่ไกลหรือหายากเปรียบได้ ว่าเกลือหาง่ายกว่าด่างความหมายอีกทางหนึ่งหมายถึงว่าอยู่ใกล้กับของดีแท้ ๆแต่ไม่ได้รับเพราะ กลับไปคว้าเอาของที่ดีหรือมีราคาด้อยกว่าคือด่างซึ่งมีรสกร่อยหรืออ่อนเค็มกว่าเกลือ ขนมพอผสมกับน้ายา ที่มาของสานวนคาพังเพยนี้เข้าใจว่ามาจาก ” ขนมจีนน้ายา ” ที่เราเคยรับประทานกัน มาแล้วคือขนมจีนกับน้ายาจะต้องผสมให้เข้ากันหรือได้ส่วนพอเหมาะจึงจะรับประทานอร่อย เรียกว่าเวลาตักน้ายาราดขนมลงบนขนมจีนต้องกะส่วนให้พอลงคลุกผสมกับขนมจีนได้พอเหมาะ หรือให้มีสัดส่วนเข้ากันพอดีทั้งสองฝ่ายเมื่อรับประทานแล้วเกิดอร่อยไม่ใช่ว่าขนมจีนอร่อยหรือ น้ายาอร่อยแต่อร่อยด้วยกันทั้งสองอย่างเรียกว่า ” พอดีกัน ” จึงเกิดเป็นสานวนที่ตีความหมายเอาว่า ทั้งสองฝ่ายต่างพอดีกันจะว่าข้างไหนดีก็ไม่ได้ ขี่ช้างอย่าวางของ เป็นสานวนเปรียบเทียบเตือนใจว่าการที่มีลูกน้องหรือมีผู้น้อยอยู่ในความปกครองบังคับ บัญชาของเราก็อย่าประมาทละเลยเสียต้องหมั่นกวดขันกาชับเปรียบได้กับคนขี่ช้างต้องคอยถือขอ สับช้างบังคับช้างไว้อยู่ตลอดเวลาถ้าวางของหรือไม่ใช้ขอคอยสับไว้ช้างก็อาจพาลเกเรไม่ทางานได้ ขี้ก้อนใหญ่ให้เด็กเห็น สานวนนี้หมายถึงการทาอะไรที่เป็นเรื่องไม่ดีเป็นเรื่องชั่วร้ายเลวทรามหรือการทุจริตโดย ไม่มีความละอายใจให้ผู้อื่นเห็นโดยเฉพาะหมายถึงผู้ใหญ่ที่ทาให้ผู้น้อยเห็นอย่างชัดแจ้ง


8

เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แปลตามประโยคสานวนก็ว่าเข้าเมืองตาบอดข้างเดียวถึงแม้ตาเราไม่บอดก็ต้องทาตาบอด ข้างเดียวตามเขาไปด้วย ( ตาหลิ่วในที่นี้หมายถึงตาบอดข้างเดียวหรือคนตาเดียวไม่ใช่หมายถึงทาตา หลิ่วหรือหลิ่วตา )หมายความว่าที่แห่งใดเขาประพฤติตามเขาไปด้วยอย่าไปประพฤติขัดแย้งกับเขา ขว้างงูไม่พ้นคอ หมายความว่ามีภาระหรือมีเรื่องเดือดร้อนทั้งของตนเองและที่เกี่ยวข้องอยู่แต่ไม่สามารถจะ แก้ไขให้รอดพ้นไปได้ ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง สานวนนี่เปรียบเทียบได้สองทางทางหนึ่งก็หมายถึงสิ่งที่แลดูภายนอกเป็นของดีหรือของ แท้แต่แท้จริงแล้วกลับไม่ใช่ของดีหรือของแท้นักอีกทางหนึ่งก็เปรียบได้กับสตรีที่งามแต่รูปแต่ กิริยาและความประพฤติไม่ดีหรืองามเหมือนรูปซึ่งตรงกันข้ามกับอีกสานวนหนึ่งที่ว่า ” ข้างนอก ขรุขระข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง “ ข้างนอกขรุขระข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง สานวนตรงข้ามกับ ” ข้างนอกสุกใส ” คือดูแต่ภายนอกไม่งามแต่แท้จริงกลับเป็นของแท้ ของงาม สตรีที่มีรูปร่างขี้ริ้วไม่งดงามแต่กิริยามารยาทเรียบร้อย จิตใจก็ดีงาม ตรงข้ามกับรูปร่าง ข้าวใหม่ปลามัน คนในสมัยโบราณถือว่า ” ข้าวใหม่ปลามัน ” คือข้าวที่เก็บเกี่ยวในครึ่งปีหลังเป็นข้าวที่ดีกว่า ข้าวเก่าและปลาเป็นอาหารคู่กับข้าว ” ปลามัน ” หมายถึงปลาในฟดุน้าลดมีมันมากรับประทาน อร่อยจึงมาผูกเป็นสานวนพังเพยเปรียบเทียบเช่น สามีภรรยาที่เพิ่งจะแต่งงานกันใหม่ๆ ย่อมจะอยู่ ในระหว่างกาลังเสพสุขสมรสมีรสชาติ


9

เขียนด้วยมือลบด้วยเท้า สานวนนี้เวลาพูดมักจะใช้คาตรง ๆ ว่า ” เขียนด้วยมือลบด้วยตีน ” เป็นความเปรียบเปรยถึง คนที่แต่แรกทาความดีจนเป็นที่เชื่อถือไว้แล้วแต่ภายหลัง กลับทาความชั่วลบล้างความดีของตนเสีย ง่าย ๆหรือเปรียบอีกทางหนึ่งถึงคนที่ออกคาสั่ง หรือให้สัญญาไว้แต่แรกอย่างหนึ่งแล้วปุบปับกลับ เปลี่ยนแปลงคาสั่งหรือสัญญานั้นเสียให้อยู่ในลักษณะตรงข้ามโดยไม่มีเหตุผล เขียนเสือให้วัวกลัว ตามธรรมชาติ เท่าที่รู้จักกันอยู่ว่า วัวเป็นสัตว์ที่กลัวเสืออยู่มากแม้จะมีรูปร่างใหญ่โตกว่า เสือก็ตามแต่และวัวมักจะเป็นเหยื่อเสือเสียส่วนมากเขาจึงเอามาเป็นสานวนพังเพยเปรียบเทียบถึง การที่ทาอะไรอย่างหนึ่งเพื่อให้เป็นการข่มขู่อีกฝ่ายหนึ่งไว้ก่อนให้กลัวเรียกว่าเขียนเสือให้วัวกลัว ขมิ้นกับปูน สานวนนี้หมายถึง คนที่ไม่ลงลอยกัน หรือ รสนิยมเข้ากันไม่ได้เมื่ออยู่ใกล้กัน ก็มักเป็นปาก เสียงทะเลาะวิวาทกันเปรียบดังขมิ้นกับปูนที่กินกับหมาก คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย สานวนนี้เป็นที่เข้าใจกันว่า เมื่อเวลาไปไหนคนเดียวไม่ปลอดภัยนักอาจเป็นอันตรายถึง ชีวิตได้ เรียกว่า ” หัวหาย ” ถ้าไปด้วยกันสองคนก็อาจจะช่วยขจัดเหตุร้ายหรือเป็นเพื่อนอุ่นใจได้ ดีกว่าไปคนเดียว คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ เปรียบผืนหนังของสัตว์ส่วนมากย่อมจะมีผืนเล็กกว่าเสื่อฉะนั้นสานวนนี้ก็หมายถึงว่า คนที่ จะรักเราจริง ๆมีน้อยแต่คนเกลียดหรือคนชังเรามีเป็นส่วนมากกว่า


10

คนตายขายคนเป็น หมายถึงคนที่ตายไปแล้ว มีหนี้สินติดตัว อยู่มากทาให้คนที่อยู่ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเป็นญาติพี่ น้องต้องรับผิดชอบใช้หนี้และมิหนาซ้าต้องเป็นภาระในการจัดทาศพซึ่งถ้าหากไม่มีเงินเลยก็ต้องไป กู้หนี้ยืมสินเขามาทาศพด้วย คนล้มอย่าข้าม ไม้ล้มจึงข้าม แปลว่า คนที่เคยมีอานาจและวาสนามาก่อนแต่ต้องตกต่าลงก็อย่าเพิ่งไปคิดดูถูกเหยียบย่า เข้าเพราะเขาอาจกลับฟื้นฟูขึ้นอีกได้ไม่เหมือนไม้ที่ไม่มีชีวิตวางทิ้งไว้จะข้ามจะเหยียบอย่างไรก็ได้ คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล สานวนนี้ มีความหมายหรือคาบรรยายอยู่ในตัวแล้ว คือคบคนชั่วคนชั่วก็ชักพาเราให้พลอย ไปทาชั่วด้วย ถ้าคบคนดีมีความรู้ก็ทาให้เราได้รับผลดีหรือได้รับความรู้ดีตามไปด้วย ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก หมายความว่า มีเรื่องราวเดือดร้อนเกิดขึ้นยังไม่ทันจะแก้ไขหรือจัดการให้สงบดี ก็เกิดมี เรื่องใหม่ซ้อนขึ้นมาอีกกลายเป็น ๒ เรื่องขึ้นในคราวเดียว ความรูท้ ่วมหัวเอาตัวไม่รอด สานวนนี้ หมายถึง คนที่ มี วิช าความรู้ดี หรือรู้สารพั ดเกื อบทุก อย่ างแต่ถึงคราวเกิ ดเรื่อง ขึ้นกับตัวเอง กลับจนปัญญาแก้ไขหรือความหมายอีกทางหนึ่งว่า มีความรู้อยู่มากมายแต่ใช้วิชาหา กินไม่ถูกช่องทาให้ต้องตกอยู่ในฐานะยากจนอยู่เรื่อยมา สู้คนที่ไม่รู้หนังสือเลยแต่หากินจนร่ารวย ไม่ได้ โค่นกล้วยอย่าไว้หน่อ สานวนนี้ มีประโยคต่อท้ายสัมผัสกันด้วยว่า ” ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก ” แต่เรามักพูดสั้น ๆ ว่า ” โค่นกล้วยอย่าไว้หน่อ ” หมายความว่าจะคิดกาจัดศัตรู ปราบพวกคนพาลให้หมดสิ้นทีเดียวแล้วก็


11

ต้องปราบให้เรียบอย่าให้พรรคพวกของมันเหลือไว้เลยแม้แต่คนเดียวมิฉะนั้นพวกที่เหลือนี้จะกลับ ฟื้นฟูกาลังขึ้นมาเป็นศัตรูกับเราภายหน้าได้อีก ทานองเดียวกับที่ว่า ถ้าเราจะขุดตอไม้ทิ้งเราก็ต้องขุด ทั้งรากทั้งโคนมันออกให้หมดอย่าให้เหลือไว้จนมันงอกขึ้นมาภายหลังได้อีก ฆ่าควายอย่าเสียดายพริก สานวนนี้หมายถึง การที่จะทางานใหญ่ ๆ เพื่อประโยชน์ที่จะได้รับจานวนมาก ๆแล้ว ก็อย่า เสียดายเงินทองหรือค่าใช้จ่ายที่จาเป็นต้องเสียที่เดียวนักเปรียบเหมือนฆ่าควายทั้งตัวเพื่อจะปรุง อาหารมาก ๆก็อย่าเสียดายพริกที่จะต้องใช้แกงหรือผัดมิฉะนั้นอาหารจะเสียรสเพราะเนื้อควายกับ พริกแกงไม่ได้สัดส่วนกัน ฆ่าช้างเอางา หมายความว่า ลงทุนลงแรงเพื่อทาลายของหรือสิ่งสาคัญใหญ่ ๆ โต ๆเพียงเพื่อต้องการจะ ได้ของสาคัญชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่สมกับค่าของ ๆที่ถูกทาลายลงไป เช่นทาลายชีวิตคน เพื่อต้องการ ทรัพย์สินหรือของมีค่าเล็กน้อยของคนผู้นั้นมาเป็นประโยชน์ของตนโดยไม่คิดว่าชีวิตของผู้นั้นมีค่า กว่าทรัพย์สินก้อนนั้นหรือเป็นการไม่สมควรเพราะผิดกฎหมายร้ายแรง เช่นนี้ก็เรียกว่า ” ฆ่าช้างเอา งา ” ได้เช่นเดียวกัน งมเข็มในมหาสมุทร สานวนนี้เปรียบเทียบ มหาสมุทรซึ่งเป็นสถานที่กว้างใหญ่ลึกลับเมื่อเข็มเย็บผ้าเพียงเล่ม เดียวที่ตกลงไปยังก้นมหาสมุทรจึงย่อมค้นหาไม่ใช่ของง่ายนัก หรือไม่อาจจะค้นหาได้เปรียบได้กับ การที่เราจะค้นหาอะไรสักอย่างหนึ่งที่อยู่ในวงกว้าง ๆไม่มีขอบเขต ย่อมสุดวิสัยที่เราจะค้นหาได้ง่าย งูเห็นนมไก่ ไก่เห็นตีนงู คาพังเพยสานวนนี้ จะพูดสลับกัน คือเอาประโยคหลังขึ้นก่อนก็ได้ว่า ” ไก่เห็นตีนงู งูเห็น นมไก่ ” เพราะความหมายสัมพันธ์กันซึ่งตามธรรมชาติแล้วเราจะไม่เคยได้เห็น ” ตีนงู ” หรือ ” นม ไก่ ” เลยเพราะงูไม่มีตีนและไก่ก็ไม่มีนม ความหมายของสานวนจึงแปลว่าคนสองคนต่างคนต่าง เห็นหรือรู้เรื่องเดิมหรือรู้ความในกันดีแต่คนอื่นอาจไม่เห็น หรือไม่รู้เรื่องของคนสองคนนี้เลย เช่น คนสองคนทาตนเป็ นคนมั่ ง มี หรือมี ความรู้สูงเพื่ออวดคนอื่น ๆแต่ทั้งสองคนนี้ต่างรู้ไ ส้กั นดีว่า


12

แท้จริงแล้วต่างคนต่างไม่มีเงินหรือไม่มีความรู้เลยเมื่อมาพบกันเข้าจึงเท่ากับว่า ” ไก่เห็นตีนงูงูเห็น นมไก่ “ จอดเรือไม่ดูท่า ขี่ม้าไม่ดูทาง หมายถึง การทาอะไรไม่พิจารณาให้รอบคอบเสียก่อนซึ่งอาจจะเกิดการผิดพลาดหรือ เสียหายได้ เปรียบได้กับการจอดเรือหรือขี่ม้าถ้าไม่ตรวจดูท่าจอดให้แน่นอน หรือไม่ดูหนทางที่จะขี่ ม้าไปว่าจะเหมาะหรือไม่ผลเสียหายก็ย่อมเกิดขึ้นได้ สานวนนี้บางทีก็พูดว่า ” จอดเรือให้ดูฝังจะนั่ง ให้ดูพื้น ” ซึ่งมีความหมายในทางตักเตือนไว้ก่อน จ้าวไม่มีศาล สมภารไม่มีวัด เป็นสานวนเปรียบเปรยถึงคนที่เร่ร่อนไม่มีที่อยู่ประจาเป็นหลักแน่นอน โจรปล้น ๑๐ครั้งไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว สานวนนี้มีความหมายอธิบายอยู่ในตัวแล้ว ถึงแม้คนเราจะถูกโจรขึ้นปล้นบ้านสัก ๑๐ครั้ง หรือมากกว่านั้นก็ยังไม่ทาให้ข้าวของหรือทรัพย์สินบางอย่างภายในบ้านเราถึงขนาดหมดเกลี้ยงตัว เลยทีเดียวนักแต่ไฟไหม้ครั้งเดียวเผาผลาญทั้งทรัพย์สินและที่อยู่เราวอดวายเป็นจุลไปหมดโบราณ จึงว่า ” โจรหรือขโมยขึ้นบ้านสัก๑๐ ครั้งไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว จับปลาสองมือ เป็นสานวนหมายถึงคนที่มุ่งหวังอยากจะได้ทีเดียวพร้อม ๆ กันสองอย่างโดยไม่คานึงว่า ตนเองมีความสามารถที่จะทาได้หรือไม่เปรียบได้กับการใช้มือจับปลาตัวเดียวให้มั่นดีกว่าจับด้วย มือเดียวหรือข้างละตัวซึ่งอาจจะไม่มั่นพอทาให้ปลาทั้งสองตัวหลุดตกน้าไปหมดเลยก็ได้สานวนนี้ เปรียบเทียบได้กับการที่ผู้ชายเราคิดจะมีภรรยาทีเดียวสองคนโดยวิธีเกี้ยวผู้หญิงสองคนในเวลา เดียวกัน


13

จับแพะชนแกะ หมายถึงการทาอะไรที่ขาดความเรียบร้อยไม่เป็นกิจลักษณะคือเอาทางโน้นมาใช้ทางนี้ เอา ทางนี้ไปแทนทางโน้นสับสนวุ่นวายไปหมดหรือทาให้ไม่ประสานกันหรือไม่ต่อเนื่องกันเท่ากับเอา แพะมาชนกับแกะ เพราะแกะเป็นสัตว์ต่างพันธุ์หรือต่างชนิดกันและไม่เคยปรากฏว่าแพะกับแกะจะ มีผู้เคยเอามาชนกันมาก่อน จับเสือมือเปล่า สานวนนี้ ใช้เปรียบกับการที่ทางานอะไรสักอย่างโดยไม่ต้องลงทุนหรือไม่มีทุนจะลงเลย ซึ่งอาจจะเป็นผลสาเร็จหรือไม่ก็ตามเรียกว่าเป็นการลองเสี่ยงหรือใช้ความสามารถของตนเองเป็น หลักใหญ่เข้าทา


14

บรรณานุกรม

http://www.rakjung.com/thai-no167.html http://hilight.kapook.com/view/68531


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.