สวนครัวเพื่อสุขภาพ

Page 1

ผักสวนครัว

เพื่อสุขภาพ


สารบัญ

3

ความหมายของผักสวนครัว

4

ประเภทของผักสวนครัว

5

ประโยชน์ของผักสวนครัว36ชนิ ด ที่ใกล้ตวั

8

การปลู กผักสวนครัวด้วยวิธีง่ายๆ

14

6 เมนู อาหารผักสวนครัวเพื่อสุขภาพ


18 20

สวนครัวบนตึกระฟ้า

ชาผักสวนครัว... ของขวญ ั เพื่อสุขภาพ



VEGETEBLES


6

YOU KNOW ผักสวนครัว คืออะไร ?


7

พืชผักสวนครั ว หมายถึง พืชที่ใช้ สว่ นต่างๆ เป็ นอาหาร เช่น ลำต้ น ใบ ดอก ผล และหัว พืชผักสวนครัวสามารถปลูกไว้ ในบริ เวณ บ้ านเพื่อใช้ บริ โภคภายในครอบครัว ถ้ าเหลือ ก็สามารถนำไปจำหน่ายเพื่อเป็ นรายได้ เสริ มให้ กบั ครอบครัว ผักเป็ นอาหารประจำวันของมนุษย์ เป็ นแหล่งอาหารให้ แร่ธาตุวิตามิ นที่มีคณ ุ ค่าทางอาหารสูงมีราคาถูก เมื่อเปรี ยบเทียบกับเนื ้อสัตว์จากข้ อ มูลวิจยั กล่าวว่า มนุษย์เราควรบริ โภคผักวันละประมาณ 200 กรัม เพื่อใ ห้ ร่างกายได้ รับแร่ ธาตุและวิตามินอย่างเพียงพอผลการวิจยั ของศูนย์วิจั ยและพัฒนาพืชผักแห่งเอเชีย ชี ้ให้ เห็นว่าประชากรของประเทศไทยโดย เฉพาะสตรี มีครรภ์และพวกเด็กๆ มักขาดแคลนแร่ธาตุวิตามินกันมาก ป ระกอบกับปั ญหาด้ านเศรษฐกิจที่สง่ ผลกระทบ ทำให้ มีคา่ ครองชีพสูงขึ ้น ดังนันกรมส่ ้ งเสริ มการเกษตร จึงได้ มีการรณรงค์ให้ มีการปลูกผักสวนครัวไ ว้ รับประทานเองในครอบครัว โดยมีวตั ถุประสงค์เพื่อให้ มีพืชผักเพียงพอแก่การบริ โภคในครัวเรื อน ทำให้ ได้ รับสารอาหารครบ ตามความต้ องการของร่างกาย และช่วยลดภาวะค่าครองชีพ


8

ประเภทของผักสวนครัว การแยกประเภทของ ผักสวนครัว นัน้ เราสามารถแยก ออกได้ ตามประโยชน์และการนำมาใช้ งานด้ านการปรุงอ าหารน่ะนะคะ โดยแบ่งผักออกเป็ นสามประเภทดังนี ้คือ 1. ผักที่เรารับประทานต้ น ใบ ยอด ซึง่ ก็จะได้ แก่ ผักบุ้ง ผักคะน้ า ตำลึง กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี ผักกาดเขียว ผักกาดขาว ผักกาดหอม ผักตังโอ๋ ผักชี หอม หน่อไม้ ฝรั่ง เป็ นต้ น 2. ผักที่เรารับประทานผล ฝั ก และหัว ซึง่ ได้ แก่ มะเขือ มะเขือพวง พริ ก ถัว่ แขก ถัว่ พู ถัว่ ฝั กยาว ฟั ก แฟง น้ ำเต้ า แตงกวา ฟั กทอง บวบ บีท แครอท เผือก หอม ข้ าวโพดอ่อน เป็ นต้ น 3. ผักที่เราใช้ ชรู ส ได้ แก่ มะกรูด มะนาว สะระแหน่ ยี่หร่า ข่า ตะไคร้ โหระพา กะเพรา เป็ นต้ น

ซึง่ ส่วนใหญ่แล้ ว ผู้ที่นิยม ปลูกผักสวนครัว เอาไว้ รับประทานเอง ก็มกั จะเลือกปลูกผักหลาย ๆ ประเภทคละเคล้ ากันไปตามความ ต้ องการและความนิยมในการรับประทานค่ะ แต่ก็ไม่ใช่วา่ นึกอย ากจะปลูกผักชนิดไหน ก็ไปซื ้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกได้ เลย เพราะผัก แต่ละชนิดก็มีความต้ องการพื ้นฐานในการปลูกต่างกัน ดังนัน้ กา รจะปลูกผักสวนครัวเอาไว้ ในรัว้ บ้ านก็ควรจะมีการวางแ ผนการปลูกเอาไว้ ก่อน เพื่อที่เราจะได้ มีผกั สดหลากหลา ยชนิดไว้ รับประทานได้ เพียงพอตลอดปี น่ะนะคะ


9

ประโยชน์ ของผักสวนครัว36ชนิ ด ที่ใกล้ตวั ที่จริ งแล้ วผักสวนครัวทังหลายไม่ ้ วา่ จะเป็ น โหระพา ขิง ข่า ตะไคร้ หรื อใบสระแหน่ ก็ล้วนแต่มีประโยชน์ทงนั ั ้ น้ โดยเฉ พาะสรรพคุณทางยาของความเป็ นสมุนไพรไทยที่ใครได้ ยินแล้ วจะต้ องบอกว่า สุดยอด เสมอ ว่าแล้ ววันนี ้ก็เลยอยากให้ คณ ุ ๆไ ด้ ร้ ูจกั กับประโยชน์ของพืชผักสวนครัวเหล่านี ้กัน


10

36 ผักสวนครัวใกล้ตวั 1 สะเดา (Neem tree) มี เ บต้ าแคโรที น สู ง บำรุงสายตา เสริ มระบบภูมิค้ มุ กัน ทำให้ นอนหลับ 2 ผักกาดขาว (Chinese white cabbage) ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปั สสาวะ แก้ ไอ มีโฟเลทสูง บำรุงคุณแม่ตงครรภ์ ั้ 3 ต้ น ห อ ม ( S h a l l o t ) มี น้ ำ มั น ห อ ม ร ะ เ ห ย บรรเทาอาการหวัด มีสารฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็ ง 4 แครอท (Carrot)เบต้ าแคโรทีนป้องกันโรคมะเร็ ง มีแคลเซียม แพคเตท ลดระดับ คลอเลสเตอรอลได้ 5 หอมหัวใหญ่ (Onion) มีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ ำตาลในเลือด 6 คะน้ า (Chinese kale) มีแคลเซียมและสาร ต้ านอนุมลู อิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ ง 7 พริก (Chilli) มีแคปไซซินกระตุ้นการขยาย ตัวของหลอดเลือด ช่วยให้ เจริ ญอาหาร ขับเหงื่อ 8 กระเจีย๊ บเขียว (Okra) ลดความดั น โลหิ ต บำรุงสมอง ลดอาการกระเพาะหรื อลำไส้ อกั เสบ 9 ผักกระเฉด(Water mimosa)ดับพิษไข้ กากใยช่ว ยระบบขับของเสีย เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร 10 ตำลึง (Ivy gourd)มีวิตามินเอสูงดีตอ่ ดวงตา เส้ นใยจับไนเตรต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ งในก ระเพาะอาหาร 11มะระ(Chinesebittercucumber) มีแคลเซียมฟอสฟอรัส เป็ นยาระบายอ่อน ๆ น้ ำคันลดระดั ้ บน้ ำตาลในเลือด 12 ผักบุ้ง (Water spin-

ach) บรรเทาอาการร้ อนใน มีวิตามินเอบำรุงสายตา ธาตุเหล็กบำรุงเลือด 13 ขึน้ ฉ่ าย (Celery) กลิ่ น หอมช่ ว ยเจริ ญ อาหาร มีวิตามินเอ บี และซีบำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด 14 เห็ด (Mushroom) แคลอรี น้อยไขมันต่ำ มีวิตามิ นดีสงู ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริ มกระดูกและฟั น 15 บัวบก (Indian pennywort) มีวิตามินบีสงู ช่ วยให้ ร่ า งกายผ่ อ นคลายบำรุ ง สมองและความจำ บำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ 16สะระแหน่ (Kitchenmint)กลิ่นหอมเย็นของใบให้ ควา มสดชื่นทำให้ ความคิดแจ่มใสแก้ ปวดหัว 17 ชะพลู (Cha-plu) ร ส ช า ติ เ ผ็ ด เ ล็ ก น้ อ ย แก้ จกุ เสียด ขับเสมหะ มีแคลเซียมสูง 18 ชะอม (Cha-om) ช่ ว ยลดความร้ อนในร่ า งกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้ นใยคอยจับ อนุมลู อิสระ 19 หัวปลี (Banana flower) รสฝาด แก้ ร้อนใน กระหายน้ ำ และบำรุงน้ ำนม มีกากใย โปรตีน และวิตามินซีสงู 20 กระเทียม (Garlic)ลดไขมันในเลือด ป้องกันหัวใ จขาดเลือดใบกระเทียมมีโฟเลท เหล็กวิตามินซีสงู 21 โหระพา (Sweet basil) น้ ำมันหอมระเหยทำให้ โล่งจมูกช่วยระบายลม มีเบต้ าแคโรทีนแคลเซียม 22 ขิง (Ginger) บ ร ร เ ท า อ า ก า ร ห วั ด เ ย็ น


ลดอาการคัดจมูก รสเผ็ดร้ อน แก้ อาการท้ องอืดท้ องเฟ้อ 23 ข่ า (Galangal) น้ ำมันหอมระเหยช่วยระบบย่อยอา หารขับลม มีฤทธิ์ฆา่ เชื ้อแบคทีเรี ยและเชื ้อรา 24กระชาย(Wildginger) บรรเทาอาการท้ องอื ด ท้ องเฟ้ อ บำรุงธาตุ มีวิตามินเอและแคลเซียม 25 ถั่วพู (Winged bean) ให้ คุณ ค่า ทางอาหารสูง มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสาร ช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว 26 ดอกขจร (Cowslip creeper)กระตุ้นให้ ร้ ูรสอาหารให้ พลังงานสูง ประกอบด้ วยคาร์ โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน 27 ถั่วฝั กยาว(Long bean) มีเส้ นใยช่วยลดคอเลสเต อรอลมีวิตามินซีชว่ ยให้ ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก บำรุงเลือด 28 มะเขือเทศ (Tomato) มีวิตามินเอสูง วิตามินซี รสเปรี ย้ ว ช่วยกระตุ้นน้ ำย่อย และแก้ อาการคอแห้ ง 29 กะหล่ ำปลี (White cabbage)มีกลูโคซิโนเลท เมื่อแต กตัวจะเป็ นสารต้ านมะเร็งและมีวิตามินซีสงู 30 มะเขือพวง (Plate brush eggplant) ช่วยให้ เจริ ญอา หารและช่วยลดความดันเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส 31 ผักชี (Chinese paraley) ขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่ อยอาหารมีน้ำมันหอมระเหยแก้ หวัด มีวิตามินเอและซีสงู 32 กุยช่ าย(Floweringchivesมีกากใยช่วยระบายของเสีย มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้ างเม็ดเลือดแดง 33 ผั ก ก า ด หั ว ( C h i n e s e r a d i s h ) แก้ ไอขับเสมหะ เพิ่มภูมิต้านทางโรค มีสารช่วยให้ กระเพาะอ าหารและลำไส้ บีบตัวได้ ดี 34กะเพรา(Holybasil) แก้ อาการจุกเสียดแน่นท้ อง มีเบต้ าแคโรทีนสูงป้องกันโรคมะเร็ง และโรคหัวใจขาดเลือดได้ 35 แมงลัก (Hairy basil) ช่ ว ย ย่ อ ย อ า ห า ร ป้องกันเลือดออกตามไรฟั น ขับลม ขับเหงื่อ 36 ดอกแค (Sesbania) กิ น แ ก้ ไ ข ช่ ว ง ที่ อ า กาศเปลี่ยนแปลง เป็ นยาระบายอ่อน ๆ มีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา

11


12

การปลู กผักสวนครัวด้วยวิธีง่ายๆ มาดูวิธีปลูกผักสวนครัวง่าย ๆ ที่คณ ุ เองก็ทำได้ หากคุณเป็ นคนที่มีใจรักในการปลูกต้ นไม้ ใบหญ้ าและเป็ นคนมือเย็น ปลูกอะไรก็ขึ ้นก็งอกงามแล้ วล่ะก็ เราขอแนะนำให้ ปลูก ผักสวนครัวกินเองเลยค่ะ เพราะบางต้ นไม่เพียงนำมาประกอบอาหารได้ เท่านัน้ แต่ยงั มีสรรพคุณทางยาที่ดีมากด้ วยนะคะ นอกจากนี ้ บางต้ นยังเหมาะกับการตกแต่งสวนหลังบ้ านของเราด้ วยค่ะ ส่วนจะเลือกผักหรื อเลือกต้ นไม้ แบบไหนมาปลูกผักสวนครัวนัน้ หลักการเลือกคือต้ อง ปลูกง่าย ดูแลง่าย กินง่าย นะคะ ไม่ต้องซับซ้ อนมาก เราจะได้ มีเวลาดูแลยังไงล่ะคะ และวันนี ้เราก็มีตวั เลือกผัก สวนครัว พร้ อมวิธีการปลูกผักสวนครัวแบบง่าย ๆ มาฝากกันค่ะ จะมีอะไรบ้ างนันไปดู ้ กนั เลยจ้ า

1. ใบกะเพรา สรรพคุณ

ใบกะเพราสด นำมาต้ มให้ เดือดและกรองเอาน้ ำดื่ม เป็ นยาแก้ ขบั ลม ท้ องอืด ท้ องเฟ้อ ปวดท้ อง บำรุงธาตุ ขับผายลม แก้ อาการจุกเสียดในท้ อง นอกจากนี ้ยังใช้ ขบั เสมหะ ขับเหงื่อ หรื อ ใช้ ทาภายนอกแก้ โรค ผิวหนัง กลากเกลื ้อนได้ สำหรับเมล็ดกะเพรามีสรรพคุณใช้ พอกบริ เวณตา ทำให้ ผง หรื อฝุ่ น ละอองที่เข้ าตาออกมาโดยไม่ทำให้ ตาช้ ำด้ วย ส่วนรากที่แห้ งแล้ ว นำมาชงหรื อต้ มกับน้ ำร้ อนดื่ม แก้ โรคธาตุพิการ อย่างไรก็ตาม สรรพคุณสำคัญของใบกะเพรา ที่คนส่วนใหญ่ไม่ร้ ูกนั ทังที ้ ่ใช้ บริ โภคกันอยูใ่ น ชีวิตประจำวัน ก็คือ สรรพคุณขับไขมันและน้ ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย จึงเป็ นเหตุผลที่วา่ ตำรับอาหารไทยส่วนใหญ่มกั มีใบกะเพราะเป็ นส่วนผสมอยูด่ ้ ว ยนัน่ เองค่ะ วิธีการปลูก

วิธีการปลูกใบกะเพราก็ไม่ยากเลย เพียงแค่เริ่ มจากเตรี ยมแปลงปลูก ก่อนหว่านเมล็ดลงไป แต่คณ ุ อาจจะเริ่ มจากการปั กชำก้ านที่เหลือจากการซื ้อมา ทำกับข้ าวก็ได้ นะคะ พอต้ นโตออกดอก เมล็ดที่ห ล่นก็งอกต้ นใหม่อีกหลายต้ น หลังเพาะประมาณ 7 - 10 วัน เมล็ดเริ่ มงอก พอผ่านไป 15 - 30 วัน จึงเริ่ มใส่ป๋ ยยู ุ เรี ย หรื อแอมโมเนียมซัลเฟต 1- 2 ช้ อนชาต่อน้ ำ 10 ลิตร รดทุก 5 - 7 วันได้ สำหรับการรดน้ ำ ให้ รดน้ ำอย่างเพียงพอและส ม่ำเสมอทุกวัน หลังปลูกไปประมาณ 30 - 35 วันก็เก็บกินได้ แล้ วค่ะ ส่วนเคล็ดลับที่จะทำให้ ต้น กะเพราเก็บกินใบได้ นาน ๆ ก็คือ อย่าให้ ออกดอก พอออกดอกแล้ วต้ นจะโทรม อายุสนั ้ ถ้ าออกดอกก็ ให้ หมัน่ ตัดทิ ้งเป็ นระยะ


13

2. โหระพา สรรพคุณ

โหระพามีสรรพคุณทางยาสมุนไพรที่หลากหลาย ใบส ดของโหระพามีสรรพคุณแก้ ท้องอืด ท้ องเฟ้อ ขับลมจากลำไส้ ต้ มดื่มแก้ ลมวิงเวียน ช่วยย่อยอาหาร แก้ หวัด ขับเหงื่อ ถ้ าเด็กปวดท้ อง ใช้ ใบโหระพา 20 ใบ ชงน้ ำร้ อนและนำมาชงนมให้ เด็กดื่มแทนยาขับลมได้ ส่วนเมล็ดแก่ นำมาแช่น้ำตำพอกหรื อประ คบแก้ ไขข้ ออักเสบ แผลอักเสบ หรื อ ใช้ เป็ นยาขับปั สสาวะและยา ระบายอ่อน ๆ เพื่อแก้ อาการท้ องผูก โดยนำเมล็ดแก่แช่น้ำให้ พอง ตัวเต็มที่รับประทานกับขนมหวานโดยผสมกับน้ ำหวานและน้ ำแข็ง นอกจากนี ้ นำใบโหระพาแห้ งมาบดเป็ นผง ใช้ รักษาอาการเหงือกอักเสบเป็ นหนองได้ วิธีการปลูก โหระพาเป็ นพืชที่ปลูกครัง้ เดียวสามารถเก็บเกี่ยวได้ 1 - 2 ปี เริ่ มจากการเตรี ยมดินควรมีความร่วนซุย มีการระบายน้ ำดี ต่อมาเริ่ มขันตอนการปลู ้ กควรทำในเวลาเย็น วิธีการปลูกที่นิยมมี 2 วิธีด้วยกัน คือ การปั กชำและการเพาะเมล็ด โหระพาเ ป็ นพืชที่ต้องการความชื ้นสูงและสม่ำเสมอ ดังนันจึ ้ งควรมีการรดน้ ำให้ ทกุ วัน แต่ระวังอย่าปล่อยให้ มีการท่วมขังของน้ ำใน แปลง ในระยะแรกควรทำการพรวนดินและกำจัดพืชทุก ๆ 1 - 2 สัปดาห์ ถ้ าจะใส่ป๋ ยให้ ุ ใช้ ป๋ ยแอมโมเนี ุ ยมซัลเฟต ในอัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ ละลายน้ ำรดหลังปลูกประมาณ 15 - 20 วัน จะทำให้ เจริ ญเติบโตดียิ่งขึ ้น หลังจากปลูกประมาณ 30 - 35 วัน สามารถทำการเก็บเกี่ยวได้ แล้ วค่ะ เช่นเดียวกับใบกะเพราค่ะ อย่าให้ ออกดอก ถ้ าออกดอกก็ตดั ทิ ้ง ๆ เรื่ อย ๆ นะคะ จะทำให้ เก็บกินใบโหระพาได้ นาน ๆ ค่ะ

6. ตะไคร้

สรรพคุณ ทังต้ ้ นตะไคร้ ใช้ เป็ นยารักษาโรคหืดแก้ ปวดท้ องขับปั สสาวะและแก้ อหิวาตกโรค หรื อทำเป็ นยาทานวดก็ได้ และยังใช้ รวมกับสมุนไพรชนิดอื่นรักษาโรคได้ เช่น บำรุงธาตุ เจริ ญอาหาร และขับเหงื่อ ส่วนหัวตะไคร้ ใช้ เป็ นยารักษาเกลื ้อน แก้ ท้องอืดท้ องเฟ้อ แก้ โรคทางเดินปั สสาวะ แก้ นิ่ว บำรุงไฟธาตุ แก้ อาการขัดเบา ถ้ าใช้ รวมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะเป็ นยาแก้ อาเจียน แก้ ซาง ลดความดันสูง แก้ ลมอัมพาต แก้ กษัยเส้ น และแก้ ลมใบ แก้ โรคหนองใน และนอกจากนี ้ยั งใช้ ดบั กลิน่ คาวด้ วย ใบสด ๆ จะช่วยลดความดันโลหิตสูง แก้ ไข้ ส่วนราก ใช้ เป็ นยาแก้ ไข้ เหนือ ปวดท้ องและท้ องเสีย วิธีการปลูก ตะไคร้ เป็ นพืชที่มีอายุหลายปี ปลูกง่ายเจริ ญได้ ดีในดินแทบทุกชนิด เริ่ มจากการเตรี ยมดิน โดยใส่ป๋ ยคอกหรื ุ อปุ๋ยหมั กคลุกเคล้ าให้ เข้ ากับดินขุดหลุมปลูก นำพันธุ์ตะไคร้ ที่เตรี ยมไว้ ตดั ใบออก ให้ เหลือต้ นยาว ประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร มาแช่น้ำประมาณ 5 - 7 วัน เพื่อให้ รากงอก รากที่แก่เต็มที่จะมีสีเหลืองเข้ ม นำไปปลูกในแปลง วางต้ นพันธุ์ให้ เอียง 45 องศาไปด้ านใดด้ านหนึง่ แล้ วกลบดิน จากนันรดน้ ้ ำให้ ชมุ่ หลังปลูกได้ ประมาณ30 วัน ก็ควรใส่ป๋ ยสู ุ ตร 15 - 15 - 15 หรื อ 46 0 - 0 อัตรา 50 กิโลกรัม/ไร่ ควรให้ น้ำพอหน้ าดินชื ้น ประมาณ 1 - 2 วันจึงรดน้ ำครัง้ หนึง่ เก็บเกี่ยวเมื่อตะไคร้ อายุประมาณ 90 วัน


14

3. ผักบุ้ง สรรพคุณ สำหรับผักบุ้งที่ทานกันอยูม่ ี 2 ประเภท คือ ผักบุ้งไทย และ ผักบุ้งจีน ผักบุ้งไทยจะมีสรรพคุณทางยามากกว่าผักบุ้งอื่น แต่สำหรับผั กบุ้งจีนจะมีแคลเซี่ยม และเบต้ า-แคโรทีน มากกว่า ส่วนที่ใช้ ประโยชน์ของผักบุ้งไทยต้ นขาวคือ ดอก ใบ ต้ น และราก ซึง่ แต่ละส่วนจะให้ ส รรพคุณแตกต่างกัน - ดอก ใช้ เป็ นยาแก้ กลากเกลื ้อน - ต้ นสด ใช้ ดบั พิษ รักษาแผลไฟไหม้ น้ ำร้ อนลวก ลดอาการแพ้ อักเสบ บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงกระดูกและฟั น ช่วยรักษาโรคเบาหวาน เป็ นยาดับร้ อน แก้ ปัสสาวะเหลือง - ทังต้ ้ น ใช้ แก้ โรคประสาท ปวดศรี ษะ อ่อนเพลีย แก้ กลาก เกลื ้อน แก้ เบาหวาน แก้ ตาอักเสบ บำรุงสายตา แก้ เหงือกบวม แก้ ฟกช้ ำ ถอนพิษ - ใบ ใช้ ถอนพิษแมลงสัตว์กดั ต่อย นำใบสดมาตำ แล้ วคันเอาน้ ้ ำมาดื่ม จะทำให้ อาเจียน ถอนพิษยาเบื่อเมา แก้ พิษของฝิ่ นและสารหนู มีวิตามินเอสูง เป็ นสารต้ านอนุมลู อิสระ - ราก ใช้ แก้ ไอเรื อ้ รังและแก้ โรคหืด ถอนพิษผิดสำแดง ใช้ แก้ สตรี มีตกขาวมาก เบาขัด เหงื่อออกมาก ลดอาการบวม วิธีการปลูก

ผักบุ้งที่คนรับประทานส่วนใหญ่ คือ ผักบุ้งจีน ซึง่ ปลูกง่าย เจริ ญเติบโตเร็ ว การดูแลรักษาง่าย สามารถปลูกได้ ตลอดปี และขึ ้นได้ ในดินทุกชนิด เริ่ มจากการหว่านเมล็ด ต้ นกล้ าจะเริ่ มงอก 2 - 3 วันหลังหยอดเมล็ด ผักบุ้งชอบดินที่มีความชื ้นสูง ดังนั ้ น้ ควรให้ น้ำบ่อย ๆ อย่าให้ ขาดน้ ำ เพราะผักบุ้งอาจจะชะงักการเจริ ญ แคระแกรน และไม่จำเป็ นต้ องกำจัดศัตรูพืชเพราะเป็ นผักที่มีอายุสนแ ั้ ละเจริ ญเติบโตเร็ วมาก สามารถขึ ้นคลุมพื ้นที่ได้ อย่างรวดเร็ ว หลังจากหว่านเมล็ดประมาณ 25 - 30 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ โดยใช้ มือถอ นทังราก ้ แล้ วนำมาล้ างให้ สะอาด หรื อหากไม่ถอน สามารถใช้ มือเด็ดหรื อมีดตัดยอดไปบริ โภคและปล่อยโคนไว้


15

4. พริก สรรพคุณ นอกเหนือจากการเป็ นเครื่ องปรุงให้ มีรสเผ็ด รสแซ่บแล้ ว พริ ก ยังมีสรรพคุณในทางการแพทย์ด้วย เช่น สารสำคัญที่มีในพริ ก คือ แคปไซซิน สามารถฆ่าเชื ้อแบคทีเรี ยที่เป็ นสาเหตุของการเกิดโรคกระเพาะอาหารได้ นอกจากนัน้ พริ กยังช่วยลดการอุดตันของเส้ นเลือด ลดการเสียชีวิตอันเนื่ องมาจากเส้ นเลือดที่ไปเลี ้ยงสมองอุดตัน อีกทังพริ ้ กยังช่วย ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง เนื่องจากพริ กเป็ นพืชผั กที่มีวิตามินซีสงู นอกจากนี ้ สารแคปไซซินในพริ กยังช่วยเสริ มสร้ างอารมณ์ให้ ดีขึ ้นได้ เนื่องจากสารตัวนี ้เป็ นสารที่มีสว่ นใ นการส่งสัญญาณให้ ตอ่ มใต้ สมองสร้ างสารเอนดอร์ ฟินซึง่ มีคุ ณสมบัตบิ างประการที่สำคัญคล้ ายมอร์ ฟีน คือ บรรเทาอาการเจ็บปวด ในขณะเดียวกันก็ชว่ ยให้ อารมณ์ดีขึ ้น วิธีการปลูก การปลูกพริ กนันทำได้ ้ งา่ ย ๆ เพียงแค่นำเมล็ดพริ กไปหยอดในหลุมที่เตรี ยมไว้ หลุมละ 3 - 5 เมล็ดกลบแล้ วก็รดน้ ำ สำหรับพริ กเ ป็ นพืชที่ทนแล้ งดีกว่าทนน้ ำ แต่ในระยะที่พริ กเริ่ มออกดอก พริ กจะต้ องการน้ ำมากกว่าปกติ ช่วง 3 วันแรกควรให้ น้ำวันละ 2 ครัง้ เช้ าเย็น และค่อย ๆ ลดลงเรื่ อย ๆ จนผ่านไป 7 สัปดาห์ก็ให้ น้ำสัปดาห์ละ 1 ครัง้ พริ กจะเริ่ มให้ ผลผลิตหลังจากปลูกแล้ ว 2 เดือนครึ่งถึง 3 เดือน ในระยะแรกผลผลิตจะได้ น้อยและจะค่อย ๆ เพิ่มมากขึ ้นตามลำดับ ควรเก็บเกี่ยวอาทิตย์ละ 1 ครัง้ ทังนี ้ ้ผลผลิตจะเริ่ มลดล งเมื่อพริ กเริ่ มแก่

5. สะระแหน่ สรรพคุณ สะระแหน่ ใช้ เป็ นยาคลายความกดดันของกล้ ามเนื ้อที่เกิดจากความเหนื่อยล้ าและค วามเครี ยด น้ ำมันสาระแหน่ชว่ ยขจัดลมร้ อน ใช้ เป็ นยาดับร้ อน ถอนพิษไข้ ขับลม ขับเหงื่อ รักษาอาการหวัดลมร้ อน สามารถรักษาอาการปวดศีรษะ หน้ ามืดตาลาย ปวดฟั น เจ็บคอ เจ็บปาก เจ็บลิ ้น โดยดื่มน้ ำต้ มใบสะระแหน่ 5 กรัม กับน้ ำ 1 ถ้ วย ผสมเกลือเล็กน้ อย วันละ 2 ครัง้ นำใบสะระแหน่ต้มดื่มแต่น้ำช่วยรักษาอาการปวดท้ อง ท้ องอืด ท้ องเฟ้อ ช่วยขับลมในกระเพาะ บิด ท้ องร่วง อุจจาระเป็ นเลือด หรื อ แก้ พิษแมลงสัตว์กดั ต่อย โดยตำใบสะระแหน่ให้ ละเอียด พอกบริ เวณที่โดนกัด ทังยั ้ งช่วยห้ ามเลือดกำเดาได้ โดยใช้ สำลีชบุ น้ ำที่คนจากใบสะระแหน่ ั้ หยอดที่รูจมูก และสะระแหน่ยงั ใช้ ไปทำน้ ำมันหอมระเหยเพื่อใช้ ในการทำสุคนธบำบัด อีกทังยั ้ งใช้ เป็ นยารักษาโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ วิธีการปลูก

ใช้ การปั กชำ โดยเลือกกิ่งที่ไม่ออ่ นหรื อไม่แก่เกินไป ปั กจิ ้มลงไปในแปลงเพาะชำหรื อแปลงปลูกที่มีดนิ ร่วนซุย ปั กให้ กิ่งเอนทาบกับดิน รดน้ ำให้ ชมุ่ แต่อย่าให้ ถงึ กับแฉะแล้ วโรยแกลบทับกลบดินเพื่อรักษาความชุม่ ชื ้นให้ หน้ าดิน ประมาณ 4 - 5 วันก็จะ แตกใบ แตกยอดเลื ้อยคลุมดิน ต้ นสะระแหน่ชอบดินร่วนซุยที่ระบายน้ ำได้ ดี และต้ องการแสงสว่าง แต่ไม่ต้องการแดดที่ร้อนจั ดจนเกินไป จะปลูกในที่ร่มหรื อในที่แดดก็ได้ ควรรดน้ ำให้ ชมุ่ อยูเ่ สมอ จะทำให้ สะระแหน่เจริ ญเติบโตเร็ วขึ ้น


16

7. มะกรู ด สรรพคุณ

ใช้ ผลสด นำมาประกอบอาหาร หรื อนำมาดองใช้ เป็ นยาฟอกเลือดในสตรี ขับลมในลำไส้ ขับระดู แก้ ลมจุกเสียด แก้ โรคลักปิ ดลักเปิ ด และใช้ บำรุงประจำเดือน หรื อใช้ ผลสด นำมาผิงไฟให้ เกรี ยมแล้ ว ละลายให้ เข้ ากับน้ ำผึ ้ง ใช้ ทาลิ ้นให้ เด็กที่เกิดใหม่ นอกจากนี ้ ใช้ เป็ นยาบำรุงหัวใจ แก้ แน่น แก้ เสมหะ โดยฝานผิวมะกรูดสดเป็ นชิ ้นเล็ก ๆ 1 ช้ อนแกง เติมการบูร หรื อ พิมเสน 1 หยิบมือ ชงด้ วยน้ ำเดือด แช่ทิ ้งไว้ ดื่มแต่น้ำรับประทาน 1 - 2 ครัง้ หรื อนำมาใช้ สระผมทำให้ ผมสะอาดชุม่ ชื ้น เป็ นเงางาม ดกดำ ผมลื่นด้ วย หรื อใช้ มะกรูดเผาไฟ นำมาผ่าซีกใช้ สระผม จะรักษาชันนะตุ ส่วนน้ ำมะกรูดใช้ ถฟู ั น แก้ เลือดออกตามไรฟั นได้ ด้วยนะ วิธีการปลูก มะกรูดปลูกได้ ดีในดินทุกชนิด ควรปลูกด้ วยกิ่งตอน ก่อนจะปลูกควรนำปุ๋ยคอกมาใส่ผสมกับดิน เพื่อให้ ดินมีอาหารอุดมสมบูรณ์ดี ในระยะที่ปลูกมะกรูดใหม่ ๆ ต้ องหมัน่ รดน้ ำให้ ความชุม่ ชื ้นแก่พืช จะทำให้ พืชตังตั ้ วได้ เร็ ว แตกใบอ่อนกิ่งอ่อนดี ควรใส่ป๋ ยเพิ ุ ่ มธาตุอาหารให้ พืชเป็ นครัง้ คราว ซึง่ อาจเป็ นปุ๋ยอินทรี ย์หรื อปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และปุ๋ยชีวภาพก็ได้ หรื อปลูกมะกรูดด้ วยเมล็ด ให้ นำเมล็ดไปแช่น้ำประมาณ 6 ชัว่ โมง เพื่อเพิ่มความชื ้นภายในเมล็ดทำให้ เมล็ดงอกได้ งา่ ย นำเมล็ดไปปลูกลงในถุงเพาะช ำแกลบดำประมาณ 3 - 4 เมล็ดต่อถุง ทำการรดน้ ำทันที เพราะในแกลบดำจะมีความโปร่งมาก ไม่อมน้ ำ ประมาณ 20 - 25 วันเมล็ดมะกรูดก็จะงอกออกมา หลังจากนันประมาณ ้ 1 - 2 เดือนก็สามารถนำไปปลูกลงดินได้

8. ข่ า สรรพคุณ ใช้ เหง้ าข่าแก่สด ตำให้ ละเอียด เติมน้ ำปูนใส ใช้ น้ำยาดื่ม ครัง้ ละครึ่งถ้ วยแก้ ว วันละ 3 เวลา หลังอาหาร รักษาท้ องขึ ้น ท้ องอืด ท้ องเฟ้อ ขับลม แก้ ท้องเดิน (ที่เรี ยกโรคป่ วง) แก้ บดิ อาเจียน ปวดท้ อง หรื อ ใช้ เหง้ าข่าแก่ๆ ที่สด 1 แง่ง ตำให้ ละเอียด เติมเหล้ าโรงพอให้ แฉะ ๆ ใช้ ทงเนื ั ้ ้อและน้ ำ รักษาลมพิษ โดยทาบริ เวณที่เป็ นลมพิษบ่อย ๆ จนกว่าจะดีขึ ้น นอกจากนี ้ยังใช้ รักษากลากเกลื ้อน โรคผิวหนัง โดยใช้ เหง้ าข่าแก่ เท่าหัวแม่มือ ตำให้ ละเอียดผสมเหล้ าโรง ทาที่เป็ นโรคผิวหนัง หลาย ๆ ครัง้ จนกว่าจะหาย วิธีการปลูก ข่าเป็ นพืชกินหัวหรื อเหง้ าส่วนที่อยูใ่ ต้ ดนิ เราใช้ หวั หรื อแง่งแก่จดั ของข่าเดิม ซึง่ ที่หวั แม่นี ้จะมีข้อและที่ข้อจะมีตา และที่ตานี่เองจะง อกเป็ นหน่อโผล่พ้นดินขึ ้นมา จากนันก็ ้ จะแตกหัวแขนงออกมาอีก จากหลาย ๆ หน่อที่ปลูกก็จะแตกออกกลายเป็ นกอใหญ่ที่มีหวั หรื อเหง้ าจำนวนมาก ธรรมชาติของพืชหัวหรื อเหง้ า จะเจริ ญเติบโตได้ ดีในดินร่วนปนทราย ต้ องก ารความชื ้นสม่ำเสมอและต้ องการแสงแดด 100% สำหรับในช่วงอากาศหน าวเย็นการเจริ ญเติบโตจะช้ าลง หลังจากปลูกไปแล้ วประมาณ 15 - 20 วัน รากจะเริ่ มเดิน ในช่วงนี ้ควรให้ น้ำ 2 - 3 วัน/ครัง้ และให้ น้ำผสมปุ๋ยน้ ำทำเอง 7 - 10 วันครัง้ การขุดขึ ้นมาแต่ละครัง้ ไม่ควรขึ ้นขึ ้นมาหมดทังกอ ้ ให้ เหลือไว้ 3 - 4 แง่ง เพื่อเป็ นต้ นพันธุ์


17

9. กระเฉด สรรพคุณ ช่วยในการดับพิษร้ อน พร้ อมกับสามารถถอนพิษไข้ และพิษเบื่อเมา ได้ และในผักกระเฉดนัน้ ยังมีประโยชน์และมีวิตามิน ไม่วา่ จะเป็ นวิตามินเอ แคลเซียม รวมถึงธาตุเหล็กด้ วย นอกจากนี ้ ผักกระเฉดนันยั ้ งเป็ นพืชผักที่มีแร่ธาตุ พร้ อมทังวิ ้ ตามินที่สงู และที่ สำคัญก็คือ มีแคลเซียมพร้ อมทัง้ มี ฟอสฟอรัส ที่ยงั เป็ นแร่ธาตุเหล็กมีปริ มา ณที่สงู มาก ทังยั ้ งมีวิตามินซี ไนอะซิน คือวิตามินบีชนิดหนึง่ ฉะนันแล้ ้ วจึงมีป ระโยชน์สำหรับกระบวนการ การเผาผลาญของสารอาหารที่สร้ างพลังงานในร่างกายของคนเราเป็ นอย่างดีด้วย วิธีการปลูก การเตรี ยมพื ้นที่ที่จะปลูกผักกระเฉด เริ่ มจากการหาพื ้นที่ที่มีคนั ดินกันน้ ้ ำได้ สูงประมาณ 1 เมตร อาจทำการปลูกแบบลอยแพ หรื อดำกอในสระได้ ต่อมาเตรี ยมพันธุ์ผกั ที่อวบใหญ่ มีปล้ องยาว และไม่มีโรค ใบเหลือง ใบหยิก เพื่อทำการปลูก สำหรับวิธีการบำรุง คือ นำน้ ำที่ได้ จากการหมักจากผัก ผลไม้ เหลือทิ ้ง + น้ ำตาล + หัวเชื ้อ ลงไปพร้ อมกับน้ ำที่เติมลงในสระ ส่วนวิธีการกำจัดศัตรูพืช คือ ให้ ใช้ ผงสะเดา ผสมในอัตราส่วน 30 - 40 ซีซี ต่อน้ ำ 20 ลิตร ทำการพ่นทุก ๆ วัน หรื อหากพบปั ญหาโรคโคนเน่า แก้ ไขด้ วยการปรับสภ าพน้ ำให้ เป็ นกลางด้ วยซิลเิ กตและพ่นยากำจัดเชื ้อรา เริ่ มต้ นจากการปลูกรอประมาณ 3 เดือน ก็สามารถตัดยอดอ่อนแรกได้ แล้ วค่ะ

10. ผักหวาน สรรพคุณ

- ราก แก้ ไข้ ระงัดความร้ อน ถอนพิษไข้ แก้ ไข้ กลับ เนื่องจากกินของแสลง รักษาโรคอีสา แก้ โรคมะเร็งคุด รักษาโรคคางทูม ใบ รับประทานแก้ ปวดเมื่อยร่างกาย เป็ นยาบำรุงสุขภาพหลังคลอดบุตร - ใบและราก ใช้ ตำพอกแผล ฝี - ยอด โรคโลหิตจาง ผิวหนังแห้ ง ไข้ ร้อนใน ตามัว วิธีการปลูก นำกิ่งพันธุ์ผกั หวานที่ได้ ทำการขยายพันธุ์โดยการปั กชำ นำมาปลูกในแปลงยกร่อง แล้ วคลุมด้ วยฟาง เพื่อรักษาความ ชื ้นและป้องกันวัชพืชขึ ้น ระยะแรกควรให้ น้ำวันละ 2 ครัง้ เช้ าเย็น หลังจากผักหวานมีอายุได้ 2 – 3 เดือน ก็ให้ น้ำวันละ 1 ครัง้ เมื่อผักหวานอายุ 1 เดือน ควรกำจัดวัชพืช พร้ อมใส่ป๋ ยอิ ุ นทรี ย์ หรื อปุ๋ยชีวภาพอัดเม็ด อัตราต้ นละ 1 กำมือ หรื อประมาณ 50 กิโลกรัม/ ไร่ ผักหวานจะเริ่ มเก็บเกี่ยวได้ เมื่ออายุ 2 – 3เดือน โดยเว้ นระยะห่าง 7 วัน เก็บได้ 1 ครัง้ หลักจากเก็บเกี่ยวยอดผักหวานได้ 4 - 5 ครัง้ ให้ ตดั แต่งกิ่งต้ นผักหวาน โดยให้ ผกั หวานเหลือความสูง 50 - 60 เซนติเมตร แล้ วใส่ป๋ ยอิ ุ นทรี ย์ หรื อปุ๋ยชีวภาพอัดเม็ด


18

6 เมนู อาหารผักสวนครัว เพื่อสุขภาพ กะหล่ำปลียด ั ไส้ ประโยชน์ของกะหล่ำปลีนนั ้ มีสรรพคุณทางยาที่ชว่ ย ลดโอกาสการเป็ นมะเร็งลำไส้ ในผู้ชายลงได้ ถงึ 66% เลยที่เดียว และถ้ าคุณทานกะหล่ำปลีสกุ วันละ 2 ช้ อนโต๊ ะ ก็จะช่วยป้องกันมะเร็งในช่องท้ องได้ ด้วยอีกต่ างหาก เห็นสรรพคุณของกะหล่ำปลีผกั พื ้นบ้ านของเรา แล้ ว เมนูอาหารต่อไปของคุณก็อย่าลืมนำกะหล่ำปลีม าทำเป็ นส่วนประกอบน่ะค่ะ ส่วนประกอบการทำ “กะหล่ำปลีม้วนยัดไส้ ” กะหล่ำปลี 1 หัว โดยใช้ แต่ใบของกะหล่ำปลี แครอท 1 หัว หรื อจะเป็ นต้ นหอมก็ได้ ไข่ไก่ 1 ฟอง แฮม หรื อไส้ กรอก น้ ำจิ ้ม หรื อน้ ำพริ ก ตามที่คณ ุ ชอบ วิธีการทำ กะหล่ำปลีม้วนยัดไส้ ตรี ยมกะหล่ำปลี แครอท ให้ พร้ อม พร้ อมล้ างน้ ำให้ สะอาด เลือกนำแต่ใบของกะหล่ำปลีมาล้ างน้ ำให้ สะอาดอีกครัง้ ทังด้ ้ านนอก และด้ านใน นำ กะหล่ำปลีที่ล้างน้ ำเสร็จแล้ วไปพักไว้ จากนันจึ ้ งต้ มน้ ำเปล่าให้ สกุ ใส่ใบกะหล่ำปลีลงไปในหม้ อที่ตงไฟไว้ ั้ รอประมาณ 2-3 นาที จึงนำออก เมื่อได้ กะหล่ำปลีที่ต้มในหม้ อแล้ ว 2-3 นาที นำมาใส่ในน้ ำเย็นอีกครัง้ เพื่อให้ ใบกะหล่ำปลีมีสีสนั ที่สดใส จากนันมาทำไส้ ้ โดยนำไข่มาทอดลงกะทะ รวมทัง้ แฮม หรื อไส้ กรอก ที่เราใช่เป็ นไส้ ในผักกะหล่ำปลี โดยที่คณ ุ สามารถใช้ อย่างอื่นก็ได้ ตามแ ต่ที่คณ ุ มี หัน่ ไข่เจียวเป็ นชิ ้นเล็กๆ รวมทังไส้ ้ กรอก เพื่อเตรี ยมทำเป็ นไส้ นำ ผักกะหล่ำปลีที่พกั เอาไว้ มาม้ วนกับไข่เจียว และไส้ กรอก ที่หนั เป็ นชิ ้นเล็กๆ โดยม้ วนตามภาพ พันด้ วยเส้ นแครอท หรื อเส้ นต้ นหอม ที่คณ ุ เตรี ยมไว้ เพียงเท่านี ้คุณก็จะได้ เมนูสขุ ภาพแสนอร่อย ที่สามารถทานคูก่ บั น้ ำจิ ้ม หรื อน้ ำพริ ก ที่คณ ุ ชอบได้ วิธีการทำเมนูสขุ ภาพดูไม่ยงุ่ ยากจนเกินไปใช่ไหมล่ะค่ะ ยังไงซะเมนูมื ้ อต่อไปของคุณอย่าลืม เมนูกะหล่ำปลีม้วนยัดไส้ น่ะค่ะ


19

สลัดซีซา ่ ร์ กินผักสดสบายท้ อง น้ ำสลัดกินง่ายปรุงเองตามชอบ ส่วนผสมสำหรับ 1-2 ที่ ผักสลัดใบเขียวตามชอบ 150 กรัม มะเขือเทศราชินี 50 กรัม เบคอนทอดกรอบ 50 กรัม ขนมปั งกรอบครูตองส์กระเทียม เครื่ องเทศ Garlic-Herb Butter Croutons 50 กรัม น้ ำมันมะกอก 1 ถ้ วย ชีสพาร์ มีซาน 30 กรัม ไข่ต้ม 1 ฟอง หัวหอมแดง/ หัวหอมใหญ่ซอย 1 ช้ อนโต๊ ะ น้ ำสลัดซีซาร์ ตามชอบ เครื่ องปรุงน้ ำสลัดซีซาร์ ชีสพาร์ มีซาน 2 ช้ อนโต๊ ะ กระเทียมสับละเอียด 1 ช้ อนชา น้ ำมะนาว 3 ช้ อนโต๊ ะ พริ กไทยดำบดหยาบตามชอบ ไข่แดง 2 ฟอง เกลือเล็กน้ อย วิธีทำ 1. ตีสว่ นผสมเครื่ องปรุงของน้ ำสลัดทังหมดเข้ ้ าด้ วยกัน เติมน้ ำมันมะกอกแล้ วคนให้ เข้ ากันอีกครัง้ ถ้ าชอบกลิน่ ปลาแองโชวี่ก็สาม ารถสับลงไปผสมได้ 2. จัดผัก มะเขือเทศ และเครื่ องปรุงสลัดต่าง ๆ ใส่จานราดน้ ำสลัดให้ ทวั่ โรยหัวหอมแดงซอย พร้ อมเสิร์ฟ เวลาในการปรุง 25 นาที

ผักม้วน5สี สูตรนี ้ไม่เน้ นการเติมเครื่ องปรุงมาก โดยเฉพาะพวกซอสปรุงรสใส่เ พียงเล็กน้ อยเท่านัน้ ขันตอนในการทำ ้ เริ่ มจากผัดไส้ ทงหมดกั ั้ บน้ ำมั นและกระเทียมเล็กน้ อย พร้ อมทังปรุ ้ งรส เมื่อผัดไส้ สกุ แล้ วให้ นำไป ม้ วนกับใบกะหล่ำปลีต้มสุก โดยม้ วนเป็ นหลอดและมัดด้ วยต้ นหอม นำไปนึง่ จนสุก ส่วนน้ ำซุปผัก ใช้ แครอท หัวไชเท้ า ปอกเปลือกหัน่ เป็ นท่อน ฟั กทองหัน่ เป็ นชิ ้นโต หอมหัวใหญ่ผา่ ครึ่งผล ข้ าวโพดหวานใช้ ทงฝั ั้ ก และผักชีทงต้ ั ้ น นำต้ มลงในหม้ อพร้ อมกัน ใช้ ไฟแรงจนเดือด ลดไฟลง และเคี่ยวต่อด้ วยไฟอ่อนๆ เป็ นเวลา 1 ชัว่ โมง กรองแต่น้ำ เมื่อได้ น้ำซุปผักจึงนำมาทำน้ ำแดง โดยใส่น้ำซุปลงไปในกระทะ ตามด้ วยเห็ดหอมหัน่ บางๆ เมื่อเดือดแล้ ว ตามด้ วยพริ กไทยป่ น และน้ ำมันงาเล็กน้ อย

เติมแป้งมันละลายน้ ำคนจนส่วนผสมเข้ ากัน

ปรุงรสด้ วยซอสถัว่ เหลือง

สำหรับผู้ที่ชอบกลิน่ ของเหล้ าจีนก็สามารถใส่ได้ เล็กน้ อยเช่นกัน จากนันคนทั ้ งหมดให้ ้ เข้ ากันแล้ วนำน้ ำแดงราดบนผักม้ วนที่เตรี ยม ไว้ โรยหน้ าด้ วยผักชีและผักชี ้ฟ้าแดงให้ ดสู วยงามน่ารับประทาน


20

หอหมกปลาช่อนใบยอ ห่อหมกปลาช่อนใบยอ ส่วนผสม 1. มะกรูด ใบตอง กระทิ หัวกระทิ พริ กเเกงเเดง(ทำห่อหมก) เนื ้อปลาช่อน ผักชี ใบยอ 2.ปลาช่อน หัน่ เอาเนื ้อ 1 ถ้ วย วิธีทำ 1. เตรี ยมใบมะกูดมาหันฝอยๆ ใบยอ พริ กแกงแดงทำห่อหมก 2.คันน้ ้ ำกะทิ แล้ วนำพริ กแกงมาใส่ หัวกระทิแยกไว้ 3.นำเนื ้อปลาช่อนมาใส่หม้ อพร้ อมเครื่ องแกงตีไข่เป็ ด ใส่ 2ฟอง ปรุงรส คนให้ เข้ ากัน จนเป็ นเนื ้องวดๆ 4.เตรี ยมใบตองพร้ อมห่อ ใส่พริ กแกงคนพร้ อมกับหัวกระทิ รองด้ วยใบยอ 5.นำใบย่อรองบนใบตองก่อนแล้ วนำเครื่ องแกงห่อหมกมาใส่ตามด้ วยใบมะกูด ราดด้ วยหัวกะทิข้นๆ ราดลองไป เสร็ จแล้ วก็หอ่ 6.เมื่อห่อเสร็ จแล้ ว นำไปนึง่ ให้ สกุ ประมาณ 30-40 นาที จนหอม 7.ยกลง พร้ อมเสริ ฟ ก็อร่อยสุดๆ

ไข่เจียวใส่หอมหัวใหญ่-มะเขือเทศส่วนผสม ไข่เจียวใส่หอมหัวใหญ่-มะเขือเทศส่วนผสม - ไข่ไก่ 2 ฟอง - ถัว่ ฝั กยาว - หอมหัวใหญ่ - แครอท

- มะเขือเทศ - น้ ำมันพืช วิธีการทำ - เมื่อเราได้ เตรี ยมของทุกอย่างเสร็ จเรี ยบร้ อยก็ทำการตอกไข่ จากนัน้ ใส่น้ำมันเตรี ยมพร้ อมเอาตังไฟ ้ ใช้ ไฟไม่ต้องแรงมากประมาณกลางๆ ตังน้ ้ ำมันรอไว้ - ทีนี่เราก็มาตีไข่ใส่ชาม จากนันใส่ ้ ซีอิ ้วขาว ในส่วนนี ้สามารถที่จะใส่เครื่ องปรุงอย่างอื่นได้ ด้วย ส่วนผัก ก็แล้ วแต่ชอบอยากใส่อะไรก็ได้ อย่างเช่น ข้ าวโพด กระเทียม ต้ นหอม หรื อไก่สบั หมูสบั ก็ได้ - พอน้ ำมันเริ่ มร้ อนได้ ที่ก็เทไข่ใส่ลงไปได้ เลยปรับไฟลงประมาณนึง พยา ยามอย่าใจร้ อนเพราะถ้ าเราใจร้ อนใข่ด้านนอกสุก แต่ข้างในอาจจะยังไ ม่สกุ ไข่ด้านนอกอาจจะไหม้ ก่อนค่อยๆกลับด้ านในหมุนไป เรื่ อยๆ จนสุก


21

แกงเผ็ดเป็ ดย่าง เครื่ องปรุง เป็ ดย่าง ½ ตัว สัปปะรดหัน่ เป็ นชิ ้น ½ ถ้ วย น้ ำพริ กแกงเผ็ด 2 ช้ อนโต๊ ะ น้ ำปลา 1 ½ ช้ อนโต๊ ะ น้ ำตาลทราย 1 ช้ อนโต๊ ะ ใบมะกรูด 5 ใบ มะเขือเทศลูกเล็ก 6 ลูก วิธีทำ 1. นำเป็ ดย่างมาแกะกระดูกออก หัน่ เป็ นชิ ้นขนาดพอคำ นำใบมะกรูดและมะเขือเทศไปล้ างน้ ำให้ สะอาด สะเด็ดน้ ำแล้ วฉีกใบมะกรูดเอา เส้ นกลางใบออก และผ่ามะเขือเทศเป็ นสองส่วน 2. เปิ ดเตาที่ไฟปานกลาง นำหัวกะทิใส่ลงในหม้ อประมาณ ½ ถ้ วย (ไม่ต้องคนกะทิก่อนเทนะคะ จะได้ สว่ นบนเป็ นหัวกะทิ) รอจนหัวกะทิเ ดือดก็ใส่น้ำพริ กแกงเผ็ดลงไป ผัดให้ น้ำพริ กกับกะทิเข้ ากัน รอจนกะทิแตกมัน (หมัน่ คนเป็ นระยะนะคะ ไม่งนเดี ั ้ ๋ยวก้ นจะไหม้ ) 3. เมื่อกะทิแตกมันได้ ที่แล้ วจึงใส่เนื ้อเป็ ดย่างที่หนั่ ไว้ ลงไป ผัดให้ เข้ ากัน ทะยอยเติมกะทิที่เหลือลงไปครัง้ ละ 2 ช้ อนโต๊ ะประมาณ 3 ครัง้ 4. ใส่สปั ปะรดและมะเขือเทศที่หนั่ แล้ วลงไป คนให้ เข้ ากัน ใส่กะทิที่เหลือลงไปจนหมด ปรุงรสด้ วยซีอิ ้วขาว (หรื อน้ ำปลา) และน้ ำตาลทราย รอจนกะทิเดือดอีกครัง้ ก็ใส่ใบมะกรูดลงไป คนให้ เข้ ากัน ปิ ดเตา 5. ตักใส่ชาม จากนันก็ ้ ยกเสิร์ฟได้ เลยค่ะ

ไก่ทอดสมุนไพร ส่วนประกอบและวิธีทำ น่องไก่บน ทอดสมุนไพร 1 ปี กไก่สว่ นบน (น่องไก่บน) 1 กิโลกรัม ล้ างทำความสะอาด สะเด็ดน้ ำให้ แห้ ง 2 ตำส่วนผสมทุกอย่างเข้ าด้ วยกันมี ขมิ ้นปอกเปลือก 1 ขีด , ตะไคร้ หนั่ ตำบี บเอาน้ ำออกทิ ้งก่อน 3 ต้ น , กระเทียมแกะเป็ นกลีบ 1 ช้ อนโต๊ ะ , รากผักชี 5 ราก ตำทุกอย่างรวมกันไม่ต้องถึงขันละเอี ้ ยดมาก แล้ วใส่คนอร์ ไก่ผง 1 ช้ อนโต๊ ะ , น้ ำปลา 2 ช้ อนโต๊ ะ , แป้งโกกิ 50 กรัม ผสมให้ เข้ ากันดี นำปี กไก่ที่เ ตรี ยมไว้ ลงมาคลุกให้ ทวั่ หมักไว้ 30 นาที 3 ตังกะทะใส่ ้ น้ำมันกะให้ ทว่ มเนื ้อไก่ที่จะทอด เปิ ดไฟแรงก่อน น้ ำมันร้ อนแล้ วค่อยหรี่ ใช้ ไฟกลาง นำน่องไก่บนหรื อปี กไก่ที่หมักไว้ ลงทอด ขณะทอดเมื่อเครื่ องปรุงทังขมิ ้ ้นและตะไคร้ ที่ตำไว้ เริ่ มสุกก็จ ะเริ่ มลอยขึ ้นมา ให้ ใช้ ตะแกรงตาถี่ตกั ขึ ้นมาสะเด็ดน้ ำมันเก็บไว้ ก่อน อย่าปล่อยไว้ นานเพราะจะทำให้ มีรสขม เมื่อเนื ้อไก่ที่ทอดสุกดีแล้ ว ให้ ตกั ขึ ้นมาสะเด็ดน้ ำมัน ตักวางเรี ยงใส่จาน นำกากเครื่ องปรุง(แก้ เลี่ยนได้ ดีมาก)ที่เราตักออกมาก่อนนี ้โรยบนน่องไก่(บน)ทอดแต่งหน้ า ด้ วยผักชีและพริ กแดงเส้ น กินคูก่ บั น้ ำจิ ้มไก่ เทคนิคการทำ น่องไก่บน ทอดสมุนไพร 1 ปี กไก่ถ้ามีขนอ่อนติดมาก จะลวกน้ ำร้ อนจัดๆ ก่อนพอให้ หนังตึงจะถอนขนได้ งา่ ยขึ ้น 2 เวลาเติมแป้งโกกิต้องค่อยไเติมและผสมไปเรื่ อยๆ ไม่งนจะจั ั ้ บเป็ นก้ อน 3 เวลาตังน้ ้ ำมันต้ องเปิ ดไฟแรงให้ น้ำมันร้ อนจัดก่อน แล้ วค่อยหรี่ ไฟ เวลาทอดจะไม่อมน้ ำมัน


22

“สวนครัวบนตึก ระฟ้า” บนดาดฟ้าของตึกจำนวนมากในสหรัฐอเม ริ กายามนี ้ ได้ กลายมาเป็ น “สวนครัว” ขนาดย่ อมที่สร้ างมูลค่าเพิ่มให้ กบั ภัตตาคารชื่อดังหลา ยแห่ง สมาคมร้ านอาหาร ต่างพูดกันว่า “สวนค รัว”กลายเป็ นเทรน์ที่มาแรงในแวดวงร้ านอาหา รหลังจากบรรดาเชฟหันมาปลูกพืชผักสวนครัว ที่ใช้ การทำอาหารกันเองมากขึ ้น Green on Rooftop Restaurant แนวคิดเรื่ อง สวนครัวบนตึกระฟ้า เหตุเพราะการปลูก ผั ก เองช่ ว ยลดต้ นทุ น ร้ านลงอย่ า งเห็ น ได้ ชั ด อีกทังยั ้ งสามารถควบคุมคุณภาพได้ รวมถึงตอบ สนองในการมองหาผลผลิตที่ปลูกในท้ องถิ่น ทำ ให้ ร้านอาหารส่วนใหญ่มีแนวโน้ มที่จะทำสวนครั วของตัวเองกันมากขึ ้น เพราะเมนูมกั จะประยุกต์ ใช้ กบั วัตถุดบิ ในแต่ละฤดูกาล และหลายครัง้ ที่ส วนครัวไม่ได้ เป็ นแค่อาหารปาก แต่ยงั รวมถึงเป็ น “อาหารใจ” ทีสง่ ผลให้ หลายคนเลือกที่จะเป็ นลู กค้ าประจำของร้ านนันๆมากขึ ้ ้น เพราะคาดว่า

จะได้ ลิ ้มรสเมนูพืชผักสดใหม่จาการสร้ างสรร ค์ ของพ่อครั วร้ านอาหารส่วนใหญ่ เริ่ มสวนครั วขนาดเล็กๆที่ปลูกพืชทัว่ ไป เช่น ผักกากหอม มะเขือเทศ พริ กไทย และสมุนไพรต่างๆ ซึง่ มีแค่ เพียงไม่กี่ร้านที่ปลูกทุกอย่างตามที่ต้องการ เนื่ องจากสภาพอากาศจำกัดการเพาะปลูก และส วนขนาดใหญ่ก็กินทังพื ้ ้นที่อาคารและเวลาของ พนักงาน การปลูกผักบนตึกระฟ้าที่เกาะแมนฮั ตตัน นอกจากจะเป็ นกลยุทธ์ที่ดงึ ดูดความสนใ จจากทุกคน ยังช่วยลดปริ มาณก๊ าชเรื อนกระจก เพราะไม่ต้องใช้ บริ การรถขนส่งผัก และข้ อดีอีก ประการหนึง่ ของการปลูกผักไว้ ใช้ เองในร้ านก็คื อ ผักเหล่านี ้ไม่ผา่ นกระบวนการรักษาความส ดด้ วยการแช่เย็น จึงทำให้ รสชาตออาหารดีขึ ้น และมีคณ ุ ค่าทางโภชนาการมากขึ ้น เนื่องจากพื ้นที่ดาดฟ้าบนอาคารมีจำกัด แล ะผักแต่ละชนิดก็ใช้ เวลาในการเจริ ญเติบโตแต กต่างกัน จึงไม่สามารถปลูกผักได้ ครบทุกชนิด


23

หลายร้ านจึงเลือกที่จะคิดเมนูให้ เข้ ากับผลผลิต ที่มีในแต่ละช่วง ตามฤดูกาล เช่น การปลูกผักก าดหอมและต้ นกุยช่ายในฤดูใบไม้ ร่วง หรื อปลูก มะเขือเทศและสตรอว์เบอร์ รี่ในฤดูร้อน แต่อย่า งไรก็ตามลูกค้ าไม่สามารถสัง่ อาหารที่ทำจากมั นฝรั่งและข้ าวโพดได้ เพราะมันเป็ นพืชที่ไม่สาม ารถปลูกได้ บนดาดฟ้าของตึก ร้ านอาหารเหล่านี ้มักจะพบปั ญหาประเภท ลูกค้ าอยากจะขอขึน้ ไปชมสวนครั วบนดาดฟ้ า แต่ด้วยขัอจำกัดของสถานที่ซงึ่ เป็ นอาคารที่ พักอาศัยลูกค้ าส่วนใหญ่ จึงได้ ชมเฉพาะช่วงเ วลากลางวันของวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านัน้ ส ำหรั บหลายคนที่ ได้ มีโอกาสชมก็ มักจะพูดเป็ นเสียงเดียวกันว่า “ไม่อยากลงจากดาดฟ้า” เพราะรู้สกึ ได้ ถงึ ความสดชื่น และผ่อนคลาย


24

ชาผักสวนครัว .......ของขวัญเพื่อสุขภาพ หลังผ่านมหาอุทกภัยในหน้ าฝนที่ผา่ นมาอย่างทุลั กทุเล หลังน้ ำลด หลายท่านก็ยงั ต้ องเหน็ดเหนื่อยกั บการปรับปรุง ซ่อมแซมบ้ านกันขนานใหญ่ ปี นี ้งาน "มหกรรมของขวัญ" จึงอาจจะซบเซาไปถนัดใจ เพราะมี "มหกรรมล้ างบ้ าน" มาแทนที่ แต่หากคิดในแง่ดี ก็ถือเสียว่า เราได้ ทำความส ะอาดบ้ า นช่ อ งทุ ก ซอกทุ ก มุม แบบสะอาดเอี่ ย ม ได้ โละของหนักบ้ านทิ ้งไปบ้ าง ได้ จดั บ้ านใหม่ให้ เป็ นระเบียบเรี ยบร้ อย เสมือนได้ ต้อนรับปี ใหม่กนั แบบ เรี่ ยมเร้ เรไรก็แล้ วกันนะคะ หลังผ่านวิกฤตครัง้ นี ้ ทำให้ คดิ ว่า วัตถุข้าวข องที่เราเพียรเหนื่อยยาก ซื ้อหามาด้ วยน้ ำพักน้ ำแรง ทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนแทบไม่มีเวลาให้ กบั ตัวเอง ที่สดุ แล้ ว ไม่มีอะไรอยูก่ บั เราอย่างยัง่ ยืนเล ย ในยามยากเข็ญ ขอเพียงมีน้ำสะอาดดื่ม มีอาหารประทังความหิว มีเสื ้อผ้ าสวมใส่มีที่ให้ ซกุ นอนอย่างปลอดภัย มีครอบครัวอยูพ่ ร้ อมหน้ ากัน และที่สำคัญไม่มีใครเจ็บป่ วย ... เท่านี ้ก็พอเพียงแล้ วสำหรับความจำเป็ นของชีวิต หากที่ผา่ นมา เราต้ องเหน็ดเหนื่อยกับชีวิตจนเ

กินไป ลองหันกลับมาพิจารณาอีกทีดีไหมว่าอะไรที่ จำเป็ นสำหรับเราจริ งๆ ลดความต้ องการให้ น้อยลง ดูแลตัวเองและครอบครัวให้ มากขึ ้น โดยเฉพาะในเรื่ อง ของสุขภาพและจิตใจ หากร่างกายแข็งแรง จิตใจสดใส อะไรก็ผา่ นได้ ทกุ อย่าง จริ งไหมคะ "เกษตรพอเพียง" ฉบับนี ้ ชวนคุณมาให้ ของขวัญตัวเอง ด้ วย "ชาผักสวนครัว เพื่อสุขภาพดี" ที่ไม่ต้องซื ้อหา เพียงเอากิ่งมาปั ก ๆ ปลูกๆ ไว้ รอบบ้ าน คุณก็จะมีชาเพื่อ สุขภาพเอาไว้ จิบได้ หลากหลายรสชาติและมากสรรพคุณ ที่ดีตอ่ สุขภาพ ...


25

ชากะเพรา : ใช้ ใบสด หรื อยอดอ่อนของกะเพราแดง ต้ มกับน้ ำเดือด กรองเอาแต่น้ำมาดื่ม หรื อนำใบกะเพราไปตากแห้ ง นำมาชงกับน้ ำร้ อน ทิ ้งไว้ 5-10 นาที ดื่มช่วยขับลม แก้ ท้องอืด ท้ องเฟ้อ และช่วยย่อยอาหาร ชาโหระพา : ใช้ ใบโหระพาตากแห้ ง ชงกับน้ ำร้ อน ทิ ้งไว้ 3 - 5 นาที ดื่มแล้ วจะช่วยให้ ชมุ่ คอ และยังช่วยให้ ลมหายใจสดชื่น นอกจากนัน้ ยังช่วยให้ เจริ ญอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ขับลมในลำไส้ แก้ ท้องอืดท้ องเฟ้อ ท้ องร่วง และแก้ อาการคลื่นไส้ ชาแมงลัก : นำส่วนต้ นและใบแมงลัก มาต้ มน้ ำดื่มเป็ นชา ช่วยย่อยอาหาร แก้ อาการแน่นท้ อง และช่วยขับเหงื่อและขับลมในลำไส้ ชาใบมะกรูด : ฉีกใบมะกรูดหยาบ ๆ ใส่ลงไปน้ ำเดือด เคี่ยวด้ วยไฟอ่อน ๆ จนน้ ำงวดเหลือครึ่งหนึง่ เติมน้ ำตาลกรวด ปรุงรสให้ หวานปะแล่มๆ จิบอุน่ ๆ หรื อใส่น้ำแข็ง แล้ วเติมมะนาวเล็กน้ อย ดื่มแบบเย็นก็ได้ ช่วยในการขับลม แก้ อาการท้ องอืด บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาการไอ และขับเสมหะ นอกจากนันยั ้ งช่วยบำรุงเลือด ช่วยให้ ผิวพรรณสดใสอีกด้ วย ชาสะระแหน่ : มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหารเช่นกัน ใช้ ใบสะระแหน่สด หรื อใบสะระแหน่ตากแห้ ง ชงกับน้ ำเดือด หรื อชงใส่กาสำหรับชงชา ทิ ้งไว้ สกั 10 นาที ดื่มช่วยย่อยอาหาร บางตำราจะผสมเกลือลงในน้ ำชาเล็กน้ อย ใช้ บ้วนบรรเทาอาการปวดฟั นได้ ชาตะไคร้ : ตะไคร้ ใช้ เฉพาะส่วนที่เป็ นต้ น ล้ างให้ สะอาดแล้ ว

ซอยเป็ นแว่นๆตากให้ แห้ ง แล้ วนำมาอบหรื อคัว่ จนมีกลิน่ หอม เก็บใส่ขวดเอาไว้ ชงหรื อต้ ม ดื่มเป็ นน้ ำชา ช่วยขับลม ช่วยย่อยอาหาร แก้ ลมวิงเวียน ขับเหงื่อ ขับปั สสาวะ และมีรายงานการทดลองพบว่า มีคณ ุ สมบัตติ ้ านมะเร็งได้ ด้วย ชาใบเตย : ล้ างใบเตยให้ สะอาด หัน่ เป็ นฝอย แล้ วตากแดดให้ แห้ ง จากนันนำมาคั ้ ว่ ไฟอ่อนๆ จนสีออกน้ ำตาลนิด ๆ หรื อจะอบแห้ งแทนก็ได้ เก็บใส่ขวดปิ ดฝาให้ สนิท เก็บไว้ ชงกับน้ ำร้ อนเหมือนชงชาทัว่ ไป กลิน่ หอมชื่นใจ ดื่มบำรุงหัวใจ ช่วยลดน้ ำตาลในเลือด และขับปั สสาวะ ชาตะไคร้ -ใบเตย : ต้ มน้ ำให้ เดือด บุบตะไคร้ กบั ใบเตยใส่ลงไป ต้ มประมาณ 5 นาที จิบได้ ทงแบบร้ ั้ อน หรื อดื่มแบบเย็น เติมน้ ำตาลเล็กน้ อย รสชาติกลมกล่อม หอมชื่นใจ ชาขิง : ใช้ ขิงแก่ ล้ างให้ สะอาด หัน่ เป็ นแว่นๆ ใช้ สดหรื อตากแห้ งก็ได้ นำไปต้ มในน้ ำเดือด เคี่ยวประมาณ 15-20 นาที เติมน้ ำผึ ้งกับมะนาว จิบร้ อนๆ ช่วยบรรเทาหวัด แก้ อาการคลื่นไส้ อาเจียน เมารถเมาเรื อ ช่วยย่อยอาหาร และแก้ ท้องอืด ชามะละกอ : ใช้ เนื ้อมะละกอดิบ หัน่ เป็ นชิ ้น ต้ มกับน้ ำให้ เดือด แล้ วตักเนื ้อมะละกอออก ริ นเฉพาะน้ ำ ดื่มเป็ นน้ ำชาได้ ทงร้ ั ้ อนและเย็น สำหรับคนที่ไม่ชอบกลิน่ มะละกอ อาจใส่ใบเตยลงไปต้ มด้ ว ยหลังจากต้ มมะละกอได้ พกั หนึง่ แล้ ว หรื อจะริ นเอาน้ ำต้ มมะ ละกอมาชงกับใบชาอื่นที่ชอบก็ได้ เช่น ชาเขียว ชาใบหม่อน ฯลฯ ชามะละกอ มีสรรพคุณที่ดีมาก ในการช่วยย่อยไขมันแ ละล้ างไขมันออกจากผนังลำไส้ ถ้ าดื่มได้ เป็ นประจำก็จะดีม ากทีเดียวค่ะ ชาผักบุ้ง : สูตรน้ ำผักบุ้งแดง" ของ อ.สุทธิวสั ส์ คำภา อ าจารย์ ผ้ ู เชี่ ย วชาญด้ านธรรมชาติ บ ำบั ด ที่ เ รารู้ จั ก กั น ดี


26 แนะนำให้ ใช้ ผกั บุ้งแดง หรื อผักบุ้งไทย 3 กำมือ (ถ้ าถกทัง้ รากทังต้ ้ นจะได้ ตวั ยาที่ดีกว่า) และน้ ำตาลทรายแดง 1 3 ช้ อนโต๊ ะ ต้ มพร้ อมกันในหม้ อดิน ( หากต้ มในหม้ อโลหะ จะทำให้ ได้ สารพิ ษ จากโลหะหนั ก กลั บ เข้ ามาอี ก ซึง่ ดื่มไปก็เป็ นอันตราย ) ริ นใส่แก้ วที่ทำด้ วยแก้ ว หรื อเซรามิก จิบตอนร้ อนๆ นอกจากจะช่วยบำรุงสายตา ช่วยการขับถ่ายแล้ ว ยังมีสรรพคุณช่วยล้ างสารพิ ษโดยเฉพาะฟอร์ มาลีน และนิโคตินได้ ดีอีกด้ วยชา กระเจี๊ยบ : นำดอกกระเจี๊ยบแดงมาล้ างให้ สะอาด ตั ด เ อ า เ ฉ พ า ะ ก ลี บ เ ลี ้ ย ง ร อ บ น อ ก ( ส่วนแข็งตรงกลางไม่ใช้ ) นำไปตากแห้ งและบดเป็ นผง เวลาชงใช้ ครัง้ ละ 1 ช้ อนชา กับน้ ำเดือด 1 ถ้ วย หรื อนำแบบสดมาต้ มกับน้ ำ เติมน้ ำตาลเล็กน้ อย ดื่มแก้ ร้อนใน กระหายน้ ำ และช่วยป้องกันการจับตัวข องไขมันในเส้ นเลือดได้ ชาผักหวานบ้ าน : คนส่วนมากนิยมนำผักหวานมาแกง หรื อผัด แต่ตามหลักโภชนาการ เมื่อผักถูกความร้ อน ส ารอาหารจะละลายไปอยู่ในน้ ำแกงหรื อน้ ำผัดมากกว่า การนำผักหวานมาทำชาจึงเป็ นวิธีที่จะทำให้ ได้ รับคุณ ค่าทางอาหารอย่างเต็มที่ ตามตำราพื ้นบ้ านบอกไว้ วา่ การทำชาผักหวา นบ้ านให้ ได้ รสชาติดีและมีสรรพคุณเต็มที่นนั ้ ค วรใช้ ยอดผักหวานที่เก็บในช่วงเวลา 04.00 06.00 น. เพราะจะได้ วิตามินครบถ้ วน ( เนื่องจา กยังไม่มีการสังเคราะห์แสง ) นำมาคัว่ ไฟอ่อนๆ จนสุกเหลืองและกรอบพอสมควร หลังจากนัน้ นำไปตากแดดประมาณ 2 - 3 แดด หรื ออบก็ได้ เพื่อไล่ความชื ้นออกไปให้ หมด ป้องกันการเกิดเชื ้อรา

และเก็บไว้ ชงดื่มต่อไป ซึง่ สามารถเก็บได้ นานเป็ นปี วิธีชงก็เหมือนการชงแบบชาจีนทัว่ ไป คือเอาชาผักหวานใส่ในกา แล้ วเทน้ ำร้ อนลงไปพอสมควร ทิ ้งไว้ สกั พัก ก็จะได้ น้ำชาผักหวานที่หอมอร่อย และมีสรรพคุ ณช่วยต้ านพิษและลดความร้ อนในร่างกาย ชารางจืด : ถึงแม้ รางจืดจะไม่ได้ อยูใ่ นข่ายของพืชสวนครัว แ ต่ก็เป็ นพืชสมุนไพรที่ควรหามาปลูกไว้ ในบ้ าน เนื่องจากมีสรร พคุณโดดเด่นในการขับสารพิษออกจากร่างกาย นำใบมาล้ างให้ สะอาด หัน่ เป็ นฝอย นำไปตากแดดให้ แห้ ง หรื อจะใช้ แบบสดเลยก็ได้ ถ้ าเป็ นแบบแห้ ง ก็นำไปต้ มในน้ ำเดือดประมาณ 10 นาที ถ้ าเป็ นแบบสด นำไปใส่ในกาแล้ วเทน้ ำเดือดลงไป ทิ ้งไว้ สกั ครู่ ริ นเอาน้ ำมาดื่มตอนอุน่ ๆ ข้ อควรระวัง : ไม่ควรดื่มติดต่อกันเกิน 30 วัน เพราะอาจจ ะทำให้ เกิดภาวะน้ ำตาลในเลือดต่ำในผู้ป่วยเบาหวานได้ การดื่มชาสมุนไพร นอกจากจะดีตอ่ การย่อยอาหาร และบำรุงสุขภาพแล้ ว ยังสร้ างความสุนทรี ย์ให้ กบั ชีวิต โดยเฉพาะในบรรยากาศหนาวๆแบบนี ้ จิบชาร้ อนๆ สักถ้ วย จะช่วยให้ ร้ ูสกึ อบอุน่ สดชื่น และโล่งสบาย อย่าบอกใครเชียวค่ะ


27



Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.