โครงงาน

Page 1

โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่ อง หลักการทางานของคอมพิวเตอร์ จัดทาโดย 1. นางสาวโฉมฉาย ทิพขันธ์ 2. นางสาวธิภภญา รตนทรงรัฐ ครู ทปี่ รึกษาโครงงาน อาจารย์สิทธิพร ตั้งยอดชมญาณ อาจารย์อรทัย ด่านศิระวานิชย์ โครงงานนีเ้ ป็ นส่ วนหนึ่งของ วิชาคอมพิวเตอร์ (รหัสวิชา ) เพื่อการศึกษาค้ นคว้ าคอมพิวเตอร์ ปี การศึกษา 2559 วิทยาลัยเทคโนโลยีขอนแก่นบริหารธุรกิจ (ศู นย์ การเรียนรู้ อาเภอปากช่ อง) จังหวัด นครราชสี มา บทคัดย่ อ โครงงานการพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย WordPress เรื่ องนี้ ซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอร์ จัดทา ขึ้นโดยมีวตั ถุประสงค์เพื่อนาเอาความรู ้ความเข้าใจไปใช้ในการเรี ยน ทั้งนี้ได้ทาการศึกษาค้นคว้าเนื้ อหา ความรู ้ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่ อง ซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอร์ หมายถึง ชุดคาสั่งที่สั่งงานคอมพิวเตอร์ เป็ นลาดับ ขั้นตอนของการทางาน ชุดคาสั่งเหล่านี้ได้จดั เตรี ยมไว้ในหน่วยความจาของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ อ่าน ชุดคาสัง่ แล้วทางานตาม ซอฟต์แวร์ จึงเป็ นสิ่ งที่มนุษย์จดั ทาขึ้น และคอมพิวเตอร์ จะทางานตามคุณลักษณะ ของซอฟต์แวร์ ที่วางไว้แล้วเท่านั้น โดยผูจ้ ดั ทาโครงงานสามารถพัฒนารู ปแบบของเว็บบล็อก จาก WordPress ได้ดว้ ยตนเองและนามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรี ยนรู ้ของตนเองมากยิง่ ขึ้นทั้งนี้ ทาให้ สามารถติดต่อสื่ อสารกันได้ระหว่างครู เพื่อนและผูส้ นใจทัว่ ไปได้เป็ นอย่างดี

กิตติกรรมประกาศ รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ ฉบับนี้ สาเร็ จลุล่วงไปได้ดว้ ยความเมตตาช่วยเหลืออย่างดียงิ่ จาก อาจารย์ที่ปรึ กษา ผูส้ อนในรายวิชา คอมพิวเตอร์ ธุรกิจ ที่อนุมตั ิเห็นชอบในการจัดทาโครงงานและให้ความรู ้ เกี่ยวกับการพัฒนาเว็บบล็อกด้วยเว็บไซต์ Blogger อีกทั้งเป็ นที่ปรึ กษาในด้านวิชาการและการจัดทา โครงงานคอมพิวเตอร์


ขอบคุณเพื่อน ๆ ในห้องที่คอยช่วยเหลือ ให้คาปรึ กษา ด้านการจัดทาโครงงานการรวบรวมข้อมูล ต่างๆ ในการจัดทารู ปเล่มโครงงาน และให้ความช่วยเหลือด้านการจัดทาเว็บไซต์ในการนาเสนอโครงงาน คณะผูจ้ ดั ทา หวังเป็ นอย่างยิง่ ว่าโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่ อง ระบบเครื อข่ายเบื้องต้นจะเป็ น ประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าของผูท้ ี่สนใจในเรื่ องของระบบเครื อข่ายเบื้องต้น

ผู้จัดทา

นางสาวโฉมฉาย ทิพขันธ์ นางสาวธิภภญา รตนทรงรัฐ

บทที่ 1 บทนา ทีม่ าและความสาคัญ ปั จจุบนั ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิง่ ใหญ่ต่อ ทุกวงการทัว่ โลก รวมทั้งวงการศึกษาไทยด้วย และผลพวงที่ติดตามมาในแง่เทคนิควิธีการเกี่ยวกับ กระบวนการเรี ยนรู ้คือแนวโน้มในการเรี ยนรู ้แบบโต้ตอบสองทาง (Interactive) ที่กาลังก้าวเข้ามาแทนที่ กระบวนการเรี ยนรู ้แบบเดิม ที่ผรู ้ ับได้แต่ “รับเอา” โดยไม่อาจ “เลือก” แต่อย่างใด จากแนวคิดดังกล่าว ประเทศต่าง ๆ ทัว่ โลกต่างหันมาให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์ สู งสุ ดแก่ผเู ้ รี ยนในทุกระดับ มีการใช้เครื่ องคอมพิวเตอร์ และสื่ ออิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ผูเ้ รี ยนรุ่ นใหม่จะเป็ น ผูเ้ รี ยนที่มีความคิดรักการเรี ยนรู ้ มีหลักในการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็ นระบบมีความคิดริ เริ่ มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ มีความรู ้ทกั ษะที่จาเป็ นในการแสวงหาความรู ้ดว้ ยตนเองมากขึ้น จึงเป็ นที่ยอมรับว่า เทคโนโลยี สารสนเทศ ได้กลายเป็ นปัจจัยที่สาคัญในการพัฒนาประเทศการจัดการศึกษาจึงต้องมีการปรับตัวในการนา เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิง่ ด้านการจัดการเรี ยนการสอนนั้น ได้ มีขอ้ กาหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ว่า รัฐต้องส่ งเสริ มและสนับสนุนให้มีการ ผลิตสื่ อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา รวมทั้งให้มีการพัฒนาบุคลากรด้านการผลิตและผูใ้ ช้ให้มีความรู ้ ความสามารถ มีทกั ษะตลอดจนผูเ้ รี ยนให้มีสิทธิที่จะได้รับการพัฒนาเพื่อให้มีความรู ้และทักษะเพียงพอที่จะ ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ในการแสวงหาความรู ้ดว้ ยตนเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ดังนั้นเพื่อให้เป็ นบทเรี ยนที่เป็ นแนวทางในการจัดการเรี ยนการสอนที่มุ่งเน้นผูเ้ รี ยนเป็ น สาคัญ ขณะเดียวกันผูเ้ รี ยนจะได้รับการพัฒนาทักษะการเรี ยนรู ้แบบทีมในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการ


เรี ยนรู ้ และยังสามารถเป็ นแนวทางในการสร้างบทเรี ยนผ่านเครื อข่ายอินเทอร์ เน็ตในเรื่ องอื่นๆ ต่อไป วัตถุประสงค์ 1 เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บบล็อก (Webb log) ด้วยWord press เรื่ องหลักการทางานของคอมพิวเตอร์ 2 เพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่ องที่สนใจเกี่ยวกับเรื่ องการทางานของคอมพิวเตอร์ 3 เพื่อศึกษาให้เข้าใจกับ ฮาร์ ดแวร์ , ซอฟต์แวร์ในระบบคอมพิวเตอร์ 4 เพื่อศึกษาให้เข้าใจถึงการทางานของคอมพิวเตอร์ ขอบเขตของโครงงาน 1.จัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (Webb log) ด้วย Word press เรื่ องหลักการทางานของ คอมพิวเตอร์ ผลทีค่ าดว่าจะได้ รับ 1 ได้รับความรู ้เกี่ยวกับพัฒนาเว็บบล็อก (Webb log) ด้วย Word press เรื่ องหลักการทางานของคอมพิวเตอร์ 2 ได้รับความรู ้เกี่ยวกับเรื่ องที่นามาเป็ นบทเรี ยนในการสร้างเว็บบล็อกคือซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอร์ 3 ได้รู้เกี่ยวกับเรื่ องของ ฮาร์ ดแวร์ , ซอฟต์แวร์ องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ 4 ได้รู้เกี่ยวกับเรื่ องหลักการทางานของคอมพิวเตอร์

บทที่ 2 เอกสารที่เกีย่ วข้ อง 2.1 หลักการทางานของคอมพิวเตอร์ เมื่อพิจารณาศัพท์คาว่า Computer ถ้าแปลกันตรงตัวตามคาภาษาอังกฤษ จะหมายถึง เครื่ องคานวณ ดังนั้นถ้ากล่าวอย่างกว้าง ๆ เครื่ องคานวณที่มีส่วนประกอบเป็ นเครื่ องกลไกหรื อเครื่ องไฟฟ้า ต่างก็จดั เป็ น คอมพิวเตอร์ ได้ท้ งั สิ้ น ลูกคิดที่เคยใช้กนั ในร้านค้า ไม้บรรทัด คานวณ (slide rule) ซึ่งถือเป็ นเครื่ องมือ ประจาตัววิศวกรในยุคยีส่ ิ บปี ก่อน หรื อเครื่ องคิดเลข ล้วนเป็ นคอมพิวเตอร์ ได้ท้ งั หมด ในปัจจุบนั ความหมายของคอมพิวเตอร์จะระบุเฉพาะเจาะจง หมายถึง เครื่ องคานวณอิเล็กทรอนิกส์ที่ สามารถทางานคานวณผลและเปรี ยบเทียบค่าตามชุดคาสั่งด้วยความเร็ วสู งอย่างต่อเนื่ องและอัตโนมัติ แต่ใน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้คาจากัดความของคอมพิวเตอร์ ไว้ค่อนข้างกะทัดรัด ว่า "เครื่ องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทาหน้าที่เสมือนสมองกล ใช้สาหรับแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งที่ง่ายและ ซับซ้อน โดยวิธีทางคณิ ตศาสตร์"


คุณลักษณะสาคัญของเครื่ องคอมพิวเตอร์ มี 4 ประการ คือ 1. ทางานโดยอัตโนมัติ ถ้าสังเกตการทางานของคอมพิวเตอร์ จะพบว่า อุปกรณ์ทุกอย่างของคอมพิวเตอร์ ทางานได้เองโดยอัตโนมัติ โดยที่คนไม่ได้เข้าไปควบคุม ไม่วา่ จะเป็ นการอ่านข้อมูล การคานวณ หรื อการ พิมพ์ผลลัพธ์ 2. ทางานได้ อเนกประสงค์ เครื่ องคอมพิวเตอร์ทางานได้อเนกประสงค์ เพราะทางานได้หลายชนิด ขึ้นอยูก่ บั โปรแกรมที่ใช้ เช่น โปรแกรมเงินเดือน โปรแกรมคิดคะแนนสอบของนักเรี ยน เป็ นต้น 3. เป็ นอุปกรณ์ อเิ ล็คทรอนิคส์ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ประกอบกันเข้าเป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ น้ นั ล้วนแล้วแต่ เป็ นอุปกรณ์ทางด้านอิเล็คทรอนิคส์ท้ งั สิ้ น เช่น ทรานซิ สเตอร์ วงจรไอซี ดังนั้นจึงทางานด้วยความเร็ วสู ง มาก 4. เป็ นระบบดิจิตอล คาว่า ดิจิตอล (Digital) มาจากคาว่า Digit หมายถึง ตัวเลข เครื่ องคอมพิวเตอร์ ส่ วนใหญ่ ทางานโดยใช้ระบบตัวเลข ข้อมูลทุกชนิ ดไม่วา่ จะเป็ นตัวเลข ตัวหนังสื อ หรื อเครื่ องหมายในทาง คณิ ตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เมื่อส่ งเข้าเครื่ องรับข้อมูลของคอมพิวเตอร์ แล้ว จะถูกเปลี่ยนเป็ นตัวเลขหมด

2.2 การทางานของคอมพิวเตอร์ เครื่ องคอมพิวเตอร์ มีข้ นั ตอนการทางาน 3 ขั้นตอน คือ 1. รับโปรแกรมและข้ อมูล โปรแกรมในที่น้ ี หมายถึง ชุดของคาสั่งที่จะให้คอมพิวเตอร์ ทางาน ส่ วนข้อมูล อาจเป็ นตัวเลขหรื อตัวหนังสื อก็ได้ ที่ตอ้ งการให้คอมพิวเตอร์ ทาการประมวลผล 2. การประมวลผล หมายถึง การจัดระเบียบแบบแผนของข้อมูล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ตอ้ งการ ซึ่งทา ได้โดยการคานวณ เปรี ยบเทียบ วิเคราะห์โดยใช้สูตรทางวิทยาศาสตร์ หรื อ คณิ ตศาสตร์ โดยอาศัยคาสั่งหรื อโปรแกรมที่เขียน ขึ้น 3. แสดงผลลัพธ์ คือ การนาผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลเสร็ จเรี ยบร้อย แสดงออกในรู ปแบบต่าง ๆ ที่ผใู ้ ช้เข้าใจ และนาไปใช้ประโยชน์ได้

2.3 อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ 1.

1. จอภาพ (Monitor)


จอแบบ CRT เป็ นอุปกรณ์แสดงผลที่มีความสาคัญมากที่สุด เพราะจะติดต่อโดยตรงกับผูใ้ ช้ ชนิดของจอภาพที่ใช้ใน เครื่ องพีซีโดยทัว่ ไปจะแบ่งได้เป็ น 2 ชนิด - จอซีอาร์ที (CRT : Cathode Ray Tube) โดยมากจะพบในคอมพิวเตอร์ ต้ งั โต๊ะ ซึ่งลักษณะ จอภาพชนิด นี้จะคล้ายโทรทัศน์ ซึ่ งจะใช้หลอดสุ ญญากาศ การทางานของจอประเภทนี้ จะทางานโดย อาศัยหลอดภาพ ที่สร้างภาพโดยการยิงลาแสง อิเล็กตรอนไปยังที่ผวิ หน้าจอ ที่มีสารพวกสารประกอบของฟอสฟอรัส ฉาบอยูท่ ี่ผวิ ซึ่ งจะเกิดภาพขึ้นมาเมื่อ สารเหล่านี้เกิดการเรื องแสงขึ้นมา เมื่อมีอิเล็กตรอนมากระทบ ซึ่ งในส่ วยของจอแบบ Shadow Mask นั้น จะ มีการนาโลหะที่มีรูเล็กๆ มาใช้ในการกาหนดให้แสงอิเล็กตรอนนั้นยิงมาได้ถูกต้อง และแม่นยา ซึ่ งระยะห่าง ระหว่างรู น้ ีเราเรี ยกกันว่า Dot Pitch ซึ่ งในรู น้ ีจะมีสารประกอบของฟอสฟอรัสวางเรี ยงกันอยูเ่ ป็ น 3 จุด 3 มุม โดยแต่ละจุดจะเป็ นสี ของแม่สีน้ นั ก็คือ สี แดง สี เขียว และสี น้ าเงิน ซึ่ งแต่ละจุดนี้ เราเรี ยกว่า Triad ในส่ วน ของจอแบบ Trinitron นั้นจะมีการทางานที่เหมือนกันแต่ต่างกันที่ ไม่ได้ใช้โลหะเป็ นรู แต่จะใช้ โลหะที่เป็ น เส้นเล็กๆ ขึงพาดไปตาม แนวตั้ง เพื่อที่จะให้อิเล็คตรอนนั้นตกกระทบกับผิวจอที่มีสารประกอบของ ฟอสฟอรัสได้มากขึ้น สาหรับจอ Trinitron ในปั จจุบนั นี่ ได้มีการพัฒนาให้มีความแบนราบมากขึ้นซึ่ งจอ แบบนี้จะเรี ยกกันว่า FD Trinitron (Flat Display Trinitron) ซึ่งมีมากมายในปัจจุบนั และจะเข้ามาแทนที่จะ แบบเดิมๆ อีกทั้งราคายังถูกลงเป็ นอย่างมากด้วย - จอแอลซีดี (LCD : Liquid Crystal Display) ซึ่งมี ลักษณะแบนราบ จะมี ขนาดเล็กและบาง เมื่อ เปรี ยบเทียบกับจอภาพแบบซี แอลที


จอแบบ LCD การทางานนั้นจะไม่เหมือนกับจอแบบ CRT แม้สักนิดเดียว ซึ่ งการแสดงภาพนั้นจะซับซ้อนกว่า มาก การทางานนั้นอาศัยหลักของการใช้ความร้อนที่ได้จากขดลวด มาทาการเปลี่ยนและ บังคับให้ผลึกเหลว แสดงสี ต่างๆ ออกมาตามที่ตอ้ งการซึ่ งการแสดงสี น้ นั จะเป็ นไปตามที่กาหนด ไว้ตามมาตรฐานของแต่ละ บริ ษทั จึงทาให้จอแบบ LCD มีขนาดที่บางกว่าจอ CRT อยูม่ าก อีกทั้งยังกินไฟน้อยกว่า จึงทาให้ผผู ้ ลิต นาไปใช้งานกับ เครื่ องคอมพิวเตอร์ แบบเคลื่อนที่โน้ตบุค๊ และเดสโน้ต ซึ่งทาให้เครื่ องมีขนาดที่บางและเล็ก สามารถพกพาไปได้สะดวก ในส่ วนของการใช้งานกับเครื่ องเดสก์ทอ็ ปทัว่ ไป ก็มีซ่ ึ งจอแบบ LCD นี้จะมี ราคาที่แพงกว่าจอทัว่ ไปอยูป่ ระมาณ 2 เท่าของ ราคาในปั จจุบนั 2. เคส (Case)

เคส (case) เคส คือ โครงหรื อกล่องสำหรับประกอบอุปกรณ์ตำ่ ง ๆ ของคอมพิวเตอร์ ไว้ ภำยใน กำรเรี ยกชื่อ และ ขนำด ของเคสจะแตกต่ำงกันออกไป ซึง่ ในปัจจุบนั มีหลำยแบบที่นิยมกัน แล้ วแต่ผ้ ซู ื ้อจะเลือกซื ้อตำมควำม เหมำะสม ของงำนและสถำนที่นนั ้


3. พาวเวอร์ ซัพพลาย (Power Supply)

พาวเวอร์ ซัพพลาย (Power Supply) เป็ นอุปกรณ์ที่ทำหน้ ำที่ในกำรจ่ำยกระแสไฟฟ้ำให้ กบั ชิ ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึง่ ถ้ ำคอมพิวเตอร์ มีอปุ กรณ์ตอ่ พวงเยอะๆ เช่น ฮำร์ ดดิสก์ ซีดีรอมไดรฟ์ ดีวีดีไดรฟ์ก็ควรเลือกพำวเวอร์ ซพั พลำยที่มีจำนวน วัตต์สงู เพื่อให้ สำมำรถจ่ำยไฟได้ เพียงพอ 4. คีย์บอร์ ด (Keyboard)

คีย์บอร์ ด (Keyboard) เป็ นอุปกรณ์ในการรับข้อมูลที่สาคัญที่สุด มีลกั ษณะคล้ายแป้นพิมพ์ ของเครื่ องพิมพ์ดีด มี จานวนแป้ น 84 - 105 แป้ น ขึ้นอยูก่ บั แป้ นที่เป็ น กลุ่มตัวเลข (Numeric keypad) กลุ่มฟังก์ชนั (Function keys) กลุ่มแป้ นพิเศษ (Special-purpose keys) กลุ่มแป้นตัวอักษร (Typewriter keys) หรื อกลุ่มแป้ นควบคุม อื่น ๆ (Control keys) ซึ่ งการสั่งงานคอมพิวเตอร์ และการทางานหลายๆ อย่างจาเป็ นต้องใช้แป้ นพิมพ์เป็ น หลัก 5. เมาส์ (Mouse)


เมาส์ (Mouse) อุปกรณ์รับข้อมูลที่นิยมรองจากคียบ์ อร์ ด เมาส์จะช่วยในการบ่งชี้ตาแหน่งว่าขณะนี้กาลังอยู่ ณ จุด ใดบนจอภาพ เรี ยกว่า "ตัวชี้ตาแหน่ง (Pointer)" ซึ่งอาศัยการเลื่อนเมาส์ แทนการกดปุ่ มบังคับทิศทางบน คียบ์ อร์ด 6. เมนบอร์ ด (Main board)

เมนบอร์ ด (Main board) แผ่นวงจรไฟฟ้าแผ่นใหญ่ที่รวมเอาชิ้นส่ วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สาคัญๆมาไว้ดว้ ยกัน ซึ่ งเป็ นส่ วนที่ ควบคุม การทางานของ อุปกรณ์ต่างๆ ภายในพีชีท้ งั หมด มีลกั ษณะเป็ นแผ่น รู ปร่ างสี่ เหลี่ยมแผ่นที่ใหญ่ที่สุด ในพีชี ที่จะรวบรวมเอาชิปและไอชี (IC = Integrated Circuit) รวมทั้ง การ์ ดต่อพ่วงอื่นๆ เอาไว้ดว้ ยกันบน บอร์ ดเพียงอันเดียวเครื่ องพีชีทุกเครื่ องไม่สามารถทางาน ได้ถา้ ขาดเมนบอร์ด 7. ซีพยี ู (CPU)


ซีพยี ู (CPU) ซี พียหู รื อหน่วยประมวลผลกลาง เรี ยกอีกชื่อหนึ่งว่า โปรเซสเซอร์ (Processor) หรื อ ชิป (chip) นับเป็ นอุปกรณ์ที่มีความสาคัญมากที่สุดของฮาร์ดแวร์ เพราะมีหน้าที่ในการประมวลผลจากข้อมูลที่ ผูใ้ ช้ป้อน เข้ามาทางอุปกรณ์นาเข้าข้อมูลตามชุดคาสั่งหรื อโปรแกรมที่ผใู ้ ช้ตอ้ งการใช้งาน หน่วยประมวลผล กลาง ประกอบด้วยส่ วนสาคัญ 3 ส่ วน คือ 1) หน่วยคานวณและตรรกะ (Arithmetic& Logical Unit: ALU) หน่วยคานวณตรรกะ ทาหน้าที่ เหมือนกับเครื่ องคานวณอยูใ่ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ โดยทางานเกี่ยวกับการคานวณทางคณิ ตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หาร อีกทั้งยังมีความสามารถอีกอย่างหนึ่งที่เครื่ องคานวณธรรมดาไม่มี คือ ความสามารถในเชิง ตรรกะศาสตร์ หมายถึง ความสามารถในการเปรี ยบเทียบตามเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ทางคณิ ตศาสตร์ เพื่อให้ ได้คาตอบออกมาว่าเงื่อนไข นั้นเป็ น จริ ง หรื อ เท็จ ได้ 2) หน่วยควบคุม (Control Unit) หน่วยควบคุม ทาหน้าที่ควบคุมลาดับขั้นตอนการประมวลผล รวมไปถึง การประสานงานกับอุปกรณ์นาเข้าข้อมูล อุปกรณ์แสดงผล และหน่วยความจาสารองด้วย ซี พียทู ี่มีจาหน่าย ในท้องตลาด ได้แก่ Pentium III , Pentium 4 , Pentium M (Centrino) , Celeron , Dulon , Athlon 8.การ์ ดแสดงผล (Display Card)

การ์ ดแสดงผล (Display Card)


การ์ ดแสดงผลใช้สาหรับเก็บข้อมูลที่ได้รับมาจากซี พียู โดยที่การ์ ดบางรุ่ นสามารถประมวลผลได้ใน ตัวการ์ ด ซึ่ งจะช่วยแบ่งเบาภาระการประมวลผลให้ซีพียู จึงทาให้การทางานของคอมพิวเตอร์ น้ นั เร็ วขึ้นด้วย ซึ่ งตัวการ์ ดแสดงผลนั้นจะมีหน่วยความจาในตัวของมันเอง ถ้าตัวการ์ ดมีหน่วยความจามาก ก็จะรับข้อมูล จากซี พียไู ด้มากขึ้น ซึ่ งจะช่วยให้การแสดงผลบนจอภาพมีความเร็ วสู งขึ้นด้วย หลักกันทางานพื้นฐานของการ์ ดแสดงผลจะเริ่ มต้นขึ้น เมื่อโปรแกรมต่างๆ ส่ งข้อมูลมาประมวลผล ที่ ซีพียเู มื่อซีพียปู ระมวลผล เสร็ จแล้ว ก็จะส่ งข้อมูลที่จะนามาแสดงผลบนจอภาพมาที่การ์ ดแสดงผล จากนั้น การ์ ดแสดงผล ก็จะส่ งข้อมูลนี้มาที่จอภาพ ตามข้อมูลที่ได้รับมา การ์ ดแสดงผลรุ่ นใหม่ๆ ที่ออกมาส่ วนใหญ่ ก็จะมีวงจร ในการเร่ งความเร็ วการแสดงผลภาพสามมิติ และมีหน่วยความจามาให้มากพอสมควร 9. แรม (RAM)

SDRAM RAM ย่อมาจากคาว่า Random-Access Memory เป็ นหน่วยความจาหลักแต่ไม่ถาวร ซึ่ งจะต้องมีไฟมา หล่อเลี้ยงอุปกรณ์ตลอดในการทางาน โดยถ้าเกิดไฟฟ้ากระพริ บหรื อดับ ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ใน หน่วยความจาจะหายไปทันที

DDR-RAM


RDRAM โดยหลักการทางานคร่ าวๆ ของแรมนั้นเริ่ มต้นที่รับข้อมูลจากผูใ้ ช้ผา่ นอุปกรณ์ Input จากนั้นก็จะส่ งข้อมูล ไปยัง CPU ในการประมวลผล เมื่อ CPU ประมวลผลเสร็ จแล้ว แรมจะรับข้อมูลที่ได้รับการประมวลผลแล้ว ออกไปยังอุปกรณ์ Output ต่อไป โดยหน่วยความจาแรมที่ใช้ในปั จจุบนั มีหลายชนิด เช่น SDRAM, DDRRAM, RDRAM 10. ฮาร์ ดดิสก์ (Hard disk)

Harddisk แบบ IDE เป็ นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลหรื อโปรแกรมต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ โดยฮาร์ ดดิสค์จะมีลกั ษณะ เป็ นรู ปสี่ เหลี่ยมที่มีเปลือกนอก เป็ นโลหะแข็ง และมีแผงวงจรสาหรับการควบคุมการทางานประกบอยูท่ ี่ ด้านล่าง พร้อมกับช่องเสี ยบสายสัญญาณและสายไฟเลี้ยง ส่ วนประกอบภายในจะถูกปิ ดผนึกไว้อย่างมิดชิ ด โดยฮาร์ ดดิสค์ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยแผ่นจานแม่เหล็ก(platters) สองแผ่นหรื อมากกว่ามาจัด เรี ยงอยูบ่ น แกนเดียวกันเรี ยก Spindle ทาให้แผ่นแม่เหล็กหมุนไปพร้อม ๆ กัน จากการขับเคลื่อนของมอเตอร์ แต่ละ หน้าของแผ่นจานจะมีหวั อ่านเขียนประจาเฉพาะ โดยหัวอ่านเขียนทุกหัวจะเชื่ อมติดกันคล้ายหวี สามารถ เคลื่อนเข้าออกระหว่างแทร็ กต่าง ๆ อย่างรวดเร็ ว ซึ่ งอินเตอร์ เฟสของฮาร์ ดดิสก์ที่ใช้ในปั จจุบนั มีอยู่ 3 ชนิด ด้วยกัน - IDE (Integrated Drive Electronics) เป็ นระบบของ ฮาร์ ดดิสก์อินเตอร์ เฟสที่ใช้กนั มากในปั จจุบนั นี้ การต่อไดร์ ฟฮาร์ ดดิสก์แบบ IDE จะต่อ


ผ่านสายแพรและคอนเน็คเตอร์ จานวน 40 ขาที่มีอยูบ่ นเมนบอร์ ด ส่ วนใหญ่แล้วใน 1 คอนเน็คเตอร์ จะ สามารถต่อฮาร์ ดดิสก์ได้ 2 ตัวและบนเมนบอร์ด

IDE Cable - SCSI (Small Computer System Interface) เป็ นอินเตอร์ เฟสที่แตกต่างจากอินเตอร์ เฟสแบบอื่น ๆ มาก โดยจะอาศัย Controller Card ที่มี Processor อยู่ ในตัวเองทาให้เป็ นส่ วนเพิ่มขยายกับแผงวงจรใหม่โดยจะสนับสนุนการต่ออุปกรณ์ได้ถึง 8 ตัว แต่การ์ ดบาง รุ่ นอาจจะได้ถึง 14 ตัวทีเดียว โดยส่ วนใหญ่แล้วจะใช้งานในรู ปแบบ Server เพราะมีราคาแพงแต่มีความเร็ ว ในการส่ งข้อมูลสู ง

Harddisk แบบ SCSI

SCSI controller


- Serial ATA (Advanced Technology Attachment) เป็ นอินเตอร์ เฟสแบบใหม่ เปิ ดตัวครั้งแรกในวันที่ 26 มิถุนายน 2545 งาน PC Expo ใน New York มี ความเร็ วในเข้าถึงข้อมูลถึง 150 Mbytes ต่อ วินาที และให้ผลตอบสนองในการทางานได้เร็ วมากในส่ วน ของ extreme application เช่น Game Home Video และ Home Network Hub โดยเป็ นอินเตอร์ เฟสที่จะมา แทนที่ของ IDE ในปัจจุบนั

Harddisk แบบ Serial ATA

Serial ATA Cable

11. CD-ROM / CD-RW / DVD / DVD-RW


CD - ROM เป็ นไดรฟ์ สาหรับอ่านข้อมูลจากแผ่นซี ดีรอม หรื อดีวดี ีรอม ซึ่ งถ้าหากต้องการบันทึกข้อมูลลงบน แผ่นจะต้องใช้ไดรฟ์ ที่สามารถเขียนแผ่นได้คือ CD-RW หรื อ DVD-RW โดยความเร็ วของ ซีดีรอมจะเรี ยก เป็ น X เช่น 16X , 32X หรื อ 52X โดยจะมี Interface เดียวกับ Harddisk การทางานของ CD-ROM ภายในซี ดีรอมจะแบ่งเป็ นแทร็ กและเซ็กเตอร์ เหมือนกับแผ่นดิสก์ แต่เซ็ก เตอร์ ในซี ดีรอมจะมีขนาดเท่ากัน ทุกเซ็กเตอร์ ทาให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้น เมื่อไดรฟ์ ซี ดีรอมเริ่ ม ทางานมอเตอร์ จะเริ่ มหมุนด้วยความเร็ ว หลายค่า ทั้งนี้ เพื่อให้อตั ราเร็ วในการอ่านข้อมูลจากซีดีรอมคงที่ สม่าเสมอทุกเซ็กเตอร์ ไม่วา่ จะเป็ นเซ็กเตอร์ ที่อยูร่ อบนอกกรื อวงในก็ตาม จากนั้นแสงเลเซอร์ จะฉายลง ซี ดีรอม โดยลาแสงจะถูกโฟกัสด้วยเลนส์ที่เคลื่อนตาแหน่งได้ โดยการทางานของขดลวด ลาแสงเลเซอร์ จะ ทะลุผา่ นไปที่ซีดีรอมแล้วถูกสะท้อนกลับ ที่ผวิ หน้าของซี ดีรอมจะเป็ น หลุมเป็ นบ่อ ส่ วนที่เป็ นหลุมลงไป เรี ยก "แลนด์" สาหรับบริ เวณที่ไม่มีการเจาะลึกลงไปเรี ยก "พิต" ผิวสองรู ปแบบนี้เราใช้แทนการเก็บข้อมูล ในรู ปแบบของ 1 และ 0 แสงเมื่อถูกพิตจะกระจายไปไม่สะท้อนกลับ แต่เมื่อแสงถูกเลนส์จะสะท้อนกลับ ผ่านแท่งปริ ซึม จากนั้นหักเหผ่านแท่งปริ ซึมไปยังตัวตรวจจับแสงอีกที ทุกๆช่วงของลาแสงที่กระทบตัว ตรวจจับแสงจะกาเนิ ดแรงดันไฟฟ้า หรื อเกิด 1 และ 0 ที่ทาให้คอมพิวเตอร์ สามารถเข้าใจได้ ส่ วนการบันทึก ข้อมูลลงแผ่นซี ดีรอมนั้นต้องใช้แสงเลเซอร์ เช่นกัน โดยมีลาแสงเลเซอร์ จากหัวบันทึกของเครื่ อง บันทึก ข้อมูลส่ องไปกระทบพื้นผิวหน้าของแผ่น ถ้าส่ องไปกระทบบริ เวณใดจะทาให้บริ เวณนั้นเป็ นหลุมขนาดเล็ก บริ เวณทีไม่ถูกบันทึกจะมีลกั ษณะเป็ นพื้นเรี ยบสลับกันไปเรื่ อยๆตลอดทั้งแผ่น 12. ฟล็อปปี้ ดิสก์ (Floppy Disk)


Floppy Disk Drive เป็ นอุปกรณ์ที่กาเนิ ดมาก่อนยุคของพีซีเสี ยอีก โดยเริ่ มจากที่มีขนาด 8 นิ้ว กลายมาเป็ น 5.25 นิ้ว จน มาถึงปั จจุบนั ซึ่ งอยูท่ ี่ 3.5 นิ้ว ในส่ วนของความจุเริ่ มต้นตั้งแต่ไม่กี่ร้อยกิโลไบต์มาเป็ น 1.44 เมกะไบต์ และ 2.88 เมกะไบต์ ตามลาดับ ในปั จจุบนั การใช้งานฟล็อปปี้ ดิสก์น้ นั น้อยลงไปมากเพราะ เนื่ องจากจุขอ้ มูลได้นอ้ ยซึ่ งไม่เพียงพอกับ ความต้องการ แต่ฟล็อปปี้ ดิสก์ก็ยงั คงเป็ นมาตรฐานหนึ่งที่เครื่ องคอมพิวเตอร์ ทุกเครื่ องต้องมี การ พัฒนาฟล็อปปี้ ดิสก์ก็ไม่ได้หยุดยั้งไปเสี ยทีเดียว ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ระบบ Optical ทาให้ สามารถขยายความจุไปได้ถึง 120 เมกะไบต์ต่อแผ่น

2.4 องค์ ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ 1. ฮาร์ ดแวร์ ฮาร์ ดแวร์ (Hardware) คือลักษณะทางกายของเครื่ องคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึงตัวเครื่ องคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์รอบข้าง (peripheral) ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฮาร์ ดดิสก์ เครื่ องพิมพ์ เป็ นต้น ฮาร์ ดแวร์ ประกอบด้วย 1.1 หน่ วยรับข้ อมูลเข้ า (Input Unit) หน่วยรับข้อมูลเข้า เป็ นหน่วยที่ทาหน้าที่รับข้อมูล หรื อคาสั่งเข้าสู่ คอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ นาข้อมูล หรื อคาสั่งดังกล่าวไปประมวลผลกลางต่อไป ตัวอย่างของอุปกรณ์ที่จดั อยูใ่ นหน่วยรับข้อมูลเข้า ได้แก่ -แป้นพิมพ์ (Keyboard) -เมาส์ (Mouse) -ไมโครโฟน (Microphone) -แสกนเนอร์ (Scanner) -กล้องดิจิตอล -ตัวอย่างของหน่วยรับข้อมูลเข้าแสดงในรู ป


1.2 หน่ วยประมวลผล (Central Process Unit) หน่วยประมวลผลกลาง เป็ นหน่วยที่สาคัญที่สุด เปรี ยบได้กบั สมองของคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่ ประมวลผลของมูล หรื อคาสั่งต่าง ๆ และมีหน้าที่ควบคุมระบบต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ ให้ทุกหน่วยทางาน สอดคล้องกัน ซึ่ งหน่วยประมวลผลการจะประกอบด้วยหน่วยย่อย ๆ ดังต่อไปนี้ หน่ วยความจา (Memory Unit) รีจิสเตอร์ (Register) คือ หน่วยความจาที่อยูภ่ ายใน CPU ทาหน้าที่เก็บข้อมูลที่ส่งมาจาก หน่วยความจาหลัก และจะนาข้อมูลดังกล่าวไปประมวลผล รอม (Read Only Memory: ROM) คือ หน่วยความจาหลักชนิดถาวรของคอมพิวเตอร์ทาหน้าที่ เก็บคาสั่งต่าง ๆ ไม่สามารถแก้ไข้ขอ้ มูลในรอมได้ เปรี ยบได้กบั หนังสื อที่จะเก็บความรู ้ต่าง ๆ เอาไว้ แรม (Random Access Memory: RAM) คือ หน่วยความจาหลักชนิดหนึ่งของคอมพิวเตอร์ ทา หน้าที่เก็บข้อมูล หรื อคาสั่งต่าง ๆ ที่ใช้ในการประมวลผล สามารถแก้ไขข้อมูลในแรมได้ และข้อมูลจะ หายไปเมื่อปิ ดเครื่ อง คอมพิวเตอร์ เปรี ยบได้กบั กระดาษทดหน่วยคานวณ และ ตรรกะ (Arithmetic and Login Unit: ALU) เป็ นหน่วยที่ทาหน้าที่คานวณทางด้านคณิ ตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หาร หรื อคานวณทางตรรกะ ศาสตร์ เช่น เปรี ยบเทียบข้อเท็จ เป็ นต้น หน่ วยควบคุม (Control Unit) เป็ นหน่วยที่ทาหน้าที่ควบคุมการทางานทุกๆ หน่วยในCPU และ อุปกรณ์ต่อพ่วงให้ทางานได้อย่างสัมพันธ์กนั 1.3 หน่ วยแสดงผล (Output Unit) หน่วยแสดงผลเป็ นหน่วยที่ทาหน้าที่นาผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลกลางไปแสดง ตัวอย่างอุปกรณ์ที่จดั เป็ นชนิ ดหน่วยแสดงผลได้แก่ -จอภาพ -เครื่ องพิมพ์ -ลาโพง 1.4 หน่ วยเก็บข้ อมูลสารอง (Secondary Storage) หน่วยเก็บข้อมูลสารอง คือ สื่ อในการเก็บบันทึกข้อมูล เช่น Hard disk, CD-ROM,Tape, Floppy disk เป็ นต้น

2. ซอฟต์ แวร์ ฮาร์ ดแวร์ ที่ประกอบออกมาจากโรงงานจะยังไม่สามารถทางานใดๆ เนื่ องจากต้องมี ซอฟต์แวร์ (Software)ซึ่ งเป็ นชุดคาสั่งหรื อโปรแกรมที่สั่งให้ฮาร์ ดแวร์ ทางานต่าง ๆ ตามต้องการ โดยชุดคาสั่งหรื อ โปรแกรมนั้นจะเขียนขึ้นมาจาก ภาษาคอมพิวเตอร์ (Programming Language) ภาษาใดภาษาหนึ่ง และมี


โปรแกรมเมอร์ (Programmer) หรื อนักเขียนโปรแกรมเป็ นผูใ้ ช้ภาษาคอมพิวเตอร์ เหล่านั้นเขียนซอฟต์แวร์ ต่าง ๆ ขึ้นมา ความหมายของซอฟต์ แวร์ ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึง ส่ วนที่ทาหน้าที่เป็ นคาสัง่ ที่ใช้ควบคุมการทางานของเครื่ อง คอมพิวเตอร์ หรื ออาจเรี ยกว่า “ โปรแกรม ” ก็ได้ ซึ่ งหมายถึงคาสั่งหรื อชุดคาสั่ง สามารถใช้เพื่อสั่งให้ คอมพิวเตอร์ ทางาน เราต้องการให้เครื่ องคอมพิวเตอร์ ทาอะไรก็เขียนเป็ นคาสั่งที่จะต้องสั่งเป็ นขั้นตอน และ แต่ละขั้นตอนต้องทาอย่างละเอียดและครบถ้วนก็จะเรี ยกว่า นักเขียนโปรแกรม (Programmer) สาหรับการ เขียนโปรแกรมดังกล่าวใช้ภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมโดยเฉพาะ หรื อหมายถึง ภาษาที่เครื่ อง คอมพิวเตอร์ สามารถเข้าใจได้ เช่น ภาษาเบสิ ก ภาษาโคบอล ภาษาปาสคาล เป็ นต้น โปรแกรมที่เขียนขึ้นมาก็ จะนาไปใช้ในงานเฉพาะอย่าง เช่น โปรแกรมสต็อกสิ นค้าคงคลัง โปรแกรมคานวณภาษี โปรแกรมคิดเงิน เดือนพนักงาน เป็ นต้น ประเภทของซอฟต์ แวร์ ซอฟต์แวร์ จะแบ่งออกเป็ นประเภทใหญ่ ๆ ได้ ประเภท คือ ซอฟต์แวร์ ระบบ (System Software) และ ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ( Application Softwaer) ซึ่ งมีรายละเอียด ดังนี้ 1. ซอฟต์ แวร์ ระบบ ( System Software) หมายถึง โปรแรกมที่มีหน้าที่ควบคุมการทางานของฮาร์ ดแวร์ ทุกอย่างและอานวยความสะดวกให้กบั ผูใ้ ช้เครื่ องคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็ นโปรแกรมตามหน้าที่การทางานดังนี้ 1.1 OS (Operating System) คือ โปรแกรมระบบที่ทาหน้าที่ควบคุมการใช้งานส่ วนต่าง ๆ ของเครื่ องคอมพิวเตอร์ เช่น ควบคุม หน่วยความจา ควบคุมหน่วยประมวลผล ควบคุมหน่วยรับและควบคุมหน่วยแสดงผล ตลอดจนแฟ้มข้อมูล ต่าง ๆ ให้มีประสิ ทธิ ภาพในการทางานสู งที่สุด และสามารถใช้อุปกรณ์ทุกสาวนของคอมพิวเตอร์ และช่วย จัดการกระบวนการพื้นฐานที่สาคัญ ๆ ภายในเครื่ องคอมพิวเตอร์ เช่นการเปิ ด หรื อปิ ดไฟล์ การสื่ อสารกัน ระหว่างชิ้นส่ วนต่าง ๆ ภายในเครื่ อง การส่ งข้อมูลออกสู่ เครื่ องพิมพ์หรื อสู่ จอภาพ เป็ นต้น ก่อนที่ คอมพิวเตอร์ แต่ละเครื่ องจะสามารถอ่านไฟล์ต่าง ๆ หรื อสามารถใช้ซอฟต์แวร์ ต่าง ๆ ได้จะต้องผ่านการดึง ระบบปฏิบตั ิการออกมาฝังตัวอยูใ่ นหน่วยความจาก่อน ปั จจุบนั นี้มีโปรแกรมระบบบอยูห่ ลายตัวด้วยกันซึ่ ง แต่ละตัวนั้นก็เป็ นโปรแกรมระบบปฏิบตั ิการเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ลกั ษณะการทางานจะไม่เหมือนกัน ดังนี้ DOS (Disk operating System) เป็ นระบบปฏิบตั ิการที่นิยมใช้กนั มาตั้งแต่ในอดีตออกมาพร้อมกับ เครื่ องพีซีของไอบีเอ็มรุ่ นแรก ๆ จากนั้นก็มีการพัฒนารุ่ นใหม่ออกมาเรื่ อย ๆ จนกระทัง่ ถึงเวอร์ ชนั่ สุ ดท้ายคือ


เวอร์ ชนั่ 6.22 หลังจากที่มีการประกาศใช้วนิ โดวส์ 95 ก็คงจะไม่ผลิต DOS เวอร์ ชชัน่ ใหม่ออกมาแล้ว โดยทัว่ ไปจะนิยมใช้วนิ โดวส์ 3. x ซึ่ งถือว่าเป็ นโปรแกรมเสริ มชนิดหนึ่งที่ใช้ในดอส UNIX เป็ นระบบ OS ที่สามารถใช้ร่วมกันได้หลายคน (Multiuser) หรื อเป็ นระบบปฏิบตั ิการแบบ เครื อข่าย โดยที่ผใู ้ ช้แต่ละคนจะต้องมีชื่อและพาสเวิร์ดส่ วนตัว และสามารถเชื่ อมโยงถึงกันได้ทวั่ โลก โดย ผ่านทางสายโทรศัพท์และมี Modem เป็ นตัวกลางในการรับส่ งข้อมูลหรื อโอนย้ายข้อมูล นิยมใช้อย่าง แพร่ หลายในมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐบาล หรื อบริ ษทั เอกชนที่มีระบบคอมพิวเตอร์ ใหญ่ ๆ ใช้ ในระบบ ยูนิกซ์เองก็มีวนิ โดวส์อีกชนิ ดหนึ่งใช้เรี ยกว่า X Windows สาหรับผูท้ ี่ตอ้ งการใช้ระบบยูนิกซ์ในเครื่ องพีซีที่ บ้านก็มีเวอร์ ชนั่ สาหรับพีซีเรี ยกว่า Linux ซึ่ งจะมีคาสั่งพื้นฐานคล้าย ๆ กับระบบยูนิกซ์ LAN เป็ นระบบปฏิบตั ิการแบบเครื อข่ายเช่นเดียวกัน แต่จะใช้เชื่ อมโยงกันใกล้ ๆ เช่น ในอาคาร เดียวกันหรื อระหว่างอาคารที่อยูใ่ กล้กนั โดยใช้สาย Lan เป็ นตัวเชื่อมโยง WINDOWS เป็ นระบบปฏิบตั ิการที่กาลังนิยมใช้กนั มากในปั จจุบนั ซึ่ งพัฒนามาถึง รุ่ น Windows 2000 แล้ว บริ ษทั ไมโครซอฟต์ได้เริ่ มประกาศใช้ MS Windows 95 ครั้งแรกเมื่อ 24 สิ งหาคม ค.ศ.1995 โดยมีความคิดที่วา่ จะออกมาแทน MS-DOS และ วินโดวส์ 3. X ที่ใช้ร่วมกันอยู่ ลักษณะของ วินโดวส์ 95 จึงคล้ายกับเป็ นระบบโอเอสที่มีท้ งั ดอสและวินโดวส์อยูใ่ นตัวเดียวกัน แต่เป็ นวินโดวส์ที่มี ลักษณะพิเศษกว่าวินโดวส์เดิม เช่น มีคุณสมบัติเป็ น Plug and play ซึ่ งสามารถจะรู ้จกั ฮาร์ ดแวร์ ต่าง ๆ ที่ ติดตั้งอยูใ่ นเครื่ องได้โดยอัตโนมัติ มีลกั ษณะเป็ นระบบ 32 บิต ในขณะที่วนิ โดวส์ เดิมเป็ นระบบ 16 บิต เป็ น ต้น บริ ษทั ไมโครซอฟต์ไม่ได้หยุดเพียงแค่วินโดวส์ 95 แต่ได้มีการพัฒนาเพิ่มฟังก์ชนั ใหม่ ๆ เข้าไป ในที่สุด ก็ออกระบบโอเอสตัวถัดมาเป็ น MS Windows 98 และ MS Windows 2000 ตามลาดับโดยที่มีการติดตั้ง และ การใช้งานที่มีพ้นื ฐานไม่แตกต่างกันมากนัก จึงง่ายสาหรับผูใ้ ช้ในการปรับตัวเข้ากับระบบโอดอสใหม่ ๆ Windows NT เป็ นระบบ OS ที่ผลิตจากบริ ษทั ไมโครซอฟต์เข่นเดียวกัน เป็ นระบบ 32 บิต มี รู ปลักษณ์เป็ นกราฟิ กที่ตอ้ งใช้เมาส์กล้ายกับวินโดวส์ทวั่ ไป แต่นิยมใช้ในระบบเวิร์กสเตชันมากกว่าใน เครื่ องพีซีทวั่ ไป OS/2 เป็ นระบบ OS ที่ผลิตออกมาจากบริ ษทั IBM เป็ นระบบ 32 บิต ที่มีรูปลักษณ์เป็ นกราฟฟิ กที่ ต้องใช้เมาส์ คล้ายกับวินโดวส์ทวั่ ไปเช่นกัน 1.2 Translation Program คือโปรแกรมที่ทาหน้าที่ในการแปลโปรแกรมหรื อชุ ดคาสัง่ ที่เขียน ด้วยภาษาที่ไม่ใช่ภาษาเครื่ อง หรื อภาษาเครื่ องที่ไม่เข้าใจให้เป็ นภาษาที่เครื่ องสามารถรู ้เรื่ องเข้าใจ และนาไป ปฏิบตั ิได้ เช่น ภาษา BASIC ,COBOL,C, PASCAL, FORTRAN, ASSEMBLY เป็ นต้น สาหรับตัวแปลนั้น จะมี 3 แบบคือ Assembler เป็ นโปแกรมที่ใช้แปลภาษาแอสแซมบลี ซึ่ งมีลกั ษณะการแปลทีละคาสั่ง เมื่อทาตาม คาสั่งนั้นเสร็ จแล้ว ก็จะแปลคาสั่งถัดไปเรื่ อย ๆ จนจบ


Interpreter เป็ นโปรแกรมที่ใช้แปลภาษาเบสิ ก โดยจะแปลทีละคาสั่งแล้วทาตามคาสัง่ นั้น แล้วแปล ต่อไปเรื่ อย ๆ จนจบโปรแกรม Compiler เป็ นโปรแกรมที่ใช้แปลภาษาระดับสู งให้เป็ นภาษาเครื่ อง ซึ่ งจะแปลทั้งโปรแกรมให้เสร็ จ ก่อน จากนั้นจึงจะปฏิบตั ิตามคาสั่งทีละคาสั่ง 1.3 Utility Program คือ โปรแกรมระบบที่ทาหน้าที่ในการอานวยความสะดวกให้กบั ผูใ้ ช้เครื่ อง คอมพิวเตอร์ ให้สามารถทางานได้สะดวก รวดเร็ วและง่ายขึ้น เช่น โปรแกรมที่ใช้ในการเรี ยงลาดับข้อมูล โปรแกรมโอนย้ายข้อมูลจากชนิดหนึ่งไปยังอักชนิดหนึ่ง โปรแกรมรวบรวมข้อมูล 2 ชุ ดเข้าด้วยกัน โปรแกรมคัดลอกข้อมูลเป็ นต้น 1.4 Diagnostic Program คือ โปรแกรมระบบที่ทาหน้าที่ตรวจสอบข้อผิดพลาดใน การทางานของ อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่ องคอมพิวเตอร์ ได้แก่ โปแกรม QAPLUS โปรแกรม NORTON เป็ นต้น และเมื่อพบ ข้อผิดพลาดก็จะแจ้งขึ้นบนจอภาพให้ทราบ 2. ซอฟต์ แวร์ ประยุกต์ (Application Software) หมายถึง โปรแกรมที่ผใู ้ ช้คอมพิวเตอร์ เป็ นผูเ้ ขียนมาใช้งานเอง เพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ ทางานอย่างใดอย่าง หนึ่งตามที่ตอ้ งการ ซึ่ งแบ่งได้ดงั นี้ 2.1 User Program คือ โปรแกรมที่ผใู ้ ช้เขียนมาใช้เอง โดยใช้ภาษาระดับต่าง ๆ ทาง คอมพิวเตอร์ เช่น ภาษา BSDIC , COBOL , PSDCSL , C , ASSEMBLY FORTRAN ฯลฯ ซึ่งการที่จะ เลือกใช้ภาษาใดนั้นก็ข้ ึนอยูก่ บั ความเหมาะสมของงานเหล่านั้นด้วย เช่น โปรแกรมระบบบัญชี , โปแกรม ควบคุมสต็อกสิ นค้า, โปแกรมแฟ้มทะเบียนประวัติ โปรแกรมคานวณภาษี,โปรแกรมคิดเงินเดือน เป็ นต้น 2.2 Package Program คือ โปรแกรมสาเร็ จรู ปซึ่ งเป็ นโปรแกรมที่ถูกสร้างหรื อเขียนขึ้นมา โดยบริ ษทั ต่าง ๆ เสร็ จเรี ยบร้อยแล้วพร้อมที่จะนาไปใช้งานต่าง ๆ ได้ทนั ทีตวั อย่างเช่น Word Processor โปรแกรมที่ช่วยในการทาเอกสาร พิมพ์งานต่าง ๆ เช่น เวิร์ดจุฬา, เวิร์ดราชวิถี, Microsoft Word, WordPerfect, AmiPro เป็ นต้น Spreadsheet โปรแกรมที่ใช้ในการคานวณข้อมูล มีลกั ษณะเป็ นตาราง เช่น Lotus 1-2-3, Microsoft Excel เป็ นต้น Database โปรแกรมที่ใช้ในการทางานทางด้านฐานข้อมูลจะใช้เก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่มีขนาด ใหญ่ และมีขอ้ มูลเป็ นจานวนมาก เช่น dBASE lll Plis, Foxbase, Microsoft Access, foxpro, Visual Foxpro เป็ นต้น


โปรแกรมที่ใช้ในการทางานทางด้านการสร้างรู ปภาพและกราฟฟิ กต่าง ๆ รวมทั้งงานทางด้าน สิ่ งพิมพ์ การทาโบว์ชวั ร์ แผ่นพับ นามบัตร เช่น CorelDraw, Photoshop, Harvard Graphic, Freelance Graphic, PowerPoint, PageMaker เป็ นต้น จากข้างต้นเป็ นตัวอย่างของ Package Program ที่นิยมใช้งานกันในปั จจุบนั ที่จริ งแล้ว Package Program สามารถแบ่งออกได้เป็ น 9 ประเภทด้วยกัน สาหรับรายละเอียดของโปรแกรมแต่ละประเภทนั้น มี รายละเอียดดังนี้ 1. โปรแกรมทางด้ าน Word Processor โปรแกรมทางด้าน Word Processor นั้น เป็ นโปรแกรมที่ทางานเกี่ยวกับทางด้านการประมวลผลคา สามารถจัดทาเอกสาร รายงาน จดหมาย หนังสื อต่าง ๆ ได้ ทาให้ได้งานที่มีประสิ ทธิ ภาพ สวยงาม เนื่องจาก สามารถจัดรู ปแบบงานตามต้องการได้รวมทั้งยังแก้ไขงานที่ทาได้ดว้ ย อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาในการ แก้ไขงาน และสามารถค้นหาข้อความต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก โปรแกรมที่จดั อยูใ่ นกลุ่ม Word Processor มีดงั นี้ คือ WordStat, ราชวิถีเวิร์ด เวิร์ดจุฬา โปรแกรมเหล่านี้ จะเป็ นโปรแกรมที่ทางานบน Dos นอกจากนั้นยังมีโปรแกรมที่ทางานบนวินโดวส์อีกด้วย คือ Word Perfect, Microsoft Word และ AmiPro โปรแกรมเหล่านี้จะใช้งานง่าย สะดวก สามารถจัดรู ปแบบต่าง ๆ ได้ตาม ต้องการ รวมทั้งสามารถนาภาพมาประกอบกับงานเอกสาร หรื อนาเอกสารจากโปรแกรมอื่นมาจัดรู ปแบบ ในโปรแกรมเหล่านี้ก็ได้ 2. โปรแกรมทางด้ าน Spreadsheet โปรแกรมทางด้าน Spreadsheet เป็ นโปรแกรมที่มีลกั ษณะเป็ นกระดาษทาการขนาดใหญ่ หรื อ เรี ยกว่า Worksheet ประกอบด้วยส่ วนที่เป็ น Row หรื อแถวตามแนวนอนและส่ วนที่เป็ น Column หรื อแถว ตามแนวตัง่ ซึ่ งใช้ในด้านการคานวณเป็ นส่ วนมาก นอกจากนั้นยังมีการนาเสนอข้อมูลออกมาในรู ปของ กราฟโดยสร้างเป็ นกราฟ 2 มิติและ 3 มิติได้อีกด้วย โปรแกรม Spreadsheet เหมาะกับการทางานในด้านการ บัญชี การเงิน การวิเคราะห์ขอ้ มูล หรื องานการคิดคะแนนและเกรดของนักศึกษา เป็ นต้น สาหรับโปแกรมที่ อยูใ่ นกลุ่มนี้ ได้แก่ โปรแกรม Lotus ซึ่ งมีท้ งั ที่ทางานบน Dos และบน Windows, โปรแกรม Microsoft Excel โปรแกรมเหล่านี้สามารถจัดรู ปแบบตัวอักษรและกาหนดขนาดตัวอักษร รวมทั้งสามารถตีกรอบ สร้าง ตารางระบายสี ลงในเซลล์ต่าง ๆ ได้ นอกจากนั้นยังสามารถนารู ปกราที่สร้างไว้มารวมกับข้อมูลที่อยู่ ใน Worksheet เดียวกันได้ ทาให้ได้งานที่สมบูรณ์ข้ ึน 3. โปรแกรมทางด้ าน Database โปรแกรมประเภทนี้ เป็ นโปรแกรมที่ทางานทางด้านการจัดการฐานข้อมูล ช่วยจัดเก็บข้อมูล แก้ไข ค้นหา เพิม่ เติม รวมทั้งการจัดเรี ยงข้อมูล ทาให้ผใู ้ ช้สะดวกรวดเร็ วสามารถทางานได้เป็ นระบบ


โปรแกรม Database เหมาะกับการทางานที่มีขอ้ มูลมาก ๆ เช่น การเก็บสต็อกสิ นค้าคงคลัง การเก็บ ประวัติพนักงาน การเก็บรายชื่อนักศึกษาในโรงเรี ยน การเก็บรายชื่อหนังสื อในห้องสมุด เป็ นต้น โปรแกรมที่อยูใ่ นกลุ่มนี้ ได้แก่ โปรแกรม dBase lll Plus ซึ่งทางานบน Dos โปรแกรม Foxpro ซึ่งมี หน้าที่ทางานบน Dos และบน Windows, โปรแกรม Microsoft Access และในปัจจุบนั มีโปรแกรม Visual Foxpro ซึ่งเป็ นโปรแกรมฐานข้อมูลที่ทางานบน Windows เช่นกัน 4. โปรแกรมทางด้ าน Graphic โปรแกรม Graphic ส่ วนมากแล้วจะเกี่ยวกับทางด้านงานออกแบบ เขียนแบบวาดภาพ จัดทาสิ่ งพิมพ์และ จะเป็ นทางด้านการนาเสนองาน สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในงานโฆษณา ทา Slide Show หรื อนาไปใช้กบั ระบบ Multimedia ได้ ปั จจุบนั โปรแกรมกลุ่มนี้เป็ นที่นิยมมาก สาหรับโปรแกรมที่ทางานทางด้าน Graphic นั้น มีอยูห่ ลายโปรแกรมและแต่ละโปรแกรมนั้น ส่ วนใหญ่ จะทางานคล้ายกัน แต่มีบางคาสั่งที่แตกต่างกันไปดังนี้ CorelDraw และ Photoshop จะทาเกี่ยวกับงานออกแบบ วาดภาพ จัดทา สิ่ งพิมพ์ ตกแต่งภาพให้ สวยงาม เหมาะกับงานทางด้านโฆษณา Harvard Graphic, Freelance Graphic และ PowerPoint เหมาะกับงานที่ตอ้ งการนาเสนอ หรื อ แสดงออกโดยการสร้าง Slide Show สามารถนาภาพและเสี ยงมาประกอบกับงานได้ ทาให้ ได้ Presentation ที่สวยงามออกมา PageMaker เหมาะกับงานประเภทสิ่ งพิมพ์ ใช้สร้างโบรชัวร์ แผ่นพับ ใบปลิว นามบัตร และการทา หนังสื อ โปรแกรมที่นิยมใช้กบั โรงพิมพ์มาก 5. โปรแกรมเกม ( Game) เป็ นโปรแกรมที่แพร่ หลายเป็ นที่รู้จกั กันทัว่ ไป ไม่วา่ จะเป็ นเด็กหรื อผูใ้ หญ่ และปั จจุบนั นี้มีโปรแกรม เกมต่าง ๆ มากมาย ทั้งแบบธรรมดาและแบบ 3 มิติ ซึ่ งที่จริ งแล้วโปรแกรมเกมส่ วนใหญ่จะสร้างขึ้นมา เพื่อ ช่วยผ่อนคลายความตึงเครี ยดในการทางานแต่ละส่ วนใหญ่แล้วจะพบว่าเด็กจะเล่น เพื่อความสนุกสนาน เพลิดเพลินมากกว่า ผูใ้ หญ่ควรควบคุมเกมที่เด็ก ๆเล่นด้วย เพราะบางเกมเป็ นลักษณะของการต่อสู ้ เพื่อให้ เกิดชัยชนะ ซึ่ งจะทาให้เด็กสร้างนิสัยผิด ๆ กลายเป็ นเด็กที่ชอบเอาชนะคนอื่นชอบการต่อสู ้ และอาจเป็ นคน ดุร้าย เห็นแก่ตวั ได้

6. โปรแกรมทางด้ านการสร้ างสถานการณ์จาลอง


เป็ นโปรแกรมที่ให้ผเู ้ ล่นได้ทดลองสร้างสถานการณ์จาลองของงานที่อาจจะเกิดขึ้นได้หรื ออาจจะ เรี ยกว่า เกมส์ทางธุ รกิจ โดยให้ผเู ้ ล่นได้รู้จกั วางแผนในการทางาน คิดถึงผลกาไรขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ รู ้จกั จัดสรรงบประมาณที่มีอยูใ่ ห้ได้ผลกาไรมากที่สุด 7. โปรแกรมทางด้ านการติดต่ อสื่ อสาร เป็ นโปรแกรมที่มกั นิยมใช้ตามสานักงานต่างๆทั้งของรัฐและเอกชนในการนัดหมายประชุม การทา จดหมายเวียนไปตามฝ่ ายต่างๆ โดยการเก็บข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์ แทนที่จะพิมพ์ออกมาทางกระดาษ เพื่อ แจ้งให้พนักงานทราบ ข้อดีของโปรแกรมชนิดนี้คือ ทาให้ประหยัดกระดาษลงไปได้มาก 8. โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน โปรแกรมประเภทนี้ เรี ยกอีกอย่างหนึ่งว่า CAI (Computer Assisted Instruction) เป็ นโปรแกรมที่นามา สอนให้กบั นักเรี ยนในวิชาต่าง ๆ โดยที่นกั เรี ยนจะเรี ยนกับโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ และครู เป็ นผูช้ ีแนะ ทดสอบ และวัดความเข้าใจ รวมทั้งสรุ ปเนื้ อหาที่นกั เรี ยนได้เรี ยนจากโปรแกรม CAI นี้ ปั จจุบนั โปรแกรม ประเภทนี้ เริ่ มนาเข้ามาใช้ในโรงเรี ยนแพร่ หลายมากขึ้น เพราะทุกโรงเรี ยนมีคอมพิวเตอร์ ใช้ ซึ่ งเป็ นการ เปลี่ยนแปลงวิธีการสอนของครู วหี นึ่ง ที่ทาให้นกั เรี ยนไม่รู้สึกเบื่อ และสนใจการเรี ยนมากขึ้นด้วย

บทที่ 3 วิธีดาเนินงานโครงงาน ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย blogger.com เรื่ องหลักการทางานของคอมพิวเตอร์ นี้ ผูจ้ ดั ทาโครงงานมีวธิ ี ดาเนินงานโครงงาน ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ 3.1 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่ องมือหรื อโปรแกรมหรื อทีใ่ ช้ ในการพัฒนา 3.1.1 เครื่ องคอมพิวเตอร์ พร้อมเชื่ อมต่อระบบเครื อข่ายอินเทอร์ เน็ต 3.1.2 เว็บไซต์ที่ให้บริ การเว็บบล็อก คือ http://www.blogger.com 3.1.3 เว็บไซต์ที่ใช้ในการติดต่อสื่ อสาร http://www.facebook.com 3.2 ขั้นตอนการดาเนินงาน 3.2.1 คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนาเสนอครู ที่ปรึ กษาโครงงาน 3.2.2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่ องที่สนใจ คือ เรื่ องหลักการทางานของคอมพิวเตอร์ ว่ามี เนื้อหามากน้อยเพียงใด และต้องศึกษาค้นคว้าเพิม่ เติมเพียงใดจากเว็บไซต์ต่างๆ และเก็บข้อมูลไว้เพื่อจัดทา เนื้อหาต่อไป 3.2.3 ศึกษาการสร้างเว็บบล็อกที่สร้างจากเว็บไซต์ blogger.com จากเอกสารที่ครู ประจาวิชากาหนด และ จากเว็บไซต์ต่างๆ ที่นาเสนอเทคนิค วิธีการสร้างเว็บบล็อก


3.2.4 จัดทาโครงร่ างโครงงานคอมพิวเตอร์ เพื่อนาเสนอครู ที่ปรึ กษา 3.2.5 ปฏิบตั ิการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย blogger.com เรื่ อง แท็บเล็ต โดยการสมัครสมาชิ ก และสร้างบทเรี ยนที่สนใจตามแบบเสนอโครงร่ างที่เสนอไว้แล้ว3.3 วิธีการ เก็บรวบรวมข้ อมูล - ศึกษา เรื่ อง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ - ศึกษาเรื่ อง องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์

บทที่ 4 ผลการดาเนินงานโครงงาน การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่ อง Web blog น่ารู ้เรื่ องอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มีเนื้ อหา เกี่ยวกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ต่างๆ มีวตั ถุประสงค์เพื่อ เผยแพร่ ความรู ้เกี่ยวกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มีผลการ ดาเนินงานโครงงาน ดังนี้ ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่ อง Web blog น่ารู ้เรื่ องอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ได้รู้วา่ อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ ที่ใช้งานอยูใ่ นชี วติ ประจาวันมีชื่อเรี ยกว่าอะไร และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อีกหลายๆอย่างที่ใคร อาจจะยังไม่รู้จกั คณะผูจ้ ดั ทาได้ศึกษาข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ คอมพิวเตอร์ เข้ามามีบทบาทที่สาคัญยิง่ ต่อสังคมของมนุษย์เราในปั จจุบนั แทบทุกวงการล้วนนา คอมพิวเตอร์ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการใช้งาน จนกล่าวได้วา่ คอมพิวเตอร์ เป็ นปั จจัยที่สาคัญอย่างยิง่ ต่อการ ดาเนินชี วติ และการทางานในชีวติ ประจาวัน ฉะนั้นการเรี ยนรู ้เพื่อทาความรู ้จกั กับคอมพิวเตอร์ จึงถือเป็ นสิ่ งที่ มีความจาเป็ นเป็ นอย่างยิง่ ความหมายของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ มาจากภาษาละตินว่า Computare ซึ่งหมายถึง การนับ หรื อ การคานวณ พจนานุกรม ฉบับ คอมพิวเตอร์ จึงเป็ นเครื่ องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทางานแทนมนุษย์ ในด้านการคิด คานวณและสามารถจาข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรี ยกใช้งานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยัง สามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ดว้ ยความเร็ วสู ง โดยปฏิบตั ิตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ ยงั มี ความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรี ยบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่ งข้อมูล การจัดเก็บ ข้อมูลในตัวเครื่ องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้

บทที่ 5


สรุปผลการดาเนินงาน และข้ อเสนอแนะ การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย blogger.com เรื่ องแท็บเล็ต นี้สามารถสรุ ปผลการดาเนิ นโครงงาน และข้อเสนอแนะ ดังนี้ 5.1 การดาเนินงานจัดทาโครงงาน 5.1.1 วัตถุประสงค์ ของโครงงาน 5.1.1.1 เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย blogger.com เรื่ องแท็บเล็ต 5.1.1.2 เพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่ องที่สนใจเกี่ยวกับแท็บเล็ต 5.1.1.3 เพื่อให้ผเู ้ รี ยนสามารถพัฒนารู ปแบบของเว็บบล็อกจาก blogger.com ได้ดว้ ยตนเองและนามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรี ยนรู ้ของตนเองมากยิง่ ขึ้น 5.1.1.4 เพื่อให้สามารถติดต่อสื่ อสารกันได้ระหว่างครู เพื่อนและผูส้ นใจทัว่ ไป 5.2.2 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่ องมือหรื อโปรแกรมหรื อทีใ่ ช้ ในการพัฒนา 5.2.1.1 เครื่ องคอมพิวเตอร์ พร้อมเชื่อมต่อระบบเครื อข่ายอินเทอร์ เน็ต 5.2.1.2 เว็บไซต์ที่ให้บริ การเว็บบล็อก คือ http://www.wordpress.com 5.2.1.3 เว็บไซต์ที่ใช้ในการติดต่อสื่ อสารเช่น http://www.facebook.com 5.2 สรุ ปผลการดาเนินงานโครงงาน ขั้นตอนการดาเนิ นงานที่เสนอในบทที่ 3 แล้ว แล้วได้สมัครเป็ นสมาชิกเว็บบล็อกที่ ชื่อ http://www.wordpress.com จากนั้นได้นาเสนอเผยแพร่ ผลงานผ่านเครื อข่ายอินเทอร์ เน็ต ที่สามารถ เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา โดยได้นาเผยแพร่ ที่เว็บบล็อกชื่ อ Chom2525.blogger.com ทั้งนี้เว็บบล็อกดังกล่าว สามารถจัดการและเชื่ อมต่อกับเว็บไซต์อื่นๆ ได้เป็ นอย่างดี โดยทั้งครู ที่ปรึ กษา เพื่อนๆในห้องเรี ยนได้เข้าไป มีส่วนร่ วมในการจัดการเรี ยนรู ้ โดยแสดงความเห็นในเนื้อหาและรู ปแบบของการนาเสนออย่างหลากหลาย ซึ่ งทาให้เกิดการเรี ยนรู ้และเป็ นแหล่งเรี ยนรู ้ในโลกออนไลน์อย่างหลากหลายและรวดเร็ ว 5.3 ข้ อเสนอแนะ 5.3.1 ข้อเสนอแนะทัว่ ไป 5.3.1.1 เว็บไซต์ที่ให้บริ การเว็บบล็อก คือ WordPress เป็ นเว็บบล็อกสาเร็ จรู ปที่ใช้ทาเว็บไซต์ได้ง่าย และรวดเร็ ว แต่ถา้ เราใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม ก็จะส่ งผลต่อการละเมิดลิขสิ ทธิ์ และ ได้รับความรู ้ที่ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นผูจ้ ดั ทาควรเผยแพร่ สิ่งที่ดี ๆ ให้บุคคลที่เข้ามาเยีย่ มหรื อศึกษาได้ ความรู ้และสิ่ งดี ๆ นาไปเผยแพร่ ต่อให้ผอู ้ ื่นมาศึกษาความรู ้ ที่เป็ นประโยชน์ต่อไป 5.3.1.2 ควรมีการจัดทาเนื้อหาของโครงงานให้หลากหลายให้ครบทุกกลุ่มสาระ การเรี ยนรู ้ 5.3.1.3 ควรมีการจัดทาแบบทดสอบก่อนเรี ยนและหลังเรี ยนเพิ่มเติม 5.3.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางในการพัฒนา


5.3.2.1 เครื่ องคอมพิวเตอร์ ไม่เพียงพอกับการทาโครงงาน และบางครั้งอินเทอร์ เน็ตมีปัญหา เข้าพร้อม กันก็จะทาให้ชา้ จึงทาให้การพัฒนาเว็บบล็อกเกิดความล่าช้าตามไปด้วย 5.3.2.2 เพื่อนนักเรี ยนบางคนเรี ยนรู ้การพัฒนาเว็บบล็อกค่อนข้างช้า ทาให้ตอ้ งเสี ยเวลาในการเรี ยนรู ้ เพราะครู ผสู ้ อนไม่สามารถสอนเนื้อหาเพิม่ เติมได้

บรรณานุกรม สื บค้นเมื่อวันที่ 26 สิ งหาคม 2559 แหล่งข้อมูลจาก แหล่งข้อมูลจาก http://it.benchama.ac.th/ebook/files/menu/ls5.htm About these ads


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.