ไบเบิลไดอารี่ เดือนกุมภาพันธ์ 2020

Page 1


บทอ่านที่ 1 2 ซมอ 12:1-7ก,10-17 ในครัง้ นัน้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงส่งประกาศกนาธันไปพบกษัตริยด์ าวิด ประกาศก นาธันจึงเข้าเฝ้าทูลกษัตริย์ว่า “ในเมืองหนึง่ มีชายสองคน คนหนึง่ รํา่ รวย อีกคนหนึง่ ยากจน คนรํา่ รวยมีฝงู แกะ และโคจำ�นวนมาก ส่วนคนยากจนมีลกู แกะเพศเมียเพียงตัวเดียว เป็นลูกแกะทีเ่ ขาซือ้ มาและเลี้ยงดูอย่างดี แกะตัวนั้นเติบโตขึ้นในบ้านกับเขาและลูกๆ กินอาหารของเขา สัปดาห์ที่ 3 และดื่มจากถ้วยของเขา นอนซบอกของเขา เขารักแกะตัวนั้นเหมือนบุตรสาว วันหนึ่ง เทศกาลธรรมดา มีคนเดินทางมาแวะที่บ้านของคนรํ่ารวย ซึ่งไม่อยากฆ่าแกะหรือโคของตนนำ�มาทำ� สดด 51:11-13, 14-15,16-17 อาหารให้คนเดินทางที่บังเอิญมาเยี่ยม เขาจึงเอาลูกแกะของคนยากจนมาทำ�อาหารให้ ทำ � วัตรสัปดาห์ที่ 3 แขกแทน” กษัตริย์ดาวิดกริ้วชายผู้นั้นมาก ตรัสแก่นาธันว่า “ตราบใดที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่ ผู้ที่ กระทำ�เช่นนี้จะต้องถูกประหารชีวิต เขาต้องชดใช้ราคาลูกแกะนั้นสี่เท่า เพราะเขามีใจร้ายกระทำ�เช่นนี้” ประกาศกนาธันจึงทูลกษัตริย์ดาวิดว่า “พระองค์คือชายคนนั้น เพราะเหตุนี้ จะมีคนในวงศ์ตระกูลของ ท่านถูกฆ่าอยู่เรื่อยๆ เพราะท่านได้ลบหลู่เรา เอาภรรยาของอุรียาห์มาเป็นภรรยาของท่าน”... กษัตริยด์ าวิดตรัสกับนาธันว่า “ข้าพเจ้าได้ทำ�บาปผิดต่อองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าแล้ว” นาธันทูลตอบว่า “องค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยบาปพระองค์แล้ว พระองค์จะไม่ต้องสิ้นพระชนม์ แต่เนื่องจากพระองค์ทรงดูหมิ่น องค์พระผู้เป็นเจ้าโดยกระทำ�การนี้ พระโอรสที่จะเกิดมาจะต้องตาย” แล้วนาธันก็กลับบ้าน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำ�ให้พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดที่เกิดจากภรรยาของอุรียาห์ป่วยหนัก กษัตริย์ ดาวิดทูลอ้อนวอนพระเจ้าขอให้ทารกนัน้ หายป่วย ไม่ยอมเสวยอะไรเลย บรรทมบนพืน้ ทุกคืน บรรดาข้าราช บริพารผูอ้ าวุโสทูลเชิญให้พระองค์ทรงลุกขึน้ จากพืน้ แต่พระองค์ไม่ทรงยอม ทัง้ ไม่ยอมเสวยพระกระยาหาร กับเขา พระวรสาร มก 4:35-41 เย็นวันเดียวกันนั้น พระเยซูเจ้าตรัสสั่งบรรดาศิษย์ว่า “เราจงข้ามไปทะเลสาบฝั่งโน้นกันเถิด” บรรดา ศิษย์จึงละประชาชนไว้ และออกเรือที่พระองค์ประทับอยู่นั้นไป มีเรือลำ�อื่นๆ ติดตามไปด้วย ขณะนั้นเกิด พายุแรงกล้า คลื่นซัดเข้าเรือจนนํ้าเกือบจะเต็มเรืออยู่แล้ว พระองค์บรรทมหลับหนุนหมอนอยู่ที่ท้ายเรือ บรรดาศิษย์จึงปลุกพระองค์ ทูลถามว่า “พระอาจารย์ พระองค์ไม่สนพระทัยที่พวกเรากำ�ลังจะตายอยู่แล้ว หรือ” พระองค์จึงทรงลุกขึ้น บังคับลม ตรัสสั่งทะเลว่า “เงียบซิ จงสงบลงเถิด” ลมก็หยุด ท้องทะเลราบ เรียบอย่างยิ่ง แล้วพระองค์ตรัสถามเขาว่า “ตกใจกลัวเช่นนี้ทำ�ไม ท่านยังไม่มีความเชื่อหรือ” เขาเหล่านั้น กลัวมาก พูดกันว่า “ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ ลมและทะเลจึงยอมเชื่อฟังเช่นนี้” บุคคลที่พระรักเป็นพิเศษ เช่น กษัตริย์ดาวิด พระองค์ทรงโปรดให้ท่านเปี่ยมด้วยพละกำ�ลัง ฝ่ายกายเอาชนะศัตรูทุกชนิด ประทานตำ�แหน่งสูงสุดเหนือกษัตริย์ทั้งหลาย... หรือศิษย์ 12 คนที่อยู่ใกล้ชิด พระเยซูเจ้าเสมอทุกวัน แต่อันตรายก็อยู่รอบตัว พายุจากท้องทะเล ตัณหาอารมณ์ทางเพศก็อยู่ในตัวเรา พระวรสารให้แนวทางคือ เรียกขานพระนามของพระองค์ ถ้าผิดพลาดไปให้กลับใจ และยอมรับโทษทัณฑ์ที่ ตามมา


ฉลอง การถวายพระกุมาร ในพระวิหาร เสกและแห่เทียน

บทอ่านจากหนังสือประกาศกมาลาคี มลค 3:1-4 องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา ตรัสดังนี้ “ดูซิ เราจะส่งผู้ถือสารของเราเพื่อเตรียมทางไว้ต่อหน้าเรา ทันใดนั้น องค์พระผู้ เป็นเจ้าที่ท่านแสวงหาจะเสด็จเข้ามาในพระวิหารของพระองค์ ทูตแห่งพันธสัญญาซึ่ง ท่านปรารถนา ดูซิ กำ�ลังมาแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส ใครจะทนวันที่เขา มาได้ และใครจะยืนหยัดอยู่ได้เมื่อเขาปรากฏ เพราะเขาจะเป็นเหมือนไฟของช่างถลุง โลหะ และเหมือนสบู่ของคนซักฟอก เขาจะนั่งลงเหมือนช่างหลอมและช่างถลุงเงิน เขาจะชำ�ระบุตรหลานของเลวีให้บริสุทธิ์ จะถลุงเขาเหมือนถลุงทองคำ�และถลุงเงิน เพื่อเขาจะถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความชอบธรรม เครื่องบูชาของ ยูดาห์และเยรูซาเล็มจะเป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนในสมัยโบราณ เหมือนในปีก่อนๆ โน้น” เพลงสดุดี สดด 24:7-8,9-10 ก) ประตูเอ๋ย จงยกไม้ขวางของเจ้าขึ้นเถิด จงยกบานประตูโบราณขึ้นให้สูง ให้พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์เสด็จเข้ามา พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์พระองค์นี้คือผู้ใด พระองค์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพลังและทรงอานุภาพ องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงอานุภาพในยุทธภูมิ ข) ประตูเอ๋ย จงยกไม้ขวางของเจ้าขึ้นเถิด จงยกบานประตูโบราณขึ้นให้สูง ให้พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์เสด็จเข้ามา พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์พระองค์นี้คือผู้ใด พระองค์คือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมจักรวาล พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 2:14-18 บุตรทุกคนมีเลือดเนื้อร่วมกันฉันใด พระองค์ก็ทรงมีเลือดเนื้อร่วมกับมนุษย์ทุก คนด้วยฉันนั้น เพื่อว่าโดยการสิ้นพระชนม์ พระองค์จะทรงทำ�ลายมารผู้มีอำ�นาจเหนือ ความตายลงได้ เพือ่ ทรงปลดปล่อยผูต้ กเป็นทาสอยูต่ ลอดชีวติ เพราะความกลัวตายให้ เป็นอิสระได้ โดยแท้จริงแล้ว พระองค์มิได้เอาพระทัยใส่บรรดาทูตสวรรค์ แต่เอา พระทัยใส่ตอ่ เชือ้ สายของอับราฮัม จึงจำ�เป็นทีพ่ ระองค์จะต้องทรงเป็นเหมือนกับบรรดา พีน่ อ้ งทุกประการ เพือ่ พระองค์จะทรงเป็นมหาสมณะทีเ่ พียบพร้อมด้วยพระกรุณาและ ทรงน่าเชื่อถือในการติดต่อกับพระเจ้า ไถ่โทษชดเชยบาปของประชากรได้ ในฐานะที่


พระองค์ทรงรับการทรมานและทรงผ่านการผจญมาแล้ว พระองค์จึงทรงช่วยเหลือผู้ที่ถูกผจญได้ด้วย

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 2:22-32 เมื่อครบกำ�หนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำ�พิธี ชำ�ระมลทินตามธรรมบัญญัติของโมเสส โยเซฟพร้อมกับ พระนางมารีย์นำ�พระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่ พระเจ้า มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรกแด่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และถวาย เครื่องบูชาคือนกเขาหนึ่งคู่หรือนกพิราบสองตัวตามที่มี กำ�หนดไว้ในธรรมบัญญัติของพระเจ้า เวลานั้น ที่กรุงเยรูซาเล็ม ชายผู้หนึ่งชื่อสิเมโอน เป็น คนชอบธรรมและยำ�เกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้นของอิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตกับเขา และทรง เปิดเผยให้เขารู้ว่า เขาจะไม่ตายก่อนที่จะได้เห็นพระคริสต์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระจิตเจ้าทรงนำ�สิเมโอน เข้าไปในพระวิหาร ขณะทีโ่ ยเซฟพร้อมกับพระนางมารียน์ ำ�พระกุมารเข้ามาปฏิบตั ติ ามทีธ่ รรมบัญญัตกิ ำ�หนด ไว้ สิเมโอนรับพระกุมารมาอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำ�รัสของ พระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำ�หรับ นานาประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำ�หรับอิสราเอล ประชากรของพระองค์” วิถชี วี ติ ของพระผูไ้ ถ่ทพี่ ระคัมภีรบ์ นั ทึกไว้ คือ มอบถวายตัวทัง้ ครบแด่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และ อุทิศชีวิตทั้งหมดเพื่อมวลชน... ชีวิตเช่นนี้เปรียบเสมือนไฟ เสมือนสบู่ ที่จะช่วยชำ�ระคนอื่นได้ เป็นประดุจ เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงพอพระทัย


น.บลาซีโอ พระสังฆราช และมรณสักขี น.อันสการ์ พระสังฆราช

สดด 89:20-21, 23-26

บทอ่านที่ 1 2 ซมอ 15:13-14,30;16:5-13 มีผู้มากราบทูลกษัตริย์ดาวิดว่า “ชาวอิสราเอลมีใจไปเข้ากับอับซาโลมแล้ว” กษัตริยด์ าวิดจึงตรัสแก่ขา้ ราชบริพารทัง้ หลายทีอ่ ยูก่ บั พระองค์ในกรุงเยรูซาเล็มว่า “จง รีบหนีกันเถิด มิฉะนั้น พวกเราจะไม่มีใครหนีรอดพ้นอับซาโลมได้ จงรีบไปเถิด เขา กำ�ลังมาอย่างรวดเร็วและจะทันเรา นำ�หายนะมาให้เราและใช้ดาบฆ่าทุกคนในเมือง”... เมื่อกษัตริย์ดาวิดเสด็จมาถึงบาหุริม ชายคนหนึ่งชื่อชิเมอีบุตรของเกราออกมา แช่งด่าพระองค์ พลางเดินตามไป... อาบิชัยบุตรของนางเศรุยาห์ทูลกษัตริย์ว่า “ทำ�ไม ไอ้หมาตายตัวนีจ้ ะต้องแช่งด่าพระราชาเจ้านายของข้าพเจ้า โปรดอนุญาตให้ขา้ พเจ้าไป ตัดหัวของมันเถิด” แต่กษัตริย์ตรัสตอบว่า “บุตรของนางเศรุยาห์เอ๋ย เรามีความคิด เห็นไม่ตรงกัน ถ้าเขาแช่งด่าเราเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบอกเขาว่า ‘จงไปแช่งด่า ดาวิดเถิด’ ใครจะมีสิทธิ์ถามเขาว่า ‘ทำ�ไมท่านจึงทำ�เช่นนี้’”...

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร มก 5:1-20 เวลานั้น พระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์ข้ามทะเลสาบมาถึงดินแดนของชาวเกราซา ครัน้ พระองค์เสด็จขึน้ จากเรือ ชายคนหนึง่ ซึง่ ถูกปีศาจสิงออกมาจากบริเวณหลุมศพ เข้ามาเฝ้าพระองค์ทนั ที ชายคนนี้อาศัยอยู่ตามหลุมศพ ไม่มีใครล่ามเขาไว้ได้ แม้จะใช้โซ่ล่ามก็ตาม มีผู้ใช้โซ่ตรวนล่ามเขาหลายครั้ง เขาก็หกั โซ่ตรวน ไม่มใี ครทำ�ให้เขาสยบได้ เขาอยูต่ ามหลุมศพและตามภูเขาตลอดวันตลอดคืน ส่งเสียงร้อง เอ็ดอึงและใช้หินทุบตีตนเอง เมื่อเห็นพระเยซูเจ้าแต่ไกล เขาก็วิ่งเข้ามากราบเฉพาะพระพักตร์ ร้องเสียงดัง ว่า “ข้าแต่พระเยซูบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด ท่านมายุ่งเกี่ยวกับข้าพเจ้าทำ�ไม ข้าพเจ้าวอนขอท่านในพระนาม พระเจ้า อย่าทรมานข้าพเจ้าเลย” ทั้งนี้เพราะพระเยซูเจ้าตรัสสั่งปีศาจว่า “เจ้าปีศาจ จงออกจากชายผู้นี้” แล้วพระองค์ทรงถามว่า “เจ้าชื่ออะไร” มันตอบว่า “ชื่อกองพล เพราะเราอยู่กันจำ�นวนมาก” และมัน พรํ่าวอนพระองค์มิให้ขับไล่มันออกจากบริเวณนั้น หมูฝูงใหญ่กำ�ลังหากินอยู่บนเนินเขาที่นั่น พวกปีศาจจึง อ้อนวอนพระองค์ว่า “ขอได้โปรดส่งพวกเราเข้าไปในหมูฝูงนั้นเถิด” พระองค์ก็ทรงอนุญาต พวกปีศาจจึง ออกไปสิงอยู่ในร่างหมู หมูฝูงนั้นซึ่งมีประมาณสองพันตัวก็พากันวิ่งกระโจนจากหน้าผาลงไปในทะเลสาบ และจมนํ้าตายทั้งหมด คนเลี้ยงหมูต่างวิ่งหนีไปเล่าเรื่องนี้ตามเมืองและตามชนบท ประชาชนออกมาดู เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเขาเข้ามาใกล้พระเยซูเจ้า ก็แลเห็นคนที่เคยถูกปีศาจกองพลสิงนั่งอยู่ สวมเสื้อผ้า มีสติดี พวกเขาต่างมีความกลัว ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ถูกปีศาจสิงและเล่าเรื่องหมูให้ ฟัง ประชาชนจึงขอร้องพระเยซูเจ้าให้เสด็จออกไปจากเขตแดนของเขา เมือ่ พระองค์เสด็จลงเรือ ผูท้ เี่ คยถูก ปีศาจสิงขออนุญาตตามเสด็จด้วย แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญาต ตรัสว่า “จงกลับบ้าน ไปหาญาติพี่น้องของ ท่าน เล่าให้เขาฟังถึงเหตุการณ์ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำ�และแสดงพระเมตตาต่อท่าน” ชายนั้นจากไป เริ่มประกาศในแคว้นทศบุรีถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ�ต่อตน ทุกคนที่ได้ฟังต่างประหลาดใจ ภัยอันตรายอยู่ใกล้ชิดตัวเรา บางทีเป็นญาติของเรา เป็นเพื่อนของเรา ปัจจุบันในโทรศัพท์ มือถือของเรา หลายกรณีมันยิ่งใหญ่เกินกว่าพละกำ�ลังของเราจะชนะได้... พระเป็นเจ้าผู้เดียวช่วยเราให้มี จิตสำ�นึก รูจ้ กั แยกความดีจากความชัว่ การคิดถึงพระองค์และพระบัญญัตขิ องพระองค์จะช่วยให้มสี ติดขี นึ้ ... ส่วนความผิดที่เกิดจากคนใกล้ชิดนั้น หนทางดีที่สุดคือการให้อภัย


บทอ่านที่ 1 2 ซมอ 18:9-10,14ข,24-25ก,30-19:3 ในครั้งนั้น อับซาโลมทรงมาพบกับทหารรักษาพระองค์ของกษัตริย์ดาวิดโดย บังเอิญ อับซาโลมกำ�ลังทรงล่อลอดใต้กิ่งต้นโอ๊กใหญ่ พระเกศาของอับซาโลมไปติด อยู่กับกิ่งต้นโอ๊กนั้น ล่อที่ทรงอยู่วิ่งเลยไป พระวรกายจึงห้อยอยู่กลางอากาศ ทหาร คนหนึ่งเห็นเข้าก็ไปรายงานโยอาบว่า “ข้าพเจ้าเห็นอับซาโลมห้อยอยู่กับต้นโอ๊ก” โยอาบจึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะไม่เสียเวลากับท่านอีกต่อไป” แล้วนำ�หลาวสามอัน พุ่งเข้าปักอกอับซาโลมซึ่งยังมีชีวิต ห้อยอยู่บนต้นโอ๊ก กษัตริยด์ าวิดกำ�ลังประทับอยูท่ ลี่ านระหว่างประตูเมืองชัน้ ในกับชัน้ นอก ทหารยาม ขึน้ ไปยืนบนกำ�แพงตรงซุม้ ประตูเมือง มองออกไปก็เห็นชายคนหนึง่ กำ�ลังวิง่ มาคนเดียว ทหารยามจึงร้องทูลกษัตริย์ กษัตริย์จึงตรัสว่า “จงไปยืนรอที่นั่นเถิด” อาคิมาอัสก็เดิน ไปยืนรออยู่ตรงนั้น กษัตริยจ์ งึ เสด็จไปประทับอยูท่ ปี่ ระตูเมือง เมือ่ บรรดาทหารรูว้ า่ กษัตริยป์ ระทับอยู่ ที่ประตูเมือง ก็เข้ามาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์โดยพร้อมเพรียงกัน

สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา สดด 24:7-10

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร มก 5:21-43 เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงเรือข้ามฟากอีกครั้งหนึ่ง ประชาชนชุมนุมกันเนืองแน่นรอบพระองค์ขณะที่ยัง ทรงอยูร่ มิ ทะเลสาบ หัวหน้าศาลาธรรมคนหนึง่ ชือ่ ไยรัสเดินมา เมือ่ เห็นพระองค์ เขากราบลงทีพ่ ระบาท พรํา่ วิงวอนว่า “บุตรหญิงเล็กๆ ของข้าพเจ้าจวนจะสิ้นใจอยู่แล้ว เชิญพระองค์เสด็จไปปกพระหัตถ์เหนือเขาเถิด เขาจะได้หายจากโรค กลับมีชีวิต” พระเยซูเจ้าจึงเสด็จไปกับเขา... ขณะนั้น หญิงคนหนึ่งเป็นโรคตกเลือดเรื้อรังมาสิบสองปีแล้ว... นางได้ยินเขาพูดกันถึงเรื่องพระเยซู เจ้า จึงเดินปะปนกับประชาชนเข้ามาเบื้องหลัง และสัมผัสฉลองพระองค์ นางคิดว่า “ถ้าฉันเพียงได้สัมผัส ฉลองพระองค์เท่านั้น ฉันก็จะหายจากโรค” ทันใดนั้น โลหิตก็หยุดไหล นางรู้สึกว่าร่างกายหายจากโรคแล้ว ขณะเดียวกัน พระเยซูเจ้าทรงรู้สึกว่ามีอิทธิฤทธิ์ออกจากพระองค์ไป... พระองค์ทรงหันไปรอบๆ เพื่อทอด พระเนตรผูท้ กี่ ระทำ�เช่นนัน้ หญิงคนนัน้ รูส้ กึ กลัวจนตัวสัน่ เพราะรูด้ วี า่ อะไรได้เกิดขึน้ แก่ตน จึงกราบลงเฉพาะ พระพักตร์และทูลให้ทรงทราบความจริงทุกประการ พระองค์จงึ ตรัสว่า “ลูกเอ๋ย ความเชือ่ ของท่านช่วยท่าน ให้รอดพ้นแล้ว จงไปเป็นสุข หายจากโรคเถิด” ขณะกำ�ลังตรัสอยู่นั้น มีคนมาจากบ้านหัวหน้าศาลาธรรม บอกเขาว่า “บุตรหญิงของท่านตายแล้ว ไป รบกวนพระอาจารย์อีกทำ�ไมเล่า” แต่พระเยซูเจ้าทรงได้ยินเขาพูดดังนั้น จึงตรัสแก่หัวหน้าศาลาธรรม ว่า “อย่ากลัวเลย จงมีความเชื่อไว้เถิด”... เมื่อทุกคนมาถึงบ้านหัวหน้าศาลาธรรม พระเยซูเจ้าทรงเห็น ความวุ่นวาย และเห็นผู้คนรํ่าไห้พิลาปรำ�พันเป็นอันมาก พระองค์เสด็จเข้าไป...ทรงจับมือเด็ก ตรัสว่า “ทาลิธาคูม” แปลว่า “หนูเอ๋ย เราสั่งให้หนูลุกขึ้น” เด็กหญิงนั้นก็ลุกขึ้นทันที และเดินไปมา เด็กนั้นอายุ สิบสองขวบแล้ว... ความทะเยอทะยานของสมาชิกในครอบครัว ทำ�ให้เกิดความขัดแย้ง การสงครามและความ ตาย ดังเช่นครอบครัวของกษัตริย์ดาวิด... ส่วนความรัก ความเมตตาสงสารทำ�ให้เกิดการรักษาโรคและให้ ชีวิตใหม่แก่เด็กน้อยของหัวหน้าศาลาธรรม...ความรักจึงเป็นหัวใจของศาสนา เป็นคำ�สอนของพระเจ้า


บทอ่านที่ 1 2 ซมอ 24:2,9-17 กษัตริย์จึงรับสั่งแก่โยอาบและผู้บังคับบัญชากองทัพซึ่งอยู่กับเขาว่า “จงไปทั่ว อิสราเอลทุกเผ่า ตั้งแต่เมืองดานจนถึงเบเออร์เชบาเพื่อสำ�รวจจำ�นวนประชากร เรา อยากจะรู้ว่ามีคนเท่าไร” โยอาบทูลรายงานกษัตริย์ถึงจำ�นวนประชากร ชายที่ออกศึกได้ในอิสราเอลมี จำ�นวนแปดแสนคน ส่วนในยูดาห์มีห้าแสนคน ระลึกถึง หลังจากสำ�รวจจำ�นวนประชากรแล้ว กษัตริย์ดาวิดทรงรู้สึกผิดจึงทูลองค์พระผู้ น.อากาทา เป็นเจ้าว่า “ข้าพเจ้าทำ�บาปมากทีไ่ ด้ทำ�เช่นนี้ บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ขอพระองค์ พรหมจารี ทรงอภัยความผิดของผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะข้าพเจ้าทำ�ไปโดยโง่เขลา” เช้าวันรุ่ง และมรณสักขี ขึ้น เมื่อกษัตริย์ดาวิดตื่นบรรทมแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้ประกาศกกาด ผู้ สดด 89:3-4,28-29, ทำ�นายของกษัตริย์ดาวิดว่า “จงไปทูลกษัตริย์ดาวิดว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ เรา 30-32,33-35 ให้ท่านเลือกการลงโทษจากสามประการนี้ เราจะทำ�ตามที่ท่านเลือก’” ประกาศกกาด ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 จึงเข้าเฝ้ากษัตริย์ดาวิดทูลตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์จะทรง เลือกอย่างไหน ให้แผ่นดินของพระองค์กันดารอาหารเป็นเวลาสามปี หรือให้พระองค์ต้องทรงหนีศัตรูเป็น เวลาสามเดือน หรือให้เกิดโรคระบาดในแผ่นดินเป็นเวลาสามวัน ขอทรงใคร่ครวญให้ดี แล้วตัดสินพระทัย บอกข้าพเจ้า เพื่อจะนำ�คำ�ตอบไปทูลผู้ทรงส่งข้าพเจ้ามา” กษัตริย์ดาวิดตรัสตอบประกาศกกาดว่า “เรารู้สึก ลำ�บากใจมาก ขอให้องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงลงโทษเราดีกว่าจะให้มนุษย์ลงโทษ เพราะพระเมตตาของพระองค์ นัน้ ยิง่ ใหญ่” ดังนัน้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงบันดาลให้เกิดโรคระบาดขึน้ ในอิสราเอลตัง้ แต่เช้าจนถึงเวลาทีท่ รง กำ�หนด มีผู้คนล้มตาย ตั้งแต่เมืองดานจนถึงเบเออร์เชบาถึงเจ็ดหมื่นคน เมื่อทูตสวรรค์กำ�ลังจะทำ�ลายกรุง เยรูซาเล็ม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ทรงปรารถนาให้ภัยพิบัติลุกลามต่อไป จึงตรัสห้าม ทูตสวรรค์ทกี่ ำ�ลังจะคร่าชีวติ ผูค้ นว่า “พอแล้ว หยุดเถิด” ทูตสวรรค์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้ากำ�ลังยืนอยูท่ ลี่ าน นวดข้าวของอาราวนาห์ชาวเยบุส... พระวรสาร มก 6:1-6 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่นกลับไปยังถิ่นกำ�เนิดของพระองค์ บรรดาศิษย์ติดตามไปด้วย ครัน้ ถึงวันสับบาโตพระองค์ทรงเริ่มสัง่ สอนในศาลาธรรม ผู้ฟังมากมายต่างประหลาดใจ และพูดว่า “เขาเอา เรื่องทั้งหมดนี้มาจากไหน ปรีชาญาณที่เขาได้รับมานี้คืออะไร อะไรคืออัศจรรย์ที่สำ�เร็จด้วยมือของเขา คนนี้ เป็นช่างไม้ ลูกนางมารีย์ เป็นพี่น้องของยากอบ โยเสท ยูดาและซีโมนไม่ใช่หรือ พี่สาวน้องสาวของเขาก็อยู่ ที่นี่กับพวกเรามิใช่หรือ” คนเหล่านั้นรู้สึกสะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์ พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยามนอกจากในถิ่นกำ�เนิด ท่ามกลางวงศ์ญาติ และในบ้านของตน” พระองค์ ทรงทำ�อัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้ นอกจากทรงปกพระหัตถ์รักษาผู้เจ็บป่วยบางคนให้หายจากโรคภัย พระองค์ทรง แปลกพระทัยที่เขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ พระองค์เสด็จไปทรงสั่งสอนตามหมู่บ้านต่างๆ ในบริเวณนั้น ปลายรัชกาลกษัตริย์ดาวิด เขาภาคภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของตน สั่งให้นับจำ�นวนประชากร ว่ามีเท่าไหร่ พฤติกรรมเช่นนี้ขัดแย้งกับแนวทางพระวรสารที่สอนว่า ผู้ต้องการติดตามพระเจ้าต้องเสียสละ ตนเอง ผู้ยอมเสียชีวิตจึงจะได้ชีวิตนั้น หมายความว่า...ผู้ยิ่งใหญ่ตามสายพระเนตรพระเจ้าคือ ไม่แสวงหา ความมั่นคงให้กับตนเอง แต่ให้ถวายชีวิต อนาคตทั้งหมดแด่พระผู้เป็นเจ้า


บทอ่านที่ 1 1 พกษ 2:1-4,10-12 เมื่ อ กษั ต ริ ย์ ด าวิ ด ทรงตระหนั ก ว่ า ใกล้ จ ะสิ้ น พระชนม์ จึ ง ทรงเรี ย กกษั ต ริ ย์ ซาโลมอนพระโอรสและทรงสั่งว่า “พ่อกำ�ลังจะตายในไม่ช้า ลูกจงเข้มแข็งอย่างลูก ผู้ชายเถิด จงปฏิบัติตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของลูก จงเดินตาม หนทางของพระองค์ ปฏิบัติตามข้อกำ�หนด บทบัญญัติ พระวินิจฉัยและกฤษฎีกาของ พระองค์ ดังที่เขียนไว้ในธรรมบัญญัติของโมเสส แล้วลูกจะประสบความสำ�เร็จ ไม่ว่า ลูกจะทำ�สิง่ ใดและจะไปทีไ่ หน เพือ่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะทรงบันดาลให้พระสัญญาทีต่ รัส ไว้กับพ่อเป็นความจริง คือพระสัญญาที่ว่า ‘ถ้าบุตรหลานของท่านประพฤติตนตาม ทำ�นองคลองธรรม ดำ�เนินชีวิตต่อหน้าเราด้วยความซื่อสัตย์สุดจิตสุดใจ เชื้อสายคน หนึ่งของท่านจะนั่งบัลลังก์ของอิสราเอลตลอดไป’” กษัตริย์ดาวิดเสด็จสวรรคตไปอยู่กับบรรพบุรุษ ทรงถูกฝังไว้ในนครของกษัตริย์ ดาวิด พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลเป็นเวลาสี่สิบปี ทรงปกครองที่เมือง เฮโบรนเจ็ดปี และที่กรุงเยรูซาเล็มสามสิบสามปี กษัตริยซ์ าโลมอนทรงสืบราชสมบัตติ อ่ จากกษัตริยด์ าวิดพระบิดา ราชบัลลังก์ของ พระองค์ตั้งอยู่อย่างมั่นคง พระวรสาร มก 6:7-13 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามาพบ และทรงเริ่มส่งเขา เป็นคู่ๆ ประทานอำ�นาจเหนือปีศาจ ทรงกำ�ชับเขามิให้นำ�สิ่งใดไปด้วย นอกจากไม้เท้า เท่านั้น ไม่ให้มีอาหาร ไม่ให้มีย่าม ไม่ให้มีเศษเงินใส่ไถ้ ให้สวมรองเท้าได้ แต่ไม่ให้เอา เสือ้ สำ�รองไปด้วย พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ถ้าท่านเข้าไปในบ้านใด จงพักอยูท่ นี่ นั่ จนกว่า จะออกเดินทางต่อไป ถ้าที่ใดไม่ต้อนรับท่าน หรือไม่ฟังท่าน จงออกจากที่นั่น พลาง สลัดฝุน่ จากเท้าไว้เป็นพยานปรักปรำ�เขา” บรรดาอัครสาวกจึงไปเทศน์สอนคนทัง้ หลาย ให้กลับใจ ขับไล่ปีศาจจำ�นวนมาก เจิมนํ้ามันผู้เจ็บป่วยหลายคน และรักษาเขาให้หาย จากโรคภัย พินัยกรรมสำ�คัญของดาวิดที่ดีสำ�หรับทุกคน...ลูกจงเข้มแข็งอย่างลูก ผู้ชาย จงปฏิบัติตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของลูก จงเดินตามหนทางของ พระองค์ ปฏิบัติตามข้อกำ�หนด บทบัญญัติ พระวินิจฉัยและกฤษฎีกาของพระองค์ ดัง ที่เขียนไว้ในธรรมบัญญัติของโมเสส แล้วลูกจะประสบความสำ�เร็จ ไม่ว่าลูกจะทำ�สิ่งใด และจะไปที่ไหน

ระลึกถึง น.เปาโล มีกิ พระสงฆ์ และเพื่อนมรณสักขี สดด 132:1-2,3-5, 12,13-14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4


สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา สดด 51:1-2,3-5, 8-10

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 วันศุกร์ต้นเดือน

บทอ่านที่ 1 บสร 47:2-11 เมื่อถวายศานติบูชา ไขมันย่อมถูกแยกออกมาฉันใด ดาวิดก็ได้รับเลือกสรรออก มาจากชาวอิสราเอลทั้งปวงฉันนั้น เขาเคยเล่นกับสิงโตเหมือนเล่นกับลูกแพะ เล่นกับ หมีเหมือนเล่นกับลูกแกะ เมือ่ เป็นหนุม่ เขาได้ฆา่ ยักษ์มใิ ช่หรือ เขาลบล้างความอับอาย ของประชากร ใช้สลิงขว้างก้อนหิน ทำ�ให้โกลิอทั ผูโ้ อหังต้องล้มควํา่ ลง เขาร้องทูลองค์ พระผู้เป็นเจ้าผู้สูงสุด พระองค์จึงประทานกำ�ลังแก่มือขวาของเขา เพื่อทำ�ลายนักรบที่ แกร่งกล้า และยกอำ�นาจประชากรของตนขึ้นมาอีก ดังนั้น ประชาชนจึงให้เกียรติเขา ว่าได้ฆ่าคนเป็นหมื่น สรรเสริญเขา ถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และนำ�มงกุฎ รุ่งโรจน์มาถวายให้เป็นกษัตริย์ พระองค์จึงทรงปราบศัตรูโดยรอบ ทรงทำ�ลายล้างชาว ฟีลิสเตียที่เป็นศัตรู ทรงโค่นอำ�นาจของเขาจนถึงทุกวันนี้ ในพระราชกิจทุกอย่าง พระองค์ทรงถวายพระพรแด่พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์และสูงสุดด้วยถ้อยคำ�สรรเสริญ พระเจ้า...

พระวรสาร มก 6:14-29 เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า เพราะพระนามของพระเยซูเจ้าเลื่องลือ ไป บางคนพูดว่า “ยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างได้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายแล้ว ดังนั้นเขาจึงมีอำ�นาจทำ�อัศจรรย์ ได้” บางคนพูดว่า “เขาคือเอลียาห์” บางคนก็พดู ว่า “เขาเป็นประกาศกคนหนึง่ เหมือนกับประกาศกคนอืน่ ” แต่เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเช่นนี้ ก็ตรัสว่า “ยอห์นคนที่เราให้ตัดศีรษะ ได้กลับคืนชีพมาอีก” กษัตริยเ์ ฮโรดองค์นเี้ คยทรงสัง่ ให้จบั กุมยอห์น และล่ามโซ่ขงั คุกไว้ เพราะเรือ่ งของนางเฮโรเดียสภรรยา ของฟีลปิ พระอนุชา ซึง่ กษัตริยเ์ ฮโรดทรงรับมาเป็นมเหสี ยอห์นเคยทูลกษัตริยเ์ ฮโรดว่า “ไม่ถกู ต้องทีพ่ ระองค์ ทรงรับภรรยาของน้องชายมาเป็นมเหสี” นางเฮโรเดียสจึงโกรธแค้นและปรารถนาจะฆ่ายอห์นเสีย แต่ฆา่ ไม่ ได้ เพราะกษัตริย์เฮโรดยังทรงเกรงยอห์นอยู่... นางเฮโรเดียสได้โอกาสเมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงจัดให้มีงานเลี้ยงขุนนางกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่และคน สำ�คัญในแคว้นกาลิลใี นวันคล้ายวันประสูตขิ องพระองค์ บุตรหญิงของนางเฮโรเดียสออกมาเต้นรำ�เป็นทีพ่ อ พระทัยของกษัตริยเ์ ฮโรด และเป็นทีพ่ อใจของผูร้ บั เชิญ กษัตริยจ์ งึ ตรัสกับหญิงคนนัน้ ว่า “ท่านอยากได้อะไร ก็ขอมาเถิด เราจะให้” และยังทรงสาบานอีกว่า “ท่านขออะไรเราก็จะให้ แม้จะเป็นครึ่งหนึ่งของอาณาจักร ของเราก็ตาม” หญิงสาวจึงออกไปถามมารดาว่า “ลูกจะขออะไรดี” มารดาตอบว่า “จงขอศีรษะของยอห์น ผู้ทำ�พิธีล้าง” หญิงสาวจึงรีบกลับมาทูลกษัตริย์ทันทีว่า “หม่อมฉันขอศีรษะของยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างใส่ถาดมา ให้เดี๋ยวนี้” กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แต่เพราะได้ทรงสาบานไว้ และเพราะทรงเห็นแก่ผู้รับเชิญ ไม่ทรง ปรารถนาจะขัดใจหญิงสาว จึงทรงสั่งเพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นมาทันที เพชฌฆาตไปตัดศีรษะของ ยอห์นในคุก ใส่ถาดนำ�มาให้หญิงสาว หญิงสาวจึงนำ�ไปให้มารดา เมื่อบรรดาศิษย์ของยอห์นรู้เรื่อง จึงมารับ ศพของยอห์น นำ�ไปฝังไว้ในคูหา บุคคลทีพ่ ระคัมภีรย์ กย่อง กษัตริยด์ าวิดได้รบั การเลือกสรรจากองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เขามีชยั ชนะ ต่อชายร่างยักษ์ที่หยิ่งยโสโดยสวดอ้อนวอนพระเจ้า ทุกสิ่งที่เขามีล้วนได้รับมาจากพระผู้สูงสุด... เขาจึงจัด พิธขี อบคุณพระเจ้าอย่างสง่างาม ด้วยเสียงดนตรีและเพลงขับร้อง ทำ�ให้วนั สมโภชประจำ�ปียงิ่ ใหญ่ทสี่ ดุ เพือ่ สรรเสริญพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า


บทอ่านที่ 1 1 พกษ 3:4-13 ครั้งหนึ่ง กษัตริย์ซาโลมอนเสด็จไปที่เมืองกิเบโอนเพื่อถวายเครื่องบูชา เพราะที่ นั่นมีสักการสถานสำ�คัญมาก กษัตริย์ซาโลมอนทรงเผาสัตว์หนึ่งพันตัวเป็นเครื่องบูชา บนพระแท่น คืนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำ�แดงพระองค์แก่กษัตริย์ซาโลมอนใน พระสุบินที่เมืองกิเบโอน พระเจ้าตรัสว่า “จงขอสิ่งที่ท่านอยากให้เราประทานแก่ท่าน” กษัตริย์ซาโลมอนทูลตอบว่า “พระองค์ทรงสำ�แดงความรักมั่นคงยิ่งใหญ่ต่อดาวิด พระบิดาข้ารับใช้พระองค์ เพราะพระบิดาทรงดำ�เนินชีวติ เฉพาะพระพักตร์พระองค์ดว้ ย ความซื่อสัตย์ ความชอบธรรมและด้วยใจซื่อตรง พระองค์ยังทรงรักษาความรักมั่นคง ยิ่งใหญ่นี้ต่อพระบิดาโดยประทานให้บุตรคนหนึ่งได้สืบพระบัลลังก์ ดังที่เป็นอยู่ใน วันนี้ บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ทรงตั้งข้าพเจ้าขึ้นเป็น กษัตริยส์ บื ต่อจากดาวิดพระบิดา แต่ขา้ พเจ้ายังเป็นเด็ก ไม่รวู้ า่ จะต้องปฏิบตั ติ นอย่างไร ผูร้ บั ใช้ของพระองค์ตอ้ งปกครองประชากรทีท่ รงเลือกสรร ซึง่ เป็นประชากรจำ�นวนมาก จนนับไม่ถ้วน ขอประทานความเข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะได้ปกครอง ประชากรของพระองค์อย่างยุติธรรม และรู้จักวินิจฉัยแยกความดีจากความชั่ว ถ้า พระองค์ไม่ประทาน ใครเล่าจะปกครองประชากรจำ�นวนมากเช่นนี้ของพระองค์ได้” องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยที่กษัตริย์ซาโลมอนทูลขอเช่นนี้ พระเจ้าจึงตรัสตอบ ว่า “เพราะท่านได้วอนขอเช่นนี้ แทนที่จะวอนขอชีวิตยืนยาว หรือความมั่งคั่ง หรือขอ ให้เราทำ�ลายชีวติ ของศัตรู แต่ได้ขอความเข้าใจเพือ่ จะตัดสินอย่างถูกต้อง เราจะทำ�ตาม ที่ท่านขอ เราจะให้ความเข้าใจและปรีชาญาณในการตัดสินอย่างที่ผู้ใดไม่เคยมีมาก่อน หรือจะมีในภายหลัง สิ่งที่ท่านไม่ได้ขอ เราก็จะให้ด้วย คือความมั่งคั่งและเกียรติยศ อย่างที่ไม่มีกษัตริย์องค์ใดเคยมี”

น.เยโรม เอมีลีอานี พระสงฆ์ น.โยเซฟิน บาคีตา พรหมจารี สดด 51:11-13, 14-15,16-17

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 วันมาฆบูชา

พระวรสาร มก 6:30-34 เวลานั้น บรรดาอัครสาวกกลับมาเฝ้าพระเยซูเจ้าและทูลรายงานให้ทรงทราบถึงทุกสิ่งที่เขาได้ทำ�และ ได้สอน พระองค์จงึ ตรัสกับเขาว่า “ท่านทัง้ หลายจงมาพักผ่อนกับเราตามลำ�พังในทีส่ งัดระยะหนึง่ เถิด” เพราะ มีคนไปมาจนเขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะกินอาหาร พระเยซูเจ้าจึงทรงลงเรือไปยังที่สงัดพร้อมกับบรรดา อัครสาวก ประชาชนหลายคนเห็นพระเยซูเจ้ากับบรรดาอัครสาวกแล่นเรือออกไป ก็คาดคะเนได้วา่ พระองค์ จะทรงไปที่ใด จึงรีบเดินเท้าออกจากเมืองต่างๆ ไปที่นั่นและไปถึงก่อน เมื่อเสด็จขึ้นจากเรือ ทรงแลเห็น ประชาชนจำ�นวนมากก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้นเป็นดังฝูงแกะไม่มีคนเลี้ยง พระองค์จึงทรงเริ่มสั่งสอน เขาหลายเรื่อง บทภาวนาทีพ่ ระเป็นเจ้าทรงพอพระทัย “ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ไม่รวู้ า่ จะต้องปฏิบตั ติ นอย่างไร ขอประทานความเข้าใจแก่ผรู้ บั ใช้ของพระองค์ เพือ่ จะได้ปกครองประชากรของพระองค์อย่างยุตธิ รรม และ รูจ้ กั วินจิ ฉัยแยกความดีจากความชัว่ ถ้าพระองค์ไม่ประทาน ใครเล่าจะปกครองประชากรจำ�นวนมากเช่นนี้ ของพระองค์ได้”


สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 58:7-10 พระเจ้าตรัสดังนี้วา่ “จงแบ่งปันอาหารกับผู้หิวโหย นำ�คนยากจนไร้ทอี่ ยู่อาศัยเข้า มาในบ้าน ให้เสื้อผ้าแก่ผู้ที่ท่านเห็นว่าไม่มีเสื้อผ้าสวม และไม่หันหน้าหนีจากญาติ พี่น้อง แล้วความสว่างของท่านจะขึ้นมาเหมือนรุ่งอรุณ แผลของท่านจะหายอย่าง รวดเร็ว ความชอบธรรมจะเดินนำ�หน้าท่าน และพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จะเดินตามท่าน ท่านจะทูลขอ และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงตอบ ท่านจะร้องขอความ ช่วยเหลือ และพระองค์จะตรัสว่า “เราอยู่ที่นี่” ถ้าท่านจะเลิกข่มเหงผู้อื่น เลิกชี้หน้า กล่าวหาและพูดร้ายต่อเขา ถ้าท่านแบ่งอาหารให้แก่คนหิว และตอบสนองความต้องการ ของผูม้ ที กุ ข์ ความสว่างของท่านจะปรากฏขึน้ ในความมืด และความมืดของท่านจะเป็น เหมือนเวลาเที่ยงวัน” เพลงสดุดี สดด 112:4-5,6-7,8-9 ก) พระเจ้าทรงส่องแสงในความมืดสำ�หรับผู้ชอบธรรม พระองค์โปรดปราน ทรงเมตตากรุณา และทรงเที่ยงธรรม ผู้ที่มีใจเอื้อเฟื้อและให้ยืมย่อมอยู่เป็นสุข เขาดำ�เนินกิจการอย่างยุติธรรม ข) เขาจะไม่มีวันสั่นคลอนตลอดไป ผู้คนจะระลึกถึงผู้ชอบธรรมอยู่เสมอ เขาจะไม่หวาดหวั่นต่อข่าวร้าย จิตใจของเขามั่นคง เขาวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า ค) ใจของเขาหนักแน่น ไม่มีความกลัวใดๆ จนกว่าจะได้มองศัตรูอย่างสาแก่ใจ เขาให้แก่คนยากจนอย่างใจกว้าง ความชอบธรรมของเขาจะดำ�รงอยู่เป็นนิตย์ เขาจะมีอำ�นาจและมีเกียรติยศ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 2:1-5 พี่น้องทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ามาพบท่าน ข้าพเจ้ามิได้มาประกาศธรรมลํ้าลึกเรื่อง พระเจ้าโดยใช้สำ�นวนโวหาร หรือโดยใช้หลักเหตุผลอันฉลาดปราดเปรือ่ ง ข้าพเจ้าตัดสิน ใจว่าจะไม่สอนเรือ่ งใดแก่ทา่ นนอกจากเรือ่ งพระเยซูคริสตเจ้า คือพระองค์ผทู้ รงถูกตรึง กางเขน ข้าพเจ้ายังอยู่กับท่านด้วยความอ่อนแอ มีความกลัวและหวาดหวั่นมาก วาจา และคำ�เทศน์ของข้าพเจ้ามิใช่คำ�พูดชวนเชื่ออย่างชาญฉลาด แต่เป็นถ้อยคำ�แสดงพระ อานุภาพของพระจิตเจ้า เพื่อมิให้ความเชื่อของท่านเป็นผลจากปรีชาญาณของมนุษย์ แต่เป็นผลจากพระอานุภาพของพระเจ้า


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 5:13-16 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่า “ท่านทั้งหลายเป็นเกลือดองแผ่นดิน ถ้าเกลือจืดไป แล้ว จะเอาอะไรมาทำ�ให้เค็มอีกเล่า เกลือนั้นย่อมไม่มี ประโยชน์อะไร นอกจากจะถูกทิ้งให้คนเหยียบยํ่า ท่านทั้งหลายเป็นแสงสว่างส่องโลก เมืองที่ตั้งอยู่บน ภูเขาจะไม่ถูกปิดบัง ไม่มีใครจุดตะเกียงแล้วเอามาวางไว้ใต้ ถัง แต่ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนใน บ้าน ในทำ�นองเดียวกัน แสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อ หน้ามนุษย์ เพือ่ คนทัง้ หลายจะได้เห็นกิจการดีของท่าน และ สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์” คำ�ว่าเกลือและแสงสว่าง ต้องเข้าใจตามบทเทศน์บนภูเขา ที่พระองค์สอนเรื่องบุญลาภ 8 ประการว่าด้วยเรือ่ งความยากจน ความทุกข์ ความสุภาพถ่อมตน ความมีเมตตา ฯลฯ ผูท้ ปี่ ระพฤติเช่นนี้ เขา จะเป็นเหมือนเกลือรักษาสังคมให้สดใหม่เสมอ หรือเหมือนแสงสว่างที่ชี้ทางเดินให้คนก้าวไปข้างหน้าอย่าง ปลอดภัย


ระลึกถึง น.สกอลัสติกา พรหมจารี สดด 132:6-7,8-9,10

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 1 พกษ 8:1-7,9-13 บรรดาผูอ้ าวุโส หัวหน้าเผ่าและผูน้ ำ�ครอบครัวสำ�คัญๆ ของชาวอิสราเอลมาชุมนุม กันเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์ซาโลมอนที่กรุงเยรูซาเล็มตามรับสั่ง เพื่ออัญเชิญหีบ พันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าขึ้นมาจากศิโยน นครของกษัตริย์ดาวิด ชายชาว อิสราเอลทุกคนมาชุมนุมเฉพาะพระพักตร์กษัตริยซ์ าโลมอนในงานฉลองเดือนเอธานิม คือเดือนเจ็ด เมือ่ ผูอ้ าวุโสทุกคนของอิสราเอลมาถึง บรรดาสมณะก็ยกหีบขึน้ อัญเชิญ หีบขององค์พระผู้เป็นเจ้าและกระโจมนัดพบ พร้อมกับเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดซึ่ง อยู่ในกระโจม ชาวเลวีช่วยบรรดาสมณะในงานนี้ กษัตริย์ซาโลมอนพร้อมกับชาวอิสราเอลทั้งหลายที่มาชุมนุมกับพระองค์ต่อหน้า หีบพันธสัญญา ทรงถวายแกะและโคจำ�นวนมากจนนับไม่ถ้วนเป็นเครื่องบูชา บรรดา สมณะอัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าไปประดิษฐานไว้ใต้ปกี ของเครูบใน ที่เฉพาะ คือพระวิหารชั้นในสุดที่เรียกว่า “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด” เครูบกางปีกเหนือ ที่ตั้งของหีบ คลุมหีบและคานหามจากเบื้องบน ในหีบพันธสัญญามีเพียงศิลาสองแผ่น ซึง่ โมเสสวางไว้ตงั้ แต่เมือ่ อยูท่ ภี่ เู ขาโฮเรบ คือแผ่นศิลาจารึกพันธสัญญา ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำ�กับชาวอิสราเอล เมื่อ เขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ เมื่อสมณะออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีเมฆเต็มพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนบรรดาสมณะประกอบพิธีกรรมต่อไปไม่ได้เนื่องจากเมฆ เพราะพระสิริรุ่งโรจน์ของ องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เต็มพระวิหาร แล้วกษัตริยซ์ าโลมอนทูลองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระองค์ พอพระทัยประทับในเมฆมืดทึบ ข้าพเจ้าสร้างพระวิหารสง่างามถวายพระองค์ เป็นที่ พำ�นักถาวรสำ�หรับพระองค์” พระวรสาร มก 6:53-56 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงข้ามฟากพร้อมกับบรรดาศิษย์ มาจอดเรือขึ้นฝั่งที่เมือง เยนเนซาเร็ธ เมื่อเสด็จขึ้นจากเรือประชาชนก็จำ�พระองค์ได้ทันที และคนในบริเวณนั้น ต่างรีบมาหา นำ�ผูเ้ จ็บป่วยนอนบนแคร่มาเฝ้าพระองค์ ณ สถานทีท่ เี่ ขาได้ยนิ ว่าพระองค์ ประทับอยู่ ไม่ว่าพระองค์เสด็จไปที่ใด ในหมู่บ้าน ในเมืองหรือในชนบท เขาก็นำ�ผู้เจ็บ ป่วยมาวางตามลานสาธารณะ ทูลขอพระองค์ให้เขาสัมผัสเพียงชายฉลองพระองค์ เท่านั้น และทุกคนที่สัมผัสแล้วก็หายจากโรคภัย

หีบพันธสัญญา ในนั้นบรรจุแผ่นหินจารึกบัญญัติ 10 ประการ บัญญัตินี้คือพระประสงค์ของ องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่ปรารถนาจะถวายเกียรติแด่พระองค์ให้ปฏิบัติพระบัญญัตินี้ หลีกหนีความชั่วและ พระเจ้าจะสถิตกับเขา... พระเยซูเจ้าทรงประทานพระบัญญัติใหม่คือ พระบัญญัติแห่งรักและรับใช้ ดังนั้น ตลอดชีวิตของพระองค์ พระองค์จึงเทศน์สอนเรื่องนี้ ด้วยการปฏิบัติให้ทุกคนได้เห็นและเข้าใจ


บทอ่านที่ 1 1 พกษ 8:22-23,27-30 กษัตริยซ์ าโลมอนทรงยืนอยูห่ น้าพระแท่นบูชาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ต่อหน้าชาว อิสราเอลทุกคนที่มาชุมนุมกัน ทรงชูพระกรขึ้นสู่สวรรค์ อธิษฐานว่า “ข้าแต่องค์พระผู้ เป็นเจ้าพระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าอื่นใดเหมือนพระองค์ทั้งในสวรรค์เบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง พระองค์ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคงต่อผู้รับใช้ ของพระองค์ ที่ดำ�เนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์อย่างสุดจิตสุดใจ... แม่พระประจักษ์ แต่พระเจ้าทรงพำ�นักบนแผ่นดินได้จริงหรือ แม้สวรรค์ช้ันสูงสุดและจักรวาล ที่เมืองลูร์ด ทั้งหลายยังไม่อาจรองรับพระองค์ได้ แล้วพระวิหารที่ข้าพเจ้าได้สร้างนี้จะรองรับ สดด 84:1-2,3-4, พระองค์ได้อย่างไร ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดทรงรับคำ�ภาวนา 8-10 และคำ�วอนขอของผู้รับใช้ของพระองค์ โปรดทรงฟังเสียงร้องและคำ�อธิษฐานภาวนา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ซึง่ ผูร้ บั ใช้ของพระองค์กราบทูลเฉพาะพระพักตร์ในวันนีเ้ ถิด ขอพระองค์ทอดพระเนตร วันผู้ป่วยโลก ดูแลพระวิหารนี้ทั้งกลางวันและกลางคืน พระองค์ตรัสถึงพระวิหารนี้ว่า ‘นามของเรา จะอยู่ที่นั่น’ โปรดทรงฟังคำ�อธิษฐานภาวนาที่ผู้รับใช้ของพระองค์กราบทูลในสถานที่แห่งนี้ด้วยเถิด โปรด ทรงฟังคำ�วอนขอของผูร้ บั ใช้และของอิสราเอลประชากรของพระองค์ เมือ่ เขาอธิษฐานในสถานทีแ่ ห่งนี้ โปรด ทรงฟังจากสวรรค์ที่พำ�นักของพระองค์ โปรดทรงฟังและประทานอภัยด้วยเถิด” พระวรสาร มก 7:1-13 เวลานั้น ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์บางคนจากกรุงเยรูซาเล็มมาเฝ้าพระองค์พร้อมกัน เขาสังเกตว่า ศิษย์บางคนของพระองค์กนิ อาหารด้วยมือทีไ่ ม่สะอาด คือไม่ได้ลา้ งมือก่อน เพราะชาวฟาริสแี ละชาวยิวโดย ทัว่ ไปย่อมถือขนบธรรมเนียมของบรรพบุรษุ เขาไม่กนิ อาหารโดยมิได้ลา้ งมือตามพิธกี อ่ น เมือ่ กลับจากตลาด เขาจะไม่กินอาหารเว้นแต่จะได้ทำ�พิธีชำ�ระร่างกายก่อน เขายังถือขนบธรรมเนียมอื่นๆ อีกมาก เช่น การล้าง ถ้วย จานชามและภาชนะทองเหลือง ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์จึงทูลถามพระองค์ว่า “ทำ�ไมศิษย์ของท่าน ไม่ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ และทำ�ไมเขาจึงกินอาหารด้วยมือที่ไม่สะอาด” พระองค์ตรัส ตอบว่า “ประกาศกอิสยาห์ได้พดู อย่างถูกต้องถึงท่าน คนหน้าซือ่ ใจคด ดังทีเ่ ขียนไว้ในพระคัมภีรว์ า่ ประชาชน เหล่านี้ให้เกียรติเราแต่ปาก แต่ใจของเขาอยู่ห่างไกลจากเรา เขานมัสการเราอย่างไร้ความหมาย เขาสั่งสอน บั ญ ญั ติ ข องมนุ ษ ย์ เหมื อ นกั บ เป็ น สั จ ธรรม ท่ า นทั้ ง หลายละเลยบทบั ญ ญั ติ ข องพระเจ้ า กลั บ ไปถื อ ขนบธรรมเนียมของมนุษย์” แล้วพระองค์ทรงเสริมว่า “ท่านช่างชำ�นาญในการละเลยบทบัญญัตขิ องพระเจ้า เพื่อถือขนบธรรมเนียมของท่านเองเสียจริงๆ เช่นโมเสสกล่าวว่า จงนับถือบิดามารดา และใครด่าบิดาหรือ มารดา จะต้องรับโทษถึงตาย แต่ท่านกลับสอนว่า ‘ถ้าใครคนหนึ่งพูดกับบิดาหรือมารดาว่า ทรัพย์สินที่ลูก นำ�มาช่วยเหลือพ่อแม่ได้นนั้ เป็นคอร์บนั คือของถวายแด่พระเจ้า’ ท่านก็อนุญาตให้เขาไม่ตอ้ งช่วยเหลือบิดา มารดาอีกต่อไป ท่านใช้ขนบธรรมเนียมที่ท่านสอนต่อๆ กันมาทำ�ให้พระวาจาของพระเจ้าเป็นโมฆะ ท่านยัง ปฏิบัติเช่นนี้อีกมากมาย” พระวิหาร แม้พระผู้เป็นเจ้าจะยิ่งใหญ่และพระอานุภาพของพระองค์แผ่ไพศาลทั่วจักรวาล แต่มนุษย์ก็สร้างวัด วิหาร อันเป็นที่นัดพบกับพระองค์ พระเยซูเจ้าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าที่จับต้องได้ ทุกวัน นีเ้ ราสัมผัสพระองค์ทางพิธมี สิ ซาและอ่านพระวาจาในพระคัมภีร์ ทำ�ให้จติ ใจของเราเร่าร้อนขึน้ อยากดำ�เนิน ชีวิตอย่างพระองค์ “กายของเรามอบแด่ท่าน เลือดเนื้อของเราหลั่งออกเพื่อยกบาปท่าน”


บทอ่านที่ 1 1 พกษ 10:1-10 ในครั้งนั้น พระราชินีแห่งเชบาทรงได้ยินกิตติศัพท์ของกษัตริย์ซาโลมอน จึงเสด็จ มาทดสอบพระองค์ด้วยปริศนายากๆ พระนางเสด็จมาถึงกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับ ข้าราชบริพารจำ�นวนมาก มีฝงู อูฐบรรทุกเครือ่ งเทศ ทองคำ�และเพชรพลอยจำ�นวนมาก เมื่อทรงพบกษัตริย์ซาโลมอน พระนางทรงทูลถามปริศนาซึ่งอยู่ในพระทัย กษัตริย์ ซาโลมอนทรงตอบคำ�ถามทุกข้อของพระนาง ไม่มีคำ�ถามใดที่ไม่ทรงทราบและทรง สัปดาห์ที่ 5 อธิบายไม่ได้ เมือ่ พระราชินแี ห่งเชบาทรงเห็นพระปรีชาญาณของกษัตริยซ์ าโลมอน ทรง เทศกาลธรรมดา เห็นพระราชวังที่ทรงสร้าง พระกระยาหารที่โต๊ะเสวย ที่พักของบรรดาข้าราชบริพาร การจัดระเบียบและเครื่องแต่งกายของข้าราชการ บรรดามหาดเล็กและเครื่องเผาบูชา สดด 37:5-6,30-31, ที่ทรงถวายในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระนางทรงประหลาดพระทัยอย่างยิ่ง 37-40 ทูลกษัตริย์ว่า “ที่หม่อมฉันได้ยินในแผ่นดินของหม่อมฉันถึงเรื่องพระองค์ และพระ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ปรีชาญาณของพระองค์นนั้ ก็เป็นความจริง หม่อมฉันไม่เชือ่ จนกระทัง่ ได้มาเห็นด้วยตา ตนเอง ทีไ่ ด้ยนิ มานัน้ ก็ไม่ได้ครึง่ หนึง่ ของทีเ่ ห็นนี้ พระปรีชาญาณและความมัง่ คัง่ ของพระองค์นนั้ มากยิง่ กว่า ที่เขาเล่าลือกันอีก บรรดามเหสีของพระองค์ช่างมีความสุขเหลือเกิน บรรดาข้าราชบริพารที่อยู่เฉพาะ พระพักตร์และฟังพระดำ�รัสที่ชาญฉลาดของพระองค์อยู่เสมอ ช่างมีความสุขจริงๆ ขอถวายพระพรแด่องค์ พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของพระองค์ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าโปรดปรานพระองค์ ทรงแต่งตัง้ ให้เป็นกษัตริยป์ กครอง อิสราเอล องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักอิสราเอลตลอดไป จึงทรงแต่งตั้งพระองค์เพื่อทรงปกครองด้วยพระ วินจิ ฉัยและด้วยความเทีย่ งธรรม” พระราชินแี ห่งเชบาทรงถวายทองคำ�หนักมากกว่าสีต่ นั กับเครือ่ งเทศและ เพชรพลอยจำ�นวนมากแด่กษัตริย์ซาโลมอน ไม่เคยมีใครนำ�เครื่องเทศจำ�นวนมากเท่าที่พระราชินีแห่งเชบา ทรงถวายแด่กษัตริย์ซาโลมอน พระวรสาร มก 7:14-23 เวลานั้น พระองค์ทรงเรียกประชาชนเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ตรัสว่า “ทุกคนจงฟังและเข้าใจเถิด ไม่มีสิ่งใด เลยจากภายนอกของมนุษย์ทำ�ให้เขามีมลทินได้ แต่สิ่งที่ออกมาจากภายในของมนุษย์นั้นแหละทำ�ให้เขามี มลทิน ใครมีหูสำ�หรับฟัง ก็จงฟังเถิด” เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้าน ห่างจากประชาชน บรรดาศิษย์จึงทูลถามพระองค์ถึงข้อความที่เป็น ปริศนานั้น พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ท่านก็ไม่มีปัญญาด้วยหรือ ท่านไม่เข้าใจหรือว่าสิ่งต่างๆ จากภายนอก ที่เข้าไปในมนุษย์นั้นทำ�ให้เขามีมลทินไม่ได้ เพราะมันไม่ได้เข้าไปในใจ แต่ลงไปในท้อง แล้วออกไปจาก ร่างกาย” ดังนี้ ทรงประกาศว่าอาหารทุกชนิดไม่เป็นมลทิน พระองค์ยังตรัสอีกว่า “สิ่งที่ออกจากภายใน มนุษย์นั้นแหละทำ�ให้เขามีมลทิน จากภายในคือจากใจมนุษย์นั้นเป็นที่มาของความคิดชั่วร้าย การประพฤติ ผิดทางเพศ การลักขโมย การฆ่าคน การมีชู้ ความโลภ การทำ�ร้าย การฉ้อโกง การสำ�ส่อน ความอิจฉา การ ใส่ร้าย ความหยิ่งยโส ความโง่เขลา สิ่งชั่วร้ายทั้งหมดนี้ออกมาจากภายใน และทำ�ให้มนุษย์มีมลทิน” สมัยกษัตริยซ์ าโลมอน ประชาชนแสวงหาปรีชาญาณจากภูมปิ ญ ั ญาของท่าน สมัยนีค้ นสนใจ ความรูข้ อ้ มูลข่าวสาร โดยมีเครือ่ งมือสือ่ สารเป็นตัวกระจายเผยแพร่ขอ้ มูล พระเยซูเจ้าทรงประทานคำ�สอน ด้านศีลธรรม ช่วยหลอมรวมจิตใจคนให้รจู้ กั รักและให้อภัยกัน ให้อดทนกันและกัน เนือ่ งจากพระเจ้าประทาน พระพรที่หลากหลายแตกต่างกัน ให้ช่วยกันสร้างความเป็นหนึ่งเดียวที่หลากหลาย


บทอ่านที่ 1 1 พกษ 11:4-13 เมื่อกษัตริย์ซาโลมอนทรงพระชราแล้ว หญิงเหล่านี้ทำ�ให้พระทัยของพระองค์ หันเหไปนมัสการเทพเจ้าของชนต่างชาติ พระทัยของพระองค์ไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์ พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของพระองค์ ต่างจากพระทัยของกษัตริย์ดาวิดพระบิดา กษัตริย์ ซาโลมอนนมัสการเทพีอาเชราห์ของชาวไซดอน และเทพเจ้ามิลโคมทีน่ า่ สะอิดสะเอียน ของชาวอัมโมน กษัตริยซ์ าโลมอนทรงกระทำ�สิง่ ชัว่ ร้ายเฉพาะพระพักตร์องค์พระผูเ้ ป็น เจ้า ไม่ซอื่ สัตย์ตอ่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าอย่างเต็มที่ ต่างจากกษัตริยด์ าวิดพระบิดา บนภูเขา ทางตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็ม กษัตริยซ์ าโลมอนทรงสร้างสักการสถานบนทีส่ งู ถวาย แด่เทพเจ้าเคโมชทีน่ า่ สะอิดสะเอียนของชาวโมอับ และทรงสร้างสักการสถานถวายแด่ เทพเจ้ามิลโคมที่น่าสะอิดสะเอียนของชาวอัมโมน พระองค์ยังทรงสร้างสักการสถาน ให้หญิงต่างชาติทุกคนของพระองค์เผากำ�ยานและถวายบูชาแด่เทพเจ้าของตน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธต่อกษัตริย์ซาโลมอน เพราะพระทัยของกษัตริย์ หันเหไปจากองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ทรงสำ�แดงพระองค์สองครั้งแก่ กษัตริย์ และทรงบัญชามิให้นมัสการเทพเจ้า แต่กษัตริย์มิได้ทรงปฏิบัติตามพระบัญชา ขององค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจึงตรัสแก่กษัตริยซ์ าโลมอนว่า “ท่านได้ปฏิบตั เิ ช่นนี้ ไม่ได้รกั ษา พันธสัญญาและข้อกำ�หนดซึง่ เราสัง่ ท่านไว้ เราจึงจะฉีกอาณาจักรไปจากท่านและให้แก่ ผูร้ บั ใช้คนหนึง่ ของท่าน แต่เพราะเห็นแก่ดาวิดบิดาของท่าน เราจะไม่ทำ�ดังนีใ้ นชีวติ ของ ท่าน แต่เราจะฉีกอาณาจักรไปจากมือบุตรของท่าน ถึงกระนั้น เราจะไม่ฉีกอาณาจักร ทัง้ หมดไปจากเขา แต่จะเหลือเผ่าหนึง่ ไว้ให้เขา เพราะเห็นแก่ดาวิดผูร้ บั ใช้ของเรา และ เพราะเห็นแก่กรุงเยรูซาเล็มซึ่งเราเลือกไว้

สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา สดด 106:3-4,35-36, 37 และ 40-41

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร มก 7:24-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่น เข้าไปในเขตเมืองไทระและเสด็จเข้าในบ้านหลังหนึ่ง ไม่ทรง ต้องการให้ผใู้ ดรู้ แต่ทรงซ่อนพระองค์ไม่ได้ ทันใดนัน้ หญิงคนหนึง่ มีบตุ รหญิงถูกปีศาจสิงได้ยนิ พูดถึงพระองค์ ก็มากราบพระบาท นางไม่ใช่ชาวยิว เป็นชาวซีโรฟีนีเซียโดยกำ�เนิด นางทูลอ้อนวอนพระองค์ให้ทรงขับไล่ ปีศาจออกจากบุตรหญิง พระองค์ตรัสกับนางว่า “ให้ลูกๆ กินอิ่มเสียก่อน เพราะไม่สมควรที่จะเอาอาหาร ของลูกมาโยนให้ลูกสุนัขกิน” หญิงนั้นทูลตอบว่า “ถูกแล้ว พระเจ้าข้า แต่ลูกสุนัขที่อยู่ใต้โต๊ะก็ยังได้กินเศษ อาหารของลูกๆ” พระองค์จึงตรัสกับนางว่า “เพราะถ้อยคำ�นี้ จงไปเถิด ปีศาจออกจากลูกสาวของเธอแล้ว” เมื่อกลับมาถึงบ้าน นางก็พบลูกนอนอยู่บนเตียง ปีศาจออกไปแล้ว ความโน้มเอียงทางเพศ ทำ�ให้กษัตริย์ซาโลมอนมีภรรยาหลายคน สร้างวิหารส่งเสริมความ สำ�ส่อนทางเพศแก่ประชาชน นำ�ความอ่อนแอและการแตกแยกเข้ามาในอาณาจักรของตน ทีส่ ดุ ประเทศถูก แบ่งออกเป็นเหนือ-ใต้ ไม่ขึ้นต่อกัน...แต่ความรักลูกของสตรี ทำ�ให้หญิงชาวซีโรฟีนีเซียสุภาพถ่อมตนและ เฉลียวฉลาดในการสนทนากับพระเยซูเจ้า จนลูกของนางได้รับการรักษาให้ปลอดภัย


ระลึกถึง น.ซีริล นักบวช และ น.เมโทดิโอ พระสังฆราช สดด 81:9-10, 11-12,13-14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 1 พกษ 11:29-32 และ 12:19 วันหนึ่ง เยโรโบอัมเดินทางออกจากกรุงเยรูซาเล็ม ประกาศกคนหนึ่งชื่ออาคิยาห์ ชาวชิโลห์มาพบเขากลางทาง มีเพียงเขาสองคนในทุง่ นา อาคิยาห์สวมเสือ้ คลุมตัวใหม่ เขาถอดเสือ้ คลุมตัวนัน้ ออกมาฉีกเป็นสิบสองชิน้ แล้วพูดกับเยโรโบอัมว่า “ท่านจงเอา ไปสิบชิน้ เถิด เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘เราจะฉีกอาณาจักร ไปจากมือของซาโลมอนแล้วมอบให้ท่านสิบเผ่า เขาจะมีเหลือเพียงเผ่าเดียว เพราะ เห็นแก่ดาวิดผูร้ บั ใช้ของเรา และเพราะเห็นแก่กรุงเยรูซาเล็มเมืองทีเ่ ราเลือกไว้เป็นของ เราจากทุกเผ่าของอิสราเอล’” ตั้งแต่นั้นมาอิสราเอลเป็นกบฏต่อราชวงศ์ดาวิดจนถึง วันนี้ พระวรสาร มก 7:31-37 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากเขตเมืองไทระผ่านเมืองไซดอน ไปยังทะเลสาบ กาลิลีกลางดินแดนทศบุรี มีผู้นำ�คนใบ้หูหนวกคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ ทูลขอร้องให้ พระองค์ทรงปกพระหัตถ์ พระองค์ทรงแยกคนใบ้หหู นวกคนนัน้ ไปจากกลุม่ ชน ทรงใช้ นิ้วพระหัตถ์ยอนหูของเขา ทรงใช้พระเขฬะแตะลิ้นของเขา ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น เบื้องบน ถอนพระทัย แล้วตรัสว่า “เอฟฟาธา” แปลว่า “จงเปิดเถิด” ทันใดนั้นหูของ เขากลับได้ยิน สิ่งที่ขัดลิ้นอยู่ก็หลุด เขาพูดได้ชัดเจน พระเยซูเจ้าทรงห้ามประชาชนเหล่านั้นมิให้พูดเรื่องนี้กับผู้ใด แต่ยิ่งห้าม ก็ยิ่งเล่า ลือกันมากขึ้น ต่างก็ประหลาดใจมาก กล่าวว่า “คนคนนี้ทำ�สิ่งใดดีทั้งนั้น เขาทำ�ให้คน หูหนวกกลับได้ยิน และคนใบ้กลับพูดได้” สาเหตุที่ทำ�ให้ประเทศแตกแยกเป็นสองอาณาจักร (1) กษัตริย์ ซาโลมอนคิดถึงแต่ตัวเอง เก็บภาษีแพงๆ ไม่คิดถึงความทุกข์ของประชาชน ตัวเองก็มี ภรรยามากมาย... (2) นำ�พาประชาชนสู่คำ�สอนในศาสนาที่ไม่ถูกต้อง... (3) ประชาชน ยากจนแต่ผู้นำ�ไม่สนใจ อาณาจักรที่เข้มแข็งคือการสร้างจิตใจคนให้พร้อมรักและ รับใช้ผู้ตกทุกข์ รักษาคนใบ้ คนเจ็บป่วย และอุทิศชีวิตทั้งหมดเป็นบูชาตามที่พระบิดา ทรงประสงค์ให้เป็นไป


บทอ่านที่ 1 1 พกษ 12:26-32; 13:33-34 กษัตริย์เยโรโบอัมทรงคิดว่า “ในสถานการณ์เช่นนี้อาณาจักรคงจะต้องกลับไป สวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์ดาวิด ถ้าประชาชนนี้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายเครื่องบูชา ในพระวิหารขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เขาจะเปลีย่ นใจกลับไปจงรักภักดีตอ่ เจ้านายของเขา คือเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์ แล้วจะฆ่าเรา” กษัตริย์จึงทรงปรึกษากับข้าราชบริพาร และทรงสร้างรูปโคทองคำ�ขึ้นสองตัว ทรงประกาศแก่ประชาชนว่า “ท่านทั้งหลายไม่ สัปดาห์ที่ 5 ต้องเดินทางขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มอีกแล้ว ชาวอิสราเอลทั้งหลาย นี่คือพระเจ้าของท่าน เทศกาลธรรมดา ผู้ทรงนำ�ท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์” กษัตริย์เยโรโบอัมทรงประดิษฐานรูปโคทองคำ� สดด 106:6-7ก, ตัวหนึ่งไว้ที่เมืองเบธเอล และอีกตัวหนึ่งไว้ที่เมืองดาน การกระทำ�เช่นนี้เป็นเหตุให้ 19-20,21-22 ประชาชนทำ�บาป เขาเดินทางไปนมัสการรูปโคทองคำ�ทัง้ ทีเ่ มืองเบธเอลและทีเ่ มืองดาน ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 พระองค์ทรงสร้างสักการสถานไว้บนที่สูง และทรงแต่งตั้งสมณะจากตระกูลต่างๆ ซึ่ง ไม่ใช่ลกู หลานของเลวี กษัตริยเ์ ยโรโบอัมยังทรงกำ�หนดวันฉลองในวันทีส่ บิ ห้าเดือนแปด เหมือนงานฉลองในเผ่ายูดาห์ เมือ่ พระองค์ทรงถวายเครือ่ งบูชาแก่รปู โคทองคำ�ทีท่ รงสร้างขึน้ ทีเ่ มืองเบธเอล พระองค์ทรงขึน้ บนพระแท่นถวายด้วยพระองค์เอง และพระองค์ยงั ทรงแต่งตัง้ สมณะจากสักการสถานทีท่ รง สร้างในที่สูงมาปฏิบัติหน้าที่ที่เมืองเบธเอลด้วย หลังจากเหตุการณ์นี้ กษัตริย์เยโรโบอัมก็มิได้ทรงเลิกจากวิถีทางชั่วร้ายของพระองค์ พระองค์ยังทรง แต่งตั้งสมณะจากตระกูลต่างๆ ประจำ�สักการสถานบนที่สูง ผู้ใดต้องการเป็นสมณะ พระองค์ก็ทรงแต่งตั้งผู้ นั้นให้เป็นสมณะประจำ�สักการสถานบนที่สูง การกระทำ�ดังนี้เป็นบาปของราชวงศ์เยโรโบอัม เป็นบาปที่นำ� หายนะมาทำ�ลายล้างราชวงศ์ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน พระวรสาร มก 8:1-10 ครั้งนั้น ประชาชนจำ�นวนมากชุมนุมกันอีก และไม่มีอะไรกิน พระองค์จึงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัส กับเขาว่า “เราสงสารประชาชนเพราะเขาอยู่กับเรามาสามวันแล้ว และเวลานี้ไม่มีอะไรกิน ถ้าเราให้เขากลับ บ้านโดยไม่ได้กนิ อะไร เขาจะหมดเรีย่ วแรงขณะเดินทาง เพราะมีหลายคนเดินทางมาจากทีไ่ กล” บรรดาศิษย์ จึงทูลตอบว่า “ใครจะหาอาหารในที่เปลี่ยวเช่นนี้มาให้คนเหล่านี้กินจนอิ่มได้” พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านมี ขนมปังกีก่ อ้ น” เขาทูลว่า “เจ็ดก้อน” พระองค์ทรงสัง่ ให้ประชาชนนัง่ ลงบนพืน้ ดิน ทรงหยิบขนมปังเจ็ดก้อน นั้น ตรัสขอบพระคุณพระเจ้า แล้วทรงบิขนมปัง ประทานให้บรรดาศิษย์ไปแจกจ่าย เขาก็แจกจ่ายขนมปังให้ ประชาชน เขายังมีปลาตัวเล็กๆ อยู่บ้าง พระองค์ทรงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า ทรงสั่งให้แจกจ่ายปลาเช่น เดียวกัน ทุกคนกินจนอิ่ม และยังเก็บเศษที่เหลือได้อีกเจ็ดตะกร้า ผู้ที่กินขนมปังและปลามีประมาณสี่พัน คน พระองค์ทรงส่งเขากลับไป แล้วพระองค์เสด็จลงเรือพร้อมกับบรรดาศิษย์ไปยังบริเวณเมืองดาลมานูธา ทันที สาเหตุที่ทำ�ให้มวลชนอ่อนแอ...เอาศาสนามาแข่งกัน ทิ้งการนมัสการที่พระวิหารเยรูซาเล็ม สร้างความหวังใหม่กับทองคำ�ที่ปั้นเป็นรูปวัว และเฉลิมฉลองกันอยู่รอบวัวทองคำ�...ประชาชนยากจน ไร้ที่พึ่ง ผู้มีอำ�นาจข่มเหงเอาเปรียบผู้น้อย ประชาชนขาดการศึกษา จิตใจคับแคบไม่ทราบว่าอะไรถูก อะไร ผิด สุขภาพกายทรุดโทรม


สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา บสร 15:15-20 ถ้าท่านต้องการ ท่านก็ปฏิบัติตามบทบัญญัติได้ ท่านจะซื่อสัตย์ต่อพระองค์หรือ ไม่ขึ้นอยู่กับท่าน พระองค์ทรงวางนํ้ากับไฟไว้ต่อหน้าท่าน ท่านต้องการสิ่งใดก็จงยื่นมือหยิบด้วยตนเอง ทั้งชีวิตและความตายอยู่ต่อหน้า มนุษย์ เขาเลือกสิ่งใดก็จะได้รับสิ่งนั้น พระปรีชาญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่ พระองค์ทรงสรรพานุภาพและทรงเห็นทุกสิ่ง พระองค์ทอดพระเนตรเห็นผู้ยำ�เกรง พระองค์ทรงรู้กิจการทุกอย่างของมนุษย์ พระองค์ไม่ทรงบัญชาผู้ใดให้เป็นคนอธรรม พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ผู้ใดทำ�บาป เพลงสดุดี สดด 119:1-2,3-6,17-19,33-34 ก) ผู้ดำ�เนินชีวิตไร้ตำ�หนิย่อมเป็นสุข เขาเดินตามธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ปฏิบัติตามกฤษฎีกาของพระองค์ย่อมเป็นสุข เขาแสวงหาพระองค์สุดจิตใจ ข) เขาไม่กระทำ�ผิด ดำ�เนินอยู่ในทางของพระองค์ พระองค์ทรงกำ�หนดข้อบังคับของพระองค์ไว้ ให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ขอให้วิถีชีวิตของข้าพเจ้ามั่นคง ในการปฏิบัติตามข้อกำ�หนดของพระองค์ ข้าพเจ้าจะไม่ต้องอับอาย ถ้าข้าพเจ้าพิจารณาบทบัญญัติทุกข้อของพระองค์ ค) ขอพระองค์ทรงเอื้ออารีต่อผู้รับใช้พระองค์ แล้วข้าพเจ้าจะมีชีวิต และจะรักษาพระวาจาไว้ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 2:6-10 พี่น้อง เราพูดถึงปรีชาญาณในหมู่ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่มิใช่ปรีชาญาณของโลกนี้ หรือของผูป้ กครองโลกนีซ้ งึ่ กำ�ลังจะสูญสิน้ ไป แต่เรากล่าวถึงพระปรีชาญาณของพระเจ้า เป็นธรรมลํ้าลึกอันซ่อนเร้นซึ่งพระเจ้าทรงกำ�หนดล่วงหน้าไว้ก่อนปฐมกาลสำ�หรับสิริ รุ่งโรจน์ของเรา ไม่มีผู้ใดในบรรดาผู้ปกครองโลกนี้ล่วงรู้พระปรีชาญาณนี้ เพราะถ้าเขา รู้ เขาคงไม่ตรึงกางเขนองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ แต่ตามที่มีเขียนไว้ใน พระคัมภีรว์ า่ “สิง่ ทีต่ าไม่เคยเห็น และหูไม่เคยได้ยนิ และจิตใจของมนุษย์คดิ ไม่ถงึ คือ สิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำ�หรับผู้ที่รักพระองค์” นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยให้เรา รู้โดยทางพระจิตเจ้า เพราะพระจิตเจ้าทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้กระทั่งสิ่งที่ลึกลํ้าของพระเจ้า


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 5:17-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่า “จงอย่าคิดว่าเรามาเพื่อลบล้างธรรมบัญญัติหรือคำ�สอนของบรรดาประกาศก เรามิได้มาเพื่อลบล้าง แต่มาเพือ่ ปรับปรุงให้สมบูรณ์ เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า ตราบใดทีฟ่ า้ และดินยังไม่สญ ู สิน้ ไป แม้แต่ ตัวอักษรหรือจุดเพียงจุดเดียวจะไม่ขาดหายไปจากธรรมบัญญัตจิ นกว่าทุกอย่างจะสำ�เร็จไป ดังนัน้ ผูใ้ ดละเมิด ธรรมบัญญัติเพียงข้อเดียว แม้เล็กน้อยที่สุด และสอนผู้อื่นให้ละเมิดด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ตํ่าต้อยที่สุดใน อาณาจักรสวรรค์ ส่วนผู้ที่ปฏิบัติและสอนผู้อื่นให้ปฏิบัติด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดีไปกว่าความชอบธรรมของบรรดาธรรมาจารย์และ ชาวฟาริสีแล้วท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย ท่านได้ยินคำ�กล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าฆ่าคน ผู้ใดฆ่าคนจะต้องขึ้นศาล แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า ทุกคน ที่โกรธเคืองพี่น้อง จะต้องขึ้นศาล ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่’ ผู้นั้นจะต้องขึ้นศาลสูง ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้อง ว่า ‘ไอ้โง่บัดซบ’ ผู้นั้นจะต้องถูกปรับโทษถึงไฟนรก ดังนั้น ขณะที่ท่านนำ�เครื่องบูชาไปถวายยังพระแท่น ถ้า ระลึกได้วา่ พีน่ อ้ งของท่านมีขอ้ บาดหมางกับท่านแล้ว จงวางเครือ่ งบูชาไว้หน้าพระแท่น กลับไปคืนดีกบั พีน่ อ้ ง เสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครือ่ งบูชานัน้ จงคืนดีกบั คูค่ วามของท่านขณะทีก่ ำ�ลังเดินทางไปศาลด้วย กัน มิฉะนั้น คู่ความจะมอบท่านแก่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้ผู้คุม ซึ่งจะขังท่านในคุก เรา บอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้ จนกว่าท่านจะชำ�ระหนี้จนเศษสตางค์สุดท้าย ท่านได้ยินคำ�กล่าวที่ว่า อย่าล่วงประเวณี แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดมองหญิงด้วยความใคร่ ก็ได้ล่วงประเวณีกับนางในใจแล้ว ถ้าตาขวาของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำ�บาป จงควักมันทิ้งเสีย เพราะเพียง แต่เสียอวัยวะส่วนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้ร่างกายทั้งหมดของท่านตกนรก ถ้ามือขวาของท่านเป็นเหตุให้ ท่านทำ�บาป จงตัดมันทิ้งเสีย เพราะเพียงแต่เสียอวัยวะส่วนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้ร่างกายทั้งหมดตกนรก มีคำ�กล่าวว่า ผู้ใดจะหย่ากับภรรยา ก็จงทำ�หนังสือหย่ามอบให้นาง แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดที่หย่ากับภรรยา ยกเว้นกรณีแต่งงานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็เท่ากับทำ�ให้นางล่วงประเวณี และผู้ใด ที่แต่งกับหญิงที่ได้หย่าร้าง ก็ล่วงประเวณีด้วย ท่านยังได้ยินคำ�กล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าผิดคำ�สาบาน แต่จงทำ�ตามที่ได้สาบานไว้ต่อองค์พระผู้เป็น เจ้า แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่าสาบานเลย อย่าอ้างถึงสวรรค์ เพราะเป็นที่ประทับของพระเจ้า อย่าอ้าง ถึงแผ่นดิน เพราะเป็นที่รองพระบาทของพระองค์ อย่าอ้างถึงกรุงเยรูซาเล็ม เพราะเป็นนครหลวงของพระมหากษัตริย์ อย่าอ้างถึงศีรษะของท่าน เพราะ ท่านไม่อาจเปลี่ยนผมสักเส้นให้เป็นดำ�เป็นขาวได้ ท่านจงพูดเพียงว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ คำ�พูดที่มากไปกว่า นั้นมาจากปีศาจ” ลูกมี “เสรีภาพ” เป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้ ลูกเลือกได้ว่าจะดำ�เนินชีวิตแบบ “นํ้า” หรือ “ไฟ” โลกมีสิ่งที่ดีมากมายแต่ก็แฝงไปด้วยพิษร้ายของบาป ลูกขอขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงประทาน พระปรีชาญาณของพระจิตเจ้า เพื่อช่วยลูกให้รู้จักไตร่ตรองแยกแยะว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรควรเลือก อะไร ควรหลีกเลีย่ ง บทบัญญัตเิ ป็นแนวทางพืน้ ฐานในการดำ�เนินชีวติ ทีป่ ลอดภัยของลูก โปรดให้ลกู ได้ปฏิบตั ติ าม อย่างดี เพราะ “ใครปฏิบตั แิ ละสอนให้ผอู้ น่ื ปฏิบตั ติ าม จะได้ชอ่ื ว่าเป็นผูท้ ย่ี ง่ิ ใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์” อาแมน


นักบุญเจ็ดองค์ ผู้ตั้งคณะผู้รับใช้ พระแม่มารีย์ สดด 119:67-69, 70-72,75-76

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 ยก 1:1-11 ยากอบ ผู้รับใช้ของพระเจ้าและของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอ ส่งความคิดถึงตระกูลทั้งสิบสองตระกูลที่กระจายอยู่ทั่วโลก พี่น้องทั้งหลาย จงคิดว่าเป็นที่น่ายินดีเมื่อประสบความยากลำ�บากต่างๆ เพราะ ท่านรู้อยู่แล้วว่าการที่ความเชื่อของท่านถูกทดสอบก่อให้เกิดความพากเพียร จง พากเพียรให้ถึงที่สุด เพื่อท่านจะได้เป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ไม่มีที่ตำ�หนิ และไม่ขาด สิ่งใด ท่านใดขาดปรีชาญาณ จงขอปรีชาญาณนั้นจากพระเจ้าเถิด พระองค์ประทานให้ ทุกคนด้วยพระทัยกว้างโดยไม่ทรงตำ�หนิเลย แล้วเขาจะได้รับปรีชาญาณตามที่ขอ แต่ เขาต้องขอด้วยความเชื่อ โดยไม่สงสัย เพราะผู้ที่สงสัยนั้นเปรียบเสมือนคลื่นในทะเล ที่ถูกลมพัดซัดไปมา คนเช่นนี้จะไม่ได้รับอะไรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาเป็นคนจิตใจ โลเลไม่มั่นคงในกิจการทั้งหลายของเขา พี่น้องผู้ตํ่าต้อยจงภูมิใจเมื่อได้รับการเชิดชู ส่วนคนมั่งมีก็จงภูมิใจเมื่อถูกกดให้ ตํ่าต้อย เพราะเขาจะต้องล่วงพ้นไปดุจดอกหญ้า เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแดดร้อนระอุแล้ว หญ้าก็เหี่ยวแห้งไป ดอกหญ้าจะร่วงโรยและความงดงามจะสูญไป คนมั่งมีจะร่วงโรย ไปขณะที่กำ�ลังทำ�ธุรกิจของตนเช่นเดียวกัน พระวรสาร มก 8:11-13 เวลานั้น ชาวฟาริสีเข้ามาโต้เถียงกับพระองค์ ขอให้ทรงแสดงเครื่องหมายจากฟ้า เพื่อทดสอบ พระองค์ถอนพระทัยลึกๆ ตรัสว่า “คนยุคนี้แสวงหาเครื่องหมายอย่างใด อย่างหนึ่งเพื่ออะไร เราบอกความจริงกับท่านว่า คนยุคนี้จะไม่ได้รับเครื่องหมายอย่าง ใดเลย” แล้วพระองค์ทรงแยกจากคนเหล่านั้น เสด็จลงเรือข้ามไปอีกฟากหนึ่ง หลายครั้งที่ลูกอ่อนแอ ขาดความเชื่อมั่น เป็นต้นในยามที่ต้องประสบ ความยากลำ�บาก ลูกอยากได้เครื่องหมายจากสวรรค์เพื่อช่วยลูกให้รอดพ้นจากวิกฤติ นั้นๆ ... ลูกขาดปรีชาญาณเสียจริงๆ ลูกมัวแต่สลวนมองแต่ความต้องการของตนเอง จนลืมมองเครื่องหมายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง คนยากจน คนตกงาน คนไม่มี ที่อยู่อาศัย ครอบครัวที่แตกแยก ฯลฯ ตัวฉันเองจะเป็นเครื่องหมายจากสวรรค์เพื่อ ช่วยเหลือคนเหล่านัน้ และทำ�ให้สงั คมดีขนึ้ ได้ไหม ตัวฉันเองมีพระพรมากมายทีพ่ ระเจ้า ประทานให้ และมีอย่างเพียงพอทีจ่ ะช่วยเหลือผูอ้ นื่ ได้มากมาย อย่ามัวคิดถึงแต่ตนเอง อยู่เลย


บทอ่านที่ 1 ยก 1:12-18 ผู้ที่มีมานะอดทนต่อการถูกผจญย่อมเป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการผจญนั้น เขา จะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ผู้ที่รักพระองค์ อย่าให้ผใู้ ดทีถ่ กู ผจญพูดว่า “ข้าพเจ้าถูกพระเจ้าผจญ” เพราะความชัว่ ไม่อาจผจญ พระเจ้าได้ และพระองค์ไม่ทรงผจญผูใ้ ด แต่เราทุกคนถูกกิเลสตัณหาผจญ ดึงดูด และ หลอกลวง กิเลสตัณหาทำ�ให้เกิดบาปและเมื่อมีบาปมาก บาปก็จะทำ�ให้เกิดความตาย พี่น้องที่รัก อย่าหลงผิด ของประทานทุกอย่างที่ดีและบริบูรณ์ย่อมมาจากเบื้อง บน ลงมาจากพระบิดาผู้ทรงสร้างความสว่าง พระองค์ไม่ทรงเปลี่ยนแปลง ไม่ทรงมี แม้แต่เงาแห่งความแปรปรวนใดๆ พระองค์พอพระทัยให้เราบังเกิดโดยพระวาจาแห่งความจริง เพือ่ ให้เราเป็นดุจผล แรกในสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง พระวรสาร มก 8:14-21 เวลานัน้ บรรดาศิษย์ลมื นำ�ขนมปังไปด้วย และในเรือของเขามีขนมปังเหลือเพียง ก้อนเดียว พระองค์ทรงกำ�ชับเขาว่า “จงระวังให้ดี จงระวังเชื้อแป้งของชาวฟาริสี และ เชื้อแป้งของกษัตริย์เฮโรด” บรรดาศิษย์จึงพูดกันว่า “นี่เป็นเพราะเราไม่มีขนมปัง” พระเยซูเจ้าทรงทราบ จึงตรัสว่า “ทำ�ไมท่านจึงถกเถียงกันเรื่องไม่มีขนมปัง ท่าน ยังไม่รู้ไม่เข้าใจอีกหรือ ท่านยังมีใจแข็งกระด้างกันอยู่อีกหรือ มีตา แต่ไม่เห็น มีหู แต่ ไม่ได้ยินหรือ ท่านจำ�ไม่ได้หรือว่า เมื่อเราบิขนมปังห้าก้อนเลี้ยงคนห้าพันคน ท่านเก็บ เศษที่เหลือได้เต็มกี่กระบุง” เขาทูลตอบว่า “สิบสองกระบุง” “เมื่อเราบิขนมปังเจ็ด ก้อนเลีย้ งคนสีพ่ นั คน ท่านเก็บเศษทีเ่ หลือได้เต็มกีต่ ะกร้า” เขาทูลตอบว่า “เจ็ดตะกร้า” แล้วพระองค์ตรัสถามเขาว่า “ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ” มันน่าโมโหจริงๆ อยู่กันมาตั้งนาน แต่ห่างกันไปไม่นานก็ลืมกันเสียแล้ว การผจญยิ่งใหญ่ที่ลูกกลัวจะพ่ายแพ้คือ การผจญให้ลูกดำ�เนินชีวิตโดยหลงลืมพระเจ้า ทั้งๆ ที่พระองค์ประทานชีวิตและความสามารถต่างๆ ให้ลูกอย่างไม่คิดมูลค่าใดๆ พระองค์ทรงยอมรับความตายเพือ่ ไถ่โทษบาปแทนลูก ประทานคำ�สอนและแบบอย่าง ที่ดี ประทานศีลศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ลูกได้ใกล้ชิดสนิทกับพระองค์ ลูกขอโทษด้วยใจจริง และวอนขอพระพรแห่งความเชือ่ ให้ลกู มากยิง่ ขึน้ พระองค์ทรงเป็นอาหารทีใ่ ห้ลกู มีชวี ติ และเป็นความหวังสูงสุดของลูก อาแมน

สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา สดด 94:12-13, 14-15,18-19

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2


สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา สดด 15:2-3ก, 3ข-4,5

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านทีื่ 1 ยก 1:19-27 พี่น้องที่รัก พึงตระหนักว่า ทุกคนจงฉับไวที่จะฟัง แต่ช้าที่จะพูด และช้าที่จะโกรธ คนที่โกรธย่อมไม่ปฏิบัติตนชอบธรรมตามพระประสงค์ของพระเจ้า ดังนั้น จงละทิ้ง ความโสมมทั้งหลาย และความชั่วร้ายที่ยังตกค้างอยู่ จงน้อมรับพระวาจาที่ทรงปลูก ฝังไว้ในท่าน พระวาจานั้นช่วยวิญญาณท่านให้รอดพ้นได้ จงปฏิบัติตามพระวาจา มิใช่เพียงแต่ฟัง ซึ่งเท่ากับหลอกตนเอง เพราะถ้าผู้ใดฟัง พระวาจาแล้วไม่ปฏิบัติตาม ก็เหมือนคนที่มองใบหน้าของตนในกระจกเงา เมื่อมอง ตนเอง และจากไปแล้ว ก็ลืมทันทีว่าตนเป็นอย่างไร ส่วนผู้ที่พิจารณาบัญญัติแห่ง อิสรภาพ และยึดมั่นในบัญญัตินั้น มิใช่ฟังแล้วลืม แต่ฟังแล้วนำ�ไปปฏิบัติตาม ผู้นั้น ย่อมประสบความสุขในการปฏิบัตินั้น ผูใ้ ดคิดว่าตนปฏิบตั ศิ าสนกิจแต่ไม่ควบคุมลิน้ ของตน ผูน้ นั้ ย่อมหลอกลวงตนเอง การปฏิบัติศาสนกิจของเขาย่อมไร้ค่า การปฏิบัติศาสนกิจบริสุทธิ์และไร้มลทินเฉพาะ พระพักตร์ของพระเจ้าพระบิดา คือการเยีย่ มเด็กกำ�พร้าและหญิงม่ายทีม่ คี วามทุกข์รอ้ น และการรักษาตนให้พ้นจากมลทินของโลก พระวรสาร มก 8:22-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาพร้อมกับบรรดาศิษย์ถึงเมืองเบธไซดา มีผู้นำ�คน ตาบอดคนหนึ่งมาขอให้พระองค์ทรงสัมผัส พระองค์ทรงจูงคนตาบอดออกไปนอก หมู่บ้าน ทรงใช้พระเขฬะแตะตาของเขา ทรงปกพระหัตถ์เหนือเขา ตรัสถามเขาว่า “ท่านเห็นอะไรไหม” เขาเงยหน้าขึ้น ทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นผู้คนเหมือนกับต้นไม้เดินไปเดินมา” พระองค์ทรงวางพระหัตถ์แตะตาของเขาอีก เขาก็เห็นชัด และหายเป็นปกติ มอง เห็นทุกอย่างได้ชัดเจน พระเยซูเจ้าทรงส่งเขากลับบ้าน ตรัสว่า “อย่าเข้าไปในหมู่บ้าน” ลูกใจร้อนเกินไป อยากได้อะไรตามใจ ทำ�อะไรอยากจะให้เกิดผลทันใจ อยากให้คนอื่นทำ�อะไรให้ได้ดั่งใจ วันนี้พระเยซูเจ้าทรงสอนลูกให้ใจเย็นๆ ชายตาบอด ที่พระองค์ทรงรักษา เขาค่อยๆ มองเห็นทีละน้อย จนที่สุดก็เห็นชัดเจนเป็นปกติ ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้ลูกได้พัฒนาตนเองให้ดีขึ้น จนเป็นคนที่สมบูรณ์ โปรดให้ ลูกพัฒนาการฟัง การพูด การควบคุมอารมณ์ เป็นต้นพัฒนาความเชื่อให้ยิ่งวันยิ่งมาก ขึ้นด้วยเทอญ อาแมน


บทอ่านที่ 1 ยก 2:1-9 พีน่ อ้ งทัง้ หลาย อย่าให้ความเชือ่ ของท่านในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา คือพระเยซู คริสต์ ผูท้ รงพระสิรริ งุ่ โรจน์ มีความลำ�เอียงปนอยูด่ ว้ ย สมมติวา่ ใครคนหนึง่ สวมแหวน ทองคำ�และเสื้อผ้าหรูหราเข้ามาในที่ประชุมของท่าน และขณะเดียวกันมีคนจนอีกคน หนึ่งแต่งตัวมอซอเข้ามา ท่านเข้าไปต้อนรับคนแต่งตัวหรูหราและบอกเขาว่า “เชิญนั่ง ตามสบายที่นี่เถิด” ส่วนคนจนนั้นท่านบอกเขาว่า “จงยืนที่นั่น” หรือ “จงนั่งข้างๆ ที่ วางเท้าของฉันซิ” ท่านก็เป็นผู้เลือกชั้นวรรณะ และตัดสินโดยมาตรการเลวร้ายมิใช่ หรือ พี่น้องที่รักทั้งหลาย จงฟังเถิด พระเจ้าทรงเลือกผู้ที่โลกตัดสินว่ายากจนเพื่อให้ เขามั่งมีในความเชื่อ และเป็นทายาทรับมรดกพระอาณาจักรซึ่งทรงสัญญาไว้สำ�หรับผู้ ที่รักพระองค์มิใช่หรือ แต่ท่านกลับดูหมิ่นคนยากจน มิใช่คนรํ่ารวยหรือที่กดขี่ข่มเหง ท่าน มิใช่พวกเขาหรือทีฉ่ ดุ ลากท่านไปขึน้ ศาล มิใช่พวกเขาหรือทีก่ ล่าวร้ายต่อพระนาม ประเสริฐซึ่งบันดาลให้ท่านเป็นของพระเจ้า ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติสำ�คัญที่สุด ดังที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า “จงรักเพื่อนบ้านของท่านเหมือนรักตนเอง” ท่านก็ทำ�ดีแล้ว แต่ถ้าท่านลำ�เอียง ท่านย่อมทำ�บาป และถูกธรรมบัญญัติกล่าวโทษว่าเป็นผู้ละเมิด

สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา สดด 34:1-3,4,5-7

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร มก 8:27-33 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จพร้อมกับบรรดาศิษย์ไปตามหมู่บ้านต่างๆ ในบริเวณเมืองซีซารียาแห่งฟีลิป ขณะทรงพระดำ�เนิน พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลายว่าเราเป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างว่า เป็นยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง บ้างว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างก็ว่าเป็นประกาศกองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสถามอีก ว่า “ท่านล่ะ ว่าเราเป็นใคร” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า” พระองค์ทรงกำ�ชับบรรดาศิษย์ มิให้กล่าวเรื่องเกี่ยวกับพระองค์แก่ผู้ใด พระเยซูเจ้าทรงเริ่มสอนบรรดาศิษย์ว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมานอย่างมาก จะถูกบรรดา ผู้อาวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่สามวันต่อมา จะกลับ คืนชีพ” พระองค์ทรงประกาศพระวาจานี้อย่างเปิดเผย เปโตรนำ�พระองค์แยกออกไป ทูลทัดทาน แต่ พระเยซูเจ้าทรงหันไปทอดพระเนตรบรรดาศิษย์ ทรงตำ�หนิเปโตรว่า “เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลังเรา อย่า ขัดขวาง เจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้า แต่คิดอย่างมนุษย์” ลูกต้องขอโทษพระเจ้าที่หลายครั้งลูกได้ปฏิบัติต่อเพื่อนพี่น้องแบบสองมาตรฐาน ต้อนรับคน หนึ่ง รังเกียจอีกคนหนึ่ง บางครั้งลูกก็สับสนว่า พระเยซูเจ้าคือใคร ลูกมักจะคิดว่าพระองค์คือกษัตริย์ ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ทรงสรรพานุภาพ ทรงเป็นผู้ให้ที่พระทัยดี เป็นที่พึ่งได้เสมอ ลูกจึงรู้สึกว่าได้รับประโยชน์ มากมายจากพระองค์ แต่ในวันนีพ้ ระองค์ทรงสอนความจริงอีกด้านหนึง่ ให้ลกู ได้เห็น คือ พระเยซูจะต้องรับ ทรมาน ถูกปฏิเสธไม่ยอมรับ และถูกประหารชีวติ ทีส่ ดุ จะทรงกลับฟืน้ คืนชีพ สิง่ นีท้ �ำ ให้ลกู ได้ทบทวนตนเอง ว่า ลูกมาเป็นศิษย์เพื่อความสะดวกสบายหรือความยิ่งใหญ่หรือ ลูกสมควรถูกพระองค์ตำ�หนิเหมือนนักบุญ เปโตร เพราะลูกคิดแบบมนุษย์ ไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า


บทอ่านที่ 1 ยก 2:14-24,26 พี่น้องทั้งหลาย จะมีประโยชน์ใดหากผู้หนึ่งอ้างว่ามีความเชื่อแต่ไม่มีการกระทำ� ความเชื่อเช่นนี้จะช่วยให้เขารอดพ้นได้หรือ ถ้าพี่น้องชายหญิงคนใดขัดสนเครื่อง นุ่งห่ม และไม่มีอาหารประจำ�วัน แล้วท่านคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “จงไปเป็นสุขเถิด ขอ ให้อบอุน่ และอิม่ เถิด” แต่มไิ ด้ให้สงิ่ ทีจ่ ำ�เป็นสำ�หรับร่างกายแก่เขา จะมีประโยชน์ใดเล่า น.เปโตร ดามีอานี ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน หากไม่มีการกระทำ� ก็เป็นความเชื่อที่ตายแล้ว อาจมีผู้พูดว่า “บางคนมีความเชื่อ บางคนมีการกระทำ�” ถ้าเป็นเช่นนั้นจงแสดง พระสังฆราช ความเชือ่ ทีไ่ ม่มกี ารกระทำ�ให้ขา้ พเจ้าเห็นเถิด แล้วข้าพเจ้าจะแสดงความเชือ่ ให้ทา่ นเห็น และนักปราชญ์ ด้วยการกระทำ� ท่านเชื่อว่ามีพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวหรือ ดีแล้ว แม้พวกปีศาจก็ สดด 112:1-3,4,5-6 เชือ่ เช่นนัน้ และยังกลัวจนตัวสัน่ ด้วย คนเบาปัญญาเอ๋ย ท่านอยากรูห้ รือไม่วา่ ความเชือ่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ที่ปราศจากการกระทำ�นั้นไร้ประโยชน์ อับราฮัมบรรพบุรุษของเราได้รับความชอบธรรมเพราะการกระทำ� เมื่อถวาย อิสอัคบุตรของตนบนแท่นบูชามิใช่หรือ ท่านเห็นแล้วว่า ความเชื่อกับการกระทำ�ของ เขาดำ�เนินไปพร้อมๆ กัน และเพราะการกระทำ�นั้นความเชื่อจึงสมบูรณ์ ดังข้อความใน พระคัมภีรว์ า่ “อับราฮัมเชือ่ พระเจ้า พระองค์ทรงคิดว่าความเชือ่ นีเ้ ป็นความชอบธรรม ของเขา” เขาจึงได้ชื่อว่า “เป็นมิตรของพระเจ้า” ท่านทัง้ หลายเห็นแล้วว่า มนุษย์จะเป็นผูช้ อบธรรมได้กด็ ว้ ยการกระทำ� มิใช่ดว้ ยความเชือ่ แต่อย่างเดียว ร่างกายที่ปราศจากวิญญาณย่อมตายแล้วฉันใด ความเชื่อที่ไม่มีการกระทำ�ก็ย่อมตายแล้วฉันนั้น พระวรสาร มก 8:34-9:1 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเรียกประชาชนและบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัสว่า “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเรา ก็ให้ เขาเลิกนึกถึงตนเอง ให้แบกไม้กางเขนของตน และติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิตของตนให้รอดพ้น จะต้อง สูญเสียชีวติ นัน้ แต่ถา้ ผูใ้ ดเสียชีวติ ของตนเพราะเรา และเพราะข่าวดี ก็จะรักษาชีวติ ได้ มนุษย์จะได้ประโยชน์ ใดในการที่จะได้โลกทั้งโลกเป็นกำ�ไร แต่ต้องเสียชีวิต มนุษย์จะให้อะไรเพื่อแลกกับชีวิตที่สูญเสียไป ถ้าผู้ใด อับอายเพราะเราและเพราะถ้อยคำ�ของเราในยุคของคนไม่ซอื่ สัตย์และชัว่ ร้ายนี้ บุตรแห่งมนุษย์กจ็ ะอับอาย เพราะเขา เมือ่ พระองค์จะเสด็จมาในพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระบิดา พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ผศู้ กั ดิส์ ทิ ธิด์ ว้ ย เช่นเดียวกัน” พระองค์ยงั ตรัสกับบรรดาศิษย์อกี ว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า บางท่านทีย่ นื อยูท่ นี่ จี่ ะไม่ลมิ้ รสความ ตายจนกว่าจะเห็นพระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงพร้อมด้วยพระอานุภาพ” น่าหัวเราะตนเอง เพราะลูกพูดอย่างหนึ่งแต่ทำ�อีกอย่างหนึ่ง ลูกประกาศตนว่ามีความเชื่อ เป็นศิษย์พระคริสต์ แต่ลกู ไม่ได้เจริญชีวติ ตามแบบอย่างของพระคริสต์ ลูกพอใจแต่ภาพของพระเยซูเจ้าทรง กลับคืนชีพและการประทับเบื้องขวาพระบิดา แต่ลูกปิดตากับภาพการแบกกางเขนและการถูกตรึงตายบน ไม้กางเขนของพระองค์ ลูกภาวนาวอนขอความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับความยากลำ�บาก ปฏิบัติตนให้ เหมาะสมกับการเป็นศิษย์ของพระองค์ และขอให้ความเชื่อได้บงการชีวิตของลูกด้วยเทอญ อาแมน


บทอ่านที่ 1 1 ปต 5:1-4 โดยเหตุทขี่ า้ พเจ้าเป็นผูอ้ าวุโสคนหนึง่ เป็นพยานถึงพระทรมานของพระคริสตเจ้า และมีสว่ นจะรับพระสิรริ งุ่ โรจน์ทจี่ ะปรากฏในอนาคตด้วย ข้าพเจ้าขอร้องบรรดาผูอ้ าวุโส ในกลุ่มของท่านทั้งหลาย จงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของท่าน จง ดูแลด้วยความเต็มใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า มิใช่ดูแลด้วยความจำ�ใจ จงดูแล ด้วยความสมัครใจ มิใช่ดูแลเพราะเห็นแก่อามิสสินจ้าง จงเป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะ มิใช่เป็นเหมือนเจ้านายเหนือผู้ที่อยู่ใต้ปกครอง เมื่อพระคริสตเจ้าพระผู้เลี้ยงสูงสุดจะ ทรงแสดงพระองค์ ท่านจะได้รับสิริรุ่งโรจน์เป็นมงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย พระวรสาร มธ 16:13-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่งฟีลิปและตรัสถามบรรดา ศิษย์ว่า “คนทั้งหลายกล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างกล่าวว่า เป็นยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศก เยเรมีย์หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขา ว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่มนุษย์ทเี่ ปิดเผยให้ทา่ นรู้ แต่พระบิดา เจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย เราบอกท่านว่า ท่านคือศิลา และบนศิลานี้ เรา จะตัง้ พระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มวี นั ชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบกุญแจ อาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” ถ้าพระเยซูทรงถามลูกว่า “เธอรู้ไหมว่าพระองค์คือใคร” ลูกไม่สามารถ ตอบได้อย่างทันทีทันใด ลูกยังไม่แน่ใจ ลูกยังขาดประสบการณ์ส่วนตัวกับพระองค์ คำ�ตอบของลูกอาจจะเป็นเพียงถ้อยคำ�สวยหรูเพือ่ ให้พระองค์พอพระทัย ข้าแต่พระเจ้า ลูกขอโทษทีล่ กู อ่าน ลูกสวด ลูกฟังเรือ่ งของพระองค์เสมอมา แต่ชวี ติ ของลูกยังห่างไกล พระองค์ ขอโปรดชำ�ระจิตใจของลูกให้บริสุทธิ์ ให้มีที่ว่างเพียงพอเพื่อให้พระองค์ ประทับอยู่ และผลักดันให้ลูกได้ละม้ายคล้ายพระองค์ยิ่งขึ้น จนสามารถตอบพระองค์ ได้ว่าพระองค์คือใครจากใจของลูกเอง อาแมน

ฉลองธรรมาสน์ นักบุญเปโตร อัครสาวก สดด 23:1-3,4,5,6


สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านจากหนังสือเลวีนิติ ลนต 19:1-2,17-18 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส ให้บอกชุมชนชาวอิสราเอลทั้งปวงว่า “ท่านทัง้ หลายจงเป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิ์ เพราะเรา องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของท่านเป็น ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะต้องไม่เก็บความเกลียดชังพี่น้องไว้ในใจ แต่จงตักเตือนเพื่อนบ้าน อย่างตรงไปตรงมา ท่านจะได้ไม่ตอ้ งรับผิดชอบบาปของเขา ท่านจะต้องไม่แก้แค้น หรือ อาฆาตชนชาติเดียวกับท่าน แต่จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เราคือองค์พระผู้เป็น เจ้า” เพลงสดุดี สดด 103:1-2,3-4,8-10,12-13 ก) จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ส่วนลึกของข้าพเจ้า จงถวายพระพรแด่พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด จงอย่าลืมพระคุณต่างๆ ที่พระองค์ประทานให้ ข) พระองค์ประทานอภัยความผิดทั้งหลายของท่าน ทรงรักษาโรคภัยทั้งหมดของท่าน ทรงช่วยชีวิตท่านให้พ้นจากเหวลึก ประทานความรักมั่นคงและพระเมตตาเป็นดังมงกุฎแก่ท่าน ค) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระกรุณาและทรงเมตตาสงสาร กริ้วช้า ทรงความรักมั่นคงอย่างเต็มเปี่ยม พระองค์ไม่ทรงกล่าวโทษเราตลอดไป ไม่ทรงเคืองแค้นเป็นเวลานาน พระองค์ไม่ทรงปฏิบัติต่อเราตามที่บาปของเราสมควรจะได้รับ ไม่ทรงตอบแทนเราให้สาสมกับความผิดของเรา ง) ตะวันออกห่างไกลจากตะวันตกเท่าใด พระองค์ก็ทรงกันความผิดของเราออกไปห่างไกลจากเราเท่านั้น บิดาเมตตาสงสารบุตรของตนฉันใด องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงเมตตาสงสารผู้ยำ�เกรงพระองค์ฉันนั้น บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 3:16-23 พี่น้อง ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นพระวิหารของพระเจ้า และพระจิตของ พระเจ้าทรงพำ�นักอยูใ่ นท่าน ถ้าใครทำ�ลายพระวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำ�ลาย เขา เพราะพระวิหารของพระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์ และท่านก็คือพระวิหารนั้น จงอย่าหลอกลวงตนเอง ถ้าท่านใดคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาดในโลกนี้ ก็จงยอม เป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนฉลาดอย่างแท้จริง เพราะความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ในโลกนี้


เป็นความโง่เขลาเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า ดังที่มีเขียน ไว้ในพระคัมภีรว์ า่ “พระองค์ทรงจับคนฉลาดด้วยอุบายของ เขาเอง” และยังมีเขียนไว้อกี ว่า “องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงทราบ ว่าความคิดของคนฉลาดเป็นสิง่ ไร้ประโยชน์” ฉะนัน้ อย่าให้ ใครยกเอามนุษย์มาอวด เพราะทุกสิ่งเป็นของพวกท่าน เปาโลก็ดี อปอลโล เคฟาส โลก ชีวิต ความตาย สิ่งปัจจุบัน หรือสิง่ ทีจ่ ะเกิดขึน้ ในอนาคตก็ดี ทุกสิง่ ล้วนเป็นของท่าน แต่ ท่านเป็นของพระคริสต์ และพระคริสต์เป็นของพระเจ้า

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 5:38-48 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่า “ท่านเคยได้ยินเขากล่าวว่า ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ แต่ เรากล่าวแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า อย่าโต้ตอบคนชัว่ ผูใ้ ดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย ผูใ้ ดอยาก ฟ้องท่านที่ศาลเพื่อจะได้เสื้อยาวของท่าน ก็จงแถมเสื้อคลุมให้เขาด้วย ผู้ใดจะเกณฑ์ให้ท่านเดินไปกับเขา หนึ่งหลัก จงไปกับเขาสองหลักเถิด ผู้ใดขออะไรจากท่าน ก็จงให้ อย่าหันหลังให้ผู้ที่มาขอยืมสิ่งใดจากท่าน ท่านทั้งหลายได้ยินคำ�กล่าวว่า จงรักเพื่อนบ้าน จงเกลียดศัตรู แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า จงรักศัตรู จง อธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน เพื่อท่านจะได้เป็นบุตรของพระบิดาเจ้าสวรรค์ พระองค์โปรดให้ดวง อาทิตย์ของพระองค์ขนึ้ เหนือคนดีและคนชัว่ โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม ถ้าท่านรักแต่ คนที่รักท่าน ท่านจะได้บำ�เหน็จรางวัลอะไรเล่า บรรดาคนเก็บภาษีมิได้ทำ�เช่นนี้ดอกหรือ ถ้าท่านทักทายแต่ พี่น้องของท่านเท่านั้น ท่านทำ�อะไรพิเศษเล่า คนต่างศาสนามิได้ทำ�เช่นนี้ดอกหรือ ฉะนั้น ท่านจงเป็นคนดี อย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด” ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ลูกได้พบมาตรฐานใหม่ของการดำ�เนินชีวิตในฐานะที่เป็นศิษย์ของ พระคริสต์ ลูกเข้าใจความแตกต่างระหว่างชุดความดีของคนทั่วไปกับชุดความดีที่พระเยซูคริสต์นำ�เสนอ “ท่านทำ�อะไรพิเศษเล่า” ถ้ารักเพื่อนบ้าน แต่เกลียดศัตรู นี่คือมาตรฐานใหม่ที่ทำ�ให้ลูกต้องขบคิด และต้อง ตั้งเป้าหมายชีวิตใหม่ให้ชัดเจนตามที่พระองค์บัญชา คือ “ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้า สวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด” อาแมน


สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา สดด 19:7,8-9,14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 ยก 3:13-18 พี่น้องที่รักยิ่ง ใครบ้างคิดว่าตนฉลาดและมีปรีชาญาณ จงแสดงความฉลาดและ ปรีชาญาณนั้นอย่างอ่อนโยนด้วยการกระทำ�และความประพฤติดี แต่ถ้าใจของท่าน ขมขื่นด้วยความอิจฉาริษยา และมีความทะเยอทะยาน จงอย่าโอ้อวดและอย่ามุสา ต่อต้านความจริง ปรีชาญาณเช่นนี้มิได้มาจากเบื้องบน แต่เป็นปรีชาญาณตามธรรมดา โลก ตามแบบวั ต ถุ นิ ย มและตามแบบปี ศ าจ ที่ ใ ดมี ค วามอิ จ ฉาริ ษ ยาและความ ทะเยอทะยาน ทีน่ นั่ ย่อมมีแต่ความวุน่ วายและความชัว่ ร้ายนานาชนิด ส่วนปรีชาญาณ ที่มาจากเบื้องบน ประการแรกเป็นสิ่งบริสุทธิ์ แล้วจึงก่อให้เกิดสันติ เห็นอกเห็นใจ อ่อนน้อม เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา บังเกิดผลที่ดีงาม ไม่ลำ�เอียง ไม่เสแสร้ง ผู้ที่ สร้างสันติย่อมเป็นผู้หว่านในสันติ และจะเก็บเกี่ยวผลเป็นความชอบธรรม

พระวรสาร มก 9:14-29 เมือ่ พระเยซูเจ้าเสด็จลงจากภูเขาพร้อมกับศิษย์ทงั้ สามคน มาพบศิษย์คนอืน่ ทรงเห็นประชาชนจำ�นวน มากห้อมล้อมบรรดาศิษย์ ธรรมาจารย์บางคนกำ�ลังถกเถียงกับเขาเหล่านั้น ทันทีที่เห็นพระองค์ ประชาชน ทัง้ หลายต่างประหลาดใจและวิง่ เข้ามาทักทายพระองค์ พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์วา่ “ท่านกำ�ลังถกเถียง เรื่องอะไรหรือ” คนหนึ่งในกลุ่มชนตอบว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้าพาบุตรชายที่ปีศาจสิงให้เป็นใบ้มา เฝ้าพระองค์ เมื่อปีศาจสิง มันผลักเขาให้ล้มลง นํ้าลายฟูมปาก กัดฟัน และตัวแข็งทื่อ ข้าพเจ้าได้ขอให้ศิษย์ ของพระองค์ขับไล่มัน แต่เขาทำ�ไม่สำ�เร็จ” พระองค์ตรัสตอบว่า “คนหัวดื้อ เชื่อยาก เราจะต้องอยู่กับท่าน อีกนานเท่าใด จะต้องทนท่านอีกนานเท่าใด จงพาเด็กมาพบเราเถิด” เขาจึงพาเด็กนั้นมาเฝ้าพระองค์ เมื่อ เห็นพระองค์ ปีศาจก็ทำ�ให้เด็กชักล้มลงกับพื้นดิน กลิ้งไปมา นํ้าลายฟูมปาก พระเยซูเจ้าทรงถามบิดาของ เด็กว่า “เป็นดังนี้นานเท่าไรแล้ว” เขาทูลตอบว่า “ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ ปีศาจได้ผลักเด็กลงในกองไฟ หลายครั้ง บางครั้งผลักลงในนํ้าเพื่อให้ตาย ถ้าพระองค์ทรงทำ�สิ่งใดได้ ก็ทรงกรุณาช่วยเราด้วยเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าทำ�ได้น่ะหรือ ทุกสิ่งเป็นไปได้ทั้งนั้นสำ�หรับผู้มีความเชื่อ” ทันใดนั้นบิดาของเด็กก็ ร้องว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ โปรดช่วยความเชื่ออันเล็กน้อยของข้าพเจ้าด้วยเถิด” เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตร เห็นประชาชนเข้ามามากยิ่งขึ้น พระองค์จึงตรัสสำ�ทับปีศาจว่า “เจ้าปีศาจหนวกใบ้ เราสั่งเจ้าให้ออกจากเด็ก คนนี้ และอย่ากลับเข้ามาอีกเลย” ปีศาจจึงร้องเสียงดังและทำ�ให้เด็กมีอาการชักอย่างรุนแรง แล้วปีศาจก็ ออกไป เด็กนอนนิ่งเหมือนคนตาย จนคนส่วนมากพูดกันว่า “เขาตายแล้ว” แต่พระเยซูเจ้าทรงจับมือเด็ก ทรงช่วยพยุงให้ลุกขึ้น เขาก็ยืนขึ้น เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ เป็นการส่วนตัวว่า “ทำ�ไมพวกเราจึงขับไล่มันไม่ได้” พระองค์ตรัสตอบว่า “ปีศาจชนิดนี้ขับไล่ออกไม่ได้เลย นอกจากด้วยการอธิษฐานภาวนาเท่านั้น” เคล็ดลับการทำ�อัศจรรย์ของพระเยซูคริสต์ทกุ ครัง้ ก็คอื ความเชือ่ ซึง่ อาจจะเป็นความเชือ่ ของ เจ้าตัวเองและความเชื่อที่มาจากผู้อื่น ปีศาจหรือความชั่วจะอยู่ลอยๆ ไม่ได้ มันต้องหาที่สิงสถิตด้วย พระเยซูคริสต์ทรงขับไล่ความชั่วร้ายด้วยพระวาจาของพระองค์ เป็นวาจาสิทธิ์เช่นเดียวกับพระวาจาที่ทรง สร้างโลกและสรรพสิ่ง ปีศาจมีอำ�นาจน่ากลัวก็จริง แต่พระเยซูทรงเอาชนะพวกมันได้โดยง่าย ขอพระเจ้า ประทานความเชือ่ ศรัทธาให้ลกู มากยิง่ ขึน้ เพือ่ ลูกจะได้อยูใ่ กล้ชดิ พระองค์ และห่างไกลจากปีศาจทัง้ ปวง อาแมน


บทอ่านที่ 1 ยก 4:1-10 พีน่ อ้ งทีร่ กั ยิง่ การต่อสูแ้ ละการทะเลาะวิวาทในหมูท่ า่ นนัน้ มาจากทีใ่ ด มิใช่มาจาก กิเลสตัณหาซึ่งต่อสู้อยู่ภายในร่างกายของท่านหรือ ท่านอยากได้ แต่ไม่ได้ จึงฆ่ากัน ท่านอยากได้ แต่ไม่สมหวัง จึงทะเลาะวิวาทและต่อสู้กัน ท่านไม่มีเพราะไม่ได้วอนขอ ท่านวอนขอ แต่ไม่ได้รับ เพราะท่านวอนขอไม่ถูกต้อง คือวอนขอเพื่อนำ�ไปสนองกิเลส ตัณหาของท่าน ท่านทีไ่ ม่ซอื่ สัตย์เหมือนหญิงคบชู้ ท่านไม่รหู้ รือว่า การเป็นมิตรกับโลก คือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า ฉะนั้น ผู้ใดต้องการเป็นมิตรกับโลก ก็ตั้งตนเป็นศัตรูกับ พระเจ้า ท่านคิดว่าพระคัมภีรก์ ล่าวไร้สาระหรือว่า “พระเจ้าทรงรักจิตอย่างหวงแหน จิต ที่พระองค์ประทานให้สถิตในเรา” พระองค์ยังประทานพระหรรษทานที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า นั้นอีก ดังนั้น พระคัมภีร์จึงกล่าวอีกว่า “พระเจ้าทรงต่อต้านคนเย่อหยิ่ง แต่ประทาน พระหรรษทานแก่ผู้ถ่อมตน” ท่านทั้งหลายอยู่ใต้อำ�นาจพระเจ้า จงต่อต้านปีศาจ แล้ว มันจะหลบหนีไปจากท่าน จงเข้าใกล้พระเจ้าแล้วพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน คนบาป ทั้งหลาย จงล้างมือให้สะอาด คนใจโลเลทั้งหลาย จงทำ�ใจให้บริสุทธิ์เถิด จงครํ่าครวญ จงเป็นทุกข์โศกเศร้าและร้องไห้เถิด จงให้การหัวเราะของท่านกลายเป็นความเศร้าโศก จงให้ความยินดีของท่านกลายเป็นความเศร้าใจ จงถ่อมตนลงเฉพาะพระพักตร์ของ พระเจ้า และพระองค์จะทรงยกย่องท่าน

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา สดด 55:6-8, 9-10ก,23

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร มก 9:30-37 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากทีน่ นั่ พร้อมกับบรรดาศิษย์ผา่ นแคว้นกาลิลี พระองค์ไม่ทรงต้องการ ให้ผู้ใดรู้ ทรงสั่งสอนบรรดาศิษย์ และตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะถูกมอบในเงื้อมมือของคนทั้งหลาย เขาจะ ประหารชีวิตพระองค์ แต่เมื่อถูกประหารแล้ว ในวันที่สามพระองค์จะกลับคืนชีพ” บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจ พระวาจานี้ แต่ก็ไม่กล้าทูลถาม พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับบรรดาศิษย์ เมื่อเสด็จเข้าไปในบ้าน พระองค์ตรัส ถามเขาว่า “ท่านถกเถียงกันเรื่องอะไรขณะที่เดินทาง” เขาก็นิ่ง เพราะระหว่างทางเขาถกเถียงกันว่า ผู้ใด ยิ่งใหญ่กว่ากัน พระองค์จึงประทับนั่ง แล้วทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามา ตรัสว่า “ถ้าผู้ใดอยากเป็น คนทีห่ นึง่ ก็ให้ผนู้ นั้ ทำ�ตนเป็นคนสุดท้าย และเป็นผูร้ บั ใช้ของทุกคน” ครัน้ แล้วพระองค์ทรงจูงเด็กเล็กๆ คน หนึ่งมายืนกลางกลุ่มพวกเขา ทรงโอบเด็กนั้นไว้ ตรัสว่า “ผู้ใดที่ต้อนรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้ในนามของเรา ก็ ต้อนรับเรา และผู้ใดที่ต้อนรับเรา ก็มิใช่ต้อนรับเพียงเราเท่านั้น แต่ต้อนรับผู้ที่ทรงส่งเรามาด้วย” การผจญที่ทำ�ให้ชะตากรรมของมวลมนุษย์ต้องเปลี่ยนไปคือ การจองหองหรือต้องการเป็น ใหญ่ซึ่งมิใช่แค่มนุษย์ด้วยกัน แต่ต้องการเป็นใหญ่เท่าเทียมพระเจ้า ซึ่งเป็นบาปแรกของมนุษย์ที่เกิดขึ้น จากอาดัมและเอวา ภาพของพระเยซูเจ้าทรงจูงและโอบเด็กๆ ช่วยทำ�ให้ลูกเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง ความจองหองกับความสุภาพถ่อมตน ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ลูกมีใจสุภาพถ่อมตน รับฟังและต้อนรับ ทุกคน ไม่แสวงหาการเป็นใหญ่และให้มีใจที่พร้อมจะรับใช้ผู้อื่น ถ้าลูกเป็นผู้นำ� ขอให้ลูกได้เป็นผู้นำ�แบบ ผู้รับใช้เหมือนพระเยซูคริสต์ด้วยเทอญ อาแมน


บทอ่านที่ 1 ยอล 2:12-18 บัดนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงกลับมาหาเราด้วยสุดจิตสุดใจ เถิด จงจำ�ศีลอดอาหาร รํ่าไห้ และไว้ทุกข์ครํ่าครวญ จงฉีกใจของท่าน มิใช่ฉีกเสื้อผ้า จงกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เพราะพระองค์ทรงเมตตาและกรุณา ไม่ทรงโกรธง่าย ทรงเปี่ยมด้วยความรักมั่นคง ทรงสงสารและไม่ทรงลงโทษ... วันพุธรับเถ้า

บทอ่านที่ 2 2 คร 5:20-6:2 พี่น้อง เราจึงเป็นทูตแทนพระคริสตเจ้า ประหนึ่งว่าพระเจ้าทรงใช้เราให้เชิญชวน ท่านทัง้ หลาย เราจึงขอร้องแทนพระคริสตเจ้าว่า จงยอมคืนดีกบั พระเจ้าเถิด เพราะเห็น ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 แก่เราพระเจ้าจึงทรงทำ�ให้พระองค์ผู้ไม่รู้จักบาปเป็นผู้รับบาป เพื่อว่าในพระองค์เราจะ ได้กลายเป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้า ในฐานะผู้ร่วมงานของพระเจ้า เราขอร้องท่านทั้งหลาย อย่าเพียงแต่รับพระหรรษทานของพระองค์ไว้ โดยไม่เกิดผล พระองค์ตรัสว่า “ในเวลาที่เหมาะสม เราได้รับฟังท่าน และในวันแห่งความรอดพ้น เราได้ ช่วยเหลือท่าน” ขณะนี้คือเวลาที่เหมาะสม ขณะนี้คือวันแห่งความรอดพ้น สดด 51:1-2,3-5, 11-12,14-15

พระวรสาร มธ 6:1-6,16-18 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงระวัง อย่าปฏิบัติศาสนกิจของท่านต่อหน้ามนุษย์เพื่ออวดคนอื่น มิฉะนั้น ท่านจะไม่ได้รับบำ�เหน็จ จากพระบิดาของท่านผูส้ ถิตในสวรรค์ ดังนัน้ เมือ่ ท่านให้ทาน จงอย่าเป่าแตรข้างหน้าท่านเหมือนทีบ่ รรดาคน หน้าซือ่ ใจคดมักทำ�ในศาลาธรรมและตามถนน เพือ่ จะได้รบั คำ�สรรเสริญจากมนุษย์... เมือ่ ให้ทาน อย่าให้มอื ซ้ายของท่านรู้ว่ามือขวากำ�ลังทำ�สิ่งใด เพื่อทานของท่านจะได้เป็นทานที่ไม่เปิดเผย แล้วพระบิดาของท่าน ผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง จะประทานบำ�เหน็จให้ท่าน เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าเป็นเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาชอบยืนอธิษฐานภาวนาใน ศาลาธรรม และตามมุมลานเพื่อให้ใครๆ เห็น เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำ�เหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่ออธิษฐานภาวนา จงเข้าไปในห้องส่วนตัว ปิดประตู อธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้สถิตทั่วทุก แห่ง แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งจะประทานบำ�เหน็จให้ท่าน เมื่อท่านทั้งหลายจำ�ศีลอดอาหาร จงอย่าทำ�หน้าเศร้าหมองเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาทำ�หน้า หมองคลํา้ เพือ่ แสดงให้ผคู้ นรูว้ า่ เขากำ�ลังจำ�ศีลอดอาหาร เราบอกความจริงแก่ทา่ นว่า เขาได้รบั บำ�เหน็จของ เขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่อจำ�ศีลอดอาหาร จงล้างหน้า ใช้นํ้ามันหอมใส่ศีรษะ เพื่อไม่แสดงให้ผู้คนรู้ว่าท่านกำ�ลัง จำ�ศีลอดอาหาร แต่ให้พระบิดาของท่านผู้สถิตทั่วทุกแห่งทรงทราบ และพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง ก็จะประทานบำ�เหน็จให้ท่าน” ขอบคุณพระเจ้าทีท่ รงเลือกลูกให้เป็นทูตแทนพระคริสตเจ้า ทรงมอบหมายให้ลกู เป็นคนหนึง่ เชิญชวนทุกคนให้กลับเข้ามาคืนดีกับพระเจ้า โดยเริ่มที่ตัวลูกเองก่อน ลูกจะฉีกใจ มิใช่ฉีกเสื้อผ้า ด้วยการ จำ�ศีลอดอาหาร เป็นทุกข์เสียใจ สวดภาวนา และการทำ�กิจเมตตา ทำ�บุญให้ทาน ด้วยใจสุภาพถ่อมตนตลอด ช่วงเทศกาลมหาพรตนี้เป็นพิเศษ ขอพระองค์โปรดให้ความตั้งใจของลูกสำ�เร็จไปตามพระประสงค์ของ พระองค์ด้วยเทอญ อาแมน


บทอ่านที่ 1 ฉธบ 30:15-20 โมเสสกล่าวกับประชาชนว่า “จงฟังเถิด ในวันนี้ ข้าพเจ้ากำ�ลังเสนอให้ท่านเลือก ชีวติ หรือความตาย เลือกความดีหรือความชัว่ ข้าพเจ้าจึงสัง่ ท่านในวันนี้ ให้รกั องค์พระ ผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน และเดินตามวิถีทางของพระองค์ ปฏิบัติตามบทบัญญัติ ข้อ กำ�หนดและกฎเกณฑ์ของพระองค์ แล้วท่านจะมีชวี ติ และทวีจำ�นวนขึน้ องค์พระผูเ้ ป็น เจ้าพระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรท่านในแผ่นดินที่ท่านกำ�ลังจะเข้าไปครอบครอง แต่ ถ้าท่านเปลีย่ นใจไปจากพระองค์ไม่ยอมเชือ่ ฟังพระองค์ แต่ยอมกราบไหว้รบั ใช้เทพเจ้า อื่น ข้าพเจ้าขอบอกท่านในวันนี้ว่า ท่านจะต้องพินาศอย่างแน่นอน ท่านจะไม่มีชีวิต ยืนยาวในแผ่นดินที่ท่านกำ�ลังข้ามแม่นํ้าจอร์แดนเข้าไปครอบครอง ในวันนี้ ข้าพเจ้าขอ เรียกฟ้าดินมาเป็นพยานต่อหน้าท่าน ข้าพเจ้าเสนอให้ท่านเลือกชีวิตหรือความตาย เลือกคำ�อวยพรหรือคำ�สาปแช่ง ท่านจงเลือกชีวติ เถิด เพือ่ ท่านและบุตรหลานของท่าน จะมีชีวิต รักองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์และ ซือ่ สัตย์ตอ่ พระองค์ เพราะพระองค์เพียงพระองค์เดียวประทานชีวติ แก่ทา่ น ทรงบันดาล ให้ท่านอาศัยอยู่นานในแผ่นดินที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสาบานไว้ว่าจะประทานแก่ บรรพบุรุษของท่าน คืออับราฮัม อิสอัคและยาโคบ พระวรสาร ลก 9:22-25 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมานเป็นอันมาก จะถูกบรรดาผู้อาวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่จะกลับคืนชีพในวันที่ สาม” หลังจากนั้น พระองค์ตรัสกับทุกคนว่า “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเรา ก็จงเลิกนึกถึง ตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิต ผู้นั้นจะต้อง สูญเสียชีวิต แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตเพราะเรา ผู้นั้นจะรักษาชีวิตได้ มนุษย์จะได้ประโยชน์ ใดในการที่จะได้โลกทั้งโลกเป็นกำ�ไร แต่ต้องเสียชีวิตและพินาศไป”

“การเลือก” ด้วยตนเองทำ�ให้การกระทำ�มีคุณค่า วันนี้พระวาจาของ พระเจ้าโดยโมเสสท้าทายลูก ให้เลือกระหว่างชีวิตและความตาย ความดีหรือความชั่ว แน่นอนลูกต้องเลือกทางที่ดี แต่ในทางปฏิบัติลูกยังคงเลือกแต่ปาก ลูกยังคิดถึงแต่ ตนเอง ลูกยังไม่ยอมลำ�บากทีจ่ ะแบกกางเขนแล้วติดตามพระองค์อย่างจริงจัง ลูกเลือก ที่จะแบกกางเขนบ้างไม่แบกบ้าง ขอพระองค์เสริมกำ�ลังให้ลูกสามารถรับผิดชอบสิ่งที่ ลูกได้เลือกแล้ว โปรดให้ลูกได้สละละทิ้งความสะดวกสบาย ติดตามพระองค์ เพื่อลูก จะได้ไม่เสียชีวิตและพินาศไป อาแมน

หลังวันพุธรับเถ้า สดด 1:1-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4


หลังวันพุธรับเถ้า สดด 51:1-2,3-5, 16-17

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 อสย 58:1-9ก พระเจ้าตรัสว่า “จงร้องตะโกนให้เต็มกำ�ลัง อย่าออมเสียงไว้ จงเปล่งเสียงเหมือน เป่าเขาสัตว์ จงประกาศให้ประชากรของเรารูว้ า่ เขาได้ลว่ งละเมิด จงประกาศแก่เชือ้ สาย ของยาโคบให้เขารู้บาปที่เขาได้ทำ� เขาทั้งหลายแสวงหาเราทุกวัน ปรารถนาจะรู้จักทาง ของเรา ประหนึง่ ว่าเขาเป็นประชากรทีป่ ฏิบตั คิ วามชอบธรรม และมิได้ละทิง้ พระวินจิ ฉัย ของพระเจ้าของตน เขาขอให้เราให้การวินิจฉัยที่ชอบธรรม และปรารถนาที่จะเข้ามา ใกล้พระเจ้า เขาพูดว่า “ทำ�ไมข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องจำ�ศีลอดอาหาร ถ้าพระองค์ไม่ ทอดพระเนตร ทำ�ไมข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องละเว้นความสุขสบาย ถ้าพระองค์ไม่ทรง ทราบ” ดูซิ ในวันที่ท่านทั้งหลายจำ�ศีลอดอาหาร ท่านยังแสวงหาผลประโยชน์ของตน และข่มเหงคนงานทุกคนของท่าน ดูซิ ท่านจำ�ศีลอดอาหาร แต่ยังทะเลาะวิวาทและ โต้เถียงกัน ชกต่อยตีกนั อย่างอยุตธิ รรม การจำ�ศีลอดอาหารดังทีท่ า่ นปฏิบตั ใิ นวันนี้ จะ ไม่ทำ�ให้เสียงของท่านได้ยนิ ไปถึงเบือ้ งบนเลย นีห่ รือเป็นการจำ�ศีลอดอาหารทีเ่ ราพอใจ คือวันที่มนุษย์ละเว้นความสุขสบาย ก้มศีรษะลงเหมือนต้นอ้อ ใช้ผ้ากระสอบและ ขี้เถ้าปูนอน ท่านจะเรียกการทำ�เช่นนี้ว่าเป็นการจำ�ศีลอดอาหาร และวันที่องค์พระผู้ เป็นเจ้าพอพระทัยกระนัน้ หรือ แต่การจำ�ศีลอดอาหารทีเ่ ราต้องการ คือการแก้โซ่ตรวน ที่อธรรม แก้สายรัดแอก ปล่อยผู้ถูกข่มเหงให้เป็นอิสระ และหักแอกทุกอัน แบ่งปัน อาหารกับผู้หิวโหย นำ�คนยากจนไร้ที่อยู่อาศัยเข้ามาในบ้าน ให้เสื้อผ้าแก่ผู้ที่ท่านเห็น ว่าไม่มีเสื้อผ้าสวม และไม่หันหน้าหนีจากญาติพี่น้อง แล้วความสว่างของท่านจะขึ้นมา เหมือนรุ่งอรุณ แผลของท่านจะหายอย่างรวดเร็ว ความชอบธรรมจะเดินนำ�หน้าท่าน และพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะเดินตามท่าน ท่านจะทูลขอ และองค์ พระผู้เป็นเจ้าจะทรงตอบ ท่านจะร้องขอความช่วยเหลือ และพระองค์จะตรัสว่า “เรา อยู่ที่นี่” พระวรสาร มธ 9:14-15 วันหนึง่ บรรดาศิษย์ของยอห์นเข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ทำ�ไมพวกเราและพวก ฟาริสีจำ�ศีลอดอาหาร แต่ศิษย์ของท่านไม่จำ�ศีลเลย” พระองค์ทรงตอบว่า “ผู้รับเชิญมาในงานแต่งงานจะโศกเศร้าหรือ ขณะที่เจ้าบ่าว ยังอยู่กับเขา แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวจะถูกแยกไป วันนั้นเขาจะจำ�ศีลอดอาหาร”

“การละเลย” เป็นบาปประเภทหนึ่งที่ลูกสารภาพพร้อมกันขณะที่เริ่มพิธีมิสซาฯ บางครั้งลูก ละเลยในการทำ�หน้าที่รับผิดชอบ บางครั้งลูกละเลยในการช่วยเหลือคนอื่น แต่หลายครั้งที่ลูกละเลยที่จะ เป็นเสียงมโนธรรมให้สังคม ลูกไม่กล้าหาญพอที่จะชี้ถูกชี้ผิด หรือยืนหยัดที่จะทวนกระแสสังคมที่ไม่ถูกต้อง ขอโปรดประทานพระพรแห่งความกล้าหาญ เพือ่ ให้ลกู กล้าตะโกนให้เต็มกำ�ลัง เพือ่ ผดุงความดีงามและความ ถูกต้องให้สังคมด้วยเทอญ อาแมน


บทอ่านที่ 1 อสย 58:9ข-14 พระเจ้าตรัสว่า “ถ้าท่านจะเลิกข่มเหงผู้อื่น เลิกชี้หน้ากล่าวหาและพูดร้ายต่อเขา ถ้าท่านแบ่งอาหารให้แก่คนหิว และตอบสนองความต้องการของผู้มีทุกข์ ความสว่าง ของท่านจะปรากฏขึ้นในความมืด และความมืดของท่านจะเป็นเหมือนเวลาเที่ยงวัน องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำ�ท่านตลอดไป จะตอบสนองความต้องการของท่านใน แผ่นดินแห้งแล้ง จะทรงทำ�ให้กระดูกของท่านแข็งแรง ท่านจะเป็นเหมือนสวนทีม่ นี าํ้ รด เป็นเหมือนพุนํ้าที่มีนํ้าไหลไม่หยุด ประชากรของท่านจะบูรณะซากปรักหักพังโบราณ ขึ้นใหม่ ท่านจะวางรากฐานที่เคยวางไว้แต่โบราณขึ้นมาอีก ท่านจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ซ่อม กำ�แพงที่พังแล้ว เป็นผู้บูรณะถนนให้มีบ้านเรือนเป็นที่อาศัย ถ้าท่านหยุดละเมิดวันสับบาโต คือไม่ทำ�ตามใจชอบในวันศักดิ์สิทธิ์ของเรา เรียก วันสับบาโตว่า ‘วันปีติยินดี’ และเรียกวันศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘วันน่า เคารพ’ ถ้าท่านให้เกียรติวนั นัน้ โดยไม่เดินทาง เลิกแสวงหาสิง่ ทีท่ า่ นพอใจ และเลิกพูด เรื่องไร้สาระ ท่านจะได้ความปีติยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า และเราจะให้ท่านขี่ม้าฉลอง ชัยอยู่บนที่สูงของแผ่นดิน เราจะเลี้ยงท่านด้วยมรดกของยาโคบบิดาของท่าน เพราะ พระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแล้ว” พระวรสาร ลก 5:27-32 หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกไป ทอดพระเนตรเห็นคนเก็บภาษีคนหนึ่งชื่อ เลวีนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสสั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เลวีก็ลุกขึ้น ละทิ้งทุกสิ่ง แล้วตามพระองค์ไป เลวีจัดเลี้ยงใหญ่ในบ้านของตนเป็นเกียรติแด่พระองค์ คนเก็บภาษีและคนอื่นๆ จำ�นวนมากมาร่วมโต๊ะด้วย บรรดาชาวฟาริสแี ละธรรมาจารย์ของเขาเหล่านัน้ กล่าวด้วย ความไม่พอใจกับบรรดาศิษย์ของพระองค์ว่า “ทำ�ไมท่านทั้งหลายจึงกินอาหารและดื่ม กับคนเก็บภาษีและคนบาป” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “คนสบายดีย่อมไม่ต้องการ หมอ แต่คนป่วยต้องการ เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาปให้ กลับใจ”

พระวาจาวันนี้ “คนสบายดี ย่อมไม่ตอ้ งการหมอ” ทำ�ให้ได้ลกู ตรวจสอบ ตนเองว่าลูกป่วยฝ่ายกายหรือฝ่ายใจมากกว่ากัน คนที่คิดว่าตนเองเป็นคนดีพยายาม รักษาความดีของตนไว้แต่ไม่ช่วยคนอื่น คนที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์มากกว่าให้กำ�ลังใจ คนที่ชอบตัดสินและประณาม คนที่ถือศาสนาตามรูปแบบมากกว่าความเมตตา คน เหล่านี้สบายดีหรือ ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยลูกให้เอาชนะโรคฝ่ายจิตเหล่านี้ โปรดให้ ลูกเข้าหาพระองค์เพื่อการบำ�บัดรักษาด้วยเทอญ อาแมน

หลังวันพุธรับเถ้า สดด 86:1,2-3, 4-5,6-7

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4



Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.