
3 minute read
5 ขนมหวานไทยจากร้านเก่าแก่ประจำหัวหิน
The Sweetness of Hua Hin
5 ขนมหวานไทยจากร้านเก่าแก่ประจำหัวหิน
Advertisement

การสั่งขนม
บริการใหม่จากดุสิตธานี หัวหิน เพื่อให้แขกของเราได้เวลาพักผ่อนหย่อนใจมากขึ้น และไม่ต้องกังวลเรื่องหาซื้อของฝากอีกต่อไป เพียงสั่งขนมที่คุณต้องการล่วงหน้า 1 วัน เราจะเตรียมขนมสดใหม่จากร้านขนมไทยระดับตำนานใส่หีบห่อ รอให้คุณเก็บความอร่อยกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น
ถ้ายังตัดสินใจเลือกขนมไม่ได้ ลองสั่งเมนูเหล่านี้มาลองชิมได้ที่ Dusit Gourmet รสชาติรื่นรมย์จากขนมกลมกล่อม จะทำให้ความทรงจำต่อเมืองตากอากาศหวานซึ้งตรึงใจ
การส่งขนมและราคา
- ราคาขนมเท่ากับอัตราที่ทางร้านกำหนด ดุสิตธานี หัวหิน คิดค่าใช้จ่ายเพียงค่าส่งขนมเท่านั้น
- ค่าส่งขนมขั้นต่ำคือ 100 บาท ต่อการสั่ง 1 ครั้ง หรือ 10% ของราคาขนมทั้งหมด ขึ้นอยู่กับว่าอัตราไหนมากกว่ากัน ราคานี้รวมทั้งค่าขนส่งและบรรจุภัณฑ์แล้ว
- โปรดสั่งขนมก่อนเวลา 16.00 น. โรงแรมจะส่งขนมถึงมือคุณก่อนเวลา 12.00 น. ในวันรุ่งขึ้น
- สนใจสั่งขนม ติดต่อ ดุสิต กูร์เมต์ กด 0

The Sweet Heritage of Hua Hin
หัวหินเป็นเมืองตากอากาศของชาวไทยมานับร้อยปี เริ่มต้นจากเป็นแหล่งสำราญพระอิริยาบถของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ต่อมาเมื่อสร้างสถานีรถไฟหัวหินในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมืองริมทะเลเงียบสงบนี้ก็คึกคักขึ้น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ พ่อค้าและคหบดีจากบางกอก ทยอยกันมาพักผ่อนหย่อนใจกันที่หัวหิน ดินแดนประมงริมอ่าวไทยจึงค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเป็นเมืองท่องเที่ยวของชนชั้นสูง โดยชาวบ้านจะหาบของกินของใช้ ของฝากจุกจิกไปเร่ขายตามชายหาดและแหล่งท่องเที่ยว
เนื่องจากผู้มาเยือนรสนิยมพิถีพิถัน ชมชอบอาหารรสเลิศ ขนมไทยละเมียดละไมหลากหลายจึงเป็นที่นิยม ยิ่งเมืองขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ กิจการของหวานในหัวหินก็เติบโต แผงลอยหาบเร่กลายเป็นร้านขนมหวานของฝาก ร้านรวงต่างๆ มีมุมของหวานของว่างให้ผู้คนจับจ่าย
ดุสิตธานี หัวหิน อยากให้แขกของเราได้ประสบการณ์แสนพิเศษทุกครั้งที่มาพักผ่อนที่ นี่เราตั้งใจคัดเลือกของหวานจากร้านขนมเก่าแก่ชื่อดัง 4 ร้าน ที่อร่อย สะอาด ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี และเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวตลอดหลายสิบปี มาให้คุณลิ้มลอง ทั้งยังเก็บประวัติศาสตร์ของร้านอร่อยเหล่านี้มาเล่าสู่กันฟัง
นี่คือเรื่องราวความตั้งใจของ 4 ครอบครัวที่ทำขนมรสดั้งเดิมจากรุ่นสู่รุ่น ลองอ่านแกล้มรสชาติเสน่ห์ปลายจวัก แล้วคุณจะรักขนมไทยมากกว่าเดิม

ข้าวเหนียวมะม่วง ร้านป้าเจือ
ของหวานเก่าแก่ประจำ ฤดูร้อนหัวหิน


ป้าติ๋ม-วันวิสาข์ ชัยสีเศษ บอกความลับสั้นๆ ของร้านข้าวเหนียวมะม่วงชื่อดังประจำหัวหิน ป้าติ๋มเป็นลูกคนที่ 10 ของ ป้าเจือ เกิดสว่างผู้ก่อตั้งร้านนี้เมื่อ 48 ปีก่อน เดิมป้าเจือเปิดร้านอาหารไทยที่คนทั่วหัวหินรู้จัก เพราะเธอเป็นคนรสมือดี ทำอาหารอะไรก็อร่อย โดยช่วงหน้าร้อน เดือนมีนาคม - พฤษภาคม ที่เป็นหน้ามะม่วงอกร่อง ป้าเจือจะทำข้าวเหนียวมะม่วงเป็นเมนูประจำฤดูกาล อร่อยมากจนลูกค้าติดอกติดใจเป็นแถบๆ
ต่อมาเมื่อผู้คนหันมานิยมมะม่วงน้ำดอกไม้ที่ออกผลตลอดปี นักชิมจึงไม่ต้องรอคอยของอร่อยที่มีแค่ 3 เดือนอีกต่อไป ป้าเจือและลูกๆ จึงปรับร้านเป็นร้านของหวานประจำถนนนเรศดำริห์ มีข้าวเหนียวมะม่วงเป็นเมนูชูโรงที่ชาวไทยและชาวต่างชาติมากมายชื่นชอบ และช่วงเทศกาลอาจมีข้าวเหนียวหน้าต่างๆ เช่น สังขยา ปลาแห้ง หรือกะฉีก
แม้ปัจจุบันป้าเจือไม่อยู่แล้ว แต่ลูกๆ หลานๆ ยังคงสืบต่อตำนานความอร่อยของป้าเจือ โดยมีป้าติ๋ม ลูกสาวคนเกือบสุดท้องเป็นผู้ดูแลอุตสาหกรรมในครัวเรือนไม่ให้ชื่อเสียงขาดตกบกพร่อง ใช้วัตถุดิบดีมีคุณภาพทุกอย่าง ทั้งข้าวเหนียวเขี้ยวงูคัดพิเศษจากเชียงราย นึ่งแล้วมูนกับกะทิชั้นยอด เคียงคู่มะม่วงชั้นดีทั้งน้ำดอกไม้และอกร่อง ผลลัพธ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่คือข้าวเหนียวเรียงเม็ดสวยสู้ฟัน กะทิข้นหวานมัน และมะม่วงสีเหลืองทองที่ปอกเป็นริ้วจางๆ ชิมแล้วหอมหวานละลายในปาก กระทั่งถั่วทองกรอบโรยหน้าก็คั่วเองแบบโบราณ
ป้าติ๋มยืนยันว่าข้าวเหนียวมะม่วงที่นี่ไม่ใส่สารกันบูด แต่อยู่ในอุณหภูมิห้องได้ถึง 2 วัน มีเพียงกะทิที่ต้องเข้าตู้เย็นเท่านั้น
เพื่อรสชาติที่ดีที่สุด ลองรับประทานในวันที่ซื้อ จะได้พิสูจน์ความอร่อยลือชาของที่นี่ด้วยลิ้นตัวเอง
ข้าวเหนียวมะม่วง กล่องละ 120 บาท ข้าวเหนียว กิโลกรัมละ 220 บาท

ตะโก้ ร้านเบญจพงศ์
ขนมหวานมันของสองพี่น้องที่หยอดความใส่ใจ ในทุกกะทง

ป้ายา-จริยา เบญจพงศ์เอ่ยขึ้นระหว่างพับใบเตยเป็นกระทงสี่เหลี่ยมจิ๋วอย่างคล่องแคล่ว ป้าเผือก-นารี เบญจพงศ์ พยักหน้าเห็นด้วย ความใจกว้างของสองพี่น้องตระกูลเบญจพงศ์นี่เอง ทำให้ตะโก้หอม หวานมัน แป้งน้อย กะทิเยอะ มัดใจลูกค้าตั้งแต่วัยเด็กยันวัยชรามากว่า 40 ปี
บ้านเบญจพงศ์เคยเปิดบริษัทไทยหัวหินจำกัด ขายอุปกรณ์ซ่อมแซมเรือ ตับจาก และของใช้ทั่วไป จนป้ายาได้ไปเรียนทำอาหารกับครูในอำเภอตามคำชักชวนของเพื่อน วันหนึ่งได้เรียนทำตะโก้ เธอติดใจการทำขนมนี้เลยนำสูตรมาฝึกฝนและพัฒนาเอง เริ่มจากไปหาซื้อแป้งถั่วเขียวหรือแป้งซ่าหริ่มจากกรุงเทพ ไหว้วานพ่อให้ตัดใบเตยตามใต้ถุนมาให้ ร่วมมือกับแม่ลองผิดลองถูกจนทำตะโก้สาคูชิ้นละ 80 สตางค์ไปฝากขายในตลาดได้สำเร็จ ปรากฎว่าขายดิบขายดี ป้ายาจึงทำขนมขายต่อเนื่องเรื่อยมา
เมื่ออายุมากขึ้นจนทำกิจการเดิมไม่ไหว ป้ายาจึงยุติงานบริษัท ผันมาขายตะโก้และของฝากจุกจิกที่ร้านเดิมแทน มีป้าเผือกผู้เป็นน้องสาวเข้ามาเป็นลูกมือ สองเชฟขนมวัยเกษียณขยันทำขนมหลักร้อยกล่องทุกวัน ไม่ใช่เพื่อหากำไรสูงสุด แต่เพื่อความสุข ความสนุกและคลายเหงา

“สมัยนี้คนกินเป็นวัยรุ่นกันหมดแล้ว บางคนก็มาทุกปี บางคนก็ตัดใบเตยมาให้ บางคนมาสั่งไปจังหวัดอื่น บอกว่าป้าอย่าเลิกทำนะ ผมกินมาเยอะ ชอบกินของร้านป้าที่สุด” ป้าเผือกเล่าแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากทำขนมต่อไปทุกๆ วัน

แม้เรี่ยวแรงมีไม่มากเท่าเดิม แต่ทั้งคู่ตั้งใจทำขนมให้ดีให้อร่อยวันต่อวัน เลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพ และค่อยๆ เตรียมทำขนมตั้งแต่หัวค่ำเพื่อขายในเช้าวันรุ่งขึ้น ตั้งแต่ต้มน้ำใบเตย นำมากวนกับแป้ง น้ำตาลและแห้วปั่น จนได้ไส้มาหยอดใส่กระทง เช้ามืดวันรุ่งขึ้นเมื่อขนมขึ้นรูป ค่อยหยอดกะทิหอมมันตบท้าย ความมุ่งมั่นตั้งใจสร้างรสชาติที่ดีนี่เองทำให้ห้องเครื่องมาสั่งตะโก้เบญจพงศ์ขึ้นโต๊ะเสวยเสมอ เมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 เสด็จประพาสวังไกลกังวล
ตะโก้เบญจพงศ์มีอายุ 2 วัน เคล็ดลับความอร่อยคือแช่ตู้เย็นก่อนรับประทาน ขนมในกระทงน้อยจะหวานมัน ชื่นใจคลายร้อนที่สุด
ตะโก้เสวย ร้านเบญจพงศ์ กล่องละ 60 บาท (16 ชิ้น)

ขนมเทียนไส้เค็ม ร้านมีชัย-แม่นงนุช
ห่อสามเหลี่ยมชิ้นน้อย แต่อร่อยมาก
หนึ่งในเมนูขนมประจำหัวหินที่ห้องเครื่องเลือกสรรไปขึ้นโต๊ะเสวยที่วังไกลกังวล คือขนมเทียนของร้านมีชัย-แม่นงนุช ซึ่งผลิตหลักพันลูกในวันทั่วไปและเพิ่มจำนวนอีกมากมายมหาศาลในวันตรุษและวันสารทจีน


เดียร์-อัจฉรินิยา ศิลปสุนทร เจ้าของร้านคนปัจจุบันเล่าว่ากิจการเดิมของตระกูลคือโรงแรมเก่าแก่ชื่อมีชัยแม่นงนุช ศิลปสุนทร คุณย่าของเธอเห็นว่าชั้นล่างของโรงแรมมีพื้นที่ว่าง จึงเปิดเป็นมุมขายของที่ระลึก เริ่มจากข้าวเหนียวมะม่วงในช่วงหน้าร้อน และขยายไปทำเมนูอื่นๆ หลากหลายเนื่องจากเป็นคนขยัน ชอบขายของ และทำกับข้าวเก่งชนิดหาตัวจับได้ยาก โดยชอบซื้อขนมมาลองชิมและหัดทำด้วยตัวเอง

ต่อมาเมื่อโรงแรมไม้ทรุดโทรมลง ครอบครัวจึงยุติกิจการเดิม ปลูกตึกและขายขนมเพียงอย่างเดียวมาราวๆ 40 ปี สินค้าขายดีนอกจากข้าวเหนียวมะม่วง คือขนมเทียนสูตรโบราณแบบคนไทยเชื้อสายจีน เคล็ดลับความอร่อยยืนยงคือหญ้านางนวลหรือหญ้าชิวคัก พืชสมุนไพรที่ช่วยให้แป้งขนมเหนียวนุ่มและหอมมากขึ้น แม้จะหายากและแพงขึ้นทุกวันเพราะแหล่งปลูกในอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี มีน้อยลง แต่ทางร้านก็ยังเสาะหาวัตถุดิบคุณภาพดีนี้มาบดและเคี่ยวกับน้ำตาลโตนด เพื่อนำมานวดผสมแป้งให้ได้มาตราฐาน
ทางร้านทำขนมเทียนไส้เค็มตั้งแต่เช้าตรู่ทุกวัน เนื่องจากตัวไส้เค็มหรือไส้ถั่วเขียวผัดหัวหอมพริกไทยต้องใช้เวลาผัดถึง 4 ชั่วโมงต่อกะทะ ถึงได้ไส้ขนมนวลเนียนมาปั้น แล้วใช้แป้งห่อทับด้วยใบตอง เมื่อนึ่งเสร็จจึงได้ของอร่อยมาวางขาย ลองตักใส่ปากเคี้ยวในคำเดียว เพื่อให้ได้รสชาติของทั้งแป้งและไส้ที่กลมกล่อมเข้ากัน

เดียร์เล่ายิ้มๆ ว่าช่วงตรุษจีนและสารทจีนทุกปี ทางร้านมีขนมเทียนไส้หวานหรือไส้กระฉีกให้เลือกซื้อด้วย คิวสั่งซื้อจึงยาวเป็นหางว่าว ชนิดเตาที่ร้านจะเปิดตอนตี 5 และจะปิดอีกทีตอนเที่ยงคืน โดยขนมเทียนเหล่านี้มีอายุ 2-3 วัน หากแช่เย็นจะอยู่ได้ 7 วัน และถ้าแช่แข็งจะเก็บได้หลายเดือนเลยทีเดียว
นอกจากขนมเทียนและข้าวเหนียวมะม่วงที่เป็นของเด็ดประจำร้าน ร้านมีชัย-แม่นงนุชยังมีผลไม้แช่อิ่มสารพัด กล้วยอบ กล้วยตาก และสารพันขนมไทยทำเองที่สะอาด ไว้ใจคุณภาพได้ทั้งสิ้น
ขนมเทียน ชิ้นละ 9 บาท

เม็ดขนุนเผือก ขนมไทยแม่เก็บ
ของหวานขายดีอันดับหนึ่งจากร้านในตำนานเม็ดขนุนไส้เผือกแน่นๆ เน้นๆ หวานนวลเนียนและหอมกำลังดี กินเม็ดเดียวไม่เคยพอ


เม็ดขนุนที่วางขายทั่วไปส่วนใหญ่ไส้ถั่วเขียว เม็ดเล็กๆ สีเหลืองทองมันวาวรสหวานเจี๊ยบ แต่เม็ดขนุนที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านแม่เก็บ และขายดีชนะเม็ดขนุนถั่วเขียวขาดลอย คือเม็ดขนุนไส้เผือกแน่นๆ เน้นๆ หวานนวลเนียนและหอมกำลังดี กินเม็ดเดียวไม่เคยพอ

ขนมไทยแม่เก็บมีตัวเลือกหลากหลาย แทบทั้งหมดเป็นขนมสูตรเพชรบุรีและได้วัตถุดิบจากแถบนั้น เพราะเดิม แม่เก็บ เป็นคนชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ตอนเด็กๆ อาศัยอยู่กับลุง โดยป้าสะใภ้ที่มีวิชาขนมหวานถ่ายทอดความรู้ให้ตั้งแต่อายุน้อยๆ เมื่อเริ่มโตและย้ายมาอยู่หัวหิน สองป้าหลานจึงทำขนมหาบเร่ขายตามตำหนักและบ้านข้าราชการต่างๆ ต่อมาแม่เก็บจึงพัฒนาเป็นร้านรถเข็นและในที่สุดก็มีหน้าร้านถาวรมามากกว่า 20 ปี โดยลูกสาวเป็นผู้ดูแลร้านต่อมา
ปัจจุบันแม่เก็บหรือยายเก็บอายุ 94 ปีแล้ว จึงผันตัวเป็นที่ปรึกษา โดย ดำ-พินิตา เจริญสุขหลานสาวทายาทรุ่น 3 เป็นผู้รับช่วงต่อ เนื่องจากเป็นลูกมือยายและน้าทำขนมตั้งแต่อายุน้อยๆ ดำจึงเชี่ยวชาญสารพัดขนมแบบเพชรบุรีที่ใช้น้ำตาลโตนดหวานแหลม แต่ปรับลดความหวานลงมาให้เข้ากับรสนิยมคนปัจจุบัน
เม็ดขนุนที่นี่ต่างจากที่อื่นเพราะเป็นอุตสาหกรรมครัวเรือนอย่างจริงแท้ ลูกหลานแม่เก็บทำขนมสดใหม่ทุกวัน ทุกเช้าต้องตื่นมาต้มเผือกกวนเนื้อเนียนด้วยไม้ฟืนให้มีกลิ่นหอม จึงนำมาปั้นเม็ด ชุบไข่เป็ดแดงและต้มในกะทะน้ำเชื่อม ทิ้งให้สะเด็ดแล้วบรรจุถาด ไม่แช่น้ำเชื่อมนานจนผิววาววับหวานแสบลิ้น ขายดีมากจนบ่ายๆ มักหมดถ้าไม่ได้สั่งจองล่วงหน้า
เนื่องจากร้านนี้ไม่ใส่สารกันบูด จึงขายขนมสดใหม่วันต่อวัน ใช้วัตถุดิบและวิธีการทำแบบดั้งเดิมแทบทุกขั้นตอน โดยเฉพาะเตาฟืนเตาถ่านที่ทำให้ขนมหอมตามธรรมชาติ หรือถ้าอยากกินเม็ดขนุนไส้ถั่วแบบมาตราฐาน ที่นี่ก็มีขายเช่นกัน โดยเม็ดขนุนเก็บได้ 2 วัน แต่ถ้าแช่ตู้เย็น จะเก็บได้นานถึง 1 สัปดาห์ทีเดียว
เม็ดขนุนเผือก กล่องละ 60 บาท

ขนมเปียกปูน ขนมไทยแม่เก็บ
ของหวานสีดำตำรับโบราณ มีเฉพาะวันหยุดเท่านั้น

วันที่ขนมในร้านแม่เก็บละลานตากว่าวันอื่นๆ คือวันเสาร์อาทิตย์ ดำ-พินิตา เจริญสุข จะเตรียมของหวานพิเศษต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ตีสี่ ขนมที่ไม่ควรพลาดคือขนมเปียกปูนสีดำสนิท ซึ่งหากินได้ยากในปัจจุบัน และร้านที่ขายมักใช้สีผสมอาหารแทนสีธรรมชาติ แต่ร้านแม่เก็บยังคงใช้กระบวนการทำแบบโบราณ คือเผากาบมะพร้าวจนเป็นสีดำแล้วนำมาผสมน้ำ แล้วนำน้ำสีดำกลิ่นไหม้จางๆ มาคลุกเคล้ากับตัวแป้ง กวนส่วนผสมจนเหนียวข้นหนุบหนับ เทใส่ถาด ทิ้งให้เย็นแล้วโรยมะพร้าวขูดจากทับสะแก ตักเข้าปากแล้วได้รสชาติดั้งเดิม มีกลิ่นหอมไหม้นิดๆ ช่วยตัดเลี่ยนความหวานได้เป็นอย่างดี
ขนมอื่นๆ ทางร้านก็ยังคงวิถีการปรุงแบบโบราณ กระบวนการทำขนมไม่ซับซ้อน แต่ใช้วัตถุดิบสดใหม่แบบไม่หวงของ คั้นกะทิเองทุกเช้า กวนขนมบนเตาถ่านหรือเตาฟืน ไม่ใช้วัตถุดิบสำเร็จรูปหรือเครื่องจักรมากมาย รสชาติที่ลงตัวจึงมาจากประสบการณ์ทำซ้ำๆ จนคุ้นเคย
นอกจากขนมเปียกปูน ร้านแม่เก็บยังมีขนมอื่นๆ เสิร์ฟในวันหยุด เช่น ตะโก้ซ่อนรูป คือตะโก้ที่ใส่เม็ดบัวลอยแทนแห้ว ข้าวฟ่างกวน ข้าวเหนียวตัด หม้อแกงเผือก และหม้อแกงโบราณแบบโรยหอมเจียว ล้วนเป็นเมนูแบบเพชรบุรีที่ลูกค้ารอคอย และติดอกติดใจ ฝากตัวเป็นแฟนคลับแม่เก็บตั้งแต่เด็กจนโต
ขนมเปียกปูน (มีเฉพาะ วันเสาร์ - อาทิตย์) กล่องละ 50 บาท
สนใจลิ้มรสขนมหวานจากร้านระดับตำนานหรือซื้อความอร่อยจากหัวหินกลับไปฝากที่บ้าน กดหมายเลข 0 ดุสิตกูร์เมต์


1349 Phet Kasem Rd, Cha-am, Cha-am District, Phetchaburi 76120