ไบเบิลไดอารี่ เดือนสิงหาคม 2020

Page 1


1

เสาร บทอ่านที่ 1 ยรม 26:11-16,24 บรรดาสมณะและประกาศกจึงพูดกับเจ้านายและประชากรทุกคนว่า “ชายคนนี้ ควรถูกประหารชีวิต เพราะเขาประกาศพระวาจากล่าวโทษเมืองนี้ ดังที่ท่านทั้งหลาย ได้ยนิ กับหูแล้ว” ประกาศกเยเรมียจ์ งึ ตอบเจ้านายทุกคนและประชากรทัง้ ปวงว่า “องค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งข้าพเจ้ามาประกาศพระวาจากล่าวโทษพระวิหารและเมืองนี้ตาม ถ้อยคำ�ทุกคำ�ที่ท่านได้ยิน ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงปรับปรุงความประพฤติและการ กระทำ�ของท่าน จงฟังพระสุรเสียงขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน และองค์พระ ผู้เป็นเจ้าจะทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ลงโทษท่านดังที่เคยตรัสไว้ ส่วนข้าพเจ้า ท่านก็เห็น แล้วว่าข้าพเจ้าอยูใ่ นมือของท่าน ท่านจงทำ�กับข้าพเจ้าตามทีท่ า่ นเห็นดีเห็นชอบเถิด แต่ จงรู้ไว้เถิดว่าถ้าท่านประหารชีวิตข้าพเจ้า ท่าน เมืองนี้ และชาวเมืองนี้ทุกคนจะต้อง รับผิดชอบต่อโลหิตของผู้บริสุทธิ์ เพราะโดยแท้จริงแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่ง ข้าพเจ้ามาพูดถ้อยคำ�เหล่านี้ทั้งหมดให้ท่านฟัง” บรรดาเจ้านายและประชากรทุกคนจึงพูดกับบรรดาสมณะและประกาศกว่า “ชาย ผู้นี้ไม่ควรถูกตัดสินประหารชีวิต เพราะเขาได้พูดกับเราในพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา”...

สิงหาคม ระลึกถึง น.อัลฟองโซ มารีย์ เดลิกวอรี พระสังฆราช และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 69:14-15, 29-30,32-33

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร มธ 14:1-12 เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า จึงตรัสกับข้าราชบริพารว่า “คนนี้คือ ยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างที่กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย ดังนั้นเขาจึงมีอำ�นาจทำ�อัศจรรย์ได้” กษัตริยเ์ ฮโรดทรงสัง่ ให้จบั กุมยอห์นล่ามโซ่และขังคุกไว้ เพราะเรือ่ งของนางเฮโรเดียสภรรยาของฟีลปิ พระอนุชา ยอห์นเคยทูลกษัตริย์เฮโรดว่า “ไม่ถูกต้องที่พระองค์ทรงรับนางมาเป็นมเหสี” กษัตริย์เฮโรด ต้องการจะฆ่ายอห์น แต่ทรงเกรงประชาชน เพราะประชาชนคิดว่ายอห์นเป็นประกาศก ในวันคล้ายวันประสูติ ของกษัตริย์เฮโรด บุตรหญิงของนางเฮโรเดียสได้เต้นรำ�ต่อหน้าแขกรับเชิญ เป็นที่พอพระทัยกษัตริย์เฮโรด อย่างยิ่ง พระองค์จึงทรงสัญญาและทรงสาบานจะประทานทุกสิ่งที่นางทูลขอ นางจึงทูลตามคำ�แนะนำ�ที่ได้รับจากมารดาว่า “โปรดประทานศีรษะของยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างใส่ถาดมาให้ หม่อมฉันที่นี่เถิด” กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์ แต่เพราะได้ทรงสาบานไว้ และเพราะเห็นแก่ผู้รับเชิญ จึงทรงสั่งให้ จัดการตามที่นางขอ กษัตริย์เฮโรดทรงส่งคนไปตัดศีรษะของยอห์นในคุก เขาจึงนำ�ศีรษะของยอห์นใส่ถาด มาส่งให้หญิงสาว หญิงสาวจึงนำ�ไปให้มารดา บรรดาศิษย์ของยอห์นได้มารับศพไปฝัง แล้วแจ้งข่าวให้ พระเยซูเจ้าทรงทราบ ผู้นำ�และประชากรอิสราเอลได้เปิดใจฟังประกาศกเยเรมีย์ และเห็นว่า ประกาศกเยเรมีย์ไม่ ควรถูกตัดสินประหารชีวติ เพราะท่านพูดกับประชาชนอย่างจริงใจในพระนามของพระเจ้า กษัตริยเ์ ฮโรด จับยอห์นผูท้ �ำ พิธลี า้ งขังคุกเพราะท่านพูดความจริงว่า เป็นการไม่ถกู ต้องทีท่ รงรับภรรยาของน้องชายมาเป็น ภรรยาของตน กษัตริย์เฮโรดไม่ได้ฟังยอห์นอย่างจริงใจและได้สั่งตัดศีรษะของท่านยอห์น เมื่อยอห์นถูก ขังคุก พระเยซูเจ้าทรงเริม่ พันธกิจประกาศข่าวดี “จงกลับใจเถิดเพราะอาณาจักรพระเจ้าอยูใ่ กล้แล้ว” (มธ 4:17) น.อัลฟอนโซทนายความหนุ่ม ครั้งหนึ่งท่านแพ้คดี นำ�สู่การกลับใจ ละโลก บวชเป็นพระสงฆ์ ตัง้ คณะ นักบวชเพื่อรับใช้พระเจ้า พระเจ้าทรงเรียกทุกคนให้มีประสบการณ์กับพระเจ้าเพื่อเป็น “ศิษย์พระคริสต์ ธรรมทูตในโลกปัจจุบัน”


2

อาทิตย สิงหาคม สัปดาห์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันสื่อมวลชนสากล

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 55:1-3 พระเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่กระหาย จงมาดื่มนํ้า แม้ผู้ไม่มีเงิน จงมาเถิด จง มาซื้อและกิน แม้ไม่มีเงิน จงมาซื้อเหล้าองุ่นและนํ้านม โดยไม่ต้องเสียเงิน ทำ�ไมท่าน ต้องเสียเงินสำ�หรับสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร และใช้ค่าจ้างแรงงานเพื่อซื้อสิ่งที่ไม่ทำ�ให้อิ่ม จง ตั้งใจฟังเรา แล้วท่านจะได้กินสิ่งดี จะลิ้มอาหารรสอร่อย จงเงี่ยหูมาหาเราเถิด จงฟัง แล้วท่านจะมีชีวิต เราจะทำ�พันธสัญญานิรันดรกับท่าน ทำ�ให้ความรักมั่นคงที่เราได้ สัญญาไว้แก่ดาวิดเป็นความจริง” เพลงสดุดี สดด 145:8-9,15-17,18-19 ก) องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดปรานและทรงพระเมตตากรุณา กริ้วช้าและทรงความรักมั่นคงอย่างเต็มเปี่ยม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระทัยดีต่อทุกคน ความอ่อนโยนของพระองค์ครอบคลุมสิ่งสร้างทั้งมวล ข) นัยน์ตาของทุกคนมองไปที่พระองค์ด้วยความหวัง และพระองค์ประทานอาหารแก่เขาทั้งหลายตามเวลา พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ ประทานอาหารให้สิ่งมีชีวิตทั้งมวลได้กินจนอิ่ม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเที่ยงธรรมในพระมรรคาทั้งหลายของพระองค์ ทรงความรักมั่นคงในพระราชกิจทั้งหลาย ค) องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่ใกล้ชิดทุกคนที่เรียกขานพระองค์ ทุกคนที่เรียกขานพระองค์ด้วยใจจริง พระองค์ทรงตอบสนองความปรารถนาของทุกคนที่ยำ�เกรงพระองค์ ทรงฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือและทรงช่วยเขาให้รอดพ้น บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโรม รม 8:35,37-39 พี่น้อง ใครจะพรากเราจากความรักของพระคริสตเจ้าได้ ความทุกข์ลำ�เค็ญหรือ ความคับแค้นใจหรือ การเบียดเบียนข่มเหงหรือ การขาดอาหารและเครื่องนุ่งห่มหรือ ภยันตรายและคมดาบหรือ แต่ในการทดลองทั้งหมดนี้ เราชนะได้ง่ายอาศัยพระผู้ทรงรักเรา เพราะข้าพเจ้า เชือ่ มัน่ ว่า ไม่วา่ ความตายหรือชีวติ ไม่วา่ ทูตสวรรค์หรือผูม้ อี �ำ นาจปกครอง ไม่วา่ ปัจจุบนั หรืออนาคต ไม่ว่าฤทธิ์อำ�นาจใดหรือความสูง ความลึก ไม่มีสรรพสิ่งใดๆ จะพรากเรา ได้จากความรักของพระเจ้า ซึ่งปรากฏในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 14:13-21 เวลานัน้ เมือ่ พระเยซูเจ้าทรงทราบข่าวความตายของยอห์นบัปติสต์ ได้เสด็จออก


จากที่นั่น ลงเรือไปยังที่สงัดตามลำ�พัง เมื่อประชาชนรู้ต่างก็ เดินเท้าจากเมืองต่างๆ มาเฝ้าพระองค์ เมื่อเสด็จขึ้นจากเรือ ทรงเห็นประชาชนมากมายก็ทรงสงสาร และทรงรักษาผูเ้ จ็บ ป่วยให้หายจากโรค เมื่ อ ถึ ง เวลาเย็ น บรรดาศิ ษ ย์ เข้ า มาทู ล พระองค์ ว่ า “สถานที่นี้เป็นที่เปลี่ยว และเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ขอ พระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนไปตามหมู่บ้านเพื่อซื้อ อาหารเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เขาไม่จำ�เป็นต้องไปจากที่ นี่ ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลตอบว่า “ที่ นี่ เรามี ข นมปั ง เพี ย งห้ า ก้ อ นกั บ ปลาสองตั ว เท่ า นั้ น ” พระองค์จึงตรัสว่า “เอามาให้เราที่นี่เถิด” พระองค์ทรงสั่ง ให้ประชาชนนัง่ ลงบนพืน้ หญ้า ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลา สองตัวขึ้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปังส่งให้บรรดาศิษย์ไป แจกแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้ถึงสิบสองกระบุง จำ�นวนคนที่กินมีผู้ชาย ประมาณห้าพันคน ไม่นับผู้หญิงและเด็ก พระเยซูเจ้าทรงเศร้าพระทัยเพราะการจากไปของท่านยอห์น แต่พระองค์ทรงสงสารและทรง ช่วยประชาชนที่มีความทุกข์ ทรงรักษาคนเจ็บป่วยให้หายจากโรค ทรงจัดงานเลี้ยงที่แตกต่างจากงาน เลี้ยงของกษัตริย์เฮโรด สำ�หรับผู้คนจำ�นวนมาก ด้วยความรักและความวางใจในพระเจ้า ด้วย “ขนมปัง เพียงห้าก้อนกับปลาสองตัว” ทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กได้กินจนอิ่ม พระเยซูคริสต์ทรงเลี้ยงดูเราด้วยอาหาร ฝ่ายกาย-จิต “ท่านทั้งหลายที่กระหาย จงมาดื่มนํ้า แม้ผู้ไม่มีเงินจงมาเถิด” ด้วยพระพรต่างๆ และ “ความ รักแท้ของพระเจ้า ซึง่ ปรากฏในพระคริสตเยซูองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา” “ใครจะพรากเราจากความรักของ พระคริสตเจ้าได้” ข้าแต่พระคริสตเจ้าโปรดสอนข้าพเจ้าให้เรียนรู้ที่จะมีท่าทีและจิตใจใหม่ รู้จักแบ่งปัน สิ่งที่มีหรือเป็นแก่ทุกคนที่อยู่รอบข้างตามแบบอย่างของพระองค์


3

¨Ñ¨¹Ñ ·Ã ·Ã

ÊÔÊ§Ô ËÒ¤Á ËÒ¤Á สัปดาห์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา สดด 118:29,43, 79-80,95-96

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 ยรม 28:1-17 ปีเดียวกันนั้น เมื่อเริ่มรัชกาลของกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ในเดือนที่ห้า ปีที่ สี่ ประกาศกฮานันยาห์... พูดกับข้าพเจ้าในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้า บรรดาสมณะและประชากรทั้งปวงว่า “...‘เราได้หักแอกของกษัตริย์แห่งบาบิโลนแล้ว ภายในสองปี เราจะนำ�เครือ่ งใช้ทงั้ หมดของพระวิหารขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ซึง่ กษัตริย์ เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนริบจากที่นี่ขนไปยังกรุงบาบิโลนกลับมาที่นี่อีก เราจะนำ� เยโคนิยาห์พระโอรสของกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ และบรรดาผู้ถูกกวาดต้อนจาก ยูดาห์ไปยังกรุงบาบิโลนกลับมา องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัส เพราะเราจะหักแอกของกษัตริย์ แห่งบาบิโลน’” ประกาศกเยเรมีย์จึงตอบประกาศกฮานันยาห์... ว่า “สาธุ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงทำ�เช่นนี้เถิด ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำ�ให้ถ้อยคำ�ที่ท่านได้ประกาศนั้นเป็นจริง ทรงนำ�เครือ่ งใช้ทงั้ หมดของพระวิหารขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และผูถ้ กู กวาดต้อนทุกคน กลับจากกรุงบาบิโลนมายังสถานที่นี้เถิด...”

พระวรสาร มธ 14:22-36 ทันทีหลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้บรรดาศิษย์ลงเรือข้ามทะเลสาบล่วงหน้าพระองค์ไปในขณะที่ พระองค์ทรงจัดให้ประชาชนกลับ เมื่อทรงลาประชาชนแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐาน ภาวนาตามลำ�พัง ครั้นเวลาคํ่า พระองค์ทรงอยู่ที่นั่นเพียงพระองค์เดียว ส่วนเรืออยู่ห่างจากฝั่งหลายร้อย เมตร กำ�ลังแล่นโต้คลื่นอย่างหนักเพราะทวนลม เมื่อถึงยามที่สี่ พระองค์ทรงดำ�เนินบนทะเลไปหาบรรดา ศิษย์ เมื่อบรรดาศิษย์เห็นพระองค์ทรงดำ�เนินอยู่บนทะเลดังนั้น ต่างตกใจมากกล่าวว่า “ผีมา” และส่งเสียง อื้ออึงด้วยความกลัว ทันใดนั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ทำ�ใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” เปโตรทูลตอบ ว่า “พระเจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์ ก็จงสั่งให้ข้าพเจ้าเดินบนนํ้าไปหาพระองค์เถิด” พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือ เดินบนนํ้าไปหาพระเยซูเจ้า แต่เมื่อเห็นว่าลมแรง เขาก็กลัวและเริ่มจมลง แล้วร้องว่า “พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย” ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์จับเขา ตรัสว่า “ท่านช่างมีความเชื่อ น้อยจริง สงสัยทำ�ไมเล่า” เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นมาประทับในเรือพร้อมกับเปโตรแล้ว ลมก็สงบ คนที่อยู่ใน เรือจึงเข้ามากราบนมัสการพระองค์ ทูลว่า “พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง” พระเยซูเจ้าทรงข้ามฟากพร้อมกับบรรดาศิษย์มาขึ้นฝั่งที่เมืองเยนเนซาเรท ผู้คนที่นั่นจำ�พระองค์ได้ จึง ส่งข่าวต่อๆ กันไปทั่วบริเวณนั้น เขานำ�ผู้เจ็บป่วยทุกคนมาเฝ้าพระองค์ ทูลขอสัมผัสเพียงฉลองพระองค์ เท่านั้น และทุกคนที่สัมผัสแล้ว ก็หายจากโรค พวกอิสราเอลถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลนสองช่วงในปี 598-587 ก่อน ค.ศ. เป็น เวลาแห่งความยากลำ�บาก การทนทุกข์ การถูกทดลองต่างๆ แต่เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำ�ให้พวกอิสราเอล เป็นทุกข์กลับใจและดำ�เนินชีวิตใหม่ตามพระวาจาของพระเจ้าและคำ�สอนของประกาศก ประกาศก ฮานันยาห์ในปี 593 ก่อน ค.ศ. ทำ�นายว่าพระเจ้าจะช่วยอิสราเอลให้เป็นเชลยไม่นาน แต่ประกาศกเยเรมีย์ บอกไม่ใช่ พระเจ้าจะช่วยในเวลาเหมาะสม พวกอิสราเอลเป็นอิสระในปี 537 ก่อน ค.ศ. เป็นเชลย 49-61ปี พระเยซูเจ้าทรงสงสาร ทรงรักษาผูเ้ จ็บป่วยให้หายจากโรค และทรงเลีย้ งประชาชนทุกคนทีต่ ดิ ตามพระองค์ ด้วยอาหารทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิต ด้วยความรักและความวางใจในพระเจ้า


4

อังคาร บทอ่านที่ 1 ยรม 30:1-2,12-15,18-22 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสกับเยเรมียว์ า่ “องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัส ดังนี้ จงเขียนถ้อยคำ�ทุกคำ�ที่เราได้บอกท่านไว้ในหนังสือเพื่อจะอ่านในภายหลัง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ บาดแผลของท่านรักษาไม่หาย รอยฟกชํ้าของท่านก็ สาหัส ไม่มีผู้ใดช่วยแก้คดีของท่าน ไม่มียารักษาบาดแผลของท่าน ท่านจะไม่มีวันหาย เจ็บ คนรักทุกคนของท่านได้ลืมท่าน เขาไม่แสวงหาท่านอีกแล้ว เพราะเราเฆี่ยนตีท่าน ระลึกถึง เหมือนศัตรูโบยตี เป็นการลงโทษอย่างที่คนโหดร้ายทำ� เพราะความผิดของท่าน น.ยอห์น มารีย์ ใหญ่หลวง บาปของท่านมากมาย ทำ�ไมท่านจึงร้องเพราะบาดแผล รอยฟกชํ้าของท่าน เวียนเนย์ รักษาไม่ได้ เพราะความชั่วร้ายของท่านใหญ่หลวง บาปของท่านมากมาย เราได้ทำ�สิ่ง พระสงฆ์ เหล่านี้แก่ท่าน สดด 102:15-17,18-20, องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ดูซิ เราจะตั้งกระโจมของยาโคบให้กลับดีเหมือนเดิม 28 และ 21-22 เราจะสงสารที่อาศัยของเขา เมืองจะถูกสร้างขึ้นอีกบนกองซากปรักหักพัง พระราชวัง ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 จะถูกตั้งขึ้นอีกในที่เดิม เพลงขอบพระคุณและเสียงของผู้ฉลองยินดีจะออกมาจากที่ เหล่านั้น เราจะทวีจำ�นวนของเขา เขาจะไม่ลดจำ�นวนลง เราจะให้เกียรติเขา เขาจะไม่ถูกเหยียดหยาม ลูก หลานของเขาจะเป็นเหมือนเดิม ชุมชนของเขาจะมั่นคงอยู่ต่อหน้าเรา เราจะลงโทษทุกคนที่เบียดเบียนเขา เจ้านายจะเป็นคนหนึ่งจากหมู่ของเขา ผู้ปกครองจะมาจากหมู่ของเขา เราจะทำ�ให้ผู้นั้นเข้ามาใกล้ และเขา จะเข้ามาใกล้เรา เพราะผู้ใดจะกล้าเสี่ยงชีวิตเข้ามาใกล้เรา องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส ท่านทั้งหลายจะเป็น ประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของท่าน

สิงหาคม

พระวรสาร มธ 15:1-2,10-14 เวลานั้น ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์จากกรุงเยรูซาเล็มมาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “ทำ�ไมศิษย์ของ ท่านละเลยขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ เขาไม่ล้างมือเมื่อกินอาหาร” พระเยซูเจ้าทรงเรียกประชาชนเข้ามา ตรัสว่า “จงฟังและเข้าใจเถิด สิ่งที่เข้าไปทางปากไม่ทำ�ให้มนุษย์ มีมลทิน แต่สิ่งที่ออกมาจากปากนั่นแหละทำ�ให้มนุษย์มีมลทิน” บรรดาศิษย์จึงเข้ามาทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์ทรงทราบหรือไม่ว่าพวกฟาริสีไม่พอใจเมื่อได้ยินคำ� นี”้ พระองค์ทรงตอบว่า “ต้นไม้ทกุ ต้นทีพ่ ระบิดาของเราผูส้ ถิตในสวรรค์มไิ ด้ทรงปลูกไว้ จะถูกถอนทิง้ ปล่อย เขาเถิด เขาเป็นคนตาบอดที่นำ�ทางคนตาบอดด้วยกัน ถ้าคนตาบอดนำ�ทางคนตาบอด ทั้งสองคนก็จะตกลง ไปในคู” ในปี 537 ก่อน ค.ศ. พวกอิสราเอลได้รับอิสระเดินทางกลับประเทศอิสราเอล พวกอิสราเอล ได้พบเมืองที่อยู่ในสภาพปรักหักพัง ต้องออกแรงสร้างเมืองใหม่ แต่พวกเขามีกำ�ลังใจเพราะความเชื่อใน พระเจ้า พวกเขาเป็นประชากรของพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า ศาสนามิใช่เป็นเรื่องกฎเกณฑ์ภายนอก แต่เป็นเรื่องของจิตใจ นักบุญยอห์น มารีย์เวียนเนย์ เจ้าอาวาสผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอาร์ส เกิดในครอบครัว ชาวนาคริสตชนที่ศรัทธา ในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส ท่านผ่านอุปสรรคความยากลำ�บากมากมายจนได้บวชเป็น พระสงฆ์ ท่านได้ท�ำ หน้าทีส่ งฆ์ของพระคริสตเจ้าอย่างดี ทำ�ให้วดั เป็นชุมชนแห่งความเชือ่ ทีป่ ระกาศข่าวดี ใหม่แห่งพระเมตตาของพระเจ้า


5 พุธ

สิงหาคม วันถวายพระวิหาร แม่พระแห่งหิมะ ยรม 31:10,11-12ก 13-14ก

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 ยรม 31:1-7 วันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะเป็นพระเจ้าของทุกเผ่าแห่งอิสราเอล และ เขาจะเป็นประชากรของเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ประชากรที่รอดชีวิตจากดาบ ได้พบพระกรุณาใน ถิน่ ทุรกันดาร ขณะทีอ่ สิ ราเอลเดินไปหาทีพ่ กั ผ่อน องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงสำ�แดงพระองค์ แก่เขาจากที่ไกล ตรัสว่า เรารักท่านด้วยความรักนิรันดร ดังนั้น เราจึงมีความรักมั่นคง ต่อท่านตลอดไป อิสราเอลพรหมจารีเอ๋ย เราจะสร้างท่านอีก และท่านจะถูกสร้างขึ้น ใหม่ ท่านจะแต่งตัวงดงามถือรำ�มะนาอีก ออกไปเต้นรำ�กับผู้ที่ฉลองยินดี ท่านจะปลูก สวนองุน่ บนภูเขาของสะมาเรียอีก ผูป้ ลูกจะปลูก และเก็บผลผลิต วันนัน้ จะมาถึง เมือ่ คนยามจะร้องเรียกบนภูเขาแห่งเอฟราอิมว่า ‘จงลุกขึ้นเถิด เราจงไปยังศิโยนกันเถิด ไปเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเรา’” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “จงร้องเพลงด้วยความยินดีสำ�หรับยาโคบ และ โห่ร้องต้อนรับผู้นำ�ของนานาชาติ จงประกาศสรรเสริญร้องว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรง ช่วยประชากรของพระองค์ให้รอดพ้น คือผู้ที่รอดชีวิตของอิสราเอล’” พระวรสาร มธ 15:21-28 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่น มุ่งไปเขตเมืองไทระและเมืองไซดอน ทันใด นั้น หญิงชาวคานาอันคนหนึ่งจากเขตแดนนี้ร้องว่า “โอรสกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรด เมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด บุตรสาวของข้าพเจ้าถูกปีศาจสิงต้องทรมานมาก” แต่พระองค์ มิได้ตรัสตอบประการใด บรรดาศิษย์จงึ เข้ามาทูลพระองค์วา่ “โปรดประทานตามทีน่ าง ทูลขอเถิด เพราะนางร้องตะโกนตามหลังพวกเรามา” พระองค์ทรงตอบว่า “เราถูกส่ง มาเพื่อแกะที่พลัดหลงของวงศ์วานอิสราเอลเท่านั้น” แต่นางเข้ามากราบพระองค์ทูล ว่า “พระเจ้าข้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด” พระองค์ทรงตอบว่า “ไม่สมควรที่จะเอา อาหารของลูก มาโยนให้ลกู สุนขั กิน” นางทูลว่า “ถูกแล้ว พระเจ้าข้า แต่แม้แต่ลกู สุนขั ก็ยังได้กินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของนาย” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย ความเชื่อของเจ้ายิ่งใหญ่ จงเป็นไปตามที่เจ้าปรารถนาเถิด” และบุตรหญิงของนางก็ หายเป็นปกติตั้งแต่บัดนั้น

หญิงชาวคานาอันขอความเมตตาจากพระเยซูเจ้า แต่พระองค์มิได้ตอบ บรรดาศิษย์ต้องการ ให้พระเยซูเจ้าทำ�ตามทีห่ ญิงนัน้ ขอเพือ่ ตัดรำ�คาญ แต่พระเยซูเจ้าต้องการปลุกความเชือ่ ในจิตใจของนาง เมือ่ นางขอร้องพระองค์อีก พระองค์ใช้คำ�พูดที่ชาวยิวคุ้นเคยใช้เรียกคนต่างชาติหรือต่างความเชื่อ แต่พระองค์ ลดการดูหมิน่ ทรงใช้ค�ำ ว่า “ลูกสุนขั ” นางได้แสดงความเชือ่ อย่างจริงใจ และละวางตัวตน ความรูส้ กึ อับอาย ว่างเปล่า อยู่ต่อหน้าและแสดงความเชื่อใจในพระองค์ พระองค์จึงตรัสว่า “นางเอ๋ยความเชื่อของเจ้า ยิ่งใหญ่ จงเป็นไปตามที่เจ้าปรารถนาเถิด” นางเป็นแบบอย่างของผู้มีความเชื่อ ผู้ภาวนาอย่างสิ้นสุดจิตใจ เชื่อว่าพระเจ้าทรงเมตตากับทุกคน และนางก็ได้รับผลของความเชื่อนั้น


6

พฤหัสบดี บทอ่านที่ 1 ดนล 7:9-10,13-14 ขณะทีข่ า้ พเจ้ากำ�ลังมองดูอยูน่ นั้ ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายองค์ถกู นำ�มาตัง้ ไว้ และ ผู้สูงด้วยวัยวุฒิท่านหนึ่งมานั่งบนบัลลังก์ สวมอาภรณ์ขาวอย่างหิมะ ผมบนศีรษะขาว เหมือนขนแกะ บัลลังก์ของเขาเหมือนเปลวเพลิง มีล้อเหมือนไฟลุกโพลง เบื้องหน้า เขามีธารไฟไหลออกมา ผู้รับใช้จำ�นวนมาก นับล้านนับโกฎิอสงไขย คอยเฝ้ารับใช้เขา การพิจารณาคดีเริ่มขึ้น และบรรดาหนังสือก็เปิดออก ข้าพเจ้ายังเห็นนิมิตเวลากลางคืนต่อไป ข้าพเจ้าเห็นท่านผู้หนึ่งเหมือนบุตรแห่ง มนุษย์ มาพร้อมกับหมู่ก้อนเมฆในท้องฟ้า เขามาพบผู้สูงด้วยวัยวุฒิ และมีผู้แนะนำ� เขาแก่ท่านผู้นั้น เขาได้รับมอบอำ�นาจปกครอง สิริรุ่งโรจน์ และอาณาจักร ประชาชน ทุกชาติทุกภาษารับใช้เขา อำ�นาจปกครองของเขาเป็นอำ�นาจที่คงอยู่ตลอดไปไม่มีวัน สิ้นสุด และอาณาจักรของเขาจะไม่มีวันถูกทำ�ลายเลย

สิงหาคม ฉลองพระเยซูเจ้า ทรงสำ�แดง พระวรกายรุ่งโรจน์ ต่อหน้าอัครสาวก สดด 97:1-2,5-6,9

พระวรสาร มธ 17:1-9 ต่อมาอีกหกวัน พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายไปบนภูเขา สูงทีป่ ราศจากผูค้ น แล้วพระวรกายของพระองค์กเ็ ปลีย่ นไปต่อหน้าเขา พระพักตร์เปล่ง รัศมีดุจดวงอาทิตย์ ฉลองพระองค์กลับมีสีขาวดุจแสงสว่าง โมเสสและประกาศก เอลียาห์สำ�แดงตนสนทนาอยู่กับพระองค์ เปโตรจึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ที่นี่ สบายน่าอยู่จริงๆ ถ้าพระองค์มีพระประสงค์ ข้าพเจ้าจะสร้างเพิงขึ้นสามหลัง หลังหนึ่ง สำ�หรับพระองค์ หลังหนึ่งสำ�หรับโมเสส อีกหลังหนึ่งสำ�หรับเอลียาห์” ขณะที่เปโตร กำ�ลังพูดอยู่นั้น มีเมฆสว่างจ้าก้อนหนึ่งปกคลุมพวกเขาไว้ เสียงหนึ่งดังจากเมฆนั้นว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เราพึงพอใจยิ่งนัก จงฟังท่านเถิด” เมื่อได้ยินดังนั้น ศิษย์ทั้งสามคนซบหน้าลงกับพื้นดิน มีความกลัวอย่างยิ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาใกล้ ทรงสัมผัสเขา ตรัสว่า “จงลุกขึ้นเถิด อย่ากลัวเลย” เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาไม่เห็นผู้ใด นอกจากพระเยซูเจ้าเท่านั้น ขณะทีก่ �ำ ลังลงจากภูเขา พระเยซูเจ้าทรงกำ�ชับศิษย์ทงั้ สามคนว่า “อย่าเล่านิมติ ที่ ได้เห็นนี้ให้ผู้ใดฟัง จนกว่าบุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย” พระเยซูเจ้าทรงสำ�แดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์ เป็นเครื่องหมายแสดงถึงพันธกิจของพระองค์ ที่จะนำ�มนุษย์ไปสู่ความรุ่งโรจน์ ผ่านทางการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ เปโตร ยากอบ และยอห์น อัครสาวกมีประสบการณ์การประจักษ์พระวรกายของพระเยซูเจ้าอย่างรุง่ โรจน์ น.เปโตร กล่าวว่า ท่านได้ประจักษ์ด้วยตาของตนเองถึงความยิ่งใหญ่ พระสิริรุ่งโรจน์ที่พระเยซูเจ้าได้รับจากพระเจ้า พระบิดา “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา ซึ่งเราพอใจ” ประสบการณ์นี้อยู่ในใจของท่าน ทำ�ให้พวกท่าน ยอมรับธรรมลํ้าลึกปัสกา ซึ่งนำ�ไปสู่การกลับคืนชีพของพระเยซูคริสตเจ้า คริสตชนทุกคนได้รับเรียกให้มี ประสบการณ์กับพระเจ้าในความรักและประสบการณ์การช่วยให้รอดที่เราได้รับจากพระองค์เป็นเงื่อนไข สำ�คัญอันจะขาดมิได้ในชีวิตความเชื่อและแรงบันดาลใจในการประกาศข่าวดี


7 ศุกร

สิงหาคม น.ซิกส์โต ที่ 2 พระสันตะปาปา และเพื่อนมรณสักขี น.กาเยตาน พระสงฆ์ ฉธบ 32:35-36,39,41

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 นฮม 2:1,3;3:1-3,6-7 ดูซิ เท้าของผู้นำ�ข่าวดีอยู่บนภูเขาแล้ว เขาประกาศว่า “สันติภาพ” ยูดาห์เอ๋ย จง เฉลิมฉลองเทศกาลของเจ้าเถิด จงแก้บนของเจ้า เพราะคนชั่วร้ายจะไม่มารุกรานเจ้า อีก เขาถูกตัดออกไปหมดแล้ว องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงฟืน้ ฟูสวนองุน่ ของยาโคบให้กลับ สู่สภาพเดิม เหมือนสวนองุ่นของอิสราเอล เพราะผู้ปล้นได้ปล้นสวนองุ่นเหล่านี้ และ ได้ทำ�ลายกิ่งก้านจนหมดสิ้น วิบัติจงเกิดแก่เมืองที่แปดเปื้อนด้วยโลหิต เต็มไปด้วยการมุสาและของเชลย ไม่ เคยหยุดปล้นสะดม เสียงขวับของแส้ เสียงโครมครามของล้อรถ เสียงม้าควบ และ เสียงรถรบกำ�ลังทะยานไป พลม้าเข้าประจัญบาน คมดาบแวบวาบ หอกแวววาว คน จำ�นวนมากถูกแทง คนตายกองเป็นพะเนิน มีศพนับไม่ถ้วน คนเดินสะดุดศพเหล่านั้น เราจะโยนของโสโครกใส่เจ้า ทำ�ให้เจ้าต้องอับอาย เป็นที่เยาะเย้ย แล้วทุกคนที่ เห็นเจ้าก็จะหนีไปจากเจ้า พูดว่า “กรุงนีนะเวห์ถูกทำ�ลายแล้ว ใครจะสงสารเธอ เราจะ ไปหาใครที่ไหนมาปลอบโยนเธอได้” พระวรสาร มธ 16:24-28 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ถ้าผู้ใดอยากตามเรา ก็จงเลิกคิดถึง ตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิตของตนให้รอดพ้น ก็จะสูญเสียชีวติ นิรนั ดร แต่ถา้ ผูใ้ ดเสียชีวติ ของตนเพราะเรา ก็จะพบชีวติ นิรนั ดร มนุษย์ จะได้ประโยชน์ใดในการที่ได้โลกทั้งโลกเป็นกำ�ไร แต่ต้องเสียชีวิต มนุษย์จะต้องให้สิ่ง ใดเพื่อแลกกับชีวิตที่สูญเสียไปให้กลับคืนมา บุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จกลับมาในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาพร้อมกับบรรดา ทูตสวรรค์ เมื่อนั้นพระองค์จะประทานรางวัลแก่ทุกคนตามความประพฤติของเขา เรา บอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า บางท่านที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่ตาย จนกว่าจะได้เห็น บุตรแห่งมนุษย์เสด็จกลับมาในพระอาณาจักรของพระองค์”

พระเยซูเจ้าได้ตรัสแก่บรรดาศิษย์ถงึ เงือ่ นไขในการติดตามพระองค์ “จง เลิกคิดถึงตนเอง” หมายถึง บรรดาศิษย์ต้องเลิกคิดถึงตนเอง แต่เลือกชีวิตใหม่ เป็น วิถีชีวิต พันธกิจ เอกลักษณ์ของพระคริสตเจ้า “จงแบกกางเขนของตนและติดตาม เรามา” คือมีความพร้อมสมัครใจที่จะรับความยากลำ�บากที่เป็นผลจากการดำ�เนิน ชีวิต และสืบสานการประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้า “ผู้ที่รักชีวิตของตนย่อมเสีย ชีวติ นัน้ ส่วนผูท้ พี่ ร้อมจะสละชีวติ ของตนในโลกนี้ ก็ยอ่ มจะรักษาชีวติ นัน้ ไว้สำ�หรับชีวติ นิรันดร ผู้ใดรับใช้เรา ผู้นั้นจงตามเรามา เราอยู่ที่ใด ผู้รับใช้ของเราก็อยู่ที่นั้นด้วย ผู้ใด รับใช้เรา พระบิดาจะประทานเกียรติแก่เขา” (ยน 12:25-26)


8

เสาร

บทอ่านที่ 1 ฮบก 1:12-2:4 ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของข้าพเจ้า พระผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิข์ องข้าพเจ้า พระองค์ ทรงดำ�รงอยู่ตั้งแต่นิรันดรมิใช่หรือ ข้าพเจ้าทั้งหลายจะไม่ตาย ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงตัง้ เขาไว้เพือ่ ตัดสินลงโทษ ข้าแต่พระศิลา พระองค์ทรงตัง้ เขาไว้อย่างมัน่ คง เพื่อทรงลงโทษ พระเนตรของพระองค์บริสทุ ธิเ์ กินกว่าจะทอดพระเนตรเห็นความชัว่ หรือทรงทน ระลึกถึง มองดูการกดขี่ข่มเหงได้ แล้วทำ�ไมพระองค์จึงทอดพระเนตรเห็นคนทรยศ และทรงนิ่ง น.โดมินิก อยู่เมื่อคนอธรรมกลืนผู้ชอบธรรมกว่าตน พระองค์ทรงทำ�กับมนุษย์เหมือนทำ�กับปลา พระสงฆ์ ในทะเล เหมือนทำ�กับสัตว์เลือ้ ยคลานทีไ่ ม่มผี ปู้ กครอง ชาวเคลเดียใช้เบ็ดจับทุกคนขึน้ สดด 9:7-10,11-12 มา ใช้แหลากขึ้นมา ใช้อวนรวบรวมไว้ด้วยกัน แล้วยินดีและปรีดิ์เปรม เขาจึงถวายบูชาแก่แหของเขา เผาเครือ่ งหอมแก่อวนของเขา เพราะอาศัยสิง่ เหล่า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 นี้ เขาจึงมีความเป็นอยู่อย่างฟุ่มเฟือย อาหารการกินก็อุดมบริบูรณ์ แล้วเขาจะต้องเท เหยื่อออกจากแหครั้งแล้วครั้งเล่า และฆ่าชนชาติต่างๆ โดยไร้เมตตาหรือ ข้าพเจ้าจะ ยืนรักษาการณ์อยู่ จะยืนบนหอคอย เฝ้ามองเพื่อจะเห็นว่า พระองค์จะตรัสอะไรแก่ ข้าพเจ้า จะทรงตอบการร้องทุกข์ของข้าพเจ้าอย่างไร องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสตอบข้าพเจ้าว่า “จงเขียนนิมติ และสลักไว้ให้ชดั เจนบนแผ่นกระดาน เพือ่ ให้อา่ น ได้งา่ ย ยังไม่ถงึ เวลาทีน่ มิ ติ นีจ้ ะเป็นจริง แต่จะเป็นจริงในไม่ชา้ ตามทีก่ �ำ หนดไว้อย่างแน่นอน แม้นมิ ติ นีจ้ ะล่าช้า ไปบ้าง ก็จงคอยสักระยะหนึ่ง นิมิตนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนโดยไม่ชักช้า ดูซิ ผู้มีจิตใจไม่ซื่อตรงก็จะล้มลง แต่ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตเพราะความซื่อสัตย์”

สิงหาคม

พระวรสาร มธ 17:14-20 เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จพร้อมกับศิษย์ทั้งสามคนมาพบประชาชน ชายผู้หนึ่งเข้ามาเฝ้าพระองค์ คุกเข่าลงทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดสงสารลูกชายของข้าพเจ้าเถิด เขาเป็นโรคลมชัก ทนทรมานมาก เคย ตกไฟตกนํา้ หลายครัง้ ข้าพเจ้าพาเขามาหาศิษย์ของพระองค์ แต่เขารักษาให้หายไม่ได้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบ ว่า “คนหัวดื้อ เชื่อยาก และชั่วร้าย เราจะต้องอยู่กับพวกท่านอีกนานเท่าใด จะต้องทนพวกท่านอีกนาน เท่าใด พาเด็กมาพบเราที่นี่เถิด” พระเยซูเจ้าทรงขู่ปีศาจ มันจึงออกไปจากเด็ก เด็กก็หายเป็นปกติตั้งแต่นั้น บรรดาศิษย์จึงเข้าเฝ้าพระเยซูเจ้าเป็นการส่วนตัว ทูลถามว่า “ทำ�ไมพวกเราจึงขับไล่มันไม่ได้” พระองค์ตรัส ว่า “เพราะท่านมีความเชือ่ น้อย เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า ถ้าท่านมีความเชือ่ สักเท่าเมล็ดมัสตาร์ด แล้วพูดกับภูเขานี้ว่า ‘จงย้ายจากที่นี่ ไปที่โน่น’ มันก็จะย้ายไป และไม่มีอะไรที่ท่านจะทำ�ไม่ได้” ประกาศกฮาบากุกเป็นตัวแทนของชาวอิสราเอลได้ตงั้ คำ�ถามว่า ทำ�ไมพระเจ้าจึงปล่อยให้ชาว เคลเดียทีบ่ ชู าอำ�นาจและสงครามทำ�ร้ายชาวอิสราเอล พระเจ้าตรัสตอบว่า ให้รอคอยเวลาคนไม่ชอบธรรม จะรับผลที่กระทำ� และคนชอบธรรมจะดำ�รงชีวิตอยู่ด้วยความซื่อสัตย์ พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า ไม่ตอ้ งกลัวอำ�นาจทีช่ วั่ ร้าย บาปและปีศาจมารร้าย แต่ให้มคี วามเชือ่ ในพระองค์ ให้เข้มแข็งและพยายามขับไล่ตอ่ สูก้ บั ความชัว่ ร้าย จำ�เป็นต้องอธิษฐานภาวนาและจำ�ศีลอดอาหาร “ถ้าท่าน มีความเชือ่ สักเท่าเมล็ดมัสตาร์ด ไม่มอี ะไรทีท่ า่ นจะทำ�ไม่ได้” ข้าแต่พระเยซูคริสตเจ้า ขอโปรดเพิม่ ความเชือ่ ของลูกด้วยเทอญ


9

อาทิตย สิงหาคม สัปดาห์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่หนึ่ง 1 พกษ 19:9ก, 11-13ก ที่นั่น เอลียาห์เข้าไปค้างคืนในถํ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงออกไปยืน อยู่บนภูเขาเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า” แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าก็เสด็จผ่าน มา ทรงบันดาลให้เกิดลมพัดแรงกล้า ผ่าภูเขาทำ�ให้หินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เฉพาะ พระพักตร์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า แต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ามิได้ประทับอยูใ่ นลมนัน้ เมือ่ ลมหยุด ก็เกิดแผ่นดินไหว แต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ามิได้ประทับอยูใ่ นแผ่นดินไหว หลังจากแผ่นดิน ไหวก็เกิดไฟลุก แต่องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ประทับอยู่ในไฟนั้น หลังจากไฟก็มีเสียง กระซิบเบาๆ เมื่อเอลียาห์ได้ยิน ก็เอาเสื้อคลุมปิดหน้าไว้ ออกมายืนอยู่ที่ปากถํ้า เพลงสดุดี สดด 85:8-9,10-11,12-13 ก) ข้าพเจ้ากำ�ลังฟังอยู่ว่าพระองค์จะตรัสอะไร องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประกาศสันติภาพ แก่ประชากรของพระองค์และแก่ผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ ขอเพียงอย่าให้เขาทำ�สิ่งโง่เขลาอีก ถูกแล้ว ความรอดพ้นอยู่ใกล้ผู้ที่ยำ�เกรงพระองค์ พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์จะอยู่ในแผ่นดินของเรา ข) ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์จะพบกัน ความเที่ยงธรรมและสันติจะสวมกอดกัน ความซื่อสัตย์จะปรากฏขึ้นจากแผ่นดิน ความเที่ยงธรรมจะเยี่ยมหน้าจากสวรรค์ ค) ใช่แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานฝนเป็นพระพร และแผ่นดินของเราก็จะให้ผลเก็บเกี่ยวมากมาย ความเที่ยงธรรมจะเดินนำ�หน้าพระองค์ เบิกทางให้ทรงพระดำ�เนิน บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 9:1-5 พีน่ อ้ ง ข้าพเจ้าพูดความจริงในพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าไม่มสุ า มโนธรรมของข้าพเจ้า และพระจิตเจ้าร่วมเป็นพยานได้วา่ ข้าพเจ้ามีความเศร้าโศกใหญ่หลวง และมีความทุกข์ ใจอยู่ตลอดเวลา ข้าพเจ้ายินดีถูกสาปแช่ง ถูกตัดขาดจากพระคริสตเจ้า ถ้าหากจะเป็น ประโยชน์ต่อพี่น้องของข้าพเจ้าซึ่งมีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน พี่น้องเหล่านี้คือชาว อิสราเอล ที่ได้เป็นบุตรบุญธรรม ได้รับเกียรติ พันธสัญญา ธรรมบัญญัติ รวมทั้งศาสน พิธีและพระสัญญาต่างๆ พวกเขามีบรรพบุรุษเป็นต้นตระกูลของพระคริสตเจ้าตาม ธรรมชาติมนุษย์ พระองค์ทรงอยู่เหนือสรรพสิ่ง เป็นพระเจ้าและทรงได้รับการถวาย สดุดีตลอดนิรันดร อาเมน


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 14:22-33 ทันทีหลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้บรรดาศิษย์ลง เรือข้ามทะเลสาบล่วงหน้าพระองค์ไปในขณะทีพ่ ระองค์ทรง จัดให้ประชาชนกลับ เมื่อทรงลาประชาชนแล้ว พระองค์ก็ เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐานภาวนาตามลำ�พัง ครั้น เวลาคํ่า พระองค์ทรงอยู่ที่นั่นเพียงพระองค์เดียว ส่วนเรือ อยู่ห่างจากฝั่งหลายร้อยเมตร กำ�ลังแล่นโต้คลื่นอย่างหนัก เพราะทวนลม เมื่อถึงยามที่สี่พระองค์ทรงดำ�เนินบนทะเล ไปหาบรรดาศิษย์ เมือ่ บรรดาศิษย์เห็นพระองค์ทรงดำ�เนินอยู่ บนทะเลดังนั้น ต่างตกใจมากกล่าวว่า “ผีมา” และส่งเสียง อื้ออึงด้วยความกลัว ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ทำ�ใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” เปโตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์ ก็จงสัง่ ให้ขา้ พเจ้าเดินบนนาํ้ ไปหาพระองค์เถิด” พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือ เดินบนนํ้าไปหาพระเยซูเจ้า แต่เมื่อเห็นว่าลมแรง เขาก็ กลัวและเริ่มจมลง แล้วร้องว่า “พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย” ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์จับเขา ตรัสว่า “ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริง สงสัยทำ�ไมเล่า” เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นมาประทับในเรือพร้อมกับเปโตรแล้ว ลมก็สงบ คนที่อยู่ในเรือจึงเข้ามากราบนมัสการ พระองค์ ทูลว่า “พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง” ประกาศกเอลียาห์มปี ระสบการณ์กบั พระเจ้าในความสงบเสียงกระซิบเบาๆ บรรดาศิษย์ของ พระเยซูเจ้ามีประสบการณ์กับพระเจ้าในทะเล สำ�หรับชาวยิว ทะเลเป็นที่อยู่ของความชั่วร้าย การคุกคาม และการเบียดเบียน พระเยซูเจ้าทรงมีอำ�นาจเหนือทะเล ทรงดำ�เนินบนผิวนํ้าทะเล พระองค์ตรัสแก่บรรดา ศิษย์ว่า “ทำ�ใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” เปโตรเป็นตัวแทนศิษย์ผู้ชนะความกลัว ก้าวเดินกับพระเยซูเจ้า บนผิวนาํ้ ด้วยความเชือ่ พระองค์ทรงช่วยเปโตรทีม่ คี วามเชือ่ น้อยและมีความสงสัย คนทีอ่ ยูใ่ นเรือมีความเชือ่ ทูลว่า “พระองค์เป็นบุตรพระเจ้าอย่างแท้จริง” ชีวิตเป็นการผจญภัย ทุกวันเราได้รับการเรียกให้มี ประสบการณ์กับพระเจ้าในชีวิตของเราแต่ละคน


10 จันทร

สิงหาคม ฉลอง น.ลอเรนซ์ สังฆานุกร และมรณสักขี

สดด 112:1-2,5-6 7-8,9

บทอ่านที่ 1 2 คร 9:6-10 พีน่ อ้ ง พึงจำ�ไว้วา่ ผูท้ หี่ ว่านเมล็ดพืชเพียงเล็กน้อย ก็จะเก็บเกีย่ วได้เพียงเล็กน้อย ผูท้ หี่ ว่านเมล็ดพืชมากก็จะเก็บเกีย่ วได้มาก แต่ละคนจงให้ตามทีต่ งั้ ใจไว้ มิใช่ให้โดยนึก เสียดาย มิใช่ให้โดยฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี พระเจ้าประทาน พระหรรษทานทุกประการแก่ท่านได้อย่างอุดม เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งเพียงพอ และยังมี เหลือเฟือสำ�หรับกิจการดีทุกประการอีกด้วย ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เขา เอื้อเฟื้อแจกจ่าย เขาให้แก่คนยากจน ความชอบธรรมของเขาดำ�รงอยู่ตลอดนิรันดร” พระองค์ผปู้ ระทานเมล็ดพืชแก่ผหู้ ว่านและประทานอาหารเลีย้ งชีวติ จะทรงจัดหา และทรงทวีเมล็ดพืชที่ท่านหว่าน และจะทรงเพิ่มพูนผลแห่งความชอบธรรมของท่าน ด้วย พระวรสาร ยน 12:24-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงในดินและตายไป มันก็จะเป็นเพียงเมล็ดเดียวเท่านั้น แต่ถ้ามันตาย มันก็จะบังเกิดผลมากมาย ผู้ที่รัก ชีวิตของตนย่อมจะเสียชีวิตนั้น ส่วนผู้ที่พร้อมจะสละชีวิตของตนในโลกนี้ ก็ย่อมจะ รักษาชีวิตนั้นไว้สำ�หรับชีวิตนิรันดร ผู้ใดรับใช้เรา ผู้นั้นจงตามเรามา เราอยู่ที่ใด ผู้รับใช้ ของเราก็จะอยู่ที่นั่นด้วย ผู้ใดรับใช้เรา พระบิดาจะประทานเกียรติแก่เขา” วันนีพ้ ระศาสนจักรฉลองนักบุญลอเรนซ์ สังฆานุกรและมรณสักขี ท่าน เป็ น สั ง ฆานุ ก รของพระศาสนจั ก รของกรุ ง โรม ท่ า นมี ห น้ า ที่ ดู แ ลทรั พ ย์ สิ น ของ พระศาสนจักรและดูแลคนยากจน เจ้าเมืองบอกว่า ท่านจะไม่ถูกเบียดเบียนถ้าท่าน มอบทรัพย์สมบัติของพระศาสนจักรแก่จักรพรรดิ น.ลอเรนซ์ได้ใช้เวลา 3 วัน รวบรวม คนยากจนซึ่งเป็นสมบัติลํ้าค่าของพระศาสนจักรไปให้เจ้าเมือง ท่านถูกประหารชีวิต โดยการย่างบนตะแกรงเหล็ก ท่านถูกประหารชีวติ เป็นมรณสักขี คือ เป็นพยานชีวติ และเลียนแบบพระเยซูคริสตเจ้า เป็นดังเมล็ดข้าวที่ตกลงในดิน ตาย และเกิดผล มากมาย ท่านได้สละชีวิตและได้รับชีวิตนิรันดร


11

อังคาร

บทอ่านที่ 1 อสค 2:8-3:4 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัส “แต่ทา่ น บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงฟังสิง่ ทีเ่ ราพูดกับท่าน อย่า เป็นคนกบฏเหมือนพงศ์พันธุ์กบฏ จงอ้าปากและกินสิ่งที่เรากำ�ลังจะให้ท่าน” เมือ่ ข้าพเจ้ามองดูกเ็ ห็นพระหัตถ์เหยียดออกมาหาข้าพเจ้า พระหัตถ์นนั้ ถือหนังสือ ม้วนหนึง่ พระองค์ทรงคลีห่ นังสือม้วนนัน้ ออกต่อหน้าข้าพเจ้า มีอกั ษรเขียนอยูท่ งั้ ด้าน หน้าและด้านหลัง มีบทครํ่าครวญ คำ�ไว้ทุกข์ และคำ�วิบัติเขียนอยู่ในม้วนหนังสือนั้น พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงกินสิง่ ทีท่ า่ นเห็น จงกินหนังสือ ม้วนนี้ แล้วจงไปพูดกับพงศ์พันธุ์อิสราเอลเถิด” ข้าพเจ้าจึงอ้าปาก พระองค์ก็ประทาน หนังสือม้วนนั้นให้ข้าพเจ้ากิน แล้วตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงกินหนังสือม้วนนีซ้ ึ่ง เราให้ท่าน จงกินให้อิ่ม” ข้าพเจ้าจึงกินหนังสือม้วนนั้น ซึ่งมีรสหวานเหมือนนํ้าผึ้งใน ปากของข้าพเจ้า แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าอีกว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงไปพบพงศ์พันธุ์ อิสราเอล และประกาศถ้อยคำ�ของเราแก่เขา

สิงหาคม ระลึกถึง น.กลารา พรหมจารี สดด 119:13-14,24,72, 102-103,111-112, 131-132

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร มธ 18:1-5,10,12-14 ขณะนั้น บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “ผู้ใดยิ่งใหญ่ทสี่ ุดในอาณาจักรสวรรค์” พระเยซู เจ้าทรงเรียกเด็กเล็กๆ คนหนึง่ ให้มายืนอยูก่ ลางกลุม่ พวกเขา แล้วตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลาย ว่า ถ้าท่านไม่กลับเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย ดังนั้น ผู้ใดที่ถ่อมตนลงเป็น เหมือนเด็กเล็กๆ คนนี้ ผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์” “ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้ในนามของเรา ผู้นั้นต้อนรับเรา “จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นคนธรรมดาๆ เหล่านี้คนใดเลย เราบอกท่านทั้งหลายว่า ตลอดเวลาในสวรรค์ ทูตสวรรค์ของเขาเฝ้าชมพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์” “ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร ถ้าชายคนหนึ่งมีแกะอยู่ร้อยตัว แล้วแกะตัวหนึ่งบังเอิญหลงทาง เขาจะไม่ ปล่อยแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา เพื่อค้นหาแกะตัวที่หลงไปหรือ” “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าเขาหาแกะตัวนั้นพบแล้ว เขาจะรู้สึกยินดีที่พบมัน มากกว่า ยินดีในแกะเก้าสิบเก้าตัวที่มิได้พลัดหลง” “พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน ไม่ทรงปรารถนาให้คนธรรมดาๆ เหล่านี้แม้เพียง ผู้เดียวต้องพินาศไป” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ใดที่ถ่อมตนลงเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ คนนี้ ผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดใน อาณาจักรสวรรค์” เป็นเหมือนเด็กเล็กๆ คือ มีความถ่อมตน ยอมรับสภาพชีวิตของตน มีทั้งความดีและ ความชัว่ มีความยินดีวางใจในพระเมตตาและความรักของพระเจ้า เกิดใหม่ดว้ ยนาํ้ และพระจิตเจ้า พระองค์ จะช่วยเราให้เติบโตในชีวิตฝ่ายจิต ให้ทำ�ตนเป็นคนสุดท้ายและรับใช้ทุกคน นักบุญกลาราหญิงสาวจากครอบครัวรํา่ รวยได้ฟงั เสียงพระเจ้าผ่านการเทศน์ของ น.ฟรังซิส แห่งอัสซีซี เมือ่ อายุ 18 ปีได้ตดั สินใจละทิง้ โลกและอุทศิ ชีวติ ทัง้ ครบแด่พระเจ้าในอาราม ต่อมาท่านตัง้ คณะนักพรตหญิง คณะกลาริส กาปูชินเพื่อรับใช้พระเจ้า


12 พุธ

บทอ่านที่ 1 อสค 9:1-7 และ 10:18-22 แล้วพระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียงดังให้ข้าพเจ้าได้ยินว่า “ท่านทั้งหลายผู้มี หน้าที่ลงโทษเมืองนี้ จงเข้ามาใกล้ แต่ละคนจงถืออาวุธทำ�ลายมาด้วย” ข้าพเจ้าเห็น ชายหกคนเข้ามาจากทางประตูชั้นบน ซึ่งหันไปทางทิศเหนือ แต่ละคนถืออาวุธทำ�ลาย มาด้วย ในหมู่เขามีชายคนหนึ่งสวมผ้าป่าน เหน็บกล่องเครื่องเขียนไว้ที่สะเอว... พระองค์ทรงเรียกชายคนนัน้ ...ตรัสสัง่ เขาว่า “จงไปทัว่ เมือง คือทัว่ กรุงเยรูซาเล็ม และ น.ฌาน ฟรังซัวส์ เขียนอักษร ‘เตา’ ไว้ที่หน้าผากของมนุษย์ทุกคนซึ่งถอนใจและครํ่าครวญที่เห็นการ เดอ ชังตาล กระทำ�น่าสะอิดสะเอียนทั้งหลายที่ทำ�กันภายในเมือง” พระองค์ยังตรัสกับผู้อื่นให้ นักบวช ข้าพเจ้าได้ยินว่า “ท่านทั้งหลายจงตามเขาไปทั่วเมืองและฆ่าให้หมด ดวงตาของท่าน สดด 113:1-3,4-6 อย่าได้สงสาร และท่านอย่าได้ไว้ชีวิตเลย จงฆ่าให้หมด ทั้งคนชรา ชายหนุ่ม หญิงสาว เด็กและผู้หญิง แต่อย่าแตะต้องผู้ที่มีอักษร ‘เตา’ เขียนอยู่ที่หน้าผาก จงเริ่มต้นจาก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 สักการสถานของเรา” เขาเหล่านั้นจึงเริ่มฆ่าคนชราที่อยู่หน้าพระวิหาร... วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าออกจากธรณีประตูพระวิหาร มาประทับ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เหนือเหล่าเครูบ ข้าพเจ้าเห็นเหล่าเครูบกางปีกออกเหาะขึ้นไปจากพื้นดิน วงล้อก็เหาะ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ขึ้นตามไปข้างๆ ด้วย และมาหยุดอยู่ที่ทางเข้าประตูด้านตะวันออกของพระวิหารของ วันแม่แห่งชาติ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าแห่งอิสราเอลอยู่เหนือเครูบเหล่านั้น สิ่ง มีชวี ติ เหล่านัน้ เป็นสิง่ เดียวกันกับสิง่ ทีข่ า้ พเจ้าเคยเห็นภายใต้พระเจ้าแห่งอิสราเอลทีร่ มิ แม่นาํ้ เคบาร์ ข้าพเจ้า ก็รู้ว่าเป็นเครูบ เครูบแต่ละตนมีสี่หน้า สี่ปีก และมีสิ่งที่เหมือนมือมนุษย์อยู่ใต้ปีก ใบหน้าของสิ่งมีชีวิตเหล่า นั้นมีลักษณะเหมือนกับที่ข้าพเจ้าเคยเห็นที่ริมแม่นํ้าเคบาร์ เครูบแต่ละตนเคลื่อนตรงไปข้างหน้า

สิงหาคม

พระวรสาร มธ 18:15-20 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ถ้าพี่น้องของท่านทำ�ผิด จงไปตักเตือนเขาตามลำ�พัง ถ้าเขาเชื่อฟัง ท่านจะได้พี่น้องกลับคืนมา ถ้าเขา ไม่เชื่อฟัง จงพาอีกคนหนึ่งหรือสองคนไปด้วย คำ�พูดของพยานสองคนหรือสามคนจะได้จัดเรื่องราวให้ เรียบร้อย ถ้าเขาไม่ยอมฟังพยาน จงแจ้งให้หมูค่ ณะทราบ ถ้าเขาไม่ยอมฟังหมูค่ ณะอีก จงปฏิบตั ติ อ่ เขาเหมือน เขาเป็นคนต่างศาสนา หรือคนเก็บภาษีเถิด” “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดิน จะผูกไว้ในสวรรค์ และทุกสิ่งที่ ท่านจะแก้บนแผ่นดิน ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” “เราบอกความจริงแก่ท่านอีกว่า ถ้าท่านสองคนบนแผ่นดินพร้อมใจกันอ้อนวอนขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระ บิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์จะประทานให้ เพราะว่า ที่ใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ ที่นั่นในหมู่พวกเขา” จากพระวรสารพระเยซูเจ้าได้ให้แนวทางปฏิบตั ิ วิธกี ารและขัน้ ตอนในการช่วยตักเตือนและ แก้ไขความผิดฉันพี่น้อง เป็นการแสดงความรัก ความหวังดีต่อเพื่อนพี่น้อง ปกติไม่มีใครอยากพูดหรือ ยอมรับข้อบกพร่องของตน ต้องเป็นผู้ที่รักและหวังดีต่อกันจริงๆ โดยเฉพาะกลุ่มคริสตชนที่ดำ�เนินชีวิตตาม พระวรสาร และขอให้คริสตชนเห็นความสำ�คัญของการอธิษฐานภาวนาร่วมกันในนามของพระเยซูคริสต์ เพราะ พระองค์จะทรงอยูท่ า่ มกลางเรา


13

พฤหัสบดี บทอ่านที่ 1 อสค 12:1-12 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย ท่านอาศัยอยู่ในหมู่ พงศ์พันธุ์กบฏ เขามีตาเพื่อเห็น แต่ไม่ยอมดู มีหูเพื่อฟัง แต่ไม่ยอมฟัง เพราะเขาเป็น พงศ์พนั ธุก์ บฏ บัดนี้ บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย ท่านจงจัดเตรียมข้าวของสำ�หรับถูกกวาดต้อน ไปเป็นเชลย แล้วออกเดินทางไปเป็นเชลยในเวลากลางวันเพื่อให้ทุกคนเห็น ท่านจะ ต้องออกเดินทางไปเป็นเชลยจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งต่อหน้าเขา... จงนำ� ข้าวของออกมาตอนกลางวันให้เขาเห็น เหมือนเป็นข้าวของของผู้ถูกกวาดต้อนไปเป็น เชลย จงเจาะช่องในกำ�แพงต่อหน้าเขา แล้วออกไปตามช่องนัน้ จงยกข้าวของใส่บา่ ต่อ หน้าเขา แล้วแบกออกไปเมื่อมืดแล้ว ท่านจงคลุมใบหน้าเพื่อจะไม่เห็นพื้นดิน เพราะ เราทำ�ให้ทา่ นเป็นเครือ่ งหมายสำ�หรับพงศ์พนั ธุอ์ สิ ราเอล” ข้าพเจ้าก็ท�ำ ตามทีข่ า้ พเจ้าได้ รับคำ�สั่ง...

สิงหาคม

น.ปอนซีอาโน พระสันตะปาปา น.ฮิปโปลิต พระสงฆ์ และมรณสักขี สดด 78:56-57,58-59, 61-63

พระวรสาร มธ 18:21-19:1 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 เวลานัน้ เปโตรเข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ถ้าพีน่ อ้ งทำ�ผิดต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องยกโทษให้เขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือไม่” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราไม่ ได้บอกท่านว่าต้องยกโทษให้เจ็ดครั้ง แต่ต้องยกโทษให้เจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง” อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับกษัตริย์พระองค์หนึ่ง ทรงประสงค์จะตรวจบัญชีหนี้สินของผู้รับใช้ ขณะ ที่ทรงเริ่มตรวจบัญชีนั้น มีผู้นำ�ชายผู้หนึ่งเข้ามา ชายผู้นี้เป็นหนี้อยู่หนึ่งหมื่นตะลันต์ เขาไม่มีสิ่งใดจะชำ�ระ หนี้ได้ กษัตริย์จึงตรัสสั่งให้ขายทั้งตัวเขา บุตร ภรรยาและทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อใช้หนี้ ผู้รับใช้กราบพระบาท ทูลอ้อนวอนว่า ‘ขอทรงพระกรุณาผัดหนี้ไว้ก่อนเถิด แล้วข้าพเจ้าจะชำ�ระหนี้ให้ทั้งหมด’ กษัตริย์ทรงสงสาร จึงทรงปล่อยเขาไปและทรงยกหนี้ให้ ขณะที่ผู้รับใช้ออกไป ก็พบเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกันซึ่งเป็นหนี้เขาอยู่หนึ่ง ร้อยเหรียญ เขาเข้าไปคว้าคอบีบไว้แน่น พูดว่า ‘เจ้าเป็นหนี้ข้าอยู่เท่าไร จงจ่ายให้หมด’ เพื่อนคนนั้นคุกเข่าลงอ้อนวอนว่า ‘กรุณาผัดหนี้ไว้ก่อนเถิด แล้วข้าพเจ้าจะชำ�ระหนี้ให้’ แต่เขาไม่ยอม ฟัง นำ�ลูกหนีไ้ ปขังไว้จนกว่าจะชำ�ระหนีห้ มด เพือ่ นผูร้ บั ใช้อนื่ ๆ เห็นดังนัน้ ต่างสลดใจมาก จึงนำ�ความทัง้ หมด ไปทูลกษัตริย์ พระองค์จึงทรงเรียกชายผู้นั้นมา ตรัสว่า ‘เจ้าคนสารเลว ข้ายกหนี้สินของเจ้าทั้งหมดเพราะ เจ้าขอร้อง เจ้าต้องเมตตาเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน เหมือนกับที่ข้าได้เมตตาเจ้ามิใช่หรือ’ กษัตริย์กริ้วมาก ตรัส สัง่ ให้น�ำ ผูร้ บั ใช้นนั้ ไปทรมานจนกว่าจะชำ�ระหนีท้ งั้ หมด พระบิดาของเราผูส้ ถิตในสวรรค์จะทรงกระทำ�ต่อท่าน ทำ�นองเดียวกัน ถ้าท่านแต่ละคนไม่ยอมยกโทษให้พี่น้องจากใจจริง” เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสเรื่องนี้จบแล้ว จึง เสด็จออกจากแคว้นกาลิลีเข้าไปในแคว้นยูเดีย อีกฟากหนึ่งของแม่นํ้าจอร์แดน ประกาศกเอเสเคียลได้ท�ำ หน้าทีท่ ยี่ ากลำ�บากและท้าทายคือ การช่วยให้ชาวอิสราเอลทีเ่ ป็น เชลยในกรุงบาบิโลนได้รู้จักตนเอง และยอมรับความผิดของตน รู้สาเหตุที่พวกเขาถูกจับเป็นเชลย และช่วย ให้พวกเขากลับใจและเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ พระเยซูเจ้าทรงสอนบรรดาศิษย์ให้เข้าใจถึงพระเมตตาของพระเจ้า พระเจ้าทรงเมตตาและให้อภัย แก่ผู้สำ�นึกผิดเสมอ คริสตชนต้องมีใจกว้าง รู้จักให้อภัยเพื่อนพี่น้องเช่นเดียวกัน เพราะเราได้รับพระเมตตา จากพระเจ้า


14 ศุกร

สิงหาคม ระลึกถึง น.มักซีมีเลียน มารีย์ กอลเบ พระสงฆ์ และมรณสักขี

บทอ่านที่ 1 อสค 16:59-63 องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัส เราจะทำ�กับเจ้าอย่างที่เจ้าได้ทำ� เจ้าได้ดูหมิ่นคำ� สาบานและละเมิดพันธสัญญา แต่เรายังระลึกถึงพันธสัญญาของเรากับเจ้าเมื่อเจ้ายัง เป็นสาว เราจะทำ�พันธสัญญากับเจ้าซึ่งจะคงอยู่ตลอดไป แล้วเจ้าจะระลึกถึงความ ประพฤติของเจ้าและจะอับอาย เมื่อเจ้าจะรับทั้งพี่และน้องสาวของเจ้า เราจะมอบเขา ให้เป็นบุตรสาวของเจ้า แม้ไม่เป็นเงื่อนไขของพันธสัญญาที่เราทำ�กับเจ้า เราจะรื้อฟื้น พันธสัญญาของเรากับเจ้า เจ้าจะรู้ว่าเราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเจ้าจะได้จดจำ�และ มีความละอาย และจะไม่อ้าปากพูดอีกเพราะความอับอาย เมื่อเราจะให้อภัยทุกสิ่งที่ เจ้าได้ทำ�” องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัส

พระวรสาร มธ 19:3-12 เวลานั้น ชาวฟาริสีบางคนเข้ามาเพื่อจับผิดพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “เป็นการ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ถูกต้องหรือไม่ ที่ชายจะหย่าร้างกับภรรยาเนื่องด้วยเหตุใดก็ตาม” พระองค์ทรงตอบว่า “ท่านไม่ได้อา่ นพระคัมภีรห์ รือว่าเมือ่ แรกนัน้ พระผูส้ ร้างทรง สร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง และตรัสว่า ดังนี้ ชายจะละบิดามารดาไปสนิทอยู่กับ ภรรยาของตนและชายหญิงจะเป็นเนื้อเดียวกัน เขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้น สิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่าได้แยกเลย” ชาวฟาริสจี งึ ทูลถามว่า “แล้วทำ�ไมโมเสสจึงสัง่ ให้ชายทำ�หนังสือหย่าร้าง แล้วหย่า ร้างได้” พระองค์ตรัสว่า “เพราะใจดื้อแข็งกระด้างของท่าน โมเสสจึงยอมอนุญาตให้ หย่าร้างได้ แต่เมื่อแรกเริ่มนั้น หาเป็นเช่นนี้ไม่ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดหย่าร้างภรรยาและแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง เขาก็ทำ� ผิดประเวณี เว้นแต่ในกรณีแต่งงานไม่ถูกต้อง” บรรดาศิษย์ทูลพระองค์ว่า “ถ้าสภาพของสามีกับภรรยาเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรจะแต่งงานเลย” พระองค์ ตรัสว่า “ไม่ใช่ทุกคนเข้าใจคำ�สอนนี้ คนที่เข้าใจคือคนที่พระเจ้าประทานให้ เพราะว่า บางคนเป็นขันทีตั้งแต่ อยูใ่ นครรภ์มารดา บางคนถูกมนุษย์ท�ำ ให้เป็นขันที และบางคนทำ�ตนเป็นขันทีเพราะเห็นแก่อาณาจักรสวรรค์ ผู้ที่เข้าใจได้ ก็จงเข้าใจเถิด” อสย 12:2-3,4-5,6

ประกาศกเอเสเคียลมองดูความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับชาวอิสราเอลเหมือนการ แต่งงานที่แตกแยก ชาวอิสราเอลสมัยนั้นไม่ซื่อสัตย์ มิได้ปฏิบัติตามพันธสัญญากับพระเจ้า แต่พระเจ้ายัง ทรงเมตตาให้อภัย และจะทำ�พันธสัญญานิรันดรกับพวกเขา แม้พวกเขาได้ทำ�บาปผิดต่อพระองค์ พระวรสารกล่าวถึงประสบการณ์ทยี่ ากลำ�บากเมือ่ ชีวติ แต่งงานเกิดปัญหาหนัก คริสตชนจะต้องปฏิบตั ิ อย่างไร พระเยซูเจ้าทรงสอนว่าในพระคัมภีรป์ ฐมกาลได้กล่าวถึงจุดประสงค์แรกเริม่ ของการแต่งงาน และ ยืนยันว่าศีลสมรสที่ถกู ต้องแล้วจะหย่าร้างมิได้ กระแสเรียกชีวิตครอบครัวเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า แต่ ก็มีบางคนได้รับกระแสเรียกไม่แต่งงานเพื่ออุทิศตนทั้งครบเพื่ออาณาจักรพระเจ้า


15 เสาร

บทอ่านที่ 1 อสค 18:1-10,13ข,30-32 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ทำ�ไมท่านทั้งหลายจึงกล่าวคำ�พังเพยนี้ ซํ้าซากในแผ่นดินอิสราเอลว่า ‘พ่อกินผลองุ่นเปรี้ยว แต่ลูกเข็ดฟัน’ เรามีชวี ติ อยูแ่ น่ฉนั ใด องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าตรัส ท่านทัง้ หลายจะต้องไม่ใช้ค�ำ พังเพยนี้อีกต่อไปในอิสราเอล ดูซิ ชีวิตทั้งหลายเป็นของเรา ชีวิตของพ่อเป็นของเรา ฉันใด ชีวิตของลูกก็เป็นของเราฉันนั้น ผู้ใดทำ�บาป ผู้นั้นจะต้องตาย” สัปดาห์ที่ 19 “ถ้าคนหนึ่งเป็นผู้ชอบธรรม ปฏิบัติความถูกต้องและความยุติธรรม ถ้าเขาไม่กิน เทศกาลธรรมดา ของถวายตามสักการสถานบนที่สูง ไม่เงยหน้าขึ้นคารวะรูปเคารพของพงศ์พันธุ์ สดด 51:10-12ก, อิสราเอล ไม่ล่วงเกินภรรยาของเพื่อนบ้าน ไม่เข้าหาหญิงที่มีประจำ�เดือน ไม่ข่มเหงผู้ 12ข-13,16-17 อื่น แต่คืนของประกันแก่ลูกหนี้ ไม่ลักทรัพย์ แต่ให้อาหารแก่ผู้หิวโหยและให้เสื้อผ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 แก่ผู้ไม่มีเสื้อผ้าคลุมกาย ไม่ให้ผู้อื่นยืมเงินเพื่อเรียกดอกเบี้ยหรือหากำ�ไร ยั้งมือไว้ไม่ ทำ�ความชั่ว ตัดสินคู่ความอย่างยุติธรรม ดำ�เนินชีวิตตามข้อกำ�หนดและปฏิบัติตามคำ� วินจิ ฉัยของเราอย่างซื่อสัตย์ คนนัน้ ก็เป็นผูช้ อบธรรม เขาจะมีชวี ติ ” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระเจ้าตรัส “แต่ถ้าคนหนึ่งมีบุตรเป็นโจร เป็นฆาตกร และทำ�ความชั่วเหล่านี้ เขาจะไม่มีชีวิตอย่างแน่นอน เขาจะ ต้องตายแน่ๆ เพราะเขาได้ทำ�สิ่งน่าสะอิดสะเอียน และจะต้องตายเพราะความผิดของตน” ดังนั้น พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราจะพิพากษาแต่ละคนตามความประพฤติของเขา องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าตรัส จงกลับใจและเลิกการล่วงละเมิดทั้งหมดของท่าน แล้วความผิดของท่านจะไม่เป็นเหตุให้ท่าน พินาศ จงละทิ้งการล่วงละเมิดทั้งหมดที่ท่านได้ทำ� จงทำ�ตนให้มีใจใหม่และจิตใหม่ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ทำ�ไมท่านจะต้องตายเล่า เราไม่พอใจในความตายของผูใ้ ด องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าตรัส จงกลับใจเถิด แล้ว ท่านจะมีชีวิต”

สิงหาคม

พระวรสาร มธ 19:13-15 ขณะนั้น มีผู้นำ�เด็กเล็กๆ มาให้พระเยซูเจ้าทรงปกพระหัตถ์อวยพร แต่บรรดาศิษย์กลับดุว่าคนเหล่า นั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ปล่อยให้เด็กเล็กๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามเลย เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็น ของคนที่เหมือนเด็กเหล่านี้” พระองค์ทรงปกพระหัตถ์ให้เด็กเหล่านั้น แล้วจึงเสด็จไปจากที่นั่น ประกาศกเอเสเคียลสอนชาวอิสราเอลว่า แต่ละคนต้องไตร่ตรองและมองดูตนเอง ต้อง รับผิดชอบยอมรับผลการกระทำ�ของตน เพราะตนได้ทำ�บาปไม่ปฏิบัติตามพันธสัญญากับพระเจ้า จึงเป็น เหตุให้พวกเขาต้องเป็นเชลยในกรุงบาบิโลน ไม่ควรไปโทษผู้อื่นหรือบรรพบุรุษ ไม่ใช้คำ�พังเพยว่า “พ่อกิน ผลองุน่ เปรีย้ ว แต่ลกู เข็ดฟัน” “จงกลับใจและเลิกการล่วงละเมิดทัง้ หมด” “จงมีจติ ใจใหม่ แล้วท่านจะมีชวี ติ ” พระเยซูเจ้าทรงอวยพรเด็กๆ อาณาจักรพระเจ้าเป็นของคนที่เป็นเหมือนเด็กๆ คือ มีความถ่อมตน ยอมรับสภาพชีวิตของตน มีทั้งความดีและความชั่ว มีความวางใจในพระเมตตาและความรักของพระเจ้า ปรับปรุงชีวิต พระองค์จะช่วยเราให้เติบโตในชีวิตฝ่ายจิตเพื่อเราจะได้รับใช้และประกาศข่าวดีแก่ทุกคน


16 อาทิตย

สิงหาคม

สมโภช พระนางมารีย์ รับเกียรติ เข้าสู่สวรรค์ ทั้งกายและวิญญาณ

บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์ วว 11:19ก;12:1-6ก,10ก พระวิหารของพระเจ้าในสวรรค์เปิดออก มองเห็นหีบพันธสัญญาในพระวิหาร เครื่องหมายยิ่งใหญ่ปรากฏในสวรรค์ คือสตรีผู้หนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มี ดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า มีมงกุฎดาวสิบสองดวงประดับศีรษะ นางมีครรภ์แก่ กำ�ลังร้อง ครวญครางด้วยความเจ็บปวดจะคลอดบุตร เครื่องหมายอีกประการหนึ่งปรากฏใน สวรรค์ คือมังกรใหญ่สีแดง มีเจ็ดหัวและสิบเขา แต่ละหัวสวมมงกุฎ หางของมันตวัด ดวงดาวหนึง่ ในสามบนท้องฟ้าให้ตกลงมาบนแผ่นดิน มังกรยืนอยูต่ รงหน้าสตรีทกี่ �ำ ลัง จะคลอดบุตรเพื่อจะกินบุตรของนางทันทีที่คลอด นางคลอดบุตรเป็นชาย ซึ่งจะต้อง ปกครองชาติทงั้ หลายด้วยคทาเหล็ก แต่บตุ รของนางถูกคว้าตัวขึน้ ไปเฝ้าพระเจ้ายังพระ บัลลังก์ของพระองค์ ส่วนสตรีนั้นหลบหนีไปในถิ่นทุรกันดาร ที่นั่นนางมีที่พำ�นักซึ่ง พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้ ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากสวรรค์ว่า “บัดนี้ ความรอดพ้น พระอานุภาพและพระ อาณาจักรเป็นของพระเจ้าของเราแล้ว และอำ�นาจเป็นของพระคริสต์ของพระองค์” เพลงสดุดี สดด 45:9,10-11,14-15 ก) ราชธิดาของพระราชาทั้งหลายเสด็จมาพบพระองค์ พระราชินีเสด็จเข้ามาประทับอยู่เบื้องพระหัตถ์ขวา ประดับองค์ด้วยทองคำ�จากโอฟีร์ ข) ฟังเถิด ธิดาเอ๋ย จงดูและตั้งใจฟัง จงลืมชาติของท่านและบ้านบิดาของท่านเถิด พระราชาจะทรงหลงรักความงามของท่าน พระองค์ทรงเป็นเจ้าเป็นนายของท่าน จงน้อมกายเคารพพระองค์เถิด ค) ทรงอาภรณ์ปักลวดลายเสด็จมาเฝ้าพระราชา บรรดาเพื่อนสาวติดตามนางมาเฝ้าพระองค์ด้วย เขาทั้งหลายเดินเป็นขบวนและโห่ร้องด้วยความยินดี เข้ามาในพระราชวังของพระราชา บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 15:20-26 พีน่ อ้ ง ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผูต้ าย เป็นผล แรกของบรรดาผูล้ ว่ งหลับไปแล้ว ความตายมาจากมนุษย์คนหนึง่ ฉันใด การกลับคืนชีพ ของบรรดาผู้ตายก็มาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันนั้น มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น แต่จะเป็นไปตามลำ�ดับของ แต่ละคน พระคริสตเจ้าทรงเป็นผลแรก ต่อไปก็คือผู้ที่เป็นของพระคริสตเจ้า เมื่อ


พระองค์จะเสด็จมา แล้วจะถึงวาระสุดท้าย เวลานัน้ พระองค์ จะทรงมอบพระอาณาจักรให้แก่พระเจ้าพระบิดา หลังจาก ทรงทำ � ลายการปกครอง อำ � นาจและอานุ ภ าพทั้ ง หลาย เพราะพระคริสตเจ้าจะต้องทรงครองราชย์จนกว่าพระเจ้าจะ ทรงปราบศัตรูทั้งมวลให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ ศัตรู สุดท้ายทีจ่ ะถูกทำ�ลายคือความตาย เพราะพระเจ้าทรงปราบ ทุกสิ่งให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 1:39-56 หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทาง ไปยังเมืองหนึง่ ในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไป ในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อ นางเอลีซาเบธได้ยนิ คำ�ทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์กด็ นิ้ นางเอลีซาเบธได้รบั พระจิตเจ้าเต็มเปีย่ ม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำ�ไมพระมารดาของ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจึงเสด็จมาเยีย่ มข้าพเจ้า เมือ่ ฉันได้ยนิ คำ�ทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดนิ้ ด้วยความ ยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง” พระนางมารีย์ตรัสว่า “วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของข้าพเจ้า ชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ทรงกอบกู้ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ตํ่าต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำ�กิจการยิ่งใหญ่สำ�หรับ ข้าพเจ้า พระนามพระองค์ศกั ดิส์ ทิ ธิ์ พระกรุณาต่อผูย้ �ำ เกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย พระองค์ทรง ยกพระกรแสดงพระอานุภาพ ทรงขับไล่ผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงให้กระจัดกระจายไป ทรงควํ่าผู้ทรงอำ�นาจจาก บัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ตํ่าต้อยให้สูงขึ้น พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้ กลับไปมือเปล่า พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสราเอลผูร้ บั ใช้พระองค์ โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา ดังทีท่ รงสัญญา ไว้แก่บรรพบุรุษของเรา แก่อับราฮัมและบุตรหลานตลอดไป พระนางมารีย์ประทับอยู่กับนางเอลีซาเบธประมาณสามเดือนจึงเสด็จกลับ

วันนีเ้ ป็นวันสมโภชพระนางมารียร์ บั เกียรติยกขึน้ สวรรค์ทงั้ กายและวิญญาณ ซึง่ เป็นข้อเชือ่ ที่ สี่เกี่ยวกับแม่พระที่ประกาศโดยสมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ปี 1950 คำ�ว่า “ยกขึ้นสวรรค์” แสดงว่าแม่พระไม่ได้ยกตัวเองขึ้นสวรรค์ แต่เป็นการกระทำ�ของพระเป็นเจ้า ทำ�ให้แม่พระ ได้ร่วมส่วนในการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าอย่างแท้จริง เพราะแม่พระอยู่ใกล้ชิดพระเยซูเจ้า จึง ไม่แปลกที่แม่พระจะได้รับเกียรติอันสูงส่งนี้ การสมโภชนี้เตือนเราทุกคนว่า ร่างกายของเราจะได้รับการไถ่ ให้รอดด้วยเช่นเดียวกัน และเราจะอยู่ในสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณเมื่อวันสุดท้ายมาถึง


17 จันทร

สิงหาคม สัปดาห์ที่ 20 เทศกาลธรรมดา ฉธบ 32:18-19,20,21

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 อสค 24:15-24 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย ดูซิ เราจะพรากผู้เป็น แก้วตาของท่านไปจากท่านโดยกะทันหัน แต่ท่านอย่าครํ่าครวญ อย่าร้องไห้หรือหลั่ง นาํ้ ตาเลย จงราํ่ ไห้คราํ่ ครวญอย่างเงียบๆ อย่าทำ�พิธไี ว้ทกุ ข์ให้ผตู้ าย จงสวมผ้าโพกศีรษะ จงสวมรองเท้า อย่าเอาผ้าปกปิดหนวด อย่ากินอาหารไว้ทุกข์” ข้าพเจ้าจึงบอกเรื่องนี้ แก่ประชาชนในเวลาเช้า ในเวลาเย็นภรรยาของข้าพเจ้าก็ถึงแก่กรรม เช้าวันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าทำ�ตามทีไ่ ด้รบั พระบัญชา ประชาชนบอกข้าพเจ้าว่า “จงอธิบายความหมายการ กระทำ�ของท่านให้เรารู้เถิด” ข้าพเจ้าจึงตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสกับ ข้าพเจ้าว่า ‘จงบอกพงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้ ดูซิ เรา จะทำ�ให้สักการสถานของเราเป็นมลทิน สักการสถานที่ท่านภาคภูมิใจว่าจะได้รับพลัง ความช่วยเหลือ เป็นเหมือนแก้วตาของท่าน และเป็นความยินดีในจิตใจของท่าน บุตร ชายหญิงทีท่ า่ นทิง้ ไว้เบือ้ งหลังจะถูกฆ่าด้วยดาบ ท่านทัง้ หลายจะทำ�เหมือนกับทีข่ า้ พเจ้า ได้ทำ� ท่านจะไม่เอาผ้าปกปิดหนวด จะไม่กินอาหารไว้ทุกข์ จะสวมผ้าโพกศีรษะและ จะสวมรองเท้า ท่านจะไม่คราํ่ ครวญหรือร้องไห้ แต่จะหมดเรีย่ วแรงเพราะความผิดของ ท่าน และจะรํา่ ไห้ครํา่ ครวญปรับทุกข์กนั เอเสเคียลจะเป็นเครือ่ งหมายสำ�หรับท่าน เมือ่ เหตุการณ์เหล่านีเ้ กิดขึน้ ท่านจะทำ�อย่างทีเ่ ขาทำ� แล้วท่านจะรูว้ า่ เราเป็นองค์พระผูเ้ ป็น เจ้าพระเจ้า’” พระวรสาร มธ 19:16-22 เวลานั้น ชายคนหนึ่งมาเฝ้าพระเยซูเจ้าทูลถามว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าต้อง ทำ�ความดีอะไรเพือ่ จะมีชวี ติ นิรนั ดร” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เหตุใดจึงถามเราถึงความ ดี ผู้ทรงความดีมีแต่ผู้เดียวเท่านั้น ถ้าท่านอยากเข้าสู่ชีวิตนิรันดร ก็จงปฏิบัติตาม บทบัญญัติเถิด” เขาทูลถามว่า “บทบัญญัติข้อใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “อย่าฆ่า คน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ จงนับถือบิดามารดา จงรักผู้อื่น เหมือนรักตนเอง” ชายหนุ่มผู้นั้นทูลถามว่า “ข้าพเจ้าปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุก ข้อแล้ว ยังขาดอะไรอีกหรือ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ถ้าท่านอยากเป็นคนดีอย่าง สมบูรณ์ จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” เมื่อได้ยินพระวาจานี้ ชายหนุ่มผู้นั้นจากไปด้วยความทุกข์ เพราะเขามีทรัพย์สมบัติจำ�นวนมาก

ชายคนนี้ตั้งคำ�ถามได้อย่างถูกต้องทีเดียว “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าต้องทำ�ความดีอะไรเพื่อจะ มีชวี ติ นิรนั ดร” พระเยซูเจ้าได้พยายามทำ�ให้เขาเข้าใจคุณค่าทีแ่ ท้จริงของชีวติ พระองค์จงึ บอกกับเขาว่า อย่า ผูกมัดตัวเองกับข้าวของเงินทอง แต่ต้องเป็นอิสระจากมันแล้วหันมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ตราบใดที่เขายัง ยึดติดกับมัน เขาจะไม่สามารถเปิดตัวเองต่อพระเป็นเจ้าได้ พระองค์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะให้ความสุข ที่แท้จริงและถาวรได้ น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถละจากข้าวของเงินทองได้ เขาจึงจากไปด้วยความทุกข์


18 อังคาร

บทอ่านที่ 1 อสค 28:1-10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงบอกเจ้าเมืองไทระ ว่า องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้ ‘ใจของท่านผยองขึน้ ’ และคิดว่า ‘ข้าเป็นพระเจ้า ข้านัง่ บนทีน่ งั่ ของพระเจ้า อยูก่ ลางทะเล’ แม้ทา่ นคิดว่าตนฉลาดเหมือนพระเจ้า แต่ทา่ น ก็เป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้า ดูซิ ท่านมีปรีชามากกว่าดาเนียล ไม่มีความลับใดซ่อน ไว้จากท่าน ท่านใช้ปรีชาญาณและความเข้าใจสร้างความรํ่ารวย สะสมทองคำ�และเงิน มาไว้ในคลังสมบัติของท่าน ท่านใช้สติปัญญามากในการค้า ทวีทรัพย์สมบัติของท่าน ใจของท่านก็ผยองขึ้น เพราะทรัพย์สมบัติของท่าน” องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าจึงตรัสดังนี้ “เพราะท่านคิดว่าตนฉลาดเหมือนพระเจ้า ดีแล้ว เราจะนำ�คนต่างด้าวที่โหดร้ายกว่าชนชาติใดๆ มาต่อสู้กับท่าน เขาทั้งหลายจะ ชักดาบต่อสู้กับปรีชาญาณที่งดงามของท่าน จะทำ�ให้ความรุ่งเรืองของท่านหม่นหมอง เขาทั้งหลายจะโยนท่านลงไปในขุมลึก ท่านจะตายในท้องทะเลเหมือนคนที่ถูกฆ่า แล้ว ท่านยังจะพูดอีกหรือว่า ‘ข้าเป็นพระเจ้า’ ต่อหน้าคนทีฆ่ า่ ท่าน ท่านเป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่ พระเจ้า อยู่ในมือของผู้ที่ฆ่าท่าน ท่านจะตายอย่างไร้เกียรติ โดยมือของคนต่างด้าว เพราะเราได้พูดไว้แล้ว” องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัส

สิงหาคม

สัปดาห์ที่ 20 เทศกาลธรรมดา ฉธบ 32:26-27, 28-29,30,35-36

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร มธ 19:23-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนมั่งมีจะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ได้ยาก เราบอกท่านอีกว่า อูฐ จะลอดรูเข็ม ยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์” เมื่อบรรดาศิษย์ได้ยินเช่นนี้ ต่างรู้สึกประหลาดใจ มาก จึงทูลถามว่า “แล้วดังนี้ ใครเล่าจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์ แล้วตรัสว่า “สำ�หรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำ�หรับพระเจ้า ทุกอย่างเป็นไปได้” เปโตรจึงทูลถามว่า “ข้าพเจ้าทัง้ หลายสละทุกสิง่ และติดตามพระองค์แล้ว จะได้อะไรบ้าง” พระเยซูเจ้า ตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในโลกใหม่ เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะประทับเหนือพระที่นั่ง อันรุ่งโรจน์ ท่านทั้งหลายที่ติดตามเรา ก็จะนั่งบนบัลลังก์ทั้งสิบสองบัลลังก์ เพื่อพิพากษาตระกูลอิสราเอล ทั้งสิบสองตระกูลด้วย และผู้ใดที่สละบ้านเรือน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตร ไร่นาเพราะเห็นแก่เรา ก็ จะได้รับตอบแทนร้อยเท่า และจะได้รับชีวิตนิรันดรเป็นมรดกด้วย หลายคนที่เป็นกลุ่มแรกจะกลับเป็นกลุ่มสุดท้าย และกลุ่มสุดท้ายจะกลับเป็นกลุ่มแรก” พระเยซูเจ้าเป็นปฏิปักษ์กับความรํ่ารวยจริงหรือ คำ�ตอบคือ เปล่า ความรํ่ารวยในตัวมันเอง ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย คนที่พระองค์คบหาหลายคนก็เป็นคนมั่งมี แต่ที่พระองค์เตือนคือความรํ่ารวยและอำ�นาจ นั้นมักจะทำ�ให้คนคิดว่าเขาสามารถมีได้ทุกอย่างจากเงินทองที่เขามี จะมีความรู้สึกว่าเขาไม่ต้องการ พระเป็นเจ้าต่อไปอีกแล้ว (เทียบบทอ่านแรก) เพราะเหตุนี้ พระองค์จึงตรัสว่า “อูฐจะลอดรูเข็ม ยังง่ายกว่า คนมั่งมีเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์” ความเชื่อที่แท้จริงคือ “การยึดติดกับพระเป็นเจ้า” ไม่ใช่ยึดติดกับทรัพย์ สมบัติและอำ�นาจที่เป็นอนิจจัง


19 พุธ

สิงหาคม น.ยอห์น เอิ๊ด พระสงฆ์ สดด 23:1-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 อสค 34:1-11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงประกาศพระวาจา กล่าวโทษบรรดาผูเ้ ลีย้ งแกะแห่งอิสราเอล จงประกาศพระวาจาบอกบรรดาผูเ้ ลีย้ งแกะ ว่า องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้ ‘วิบตั จิ งเกิดแก่ผเู้ ลีย้ งแกะแห่งอิสราเอลซึง่ เลีย้ ง ตนเอง ผูเ้ ลีย้ งแกะย่อมต้องเลีย้ งฝูงแกะมิใช่หรือ แต่ทา่ นกินนํา้ นม ใช้ขนแกะคลุมกาย ฆ่าแกะตัวอ้วนๆ แต่ไม่เลีย้ งฝูงแกะ แกะทีอ่ อ่ นแอ ท่านไม่ได้เสริมกำ�ลัง แกะทีเ่ จ็บป่วย ท่านก็ไม่รักษา แกะที่บาดเจ็บ ท่านก็ไม่ได้พันแผลให้ และแกะที่พลัดหลง ท่านก็ไม่ได้ ไปตามกลับมา แกะที่หายไป ท่านก็ไม่ได้แสวงหา แต่ท่านได้ปกครองบรรดาแกะโดย ใช้กำ�ลังอย่างโหดร้าย บรรดาแกะจึงกระจัดกระจายไป เพราะไม่มีผู้เลี้ยง กลายเป็น เหยื่อของสัตว์ป่า และกระจัดกระจายไป ฝูงแกะของเราระเหเร่ร่อนไปทั่วทุกภูเขาและ ตามเนินเขาสูงทุกลูก ฝูงแกะของเรากระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดิน ไม่มีผู้ใดเอาใจใส่ ไม่มีผู้ใดแสวงหา’”...

พระวรสาร มธ 20:1-16 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์เป็นคำ�อุปมาดังนี้ “อาณาจักรสวรรค์เปรียบเหมือนพ่อบ้านผู้หนึ่งซึ่งออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อจ้างคนงานมาทำ�งานในสวน องุ่น ครั้นได้ตกลงค่าจ้างวันละหนึ่งเหรียญกับคนงานแล้ว ก็ส่งไปทำ�งานในสวนองุ่น ประมาณสามโมงเช้า พ่อบ้านออกมาก็เห็นคนอื่นๆ ยืนอยู่ที่ลานสาธารณะโดยไม่ทำ�งาน จึงพูดกับคนเหล่านี้ว่า ‘จงไปทำ�งานใน สวนองุ่นของฉันเถิด ฉันจะให้ค่าจ้างตามสมควร’ คนเหล่านี้ก็ไป พ่อบ้านออกไปอีกประมาณเที่ยงวันและ บ่ายสามโมง กระทำ�เช่นเดียวกัน ประมาณห้าโมงเย็น พ่อบ้านออกไปอีก พบคนอื่นๆ ยืนอยู่ จึงถามเขาว่า ‘ทำ�ไมท่านยืนอยู่ที่นี่ทั้งวันโดยไม่ทำ�อะไร’ เขาตอบว่า ‘เพราะไม่มีใครมาจ้าง’ พ่อบ้านจึงพูดว่า ‘จงไปทำ�งาน ในสวนองุ่นของฉันเถิด’ ครัน้ ถึงเวลาคาํ่ เจ้าของสวนบอกผูจ้ ดั การว่า ‘ไปเรียกคนงานมา จ่ายค่าจ้างให้เขาโดยเริม่ ตัง้ แต่คนสุดท้าย จนถึงคนแรก’ เมื่อพวกที่เริ่มงานเวลาห้าโมงเย็นมาถึง เขาได้รับคนละหนึ่งเหรียญ เมื่อคนงานพวกแรกมา ถึง เขาคิดว่าตนจะได้รบั มากกว่านัน้ แต่กไ็ ด้รบั คนละหนึง่ เหรียญเช่นเดียวกัน ขณะรับค่าจ้างเขาก็บน่ ต่อหน้า เจ้าของสวนว่า ‘พวกทีม่ าสุดท้ายนีท้ �ำ งานเพียงชัว่ โมงเดียว ท่านก็ให้คา่ จ้างแก่เขาเท่ากับเรา ซึง่ ต้องตรากตรำ� อยู่กลางแดดตลอดวัน’ เจ้าของสวนจึงพูดกับคนหนึ่งในพวกนี้ว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ฉันไม่ได้โกงท่านเลย ท่านไม่ ได้ตกลงกับฉันคนละหนึง่ เหรียญหรือ จงเอาค่าจ้างของท่านไปเถิด ฉันอยากจะให้คนทีม่ าสุดท้ายนีเ้ ท่ากับให้ ท่าน ฉันไม่มีสิทธิ์ใช้เงินของฉันตามที่ฉันพอใจหรือ ท่านอิจฉาริษยาเพราะฉันใจดีหรือ’ ดังนี้แหละ คนกลุ่มสุดท้ายจะกลับเป็นคนกลุ่มแรก และคนกลุ่มแรกจะกลับเป็นคนกลุ่มสุดท้าย” เมื่ออ่านอุปมาเรื่องคนงานทำ�สวนเรื่องนี้ ความรู้สึกแรกแม้แต่สำ�หรับคริสตชนที่ดีก็ตาม จะมี ความรู้สึกว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่ยุติธรรม คนที่ทำ�งานมากกว่าควรได้รับค่าจ้างมากกว่า แต่ใจความ สำ�คัญของอุปมานี้อยู่ที่คำ�กล่าวที่ว่า “ฉันไม่มีสิทธิ์ใช้เงินของฉันตามที่ฉันพอใจหรือ ท่านอิจฉาริษยาเพราะ ฉันใจดีหรือ” อุปมานีไ้ ม่ได้เกีย่ วกับความยุตธิ รรม แต่เกีย่ วกับพระทัยดีของพระเป็นเจ้า เราควรยินดีมากกว่า เจ็บใจทีเ่ พือ่ นพีน่ อ้ งของเรากลับใจในบัน้ ปลายของชีวติ ได้รบั ความรอดเพราะพระทัยดีของพระเป็นเจ้าเช่น เดียวกับเราที่เป็นคนดีตั้งแต่แรก


20 พฤหัสบดี

บทอ่านที่ 1 อสค 36:23-28 เราจะทำ�ให้นามยิ่งใหญ่ของเราศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งหนึ่ง นามที่ได้เป็นมลทินในหมู่ นานาชาติ และที่ท่านทำ�ให้เป็นมลทินในหมู่เขา แล้วนานาชาติจะรู้ว่าเราเป็นองค์พระผู้ เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัส เมื่อเราจะแสดงความศักดิ์สิทธิ์ของเราในท่าน ต่อหน้าเขาทัง้ หลาย เราจะนำ�ท่านทัง้ หลายออกมาจากนานาชาติ เราจะรวบรวมท่านมา จากทุกแผ่นดิน และนำ�ท่านเข้ามาในแผ่นดินของท่าน เราจะพรมนํ้าสะอาดเหนือท่าน ทั้งหลาย แล้วท่านจะสะอาดพ้นจากมลทิน เราจะชำ�ระท่านจากมลทินทั้งหมดและจาก รูปเคารพทั้งหลายของท่าน เราจะให้ใจใหม่แก่ท่าน เราจะใส่จิตใหม่ไว้ภายในท่าน เรา จะนำ�ใจหินออกไปจากร่างของท่าน และจะให้ใจเนื้อแก่ท่าน เราจะใส่จิตของเราภายใน ท่าน จะทำ�ให้ท่านดำ�เนินชีวิตตามข้อกำ�หนดของเรา ท่านจะรักษาและปฏิบัติตาม กฎเกณฑ์ของเรา ท่านจะอาศัยอยูใ่ นแผ่นดินทีเ่ ราให้แก่บรรพบุรษุ ของท่าน ท่านจะเป็น ประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของท่าน

สิงหาคม

ระลึกถึง น.เบอร์นาร์ด เจ้าอธิการ และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 51:10-12ก, 12ข-13,16-17

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 พระวรสาร มธ 22:1-14 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กบั กษัตริยพ์ ระองค์หนึง่ ซึง่ ทรงจัดงานอภิเษกสมรสให้ พระโอรส ทรงส่งผู้รับใช้ไปเรียกผู้รับเชิญให้มาในงานวิวาห์ แต่พวกเขาไม่ต้องการมา พระองค์จึงทรงส่งผู้รับใช้อื่นไปอีก รับสั่งว่า ‘จงไปบอกผู้รับเชิญว่า บัดนี้เราได้เตรียม การเลี้ยงไว้พร้อมแล้ว ได้ฆ่าวัวและสัตว์อ้วนพีแล้ว ทุกสิ่งพร้อมสรรพ เชิญมาในงาน วิวาห์เถิด’ แต่ผู้รับเชิญมิได้สนใจ คนหนึ่งไปที่ทุ่งนา อีกคนหนึ่งไปทำ�ธุรกิจ คนที่เหลือ ได้จับผู้รับใช้ของกษัตริย์ ทำ�ร้ายและฆ่าเสีย กษัตริย์กริ้ว จึงทรงส่งกองทหารไปทำ�ลาย ฆาตกรเหล่านั้นและเผาเมืองของเขาด้วย แล้วพระองค์ตรัสแก่ผู้รับใช้ว่า ‘งานวิวาห์ พร้อมแล้ว แต่ผู้รับเชิญไม่เหมาะสมกับงานนี้ จงไปตามทางแยก พบผู้ใดก็ตาม จงเชิญมาในงานวิวาห์เถิด’ บรรดาผู้รับใช้จึงออกไปตามถนน เชิญทุกคนที่พบมารวมกัน ทั้งคนเลวและคนดี แขกรับเชิญจึงมาเต็มห้อง งานอภิเษกสมรส กษัตริย์เสด็จมาทอดพระเนตรแขกรับเชิญ ทรงเห็นคนหนึ่งไม่สวมเสื้อสำ�หรับงานวิวาห์ จึงตรัสแก่เขาว่า ‘เพือ่ นเอ๋ย ท่านไม่ได้สวมเสือ้ สำ�หรับงานวิวาห์ แล้วเข้ามาทีน่ ไี่ ด้อย่างไร’ คนนัน้ ก็นงิ่ กษัตริย์ จึงตรัสสั่งผู้รับใช้ว่า ‘จงมัดมือมัดเท้าของเขา เอาไปทิ้งในที่มืดข้างนอกเถิด ที่นั่น จะมีแต่การรํ่าไห้ครํ่าครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง เพราะผู้รับเชิญมีมาก แต่ผู้รับเลือกมีน้อย’” ภาพลักษณ์ทมี่ กั จะใช้แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์กค็ อื ความสัมพันธ์ ระหว่างสามีภรรยา พระวรสารวันนี้พูดถึงงานเลี้ยงวิวาห์ ประกาศกเอเสเคียลในบทอ่านแรกวันนี้ได้พูดถึง หัวใจใหม่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรัก งานเลี้ยงวิวาห์เป็นสัญลักษณ์ความเป็นหนึ่งเดียวกันของพระเยซู เจ้ากับประชากรของพระองค์ เราทุกคนได้รับเชิญให้มาร่วมงานวิวาห์ พระองค์ไม่ได้บังคับเรา เราเป็นอิสระ ที่จะปฏิเสธหรือตอบรับคำ�เชื้อเชิญของพระองค์ เราทุกคนมีเสื้อสำ�หรับงานวิวาห์คือศีลล้างบาปที่เราได้รับ คำ�เชื้อเชิญของพระองค์มีอยู่เสมอตลอดเวลา สิ่งสำ�คัญคือการตอบรับของเรา


21 ศุกร

บทอ่านที่ 1 อสค 37:1-14 พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้า พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงนำ�ข้าพเจ้าออกมา และวางข้าพเจ้าไว้กลางหุบเขาที่มีกระดูกเต็มไปหมด พระองค์ ทรงนำ�ข้าพเจ้าเดินไปโดยรอบใกล้ๆ กระดูกเหล่านัน้ ข้าพเจ้าเห็นว่ามีกระดูกมากทีเดียว ในหุบเขานั้น เป็นกระดูกแห้งสนิท พระองค์ตรัสถามข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย กระดูกเหล่านีจ้ ะกลับมีชวี ติ ได้ไหม...จงประกาศพระวาจาเหนือกระดูกเหล่านี้ จงกล่าว ระลึกถึง แก่กระดูกเหล่านี้ว่า ‘กระดูกแห้งเอ๋ย จงฟังพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด องค์ น.ปีโอ ที่ 10 พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสแก่กระดูกเหล่านีว้ า่ ดูซิ เราจะนำ�จิตเข้าไปในเจ้า และเจ้าจะมีชวี ติ อีก พระสันตะปาปา เราจะวางเส้นเอ็นไว้บนเจ้า จะทำ�ให้เนือ้ ขึน้ มา จะเอาหนังมาคลุมไว้ จะใส่จติ ในเจ้า และ สดด 107:2-3,4-6, เจ้าจะมีชวี ติ แล้วเจ้าจะรูว้ า่ เราเป็นองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า’” ข้าพเจ้าจึงประกาศพระวาจาตาม 7-8ก,8ข-9 ทีข่ า้ พเจ้าได้รบั พระบัญชา ขณะทีข่ า้ พเจ้าประกาศพระวาจาอยูน่ นั้ ข้าพเจ้าก็ได้ยนิ เสียง ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 กรุกกริก และเห็นกระดูกเหล่านัน้ เข้ามาต่อติดกัน ข้าพเจ้ามองดูกเ็ ห็นเส้นเอ็นอยูเ่ หนือ กระดูก มีเนื้อขึ้นมา และหนังก็มาหุ้มไว้ แต่ยังไม่มีจิตในร่างเหล่านั้น แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จง ประกาศพระวาจาแก่จติ เถิด บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงประกาศพระวาจาและบอกจิตว่า ‘องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัส ดังนี้ จิตเอ๋ย จงมาจากทิศทั้งสี่และพ่นเข้าไปในผู้ที่ถูกฆ่าเหล่านี้ ให้เขามีชีวิตอีก’” ข้าพเจ้าประกาศพระวาจา ตามพระบัญชา จิตก็เข้ามาในร่างเหล่านัน้ เขาก็มชี วี ติ และยืนขึน้ เป็นกองทัพใหญ่มหึมาจริงๆ แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย กระดูกเหล่านี้คือพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหลาย ดูซิ เขาทั้งหลายพูดว่า ‘กระดูกของเราแห้ง ความหวังของเราสูญหายไป พวกเราถูกทำ�ลายจนหมดสิ้นแล้ว’ ดังนั้น จงประกาศพระวาจาและบอกเขาว่า... เราจะให้จิตของเราเข้าไปในท่าน และท่านจะมีชีวิต เราจะให้ ท่านตั้งหลักแหล่งในแผ่นดินของท่าน แล้วท่านจะรู้ว่าเราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เราได้พูดและได้ทำ�แล้ว...”

สิงหาคม

พระวรสาร มธ 22:34-40 เวลานัน้ เมือ่ ชาวฟาริสไี ด้ยนิ ว่าพระเยซูเจ้าทรงทำ�ให้ชาวสะดูสนี งิ่ อึง้ ไป จึงมาชุมนุมพร้อมกัน มีคนหนึง่ เป็นบัณฑิตทางกฎหมาย ได้ทลู ถามเพือ่ จะจับผิดพระองค์วา่ “พระอาจารย์ บทบัญญัตขิ อ้ ใดเป็นเอกในธรรม บัญญัติ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน นี่คือบทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก บทบัญญัติประการที่สองก็เช่นเดียวกัน คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติและคำ�สอนของบรรดาประกาศกก็ขึ้นอยู่กับ บทบัญญัติสองประการนี้” แม้ผถู้ ามคำ�ถามสำ�คัญนีจ้ ะมีเจตนาเพือ่ จับผิดพระเยซูเจ้า แต่เราก็ได้รบั คำ�ตอบทีส่ �ำ คัญยิง่ จาก พระเยซูเจ้าที่ชัดเจนที่สุด พระบัญญัติทั้งสองประการ “จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดสติปัญญาของท่าน” และ “จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” ไม่สามารถแยกจากกันได้ ความรักต่อ พระเป็นเจ้าจะมีความหมายและเป็นจริงได้ก็ต้องสัมพันธ์กับความรักต่อเพื่อนพี่น้อง จากพระบัญญัตินี้ สะท้อนให้เห็นว่า ประการแรกพระเป็นเจ้าต้องมาก่อน พระองค์ตอ้ งเป็นสิง่ แรกในฐานะเป็นพระผูส้ ร้างและ ผู้ไถ่ เราต้องมีเวลาสำ�หรับภาวนาถึงพระองค์ และดำ�เนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์ ประการที่สอง เพื่อนพี่น้องต้องเป็นศูนย์กลางของเรา นั่นคือคิดดีกับผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งเป็นผลมาจากความรักต่อ พระเป็นเจ้านั่นเอง


22 เสาร

บทอ่านที่ 1 อสค 43:1-7ก เขานำ�ข้าพเจ้าไปยังประตูซึ่งหันไปทางทิศตะวันออก ข้าพเจ้าเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ ของพระเจ้าแห่งอิสราเอลมาจากทิศตะวันออก มีเสียงดังมากับพระองค์เหมือนเสียง นํ้ามาก และแผ่นดินก็ส่องแสงสะท้อนพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ นิมิตที่ข้าพเจ้าเห็น นี้เหมือนกับนิมิตที่ข้าพเจ้าเคยเห็นเมื่อข้าพเจ้ามาดูเมืองนี้ถูกทำ�ลาย และเหมือนนิมิต ที่ข้าพเจ้าได้เห็นที่ริมแม่นํ้าเคบาร์ ข้าพเจ้าจึงกราบลงหน้าจรดพื้น พระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเข้าไปในพระวิหารทางประตูที่หันไปทางทิศ ตะวันออก พระจิตยกข้าพเจ้าขึ้น นำ�ข้าพเจ้าเข้าไปในลานชั้นใน ข้าพเจ้าเห็นพระสิริ รุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเต็มพระวิหาร ขณะที่ชายคนนั้นยังยืนอยู่ข้างข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงอีกคนหนึ่งดังออกมาจากพระวิหารพูดกับข้าพเจ้า เสียงนั้นเป็น เสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย สถานที่นี้เป็นบัลลังก์ของเรา เป็นที่วางเท้าของเรา เราพำ�นักอยู่ที่นี่ในหมู่ชาวอิสราเอลตลอดไป” พระวรสาร มธ 23:1-12 ครั้งนั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนและบรรดาศิษย์ว่า “พวกธรรมาจารย์และ ชาวฟาริสีนั่งบนธรรมาสน์ของโมเสส ถ้าเขาสั่งสอนเรื่องใด ท่านจงปฏิบัติตามเถิด แต่ อย่าปฏิบัติตามพฤติกรรมของเขา เพราะเขาพูด แต่ไม่ปฏิบัติ เขามัดสัมภาระหนักวาง บนบ่าคนอื่น แต่เขาเองไม่ปรารถนาแม้แต่จะขยับนิ้วไปยกขึ้น เขาทำ�กิจการทุกอย่าง เพือ่ ให้คนเห็น เช่น เขาขยายกลักบรรจุพระวาจาให้ใหญ่ขนึ้ ผ้าคลุมของเขามีพยู่ าวกว่า ของคนอื่น เขาชอบที่นั่งมีเกียรติในงานเลี้ยง ชอบนั่งแถวหน้าในศาลาธรรม ชอบให้ ผู้คนคำ�นับตามลานสาธารณะ ชอบให้ทุกคนเรียกว่า ‘รับบี’ ส่วนท่านทัง้ หลาย อย่าให้ผใู้ ดเรียกว่า ‘รับบี’ เพราะอาจารย์ของท่านมีเพียงผูเ้ ดียว และทุกคนเป็นพี่น้องกัน ในโลกนี้อย่าเรียกผู้ใดว่า ‘บิดา’ เพราะว่าพระบิดาของท่านมี เพียงพระองค์เดียวคือพระบิดาในสวรรค์ อย่าให้ผใู้ ดเรียกท่านว่า ‘อาจารย์’ เพราะพระ อาจารย์ของท่านมีเพียงพระองค์เดียวคือพระคริสตเจ้า ในกลุ่มของท่าน ผู้ใดเป็นใหญ่ จะต้องเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น ผู้ใดที่ยกตนขึ้น จะถูกกดให้ตํ่าลง ผู้ใดถ่อมตนลง จะได้รับการ ยกย่องให้สูงขึ้น” พระเยซูเจ้ารู้สึกผิดหวังที่ผู้นำ�ชาวยิวซึ่งได้แก่พวกธรรมาจารย์และชาว ฟาริสี ที่ใช้อำ�นาจที่พระเป็นเจ้าประทานให้อย่างผิดๆ คือไม่ปฏิบัติตามในสิ่งที่ตนเอง สอน และยังบังคับให้ประชาชนทำ�ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ พระองค์บอกว่าครูที่ดีต้องเป็น แบบอย่างในการสอนและการปฏิบตั ิ แต่พวกธรรมาจารย์และชาวฟาริสกี ลับทำ�ตัวเหนือ พระเป็นเจ้า คือทำ�เพือ่ ให้คนยกย่องสรรเสริญ พระเยซูเจ้าทรงเป็นผูน้ �ำ ทีแ่ ท้จริง เพราะ พระองค์ปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์สอน

สิงหาคม

ระลึกถึง พระนางมารีย์ ราชินีแห่งสากลโลก สดด 85:8-9,10-11, 12-13

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4


สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 22:19-23 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะถอดท่านจากหน้าที่ และจะดึงท่านลงมาจากตำ�แหน่ง วันนั้น เราจะเรียก ผู้รับใช้ของเรา เอลียาคิม บุตรของฮิลคียาห์ เราจะให้เขาสวมเสื้อของท่าน ให้เขาคาด ผ้าคาดสะเอวของท่าน เราจะมอบอำ�นาจของท่านไว้ในมือของเขา เขาจะเป็นดังบิดา ของชาวกรุงเยรูซาเล็ม และของพงศ์พันธุ์ยูดาห์ เราจะวางกุญแจราชวังของกษัตริย์ดา วิดไว้บนบ่าของเขา ถ้าเขาเปิด จะไม่มีผู้ใดปิด ถ้าเขาปิด จะไม่มีผู้ใดเปิดได้ เราจะทำ�ให้ ตำ�แหน่งของเขามั่นคง เหมือนตอกหมุดไว้ในที่มั่นคง และเขาจะเป็นเหมือนบัลลังก์มี เกียรติแห่งครอบครัวบิดาของเขา” เพลงสดุดี สดด 138:1-2ก,2ขค-3,6,8 ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์สุดจิตใจ เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงที่ข้าพเจ้าเปล่งออกมา ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสดุดีถวายพระองค์เบื้องหน้าบรรดาทูตสวรรค์ ข้าพเจ้าจะกราบลงเบื้องหน้าพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ข้าพเจ้าจะขอบพระคุณพระนามของพระองค์ ข) เพราะความรักมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์ ทรงทำ�ให้พระสัญญายิ่งใหญ่กว่าพระนามของพระองค์ พระองค์ทรงตอบข้าพเจ้าในวันที่ข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์ พระองค์ทรงเพิ่มพลังในใจของข้าพเจ้า ค) แม้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสูงส่ง แต่พระองค์ก็ยังทอดพระเนตรผู้ตํ่าต้อย ทรงทราบว่าผู้ใดจองหองแม้อยู่ห่างไกล องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงบันดาลให้กิจการที่ทรงกระทำ�เพื่อข้าพเจ้าสำ�เร็จ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความรักมั่นคงของพระองค์ดำ�รงอยู่เป็นนิตย์ ขอพระองค์อย่าทรงทอดทิ้งกิจการแห่งพระหัตถ์ของพระองค์ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 11:33-36 พี่น้อง พระเจ้าทรงพระปรีชาและทรงรอบรู้ลึกลํ้าเพียงใด คำ�ตัดสินของพระองค์ สุดที่จะหยั่งรู้ได้ และมรรคาของพระองค์สุดที่จะเข้าใจได้ ใครเล่าจะล่วงรู้พระดำ�ริของ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ใครเล่าเป็นทีป่ รึกษาของพระองค์ ใครเล่าเคยถวายสิง่ ใดแด่พระองค์ พระองค์จึงจะต้องประทานตอบแทนเขา เพราะทุกสิ่งล้วนมาจากพระองค์ โดยทาง พระองค์และเพื่อพระองค์ ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดร อาเมน


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 16:13-20 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่ง ฟีลิปและตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลายกล่าวว่าบุตร แห่งมนุษย์เป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างกล่าวว่าเป็นยอห์น ผูท้ �ำ พิธลี า้ ง บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างกล่าวว่า เป็นประกาศกเยเรมีย์หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คอื พระคริสตเจ้า พระบุตร ของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่มนุษย์ที่เปิดเผยให้ ท่านรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย เราบอกท่านว่า ท่านคือศิลา และบนศิลานี้ เราจะตั้งพระ ศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” แล้ว พระองค์ทรงกำ�ชับบรรดาศิษย์มิให้บอกใครว่าพระองค์คือพระคริสตเจ้า” หลังจากทีพ่ ระเยซูเจ้าเริม่ ประกาศข่าวดีมาได้ระยะหนึง่ พระองค์ได้ตงั้ คำ�ถามว่า “คนทัง้ หลาย กล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร” ก็ได้รับคำ�ตอบต่างๆ นานา แต่คำ�ถามที่สำ�คัญคือคำ�ถามที่สอง “ท่านล่ะ คิดว่าเราเป็นใคร” คำ�ตอบของนักบุญเปโตร “พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” ทำ�ให้เราทราบว่า ลำ�พังมนุษย์ไม่สามารถรู้จักพระองค์ได้อย่างถูกต้องนอกจากเป็นการเปิดเผยของ พระเป็นเจ้า คำ�ถามของพระเยซูเจ้ายังเป็นคำ�ถามในโลกปัจจุบัน เรายังถูกถามด้วยคำ�ถามเดียวกัน “พระเยซูเจ้าเป็นใครสำ�หรับเรา” คำ�ตอบไม่เพียงแต่เป็นพระคริสตเจ้าเท่านัน้ พระองค์ยงั เป็นเพือ่ นของเรา เป็นพีช่ ายของเราทีเ่ ราวางใจได้ทกุ เรือ่ ง พระเยซูเจ้าพอพระทัยในคำ�ตอบของนักบุญเปโตรซึง่ เป็นชาวประมง ธรรมดาๆ ไม่มีความรู้ แต่สำ�หรับเราซึ่งมีการศึกษา มีปริญญา เป็นแพทย์ เป็นวิศวกร เป็นอาจารย์ เป็น ทนายความ ฯลฯ เราจะตอบคำ�ถามได้อย่างนักบุญเปโตรหรือไม่


24 จันทร

สิงหาคม ฉลอง น.บาร์โธโลมิว อัครสาวก สดด 145:10-11, 12-13,16-19

บทอ่านที่ 1 วว 21:9ข-14 ทูตสวรรค์องค์หนึง่ ในเจ็ดองค์ซงึ่ ถือขันเจ็ดใบบรรจุภยั พิบตั สิ ดุ ท้ายทัง้ เจ็ดประการ มาและกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “มาเถิด ข้าพเจ้าจะให้ดูสตรีที่เป็นเจ้าสาวของลูกแกะ” ทูตสวรรค์นำ�ข้าพเจ้าเดชะพระจิตเจ้าไปบนภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่ง ชี้ให้ข้าพเจ้าเห็นกรุง เยรูซาเล็มนครศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งกำ�ลังลงมาจากสวรรค์ มาจากพระเจ้า นครนี้มีพระสิริ รุ่งโรจน์ของพระเจ้า มีความสุกใสเหมือนเพชรพลอยลํ้าค่า คล้ายแก้วมณีโชติช่วงเป็น ผลึกสดใส มีก�ำ แพงสูงใหญ่ ประตูสบิ สองประตู แต่ละประตูมที ตู สวรรค์ประจำ�อยูแ่ ละ มีชอื่ จารึกไว้ คือชือ่ ตระกูลอิสราเอลสิบสองตระกูล ทางทิศตะวันออกมีสามประตู ทาง ทิศเหนือมีสามประตู ทางทิศใต้มีสามประตูและทางทิศตะวันตกมีสามประตู กำ�แพง เมืองตัง้ อยูบ่ นฐานศิลาสิบสองฐาน บนฐานศิลานัน้ มีชอื่ ของบรรดาอัครสาวกทัง้ สิบสอง องค์ของลูกแกะ พระวรสาร ยน 1:45-51 เวลานั้น ฟีลิปพบนาธานาเอล และบอกเขาว่า “เราพบผู้ที่โมเสสในธรรม บัญญัติและบรรดาประกาศกเขียนถึง ผู้นั้นคือพระเยซูบุตรของโยเซฟชาวนาซาเร็ธ” นาธานาเอลจึงพูดกับฟีลิปว่า “จะมีอะไรดีมาจากนาซาเร็ธได้รึ” ฟีลิปตอบว่า “มาดูซิ” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลเข้ามาเฝ้า จึงตรัสถึงเขาว่า “นี่คือชาว อิสราเอลแท้ เป็นคนไม่มีมารยา” นาธานาเอลทูลถามว่า “พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้าได้ อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้น มะเดือ่ เทศ” นาธานาเอลทูลตอบว่า “รับบี พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านเชื่อเพราะเราพูดว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศหรือ ท่านจะเห็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก” แล้ว พระองค์ตรัสเสริมว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าเปิด และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์” ในพั น ธสั ญ ญาใหม่ เราได้ ยิ น ชื่ อ บาร์ โ ธโลมิ ว เฉพาะในรายชื่ อ ของ อัครสาวกทั้ง 12 คนเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ถือว่าท่านเป็นคนเดียวกันกับ นาธานาเอลที่พระวรสารกล่าวถึงในวันนี้ ท่านเป็นชาวเมืองคานา แคว้นกาลิลี ฟีลิป เป็นผูท้ พี่ าท่านมารูจ้ กั พระเยซูเจ้า ท่านเป็นผูท้ พี่ ระเยซูเจ้ายกย่องว่าเป็นคนไม่มมี ารยา บาร์โธโลมิวได้เห็นเหตุการณ์ส�ำ คัญทีพ่ ระเยซูเจ้าพูดถึงคือได้เห็นพระเยซูเจ้าผูก้ ลับคืน พระชนมชีพที่ริมทะเลทีเบเรียส ท่านได้เป็นพยานในการประกาศข่าวดีไม่หยุดหย่อน ประกาศข่าวดีแก่ทุกคน ซึ่งเราคริสตชนทุกคนต้องปฏิบัติเช่นเดียวกันในการประกาศ ข่าวดีของพระคริสตเจ้า


25 อังคาร

บทอ่านที่ 1 2 ธส 2:1-3ก,14-17 พีน่ อ้ งทัง้ หลาย เรือ่ งการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา และ เรือ่ งการชุมนุมของเราเพือ่ พบกับพระองค์นนั้ เราวอนขอท่านอย่ารีบด่วนหวัน่ ไหวหรือ ตกใจไม่ว่าเพราะคำ�พยากรณ์ที่อ้างว่ามาจากพระจิตเจ้า หรือเพราะคำ�พูดหรือจดหมาย ทีอ่ า้ งว่ามาจากเรา ประหนึง่ ว่าวันขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้ามาถึงแล้ว อย่าให้ใครหลอกลวง ท่านโดยวิธีใดเลย พระองค์ทรงเรียกท่านมาเพราะข่าวดีที่เราเทศน์สอน เพื่อท่านจะได้รับพระสิริ รุ่งโรจน์ของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ดังนั้น พี่น้องทั้งหลายจงยืนหยัด มั่นคงและยึดถือธรรมประเพณีที่ท่านเรียนรู้มาทั้งด้วยวาจาและด้วยจดหมายของเรา ขอพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และพระเจ้าพระบิดาของเรา ผูท้ รงรักเรา ประทาน กำ�ลังใจนิรันดรและความหวังที่ดีให้เราเดชะพระหรรษทาน โปรดประทานกำ�ลังใจให้ ท่านและบันดาลให้ท่านยืนหยัดมั่นคงในกิจการและวาจาที่ดีทุกประการ พระวรสาร มธ 23:23-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบตั จิ งเกิดแก่ทา่ น ธรรมาจารย์และฟาริสหี น้าซือ่ ใจคด ท่านถวายหนึง่ ในสิบของ สะระแหน่ ผักชี ยี่หร่า แต่ได้ละเลยธรรมบัญญัติในเรื่องที่สำ�คัญ เช่น ความยุติธรรม ความเมตตากรุณา และความซือ่ สัตย์ บทบัญญัตเิ หล่านีจ้ �ำ เป็นต้องปฏิบตั โิ ดยไม่ละเว้น บทบัญญัติเหล่านั้นด้วย” “ผู้นำ�ทางตาบอดเอ๋ย ท่านกรองลูกนํ้า แต่กลับกลืนอูฐทั้งตัว” “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านล้างถ้วยชามด้าน นอก ด้านในมีแต่ความสกปรกคือการข่มขูแ่ ย่งชิง และราคตัณหา ฟาริสตี าบอดเอ๋ย จง ล้างด้านในของถ้วยชามให้สะอาดเสียก่อน แล้วด้านนอกก็จะสะอาดด้วย” พระเยซูเจ้าไม่ได้ต�ำ หนิการถวายหนึง่ ในสิบของพวกธรรมาจารย์และชาว ฟาริสี แต่พระองค์ตำ�หนิการที่พวกเขาไปเน้นในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น การล้างถ้วยชาม ด้านนอกเพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนมองเห็น พระองค์เรียกพวกเขาว่าพวกหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเขาละเลยสิ่งที่สำ�คัญกว่า ได้แก่ ความยุติธรรม ความเมตตากรุณา ความ ซือ่ สัตย์และความรักต่อพระเป็นเจ้า พวกเขาวางแอกให้คนอืน่ แต่กลับละเลยทีจ่ ะแสดง ความรักความเมตตา โดยเฉพาะกับผู้ขัดสนและอ่อนแอ สรุปก็คือพระเยซูเจ้าต้องการ สอนสาระสำ�คัญของพระบัญญัติคือ ความรักต่อพระเป็นเจ้าและต่อเพื่อนพี่น้อง

สิงหาคม

น.หลุยส์ กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส น.โยเซฟ กาลาซานส์ พระสงฆ์ สดด 96:10-13

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1


26 พุธ

สิงหาคม

สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา สดด 128:1-2,4-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 2 ธส 3:6-10,16-18 พี่น้องทั้งหลาย เราขอกำ�ชับท่านในพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ให้ท่านหลีกห่างจากพี่น้องที่ดำ�เนินชีวิตโดยไม่มีวินัย ไม่ทำ�ตามธรรมประเพณีที่ท่านได้ รับจากเรา ท่านรูอ้ ยูแ่ ล้วว่า ท่านต้องยึดถือเราเป็นแบบฉบับอย่างไร เพราะเมือ่ เราอยูก่ บั ท่าน เรามิได้อยู่นิ่งเฉย เรามิได้กินอาหารของผู้ใดโดยไม่ทำ�งานตอบแทน แต่เราตรากตรำ� ทำ�งานทัง้ กลางวันและกลางคืน เพือ่ เราจะได้ไม่เป็นภาระแก่ผใู้ ด ทัง้ นีม้ ใิ ช่เพราะเราไม่มี สิทธิ์ แต่เพื่อทำ�ตนเป็นแบบฉบับแก่ท่าน เมื่อเราอยู่กับท่าน เรายังกำ�ชับท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่อยากทำ�งานก็อย่ากิน ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสันติ ประทานสันติแก่ท่านทั้งหลายทุกเวลาและทุกวิถี ทาง ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับทุกท่านเถิด คำ�ทักทายนี้เขียนด้วยมือของข้าพเจ้าเปาโล เป็นเครื่องหมายประจำ�จดหมายทุก ฉบับของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเขียนดังนี้ ขอพระหรรษทานของพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็น เจ้าของเราสถิตกับทุกท่านเทอญ พระวรสาร มธ 23:27-32 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบตั จิ งเกิดแก่ทา่ น ธรรมาจารย์และฟาริสหี น้าซือ่ ใจคด ท่านเป็นเหมือนหลุมศพ ทาสีขาว ภายนอกดูงดงามแต่ภายในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและสิง่ สกปรกทุกอย่าง ท่านก็เป็นเช่นเดียวกัน ภายนอกปรากฏแก่มนุษย์ว่าเป็นคนชอบธรรม แต่ภายในเต็ม ไปด้วยความหน้าซื่อใจคด และความอธรรม วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านสร้างหลุมศพให้ บรรดาประกาศก ประดับอนุสาวรีย์ของผู้ชอบธรรม ท่านกล่าวว่า ‘ถ้าเราอยู่ในสมัย บรรพบุรุษ เราคงจะไม่ร่วมมือในการหลั่งเลือดบรรดาประกาศกเหล่านี้’ ดังนี้ ท่านก็ เป็นพยานปรักปรำ�ตนเองว่า เป็นลูกหลานของผู้ที่ได้ฆ่าบรรดาประกาศก ฉะนั้น ท่าน ทั้งหลายจงทำ�งานที่บรรพบุรุษของท่านได้เริ่มไว้ให้สำ�เร็จไปเถิด” พระเยซูเจ้าใช้คำ�พูดที่นุ่มนวล อ่อนหวานกับคนบาป คนอ่อนแอ คน ยากจน เพราะพระองค์มองเห็นความจริงใจ ความซื่อตรงของคนเหล่านั้น แต่สำ�หรับ พวกธรรมาจารย์และชาวฟาริสี พระองค์ใช้ถ้อยคำ�ที่รุนแรง “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน...” เพราะพระองค์มองเห็นความไม่จริงใจ ความไม่ซื่อตรง ความหลอกลวงของพวกเขา พวกเขาเป็นเหมือน “หลุมศพทาสีขาว ภายนอกดูงดงามแต่ภายในเต็มไปด้วยกระดูก คนตายและสิ่งสกปรกทุกอย่าง” ดูภายนอกสวยงาม แต่ภายในจริงๆ สกปรกโสโครก พระเยซูเจ้าสอนให้เราเจริญชีวติ ในฐานะคริสตชนทีแ่ ท้จริง เราต้องเจริญชีวติ เพือ่ รับใช้ ผู้อื่น ไม่ใช่ดูถูกคนอื่น ตัดสินคนอื่นเหมือนพวกธรรมาจารย์และชาวฟาริสี


27

พฤหัสบดี

บทอ่านที่ 1 1 คร 1:1-9 จากเปาโล ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกให้เป็นอัครสาวกของพระคริสตเยซูตามพระ ประสงค์ของพระองค์ และจากโสสเธเนสพี่น้องของเรา ถึงพระศาสนจักรของพระเจ้าที่อยู่ ณ เมืองโครินธ์ ถึงผู้ที่ได้รับความศักดิ์สิทธิ์ใน พระคริสตเยซู คือได้รบั เรียกให้เป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิพ์ ร้อมกับทุกคนในทุกสถานที่ ทุกคนซึง่ เรียกหาพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งของเขาและของเราด้วย ขอพระหรรษทานและสันติสขุ จากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอเพื่อท่านทั้งหลาย เพราะพระหรรษทานซึ่ง พระเจ้าประทานแก่ท่านเดชะพระคริสตเยซู ท่านได้รับพระพรทุกด้านและทุกประการ เดชะพระองค์ คือการประกาศพระวาจาและความรู้ทุกอย่าง ท่านทั้งหลายเป็นพยาน ถึงพระคริสตเจ้าอย่างเข้มแข็งจนถึงที่สุด จนกระทั่งท่านไม่ขาดพระคุณใดในขณะที่รอ คอยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา พระองค์จะทรงคาํ้ จุนท่าน ให้มั่นคงจนถึงวาระสุดท้าย ไม่มีที่ติในวันที่พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะ เสด็จมา พระเจ้าทรงเรียกท่านให้สนิทสัมพันธ์กับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซู คริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้ว พระองค์ทรงมั่นคงในการรักษาคำ�สัญญา

สิงหาคม ระลึกถึง น.โมนิกา

สดด 145:2-3,4-5, 6-7

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร มธ 24:42-51 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงตืน่ เฝ้าระวังเถิด เพราะท่านไม่รวู้ า่ นายของท่านจะมาเมือ่ ไร พึงรูไ้ ว้เถิด ถ้าเจ้าบ้านรูว้ า่ ขโมยจะมาใน ยามใด เขาคงจะตื่นเฝ้าไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตนได้ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน จงเตรียมพร้อม ไว้ เพราะว่าบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย” “ใครเล่าเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์และรอบคอบซึ่งนายแต่งตั้งให้ดูแลผู้รับใช้ เพื่อแจกจ่ายอาหารให้ตาม เวลาทีก่ �ำ หนด ผูร้ บั ใช้นนั้ ย่อมเป็นสุข เมือ่ นายกลับมาพบเขากำ�ลังทำ�เช่นนี้ เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลาย ว่า นายจะแต่งตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สินทั้งปวงของตน แต่ถ้าผู้รับใช้นั้นคิดว่า ‘นายจะมาช้า’ แล้วเขาก็เริ่ม ตบตีเพื่อนผู้รับใช้ กินดื่มกับพวกขี้เมา นายของผู้รับใช้นั้นจะกลับมาในวันที่เขามิได้คาดหมาย ในเวลาที่เขา ไม่รู้ นายก็จะแยกเขาออก ให้ไปอยู่กับพวกหน้าซื่อใจคด ที่นั่นจะมีแต่การรํ่าไห้ครํ่าครวญ และขบฟันด้วย ความขุ่นเคือง” ซาตานหัวหน้าปีศาจถามปีศาจหนุ่ม 3 ตนว่า “ทำ�อย่างไรจึงจะทำ�ให้วิญญาณมนุษย์ตกนรก มากที่สุด” ปีศาจตนแรกตอบว่า “จะบอกมนุษย์ว่าไม่มีพระเป็นเจ้า” ตนที่สองตอบ “จะบอกมนุษย์ว่าไม่มี นรก” ซาตานตวาดว่า “ไม่ได้ผลหรอก” ปีศาจตนที่สามตอบว่า “จะบอกมนุษย์ว่า ไม่ต้องรีบ ยังมีเวลาอีก มาก” ซาตานตอบด้วยความดีใจว่า “เป็นคำ�ตอบที่ดีมาก” พระเยซูเจ้าตระหนักดีว่าการคิดว่ายังมีเวลาอีก นาน ยังมีพรุ่งนี้ ไม่ต้องรีบกลับใจ เป็นความคิดที่อันตรายที่สุดต่อวิญญาณ พระวรสารวันนี้เตือนให้เรา ตื่นเฝ้า เป็นการตื่นเฝ้าที่จริงจัง “จงเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านไม่ได้ คาดหมาย” เวลาของชีวิตมันสั้นนัก จงอย่าเลื่อนการกลับใจของเราเลย


28 ศุกร

สิงหาคม

ระลึกถึง น.ออกัสติน พระสังฆราช และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 33:1-2,4-5, 10-12

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 1 คร 1:17-25 พี่น้อง พระคริสตเจ้ามิได้ทรงส่งข้าพเจ้ามาทำ�พิธีล้างบาป แต่ทรงส่งมาประกาศ ข่าวดีมใิ ช่ดว้ ยการใช้โวหารอันชาญฉลาด ด้วยเกรงว่าจะทำ�ให้ไม้กางเขนของพระคริสต เจ้าเสื่อมประสิทธิภาพ ผู้ที่จะพินาศนั้นเห็นว่าคำ�สอนเรื่องไม้กางเขนเป็นความโง่เขลา แต่พวกเราทีก่ �ำ ลังจะรอดพ้นเห็นว่าเป็นพระอานุภาพของพระเจ้า มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ ว่า “เราจะทำ�ลายความปรีชาของผู้มีปัญญา และจะทำ�ให้ไหวพริบของคนฉลาดหมด สิ้นไป คนฉลาดปราดเปรื่องอยู่ที่ใดเล่า บัณฑิตอยู่ที่ใดเล่า” และนักโต้ปัญหาของโลก นี้อยู่ที่ใดเล่า พระเจ้ามิได้ทรงบันดาลให้ความปรีชาฉลาดของโลกนี้กลายเป็นความ โง่เขลาไปดอกหรือ เพราะตามพระปรีชาญาณของพระเจ้า โลกมิได้รู้จักพระองค์โดย อาศัยความปรีชาฉลาดของตน พระเจ้าจึงพอพระทัยช่วยผู้มีความเชื่อให้รอดพ้นโดย การเทศน์สอนเรื่องโง่เขลา ขณะที่ชาวยิวเรียกร้องขอดูอัศจรรย์ และชาวกรีกแสวงหา ปรีชาญาณ เรากลับประกาศเรื่องพระคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงกางเขน อันเป็นข้อขัดข้อง มิให้ชาวยิวรับไว้ได้และเป็นเรือ่ งโง่เขลาสำ�หรับชาวกรีก แต่ส�ำ หรับผูท้ พี่ ระเจ้าทรงเรียก นั้น ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือชาวกรีก พระคริสตเจ้าทรงเป็นทั้งพระอานุภาพและ พระปรีชาญาณของพระเจ้า เพราะความโง่เขลาของพระเจ้ายังฉลาดยิ่งกว่าปรีชาญาณ ของมนุษย์ และความอ่อนแอของพระเจ้าก็ยังเข้มแข็งยิ่งกว่าพละกำ�ลังของมนุษย์

พระวรสาร มธ 25:1-13 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาให้บรรดาศิษย์ฟังว่าดังนี้ “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับหญิง สาวสิบคนถือตะเกียงออกไปรอรับเจ้าบ่าว ห้าคนเป็นคนโง่ อีกห้าคนเป็นคนฉลาด หญิงโง่นำ�ตะเกียงไป แต่มิได้นำ�นํ้ามันไปด้วย ส่วนหญิงฉลาด นำ�นํ้ามันใส่ขวดไปพร้อมกับตะเกียง ทุก คนต่างง่วงและหลับไปเพราะเจ้าบ่าวมาช้า ครั้นเวลาเที่ยงคืน มีเสียงตะโกนบอกว่า ‘เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออก ไปรับกันเถิด’ หญิงสาวทุกคนจึงตื่นขึ้นแต่งตะเกียง หญิงโง่พูดกับหญิงฉลาดว่า ‘ขอนํ้ามันให้เราบ้าง เพราะ ตะเกียงของเราจวนจะดับแล้ว’ หญิงฉลาดจึงตอบว่า ‘ไม่ได้ เพราะนํ้ามันอาจไม่พอสำ�หรับเราและสำ�หรับพวกเธอด้วย จงไปหาคนขาย แล้วซือ้ เอาเองดีกว่า’ ขณะทีห่ ญิงเหล่านัน้ กำ�ลังไปซือ้ นํา้ มัน เจ้าบ่าวก็มาถึง หญิงสาวทีเ่ ตรียมพร้อมจึงเข้าไป ในห้องงานแต่งงานพร้อมกับเจ้าบ่าว แล้วประตูก็ปิด ในที่สุด พวกหญิงโง่ก็มาถึง พูดว่า ‘นายเจ้าขา นายเจ้าขา เปิดรับพวกเราด้วย’ แต่เขาตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่รู้จักท่าน’ ดังนั้น จงตื่นเฝ้าระวังไว้เถิด เพราะท่านไม่รู้วันและเวลา” พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าเตือนเราอีกครั้งหนึ่งว่า เราต้องเตรียมพร้อมเสมอ เตรียมพร้อม สำ�หรับ 2 สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน คือความตายของเราเองและวันสิ้นโลก เราต้องระลึกอยู่เสมอว่า มี บางอย่างที่เราไม่ได้รับมาโดยทันที เช่น ความรู้ ซึ่งต้องใช้เวลาในการศึกษาเล่าเรียน ในการค้นคว้าวิจัย การ ไตร่ตรอง ฯลฯ และบางอย่างยืมกันไม่ได้ เช่น ความดี ความศักดิส์ ทิ ธิ์ ฯลฯ การเตรียมพร้อมไม่ได้หมายความ ถึงเวลาเท่านั้น แต่หมายถึงการทำ�ความดีตลอดเวลา จะมีคนเห็นหรือไม่ จะได้รางวัลหรือไม่ก็ตาม นี่คือ ความหมายของการเตรียมพร้อม


29 เสาร

บทอ่านที่ 1 ยรม 1:17-19 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ท่านจงคาดสะเอว จงลุกขึ้นไปบอกทุกสิ่ง ทีเ่ ราจะสัง่ ท่านให้เขาฟัง อย่ากลัวเขาเลย เพราะเราจะทำ�ให้ทา่ นไม่พรัน่ พรึงต่อหน้าเขา ดูซิ วันนี้เราทำ�ให้ท่านเป็นเหมือนเมืองป้อม เป็นเหมือนเสาเหล็ก และเป็นเหมือน กำ�แพงทองสัมฤทธิ์ ต่อสูก้ บั ทัว่ แผ่นดิน กับบรรดากษัตริยแ์ ห่งยูดาห์และเจ้านาย บรรดา สมณะและประชากรของแผ่นดิน เขาทัง้ หลายจะต่อสูก้ บั ท่าน แต่จะไม่ชนะท่าน เพราะ เราอยู่กับท่านเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้น” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

สิงหาคม

ระลึกถึง น.ยอห์น ผู้นำ�พิธีล้าง ถูกตัดศีรษะ

พระวรสาร มก 6:17-29 สดด 71:1-3ก,3ข-5 6,14-15 เวลานัน้ กษัตริยเ์ ฮโรดองค์นเี้ คยทรงสัง่ ให้จบั กุมยอห์น และล่ามโซ่ขงั คุกไว้ เพราะ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 เรือ่ งของนางเฮโรเดียสภรรยาของฟีลปิ พระอนุชา ซึง่ กษัตริยเ์ ฮโรดทรงรับมาเป็นมเหสี ยอห์นเคยทูลกษัตริยเ์ ฮโรดว่า “ไม่ถกู ต้องทีพ่ ระองค์ทรงรับภรรยาของน้องชายมาเป็น มเหสี” นางเฮโรเดียสจึงโกรธแค้นและปรารถนาจะฆ่ายอห์นเสีย แต่ฆ่าไม่ได้ เพราะ กษัตริยเ์ ฮโรดยังทรงเกรงยอห์นอยู่ ทรงทราบว่ายอห์นเป็นคนชอบธรรมและศักดิส์ ทิ ธิ์ จึงทรงป้องกันไว้ เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงฟังคำ�พูดของยอห์น ทรงรู้สึกสับสน แต่ก็ทรง ยินดีที่จะฟัง นางเฮโรเดียสได้โอกาสเมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงจัดให้มีงานเลี้ยงขุนนางกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่และคน สำ�คัญในแคว้นกาลิลใี นวันคล้ายวันประสูตขิ องพระองค์ บุตรหญิงของนางเฮโรเดียสออกมาเต้นรำ�เป็นทีพ่ อ พระทัยของกษัตริยเ์ ฮโรด และเป็นทีพ่ อใจของผูร้ บั เชิญ กษัตริยจ์ งึ ตรัสกับหญิงคนนัน้ ว่า “ท่านอยากได้อะไร ก็ขอมาเถิด เราจะให้” และยังทรงสาบานอีกว่า “ท่านขออะไรเราก็จะให้ แม้จะเป็นครึ่งหนึ่งของอาณาจักร ของเราก็ตาม” หญิงสาวจึงออกไปถามมารดาว่า “ลูกจะขออะไรดี” มารดาตอบว่า “จงขอศีรษะของยอห์น ผู้ทำ�พิธีล้าง” หญิงสาวจึงรีบกลับมาทูลกษัตริย์ทันทีว่า “หม่อมฉันขอศีรษะของยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างใส่ถาดมา ให้เดี๋ยวนี้” กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แต่เพราะได้ทรงสาบานไว้ และเพราะทรงเห็นแก่ผู้รับเชิญ ไม่ทรง ปรารถนาจะขัดใจหญิงสาว จึงทรงสั่งเพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นมาทันที เพชฌฆาตไปตัดศีรษะของ ยอห์นในคุก ใส่ถาดนำ�มาให้หญิงสาว หญิงสาวจึงนำ�ไปให้มารดา เมื่อบรรดาศิษย์ของยอห์นรู้เรื่อง จึงมารับ ศพของยอห์น นำ�ไปฝังไว้ในคูหา เพราะคำ�สาบานของเฮโรดผู้มึนเมาและความต้องการรักษาเกียรติของตนเอง จากการเต้น ระบำ�ที่ยั่วยวน ผนวกกับหัวใจที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของนางเฮโรเดียสมเหสีท่ีชั่วร้าย นำ�มาซึ่งความ ตายของนักบุญยอห์นบัปติสต์ ท่านประกาศกยิง่ ใหญ่ผนู้ ไี้ ด้เผชิญเหมือนกับประกาศกในพันธสัญญาเดิมหลาย คนคือการถูกปฏิเสธและความตาย “เสียงร้องในที่เปลี่ยว” ไม่ได้ลังเลที่จะประณามความผิด ไม่ลังเลที่จะ พูดความจริงกับกษัตริย์เฮโรด แม้จะทราบว่าอาจนำ�มาซึ่งความตาย เราแต่ละคนถูกเรียกจากพระเป็นเจ้า เช่นเดียวกัน เราอาจไม่ได้ถกู เรียกให้ท�ำ ภารกิจเหมือนนักบุญยอห์น แต่เราทุกคนมีภารกิจทีไ่ ด้รบั มอบหมาย ไม่วา่ เราจะมีต�ำ แหน่งหรือฐานะใดในโลก เราทุกคนถูกเรียกให้เป็นศิษย์ของพระองค์ โดยทางคำ�พูดและการ กระทำ�ของเรา


สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์ ยรม 20:7-9 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงล่อลวงข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ยอมให้ถูก ล่อลวง พระองค์ทรงพลังเหนือข้าพเจ้า และทรงมีชัยชนะ ข้าพเจ้าเป็นที่น่าหัวเราะวัน ยังคํา่ ทุกคนเยาะเย้ยข้าพเจ้า ทุกครัง้ ทีพ่ ดู ข้าพเจ้าต้องร้องขอความช่วยเหลือ ตะโกน ว่า “แย่แล้ว ตายแน่ๆ” เพราะพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าต้อง อับอายและถูกเยาะเย้ยอยูต่ ลอดวัน แม้ขา้ พเจ้าจะพูดว่า “ข้าพเจ้าจะไม่คดิ ถึงพระองค์ และจะไม่พดู ในพระนามของพระองค์อกี ” แต่ขา้ พเจ้าก็รสู้ กึ เหมือนกับว่ามีไฟเผาอยูใ่ น ใจ อัดอยู่ในกระดูกของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพยายามควบคุมไฟนี้ไว้จนอ่อนเปลี้ย แต่ก็ ควบคุมไว้ไม่ไหว เพลงสดุดี สดด 63:1-2,3-5,6-9,10-11 ก) ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์ตั้งแต่เช้าตรู่ จิตใจข้าพเจ้ากระหายหาพระองค์ ร่างกายข้าพเจ้าปรารถนาจะพบพระองค์ เหมือนผืนดินที่แห้งผาก แห้งแล้ง ไม่มีนํ้า ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเฝ้ามองพระองค์ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อชมพระอานุภาพและพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ข) เพราะความรักมั่นคงของพระองค์มีคุณค่ากว่าชีวิต ริมฝีปากข้าพเจ้าจะพรํ่าสรรเสริญพระองค์ ข้าพเจ้าจะถวายพระพรแด่พระองค์ตลอดชีวิต ข้าพเจ้าจะชูมือขึ้นเรียกขานพระนามของพระองค์ ข้าพเจ้าจะอิ่มประดุจได้กินอาหารโอชาในงานเลี้ยง ริมฝีปากของข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยความยินดี ค) เมื่อนอนบนเตียง ข้าพเจ้าระลึกถึงพระองค์ ข้าพเจ้าคำ�นึงถึงพระองค์ทุกโมงยามตลอดคืน เพราะพระองค์ทรงเป็นความช่วยเหลือของข้าพเจ้าเสมอมา ข้าพเจ้าจึงร้องเพลงด้วยความยินดีอยู่ใต้ร่มปีกของพระองค์ จิตใจข้าพเจ้าชิดสนิทกับพระองค์ พระหัตถ์ขวาของพระองค์พยุงข้าพเจ้าไว้ ส่วนผู้ที่มุ่งเอาชีวิตของข้าพเจ้า จะต้องลงไปในขุมลึกของแผ่นดิน ง) เขาจะถูกฆ่าด้วยคมดาบ เป็นอาหารของหมาใน แต่พระราชาจะทรงยินดีในพระเจ้า


ทุกคนที่สาบานโดยอ้างพระนามของพระองค์จะภูมิใจ เพราะปากของคนพูดเท็จจะถูกปิดให้เงียบ

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโรม รม 12:1-2 พี่ น้ อ ง เพราะเห็ น แก่ พ ระกรุ ณาธิ คุ ณของพระเจ้ า ข้าพเจ้าอ้อนวอนท่านทั้งหลายให้ถวายร่างกายของท่านเป็น เครือ่ งบูชาทีม่ ชี วี ติ ศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละเป็นทีพ่ อพระทัยแด่พระเจ้า นี่ เป็ นคารวกิ จ ด้ ว ยจิ ต ใจของท่ า น อย่ า คล้ อ ยตามความ ประพฤติของโลกนี้ แต่จงเปลี่ยนแปลงตนเองโดยการฟื้นฟู ความคิดขึ้นใหม่ เพื่อจะได้รู้จักวินิจฉัยว่าสิ่งใดเป็นพระ ประสงค์ของพระเจ้า สิ่งใดดี สิ่งใดเป็นที่พอพระทัยและ สมบูรณ์พร้อม บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 16:21-27 ตั้งแต่นั้นมา พระเยซูเจ้าทรงเริ่มแจ้งแก่บรรดาศิษย์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อรับ การทรมานอย่างมากจากบรรดาผู้อาวุโส หัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ จะถูกประหารชีวิต แต่จะทรง กลับคืนพระชนมชีพในวันที่สาม เปโตรนำ�พระองค์แยกออกไป ทูลทัดทานว่า “ขอเถิด พระเจ้าข้า เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นกับพระองค์ อย่างแน่นอน” แต่พระองค์ทรงหันมาตรัสแก่เปโตรว่า “เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลังเรา เจ้าเป็นเครือ่ งกีดขวาง เรา เจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้า แต่คิดอย่างมนุษย์” พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ถ้าผู้ใดอยากตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของ ตนและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิตของตนให้รอดพ้น ก็จะสูญเสียชีวิตนิรันดร แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตของตน เพราะเรา ก็จะพบชีวติ นิรนั ดร มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดในการทีไ่ ด้โลกทัง้ โลกเป็นกำ�ไร แต่ตอ้ งเสียชีวติ มนุษย์ จะต้องให้สิ่งใดเพื่อแลกกับชีวิตที่สูญเสียไปให้กลับคืนมา บุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จกลับมาในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาพร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ เมื่อนั้น พระองค์จะประทานรางวัลแก่ทุกคนตามความประพฤติของเขา” หลังจากที่นักบุญเปโตรได้ยืนยันว่า “พระองค์เป็นพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรง ชีวิต” (อาทิตย์ที่แล้ว) พระเยซูเจ้าได้บอกกับศิษย์ต่อไปว่า เพราะพระองค์เป็นพระคริสตเจ้า พระองค์ต้อง รับการทรมานและความตายอย่างทารุณจากเงือ้ มมือของชาวยิว แต่จะทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันทีส่ าม พระองค์ยังได้บอกศิษย์ของพระองค์ว่า พวกเขาต้องเตรียมพร้อมที่จะเผชิญความยากลำ�บาก ความทุกข์ ทรมานเช่นเดียวกัน พระองค์ยังเตือนอีกว่า “มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดในการที่ได้โลกทั้งโลกเป็นกำ�ไร แต่ ต้องเสียชีวิต” เราต้องหยุดคิดและรำ�พึงถึงคำ�พูดนี้ เมื่อเราต้องตัดสินใจเรื่องสำ�คัญๆ หรือกำ�หนดเป้าหมาย ของชีวติ ของเราอย่างไร ต้องไตร่ตรองคำ�เตือนนีใ้ ห้จงดี การติดตามพระเยซูเจ้าเราต้องเจ็บปวด แต่กม็ รี างวัล อันยิ่งใหญ่รอเราอยู่


31 จันทร

สิงหาคม สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 119:97-100, 101-103

บทอ่านที่ 1 1 คร 2:1-5 พี่น้องทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ามาพบท่าน ข้าพเจ้ามิได้มาประกาศธรรมลํ้าลึกเรื่อง พระเจ้าโดยใช้ส�ำ นวนโวหาร หรือโดยใช้หลักเหตุผลอันฉลาดปราดเปรือ่ ง ข้าพเจ้าตัดสิน ใจว่าจะไม่สอนเรือ่ งใดแก่ทา่ นนอกจากเรือ่ งพระเยซูคริสตเจ้า คือพระองค์ผทู้ รงถูกตรึง กางเขน ข้าพเจ้ายังอยู่กับท่านด้วยความอ่อนแอ มีความกลัวและหวาดหวั่นมาก วาจา และคำ�เทศน์ของข้าพเจ้ามิใช่คำ�พูดชวนเชื่ออย่างชาญฉลาด แต่เป็นถ้อยคำ�แสดง พระอานุภาพของพระจิตเจ้า เพื่อมิให้ความเชื่อของท่านเป็นผลจากปรีชาญาณของ มนุษย์ แต่เป็นผลจากพระอานุภาพของพระเจ้า

พระวรสาร ลก 4:16-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์ทรง เจริญวัย ในวันสับบาโต พระองค์เสด็จเข้าไปในศาลาธรรมเช่นเคย ทรงยืนขึ้นเพื่อทรง อ่านพระคัมภีร์ มีผู้ส่งม้วนหนังสือประกาศกอิสยาห์ให้พระองค์ พระเยซูเจ้าทรงคลี่ ม้วนหนังสือออก ทรงพบข้อความที่เขียนไว้ว่า พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดี แก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผถู้ กู จองจำ� คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อย ผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระเยซูเจ้าทรงม้วนหนังสือส่งคืนให้เจ้าหน้าที่และประทับนั่งลง สายตาของทุกคนที่อยู่ในศาลา ธรรมต่างจ้องมองพระองค์ พระองค์จึงทรงเริ่มตรัสว่า “ในวันนี้ ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินกับหูอยู่ นี้เป็นความจริงแล้ว” ทุกคนสรรเสริญพระองค์และต่างประหลาดใจในถ้อยคำ�น่าฟังที่พระองค์ตรัส เขากล่าวกันว่า “นี่เป็นลูกของโยเซฟมิใช่หรือ” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านคงจะกล่าวคำ�พังเพยนี้ แก่เราเป็นแน่ว่า ‘หมอเอ๋ย จงรักษาตนเองเถิด สิ่งที่พวกเราได้ยินว่าเกิดขึ้นที่เมืองคาเปอรนาอุมนั้น ท่านจง ทำ�ที่นี่ในบ้านเมืองของท่านด้วยเถิด’ แล้วพระองค์ยังทรงเสริมอีกว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีประกาศกคนใดได้รับการต้อนรับอย่างดีในบ้านเมืองของตน เราบอกความจริงอีกว่าในสมัยประกาศกเอลียาห์ เมื่อฝนไม่ตกเป็นเวลาสามปีหกเดือน และเกิดความ อดอยากครั้งใหญ่ทั่วแผ่นดิน มีหญิงม่ายหลายคนในอิสราเอล แต่พระเจ้ามิได้ทรงส่งประกาศกเอลียาห์ไป หาหญิงม่ายเหล่านี้ นอกจากหญิงม่ายที่เมืองศาเรฟัทในเขตเมืองไซดอน ในสมัยประกาศกเอลีชา มีคน โรคเรือ้ นหลายคนในอิสราเอล แต่ไม่มใี ครได้รบั การรักษาให้หายจากโรค นอกจากนาอามานชาวซีเรียเท่านัน้ ’” เมื่อคนที่อยู่ในศาลาธรรมได้ยินเช่นนี้ ทุกคนโกรธเคืองยิ่งนัก จึงลุกขึ้นขับไล่พระองค์ออกไปจากเมือง...

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

ปฏิกริ ยิ าเบือ้ งต้นต่อพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธซึง่ เป็นบ้านเกิดของพระองค์นนั้ เป็นสิง่ ทีท่ กุ คน พอใจ ต่างสรรเสริญพระองค์ แต่พอพวกเขาเข้าใจความหมายในสิ่งที่พระองค์ตรัส ความพึงพอใจของพวก เขาก็เปลี่ยนไปสู่ความไม่เชื่อ ลูกของช่างไม้ธรรมดาๆ จะเป็นอย่างที่พระองค์ตรัสได้อย่างไร ความไม่เชื่อได้ เปลีย่ นเป็นปฏิปกั ษ์ เขาอาจยอมรับได้ถา้ พระองค์มาจากครอบครัวทีม่ ฐี านะรํา่ รวยและมีชอื่ เสียง แต่พระองค์ มาจากครอบครัวธรรมดาๆ นักบุญเปาโล (บทอ่านแรก) ก็เผชิญปัญหาเดียวกันที่เมืองโครินธ์ เพราะคำ�สอน ของท่านไม่ได้ใช้ปรัชญาของยุคสมัยนั้น ท่านเป็นเพียงคนทำ�เต๊นท์ขาย ใช้ภาษาง่ายๆ แต่เป็นถ้อยคำ�แสดง พระอานุภาพของพระจิตเจ้า ผลก็คือชาวโครินธ์หลายคนหันหลังให้ท่าน



Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.