ไบเบิลไดอารี่ เดือนธันวาคม 2020

Page 1


บทอ่านที่ 1 อสย 11:1-10 ในวันนั้น หน่อหนึ่งจะแตกออกจากตอของเจสซี กิ่งหนึ่งจะงอกขึ้นจากรากของ เขา พระจิตขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะพำ�นักอยูเ่ หนือเขา คือจิตแห่งปรีชาญาณและความ เข้าใจ จิตแห่งความคิดอ่านและอานุภาพ จิตแห่งความรู้และความยำ�เกรงองค์พระผู้ เป็นเจ้า เขาจะพอใจยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า จะไม่พิพากษาตามที่ตาเห็น จะไม่ตัดสิน ตามทีห่ ไู ด้ยนิ แต่จะพิพากษาคนยากจนด้วยความชอบธรรม จะตัดสินอย่างเทีย่ งธรรม เพือ่ ผูถ้ กู ข่มเหงในแผ่นดิน คำ�พูดของเขาจะเป็นเหมือนไม้เรียวทีเ่ ฆีย่ นตีผคู้ นบนแผ่นดิน ลมปากของเขาจะประหารคนอธรรม ความชอบธรรมจะเป็นดังผ้าคาดสะเอว ความ ซื่อสัตย์จะเป็นเหมือนเข็มขัดคาดบั้นเอวของเขา สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ เสือดาวจะ นอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคและลูกสิงโตจะหากินอยู่ด้วยกัน เด็กคนหนึ่งก็ยังนำ�มันไป ได้ แม่โคกับหมีจะหากินด้วยกัน ลูกของมันจะนอนอยู่ด้วยกัน สิงโตจะกินฟางเหมือน โคเพศผู้ ทารกที่ยังไม่หย่านมจะเล่นอยู่ที่ปากรูงูเห่า เด็กที่หย่านมแล้วจะเอามือวางที่ รังของงูพิษ จะไม่มีผู้ใดทำ�ร้ายหรือทำ�ลายทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะแผ่นดินจะ รู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสมบูรณ์ ดั่งนํ้าปกคลุมทะเล วันนั้น รากของเจสซีจะตั้งขึ้นเป็นเครื่องหมายสำ�หรับประชาชนทั้งหลาย จะเป็น ที่แสวงหาของนานาชาติ และจะมีที่พำ�นักอย่างรุ่งโรจน์

สัปดาห์ที่ 1 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 72:1-2,7-8, 12-13,17

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร ลก 10:21-24 ในเวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงปลาบปลื้มพระทัยเดชะพระจิตเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่ พระบิดาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ ที่พระองค์ทรงปิดบังเรื่องเหล่า นี้จากบรรดาผู้ปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ตํ่าต้อย ถูกแล้ว พระบิดา เจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น พระบิดาทรงมอบทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้า ไม่มีใครรู้ว่าพระ บุตรเป็นใครนอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้ว่าพระบิดาเป็นใครนอกจากพระบุตรและ ผู้ที่พระบุตรทรงเปิดเผยให้รู้” แล้วพระองค์ทรงหันพระพักตร์ไปยังบรรดาศิษย์ ตรัสกับเขาโดยเฉพาะ “นัยน์ตา ของท่านเป็นสุขที่มองเห็นสิ่งต่างๆ ที่ท่านเห็น เราบอกท่านทั้งหลายว่า ประกาศกและ กษัตริยจ์ �ำ นวนมากปรารถนาจะเห็นสิง่ ทีท่ า่ นได้เห็นแต่กไ็ ม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ฟงั สิง่ ที่ท่านได้ฟังแต่ก็ไม่ได้ฟัง” พระเจ้าทรงมีหนทางที่หลากหลายในการเผยแสดงความจริงของพระองค์ ไม่เกี่ยวกับความ สามารถในทักษะชีวิต หรือความชาญฉลาด หรือความเก่งกาจของแต่ละคน พระองค์ทรงเผยแสดงแก่ผู้ที่มี ใจอ่อนโยนเช่นเด็กเล็กๆ ผู้ที่เปิดใจต้อนรับพระองค์ และผู้ที่คอยแสวงหาพระองค์อยู่เสมอ ในช่วงเวลาแห่งการเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า พระองค์ทรงเผยแสดงพระองค์เองอีกครั้งหนึ่งให้เรา แต่ละคนได้สัมผัส และต้อนรับพระองค์ให้มาประทับอยู่ในชีวิตของเรา นี่จึงเป็นเวลาแห่งการเตรียมหัวใจ ของเรา เตรียมชีวิตของเราเป็นอย่างดี และพร้อมเสมอที่จะต้อนรับองค์พระมหาไถ่ของชาวเรา


สัปดาห์ที่ 1 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 23:1-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 อสย 25:6-10ก เวลานั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลทรงจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองสำ�หรับ ประชากรทุกชาติบนภูเขานี้ เป็นงานเลี้ยงที่มีอาหารนานาชนิด เป็นงานเลี้ยงที่มี เหล้าองุ่นชั้นดี มีอาหารเลิศรสและเหล้าองุ่นที่เลือกสรรแล้ว บนภูเขานี้ พระองค์จะ ทรงทำ�ลายผ้าคลุม ที่คลุมหน้าประชากรทั้งหลาย และจะทรงทำ�ลายม่านซึ่งกางอยู่ เหนือนานาชาติ พระองค์จะทรงทำ�ลายความตายตลอดไป องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรง เช็ดนํ้าตาจากใบหน้าของทุกคน จะทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้พ้นจากการถูก ลบหลู่ทั่วแผ่นดิน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแล้ว วันนั้น เขาจะพูดกันว่า “นี่คือพระเจ้าของเรา เราเคยหวังว่าพระองค์จะทรงช่วย เราให้รอดพ้น นี่คือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราเคยมีความหวังในพระองค์ เราจงชื่นชมยินดี ที่พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นเถิด” เพราะพระหัตถ์องค์พระผู้เป็นเจ้าจะพักอยู่บน ภูเขานี้

พระวรสาร มธ 15:29-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่นมายังทะเลสาบกาลิลี แล้วเสด็จขึ้นบนภูเขา ประทับที่นั่น ประชาชนจำ�นวนมากเข้ามาเฝ้าพระองค์ นำ�คนง่อย คนแขนขาพิการ คน ตาบอด คนใบ้ และคนเจ็บอื่นๆ จำ�นวนมากมาไว้แทบพระบาท พระองค์ทรงรักษาเขา ให้หายจากโรค เมือ่ ประชาชนเห็นคนใบ้พดู ได้ คนขาพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ คนตาบอด มองเห็นได้ ต่างประหลาดใจและสรรเสริญพระเจ้าแห่งอิสราเอล พระเยซูเจ้าทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัสว่า “เราสงสารประชาชน เพราะเขาอยู่กับเรามาสามวันแล้ว และเวลานี้ไม่มีอะไรกิน เราไม่อยากให้เขา กลับบ้านโดยไม่ได้กินอะไร เขาจะหมดแรงขณะเดินทาง” บรรดาศิษย์จึงทูลถามว่า “ในที่เปลี่ยวเช่นนี้ เราจะ หาอาหารจากที่ไหนให้ประชาชนจำ�นวนมากเช่นนี้กินจนอิ่มได้” พระเยซูเจ้าตรัสถามว่า “ท่านมีขนมปังกี่ ก้อน” เขาทูลว่า “เจ็ดก้อนกับปลาเล็กๆ อีกสองสามตัว” พระองค์ทรงสั่งให้ประชาชนนั่งลงที่พื้นดิน ทรง หยิบปลาและขนมปังเจ็ดก้อนนั้น ตรัสขอบพระคุณพระเจ้า ทุกคนกินจนอิ่ม และยังเก็บเศษที่เหลือได้อีก เจ็ดตะกร้า อัศจรรย์การทวีขนมปังเริ่มต้นจากการแบ่งปันและการเสียสละของตัวเราเองก่อน พระเยซู เจ้าทรงเป็นแบบอย่างในการเริ่มต้นการแจกจ่ายนั้น เมื่อบรรดาประชาชนเห็นสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ�แล้ว จึงเริ่มที่จะแบ่งปันบ้าง จนพวกเขาได้รับประทานกันจนอิ่มหนำ�และขนมปังก็มีเหลือมากเกินพอ พลังแห่งการแบ่งปันนั้นเกิดผลมากมายและเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ นอกจากการแบ่งปันความรักและ สิง่ ต่างๆ ให้ผอู้ นื่ แล้ว ยังเป็นการส่งต่อพลังแห่งการแบ่งปันของพระเจ้าให้ผอู้ นื่ ได้สามารถกระทำ�เช่นเดียวกัน กับคนอื่นต่อๆ ไป


บทอ่านที่ 1 1 คร 9:16-19,22-23 ในการประกาศข่าวดีข้าพเจ้าไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อย เพราะข้าพเจ้าจำ�เป็นต้อง ประกาศอยู่แล้ว หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ เพราะถ้า ข้าพเจ้าสมัครใจทำ�เอง ข้าพเจ้าก็จะได้รับค่าจ้าง แต่ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้สมัครใจทำ�ก็ หมายความว่า ข้าพเจ้าเพียงแต่ทำ�งานที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ข้าพเจ้าจะได้รางวัลใด เล่า รางวัลสำ�หรับข้าพเจ้าก็คือความภูมิใจที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวดีโดยไม่ใช้สิทธิ์ต่างๆ จากการประกาศข่าวดีนั้น แม้วา่ ข้าพเจ้าเป็นอิสระ ข้าพเจ้าก็ยอมเป็นทาสรับใช้ทกุ คน เพือ่ เอาชนะใจผูอ้ นื่ ให้ มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ข้าพเจ้าทำ�ตนเป็นผู้อ่อนแอเพื่อชนะใจผู้อ่อนแอ ข้าพเจ้าเป็น ทุกอย่างสำ�หรับทุกคน เพือ่ ข้าพเจ้าจะได้ใช้ทกุ วิถที างช่วยบางคนให้รอดพ้น ข้าพเจ้าทำ� ทุกอย่างเพราะเห็นแก่ข่าวดี เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนรับพระพรจากข่าวดีนี้ร่วมกับเขา เหล่านั้นด้วย พระวรสาร มก 16:15-20 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับอัครสาวกทั้งสิบเอ็ดคนว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไป ทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่ เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อจะทำ�อัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของ เรา จะพูดภาษาใหม่ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปก มือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย” เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้องขวา บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงทำ�งานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำ�สัง่ สอนโดยอัศจรรย์ทต่ี ดิ ตาม มา นักบุญฟรังซิสเซเวียร์ประกาศข่าวดีของพระเจ้าไปยังสุดปลายแผ่นดิน ดินแดนที่อยู่ห่างไกลในแถบทวีปเอเชีย ท่านเป็นประจักษ์พยานด้วยชีวิตและนำ�ความ รักของพระเจ้าไปยังผู้ที่ไม่รู้จักพระองค์ ไม่ใช่แค่คำ�เทศน์สอนแต่เป็นการกระทำ�ของ ท่าน ที่ทำ�ให้พระอาณาจักรของพระเจ้าเติบโตขึ้นในดินแดนอันไกลโพ้น เราในฐานะของผลแห่งการประกาศข่าวดีนั้น จะต้องเป็นศิษย์ธรรมทูต ประกาศ ข่าวดีของพระคริสตเจ้าทั้งวาจาและการกระทำ�ของเราอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน ทำ�ให้ พระศาสนจักรในดินแดนอันไกลโพ้นนี้ เติบโตขึ้นด้วยรากฐานบนหินอันแข็งแรงและ เกิดผลอย่างมากมาย

ฉลอง น.ฟรังซิส เซเวียร์ พระสงฆ์ องค์อุปถัมภ์มิสซัง สดด 96:1-2,3,7-8, 10-11


บทอ่านที่ 1 อสย 29:17-24 พระเจ้าตรัสดังนี้ “ในไม่ช้า เลบานอนจะเปลี่ยนเป็นสวนผลไม้ และสวนผลไม้จะ กลายเป็นป่ามิใช่หรือ วันนัน้ คนหูหนวกจะได้ยนิ ถ้อยคำ�ของหนังสือ ตาของคนตาบอด จะหายมืดมัว กลับมองเห็นได้ คนถ่อมตนจะยินดียิ่งขึ้นอีกในองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ ยากจนจะชื่นชมในพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล เพราะจะไม่มีทรราชอีก คนชอบ น.ยอห์น ชาวดามัสคัส เยาะเย้ยจะสูญหายไป คนทัง้ หลายทีห่ าโอกาสทำ�ความชัว่ จะถูกกำ�จัด คือผูพ้ ดู ใส่ความ พระสงฆ์ คนอื่น ผู้วางบ่วงไว้ดักผู้พิพากษาที่ประตูเมือง และปั้นเรื่องขึ้นทำ�ลายผู้ชอบธรรม และนักปราชญ์ ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงไถ่อับราฮัม ตรัสกับเชื้อสายของยาโคบดังนี้ “ตั้งแต่นี้ แห่งพระศาสนจักร ไป ยาโคบจะไม่ต้องอับอายอีก ใบหน้าของเขาจะไม่ซีดลงอีกต่อไป เพราะเมื่อเขาเห็น สดด 27:1,4,13-14 ลูกหลานของตน ซึ่งเป็นผลงานจากมือของเรากลับมาอยู่กับเขาอีก เขาจะยอมรับว่า นามของเราศักดิ์สิทธิ์ เขาทั้งหลายจะยอมรับว่าพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของยาโคบทรงความ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ศักดิส์ ทิ ธิ์ และจะยำ�เกรงพระเจ้าแห่งอิสราเอล จิตใจทีห่ ลงผิดจะได้รบั ความเข้าใจ และ วันศุกร์ต้นเดือน ผู้ที่เคยบ่นจะยอมรับคำ�สั่งสอน” พระวรสาร มธ 9:27-31 ขณะที่พระเยซูเจ้ากำ�ลังเสด็จออกจากที่นั่น คนตาบอดสองคนตามพระองค์ไป ร้องตะโกนว่า “โอรสของกษัตริย์ดาวิด โปรดเมตตาเราเถิด” เมื่อเสด็จมาถึงบ้าน คน ตาบอดเข้ามาเฝ้าพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสถามว่า “ท่านเชื่อว่าเราทำ�เช่นนั้นได้หรือ” เขาทั้งสองตอบว่า “เชื่อ พระเจ้าข้า” พระองค์จึงทรงสัมผัสตาของเขา ตรัสว่า “จงเป็นไปตามที่ท่านเชื่อ เถิด” แล้วตาของเขาทั้งสองคนก็เริ่มมองเห็น พระเยซูเจ้าทรงกำ�ชับเขาอย่างเข้มงวด ว่า “ระวัง อย่าบอกให้ใครรู้เรื่องนี้” แต่เมื่อทั้งสองคนออกไปก็ประกาศเรื่องของ พระองค์ทั่วแคว้นนั้น “ท่านเชื่อว่าเราทำ�เช่นนั้นได้หรือ” เป็นคำ�ถามที่พระเยซูเจ้าไม่ได้ทรง ถามกับเพียงแค่คนตาบอดสองคนเท่านั้น แต่เป็นคำ�ถามที่พระองค์ทรงถามเราแต่ละ คนเช่นเดียวกัน ในหลายครัง้ เราสวดภาวนาวอนขอสิง่ ต่างๆ ในชีวติ ขอให้พระองค์ทรง ช่วย ขอให้พระองค์ทรงฟังเรา สดับคำ�อ้อนวอนขอของเรา พระองค์จงึ ทรงถามกลับมา ให้เราได้ไตร่ตรองเพิ่มเติมอย่างมีความเชื่อมั่นคง หากเรามั่นใจในพระหรรษทาน พระอานุภาพ และพระญาณเอื้ออาทรของ พระองค์ เราก็จะตอบได้อย่างมั่นใจว่า “เชื่อ พระเจ้าข้า”


บทอ่านที่ 1 อสย 30:19-21,23-26 พระเจ้าตรัสดังนี้ “ประชากรแห่งศิโยน ผู้อาศัยที่กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงฟังเถิด ท่านทั้งหลายจะไม่ต้องร้องไห้อีกเลย เมื่อท่านร้องขอความช่วยเหลือ พระองค์จะทรง พระเมตตาต่อท่าน เมื่อทรงได้ยิน พระองค์จะทรงตอบท่าน แม้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะ ประทานความยากลำ�บากให้เป็นเหมือนอาหาร และประทานความทุกข์ใจให้เป็นเหมือน นํ้าดื่ม ถึงกระนั้นพระอาจารย์ของท่านจะไม่ซ่อนพระองค์อีก ตาของท่านจะเห็นพระ อาจารย์ หูของท่านจะได้ยินถ้อยคำ�นี้จากเบื้องหลังว่า “นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้ เถิด” ไม่ว่าท่านจะหันไปทางขวาหรือหันไปทางซ้าย” แล้วพระองค์จะประทานฝนแก่เมล็ดพืชที่ท่านได้หว่านลงในดิน ข้าวสาลีผลิตผล ของดินจะอุดมสมบูรณ์ วันนั้น สัตว์เลี้ยงของท่านจะหากินอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ โค และลาทีใ่ ช้ท�ำ นาจะกินหญ้าหมักรสอร่อย ทีใ่ ช้พลัว่ และส้อมซัดตักมาให้ บนภูเขาและ เนินสูงทุกแห่งจะมีล�ำ ธารและคูนาํ้ ไหล ในวันทีศ่ ตั รูจ�ำ นวนมากจะถูกฆ่า เมือ่ หอคอยจะ พังทลาย ในวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพันบาดแผลให้ประชากรของพระองค์ และ จะทรงรักษาบาดแผลซึง่ เขาถูกพระองค์ทรงโบยตี แสงของดวงจันทร์จะเป็นเหมือนแสง ของดวงอาทิตย์ และแสงของดวงอาทิตย์จะสว่างเป็นเจ็ดเท่า จะเป็นเหมือนแสงสว่าง ของเจ็ดวัน

สัปดาห์ที่ 1 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 147:1-3,4-7

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันคล้าย วันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช วันพ่อแห่งชาติ

พระวรสาร มธ 9:35-10:1,6-8 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและตามหมูบ่ า้ น ทรงสัง่ สอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชน ก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้นเหน็ดเหนื่อยและท้อแท้ ประดุจฝูงแกะทีไ่ ม่มคี นเลีย้ ง แล้วพระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์วา่ “ข้าวทีจ่ ะเก็บเกีย่ วมีมาก แต่คนงานมีนอ้ ย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด” พระเยซูเจ้าทรงเรียกศิษย์สบิ สองคนเข้ามาพบ ประทานอำ�นาจให้เขาขับไล่ปศี าจ ให้รกั ษาโรคและความ เจ็บไข้ทุกชนิด พระเยซูเจ้าทรงส่งอัครสาวกสิบสองคนนี้ออกไป สั่งเขาว่า “จงไปหาแกะพลัดฝูงของ วงศ์วานอิสราเอลก่อน จงไปประกาศว่าอาณาจักรสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว จงรักษาคนเจ็บไข้ จงปลุกคนตาย ให้กลับคืนชีพ จงรักษาคนโรคเรื้อนให้สะอาด จงขับไล่ปีศาจให้ออกไป ท่านได้รับมาโดยไม่เสียค่าตอบแทน ก็จงให้เขาโดยไม่รับค่าตอบแทนด้วย” พระเยซูเจ้าทรงมีความเมตตาสงสาร เห็นอกเห็นใจบรรดาประชาชน นี่คือหัวใจของพระองค์ ทีท่ รงมีความรักอย่างล้นเหลือต่อลูกๆ ของพระองค์ พระองค์ทรงหาวิถที างช่วยเหลือประชากรของพระองค์ ผ่านทางภารกิจของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นการให้กำ�ลังใจ ประกาศข่าวดี สร้างแรงบันดาลใจ รักษาคนเจ็บไข้ ได้ป่วย และเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขา ในฐานะทีเ่ ราเป็นศิษย์พระคริสต์ผทู้ พี่ ระองค์ทรงส่งออกไปเหมือนกับบรรดาอัครสาวก ขอให้เรามีความ เห็นอกเห็นใจเพื่อนพี่น้องและผู้คนที่อยู่รอบตัวเรา พร้อมทั้งหาวิธีการช่วยเหลือพวกเขา


สัปดาห์ที่ 2 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 40:1-5,9-11 พระเจ้าของท่านทั้งหลายตรัสว่า “จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากรของเราเถิด จงพูดกับกรุงเยรูซาเล็มให้ประทับใจ จงร้องบอกเมืองนั้นว่า เวลาการเป็นทาสสิ้นสุด แล้ว ความผิดของเมืองนั้นได้รับการอภัย เมืองนั้นได้รับโทษจากพระหัตถ์ขององค์ พระผูเ้ ป็นเจ้าเป็นสองเท่าแล้วเพราะบาปทัง้ หมดของตน” เสียงหนึ่งร้องว่า “จงเตรียม ทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าในถิ่นทุรกันดาร จงเปิดทางตรงในทุ่งเวิ้งว้างสำ�หรับพระเจ้า ของเราเถิด จงถมหุบเขาทุกแห่งให้เต็ม จงปรับภูเขาและเนินเขาทุกแห่งให้เรียบ ที่ ขรุขระจะราบเสมอกัน ที่สูงๆ ตํ่าๆ จะราบเรียบ แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสำ�แดง พระสิริรุ่งโรจน์ให้ปรากฏ มนุษย์ทุกคนจะได้เห็นทั่วกัน เพราะพระโอษฐ์ขององค์พระผู้ เป็นเจ้าตรัสไว้ดังนี้” “ท่านผู้นำ�ข่าวดีมายังศิโยนเอ๋ย จงขึ้นไปบนภูเขาสูงเถิด ท่านผู้นำ�ข่าวดีมาให้กรุง เยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้องตะโกนให้สุดเสียงเถิด จงร้องตะโกน อย่ากลัวเลย จงประกาศ แก่เมืองต่างๆ แห่งแคว้นยูดาห์ว่า ‘พระเจ้าของท่านทรงอยู่ที่นี่’ ดูซิ องค์พระผู้เป็นเจ้า เสด็จมาด้วยพระอานุภาพ พระกรของพระองค์ทรงอำ�นาจปกครอง ดูซิ รางวัลชัยชนะ อยู่กับพระองค์ ประชากรที่ทรงกอบกู้เดินนำ�หน้าพระองค์ พระองค์ทรงเลี้ยงดูฝูงแกะ ของพระองค์เช่นคนเลี้ยงแกะ ทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมพระกร ทรงอุ้มไว้แนบ พระอุระ และทรงนำ�แม่แกะอย่างทะนุถนอม” เพลงสดุดี สดด 85:8-10,11,12-13 ก) ข้าพเจ้ากำ�ลังฟังอยู่ว่าพระองค์จะตรัสอะไร องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประกาศสันติภาพ แก่ประชากรของพระองค์และแก่ผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ ขอเพียงอย่าให้เขาทำ�สิ่งโง่เขลาอีก ถูกแล้ว ความรอดพ้นอยู่ใกล้ผู้ที่ยำ�เกรงพระองค์ พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์จะอยู่ในแผ่นดินของเรา ข) ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์จะพบกัน ความเที่ยงธรรมและสันติจะสวมกอดกัน ความซื่อสัตย์จะปรากฏขึ้นจากแผ่นดิน ความเที่ยงธรรมจะเยี่ยมหน้าจากสวรรค์ ค) ใช่แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานฝนเป็นพระพร และแผ่นดินของเราก็จะให้ผลเก็บเกี่ยวมากมาย ความเที่ยงธรรมจะเดินนำ�หน้าพระองค์ เบิกทางให้ทรงพระดำ�เนิน


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่สอง 2 ปต 3:8-14 ท่านที่รักทั้งหลาย สิ่งหนึ่งที่ท่านต้องไม่ลืม คือสำ�หรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เพียงหนึ่งวันก็เหมือนกับหนึ่ง พันปี และหนึ่งพันปีก็เหมือนกับหนึ่งวัน องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงรีรอที่จะปฏิบัติตามพระสัญญาดังที่บาง คนคิด แต่พระองค์ทรงอดกลั้นต่อท่านทั้งหลาย ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศ แต่ทรงประสงค์ให้ทุกคน กลับใจ เปลีย่ นวิถชี วี ติ วันขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะมาถึงอย่างไม่รตู้ วั เหมือนขโมย วันนัน้ ท้องฟ้าจะอันตรธาน สูญสิ้นไปด้วยเสียงกึกก้อง โลกธาตุจะลุกเป็นไฟแตกแยกจากกัน แผ่นดินและสรรพสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินจะ มอดไหม้สูญสิ้นไป เมื่อทุกสิ่งจะต้องสลายไปเช่นนี้ ท่านจงตระหนักว่าจะต้องประพฤติตนอย่างไร จะต้องดำ�เนินชีวิตให้ ศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละมีความเลือ่ มใสศรัทธา รอคอยวันของพระเจ้าและพยายามเร่งให้วนั นัน้ มาถึง ในวันนัน้ ท้องฟ้า จะถูกไฟเผาผลาญ และโลกธาตุจะถูกไฟเผาละลายไป เรากำ�ลังรอคอยฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ ซึ่งเป็นที่ อยู่ถาวรของความชอบธรรมตามพระสัญญา ดังนั้น ท่านที่รักทั้งหลาย ขณะที่ท่านกำ�ลังรอคอยเหตุการณ์ เหล่านี้ จงพยายามให้พระเจ้าทรงพบท่านดำ�เนินชีวิตอย่างสันติ ปราศจากมลทินและไร้ข้อตำ�หนิ บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 1:1-8 การเริ่มต้นข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า มีเขียนไว้ในหนังสือประกาศก อิสยาห์ว่า ดูซิ เราส่งผู้นำ�สารของเราไปข้างหน้าท่าน เพื่อเตรียมทางสำ�หรับท่าน คนคนหนึ่งร้องตะโกนในถิ่น ทุรกันดารว่า จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำ�ทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด เพื่อให้ข้อความนี้เป็นจริง ยอห์นจึงทำ�พิธีล้างในถิ่นทุรกันดาร เทศน์สอนเรื่องพิธีล้าง ซึ่งแสดงการกลับ ใจ เพื่อจะได้รับการอภัยบาป ประชาชนจากทั่วแคว้นยูเดีย และชาวกรุงเยรูซาเล็มทั้งหลายไปพบเขา รับพิธี ล้างจากเขาในแม่นํ้าจอร์แดนโดยสารภาพบาปของตน ยอห์นแต่งกายด้วยผ้าขนอูฐ ใช้หนังสัตว์คาดสะเอว กินตั๊กแตนและนํ้าผึ้งป่า และประกาศว่า “มีอีกผู้หนึ่งกำ�ลังมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำ�นาจยิ่งกว่าข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะก้มลงแก้สายรัดรองเท้าของเขา ข้าพเจ้าใช้นาํ้ ทำ�พิธลี า้ งให้ทา่ นทัง้ หลาย แต่เขาจะ ทำ�พิธีล้างให้ท่าน เดชะพระจิตเจ้า” หากเราจะต้องต้อนรับใครสักคนหนึ่ง เราต้องเตรียมตัวของเรา เตรียมบ้านของเราให้พร้อม ก่อนที่แขกหรือผู้ที่มาเยี่ยมเยียนนั้นจะมาถึง สิ่งไหนที่ขาด เราต้องหามาเพิ่มเติม สิ่งไหนที่ยังไม่เรียบร้อย ก็ ต้องปรับให้เรียบร้อยอย่างดีที่สุด หากเรากำ�ลังอยู่ในความสับสนกับปัญหา และความทุกข์ยากลำ�บากในชีวิต เรากำ�ลังรอทางออกหรือ ความช่วยเหลือจากใครบางคนที่สามารถช่วยเราให้พ้นจากสิ่งเหล่านั้น การเฝ้ารอคอยนี้สร้างความหวังให้ กับเราว่า ในไม่ช้าเราจะผ่านปัญหาและความทุกข์ยากลำ�บากต่างๆ ไปได้ ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านี้ เรา “เตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า” เราเตรียมตัว และ เฝ้ารอคอยองค์พระมหาไถ่ของเราอย่างมีความหวัง และมีความชื่นชมยินดีต้อนรับพระองค์ทรงบังเกิดใน ชีวิตของเราอีกครั้งหนึ่ง


ระลึกถึง น.อัมโบรส พระสังฆราช และนักปราชญ์ สดด 85:8-9,10-11, 12-13

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 อสย 35:1-10 ถิน่ ทุรกันดารและแผ่นดินแห้งแล้งจงยินดีเถิด ทุง่ เวิง้ ว้างจงเปรมปรีดแิ์ ละผลิดอก เหมือนต้นดอกดิน สถานที่นี้จงผลิดอกอย่างอุดม จงเปรมปรีดิ์และขับร้องด้วยความ ยินดี เพราะได้รับสิริรุ่งโรจน์แห่งเลบานอน ได้รับความรุ่งเรืองแห่งภูเขาคารเมลและ ที่ราบชาโรน ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเห็นความยิ่งใหญ่ ของพระเจ้าของเรา จงทำ�ให้มือที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น จงทำ�ให้หัวเข่าที่ซวนเซมีความ มั่นคง จงกล่าวกับคนที่ท้อแท้ว่า “จงมานะเถิด อย่ากลัวเลย” ดูซิ พระเจ้าของท่าน ทัง้ หลายจะเสด็จมาเพือ่ ช่วยท่านให้รอดพ้น และจะทรงลงโทษศัตรูของท่านอย่างสาสม แล้วนัยน์ตาของคนตาบอดจะมองเห็น หูของคนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดด ได้อย่างกวาง และคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยความยินดี เพราะนํ้าจะพุ่งขึ้นมาในถิ่น ทุรกันดาร และลำ�ธารจะไหลในทุ่งเวิ้งว้าง พื้นดินแห้งผากจะกลายเป็นสระนํ้า และดิน ที่ถูกแดดเผาจะกลายเป็นพุนํ้า รังที่อาศัยของหมาในจะกลายเป็นพงอ้อและป่าต้นกก ทีน่ นั่ จะมีทางหลวงซึง่ จะเรียกว่า “มรรคาศักดิส์ ทิ ธิ”์ ผูม้ มี ลทินจะไม่เดินตามทางนี้ และ คนโง่เขลาจะไม่หลงทางที่นั่น...

พระวรสาร ลก 5:17-26 วันหนึ่ง ขณะที่พระเยซูเจ้ากำ�ลังทรงสั่งสอน บรรดาชาวฟาริสีและนักกฎหมายซึ่งมาจากทุกหมู่บ้านใน แคว้นกาลิลีและจากกรุงเยรูซาเล็มนั่งอยู่ที่นั่นด้วย องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระอานุภาพให้พระเยซูเจ้า ทรงรักษาโรคได้ ขณะนัน้ มีผหู้ ามคนอัมพาตนอนบนแคร่เข้ามา พยายามหาช่องนำ�คนอัมพาตมาวางไว้เฉพาะ พระพักตร์ แต่เมื่อหาช่องนำ�คนอัมพาตเข้ามาไม่ได้เพราะมีคนมาก เขาจึงขึ้นไปบนหลังคา แล้วหย่อนคน อัมพาตนั้นพร้อมทั้งที่นอนลงมาตามช่องกระเบื้องตรงกลางห้องเฉพาะพระพักตร์พระเยซูเจ้า เมื่อพระองค์ ทรงเห็นความเชือ่ ของเขาเหล่านัน้ จึงตรัสว่า “เพือ่ นเอ๋ย บาปของท่านได้รบั การอภัยแล้ว” บรรดาธรรมาจารย์ และชาวฟาริสีคิดว่า “คนนี้เป็นใครกัน จึงกล่าวดูหมิ่นพระเจ้า ใครเล่าอภัยบาปได้ นอกจากพระเจ้าเท่านั้น” พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายคิดเช่นนี้ในใจทำ�ไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ หรือบอกว่า ‘ลุกขึ้นเดินไปเถิด’ แต่เพื่อให้ท่านรู้ว่าบุตรแห่ง มนุษย์มีอำ�นาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้ พระองค์ตรัสแก่คนอัมพาตว่า ‘เราสั่งท่าน จงลุกขึ้น แบกแคร่กลับ ไปบ้านเถิด’” ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวง แบกแคร่ที่ตนนอนอยู่ กลับไปบ้านพลางสรรเสริญ พระเจ้า ทุกคนต่างประหลาดใจถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและมีความกลัวมาก พูดกันว่า “วันนี้ เราได้เห็น สิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง” หลายคนพยายามหาหนทางทีจ่ ะช่วยเหลือผูอ้ นื่ อย่างสุดความสามารถของตน ดัง่ เช่นผูท้ หี่ าม คนอัมพาตให้ได้รับการรักษาจากพระเยซูเจ้า ถึงแม้ต้องขึ้นไปบนหลังคาบ้านก็ตาม แต่ยังมีบางคนมองไม่ เห็นถึงความต้องการของผู้อื่น หรือขัดขวางและเป็นอุปสรรคให้กับผู้อื่น ดั่งเช่นชาวฟาริสีที่เห็นการรักษา ของพระเยซูเจ้า พยายามหาข้อผิดพลาดและจับผิดพระองค์ การมีจิตใจที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าจะกระทำ�ได้มากน้อยเพียงใด นั่นคือการแสดงออกถึงความ เชื่อมั่น การเข้าใจผู้อื่น และการเป็นหนึ่งเดียวกับผู้อื่น นั่นคือความสุขใจที่เราได้ตั้งใจทำ�สิ่งนั้นเพื่อพวกเขา


บทอ่านที่ 1 ปฐก 3:9-15,20 องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงเรียกมนุษย์ ตรัสถามว่า “ท่านอยู่ไหน” มนุษย์ทูล ตอบว่า “ข้าพเจ้าได้ยินเสียงของพระองค์ในสวน ก็กลัวเพราะข้าพเจ้าเปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัว” พระองค์ตรัสถามว่า “ใครบอกท่านว่าท่านเปลือยกายอยู่ ท่านได้กินผล จากต้นไม้ที่เราห้ามมิให้กินนั้นหรือ” มนุษย์ทูลตอบว่า “หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่ กับข้าพเจ้าได้ให้ผลจากต้นไม้แก่ขา้ พเจ้า ข้าพเจ้าจึงกิน” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าตรัส กับหญิงว่า “ท่านทำ�อะไรไปนี่” หญิงทูลตอบว่า “งูหลอกลวงข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกิน” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าจึงตรัสกับงูวา่ “เพราะเจ้าทำ�เช่นนี.้ .. เราจะทำ�ให้เจ้าและ หญิงเป็นศัตรูกัน ให้ลูกหลานของเจ้าและลูกหลานของนางเป็นศัตรูกันด้วย เขาจะ เหยียบหัวของเจ้า และเจ้าจะกัดส้นเท้าของเขา”...

สมโภช พระนางมารีย์ ผู้ปฏิสนธินิรมล สดด 98:1-2,3-4

บทอ่านที่ 2 อฟ 1:3-6,11-12 ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์... พระองค์ทรงอวยพรแก่เราโดยประทานพระพร นานาประการของพระจิตเจ้าจากสวรรค์เดชะพระคริสตเจ้า พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตัง้ แต่ ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพือ่ ให้เราศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ดว้ ยความรัก... พระวรสาร ลก 1:26-38 เมือ่ นางเอลีซาเบธตัง้ ครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึง่ ในแคว้น กาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้า โปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำ�นี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมาก ทรงถามพระองค์เองว่า คำ�ทักทายนี้หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์ และให้กำ�เนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียก เขาเป็นบุตรของพระองค์... ” พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะ ข้าพเจ้าตัง้ ใจจะเป็นพรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของ พระผู้สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของ พระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่ นางก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำ�ไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด”... แม่พระน้อมรับสารจากทูตสวรรค์ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง พระนางกล่าวตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็น ผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า” การตอบว่า ‘ใช่’ เป็นความกล้าหาญในคำ�พูดเหล่านั้น ‘ขอให้เป็นไป’ ที่ พระนางได้กล่าวกับทูตสวรรค์ พระนางมีความตั้งใจแน่วแน่ พระนางรู้ว่าสิ่งนี้อยู่ในการเดิมพันและพระนาง ตอบว่า ‘ใช่’ โดยไม่ต้องคิดอีกครั้ง พระนางคือคำ�ว่า ‘ใช่’ ของคนหนึง่ ทีเ่ ตรียมพร้อมจะอุทศิ ตน คนหนึง่ ทีเ่ ต็มใจพร้อมจะเสีย่ ง พร้อมทีจ่ ะ เดิมพันทุกอย่างที่พระนางมี การตอบตกลงของพระนางและความปรารถนาที่จะรับใช้ของพระนาง แน่นหนักมั่นคงกว่าข้อสงสัยหรือความยุ่งยากใดๆ


น.ฮวน ดิเอโก สดด 103:1-2,3-4, 8-10

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 อสย 40:25-31 พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ตรัสว่า “ท่านจะเปรียบเรากับผู้ใด ใครเล่าเท่าเทียมเรา” จงแหงน หน้าขึ้นดูว่าผู้ใดเนรมิตสร้างดวงดาวเหล่านี้ พระองค์ผู้ทรงอานุภาพและทรงพลัง เข้มแข็ง ทรงนำ�ดวงดาวทั้งหมดออกมาตามจำ�นวน ทรงเรียกชื่อดาวทุกดวง ซึ่งไม่ขาด ไปแม้แต่ดวงเดียว ยาโคบเอ๋ย ทำ�ไมท่านจึงพูดว่า อิสราเอลเอ๋ย ทำ�ไมท่านจึงยาํ้ ว่า “ทาง เดินของข้าพเจ้าถูกซ่อนไว้จากองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า สิทธิของข้าพเจ้าถูกพระเจ้าของข้าพเจ้า มองข้ามไป” ท่านไม่รหู้ รือ ท่านไม่เคยได้ยนิ หรือ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเป็นพระเจ้านิรนั ดร เป็นพระ ผูเ้ นรมิตสร้างแผ่นดินจนถึงปลายสุด พระองค์มไิ ด้ทรงอ่อนเปลีย้ หรือเหน็ดเหนือ่ ย พระ ดำ�ริของพระองค์เหลือที่จะหยั่งรู้ได้ พระองค์ประทานกำ�ลังแก่ผู้อ่อนเปลี้ย ทรงเพิ่ม เรี่ยวแรงแก่ผู้ไม่มีกำ�ลัง แม้คนหนุ่มจะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย แม้ชายฉกรรจ์จะ สะดุดและล้มลง แต่ผู้มีความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับพลังใหม่ เขาจะกางปีก บินขึ้นเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย พระวรสาร มธ 11:28-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่าน ได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพ อ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รบั การพักผ่อน เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุม่ และภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา” ชายพืน้ เมืองชาวอาสเตกนามว่า ฮวน ดิเอโก ผูอ้ อ่ นน้อมถ่อมตน รับการ ประจักษ์จากพระนางมารีย์ ณ ภูเขาเตเปย้าก ท่านเป็นเพียงชาวนาจนๆ ตํ่าต้อย แต่ แม่พระเชื่อใจและไว้วางใจให้ท่านเป็นผู้นำ�สาส์นให้กับคริสตชนทุกคน ท่านเป็นแบบ อย่างตามพระวรสาร พระเจ้าทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ตํ่าต้อย ดังนั้น ให้เราเป็นผู้มีใจอ่อนน้อมถ่อมตน และยอมเป็นเครื่องมือของพระเจ้า โดย ให้พระองค์ทรงทำ�ให้เราเป็นสาส์น และข่าวดีแก่ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือนั้นด้วยการ กระทำ�และชีวิตของเรา


บทอ่านที่ 1 อสย 41:13-20 เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เราจับมือขวาของท่านไว้ให้มั่นคง บอก ท่านว่า “อย่ากลัวเลย เราจะช่วยท่าน” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสว่า “ยาโคบทีเ่ ป็นเหมือน หนอนเอ๋ย อย่ากลัวเลย อิสราเอลซึ่งเป็นเหมือนดักแด้เอ๋ย เราจะช่วยท่าน เรา ผู้ไถ่กู้ ท่าน คือพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล ดูซิ เราจะทำ�ให้ท่านเป็นเหมือนเลื่อนนวดข้าว ใหม่และมีฟันคม ท่านจะนวดและบดภูเขา จะทำ�ให้เนินเขาเป็นเหมือนแกลบ ท่านจะ ฝัดภูเขาและเนินเขาเหล่านัน้ และลมจะพัดไป ลมพายุจะทำ�ให้กระจัดกระจาย แต่ทา่ น จะชืน่ ชมในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ท่านจะภูมใิ จในพระผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ห่งอิสราเอล คนยากจน และผู้ขัดสนแสวงหา นํ้า แต่ไม่มีนํ้า ลิ้นของเขาแห้งผากเพราะความกระหาย เราคือ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะตอบสนองเขา เรา พระเจ้าแห่งอิสราเอล จะไม่ทอดทิ้งเขา เรา จะบันดาลให้มีแม่นํ้าไหลบนภูเขาโล่งเตียน มีพุนํ้าไหลในหุบเขา เราจะทำ�ถิ่นทุรกันดาร ให้เป็นสระนํ้า ทำ�ให้พื้นดินแห้งกลายเป็นพุนํ้า เราจะปลูกต้นสนสีดาร์ในถิ่นทุรกันดาร ปลูกต้นกระถินเทศ ต้นเสม็ด และมะกอกเทศ เราจะปลูกต้นสนไซเปรสไว้ในที่ แห้งแล้ง ปลูกต้นยางและต้นสนไว้ด้วยกัน เพื่อทุกคนจะได้เห็นและรู้ จะได้พิจารณา และเข้าใจพร้อมกันว่าพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทำ�เช่นนี้ พระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่ง อิสราเอลทรงสร้างสิ่งนี้” พระวรสาร มธ 11:11-15 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า ในหมูผ่ ทู้ เี่ กิดจากหญิง ไม่มใี ครยิง่ ใหญ่กว่า ยอห์นผูท้ �ำ พิธลี า้ ง ถึงกระนัน้ ผูต้ าํ่ ต้อยทีส่ ดุ ในอาณาจักรสวรรค์ ก็ยงั ยิง่ ใหญ่กว่ายอห์น ตัง้ แต่สมัยของยอห์นผูท้ �ำ พิธลี า้ งจนถึงวันนี้ อาณาจักรสวรรค์ตอ้ งการความอดทนและ ความพยายาม ผูท้ ใี่ ช้ความอดทนและความพยายามเท่านัน้ จึงจะเข้าสูอ่ าณาจักรสวรรค์ ได้ ประกาศกทั้งหลายและธรรมบัญญัติต่างประกาศพระวาจาถึงสมัยของยอห์น ถ้า ท่านทั้งหลายยอมเชื่อ ยอห์นนี่เองคือประกาศกเอลียาห์ซึ่งจะต้องมา ใครมีหู ก็จงฟัง เถิด” ในชีวติ ของเราอาจจะรอคอยคำ�ตอบ แสงสว่าง คำ�แนะนำ�ในการดำ�เนิน ชีวิต บางคนอาจรอคอยคนที่จะมาช่วยเหลือ สนับสนุน และคอยให้กำ�ลังใจ ดั่งชาว อิสราเอลรอคอยองค์พระมหาไถ่ พระผู้ช่วยให้รอดพ้น พระผู้ประทานความหวังและ ความสุขกลับมาสู่ชนชาติของพวกเขา เราได้รอคอยพระองค์และคนที่มาช่วยเหลือเรา ด้วยเหมือนกัน ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯนี้ ขอให้เราตัง้ ใจ เตรียมพร้อม ตืน่ เฝ้าและมีความหวัง ที่จะพบกับพระองค์และได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์และเพื่อนพี่น้องรอบข้างเรา

สัปดาห์ที่ 2 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 145:1,8-9, 10-11,12-13

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันรัฐธรรมนูญ


น.ดามาซัส ที่ 1 พระสันตะปาปา สดด 1:1-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 อสย 48:17-19 องค์พระผู้เป็นเจ้า พระผู้กอบกู้ของท่าน พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ ว่า “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เราสั่งสอนท่านเพื่อประโยชน์ของท่าน นำ�ท่านไปในทางที่ท่านต้องเดิน ถ้าท่านตั้งใจฟังบทบัญญัติของเรา ความเจริญรุ่งเรือง ของท่านคงจะเป็นเหมือนแม่นํ้า ความชอบธรรมของท่านคงจะเป็นเหมือนคลื่นทะเล ลูกหลานของท่านจะมีจ�ำ นวนมากเหมือนทราย เชือ้ สายของท่านจะเป็นเหมือนเม็ดทราย ชื่อของเขาจะไม่ถูกตัด และไม่ถูกลบออกไปต่อหน้าเราเลย” พระวรสาร มธ 11:16-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราจะเปรียบคนยุคนีก้ บั สิง่ ใด เขาเป็นเสมือนเด็กๆ ทีน่ งั่ ตามลานสาธารณะ ร้อง บอกเพื่อนๆ ว่า พวกเราเป่าขลุ่ย พวกเจ้าก็ไม่เต้นรำ� พวกเราร้องเพลงโศกเศร้า พวกเจ้าก็ไม่รํ่าไห้ ยอห์นมา ไม่กิน ไม่ดื่ม เขาก็ว่า ‘คนนี้มีปิศาจสิง’ บุตรแห่งมนุษย์มา กินและดื่ม เขาก็ว่า ‘ดูซิ นักกิน นักดื่ม เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาป’ แต่พระปรีชาญาณ ของพระเจ้าผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยกิจการ” ความไม่สนใจกันนัน้ สร้างความเจ็บปวดมากกว่าการเกลียดชังกัน เสมือน ว่าบุคคลนั้นไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้ มีหลายคนเผชิญกับสถานการณ์นั้น และหลายคน ได้กระทำ�สิ่งเหล่านั้นกับผู้อื่นเช่นกัน เป็นสิ่งที่น่ากลัวและอันตรายสำ�หรับโลกของเรา ในปัจจุบันและต่อไปในอนาคต เป็นโอกาสดีที่เราจะได้มองดูสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา สนใจคนที่อยู่ข้างๆ เรา ไม่ว่าจะ เป็นความสุข ความทุกข์ ความสบาย ความยากลำ�บาก เพราะการที่เรายังมีความรู้สึก นั่นแสดงให้ยังรู้ว่าเราเป็นมนุษย์และยังมีชีวิต


บทอ่านที่ 1 บสร 48:1-4,9-11 ต่อจากนั้นก็มีเรื่องราวของประกาศกเอลียาห์ซึ่งเป็นเหมือนไฟ วาจาของเขาเผา ผลาญเหมือนคบไฟ เขาทำ�ให้เกิดขาดแคลนอาหารในหมู่ประชากร ความกระตือรือร้น ของเขาทำ�ให้ประชากรลดจำ�นวนลง เขาปิดท้องฟ้าตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็น เจ้า ทำ�ให้ไฟลงมาจากท้องฟ้าถึงสามครัง้ ข้าแต่เอลียาห์ ท่านช่างมีชอื่ เสียงรุง่ เรืองเพราะ การอัศจรรย์ที่ได้กระทำ� ใครบ้างจะอวดตัวได้ว่าตนเท่าเทียมกับท่าน ท่านถูกยกขึน้ ไปในพายุหมุนทีเ่ ป็นไฟ บนรถเทียมม้าเพลิง ท่านถูกกำ�หนดไว้ให้มา ตำ�หนิประชากรในอนาคต เพื่อจะได้ระงับพระพิโรธก่อนที่จะลุกเป็นไฟ เพื่อนำ�จิตใจ ของบิดามาคืนดีกับบุตร และแต่งตั้งบรรดาเผ่าของยาโคบขึ้นใหม่ บรรดาผู้ที่เคยเห็น ท่านย่อมเป็นสุข เขาตายในความรัก เพราะเราทั้งหลายจะได้มีชีวิตอย่างแน่นอนเช่น เดียวกัน พระวรสาร มธ 17:10-13 เวลานั้น บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า “เหตุใดบรรดาธรรมาจารย์จึงกล่าวว่า เอลียาห์ต้องมาก่อน” พระองค์ตรัสตอบว่า “เอลียาห์จะมาและจะจัดทุกสิ่งให้อยู่ใน สภาพเดิม เราบอกท่านทั้งหลายว่า เอลียาห์ได้มาแล้ว แต่ประชาชนไม่รู้จักและกระทำ� ต่อเขาตามใจชอบ บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมานจากประชาชนเช่นเดียวกัน” บรรดาศิษย์จึงเข้าใจว่า พระองค์ตรัสถึงยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง ในรูปแม่พระแห่งกวาดาลูเป เราสามารถมองเห็นถึงพระคริสตเจ้าบุตร ของพระนางในรูปนี้ เราจะต้องมองลึกเข้าไปที่ริบบิ้นสีม่วงดำ�ที่คาดเหนือท้องของ พระนาง ตามปกติหญิงชาวอินเดียนแดงจะรัดสายนี้ไว้รอบเอวเหมือนเป็นเข็มขัด แต่ ถ้าหญิงใดได้ตั้งครรภ์ก็จะรัดสูงขึ้นไปเหนือท้องอย่างที่เห็นในรูปของพระแม่รูปนี้ ดังนั้นแล้ว แม่พระแห่งกวาดาลูเป เป็นพระแม่แห่งการเตรียมรับเสด็จพระคริสต เจ้า พระแม่แห่งความหวัง พระแม่แห่งการรอคอยอย่างอดทนในการให้บงั เกิดพระบุตร ของพระนาง องค์พระมหาไถ่ของชาวเรา

พระนางมารีย์ พรหมจารี แห่งกวาดาลูเป สดด 80:1-2ก,14-15, 17-18

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2


สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 61:1-2ก,10-11 พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง เจิมข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปปลอบโยนคนที่มีใจ ชอกชํ้า ประกาศอิสรภาพแก่เชลย ประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ� ประกาศปี แห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์อย่างยิ่งในองค์พระผู้ เป็นเจ้า วิญญาณของข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในพระเจ้าของข้าพเจ้า เพราะพระองค์ ประทานความรอดพ้นแก่ข้าพเจ้าเป็นเสมือนอาภรณ์ที่ทรงสวมให้ ประทานความ ชอบธรรมให้ข้าพเจ้าเป็นเสมือนเสื้อคลุม ข้าพเจ้าเป็นเหมือนเจ้าบ่าวที่โพกศีรษะอย่าง งดงาม เหมือนเจ้าสาวประดับตนด้วยเพชรนิลจินดา เพราะแผ่นดินบังเกิดพืชผล และ สวนทำ�ให้เมล็ดพืชงอกขึน้ ฉันใด องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าก็ทรงบันดาลให้เกิดความชอบธรรม และการสรรเสริญต่อหน้านานาชาติฉันนั้น เพลงสดุดี ลก 1:46-48,49-50,53-54 ก) วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ทรงกอบกู้ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ตํ่าต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข ข) พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำ�กิจการยิ่งใหญ่สำ�หรับข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ศักดิ์สิทธิ์ พระกรุณาต่อผู้ยำ�เกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย ค) พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่า พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสราเอลผู้รับใช้พระองค์ โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง 1 ธส 5:16-24 พี่น้อง จงร่าเริงยินดีเสมอ จงอธิษฐานภาวนาอย่างสมํ่าเสมอ จงขอบพระคุณ พระเจ้าในทุกกรณี เพราะพระองค์ทรงปรารถนาให้ท่านทำ�สิ่งเหล่านี้ในพระคริสตเยซู อย่าดับไฟของพระจิตเจ้า อย่าดูหมิ่นการประกาศพระวาจา จงทดสอบทุกสิ่งและ ยึดสิ่งที่ดีงามไว้ จงละเว้นความชั่วทุกรูปแบบ ขอองค์พระเจ้าผู้ประทานสันติ บันดาลให้ท่านทั้งหลายเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่าง สมบูรณ์ ขอพระองค์ทรงคุม้ ครองท่านให้พน้ คำ�ตำ�หนิทงั้ ด้านจิตใจ วิญญาณและร่างกาย เมื่อพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเสด็จมา พระองค์ผู้ทรงเรียกท่านนั้นทรง ซื่อสัตย์ พระองค์จะทรงกระทำ�ให้สำ�เร็จ


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 1:6-8,19-28 พระเจ้าทรงส่งชายผู้หนึ่งมา เขาชื่อยอห์น เขามาใน ฐานะพยานเพือ่ เป็นพยานถึงแสงสว่าง เขาไม่ใช่แสงสว่างแต่ เป็นพยานถึงแสงสว่าง ยอห์นเป็นพยานดังนี้ เมือ่ ชาวยิวจากกรุงเยรูซาเล็มส่ง บรรดาสมณะและชาวเลวีไปถามยอห์นว่า “ท่านเป็นใคร” เขามิ ไ ด้ ปิ ด บั ง ความจริ ง แต่ ยื น ยั น ว่ า “ข้ า พเจ้ า ไม่ ใ ช่ พระคริสต์” ดังนั้น เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่าน เป็นใคร เป็นเอลียาห์หรือ” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่ เอลียาห์” “ท่านเป็นประกาศกหรือ” เขาตอบอีกว่า “ไม่ใช่” เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ท่านเป็นใคร เราจะได้นำ�คำ�ตอบไป ให้ผทู้ สี่ ง่ เรามา ท่านพูดถึงตนเองอย่างไร” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผูท้ รี่ อ้ งตะโกนในถิน่ ทุรกันดาร ว่า จงทำ�ทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด” ดังที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวไว้ ผู้ที่ถูกส่งไปถามนั้นเป็นชาวฟาริสี เขาถามยอห์นอีกว่า “ทำ�ไมท่านจึงทำ�พิธีล้าง ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ และไม่ใช่ประกาศก” ยอห์นตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าใช้นํ้าทำ�พิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่มีผู้ หนึง่ ประทับอยูใ่ นหมูท่ า่ น เป็นผูท้ ที่ า่ นไม่รจู้ กั ผูน้ นั้ มาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัด รองเท้าของเขา” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานี อีกฟากหนึ่งของแม่นํ้าจอร์แดนซึ่งยอห์นกำ�ลังทำ�พิธีล้างอยู่ เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า นอกจากเป็นเทศกาลแห่งการเตรียมตัวเตรียมจิตใจ ต้อนรับพระคริสตเจ้าแล้ว ยังเป็นเทศกาลแห่งการรู้จักตัวเองว่า “ฉันคือใคร” เป็นการรู้จักตัวตนที่แท้จริง ของเรา บทบาทหน้าที่ของเรา ไม่ใช่รับรู้เพียงจากเสียงสะท้อนของผู้อื่น แต่เป็นการค้นพบตัวตนของเราอีก ครั้งหนึ่ง ช่วงเวลานีจ้ งึ เป็นโอกาสให้เราได้ไตร่ตรองถึงชีวติ ของเราเองว่า เราเกิดมาทำ�ไม เกิดมาเพือ่ ทำ�อะไร เป็น โอกาสให้มองดูชีวิตของเราในฐานะศิษย์พระคริสต์ที่มุ่งสู่การเป็นศิษย์ธรรมทูต ทำ�ให้เราสามารถเตรียมตัว พร้อมออกไปประกาศข่าวดี และเป็นประจักษ์พยานในการเสด็จมาบังเกิดของพระองค์ ในที่สุดแล้ว เราสามารถยืนยันตัวเราเองได้อย่างมั่นใจว่า “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ที่ร้องตะโกนในถิ่น ทุรกันดารว่า จงทำ�ทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด”


บทอ่านที่ 1 กดว 24:2-7,15-17 ในครั้งนั้น บาลาอัมเงยหน้าขึ้นเห็นอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ตามเผ่าของตน พระจิต ของพระเจ้าเสด็จมาเหนือเขา เขาจึงกล่าวคำ�ทำ�นายเป็นบทประพันธ์ดังนี้ “คำ�ทำ�นายของบาลาอัม บุตรของเบโอร์ คำ�ทำ�นายของบุรุษผู้มีตาเห็นไกล คำ� ทำ�นายของผู้ได้ฟังพระวาจาของพระเจ้า ผู้เห็นนิมิตของพระผู้ทรงสรรพานุภาพ เมื่อ เขาเข้าฌาน ตาของเขาก็เปิดออก ยาโคบเอ๋ย กระโจมของท่านช่างงามจริง อิสราเอล ระลึกถึง น.ยอห์นแห่งไม้กางเขน เอ๋ย ที่อาศัยของท่านช่างงดงาม เหมือนลำ�ธารที่แยกออกเป็นหลายสาย เหมือนสวน ทีอ่ ยูร่ มิ ฝัง่ แม่นาํ้ เหมือนต้นหางจระเข้ทอี่ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงปลูก เหมือนต้นสนสีดาร์ พระสงฆ์ ที่อยู่ริมนํ้า นํ้าจะไหลออกจากถังของเขา และพืชพันธุ์ของเขาจะมีนํ้าอุดมสมบูรณ์ และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร กษัตริย์ของเขาจะยิ่งใหญ่กว่าอากัก อาณาจักรของเขาจะเป็นที่ยกย่อง เขาจึงกล่าวคำ�ทำ�นายเป็นบทประพันธ์ดังนี้ “คำ�ทำ�นายของบาลาอัม บุตรของ สดด 25:4-6,7-9,10 เบโอร์ คำ�ทำ�นายของบุรุษผู้มีตาเห็นไกล คำ�ทำ�นายของผู้ฟังพระวาจาของพระเจ้า ผู้ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 เห็นนิมิตของพระผู้ทรงสรรพานุภาพ เมื่อเขาเข้าฌาน ตาของเขาก็เปิดออก ข้าพเจ้า เห็นเขา แต่ไม่ใช่บัดนี้ ข้าพเจ้ามองดูเขา แต่ไม่ใช่จากใกล้ๆ ดาวดวงหนึ่งกำ�ลังขึ้นมา จากยาโคบ คทาอันหนึ่งกำ�ลังขึ้นมาจากอิสราเอล จะทุบหน้าผากของโมอับ และทุบ กะโหลกศีรษะบุตรทุกคนของเสท” พระวรสาร มธ 21:23-27 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่ทรงสั่งสอนประชาชนอยู่นั้น บรรดาหัวหน้าสมณะและผูอ้ าวุโสของประชาชนเข้ามาพบพระองค์แล้วทูลถามว่า “ท่าน มีอำ�นาจใดจึงทำ�เช่นนี้ ใครมอบอำ�นาจนี้ให้ท่าน” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราขอถามท่านอย่างหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าท่านตอบ เราก็จะบอกท่านว่าเราทำ�เช่นนีด้ ว้ ยอำ�นาจใด พิธลี า้ งของยอห์นมาจากไหน จากสวรรค์ หรือจากมนุษย์” บรรดาสมณะและผูอ้ าวุโสของประชาชนจึงปรึกษากันว่า “ถ้าเราตอบ ว่ามาจากสวรรค์ เขาก็จะถามว่า ‘แล้วทำ�ไมท่านจึงไม่เชื่อยอห์นเล่า’ ถ้าเราตอบว่ามา จากมนุษย์ เราก็เกรงกลัวประชาชน เพราะทุกคนคิดว่ายอห์นเป็นประกาศก” เขาจึงทูลตอบพระเยซูเจ้าว่า “เราไม่รู้” พระองค์จึงตรัสว่า “เราก็ไม่บอกท่านเช่น เดียวกันว่า เราทำ�การเหล่านี้โดยอำ�นาจใด” พระเยซูเจ้าไม่เพียงแค่ทรงตอบโต้บรรดาผูอ้ าวุโสและฟาริสดี ว้ ยการตัง้ คำ�ถามกลับเท่านัน้ แต่ พระองค์ทรงทำ�ให้พวกเขาคิดและเข้าใจถึงอำ�นาจของพระองค์ว่ามาจากไหน นี่คือพระปรีชาสามารถของ พระเยซูเจ้า มิใช่เพื่อเอาชนะหรือทำ�ให้พวกเขาเสียหน้า แต่ทำ�ให้พวกเขาได้ไตร่ตรอง เรียนรู้และเข้าใจ หลายครั้งในชีวิตของเรา พระเยซูเจ้าทรงสอนและทรงช่วยให้เราคิดไตร่ตรองถึงพระธรรมลํ้าลึกของ พระองค์ในรูปแบบต่างๆ หากเราเข้าใจถึงสิ่งเหล่านั้น เราก็จะพบสันติสุขและพลังในการดำ�เนินชีวิตอย่างมี ความสุขในโลกนี้ และมีความหวัง ความวางใจในชีวิตนิรันดรในโลกหน้า


บทอ่านที่ 1 ศฟย 3:1-2,9-13 พระเจ้าตรัสดังนี้ “วิบัติจงเกิดแก่เมืองที่เป็นกบฏและมีมลทิน เมืองที่กดขี่ข่มเหง เมืองนี้ไม่ยอมฟังเสียง ไม่ยอมรับคำ�สั่งสอน ไม่วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มาใกล้ พระเจ้าของตน ใช่แล้ว เวลานั้น เราจะชำ�ระปากของชนหลายชาติให้พ้นมลทิน เขาทุก คนจะได้เรียกพระนามขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และรับใช้พระองค์ เป็นนํา้ หนึง่ ใจเดียวกัน จากฟากโน้นของแม่นํ้าเอธิโอเปีย ผู้นมัสการเราจะนำ�ของถวายมาให้เรา ในวันนั้น เจ้าจะไม่ต้องอับอาย เพราะกิจการที่เจ้าเคยกบฏต่อเรา เพราะเวลานั้น เราจะทำ�ให้ผโู้ อ้อวดและหยิง่ ผยอง สูญหายไปจากเจ้า เจ้าจะไม่หยิง่ ผยองอีกต่อไป บน ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะเราจะเหลือเพียงประชากรที่ถ่อมตนและตํ่าต้อยไว้ในเจ้า คนที่เหลืออยู่ในอิสราเอลจะวางใจในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้รอดชีวิตเหลือ อยู่ของอิสราเอลจะไม่ทำ�ผิด จะไม่กล่าวคำ�มุสา จะไม่พบลิ้นที่ฉ้อโกงในปากของเขา เพราะเขาทั้งหลายจะหากินและพักผ่อน โดยไม่มีผู้ใดทำ�ให้เขาต้องหวาดกลัว” พระวรสาร มธ 21:28-32 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกมหาปุโรหิตและผู้อาวุโสของประชาชนว่า “ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน เขาไปพบบุตรคนแรก พูดว่า “ลูกเอ๋ย วันนี้ จงไปทำ�งานในสวนองุ่นเถิด” บุตรตอบว่า “ลูกไม่อยากไป” แต่ ต่อมาก็เปลี่ยนใจและไปทำ�งาน พ่อจึงไปพบบุตรคนที่สอง พูดอย่างเดียวกัน บุตรคนที่ สองตอบว่า “ครับพ่อ” แต่แล้วก็ไม่ได้ไป สองคนนี้ใครทำ�ตามใจพ่อ” พวกเขาตอบว่า “คนแรก” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนเก็บภาษี และหญิงโสเภณีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าก่อนท่าน เพราะยอห์นได้มาพบท่าน ชีห้ นทางแห่งความชอบธรรม ท่านก็ไม่เชือ่ ยอห์น ส่วน คนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีเชื่อ แต่ท่านทั้งหลายเห็นดังนี้แล้ว ก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจมา เชื่อยอห์น” การกระทำ�นั้นดังกว่าคำ�พูด หากเราเพียงพูดว่าจะทำ� แต่ไม่ได้ลงมือทำ� ก็ไม่มปี ระโยชน์ใดๆ แต่การกระทำ�นัน้ ก็ไม่ได้ส�ำ คัญทีส่ ดุ ถ้าหากเราไม่เต็มใจหรือจริงใจ ต่อการกระทำ�นั้น นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ต่อเราทุกคน คือหัวใจที่พร้อม จะเปิดรับการเปลี่ยนแปลง และเข้าใจอยู่เสมอ การกลับใจของเรานัน้ จะไม่มคี วามหมายหากเราไม่จริงใจ หากเราไม่ได้แสดงออก ถึงการเปลีย่ นแปลงและการคืนดี สิง่ เหล่านีต้ อ้ งอาศัยความอ่อนน้อม ถ่อมตน และรูต้ วั ว่า เรานั้นต้องการและได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้าอยู่เสมอ

สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 34:1-2,5-7, 17-18,22

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3


บทอ่านที่ 1 อสย 45:6ข-8,18,21ข-25 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสว่า “เราเป็นองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ไม่มพี ระเจ้าอืน่ ใดอีก เราปัน้ ความสว่างและสร้างความมืด เรานำ�ความสุขและสร้างภัยพิบัติ เราคือองค์พระผู้เป็น เจ้า เราทำ�ทุกสิ่งเหล่านี้ ท้องฟ้าเอ๋ย จงโปรยฝนลงมาจากเบื้องบน ขอให้ก้อนเมฆหลั่งความชอบธรรมลง มา แผ่นดินจงเปิดออก และจงผลิตผลเป็นความรอดพ้น ที่งอกขึ้นมาพร้อมกับความ ระลึกถึง ชอบธรรม เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราสร้างสิ่งเหล่านี้ บุญราศีทั้งเจ็ด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างท้องฟ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้างแผ่นดิน แห่งสองคอน สดด 85:8-9,10-11, พระองค์ทรงปั้นแผ่นดินและทำ�ให้มั่นคง พระองค์มิได้ทรงสร้างแผ่นดินไว้ให้ว่างเปล่า 12-13 แต่ทรงปั้นแผ่นดินไว้ให้มีคนอาศัย พระองค์ตรัสดังนี้ ‘เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มี ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 พระเจ้าอืน่ ใดอีก นอกจากเรา ไม่มพี ระเจ้าอืน่ ใดเลย นอกจากเราแล้ว ไม่มพี ระเจ้าเทีย่ ง วันครูคำ�สอนไทย ธรรมผู้ช่วยให้รอดพ้น มนุษย์ทั้งหลายจากสุดปลายแผ่นดิน จงหันมาหาเราเถิด ท่าน จะได้รับความรอดพ้น เพราะเราคือพระเจ้า และไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก เราปฏิญาณใน นามของเรา ความเที่ยงธรรมออกมาจากปากของเรา เราจะไม่กลับคำ�เลย เรายืนยันว่า ‘เข่าทุกเข่าจะย่อลง นมัสการเรา ลิ้นทุกลิ้นจะปฏิญาณความซื่อสัตย์ต่อเรา’ เขาทั้งหลายจะพูดว่า ‘เราพบความชอบธรรมและ พละกำ�ลังในองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น บรรดาผู้ที่โกรธเคืองพระองค์จะมาหาพระองค์ด้วยความอับอาย พงศ์พันธุ์ทั้งหลายแห่งอิสราเอลจะได้รับความชอบธรรม และสิริรุ่งโรจน์จากองค์พระผู้เป็นเจ้า’” พระวรสาร ลก 7:19-23 เวลานั้น ยอห์นจึงเรียกศิษย์มาสองคน แล้วส่งไปเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ทูลถามว่า “ท่านคือผู้ที่จะ ต้องมา หรือเราจะต้องรอคอยผู้อื่นอีก” เมื่อคนทั้งสองมาพบพระองค์แล้วจึงกล่าวว่า “ยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง ส่งเรามาถามท่านว่า ‘ท่านคือผู้ที่จะต้องมา หรือเราจะต้องรอคอยผู้อื่นอีก’” ขณะนั้น พระเยซูเจ้ากำ�ลังทรง รักษาคนจำ�นวนมากให้หายจากโรค จากความทุกข์ทรมานและจากจิตชั่วร้าย ทั้งทรงทำ�ให้คนตาบอดหลาย คนกลับมองเห็นได้ พระองค์จึงตรัสตอบศิษย์ทั้งสองคนของยอห์นว่า “จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้เห็น และได้ยิน คนตาบอดกลับแลเห็น คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค คนหูหนวกได้ยิน คนตายกลับ คืนชีพ คนจนได้ฟังข่าวดี ผู้ที่ไม่เคลือบแคลงใจในเรา ย่อมเป็นสุข” เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา “จงหันมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อนมัสการ สรรเสริญ พระองค์ แล้วท่านจะได้รบั ความรอดพ้น” และดังทีอ่ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้ายาํ้ เตือนว่า “ผูท้ ไี่ ด้เห็น ได้ยนิ และเชือ่ ไม่เคลือบแคลงใจในพระองค์ ย่อมเป็นสุข” เพื่อเราจะได้เข้าใจในพระวาจา ท่ามกลางกระแสโลกในยุคปัจจุบัน ที่ท้าทายต่อการเป็นประจักษ์ พยานความรัก ความเชือ่ และความหวังใจในพระเจ้า โดยเราต้องรำ�พึงไตร่ตรองในสิง่ ทีไ่ ด้เห็น ได้ยนิ ว่า เหตุการณ์ นีพ้ ระเจ้ากำ�ลังบอกอะไรเรา ดังนั้นให้เราตั้งใจทำ�ตามพระวาจา อาศัยกิจการดี งานเมตตาจิต ดั่งที่พระเยซูเจ้าทรงเป็นแบบอย่าง ให้เกิดขึ้นจริง เป็นประสบการณ์จริง อาศัยประสบการณ์แห่งเมตตาจิตนี้ เราจะเห็น จะเชื่อ และจะสุขใจ... ในพระองค์ได้โดยง่าย


บทอ่านที่ 1 ปฐก 49:2,8-10 บุตรของยาโคบเอ๋ย จงมารวมกันฟัง จงฟังคำ�ของอิสราเอล บิดาของลูก ยูดาห์เอ๋ย บรรดาพี่น้องจะสรรเสริญลูก มือของลูกจะจับคอศัตรู บุตรของบิดา ของลูกจะกราบไหว้ลกู ยูดาห์เป็นเหมือนลูกสิงโต ลูกเอ๋ย ลูกฆ่าเหยือ่ แล้วกลับมา ลูก เป็นเหมือนสิงโตตัวผู้ ที่ซุ่มหมอบ เหมือนสิงโตตัวเมียที่นอนอยู่ ใครเล่าจะกล้าทำ�ให้ ลุกขึ้น คทาจะไม่ไปจากยูดาห์ และไม้เท้าของผู้ปกครองจะไม่ถูกยกไปจากระหว่างเท้า ของเขา จนกว่าผู้ที่เป็นเจ้าของจะมาและประชาชาติจะนอบน้อมต่อเขา

สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า

พระวรสาร มธ 1:1-17 สดด 72:3-4,7,8,17 หนังสือลำ�ดับพระวงศ์ของพระเยซูคริสตเจ้า โอรสของกษัตริย์ดาวิด ผู้ทรงสืบ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ตระกูลมาจากอับราฮัม วันคล้ายวันสมภพสมเด็จ อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค อิสอัคเป็นบิดาของยาโคบ ยาโคบเป็นบิดาของยูดาห์ พระสันตะปาปาฟรังซิส กับบรรดาพี่น้อง ยูดาห์เป็นบิดาของเปเรศและเศราห์ มารดาของคนทั้งสองคือนาง ทามาร์ เปเรศเป็นบิดาของเฮสโรน เฮสโรนเป็นบิดาของราม รามเป็นบิดาของอัมมีนาดับ อัมมีนาดับเป็นบิดา ของนาโซน นาโซนเป็นบิดาของสัลโมน สัลโมนเป็นบิดาของโบอาส มารดาของโบอาสคือนางราหับ โบอาส เป็นบิดาของโอเบด มารดาของโอเบดคือนางรูธ โอเบดเป็นบิดาของเจสซี เจสซีเป็นบิดาของกษัตริย์ดาวิด กษัตริย์ดาวิดเป็นบิดาของซาโลมอน มารดาของซาโลมอนเคยเป็นภรรยาของอุรียาห์ ซาโลมอนเป็นบิดาของเรโหโบอัม เรโหโบอัมเป็นบิดาของอาบียาห์ อาบียาห์เป็นบิดาของอาสา อาสา เป็นบิดาของเยโฮซาฟัท เยโฮซาฟัทเป็นบิดาของโยรัม โยรัมเป็นบิดาของอุสซียาห์ อุสซียาห์เป็นบิดาของ โยธาม โยธามเป็นบิดาของอาคัส อาคัสเป็นบิดาของเฮเซคียาห์ เฮเซคียาห์เป็นบิดาของมนัสเสห์ มนัสเสห์ เป็นบิดาของอาโมน อาโมนเป็นบิดาของโยสิยาห์ โยสิยาห์เป็นบิดาของเยโคนียาห์และพี่น้อง ในสมัยถูก กวาดต้อนเป็นเชลยไปกรุงบาบิโลน หลังจากถูกกวาดต้อนไปกรุงบาบิโลนแล้ว เยโคนียาห์เป็นบิดาของ เชอัลทิเอล เชอัลทิเอลเป็นบิดาของเศรุบบาเบล เศรุบบาเบลเป็นบิดาของอาบียุด อาบียุดเป็นบิดาของ เอลียาคิม เอลียาคิมเป็นบิดาของอาซอร์ อาซอร์เป็นบิดาของศาโดก ศาโดกเป็นบิดาของอาคิม อาคิมเป็น บิดาของเอลีอดู เอลีอดู เป็นบิดาของเอเลอาซาร์ เอเลอาซาร์เป็นบิดาของมัทธาน มัทธานเป็นบิดาของยาโคบ ยาโคบเป็นบิดาของโยเซฟ พระสวามีของพระนางมารีย์ พระเยซูเจ้า ทีข่ านพระนามว่า “พระคริสตเจ้า” ประสูติจากพระนางมารีย์ผู้นี้... เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา ดังบุตรของยาโคบมารวมกันฟังคำ�ของอิสราเอลบิดา บอก สอนถึง “ผู้ที่จะเสด็จมา และประชาชาติจะนอบน้อมต่อเขา” ซึ่งก็คือ “พระเยซูคริสตเจ้าพระโอรสของ กษัตริย์ดาวิด ผู้ทรงสืบตระกูลมาจากอับราฮัม” เพือ่ เราจะได้เข้าใจในพระวาจา ถึงพระเมสสิยาห์ ผูท้ ที่ กุ คนกำ�ลังรอคอย เพือ่ การช่วยให้รอดพ้นตลอด มาอย่างต่อเนื่องในแต่ละชั่วคน จนมาสำ�เร็จบริบูรณ์ในชีวิตของพระเยซูคริสตเจ้า ทำ�ให้เราได้เรียนรู้ว่า “พระเจ้าทรงรักมนุษย์จริงๆ” ดังนั้น ให้เราตั้งใจทำ�ตามพระวาจา ด้วยการเป็นคริสตชนที่ดี มีความกตัญญูรู้คุณต่อความรักเมตตา ของพระเจ้า รูส้ �ำ นึกและคืนดีกบั พระองค์ และแสดงความนอบน้อมต่อพระองค์ ต่อเพือ่ นพีน่ อ้ ง และสิง่ สร้าง ทั้งหลาย


สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 72:1-2,12-13, 18-19

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 ยรม 23:5-8 “ดูซิ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เมื่อเราจะตั้งหน่อชอบธรรมให้แก่ กษัตริย์ดาวิด เขาจะครองราชย์เป็นกษัตริย์และมีปรีชา เขาจะทำ�ให้ความถูกต้องและ ความยุติธรรมเกิดขึ้นในแผ่นดิน ในรัชสมัยของพระองค์ ยูดาห์จะรอดพ้น อิสราเอล จะดำ�เนินชีวิตอย่างปลอดภัย ทุกคนจะเรียกขานพระนามของพระองค์ว่า ‘องค์พระผู้ เป็นเจ้าทรงเป็นความชอบธรรมของเรา’” “ดังนั้น วันเวลาจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เมื่อใครๆ จะไม่กล่าวคำ�สาบาน อีกต่อไปว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำ�ชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ทรง พระชนม์อยู่แน่ฉันใด...” แต่เขาจะสาบานว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำ�พงศ์พันธุ์ อิสราเอลจากแผ่นดินทางทิศเหนือ และจากดินแดนทัง้ หลายทีท่ รงขับไล่ให้เขาไปอาศัย อยู่ และทรงนำ�เขากลับมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินของตนทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด...” พระวรสาร มธ 1:18-25 เรือ่ งราวการประสูตขิ องพระเยซูคริสตเจ้าเป็นดังนี้ พระนางมารีย์ พระมารดาของ พระองค์หมั้นกับโยเซฟ แต่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะครองชีวิตร่วมกัน ปรากฏว่าพระนาง ตัง้ ครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า โยเซฟคูห่ มัน้ ของพระนางเป็นผูช้ อบธรรมไม่ตอ้ งการฟ้อง หย่าพระนางอย่างเปิดเผย จึงคิดถอนหมั้นอย่างเงียบๆ ขณะที่โยเซฟกำ�ลังคิดถึงเรื่อง นี้อยู่ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาเข้าฝัน กล่าวว่า “โยเซฟ โอรสกษัตริย์ ดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะเด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ ของนางนั้นมาจากพระจิตเจ้า นางจะให้กำ�เนิดบุตรชาย ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู เพราะเขาจะช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อพระ ดำ�รัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านประกาศก จะเป็นความจริงว่า หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชาย ซึ่งจะได้รับนามว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา” เมื่อโยเซฟตื่นขึ้น เขาก็ทำ�ตามที่ทูตสวรรค์ขององค์ พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้ คือรับภรรยามาอยู่ด้วย เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา “วันเวลาจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้า จะทรงตั้งหน่อชอบธรรม และทรงเป็นความชอบธรรมของเรา” คือ “พระเยซูคริสต เจ้า ผู้ทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้รอดพ้นจากบาป” เพื่อเราจะได้เข้าใจในพระวาจา ถึงวันเวลาแห่งพระพร วันเวลาแห่งความชอบ ธรรม และวันเวลาแห่งความรอดพ้น จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากปราศจากความช่วยเหลือ จากองค์พระผู้เป็นเจ้า พระจิตเจ้า และพระเยซูคริสตเจ้า ดังนั้นให้เราตั้งใจทำ�ตามพระวาจา ดังชีวิตของท่านนักบุญโยเซฟผู้ชอบธรรม ที่ เปิดใจรับฟังทูตสวรรค์ ไตร่ตรองเรือ่ งราวทีเ่ กิดขึน้ จนเข้าใจถึงพระประสงค์ของพระเจ้า และเชื่อฟัง ทำ�ตามที่ทูตสวรรค์สั่งไว้ด้วยใจสุภาพ ด้วยความไว้วางใจ


บทอ่านที่ 1 วนฉ 13:2-7,24-25 มีชายคนหนึ่งชื่อมาโนอาห์ เป็นชาวเมืองโศราห์เป็นคนเผ่าดาน ภรรยาของเขา เป็นหมัน ไม่มีบุตร ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่หญิงผู้นี้กล่าวว่า “ท่าน เป็นหมันไม่มีบุตร แต่บัดนี้ท่านจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงระวังอย่าดื่มสุรา เมรัยใดๆ อย่ารับประทานอาหารที่มีมลทิน...อย่าให้ใบมีดมาโกนศีรษะของเขา เพราะ เด็กคนนี้จะเป็นนาศีร์ถวายแด่พระเจ้าตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ของมารดา เขาจะเริ่มช่วย ชาวอิสราเอลให้พน้ จากอำ�นาจของชาวฟีลสิ เตีย” หญิงคนนัน้ ก็ไปบอกสามีวา่ “คนของ พระเจ้ามาหาดิฉนั เขามีใบหน้าเหมือนทูตสวรรค์ของพระเจ้า... แต่เขาบอกดิฉนั ว่า ‘ท่าน จะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย อย่าดื่มสุราเมรัยใดๆ และอย่ารับประทานอาหารที่มี มลทิน เพราะเด็กจะเป็นนาศีร์ถวายแด่พระเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึงวันตาย’” หญิงคนนัน้ คลอดบุตรชายและตัง้ ชือ่ ให้วา่ แซมสัน เด็กน้อยเจริญวัยขึน้ องค์พระ ผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรเขา...

สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 71:2-3,4-6, 16-18ก

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร ลก 1:5-25 ในรัชสมัยของกษัตริยเ์ ฮโรดผูป้ กครองแคว้นยูเดีย สมณะผูห้ นึง่ ชือ่ เศคาริยาห์ ประจำ�เวรในหมวดของ อาบียาห์ มีภรรยาชือ่ เอลีซาเบธ จากตระกูลสมณะอาโรน ทัง้ สองคนเป็นผูช้ อบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ... แต่สามีภรรยาคู่นี้ไม่มีบุตร เพราะนางเอลีซาเบธเป็นหมัน และทั้งสองคนชรามากแล้ว วันหนึ่ง เศคาริยาห์กำ�ลังปฏิบัติหน้าที่สมณะเฉพาะพระพักตร์ตามเวรในหมวดของตน... ทันใดนั้น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้าปรากฏองค์ยืนอยู่เบื้องขวาของพระแท่นถวายกำ�ยาน เมื่อเศคาริยาห์เห็นก็ รูส้ กึ วุน่ วายใจและมีความกลัวอย่างมาก แต่ทตู สวรรค์กล่าวแก่เขาว่า “เศคาริยาห์ อย่ากลัวเลย พระเจ้าทรง ฟังคำ�อธิษฐานของท่านแล้ว เอลีซาเบธภรรยาของท่านจะให้ก�ำ เนิดบุตรชายคนหนึง่ ท่านจะตัง้ ชือ่ เขาว่ายอห์น ท่านจะมีความชืน่ ชมยินดีและคนจำ�นวนมากจะยินดีทเี่ ขาเกิดมา... ” เศคาริยาห์จงึ ถามทูตสวรรค์วา่ “ข้าพเจ้า จะแน่ใจเรื่องนี้ได้อย่างไร ข้าพเจ้าชราแล้ว และภรรยาของข้าพเจ้าก็อายุมากแล้วด้วย” ทูตสวรรค์จึงตอบว่า “ข้าพเจ้าคือกาเบรียล ซึง่ เฝ้าอยูเ่ ฉพาะพระพักตร์พระเจ้า พระองค์ทรงใช้ขา้ พเจ้ามาพูดกับท่านและนำ�ข่าวดี นี้มาแจ้งให้ท่านทราบ แต่ท่านไม่เชื่อคำ�ของข้าพเจ้า ซึ่งจะเป็นจริงเมื่อถึงเวลากำ�หนด ดังนั้น ท่านจะเป็นใบ้ จนถึงวันที่เหตุการณ์นี้จะเป็นจริง”... เมื่อหมดวาระทำ�หน้าที่ในพระวิหารแล้ว เศคาริยาห์ก็กลับไปบ้าน ต่อมาไม่นานนางเอลีซาเบธภรรยา ของเขาก็ตั้งครรภ์ นางเก็บตัวอยู่ในบ้านเป็นเวลาห้าเดือน นางกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำ�เช่นนี้เพื่อ ข้าพเจ้า บัดนี้พระองค์พอพระทัยช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความอับอายที่ข้าพเจ้ามีต่อหน้าคนทั้งหลายแล้ว” เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา ผ่านทางชีวติ ของ “แซมสัน” และ “ยอห์น” ผูท้ อ่ี งค์พระผูเ้ ป็น เจ้าทรงอวยพรเขา พระจิตขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงดลใจเขา เขาจะเป็นผูย้ ง่ิ ใหญ่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ เพื่อเราจะได้เข้าใจในพระวาจา ที่เกี่ยวกับรากฐานที่เด่นชัดในชีวิตของทั้ง “แซมสัน” และ “ยอห์น” ที่มีรากเหง้าแห่งความเชื่อแท้ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ผ่านทางชีวิตที่ชอบธรรม ปฏิบัติตามบทบัญญัติ และไร้ที่ ตำ�หนิของบิดามารดาของท่านทั้งสอง ดังนัน้ ให้เราตัง้ ใจทำ�ตามพระวาจา ด้วยความเชือ่ แท้จริง เชือ่ ฟังพระ เชือ่ ฟังเสียงมโนธรรม และบำ�เพ็ญ ตนอยูเ่ สมอ เป็นความเชือ่ ทีแ่ สดงออกด้วยความมัน่ ใจ สวดภาวนาอยูร่ า่ํ ไปด้วยใจมุง่ หวัง แล้วองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า จะทรงพอพระทัยช่วยเหลือ


สัปดาห์ที่ 4 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่สอง 2 ซมอ 7:1-5,8-11,16 เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงเข้าไปประทับในพระราชวังและองค์พระผู้เป็นเจ้าประทาน ความสงบจากศัตรูโดยรอบ กษัตริย์ตรัสกับประกาศกนาธันว่า “ดูซิ เราอยู่ในวังสร้าง ด้วยไม้สนสีดาร์ แต่หีบของพระเจ้ากลับอยู่ในกระโจม” นาธันทูลตอบว่า “พระองค์ ทรงคิดจะทำ�อะไร ก็โปรดทำ�เถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพระองค์” แต่ในคืนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่นาธันว่า “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเรา ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ท่านจะไม่เป็นผู้สร้างวิหารให้เราอยู่ บัดนี้ ท่านจงไป บอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัสดังนี้ เราให้ท่านเลิก เลี้ยงแกะในทุ่งหญ้ามาเป็นผู้นำ�อิสราเอลประชากรของเรา เราอยู่กับท่านไม่ว่าท่านไป ที่ใด เรากำ�จัดศัตรูทั้งปวงที่ท่านเผชิญหน้า เราจะทำ�ให้ท่านมีชื่อเสียงเหมือนกับผู้ยิ่ง ใหญ่ทสี่ ดุ ในแผ่นดิน เราจะเลือกทีแ่ ห่งหนึง่ ให้อสิ ราเอลประชากรของเราตัง้ หลักแหล่ง เขาจะอยูท่ นี่ นั่ โดยไม่มใี ครรบกวน จะไม่มคี นชัว่ คอยกดขีข่ ม่ เหงเขาเหมือนในอดีต เมือ่ เราเคยแต่งตั้งผู้วินิจฉัยให้ปกครองอิสราเอลประชากรของเรา เราจะให้ท่านได้พักจาก ศัตรูทั้งหลายของท่าน เรา องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศแก่ท่านว่า เราจะสร้างราชวงศ์ให้ ท่าน ราชวงศ์และอาณาจักรของท่านจะมั่นคงอยู่ต่อหน้าเราตลอดไป อำ�นาจปกครอง ของท่านจะตั้งมั่นอยู่ตลอดไป”’ เพลงสดุดี สดด 89:1-2,3-4,26,28 ก) ข้าพเจ้าจะขับร้องสรรเสริญความรักมั่นคงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป ปากข้าพเจ้าจะประกาศความซื่อสัตย์ของพระองค์ทุกยุคทุกสมัย ข้าพเจ้ากล่าวว่า “ความรักมั่นคงของพระองค์ดำ�รงอยู่เป็นนิตย์ พระองค์ทรงสถาปนาความซื่อสัตย์ของพระองค์ไว้อย่างมั่นคงในสวรรค์” ข) พระเจ้าตรัสว่า เราทำ�พันธสัญญากับผู้ที่เราเลือกสรรไว้ สาบานกับดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า “เราจะให้เชื้อสายของท่านมั่นคงอยู่เป็นนิตย์ จะสร้างบัลลังก์ของท่านให้มั่นคงอยู่ทุกยุคทุกสมัย” ค) เขาจะเรียกเราว่า “พระองค์คือพระบิดาของข้าพเจ้า ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้าและทรงเป็นศิลาที่ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น” เราจะรักษาความรักมั่นคงของเราไว้สำ�หรับเขาเสมอ พันธสัญญาของเรากับเขาจะตั้งมั่นตลอดไป บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 16:25-27 ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระผู้โปรดให้ท่านทั้งหลายมั่นคงตามข่าวดีของข้าพเจ้า และตามการประกาศสอนเรือ่ งพระเยซูคริสตเจ้า เป็นการเปิดเผยธรรมลํา้ ลึกทีเ่ ก็บเป็น ความลับตลอดเวลานานมาแล้ว แต่บดั นีเ้ ปิดเผยให้ปรากฏแล้ว ตามข้อเขียนของบรรดา


ประกาศก ตามพระบัญชาของพระเจ้าผู้ทรงดำ�รงอยู่ตลอด นิรันดร ให้นานาชาติได้รู้ เพื่อจะได้นำ�พวกเขามา ยอมรับ ความเชื่ อ ขอพระสิ ริ รุ่ ง โรจน์ จ งมี แด่ พ ระเจ้ า ผู้ ท รงพระ ปรีชาญาณแต่เพียงพระองค์เดียว โดยทางพระเยซูคริสตเจ้า ขอพระองค์ทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดร อาเมน

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 1:26-38 เมือ่ นางเอลีซาเบธตัง้ ครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรง ส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึง่ ในแคว้นกาลิลชี อื่ เมือง นาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึง่ ซึง่ หมัน้ อยูก่ บั ชายชือ่ โยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อ มารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำ�นี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรงถามพระองค์เองว่า คำ�ทักทายนี้ หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำ�เนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้ สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานพระบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิด บรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุด เลย” พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็น พรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะ แผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำ�ไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจา ของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา ในสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ�ในชีวิตของพระนางมารีย์ “พระจิตเจ้าลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระเจ้าปกคลุมท่าน บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และ จะรับนามว่า บุตรของพระเจ้า” เพื่อเราจะได้เข้าใจในพระวาจา ที่พระเจ้าทรงกระทำ�ต่อบุคคลที่ได้รับเลือกสรร พระเจ้าจะทรงเผย แสดง ทรงนำ�ทาง และอวยพรเขาเหล่านั้นเสมอไม่ขาดตกบกพร่อง โดยบุคคลที่ได้รับเลือกสรรนั้น มีความ เชื่อและน้อมรับข่าวดีของพระองค์ ดังนั้นให้เราตั้งใจทำ�ตามพระวาจา โดยการรับรู้ถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต เจ้าในชีวติ ของเรา ผ่านทางความเชือ่ น้อมรับพระประสงค์ และรับใช้พระเจ้า โดยการรับใช้เพือ่ นพีน่ อ้ งทีต่ า่ํ ต้อย


น.เปโตร คานีซีอัส พระสงฆ์ และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 33:2-3,11-12, 20-22

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 พซม 2:8-14 ฟังซิ เสียงที่รักของดิฉัน เขากำ�ลังมา กำ�ลังกระโดดอยู่บนภูเขา กำ�ลังกระโดด ข้ามเนินเขา ที่รักของดิฉันเป็นเหมือนละมั่งหรือเหมือนลูกกวาง ดูซิ เขากำ�ลังยืนอยู่ หลังกำ�แพงของเรา มองเข้ามาทางหน้าต่าง ลอบมองผ่านลูกกรงเข้ามา ที่รักของดิฉัน เริ่มพูดกับดิฉันว่า “ที่รักของฉันเอ๋ย จงลุกขึ้นเถอะ คนสวยของฉันเอ๋ย จงมาเถิด ดูซิ ฤดูหนาวผ่านไปแล้ว ฝนก็วายและจบสิ้นไปแล้ว ดอกไม้ต่างๆ ปรากฏขึ้นมาบนแผ่นดิน เวลาสำ�หรับร้องเพลงมาถึงแล้ว เสียงคู ของนกเขาก็ได้ยินในแผ่นดินของเรา ต้นมะเดื่อเทศกำ�ลังผลิผล เถาองุ่นผลิดอกบาน ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ที่รักของฉันเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด คนสวยของฉันเอ๋ย จงมาเถิด นกพิราบ ของฉันเอ๋ย เธอซ่อนตัวอยู่ในซอกผา ในซอกลึกของหน้าผา ขอให้ฉันได้ยินเสียงของ เธอสักหน่อยเถิด เพราะเสียงของเธอนั้นไพเราะ และใบหน้าของเธอก็งดงาม” พระวรสาร ลก 1:39-45 หลังจากนัน้ ไม่นาน พระนางมารียท์ รงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึง่ ในแถบภูเขา แคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมือ่ นางเอลีซาเบธได้ยนิ คำ�ทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์กด็ นิ้ นางเอลีซาเบธ ได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูก ของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำ�ไมพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเสด็จมาเยี่ยม ข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำ�ทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอ เป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง” เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา ดั่งที่นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้า เต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอก็ได้รับ พระพรด้วย...เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้ จะเป็น จริง” เพื่อเราจะได้เข้าใจในพระวาจามากยิ่งขึ้นว่า บ่อเกิดแห่งความชื่นชมยินดี บ่อเกิดแห่งความสุข บ่อเกิดแห่งพระพร คือ องค์พระผู้เป็นเจ้า และโดยเฉพาะองค์ พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงรับเอากายเป็นบุตรในพระครรภ์ของพระนางมารีย์ ดังนั้นให้เราตั้งใจทำ�ตามพระวาจา ตามแบบอย่างของพระนางมารีย์ที่ทรงรีบ ออกเดินทาง รีบไปรับใช้พระเจ้า รีบไปรับใช้นางเอลีซาเบธหญิงชราที่กำ�ลังตั้งครรภ์ สำ�หรับเราให้รีบไปรับใช้เพื่อนพี่น้องที่ตกทุกข์ได้ยาก นำ�ความยินดีไปสู่เขา


บทอ่านที่ 1 1 ซมอ 1:24-28 ในครั้งนั้น เมื่อเด็กหย่านมแล้ว นางก็พาเขาขึ้นไปที่วิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ เมืองชิโลห์ นำ�โคหนุม่ อายุสามปีตวั หนึง่ แป้งประมาณสองถังและเหล้าองุน่ หนึง่ ถุงหนัง ไปด้วย ขณะนั้นเขายังเด็กมาก บิดามารดาฆ่าโคถวายบูชาและพาเด็กไปพบเอลี นาง ฮันนาห์กล่าวแก่เอลีว่า “นายเจ้าขา จำ�ดิฉันได้ไหม ดิฉันเป็นหญิงที่เคยยืนอธิษฐานทูล องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทีน่ ตี่ อ่ หน้าท่าน ดิฉนั ทูลขอเด็กคนนี้ และองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าก็ประทาน ให้ดิฉันตามคำ�ทูลขอ บัดนี้ ดิฉันจึงขอถวายเขาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะรับใช้องค์ พระผู้เป็นเจ้าตราบเท่าที่เขามีชีวิต” แล้วบิดามารดาก็นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าที่นั่น พระวรสาร ลก 1:46-56 เวลานั้น พระนางมารีย์ตรัสว่า “วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของข้าพเจ้า ชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ทรงกอบกู้ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ ตํ่าต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข พระผู้ทรง สรรพานุภาพทรงกระทำ�กิจการยิ่งใหญ่สำ�หรับข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ศักดิ์สิทธิ์ พระกรุณาต่อผูย้ �ำ เกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย พระองค์ทรงยกพระกรแสดง พระอานุภาพ ทรงขับไล่ผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงให้กระจัดกระจายไป ทรงควํ่าผู้ทรงอำ�นาจ จากบัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ตํ่าต้อยให้สูงขึ้น พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้ อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่า พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสราเอลผู้รับใช้ พระองค์ โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา ดังที่ทรงสัญญาไว้แก่บรรพบุรุษของเรา แก่ อับราฮัมและบุตรหลานตลอดไป” พระนางมารีย์ประทับอยู่กับนางเอลีซาเบธประมาณสามเดือนจึงเสด็จกลับ เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา ทีว่ า่ “วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความ ยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้าพระผู้กอบกู้ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ตํ่าต้อยของพระองค์” เพื่อเราจะได้เข้าใจในพระวาจา ผ่านทางประสบการณ์ของนางฮันนาห์ที่รู้คุณ พระ มีลูกแต่ก็ถวายลูกเพื่อรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าตราบเท่าที่เขามีชีวิตอยู่ เฉกเช่น พระนางมารีย์ที่รู้คุณพระ มีชีวิตแต่ก็ถวายชีวิตทั้งครบเพื่อรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นให้เราตั้งใจทำ�ตามพระวาจา ด้วยการรู้สำ�นึกในพระเมตตา รู้บุญคุณใน พระกรุณา รู้รับใช้ด้วยใจจริง ประกาศข่าวดีในทุกโอกาส ชื่นชมยินดีในพระเจ้า และ เฝ้าภาวนาไม่หยุดหย่อน

สัปดาห์ที่ 4 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า 1 ซมอ 2:1,4-5, 6-7,8 กขค

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4


น.ยอห์น แห่งเกตี้ พระสงฆ์ สดด 25:4-6, 8-10,14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 มลค 3:1-4,23-24 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ดูซิ เราจะส่งผู้ถือสารของเราเพื่อเตรียมทางไว้ต่อหน้าเรา ทันใดนั้น องค์พระผู้ เป็นเจ้าที่ท่านแสวงหาจะเสด็จเข้ามาในพระวิหารของพระองค์ ทูตแห่งพันธสัญญาซึ่ง ท่านปรารถนา ดูซิ กำ�ลังมาแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส ใครจะทนวันที่เขา มาได้ และใครจะยืนหยัดอยู่ได้เมื่อเขาปรากฏ เพราะเขาจะเป็นเหมือนไฟของช่างถลุง โลหะ และเหมือนสบู่ของคนซักฟอก เขาจะนั่งลงเหมือนช่างหลอมและช่างถลุงเงิน เขาจะชำ�ระบุตรหลานของเลวีให้บริสุทธิ์ จะถลุงเขาเหมือนถลุงทองคำ�และถลุงเงิน เพื่อเขาจะถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความชอบธรรม เครื่องบูชาของ ยูดาห์และเยรูซาเล็มจะเป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนในสมัยโบราณ เหมือนในปีก่อนๆ โน้น ดูซิ เราจะส่งประกาศกเอลียาห์มาหาท่าน ก่อนที่วันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัว ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะมาถึง เขาจะทำ�ให้ใจของพ่อกลับมาหาลูก และใจของลูกกลับ ไปหาพ่อ เพื่อเราจะไม่ต้องมาทำ�ลายล้างแผ่นดิน”

พระวรสาร ลก 1:57-66 เมื่อครบกำ�หนดคลอด นางเอลีซาเบธให้กำ�เนิดบุตรชายคนหนึ่ง เพื่อนบ้านและบรรดาญาติรู้ว่าองค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงพระกรุณายิ่งใหญ่ต่อนาง จึงมาร่วมยินดีกับนาง เมื่อเด็กเกิดได้แปดวัน เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องมาทำ�พิธีสุหนัตให้ เขาต้องการเรียกเด็กว่าเศคาริยาห์ ตามชื่อบิดา แต่มารดาของเด็กค้านว่า “ไม่ได้ เขาจะต้องชื่อยอห์น” คนเหล่านั้นจึงพูดกับนางว่า “ท่านไม่มี ญาติคนใดมีชื่อนี้” เขาเหล่านั้นจึงส่งสัญญาณถามบิดาของเด็กว่าต้องการให้บุตรชื่ออะไร เศคาริยาห์ขอ กระดานแผ่นหนึ่งแล้วเขียนว่า “เขาชื่อยอห์น” ทุกคนต่างประหลาดใจ ทันใดนั้น เศคาริยาห์ก็กลับพูดได้ อีก เขาจึงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า เพื่อนบ้านทุกคนต่างรู้สึกกลัว และเรื่องทั้งหมดนี้ได้เล่าลือกันไปทั่ว แถบภูเขาของแคว้นยูเดีย ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แปลกใจและถามกันว่า “แล้วเด็กคนนี้จะเป็นอะไร” เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา นางเอลีซาเบธมารดาของเด็กค้านว่า “ไม่ได้ เขาจะต้องชื่อ ยอห์น” เศคาริยาห์บิดาของเด็กขอกระดานแผ่นหนึ่ง แล้วเขียนว่า “เขาชื่อยอห์น” ทันใดนั้นเขาก็กลับพูด ได้อีก เขาจึงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า เพื่อเราจะได้เข้าใจในพระวาจา อาศัยแบบอย่างความเชื่อของท่านทั้งสอง เป็นความเชื่อที่แสดงออก ด้วยความมั่นใจในคำ�สั่งของทูตสวรรค์ของพระเจ้า และด้วยการยืนยันความเชื่อนี้เอง ช่วยให้ชีวิตของท่าน ทั้งสองเป็นผู้ชอบธรรม และเป็นสุข ดังนัน้ ให้เราตัง้ ใจทำ�ตามพระวาจา ด้วยความซือ่ สัตย์มนั่ คงในความเชือ่ แม้กจิ การเล็กน้อย ในชีวติ ของ เรา จะช่วยเราให้มจี ติ สำ�นึกของผูช้ อบธรรมเหมือน “ท่านยอห์น” เพือ่ เตรียมชีวติ เราให้พร้อมและเหมาะสม ที่จะรับเสด็จองค์พระผู้เป็นเจ้า


บทอ่านที่ 1 2 ซมอ 7:1-5,8-12,14ก,16 เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงเข้าไปประทับในพระราชวังและองค์พระผู้เป็นเจ้าประทาน ความสงบจากศัตรูโดยรอบ กษัตริย์ตรัสกับประกาศกนาธันว่า “ดูซิ เราอยู่ในวังสร้าง ด้วยไม้สนสีดาร์ แต่หีบของพระเจ้ากลับอยู่ในกระโจม” นาธันทูลตอบว่า “พระองค์ ทรงคิดจะทำ�อะไร ก็โปรดทำ�เถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพระองค์” แต่ในคืนนัน้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสแก่นาธันว่า “จงไปบอกดาวิดผูร้ บั ใช้ของเราว่า ... เราให้ท่านเลิกเลี้ยงแกะในทุ่งหญ้ามาเป็นผู้นำ�อิสราเอลประชากรของเรา เราอยู่กับ สัปดาห์ที่ 4 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ ท่านไม่ว่าท่านไปที่ใด เรากำ�จัดศัตรูทั้งปวงที่ท่านเผชิญหน้า เราจะทำ�ให้ท่านมีชื่อเสียง พระคริสตเจ้า เหมือนกับผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน เราจะเลือกที่แห่งหนึ่งให้อิสราเอลประชากรของ เราตั้งหลักแหล่ง เขาจะอยู่ที่นั่นโดยไม่มีใครรบกวน... เราจะสร้างราชวงศ์ให้ท่าน เมื่อ สดด 89:1-2,3-4, ท่านสิน้ ชีวติ ในวัยชรา และถูกฝังไว้กบั บรรพบุรษุ แล้ว เราจะตัง้ เชือ้ สายคนหนึง่ ของท่าน 26,28 ซึ่งเป็นบุตรของท่าน ให้เป็นกษัตริย์ต่อจากท่าน เราจะพิทักษ์รักษาอาณาจักรของเขาให้ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 มั่นคง เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา ราชวงศ์และอาณาจักรของ ท่านจะมั่นคงอยู่ต่อหน้าเราตลอดไป อำ�นาจปกครองของท่านจะตั้งมั่นอยู่ตลอดไป” พระวรสาร ลก 1:67-79 เวลานั้น เศคาริยาห์ผู้เป็นบิดาได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม จึงกล่าวพยากรณ์ดังนี้ “ขอถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพราะพระองค์เสด็จเยี่ยมและทรง กอบกู้ประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงบันดาลให้พระผู้ทรงอำ�นาจ เกิดจากราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด ผูร้ บั ใช้พระองค์ ตามทีท่ รงสัญญาไว้ โดยปากของบรรดาประกาศกผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิข์ องพระองค์ ตัง้ แต่โบราณกาล ว่าจะให้เรารอดพ้นจากศัตรู จากเงื้อมมือของผู้ที่เกลียดชังเรา ทรงสัญญาว่าจะทรงแสดงพระกรุณาแก่ บรรพบุรุษของเรา ทรงระลึกถึงพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และคำ�ปฏิญาณที่ทรงให้ไว้แก่อับราฮัม บรรพบุรุษของเรา ว่าจะทรงช่วยเราให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู เพื่อรับใช้พระองค์โดยปราศจากความหวาด กลัวใดๆ ให้เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และชอบธรรม เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ตลอดชีวิตของเรา ส่วนเจ้า ทารกเอ๋ย เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นประกาศกของพระผู้สูงสุด เจ้าจะนำ�หน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อ เตรียมทางสำ�หรับพระองค์ เพื่อให้ประชากรของพระองค์รู้ว่า เขาจะรอดพ้น เพราะบาปของเขาได้รับการ อภัย เดชะพระเมตตากรุณาของพระเจ้าของเรา พระองค์จะเสด็จมาเยี่ยมเราจากเบื้องบนดังแสงอรุโณทัย ส่องแสงสว่างให้ทุกคนที่อยู่ในความมืดและในเงาแห่งความตาย เพื่อจะนำ�เท้าของเราให้ดำ�เนินไปตามทาง แห่งสันติสุข” เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา ที่เศคาริยาห์ผู้เป็นบิดาได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม กล่าว พยากรณ์วา่ “ส่วนเจ้า ทารกเอ๋ย เจ้าจะได้ชอื่ ว่า เป็นประกาศกของพระผูส้ งู สุด เจ้าจะนำ�หน้าองค์พระผูเ้ ป็น เจ้า เพื่อเตรียมทางสำ�หรับพระองค์” เพื่อเราจะได้เข้าใจในพระวาจา เศคาริยาห์รู้ว่า “ยอห์น” คือใคร ต้องทำ�อะไร และทำ�เพื่อใคร และ “ยอห์น” เองก็รู้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า” คือใคร เกิดจากราชวงศ์ใด เสด็จมาจากไหน มาเพื่ออะไร และจะ เสด็จกลับไปที่ใด ดังนั้นให้เราตั้งใจทำ�ตามพระวาจา ด้วยการตระหนักและรับรู้อยู่เสมอว่า เราเป็นคริสตชน เราเป็น ศิษย์พระคริสต์ และเราเป็นบุตรแห่งความสว่าง เราควรจะต้องดำ�เนินชีวิตอย่างไรตามหนทางแห่งสันติสุข


บทอ่านที่ 1 อสย 52:7-10 เท้าของผูน้ �ำ ข่าวดีมาประกาศบนภูเขาช่างงามยิง่ นัก เขาประกาศสันติภาพ นำ�ข่าวดี ประกาศความรอดพ้น กล่าวแก่ศิโยนว่า “พระเจ้าของท่านทรงเป็นกษัตริย์ปกครอง” ... องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงสำ�แดงพระอานุภาพต่อหน้าประชาชาติทงั้ ปวง ชนชาติทงั้ หลาย จากสุดปลายแผ่นดินจะได้เห็นว่า พระเจ้าของเราประทานความรอดพ้นให้แก่เรา สมโภช พระคริสตสมภพ สดด 89:1,2-3กข, 3ค-4,5-6

บทอ่านที่ 2 ฮบ 1:1-6 ในอดีต พระเจ้าตรัสกับบรรพบุรษุ ของเราโดยทางประกาศกหลายวาระและหลาย วิธี ครั้นสมัยนี้เป็นวาระสุดท้าย พระองค์ตรัสกับเราโดยทางพระบุตร... บัดนี้ พระบุตร ทรงลบล้างมลทินแห่งบาปเสร็จสิ้นแล้ว จึงเสด็จขึ้นสวรรค์ ประทับ ณ เบื้องขวาแห่ง พระมหิทธานุภาพ ดังนัน้ พระบุตรทรงอยูเ่ หนือบรรดาทูตสวรรค์ เช่นเดียวกับพระนาม ที่ทรงได้รับนั้นประเสริฐกว่านามของบรรดาทูตสวรรค์ พระเจ้าเคยตรัสแก่ทูตสวรรค์องค์ใดบ้างว่า “ท่านเป็นบุตรของเรา เราให้กำ�เนิด ท่านในวันนี้” หรือว่า “เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา”...

พระวรสาร ยน 1:1-5,9-14 เมือ่ แรกเริม่ นัน้ พระวจนาตถ์ทรงดำ�รงอยูแ่ ล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยูก่ บั พระเจ้าและพระวจนาตถ์เป็น พระเจ้า พระองค์ประทับอยูก่ บั พระเจ้าแล้วตัง้ แต่แรกเริม่ พระเจ้าทรงสร้างทุกสิง่ อาศัยพระวจนาตถ์ ไม่มสี กั สิง่ เดียวทีพ่ ระเจ้าไม่ทรงสร้างโดยทางพระวจนาตถ์ ชีวติ อยูใ่ นพระองค์ และชีวติ เป็นแสงสว่างสำ�หรับมนุษย์ แสงสว่างส่องในความมืดและความมืดกลืนแสงสว่างนั้นไม่ได้ แสงสว่างแท้จริงซึ่งส่องสว่างแก่มนุษย์ทุกคนกำ�ลังจะมาสู่โลก พระวจนาตถ์ประทับอยู่ในโลกและโลก ถูกสร้างโดยอาศัยพระองค์ แต่โลกไม่รู้จักพระองค์ พระองค์เสด็จมาสู่บ้านเมืองของพระองค์ แต่ประชากร ของพระองค์ไม่ยอมรับพระองค์ ผูใ้ ดทีย่ อมรับพระองค์คอื ผูท้ เี่ ชือ่ ในพระนามของพระองค์ พระองค์ประทาน อำ�นาจให้ผนู้ นั้ กลายเป็นบุตรของพระเจ้า เขามิได้เกิดจากสายเลือด มิได้เกิดจากความปรารถนาตามธรรมชาติ มิได้เกิดจากความต้องการของมนุษย์แต่เกิดจากพระเจ้า พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์และเสด็จมาประทับอยู่ในหมู่เรา เราได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ ของพระองค์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงรับจากพระบิดา ในฐานะพระบุตรเพียงพระองค์เดียวเปี่ยมด้วย พระหรรษทานและความจริง เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา “พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และเสด็จมาประทับ อยู่ในหมู่เรา เราได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงรับจากพระบิดา ในฐานะพระบุตรเพียง พระองค์เดียว เปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง” เพือ่ เราจะได้เข้าใจในพระวาจา ในวันสมโภชพระคริสตสมภพนี้ ถึงความจริงทีเ่ กิดขึน้ และมีผลต่อชีวติ ของมนุษยชาติทั้งหลาย พระองค์ทรงนำ�เราให้เข้ามามีส่วนร่วมใน “พระหรรษทาน พระสิริรุ่งโรจน์ และ ความรอดพ้น” ของพระองค์ ดังนัน้ ให้เราตัง้ ใจทำ�ตามพระวาจา ด้วยความชืน่ ชมยินดี ในการบังเกิดของพระองค์ เราต้องเรียนรูจ้ กั พระองค์ เราต้องยอมรับพระองค์ และเราต้องเชือ่ ในพระนามของพระองค์มากยิง่ ขึน้ และนำ�ความยินดีนไี้ ป สู่คนรอบข้างต่อไป


บทอ่านที่ 1 กจ 6:8-10; 7:54-60 สเทเฟนเปีย่ มด้วยพระหรรษทานและพระอานุภาพ ทำ�ปาฏิหาริยแ์ ละเครือ่ งหมาย อัศจรรย์ยิ่งใหญ่ในหมู่ประชาชน บางคนจากศาลาธรรมที่เรียกกันว่าศาลาธรรมของ เสรีชนทีเ่ คยเป็นทาส คือชาวยิวจากเมืองไซรีน เมืองอเล็กซานเดรีย แคว้นซีลเี ซียและ เอเชีย เริม่ โต้เถียงกับสเทเฟน แต่เขาเหล่านัน้ เอาชนะสเทเฟนไม่ได้ เพราะสเทเฟนพูด ด้วยปรีชาญาณซึ่งมาจากพระจิตเจ้า เมื่อได้ฟังดังนั้น ทุกคนรู้สึกขุ่นเคืองเจ็บใจ ขบฟันคำ�รามเข้าใส่สเทเฟน สเทเฟนเปีย่ มด้วยพระจิตเจ้า เพ่งมองท้องฟ้า มองเห็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระเจ้า และเห็นพระเยซูเจ้าทรงยืนอยูเ่ บือ้ งขวาของพระเจ้า จึงพูดว่า “ดูซิ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้า เปิดออก และเห็นบุตรแห่งมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า” ทุกคนจึงร้องเสียง ดัง เอามืออุดหู วิ่งกรูกันเข้าใส่สเทเฟน ฉุดลากเขาออกไปนอกเมืองแล้วเริ่มเอาหิน ขว้างเขา บรรดาพยานนำ�เสื้อคลุมของตนมาวางไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ “เซาโล” ขณะที่คนทั้งหลายกำ�ลังเอาหินขว้างสเทเฟน สเทเฟนอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่พระเยซูองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า โปรดรับวิญญาณของข้าพเจ้าด้วย” เขาคุกเข่าลงและ ร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า โปรดอย่าทรงลงโทษพวกเขาเพราะบาปนีเ้ ลย” เมื่อกล่าวดังนี้แล้ว เขาก็สิ้นใจ

ฉลอง น.สเทเฟน ปฐมมรณสักขี สดด 31:3-4,5-6, 16-18

พระวรสาร มธ 10:17-22 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงระมัดระวังตนจากมนุษย์ เขาจะมอบท่านที่ศาลและเฆี่ยนท่านในศาลาธรรมของเขา ท่านจะถูกนำ� ตัวไปต่อหน้าผูว้ า่ ราชการและเฉพาะพระพักตร์กษัตริยเ์ พราะเราเป็นเหตุ เพือ่ เป็นพยานยืนยันแก่เขาและแก่ บรรดาชนต่างชาติต่างศาสนา เมื่อเขาจะมอบท่านที่ศาลนั้น อย่าวิตกกังวลว่าจะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร สิ่ง ที่ท่านจะพูดนั้นจะได้รับการดลใจในเวลานั้นเอง เพราะท่านจะมิได้พูดด้วยตนเอง แต่พระจิตของพระบิดา ของท่านจะตรัสในท่าน พี่จะฟ้องน้อง น้องจะฟ้องพี่ให้ต้องโทษถึงตาย พ่อจะฟ้องลูก ลูกจะลุกขึ้นกล่าวโทษพ่อแม่ให้ถึงตาย คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงวาระสุดท้ายก็จะรอดพ้น” เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา พระเยซูเจ้าทรงห่วงใยและทรงสอนว่า “จงระมัดระวังตน จากมนุษย์ อย่าวิตกกังวลว่าจะพูดอย่างไรหรือจะพูดอะไร ท่านจะได้รับการดลใจ พระจิตของพระบิดาของ ท่านจะตรัสในท่าน” เพื่อเราจะได้เข้าใจในพระวาจา นักบุญสเทเฟนถูกเบียดเบียนจนถึงตายเพื่อยืนยันความจริงในพระ เยซูเจ้า เขาโต้เถียงกับสเทเฟน แต่เอาชนะสเทเฟนไม่ได้ เพราะสเทเฟนพูดด้วยปรีชาญาณซึง่ มาจากพระจิตเจ้า ดังนัน้ ให้เราตัง้ ใจทำ�ตามพระวาจา ด้วยการยืนหยัดทีจ่ ะประกาศพระนามของพระเยซูเจ้าด้วยชีวติ ใน ทุกกรณี มีใจเร่าร้อน รู้จักฟังเสียงของพระจิตเจ้าที่ดลใจเรา คือ เสียงจากภายใน เสียงของมโนธรรม เสียง แห่งการทำ�ดี


ฉลอง ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ของพระเยซูเจ้า

บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล ปฐก 15:1-6; 21:1-3 หลังจากนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอับรามในนิมิตว่า “อับรามเอ๋ย อย่ากลัวเลย เราเป็นโล่ป้องกันท่าน บำ�เหน็จรางวัลของท่านจะ ยิ่งใหญ่มาก” แต่อับรามทูลว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า พระองค์จะประทานสิ่งใดแก่ ข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้ายังคงไม่มีบุตร เอลีเอเซอร์ชาวดามัสกัสก็จะเป็นผู้รับมรดกของ ข้าพเจ้า อับรามทูลอีกว่า “พระองค์ไม่ได้ประทานบุตรให้แก่ข้าพเจ้า ดังนั้น บ่าวที่เกิด ในบ้านของข้าพเจ้าก็จะได้รับมรดก” แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอับรามอีกว่า “บ่าวผู้น้ีจะไม่เป็นผู้รับมรดกของท่าน แต่บุตรชายที่เกิดจากท่านเท่านั้นจะเป็นผู้รับ มรดก” พระองค์ทรงพาอับรามออกไปข้างนอก แล้วตรัสว่า “จงมองดูท้องฟ้า นับ จำ�นวนดวงดาวเถิด ถ้าท่านนับได้” พระองค์ทรงเสริมว่า “ลูกหลานของท่านจะมีจ�ำ นวน มากมายเช่นนี้” อับรามเชื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์ทรงนับว่าความเชื่อนี้เป็น ความชอบธรรมสำ�หรับเขา องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดนางซาราห์ดังที่ตรัสไว้ และทรงกระทำ�กับนางซาราห์ตาม ทีท่ รงสัญญาไว้ นางซาราห์ตงั้ ครรภ์ และให้ก�ำ เนิดบุตรชายแก่อบั ราฮัมเมือ่ เขาชราแล้ว ตามเวลาที่พระเจ้าทรงกำ�หนดไว้ อับราฮัมตั้งชื่อบุตรที่นางซาราห์คลอดนั้นว่าอิสอัค เพลงสดุดี สดด 128:1-2,3,4-5 ก) ผู้ยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมเป็นสุข เขาเดินอยู่ในมรรคาของพระองค์ ท่านจะมีอาหารกินจากงานที่ท่านทำ� ท่านจะเป็นสุขและเจริญรุ่งเรือง ข) ภรรยาของท่านจะเป็นดั่งเถาองุ่นที่มีผลดกภายในบ้านของท่าน บุตรของท่านจะเป็นเหมือนหน่อต้นมะกอกเทศนั่งอยู่รอบโต๊ะอาหาร บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 11:8,11-12,17-19 พี่น้อง เพราะความเชื่อ อับราฮัมเชื่อฟังเมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้ออกเดินทางไปสู่ สถานที่ที่เขาจะได้รับเป็นมรดก เขาออกเดินทางไปโดยไม่รู้ว่าจะไปไหน เพราะความเชื่อ แม้นางซาราห์จะพ้นวัยให้กำ�เนิดแล้ว พระเจ้ายังทรงบันดาลให้ ตั้งครรภ์ได้ เพราะนางเชื่อว่าพระองค์ผู้ทรงสัญญาจะทรงซื่อสัตย์ต่อคำ�สัญญานั้น ดังนัน้ จากคนเดียวซึง่ เปรียบเสมือนกับตายแล้ว กลับเกิดลูกหลานจำ�นวนมากเหมือน ดวงดาวในท้องฟ้า และเหมือนเม็ดทรายที่นับไม่ได้บนชายทะเล เพราะความเชื่อ เมื่อพระเจ้าทรงลองใจ อับราฮัมจึงถวายอิสอัค เขาผู้ได้รับ พระสัญญาก็ถวายบุตรคนเดียวของตน บุตรที่พระวาจากล่าวถึงไว้ว่า โดยทางอิสอัค เชือ้ สายจะรับนามของท่าน เขาเชือ่ ว่าพระเจ้าทรงฤทธานุภาพอาจปลุกคนตายให้ฟนื้ ได้ และดังนั้นเขาจึงได้รับอิสอัคคืนมาเป็นสัญลักษณ์


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 2:22-40 เมื่อครบกำ�หนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำ�พิธีชำ�ระมลทินตามธรรมบัญญัติของโมเสส โยเซฟ พร้อมกับพระนางมารีย์นำ�พระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่พระเจ้า มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติของ พระเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรกแด่พระเจ้า และถวายเครื่องบูชาคือนกเขาหนึ่งคู่หรือนกพิราบสอง ตัวตามที่มีกำ�หนดไว้ในธรรมบัญญัติของพระเจ้า เวลานัน้ ทีก่ รุงเยรูซาเล็ม ชายผูห้ นึง่ ชือ่ สิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและยำ�เกรงพระเจ้า เขารอคอยความ รอดพ้นของอิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตกับเขา และทรงเปิดเผยให้เขารู้ว่า เขาจะไม่ตายก่อนที่จะได้เห็น พระคริสต์ของพระเจ้า พระจิตเจ้าทรงนำ�สิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะทีโ่ ยเซฟพร้อมกับพระนางมารียน์ �ำ พระกุมารเข้ามาปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติกำ�หนดไว้ สิเมโอนรับพระกุมารมาอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพร แด่พระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุขตามพระดำ�รัสของพระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำ�หรับนานา ประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำ�หรับอิสราเอลประชากร ของพระองค์” โยเซฟประหลาดใจในถ้อยคำ�ทีก่ ล่าวถึงพระกุมาร พระนางมารียก์ ท็ รงรูส้ กึ เช่นเดียวกัน สิเมโอนอวยพร ท่านทั้งสองและกล่าวแก่พระนางมารีย์ พระมารดาว่า “พระเจ้าทรงกำ�หนดให้กุมารนี้เป็นเหตุให้คนจำ�นวน มากในอิสราเอลต้องล้มลง หรือลุกขึ้น และเป็นเครื่องหมายแห่งการต่อต้าน เพื่อความในใจของคนจำ�นวน มากจะถูกเปิดเผย” ส่วนท่าน ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน ประกาศกหญิงคนหนึ่งชื่ออันนา เป็นบุตรหญิงของฟานูเอลจากเผ่าอาเชอร์ นางชรามากแล้ว แต่งงาน ตั้งแต่ยังสาว อยู่กับสามีเจ็ดปี หลังจากนั้นก็เป็นม่าย เวลานี้อายุแปดสิบสี่ปี ไม่ได้ออกจากพระวิหารเลย อยู่รับใช้พระเจ้าทั้งกลางวันกลางคืนโดยจำ�ศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนา นางเข้ามาในเวลานั้นพอดี ขอบพระคุณพระเจ้าและกล่าวถึงพระกุมารให้ทุกคนที่กำ�ลังรอคอยการไถ่กู้กรุงเยรูซาเล็มฟัง เมือ่ โยเซฟพร้อมกับพระนางมารียป์ ฏิบตั ติ ามทีธ่ รรมบัญญัตขิ องพระเจ้ากำ�หนดไว้ส�ำ เร็จทุกประการแล้ว ก็กลับไปทีน่ าซาเร็ธ เมืองของตนในแคว้นกาลิลี พระกุมารทรงเจริญวัยแข็งแรงขึน้ ทรงพระปรีชาญาณอย่าง สมบูรณ์ และพระหรรษทานของพระเจ้าสถิตกับพระองค์ เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา “ท่านเป็นผูท้ พี่ ระเจ้าทรงเลือกสรร เป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ละเป็น ที่รักของพระองค์ จงเห็นใจกัน จงมีความใจดี ความถ่อมตน ความอ่อนโยนและความพากเพียรอดทนเป็น มงคลแห่งชีวิต แต่เหนือสิ่งใดจงมีความรัก” เพือ่ เราจะได้เข้าใจในพระวาจา ด้วยความรัก ความเป็นหนึง่ เดียวกันอย่างสมบูรณ์ ด้วยความดีตอ่ กัน และกันชั้นเลิศ และด้วยความเชื่อแท้เต็มเปี่ยมด้วยพระจิตเจ้า ทำ�ให้ครอบครัวของพระเยซูเจ้า พระแม่มา รีย์ และนักบุญโยเซฟเป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นให้เราตั้งใจทำ�ตามพระวาจา สร้างครอบครัวคริสตชนเราให้ศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้น โดยอาศัย คุณธรรม คุณความดี ร่วมทุกข์ร่วมสุข แบ่งปันพระวาจา สอนและตักเตือนกันด้วยปรีชาญาณ และเหนือสิ่ง ใดให้รักพระเจ้าและรักกันและกัน


บทอ่านที่ 1 1 ยน 1:5-2:2 พี่น้องที่รักยิ่ง นี่คือข่าวที่เราได้ฟังจากพระองค์ และเรากำ�ลังประกาศให้ท่าน ทั้งหลายรู้ คือ พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และไม่มีความมืดใดๆ อยู่ในพระองค์เลย ถ้าเราพูดว่า เราสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ แต่ยังดำ�เนินชีวิตอยู่ในความมืด เราก็กำ�ลัง พูดเท็จ เพราะเราไม่ดำ�เนินชีวิตอยู่ในความจริง แต่ถ้าเราดำ�เนินชีวิตในความสว่าง ดัง ที่พระองค์ทรงดำ�รงอยู่ในความสว่างแล้ว เราทุกคนก็สนิทสัมพันธ์กันด้วย และพระ ฉลองนักบุญ โลหิตของพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระองค์ก็ชำ�ระเราให้สะอาดจากบาปทั้งปวง ทารกผู้วิมล ถ้าเราพูดว่า “เราไม่มีบาป” เรากำ�ลังหลอกตนเอง และ “ความจริง” ไม่อยู่ในเรา สดด 124:2-5,7ข-8 พระองค์ทรงซื่อสัตย์และทรงเที่ยงธรรม ถ้าเราสารภาพบาป พระองค์จะทรงอภัยบาป ของเรา และจะทรงชำ�ระเราให้สะอาดจากความอธรรมทั้งปวง ถ้าเราพูดว่า “เราไม่เคย ทำ�บาป” เราก็ทำ�ให้พระองค์ตรัสคำ�เท็จ และพระวาจาของพระองค์ไม่อยู่ในเรา ลูกที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ถึงท่าน เพื่อท่านจะได้ไม่ทำ�บาป แต่ถ้าใครทำ�บาป เรายังมีทนาย แก้ต่างให้เฉพาะพระพักตร์ของพระบิดา คือพระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงเที่ยงธรรม พระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชา ชดเชยบาปของเรา และไม่เพียงแต่ชดเชยเฉพาะบาปของเราเท่านั้น แต่ชดเชยบาปของมนุษย์ทั้งโลกด้วย พระวรสาร มธ 2:13-18 เมือ่ บรรดาโหราจารย์กลับไปแล้ว ทูตสวรรค์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้ามาเข้าฝันโยเซฟ กล่าวว่า “จงลุกขึน้ พาพระกุมารและพระมารดาหนีไปอียิปต์ และจงอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกท่าน เพราะกษัตริย์เฮโรดกำ�ลัง สืบหาพระกุมารเพื่อจะประหารชีวิต” โยเซฟจึงลุกขึ้นพาพระกุมารและพระมารดาออกเดินทางไปอียิปต์ใน คืนนั้น และอยู่ที่นั่น จนกระทั่งกษัตริย์เฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เพื่อให้พระดำ�รัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัส ทางประกาศกเป็นความจริงว่า เราเรียกบุตรของเรามาจากอียิปต์ เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงเห็นว่าพระองค์ถูกบรรดาโหราจารย์หลอกลวง ก็กริ้วยิ่งนัก จึงทรงสั่งให้ประหาร ชีวิตเด็กชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมาในเมืองเบธเลเฮมและบริเวณใกล้เคียงตามเวลาที่ทรงทราบ มาจากบรรดาโหราจารย์ ดังนี้ พระดำ�รัสที่ตรัสไว้โดยประกาศกเยเรมีย์ก็เป็นความจริงว่า มีผู้ได้ยินเสียงในหมู่บ้านรามาห์ เป็นเสียงร้องไห้และครํ่าครวญอย่างขมขื่น นางราเคลร้องไห้อาลัยถึง บรรดาบุตร นางไม่ยอมรับคำ�ปลอบโยนใดๆ เพราะบุตรเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา พระกุมารที่กษัตริย์เฮโรดหมายจะเอาชีวิต และสั่งประหาร ชีวติ “คือพระเยซูคริสตเจ้าผูท้ รงเทีย่ งธรรม พระองค์ทรงเป็นเครือ่ งบูชาชดเชยบาปของเรา และชดเชยบาป ของมนุษย์ทั้งโลกด้วย” เพือ่ เราจะได้เข้าใจในพระวาจา นักบุญทารกผูว้ มิ ลถือว่าเป็นมรณสักขีกลุม่ แรก ทีอ่ ทุ ศิ ชีวติ เพือ่ ประกาศ พระนามของพระเยซูเจ้า ร่วมในแผนงานแห่งความรอดของพระองค์ และเป็นเครือ่ งบูชาชดเชยบาปร่วมกับ พระองค์ ดังนัน้ ให้เราตัง้ ใจทำ�ตามพระวาจา ด้วยการดำ�เนินชีวติ อยูใ่ นความจริง มีความซือ่ สัตย์และเทีย่ งธรรม ไม่พูดเท็จ ไม่โมโหร้ายเหมือนเฮโรด หมั่นไปรับศีลอภัยบาป ให้อภัยซึ่งกันและกัน และสนิทสัมพันธ์กันด้วย พระโลหิตของพระเยซูเจ้า


บทอ่านที่ 1 1 ยน 2:3-11 ลูกที่รักทั้งหลาย ถ้าเราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เรามั่นใจว่าเรารู้จัก พระองค์ ผู้ที่พูดว่า “ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์” แต่ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เขาเป็นคนพูดคำ�เท็จ และ “ความจริง” ไม่อยู่ในตัวเขา แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระวาจาของ พระองค์ ความรักของพระเจ้าในผู้นั้นย่อมสมบูรณ์... ท่านทีร่ กั ทัง้ หลาย สิง่ ทีข่ า้ พเจ้าเขียนถึงท่าน มิใช่บทบัญญัตใิ หม่ แต่เป็นบทบัญญัติ เก่า ที่ท่านมีอยู่ตั้งแต่แรกเริ่ม บทบัญญัติเก่านี้คือถ้อยคำ�ที่ท่านได้ฟังมา บทบัญญัติที่ ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านนั้นก็ยังนับว่าใหม่ ใหม่จริงทั้งสำ�หรับพระองค์และสำ�หรับท่าน เพราะความมืดกำ�ลังผ่านพ้นไป ความสว่างแท้จริงกำ�ลังทอแสงขึ้นมาแล้ว ผู้ที่อ้างว่า ตนอยู่ในความสว่าง แต่เกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นยังจมอยู่ในความมืด ส่วนผู้ที่รัก พี่น้องของตน ก็ดำ�รงอยู่ในความสว่าง...

น.โทมัส เบ็กเก็ต พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 96:1-3,4-6

พระวรสาร ลก 2:22-35 เมื่อครบกำ�หนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำ�พิธีชำ�ระมลทินตามธรรมบัญญัติของโมเสส โยเซฟ พร้อมกับพระนางมารีย์นำ�พระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่พระเจ้า มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติของ องค์พระผู้เป็นเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรกแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และถวายเครื่องบูชาคือนกเขาหนึ่ง คูห่ รือนกพิราบสองตัวตามทีม่ กี �ำ หนดไว้ในธรรมบัญญัตขิ องพระเจ้า เวลานัน้ ทีก่ รุงเยรูซาเล็ม ชายผูห้ นึง่ ชือ่ สิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและยำ�เกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้นของอิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตกับ เขา และทรงเปิดเผยให้เขารูว้ า่ เขาจะไม่ตายก่อนทีจ่ ะได้เห็นพระคริสต์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระจิตเจ้าทรง นำ�สิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์นำ�พระกุมารเข้ามาปฏิบัติตามที่ธรรม บัญญัติกำ�หนดไว้ สิเมโอนรับพระกุมารมาอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุขตามพระดำ�รัสของ พระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำ�หรับ นานาประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำ�หรับอิสราเอล ประชากรของพระองค์” โยเซฟประหลาดใจในถ้อยคำ�ทีก่ ล่าวถึงพระกุมาร พระนางมารียก์ ท็ รงรูส้ กึ เช่นเดียวกัน สิเมโอนอวยพร ท่านทั้งสองและกล่าวแก่พระนางมารีย์พระมารดาว่า “พระเจ้าทรงกำ�หนดให้กุมารนี้เป็นเหตุให้คนจำ�นวน มากในอิสราเอลต้องล้มลง หรือลุกขึ้น และเป็นเครื่องหมายแห่งการต่อต้าน เพื่อความในใจของคนจำ�นวน มากจะถูกเปิดเผย” ส่วนท่าน ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา สิเมโอนถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า “บัดนี้ พระองค์ทรง ปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น” เพื่อเราจะได้เข้าใจในพระวาจา สิเมโอนเป็นคนชอบธรรม ยำ�เกรงพระเจ้า รอคอยความรอด พระจิต เจ้าสถิตกับท่าน ความสว่างที่แท้จริงกำ�ลังทอแสงขึ้นในชีวิตของท่าน สิเมโอนได้ดำ�รงอยู่ในความสว่าง ไม่มี สิ่งใดที่ทำ�ให้ท่านล้มลงได้ ดังนั้นให้เราตั้งใจทำ�ตามพระวาจา ด้วยความตระหนักรู้อยู่เสมอว่า การปฏิบัติตามบทบัญญัติและ พระวาจาของพระเจ้าเป็นสิ่งที่สำ�คัญมากที่สุด เพื่อเราจะได้รู้จักพระองค์ ความรักของพระองค์ในเราจะ สมบูรณ์ และเราก็จะอยู่ในพระองค์


วันในอัฐมวาร พระคริสตสมภพ สดด 96:7-9,10-12ก

บทอ่านที่ 1 1 ยน 2:12-17 ลูกทีร่ กั ทัง้ หลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะบาปของท่านได้รบั การอภัยแล้วเดชะ พระนามของพระองค์ ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านมารู้จัก พระองค์ผทู้ รงดำ�รงอยูต่ งั้ แต่แรกเริม่ เยาวชนทัง้ หลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่าน ชนะมารร้ายแล้ว เด็กที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงเธอ เพราะเธอได้มารู้จักพระบิดา ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านมารู้จักพระองค์ผู้ทรงดำ�รงอยู่ ตั้งแต่แรกเริ่ม เยาวชนทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านเป็นคนแข็งแรง และ พระวาจาของพระเจ้าก็สถิตในท่าน และท่านชนะมารร้ายแล้ว จงอย่ารักโลก และสิ่งที่อยู่ในโลกเลย ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดาก็ไม่ อยู่ในตัวเขา เพราะทุกสิ่งที่อยู่ในโลก ได้แก่ ความมัวเมาในโลกีย์ ความโลภอยากได้ ทุกสิง่ และความหยิง่ ทะนงโอ้อวดในทรัพย์สมบัติ ล้วนไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจาก โลกทั้งสิ้น และโลกพร้อมกับความมัวเมาในโลกีย์ของโลกนั้น กำ�ลังผ่านพ้นไป แต่ผู้ที่ ทำ�ตามพระประสงค์ของพระเจ้าจะดำ�รงอยู่ตลอดนิรันดร พระวรสาร ลก 2:36-40 เวลานั้น ประกาศกหญิงคนหนึ่ง ชื่ออันนา เป็นบุตรหญิงของฟานูเอลจากเผ่า อาเชอร์ นางชรามากแล้ว แต่งงานตัง้ แต่ยงั สาว อยูก่ บั สามีเจ็ดปี หลังจากนัน้ ก็เป็นม่าย เวลานี้อายุแปดสิบสี่ปี ไม่ได้ออกจากพระวิหารเลย อยู่รับใช้พระเจ้าทั้งกลางวันกลาง คืนโดยจำ�ศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนา นางเข้ามาในเวลานั้นพอดี ขอบพระคุณ พระเจ้าและกล่าวถึงพระกุมารให้ทุกคนที่กำ�ลังรอคอยการไถ่กู้กรุงเยรูซาเล็มฟัง เมือ่ โยเซฟพร้อมกับพระนางมารียป์ ฏิบตั ติ ามทีธ่ รรมบัญญัตขิ ององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า กำ�หนดไว้สำ�เร็จทุกประการแล้ว ก็กลับไปที่นาซาเร็ธ เมืองของตนในแคว้นกาลิลี พระกุมารทรงเจริญวัยแข็งแรงขึน้ ทรงพระปรีชาญาณอย่างสมบูรณ์ และพระหรรษทาน ของพระเจ้าสถิตกับพระองค์ เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา นางอันนา “นางอยู่รับใช้พระเจ้าทั้ง กลางวันกลางคืนโดยจำ�ศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนา” ส่วนพระกุมาร “ทรง เจริญวัยแข็งแรงขึ้น ทรงพระปรีชาญาณ และพระหรรษทานของพระเจ้าสถิตกับ พระองค์” เพื่อเราจะได้เข้าใจในพระวาจาที่เน้นชัดเจนถึงการเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น เข้มแข็ง และแข็งแรง ดำ�เนินชีวติ ด้วยพระวาจาของพระเจ้า พระเจ้าก็สถิตในผูน้ นั้ และ ผู้ที่ทำ�ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ก็จะดำ�รงอยู่ตลอดนิรันดร ดังนั้นให้เราตั้งใจทำ�ตามพระวาจา ด้วยความตั้งใจจริง ใช้สติปัญญาและ ปรีชาญาณในการดำ�เนินชีวิต รู้จักแยกแยะระหว่างของทางโลกกับทางธรรม จำ�ศีล ภาวนา รำ�พึงพระวาจา และอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้าช่วยเหลือ


บทอ่านที่ 1 1 ยน 2:18-21 ลูกที่รักทั้งหลาย นี่เป็นวาระสุดท้าย ท่านได้ฟังแล้วว่า ปฏิปักษ์ของพระคริสตเจ้า กำ�ลังมา และเวลานี้ ปฏิปักษ์จำ�นวนมากของพระคริสตเจ้าก็มาถึงแล้ว เพราะเหตุนี้เรา จึงรู้ว่า เป็นวาระสุดท้าย เขาทั้งหลายออกไปจากเรา แต่เขาไม่ได้เป็นพวกของเราอย่าง แท้จริง เพราะถ้าเขาเป็นพวกเดียวกันกับเราจริง เขาคงจะอยูก่ บั เรา แต่ทเี่ ป็นดังนีก้ เ็ พือ่ แสดงว่า เขาเหล่านัน้ ทุกคนไม่เป็นพวกเดียวกับเรา ท่านทัง้ หลายได้รบั การเจิมจากองค์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ และทุกคนต่างได้รับความรู้ การที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านทั้งหลายนั้น มิใช่ เพราะท่านไม่รู้ความจริง แต่เขียนเพราะท่านรู้ดีอยู่แล้ว และเพราะไม่มีความเท็จใดมา จากความจริงได้

น.ซิลเวสเตอร์ ที่ 1 พระสันตะปาปา สดด 96:1-3,10-12ก, 12ข-13

วันสิ้นปี พระวรสาร ยน 1:1-18 เมือ่ แรกเริม่ นัน้ พระวจนาตถ์ทรงดำ�รงอยูแ่ ล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยูก่ บั พระเจ้าและพระวจนาตถ์เป็น พระเจ้า พระองค์ประทับอยูก่ บั พระเจ้าแล้วตัง้ แต่แรกเริม่ พระเจ้าทรงสร้างทุกสิง่ อาศัยพระวจนาตถ์ ไม่มสี กั สิง่ เดียวทีพ่ ระเจ้าไม่ทรงสร้าง โดยทางพระวจนาตถ์ ชีวติ อยูใ่ นพระองค์ และชีวติ เป็นแสงสว่างสำ�หรับมนุษย์ แสงสว่างส่องในความมืดและความมืดกลืนแสงสว่างนัน้ ไม่ได้ พระเจ้าทรงส่งชายผูห้ นึง่ มา เขาชือ่ ยอห์น เขา มาในฐานะพยานเพื่อเป็นพยานถึงแสงสว่าง เขาไม่ใช่แสงสว่างแต่เป็นพยานถึงแสงสว่าง แสงสว่างแท้จริง ซึ่งส่องสว่างแก่มนุษย์ทุกคนกำ�ลังจะมาสู่โลก... แต่โลกไม่รู้จักพระองค์ พระองค์เสด็จมาสู่บ้านเมืองของพระองค์ แต่ประชากรของพระองค์ไม่ยอมรับพระองค์ ผู้ใดที่ยอมรับ พระองค์คือผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ประทานอำ�นาจให้ผู้นั้นกลายเป็นบุตรของพระเจ้า เขา มิได้เกิดจากสายเลือด มิได้เกิดจากความปรารถนาตามธรรมชาติ มิได้เกิดจากความต้องการของมนุษย์ แต่ เกิดจากพระเจ้า พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์และเสด็จมาประทับอยู่ในหมู่เรา เราได้เห็นพระสิริ รุ่งโรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงรับจากพระบิดาในฐานะพระบุตรเพียงพระองค์เดียว เปี่ยม ด้วยพระหรรษทานและความจริง ยอห์นเป็นพยานถึงพระองค์ และประกาศว่าผู้ที่มาภายหลังข้าพเจ้าได้นำ� หน้าข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงดำ�รงอยู่ก่อนข้าพเจ้า จากความไพบูลย์ของพระองค์ เราทุกคนได้รับ พระหรรษทานต่อเนือ่ งกัน เพราะพระเจ้าได้ประทานธรรมบัญญัตผิ า่ นทางโมเสส แต่พระหรรษทานและความ จริงมาทางพระเยซูคริสตเจ้า ไม่มใี ครเคยเห็นพระเจ้าเลย แต่พระบุตรเพียงพระองค์เดียว ผูส้ ถิตในพระอุระ ของพระบิดานั้นได้ทรงเปิดเผยให้เรารู้

เชิญชวนเราเปิดใจรับพระวาจา ยอห์นเป็นประกาศกองค์สดุ ท้ายทีเ่ ป็นพยานถึงพระวจนาตถ์ ผู้ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และประกาศว่า “ผู้ที่มาภายหลังข้าพเจ้า ได้นำ�หน้าข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรง ดำ�รงอยู่ก่อนข้าพเจ้า” เพือ่ เราจะได้เข้าใจในพระวาจา ทีบ่ อกความจริงถึงพระวจนาตถ์ทดี่ �ำ รงอยูแ่ ล้ว ประทับอยูก่ บั พระเจ้า และเป็นพระเจ้า เป็นแสงสว่างแท้จริงซึง่ ส่องสว่างแก่มนุษย์ทกุ คนกำ�ลังจะมาสูโ่ ลก รับธรรมชาติมนุษย์ และ มาประทับอยู่ในหมู่เรา ดังนั้นให้เราตั้งใจทำ�ตามพระวาจา ด้วยการเป็นพยานยืนยันถึงพระหรรษทานและความจริงในชีวิต คริสตชนของเราทีไ่ ด้รบั มาทางพระเยซูคริสตเจ้า รับรูถ้ งึ การประทับอยูข่ องพระองค์ทา่ มกลางเรา ในชีวติ เรา ในใจเรา และโดยเฉพาะในวันส่งท้ายปีเก่านี้ ขอความไพบูลย์ของพระองค์ เป็นบ่อเกิดแห่งพระพร พระ หรรษทานในการดำ�เนินชีวิตแด่ท่านเทอญ


ที่ปรึกษา : พระสังฆราช วีระ อาภรณ์รัตน์ พระสังฆราช ลือชัย ธาตุวิสัย พระสังฆราช ชูศักดิ์ สิริสุทธิ์ ประธาน

: เสถียร

เจนศักดิศ์ รีสกุล

รองประธาน : เพ็ญแข มาตระกูล เหรัญญิก

: อนุรักษ์ ตั้งกุลเกียรติ

เลขานุการ

: วีรวรรณ บุญสู

คณะกรรมการ : ปริญดา สุนีย์ รัชฎา นุชฎา วิยะนุช วีรวรรณ สมทรง จันทิมา ลูซี่ บุญเลิศ วรรณี

อมรสิริสมบูรณ์ คีรีกาญจนะรงค์ เล้ากอบกุล ดาษดาโดม ดาษดาโดม ผาสุขกิจวัฒนา ธุระวณิชย์ เอี่ยมมโน คีรีกาญจนะรงค์ หลักคำ� หลักคำ�

บรรณาธิการ : ซิสเตอร์พรรณี ภู่เรือนหงษ์

ผู้เขียนข้อคิด : พระสังฆราช ประธาน ศรีดารุณศีล พระสังฆราช วีระ อาภรณ์รัตน์ พระสังฆราช พิบูลย์ วิสิฐนนทชัย พระสังฆราช บรรจง ไชยรา พระอัครสังฆราช จำ�เนียร สันติสุขนิรันดร์ พระสังฆราช ลือชัย ธาตุวิสัย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์ คุณพ่อนิเวศน์ อินธิเสน คุณพ่อชีวิน สุวดินทร์กูร คุณพ่อพงศ์เทพ ประมวลพร้อม คุณพ่อสมชัย พิทยาพงศ์พร คุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช คุณพ่อบรรจง สันติสุขนิรันดร์ คุณพ่อวัชศิลป์ กฤษเจริญ คุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกร คุณพ่อสุเทพ พงษ์วิรัชไชย คุณพ่อวิรัช อมรพัฒนา คุณพ่อสุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธุ์ คุณพ่อสายชล คันยุไลย คุณพ่อวรวุฒิ กิจสกุล คุณพ่อภฤศ ทิพย์ทอง คุณพ่ออมรกิจ พรหมภักดี คุณพ่อภควี เส็งเจริญ คุณพ่อกิตสดา คำ�ศรี

ติดต่อสอบถามได้ที่ : ซิสเตอร์พรรณี ภู่เรือนหงษ์ หรือ คุณวีรวรรณ บุญสู สำ�นักงานไบเบิล ไดอารี่ (อารามพระหฤทัยฯ) 94 ถนนสุนทรโกษา คลองเตย กรุงเทพฯ 10110 โทร. 02-6711853, 094-3693698



Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.