2 minute read

ประเภทบัญชี Exness มีกี่แบบ? ควรเลือกบัญชีไหนให้เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ

หากคุณกำลังเริ่มต้นเทรดกับ Exness หรือแม้กระทั่งเป็นเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์แล้ว คำถามหนึ่งที่มักจะผุดขึ้นในหัวก็คือ “ประเภทบัญชี Exness มีกี่แบบ และแบบไหนเหมาะกับเรา?” คำตอบสั้น ๆ คือ Exness มีบัญชีหลัก 5 ประเภท โดยแบ่งออกเป็นบัญชีสำหรับมือใหม่และบัญชีสำหรับมืออาชีพ ซึ่งแต่ละบัญชีก็มีจุดเด่น ข้อจำกัด และกลุ่มเป้าหมายต่างกันอย่างชัดเจน ดังนั้นการเข้าใจประเภทบัญชีแต่ละแบบคือก้าวแรกที่สำคัญของการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

Exness มีบัญชีทั้งหมดกี่ประเภท?

ในปัจจุบัน Exness ให้บริการบัญชีอยู่ทั้งหมด 5 ประเภทหลัก ได้แก่:

1.      บัญชี Standard

2.      บัญชี Standard Cent

3.      บัญชี Raw Spread

4.      บัญชี Zero

5.      บัญชี Pro

ทั้ง 5 ประเภทนี้ถูกออกแบบให้ครอบคลุมทั้งกลุ่มเทรดเดอร์มือใหม่ เทรดเดอร์ระดับกลาง ไปจนถึงเทรดเดอร์มืออาชีพ และแต่ละบัญชีก็รองรับเครื่องมือเทรดมากมาย เช่น Forex, ทองคำ, ดัชนี, หุ้น, สกุลเงินดิจิทัล และพลังงาน

1. บัญชี Standard – ตัวเลือกยอดนิยมสำหรับมือใหม่

บัญชีประเภทนี้เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นการเทรด เพราะมีข้อดีหลายประการ เช่น ไม่กำหนดเงินฝากขั้นต่ำ (คุณสามารถเริ่มเทรดด้วยเงินแค่ไม่กี่ร้อยบาทก็ได้) ค่าสเปรดต่ำ เริ่มต้นเพียง 0.3 pip และไม่มีค่าคอมมิชชั่น

จุดเด่นหลัก:

·         เหมาะกับมือใหม่

·         ไม่มีค่าคอมมิชชั่น

·         ฝากเงินเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย

·         รองรับการเทรดทุกประเภทสินทรัพย์

บัญชีนี้ช่วยให้คุณฝึกฝนกลยุทธ์โดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนสูง และยังสามารถใช้กับแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง MT4 และ MT5 ได้อีกด้วย

2. บัญชี Standard Cent – ฝึกเทรดแบบไร้ความเสี่ยง

บัญชี Cent ของ Exness เป็นบัญชีจำลองที่ใช้เงินจริง แต่แสดงยอดเป็นเซ็นต์ เช่น ฝาก 10 ดอลลาร์ คุณจะมี 1,000 เซ็นต์ในบัญชี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทดลองระบบเทรด ฝึกวางแผนการจัดการเงิน และทดสอบ EA หรือบอท

ข้อดี:

·         เงินฝากเริ่มต้นต่ำมาก

·         ความเสี่ยงต่ำ เหมาะกับการฝึกฝน

·         แสดงยอดเงินเป็นเซ็นต์ ทำให้สามารถเทรดในปริมาณเล็กมากได้

แม้บัญชี Cent จะไม่สามารถใช้กับ MT5 ได้ (รองรับเฉพาะ MT4) แต่ก็ยังถือเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้เริ่มต้นอย่างแท้จริง

3. บัญชี Raw Spread – เหมาะกับคนชอบค่าสเปรดต่ำสุด

สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการค่าสเปรดที่แทบเป็นศูนย์ บัญชี Raw Spread คือคำตอบ ค่าสเปรดเริ่มต้นเพียง 0.0 pip เท่านั้น แม้จะมีค่าคอมมิชชั่นประมาณ 3.5 USD ต่อฝั่ง (7 USD ต่อรอบ) แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับการเข้าออกออเดอร์แบบแม่นยำ

จุดเด่น:

·         ค่าสเปรดเริ่ม 0.0 pip

·         ค่าคอมมิชชั่นคงที่

·         เหมาะกับสาย Scalping และเทรดเร็ว

·         เข้าถึงราคาตลาดได้แบบ Real-time

หากคุณต้องการความแม่นยำและความรวดเร็วในการเทรดระยะสั้น Raw Spread คือตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

4. บัญชี Zero – ค่าสเปรด 0 จริงตามชื่อ

บัญชีนี้คล้ายกับ Raw Spread ตรงที่มีค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip แต่สิ่งที่แตกต่างคือ Exness การันตีค่าสเปรดเป็นศูนย์ในคู่เงินหลักมากกว่า 95% ของช่วงเวลาเทรด โดยเฉพาะช่วงตลาดยุโรปหรืออเมริกา

สิ่งที่ควรรู้:

·         ค่าสเปรด 0 สำหรับคู่เงินหลัก เช่น EUR/USD

·         ค่าคอมมิชชั่นแตกต่างกันไปตามเครื่องมือที่เทรด

·         เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดต้นทุนในการเข้าออเดอร์อย่างจริงจัง

บัญชี Zero จึงเหมาะกับคนที่ต้องการราคาที่ดีที่สุดสำหรับการเข้าเทรดในช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูง

5. บัญชี Pro – ความยืดหยุ่นระดับมืออาชีพ

บัญชี Pro ให้เงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ ด้วยค่าสเปรดต่ำ (เริ่ม 0.1 pip) ไม่มีค่าคอมมิชชั่น และมีความเร็วในการดำเนินคำสั่งที่สูงมาก

จุดเด่น:

·         ไม่มีค่าคอมมิชชั่น

·         สเปรดต่ำมาก

·         เหมาะกับเทรดเดอร์ที่เน้นการวิเคราะห์และบริหารพอร์ตระยะกลางถึงยาว

ถ้าคุณเป็นคนที่วางแผนการเทรดอย่างเป็นระบบ และต้องการการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ บัญชี Pro คือคำตอบ

สรุป: เลือกบัญชี Exness แบบไหนดี?

การเลือกบัญชีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับระดับประสบการณ์ เงินทุน และสไตล์การเทรดของคุณ

·         มือใหม่: เริ่มจาก Standard หรือ Cent เพื่อเรียนรู้และฝึกฝน

·         สาย Scalping หรือเทรดเร็ว: Raw Spread หรือ Zero จะตอบโจทย์ที่สุด

·         เทรดเดอร์ที่มีระบบวางแผนชัดเจน: Pro คือบัญชีที่สมดุลทั้งต้นทุนและความยืดหยุ่น

หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกแบบไหนดี Exness ให้คุณเปิดหลายบัญชีพร้อมกันได้ และยังสามารถสลับบัญชีเทรดได้ตามความเหมาะสมของกลยุทธ์ในช่วงเวลานั้น ๆ

การลงทะเบียนบัญชี Exness👈

เคล็ดลับก่อนเปิดบัญชี Exness

1.      ทดลองด้วยบัญชี Demo ก่อน – เพื่อทดสอบกลยุทธ์โดยไม่เสียเงินจริง

2.      ศึกษาค่าธรรมเนียมอย่างละเอียด – เช่น ค่าสเปรด ค่าคอมมิชชั่น ค่า swap

3.      เลือกแพลตฟอร์มที่คุณถนัด – ทั้ง MT4, MT5 หรือ Exness Terminal

4.      วางแผนการจัดการเงิน (Money Management) – เพื่อควบคุมความเสี่ยงอย่างมืออาชีพ

5.      เริ่มต้นจากเล็ก แล้วค่อยขยาย – เริ่มจากจำนวนเงินที่คุณยอมรับความเสี่ยงได้

สุดท้ายนี้...

การรู้ว่า “บัญชี Exness มีกี่แบบ” และเข้าใจข้อดี-ข้อจำกัดของแต่ละประเภทบัญชี จะช่วยให้คุณเริ่มต้นเส้นทางเทรดอย่างมั่นใจและลดความผิดพลาดที่ไม่จำเป็น หากคุณเลือกบัญชีได้ตรงกับความต้องการของตนเอง ไม่ว่าจะเทรดระยะสั้นหรือยาว มือใหม่หรือมือโปร ก็สามารถพัฒนาและเติบโตได้ในตลาดฟอเร็กซ์อย่างยั่งยืน

อ่านเพิ่มเติม:

This article is from: