เกินความพอดีพอเพียงของมนุษย์ซึ่งมีแต่จะเพิ่ม มากขึน้ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ผลกระทบจากวิกฤติ ภาวะโลกร้อนที่ท�ำให้ภูมิอากาศทั่วโลกแปรปรวน อย่างสุดขั้ว และก�ำลังจะกลายเป็นปัญหาทาง ระบบนิเวศน์ทคี่ กุ คามความอยูร่ อดของอารยธรรม มนุษย์ ปัญหา (P) MSC
al Utility) อรรถประโยชน์ที่เกิดจากการบริโภค ผลผลิ ต หน่ ว ยหลั ง สุ ด จะค่ อ ยๆ ลดน้ อ ยลงโดย ล�ำดับ เหมือนคนที่ก�ำลังหิว การกินก๋วยเตี๋ยว ชามที่ 1 จะให้อรรถประโยชน์หรือให้ประโยชน์ สุขแก่คนผู้นั้นมากที่สุด แต่เมื่อกินก๋วยเตี๋ยวชาม ที่ 2,3,4 ต่อไป ประโยชน์สุขหรืออรรถประโยชน์ ที่คนผู้นั้นได้รับจากการกินก๋วยเตี๋ยวชามหลังสุด จะลดน้อยลงโดยล�ำดับเมือ่ เทียบกับก๋วยเตีย๋ วชาม แรกๆ ที่กินเข้าไป ท�ำให้เส้น MSB มีลักษณะ ลาดลงในลักษณะเป็นเส้นโค้ง
T
MSB
ความเติบโตทางเศรษฐกิจ (S)
ถ้าน�ำกรอบการวิเคราะห์หน่วยสุดท้าย (marginal analysis) มาช่วยอธิบายเรื่องนี้ จากกราฟ ให้เส้น MSC เป็นเส้นต้นทุนทางสังคมโดยรวม หน่วยหลังสุดหรือหน่วยสุดท้ายในการวิเคราะห์ (marginal social cost) และเส้น MSB เป็นเส้น ประโยชน์สุขโดยรวมทางสังคมหน่วยหลังสุดหรือ หน่วยสุดท้ายในการวิเคราะห์ (marginal social benefit) ถ้าปราศจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจเพือ่ เพิม่ ผลผลิต (S) ให้เพียงพอต่อการบริโภคของผูค้ น ปัญหา (P) ของระบบสังคมการเมืองนั้นๆ ก็จะอยู่ ในระดับสูง (ตามสมการ P = D/S) ฉะนัน้ การสร้าง ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มผลิตผล มวลรวมประชาชาติแต่ละหน่วย จึงท�ำให้ระดับ ปัญหาของสังคมมนุษย์ลดน้อยลงโดยรวมตามเส้น MSB ที่ลาดลง แต่ตามกฎการถดถอยของอรรถประโยชน์ หน่วยสุดท้าย (Law of Diminishing Margin-
ขณะเดี ย วกั น การสร้ า งความเจริ ญ เติ บ โต ทางเศรษฐกิจแต่ละหน่วยก็มีต้นทุนทางสังคมโดย รวมแฝงอยู่ เช่น ต้องน�ำทรัพยากรที่มีจ�ำกัดของ ประเทศมาใช้ในการสร้างผลผลิต รวมถึงก่อให้เกิด มลภาวะที่เป็นโทษต่อการด�ำรงชีวิตของมนุษย์อัน เป็นผลตกค้างจากกระบวนการผลิต เป็นต้น ยิ่ง ทรัพยากรที่มีจ�ำกัดถูกน�ำมาใช้เพื่อการผลิตจนมี ปริมาณเหลือน้อยลงเท่าไร มูลค่าของทรัพยากร หน่ ว ยต่ อ ๆ ไปที่ เ หลื อ น้ อ ยลงก็ จ ะเพิ่ ม สู ง ขึ้ น ๆ เท่านั้น ดังเช่นน�้ำมันที่สมัยก่อนมีราคาถูก แต่ เมื่อน�้ำมันในโลกทุกวันนี้เหลือน้อยลง ราคาน�้ำมัน ปัจจุบันก็เพิ่มสูงขึ้นตามกลไกตลาด จนกลาย เป็นปัจจัยส�ำคัญที่ดึงให้ต้นทุนการผลิตสินค้าและ บริการต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น ท�ำให้เส้น MSC มี ลักษณะลาดชันขึ้น โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ ง ต้ น ทุ น ทางสั ง คมของ มลภาวะทีเ่ กิดจากกระบวนการผลิตและการบริโภค ซึ่งปรกติมักจะซ่อนตัวอยู่ในรูปภาวะแฝง (potentiality) ของต้นทุนความเสี่ยงต่อภัยพิบัติจาก วิกฤตการณ์ปัญหาสิ่งแวดล้อม ฯลฯ เมื่อสะสมตัว จนถึงจุดมวลวิกฤติของปัญหาที่ระบบนิเวศน์ของ โลกไม่สามารถรองรับได้ ก็จะเป็นเสมือนระเบิด เวลาแต่ละลูกที่ระเบิดขึ้น และสร้างความเสีย หายรุนแรงปรากฏตัวสู่ภาวะจริง (actuality) ให้ เห็นเป็นรูปธรรม ดังกรณีวิกฤติปัญหาภาวะโลก ปีที่ ๒๒ ฉบับที่ ๓๑๔ กันยายน ๒๕๕๙
•
63