Anna Kavan: Fog

Page 1

ANNA KAVAN FOG



อันนา คาวาน หมอก

เรื่องสั้น



ฉันมักจะขับรถเร็วอยู่เสมอ เพียงแต่วันนั้นฉันไม่ ได้ขับเร็วเหมือนเช่นวันก่อนๆ ส่วนหนึ่งเพราะมี หมอกลงจัด แต่เหตุผลหลักคือฉันรูส้ กึ เยือกเย็นและ สุขสงบ อีกทั้งยังไม่มีความจ�ำเป็นใดให้ต้องรีบเร่ง แน่นอนล่ะมันเป็นความรูส้ กึ หลังฉีดยา เพียงแต่กม็ ี บางอย่างเกีย่ วข้องกับหมอกและทีป่ ดั น�ำ้ ฝนนัน่ ด้วย ฉันเพียงล�ำพัง มีที่ปัดน�้ำฝนกวาดไปมาเป็นเพื่อน ร่วมทาง และท�ำตัวเหมือนเป็นยากล่อมประสาท ขณะวาดกระจกหน้ารถเป็นวงกลมสองวง มันช่วย ให้ฉันรู้สึกเหมือนไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น หากก�ำลังขับ รถไปขณะหลับใหล และหมอกนั่นก็ได้ช่วยเลือน โลกภายนอกหน้าต่างให้ดคู ลุมเครือและไม่เป็นจริง ผูค้ นเหล่านีด้ ไู ม่เป็นจริงเหมือนเช่นสิง่ อืน่ ๆ ฉันเพิง่ จะขับผ่านทางรถไฟ ขณะคนพวกนั้นก�ำลังเดินอยู่ ข้างหน้า กลุม่ วัยรุน่ ฉันยาว แต่งตัวแปลกๆ หัวเราะ พูดคุย และร้องเพลงพลางเดินจับมือโอบเอวกัน

5


เห็ น ชั ด ว่ า ทั้ ง หมดนั้ นเหมื อ นก� ำ ลั ง เดิ นอยู ่ เ หนื อ พื้นโลก โดยปกติแล้ว คนเหล่านี้มักท�ำฉันให้ปั่น ป่วนทุกครั้งเมื่อได้เห็นพวกเดินส่ายไปมาบนถนน เหมือนหนึ่งเป็นเจ้าของ ฉันออกจะรู้สึกขุ่นเคือง ใจกับความมั่นอกมั่นใจในตัวเอง ความผ่อนคลาย และความเริงร่า ขณะที่ฉันรู้สึกหดหู่ ไม่ปลอดภัย และโดดเดี่ยว ไม่มีใครจะพูดคุย หรือหัวเราะด้วย แต่มาหนนี้ คนเหล่านั้นไม่ได้รบกวนจิตใจฉันแต่ อย่างใด เพราะพวกเขาดูไม่จริง ฉันยังคงเยือกเย็น โดยสมบูรณ์ ตัดขาด แม้พวกเขาไม่ได้พยายามจะ เดินหลบและแม้แต่ส่งสัญญาณบอกให้ฉันหยุดรถ ฉั นเหลื อบมองใบหน้ า โง่ ๆ ปกคลุ ม ด้ ว ยทรงผม ปัญญาอ่อน เปียกชุ่มและขมวดขดคล้ายกับงูอย่าง เมินเฉย ทุกใบหน้าแสยะยิ้ม ชุ่มโชกและระยับด้วย ไอหมอก ปากทุกปากอ้าออกและหุบลงพร้อมๆ กับไอลมหายใจพวยพุ่งออกมาเป็นกลุ่มควัน มัน ท�ำให้ฉนั นึกไปถึงหน้ากากมังกรญีป่ นุ่ และหน้ากาก

6


อมนุ ษ ย์ ช วนฝั น ร้ า ยในภาพเขี ย นบางภาพของ เอ็นเซอร์1 ใบหน้าที่ถมึงทึงใส่ฉันผ่านม่านหมอกมี ลักษณะน่ารังเกียจชวนให้ขนลุกขนพองในท�ำนอง เดียวกับหน้ากากที่ว่านี้ สิ่งที่เดินไป พูดไป ดูไม่มีชี วิตจริงๆ หากแม้พวกเขาเป็นมนุษย์จริงๆ พวกนั้น ก็ท�ำให้ฉันรู้สึกขยะแขยง แต่ถ้าพวกเขาเป็นเพียง หุ่น ฉันก็คงไม่รู้สึกรู้สาอะไร ความเฉยชายังคงไม่ ลดลง มันคงเป็นเพียงแค่ว่าฉันไม่ชอบจะมองเห็น พวกเขาก็เท่านั้น โดยปกติ แ ล้ ว ฉั น ไม่ มี แ รงจู ง ใจจะรั บ ใครขึ้ น รถ อย่างไรก็ตามพวกนั้นก็ไม่คิดจะเดินชิดขอบถนน มันท�ำให้ฉนั ต้องย้ายเท้าจากคันเร่งมาแตะเบรก แต่ ฉันก็บังเกิดความสงสัยขึ้นว่าท�ำไมเล่า ก็เมื่อพวก เขาไม่เป็นจริง ไม่มีอะไรเป็นความจริงเลย ฉันเอง ก็มิได้อยู่ตรงนั้นจริงๆ เช่นเดียวกับคนเหล่านั้น คง James Ensor จิตรกร-ช่างพิมพ์แนวสัญลักษณ์นิยม (Symbolism) ชาวเฟลมิช 1

7


เป็นเรื่องแปลกพิกลอยู่หากจะปฏิบัติกับพวกเขา เหมือนเป็นคนจริงๆ ฉันจึงย้ายเท้าไปวางไว้บนคัน เร่งอีกครัง้ พวกนัน้ เป็นแค่กลุม่ ก้อนของหน้ากากไม่ เข้ากันที่ฉันแลเห็นขณะหลับใหล ฉันรู้สึกเมินเฉย และเยือกเย็น ไม่มีร่องรอยของอารมณ์เข้ามาข้อง เกี่ยว อีกทั้งไม่เกิดความรู้สึกใดๆ เลย หุ่นตัวหนึ่งกระเถิบเข้ามาใกล้ฉัน ฉันมองผ่านม่าน หมอกแลเห็นใบหน้าสวมหน้ากากระบายสียนื อยูใ่ น ฝั่งตรงข้าม จดจ้องมองตรงมา ปากอ้าและดวงตา เบิ ก กว้ า งและกว้ า งขึ้ น ในลั ก ษณะของภาพล้ อ พิสดารอย่างไม่เชือ่ จากนัน้ ก็มเี สียงกระแทก ฉันก�ำ พวงมาลัยแน่นทัง้ สองมือ เหมือนหนึง่ ก�ำลังประสบ กับหายนะร้ายแรง ทั้งที่จริงแล้ว ความหายนะดัง กล่าวจับต้องสัมผัสไม่ได้ด้วยซ�้ำ อุบตั เิ หตุคงอยูเ่ นิน่ นานเกินสมควร เสียงครวญคราง ด�ำเนินต่อไปไม่จบสิ้นและรูปทรงจ�ำแนกแยกแยะ ไม่ได้ก็ล้มลง และเมื่อทุกอย่างยุติ ฉันก็ขับทับมัน

8


ไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรมีอยู่จริง ฉัน ไม่คิดอะไร เพราะมันไม่มีอะไรให้คิด ฉันยังคงขับ ผ่านม่านหมอกไปอย่างเยือกเย็นและระมัดระวัง ที่ ปัดน�้ำฝนกวาดกลับไปกลับมาพยายามโฆษณาว่า สัมผัสคล้ายความฝันอันสุขสงบนั้นไม่ได้เป็นที่สิ่ง ปรากฏอยู่ตรงหน้า ตรงมุมหนึง่ ของม่านหมอกปรากฏสิง่ คล้ายกับภูตผี ถลันออกมาตรงกึ่งกลางของถนน ความคิดที่จะ หลีกหลบการขับรถชนระหว่างโลกไม่เป็นจริงทั้ง สองไม่เคยอยู่ในหัวของฉัน แรงสะท้อนบางอย่าง ท�ำให้ฉันเบี่ยงออกไปในจังหวะสุดท้ายและแฉลบ เข้ากับรถบรรทุกคันมหึมา ฉันขับรถต่อไป โดยไม่ สนใจเสียงร้องตะโกนของคนขับรถบรรทุก ด้วย ความเร็วสามสิบห้าถึงสี่สิบ ไม่มากไปกว่านั้น ไม่ คิดอะไรอะไรอีก ทีป่ ดั น�ำ้ ฝนท�ำงาน หมอกท�ำให้ทกุ อย่างแลดูคลุมเครือต่อไป

9


มันช่วยท�ำให้รู้สึกตัดขาดและเยือกเย็น หากถัด จากนัน้ มันก็เริม่ กลายเป็นความน่าเบือ่ ทุกสิง่ ยังคง ด�ำเนินต่อไป ทั้งหมอก ที่ปัดน�้ำฝน และการขับรถ ของฉัน มันเหมือนว่าฉันไม่รวู้ า่ จะหยุดรถได้อย่างไร เหมือนว่าต้องขับไปจนกว่าน�ำ้ มันจะหมดถัง หรือไม่ ถนนทุกสายก็ด�ำเนินไปสู่จุดสิ้นสุดของมัน จึงเป็นความรูส้ กึ ผ่อนคลายอย่างหนึง่ เมือ่ รถต�ำรวจ ส่งสัญญาณบอกให้ฉันหยุดรถ ฉันก้าวออกจากรถ ไปยืนอยู่ข้างถนน แล้วจึงถามว่าพวกเขาต้องการ อะไร พวกเขาเหมือนจะเห็นอยูว่ า่ ฉันไม่ได้เมา และ ฉันก็ไม่ได้ขับรถชวนให้หวาดเสียวแต่อย่างใด จ่า ต�ำรวจเรียกให้ฉันไปโรงพัก และฉันตอบรับ มันก็ เหมือนกันทุกที่ละ่น่า ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน ฉันก็ ไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริงๆ พวกเขาต้องงการตรวจค้น รถของฉัน และฉันก็มิได้ปฏิเสธ ไม่มีอะไรในนั้น เพราะเข็มฉีดยาและข้าวของทุกอย่างอยูใ่ นกระเป๋า ของฉัน ขณะรอให้พวกเขาค้นหาจนพอใจ ฉันมอง

10


ออกไปนอกหน้าต่าง มันเป็นช่วงพลบค�่ำ ฉันมอง ดูดวงไฟส่องสว่างและส่องแสงสีเหลืองเหนือถนน ที่ปกคลุมไปด้วยหมอก สารวัตรสอบปากค�ำฉันเพียงล�ำพังในห้องที่เล็ก เหน็บหนาว และสว่างจ้า ผนังด้านหนึ่งมีประกาศ พิมพ์ด้วยตัวอักษรเล็กจิ๋วและรถจักรยานสองคัน จอดพิงก�ำแพงเอาไว้ เรานั่งลงบนเก้าอี้ไม้แข็งๆ ที่ ตัง้ อยูร่ ะหว่างโต๊ะทีผ่ วิ หน้าเคลือบด้วยฟอร์ไมกาสีดำ� ฉันตัง้ ปกเสือ้ ขึน้ เขาเป็นชายร่างใหญ่ผมู้ ไี หล่เป็นก ว้าง แม้จะดูไม่เหมือนของจริงก็ตาม ฉันคิดไปถึงหุน่ ทีเ่ ด็กๆ สร้างขึน้ ด้วยไม้แขวนเสือ้ ไม้ และหมอนยัด เข้าไปในเสื้อ ใบหน้าของเขาเป็นการลอกเลียนขึ้น มา เป็นหน้ากากที่ท�ำขึ้นจากกระดาษและเปเปอร์ มารเช่มีดวงตาทาสีเขียวติดเอาไว้ ในแสงสว่างจ้า ฉันมองเห็นดวงตาจ้องมองมายังฉันอย่างไร้อารมณ์ ไม่แสดงออกใดๆ หากจดจ้องมาที่ทรงฉัน นาฬิกา และเสื้อแจ๊คเก็ตหนังกลับของฉัน

11


ฉันมองกลับไปอย่างเยือกเย็น ไร้อารมณ์ พลาง สงสัยว่าพวกเขาก�ำลังจ้องมองอะไรกันนะ ก็ชดั เจน ว่าพวกเขาไม่ได้มีอยู่จริง เขาเป็นแค่ตัวปลอม ฉัน มองเห็นพวกเขาขณะหลับ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจ รบกวนฉัน นั่นคือทั้งหมดที่ฉันคิด ฉันยังคงรู้สึก เยือกเย็นและและตัดขาดโดยสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอย ของอารมณ์เข้ามาข้องเกี่ยว ไม่แม้กระทั่งตอนที่ เขาถามว่าฉันได้สังเกตุเห็นอุบัติเหตุที่ถนนตัดทาง รถไฟหรือไม่ ภายในห้องหนาวเสียจนลมหายใจของเขาพวยพุ่ง เป็นไอในทุกครั้งที่พูด ชั่วขณะสั้นๆ ฉันได้มองเห็น ปากทีเ่ ต็มไปด้วยไอของหน้ากากอืน่ ๆ พวยพุง่ ออก มาคล้ายกับหัวฟักทองแกะสลักในคืนวันฮัลโลวีนที่ มีเทียนไขพ่นควันอยู่ข้างใน ใบหน้าที่น่าเบื่อหน่าย แบบชาวนาดูไม่เป็นจริงและเป็นอมมนุษย์เหมือน เขามีบางส่วนที่เป็นความน่ารังเกียจแบบแปลกๆ ของสิ่งของที่พูดได้ ไม่ใช่แบบมนุษย์ เขาคงท�ำให้

12


ฉันรูส้ กึ ขยะแขยงหากเขาเป็นคนจริงๆ ทว่าเขาเป็น เพียงหุ่น มนุษย์เทียม ดังนั้นเขาจึงไม่อาจส่งผลต่อ ความรูส้ กึ ไม่เกีย่ วข้องของฉันมากไปกว่าทีพ่ วกเขา จะท�ำได้ ฉันไม่รสู้ กึ อะไรกับเขาเลย ฉันยังคงเฉยชา และคงมีเพียงแค่วา่ ฉันไม่อยากจะนัง่ เผชิญหน้าอยู่ กับเขาตรงนั้นฉันพูดว่า ‘ไม่ ฉันไม่เห็นอะไรเลย’ ว่ากันตามจริงแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจจะบอกอะไรเขา เพราะไม่มีอะไรจะเล่า ไม่มีอะไรที่เป็นจริง และไม่มี อะไรเกิดขึ้นจริงเลยด้วยซ�้ำ ‘คุณอาจจะช่วยเราในการสืบสวนได้’ ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ฉันจึงนิ่งเงียบ ฉันจะช่วยได้ อย่างไรในเมื่อฉันไม่เห็นว่ามันเกิดที่ไหน เขาความ หาหีบห่อในกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่ง และอีกข้าง ก่อนจะหยิบซองบุหรี่ยี่ห้อเพลเยอร์ออกมาและส่ง ยื่นให้ฉัน มือของเขาใหญ่ แผ่กว้าง หยาบกร้าน คล้ายกับมือของคนงาน ‘ไม่ล่ะ ขอบคุณ ฉันไม่สูบ’

13


ฉันสูดเอากลิน่ ทีน่ า่ รังเกียจ หรือยิง่ กว่านัน้ ก็คอื กลิน่ เหม็นเน่าของยาสูบเวอร์จีเนีย ‘ไม่ รู ้ อ ะไรเลยรึ ’ เขาเกื อ บจะฉี ก ยิ้ ม ออกมาชั่ ว แว่บหนึ่ง ฉันสงสัยว่าท�ำไม เขาพยายามเสแสร้ง ท� ำ เหมื อ นว่ า ก� ำ ลั ง แสดงละครอยู ่ ฉั น มองดู ใ บ หน้ า โหลๆ ของบุ ค ลไร้ ตั ว ตนด้ ว ยความเฉยชา เงี ย บเชี ย บ ไม่ มี แ ววตา ความมี ชี วิ ต ในดวงตา มันเป็นหินสีเขียว ไม่แสดงให้เห็นถึงปัญญาหรือ อารมณ์ ฉันวางข้อศอกลงบนโต๊ะ สถานการณ์ดูจะ เนิ่นนานเกินควร มันช่างน่าเบื่อ ฉันก้มหน้ามองดู นาฬิกาข้อมือ ต�ำรวจหญิงถือถาดมาวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดิน ออกไปอีกครั้ง ฉันรับเอาถ้วยสีขาวหนาๆ จากมือ ของสารวัตร และดื่มชา หรืออาจเป็นกาแฟ หมอก เริ่มท�ำให้ฉันรู้สึกแสบคอ

14


‘คุณจะเอานี่ด้วยไหม’ ฉันวาดสายตาจากมือแบบ นายช่างไปสู่จานบิสกิตจืดๆ แล้วส่ายศีรษะ เขา หยิบไปอันหนึง่ หักออกครึง่ หนึง่ แล้วส่งเข้าปากสอง ค�ำใหญ่ๆ ฉันวางแก้วสีขาวลงบนโต๊ะ ‘มี ค นถู ก ฆ่ า ตายที่ ถ นนข้ า มทางรถไฟ’ รอยย่ น ยั บ แนวขวางสามเส้ น ปรากฏบนหน้ า ผากของ เขา ดวงตาแลดูประสาทๆ ค่อยๆ หรี่ลง ชั่วขณะ นั้น ฉันจึงได้เห็นภาพวัยรุ่นใส่หน้ากากลอยขึ้นมา ท่ามกลางม่านหมอก คนหนึ่งเข้ามาใกล้ เพ่งเขม็ง มาที่ฉัน ด้วยสีหน้าตื่นๆ อย่างพิลึกพิกลหรือไม่ สมจริง ใบหน้าสวมหน้ากากเดินจากอีกฟากหนึ่ง ของโต๊ะมาขมวดคิ้วใส่ฉัน ฉันรู้ว่าเขารอให้ฉันพูด อะไรบางอย่างออกไป แต่มันไม่มีอะไรให้พูด ก็แค่ หน้ากากอันหนึ่งถูกเขี่ยออกไปจากทางสัญจร ก็ แล้วไง หน้ากากไม่ใช่มนุษย์เสียหน่อย มันไม่มี ความหมาย ไร้ความส�ำคัญ ทุกอย่างไม่เป็นความ จริง

15


เขารินเติมแก้วของเขา ไอร้อนลอยขึ้นมา มองผ่าน ไอใบหน้าโหลๆ จากการเลียนซ�ำ้ ลอยเด่นเบือ้ งหน้า ฉันเหมือนหนึ่งอยู่ท่ามกลางม่านหมอก ดวงตาสี เขียวขณะนี้เบิกกว้าง จ้องตรงมายังฉัน เพียงแต่ แววตาว่างเปล่า อาจเป็นได้ว่ามองไม่เห็น มันดู เหมือนเกือบจะบอดสนิทเสียด้วยซ�้ำ ไหล่แผ่กว้าง ค่อยๆ แหวกผ่านหมอกออดมาปรากฏ เขาเป็น หุ่นท�ำมาจากเศษผ้า ร่ม ไม่ได้เป็นจริง เขาไม่ได้ เป็นมนุษย์ ฉันสามารถมองเขาอย่างไร้ความรู้สึก ด้วยความเมินเฉยอย่างสมบูรณ์แบบ เพียงแต่ฉัน ไม่ประสงค์จะเห็นหน้าเขา ฉันจึงบ่ายหน้าหนีไป หมอกลงจัดมากขึน้ เหมือนช่วงพลบค�ำ่ ใกล้จะมาถึง นอกหน้าต่างหมอเคลื่อนมาสัมผัสบานกระจก ชั่ว วินาที ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในคุกหนาวเย็นที่รายล้อม ด้วยหมอก แต่จริงๆ แล้วฉันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่มี เหตุการณ์ใดเป็นจริง ห้องนั้นก็เหมือนกัน ผนังอัน หนาทึบของห้องเป็นเพียงภาพมายา ในความเป็น จริงมันเป็นพื้นที่ว่างเปล่า เป็นสนามของพลังอัน

16


เกิดขึ้นระหว่างอนุภาคกับช่องว่างที่มีขนาดไม่สิ้น สุด ฉันจึงประสงค์ที่จะอยู่ที่อื่น ฉั น ยั ง คงรู ้ สึ ก สุ ข สงบ เพี ย งแต่ ก็ รู ้ สึ ก ได้ ถึ ง การ คุกคามทีเ่ กิดขึน้ ฉันพยายามขจัดมันออกจากความ คิดในเวลาเดียวกับที่ได้ยินเขาพูดว่า ‘คิดสิ คุณแน่ ใจแล้วรึวา่ ไม่เห็นอะไรผิดปกติบนถนนเลย ไม่มใี คร บาดเจ็บเลยหรือ’ ‘ฉันบอกไปแล้วว่าไม่เห็นอะไรเลย’ ‘แต่คนขับรถบรรทุกเล่าว่า เขาเห็นคุณขับผ่านไป หลังอุบัติเหตุ ฉะนั้นคุณต้องเห็นเหตุการณ์อย่าง แน่นอน’ เสียงของเขาฟังดูเฉียบขาดมากขึ้น มันท�ำให้ฉัน เริ่มคิดว่าเขาจ้องเขม็งอยู่เหมือนหนึ่งเขามีชีวิต จริงๆ แต่เมือ่ ฉันหันกลับไปมองเขาอีกครัง้ ก็ยงั เห็น

17


หน้ากากเดิมๆ ที่มีดวงตาหรี่เล็กเหมือนก่อนหน้า ระบายสีแบบง่ายๆ ลงบนใบหน้าบูดบึง้ แบบปลอมๆ ‘คนขับรถบรรทุกไหนกัน’ ฉันถาม ‘ฉันไม่รวู้ า่ คุณพูด ถึงอะไร ไม่เห็นหรือว่ามันเป็นการเข้าใจผิดและฉัน ไม่ใช่คนที่คุณต้องการ’ ฉันมองดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง เขาไม่ได้ตอบฉัน ฉันมองเห็นเขาพยายามกวาดสายตาไปทั่วสมุด บันทึกเล่มเล็กๆ ที่มีปกหนังสีด�ำเป็นเงามัน ฉันยัง คงนิง่ เฉยเยือกเย็น หุม้ ห่อด้วยความรูส้ กึ ชินชา หาก ความสงสัยใคร่รู้บางอย่างก�ำลังค่อยๆ คืบคลาน เข้ามาจากที่ใดสักแห่ง มันเริ่มต้นจากความรู้สึกว่า สถานการณ์ทเี่ กิดขึน้ นีจ้ ะไม่มวี นั จบสิน้ ลง และฉันก็ เริ่มไม่แน่ใจว่าความเมินเฉยของฉันจะคงอยู่ต่อไป ได้ในสถานการณ์ที่ไม่สิ้นสุดนี้ เมื่อได้เห็นเขาพลิก เปิดสมุดเล่มเล็กๆ ฉันก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงการคุกคาม ของหมู่เมฆสีด�ำที่ก่อตัวเหนือเส้นขอบฟ้าไกล

18


‘คนขับรถบรรทุกจดทะเบียนรถไว้’ เขาพบสิ่งที่เขา ต้องการและบัดนี้ได้อ่านอ่านตัวอักขระนั้นให้ฉัน ฟัง ‘ก็นี่มันเลขทะเบียนรถคุณไม่ใช่หรือ คุณก็เห็น แล้วว่ามันไม่ใช่การเข้าใจผิด และเป็นคุณนั่นแหละ ที่เราต้องการตัว’ เขาขยับตัวอย่างเฉียบพลัน โน้ม ตัวลงเหนือโต๊ะ ยืน่ หน้าเข้ามาใกล้หน้าของฉัน โดย สัญชาตญาต ฉันผละหนีเมื่อได้กลิ่นยาสูบเหม็นๆ กลิ่นฉกาจของเสื้อผ้าที่นานๆ จะได้รับการซักสัก ครั้ง ผสมกับกลิ่นเหล้าฉุนๆ ชวนคลื่นไส้ ‘เอาเป็นว่าคุณเริ่มต้นเล่าความจริงให้ผมฟังเลย เดี๋ยวนี้’ เสียงของเขาดูเปลี่ยนไปและดูขึงขังขึ้น อย่างน่าใจหาย ดวงตาไร้แววกลับเริ่มฉายแววของ ความมีชีวิต ใบหน้าของหุ่นต�ำรวจปลอมๆ ดูเป็น จริงและคุกคามมากขึ้น ฉันรู้สึกได้ว่ากลุ่มเมฆสีด�ำเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นๆ ขณะเมื่อฉันมองเขาลุกขึ้นและเดินไปรอบๆ โต๊ะ

19


สายตาและความเคลื่อนไหวค่อยๆ แผ่ขยายการ จองจ�ำที่เย็นยะเยียบ เขาค้อมตัวลงมาหาฉันอย่าง มุ่งร้ายหมายขวัญ มือที่ใหญ่ แผ่กว้าง เข้าเข้ามาใน รัศมีการมองเห็นของฉัน สีเหลืองตัดกับเครือ่ งแบบ สีเข้ม มีพลังอ�ำนาจในทางร้ายๆ ใหล่ทเี่ หมือนกับใส่ เสริมไหล่ลลู่ งเล็กน้อย ขยับเข้าใกล้อย่างอาฆาตและ อาจเข้ามาใกล้มากเกินไปด้วยซ�ำ้ ฉันไม่ตอ้ งการเห็น เขา ฉันมองไปรอบๆ ตัวเขา มองไปยังนอกหน้าต่าง ฉันได้กลิ่นหมอก ฉันรับรู้ได้ถึงรสชาติของมัน มัน ท�ำให้ฉันแสบคอ ภายนอกแสงสว่างจากไปอย่าง รวดเร็ว ท้องถนนร้างไร้ผู้คนอย่างสิ้นเชิง ฉันแทบ ไม่ได้ยินเสียงยวดยานพาหนะบนถนนสายอื่นๆ ม่านหมอกสกปรกที่ค่อยๆ คล้อยต�่ำลงมาจากด้าน บนสะท้อนแสงระยิบระยับของเมือง หมอกก่อตัว หนากว่าก่อนหน้า และค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสี ขุน่ ๆ ของน�ำ้ ดี เหมือนสีของอาเจียน หน้ากระจกไม่ อาจยับยั้งหมอกเอาไว้ได้ เส้นแนวขวางของหมอก

20


สามารถมองเห็นได้ แสงสว่างส่องประกายสีเหลือง ผ่านม่านหมอกออกมา ชัว่ ขณะสัน้ ๆ ฉันรูส้ กึ เหมือนติดกับอีกครัง้ หนึง่ ครัง้ นีด้ ว้ ยบางอย่างทีม่ ดื ด�ำและอันตรายกว่าหมอก ฉัน ไม่เชิงว่าอยู่ที่นั่น หากแต่ความสงบที่ฉันฉีดเข้าไป ก�ำลังหมดฤทธิ์ลง แม้ไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ ต่างๆ อย่างแท้จริง หากก็เริ่มเป็นการยากที่จะ ปฏิเสธการคุกคามบางอย่างจากบางที่บางแห่งได้ ฉันเริ่มสงสัยว่า ฉันอาจต้องสูญเสียความเฉยชาไป และทุกอย่างก็เริ่มยากเกินกว่าจะทนรับได้ ดังนั้น ทั้งหมดท�ำให้ฉันเริ่มคิดกังวล แม้ฉันจะไม่รู้ ว่ามันเกี่ยวกับหมอกอย่างไร หมอกปรากฏอยู่ใน ทุกที่ แม้กระทัง่ ในหัวของฉัน ฉันเหมือนจะไม่เข้าใจ ว่ามีอะไรเกิดขึน้ ก่อนหน้านี.้ ..ไม่อาจจดจ�ำ... มันเป็น เพราะว่าฉันไม่สามารถจ�ำได้วา่ เกิดอะไรขึน้ ขณะที่ ฉันเริ่มจ�ำได้ถึงการสูญเสียสัมผัส ไร้การควบคุมใน

21


เหตุการณ์ต่างๆ ในขณะที่ระลอกเมฆสีด�ำราวควัน พิษก�ำลังเคลื่อนใกล้เข้ามาหาฉันทุกทีๆ ชั่ ว ขณะนั้ น ฉั น ต้ อ งการจะหลบหนี ก ่ อ นจะสาย เกินไป ฉันรู้ว่าฉันจะต้องลงมือในเฉียบพลันเพื่อ สลัดตัวเองออกมา แต่ฉันไม่สามารถท�ำได้ตราบ ใดที่สิ่งต่างๆ ยังคงดูไม่เป็นจริง และฉันไม่ได้อยู่ ที่ อย่างแรกสุดฉันต้องยับยั้งความรู้สึกที่ไร้ตัวตน และตัดขาดเสียก่อน และโดยเร็วรี่ ฉันต้องตื่นขึ้น ไม่ใช่แค่นั่งจมอยู่ในความหลับใหล หากจะต้องอยู่ ตรงที่นี่ ไม่ใช่ที่อื่น อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนทุกอย่างจะสายเกินการ ไปแล้ ว ฉั น มองเห็ น แล้ ว ว่ า ไม่ มี ท างออกจาก สถานการณ์ที่เป็นอยู่ เมฆสีด�ำเข้าปกคลุมทั่วทั้ง ห้อง ฉันสูดเอาควันพิษและหมอกเข้าไปเต็มปอด หายใจเอาสารพิษที่มีกลิ่นยาเส้นเน่าๆ ผสมกับ กลิ่นเหล้า

22


จากนั้ น ฉั น จึ ง มองไปรอบๆ และในทั น ที ทั น ใดก็ ยุติความพยายามที่จะตื่นขึ้นมา สิ่งสุดท้ายที่ฉัน ต้ องการคื อการตื่ นขึ้ นที่ นี่ข ณะมองเห็ นสารวั ต ร แนบประชิดอย่างพรัน่ พรึง มิได้เป็นเพียงหุน่ ไร้ชวี ติ หน้ากากท�ำจากกระดาษลังทีห่ าได้ดาษดืน่ หากแต่ เป็นมนุษย์ผนู้ า่ หวัน่ กลัวและเปีย่ มล้นด้วยอ�ำนาจ ผู้ ทีด่ วงตาสีเขียวแปรเปลีย่ นเป็นแววอ�ำมหิต ไร้หวั ใจ เพ่งเขม็งตรงมา ดวงหน้าหยาบๆ กลับกลายเป็นมี ชีวิตและเลือดเนื้อ จ้องเอาเรื่อง มุ่งร้ายหมายขวัญ อย่างไม่มีวันเข้าใจเป็นอย่างอื่น ฉันต้องการแค่ให้ทุกอย่างด�ำเนินต่อไปเหมือนเช่น ก่อนหน้านี้ เพื่อให้ฉันสามารถจมดิ่งอยู่ในความ หลับใหล ที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าหลุมในในพื้นที่ ไม่ใช่ที่นี่ หรือที่ใดเลย นานเท่าที่จะเป็นได้ หรือ อาจเป็นชั่วกาล

23



Anna Kavan หรือในชื่อเดิม Helen Emily Woods เป็นนักเขียนชาวลูกครึ่งอังกฤษ-ฝรั่งเศส เกิดและ เติบโตในยุโรปแต่ใช้ชวี ติ หลังแต่งงานอยูใ่ นประเทศ พม่า นวนิยายเรือ่ ง Ice ของเธอได้รับรางวัลไบรอัน อัลติส หนึง่ ปีกอ่ นหน้าเธอจะเสียชีวติ เรือ่ ง "หมอก" ที่ทุกท่านได้อ่านจบไปแล้วนั้นเป็นหนึ่งในเรื่องสั้น จากหนังสือ Julia and the Bazooka (1970) ซึ่ง โชคดีเหลือเกินว่า เรื่องสั้นชื่อเดียวกับเล่มได้รับ การแปลไว้ในภาคภาษาไทยชือ่ "บาซูกา้ ของจูเลีย" ในเรื่องสั้นแปล 'นางเพลิง' bookvirus ฟุ้ง 05 ของ ส�ำนักพิมพ์บุ๊คไวรัส

25



Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.