GM - 514

Page 1

ผศ. ดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ กับโลกของ E-Commerce และการมาถึงของแพลตฟอร์ม ‘ConnExion’ จาก depa IN TER VI E W มองเทคโนโลยี ‘AI’ และทิศทางแห่ง แวดวงดิจิทัลไทยไปกับ วรวิสุทธิ์ ภิญโญยาง gmclub แมธเธียส คูเปอร์ กับงาน THAiFEx – HoREC Asia T HO ug H T naturally Umami เรียนรู้ชีวิตจากรสอูมามิ รสอร่อย จากธรรมชาติ แพทย์หญิงปิยะนุช รักพาณิชย์ บทเรียนชีวิต... ที่มาของค�าตอบแห่งความส�าเร็จ จากหลักปรัชญา ‘แซกี’ อาจารย์ฐาปน อังกาบสี c A R ปลุกคลาสสิกเก๋า เป็นขุมพลังไฟฟ้า T R AVE l Kyoto ; เกียวโต กับ ทะเล ป่าไม้ และภูเขา T R END bIZ คาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 S c OOP net Zero, Carbon neutrality และ สถาบันคาร์บอน : สิ่งแวดล้อมโลกบนทางสาย ‘คาร์บอน’ MAGAZINE OF THE GM GROUP นิตยสารผู้ชาย ที่มีผู้อ่านสูงสุดตลอด 38 ปี 23 10 01 2566 / 70 บาท th YEAR

VOLUME 38 | 2023

514

s Not E

Cool Gadgets Fall 2023

Classic EV Era

Innovative Time r ma N ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ กับโลกของ E-Commerce และการมาถึงของแพลตฟอร์ม

‘CoNNEXioN’ จาก depa

Make It Green รู้จักแบรนด์น้องใหม่ Ranra ที่เชื่อว่านวัตกรรมช่วยให้วงการแฟชั่น ‘เขียว’ ขึ้นมาได้

i N t E rvi EW มองเทคโนโลยี ‘ai’

sC oop Net Zero, Carbon Neutrality

วรวิสุทธิ์ ภิญโญยาง’
และสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน : สิ่งแวดล้อมโลกบนทางสาย ‘คาร์บอน’ 52 EXCLU siv E ชำานาญ ชำานาญยุทธ : งานคือ ‘ชีวิตและความสุข’ ปิยะภัณฑ์ โหวิไลลักษ์ : ‘จุดหมายมีไว้พุ่งชน’ 54 G m C LU b แมธเธียส คูเปอร์ กับงาน THAIFEX-HOREC Asia งานแสดงสินค้าเพื่อผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาคบริการ แห่งภูมิภาคเอเชีย 56 Tr EN d Bi Z คาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 60 E N t E rtai N m EN t Film : Oppenheimer Book : มหาศึกแห่ง Dune Travel : Kyoto (เกียวโต) กับ ทะเล ป่าไม้ และภูเขา 68 t ho UG ht แพทย์หญิงปิยะนุช รักพาณิชย์ : Naturally Umami เรียนรู้ชีวิตจาก ‘รสอูมามิ’ รสอร่อยจากธรรมชาติ อาจารย์ฐาปน อังกาบสี : บทเรียนชีวิต...ที่มาของคำาตอบ แห่งความสำาเร็จ จากหลักปรัชญา ‘แซกี’ 72 Csv 73 NEWs & NEWs 74 oNE QUEstioN : หนึ่งคำาถามกับคนหนุ่ม 60 Film 62 Book 64 Travel 44 Scoop 8 Gadget
36
และทิศทางแห่งแวดวงดิจิทัลไทย ไปกับ ‘
44

ที่มาพร้อมสไตล์การดื่ม ที่ไม่เหมือนใคร, แก้ม-สามสรา เอี่ยมเอกดุลย์

แบงค์-ปรีดากร เมธเกรียงชัย ผู้เปรียบเปรยการดื่มกับการขับขี่ท่องไปตามสายลม และ กอล์ฟ- จักรพันธ์ ชรินรัตนา มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นที่เปรียบเครื่องดื่มรสเยี่ยมไปกับสาวสวยที่ท�าให้ทุกการจิบร�่า แต่ไม่ว่าการดื่มของแต่ละคนจะเป็นเช่นไร ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นี่เป็น ค�่าคืนที่มีความพิเศษและมีความหมาย ในงานเปิดตัว Silver Knight ในครั้งนี้

เมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า สีสันแห่งชีวิตยามราตรีก็เริ่มต้นความตระการตา จะมีสิ่งใดที่ช่วยให้ค�่าคืนนั้นมีความหมายได้เท่ากับ ‘เครื่องดื่ม’ ชั้นเยี่ยม เช่นเดียวกับ ‘Silver Knight’ สกอตช์วิสกี้ 8 ปี ระดับพรีเมียม ที่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จ�ากัด ได้เปิดเวทีส�าหรับการแฮงเอาต์ครั้งใหม่ ในงานเปิดตัว ‘Silver Knight’ ที่คับคั่งไปด้วยเหล่าเซเลบริตี นักธุรกิจชั้นน�า และคนดังในวงสังคมมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เครื่องดื่มดี ดนตรีสนุกสนาน จะขาดซึ่งผู้ร่วมประสานความบันเทิงไปเป็น ไม่ได้ ซึ่งในงานนี้ได้มีเหล่าเซเลบริตี นักธุรกิจ และคนดังในวงสังคม มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ สามหนุ่มรุ่นใหญ่ วิรัช เตชะมงคลาภิวัฒน์, ภาวุฒิ วรรธนะกุล, สีหบุตร ชุมสาย ณ อยุธยา
เซเลบฯ สาว ผู้ดื่มที่ดื่ม อย่างสนใจใคร่รู้ในส่วนประกอบ จนถึงสองหนุ่ม
ที่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จ�ากัด ได้พร้อมใจน�าเสนอขึ้นมานั่นเอง เติมเต็มสีสันให้กับทุกค�่ำคืนอย่ำงมีควำมหมำย กับ Silver Knight โดย บุญรอดบริวเวอรี่ คืนค�่าอันแสนพิเศษนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้ความตั้งใจของ เต้-ภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จ� า กัด และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จ� า กัด ที่ได้ร่วมมือกับโรงกลั่น มาตรฐานระดับโลกจากสกอตแลนด์ที่สั่งสมบ่มเพาะ ประสบการณ์ในการท� า เครื่องดื่มชั้นเยี่ยมมายาวนานกว่า 136 ปี จนกลายมาเป็น Silver Knight รสเยี่ยมคู่ใจในค�่าคืนนี้

อีกหลายคอลัมน์ ที่ผมและทีมกองบรรณาธิการตั้งใจน�าเสนอ ท้ายสุดนี้ขอบคุณที่ติดตามกันอย่างสม�่าเสมอนะครับ

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน GM หลังจากที่นิตยสาร GM เล่มนี้อยู่ในมือท่านผู้อ่าน ประเทศไทยเรามีนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เอาเป็นว่า...ชีวิตในโลก ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ท่ามกลางกระแสทุนนิยมอันเชี่ยวกรากยังคงด�าเนินต่อไป ส�าหรับนิตยสาร GM เล่มนี้ ทางทีมกองบรรณาธิการเน้นการน�าเสนอเรื่องนวัตกรรม ครับ เพราะเราตื่นเต้น ตื่นตัว และอาจจะตื่นกลัวกับ AI ที่พัฒนามาเป็น Chatbot หรือปัญญาประดิษฐ์ต่างๆ มากมายเต็มไปหมด ซึ่งที่จริงก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนะครับ ถ้าหากใช้เป็นและควบคุมได้ กลายเป็นเหยื่อหรือเป็นคนที่ได้รับผลกระทบจากซึ่งแน่นอนว่าหากน�ามาใช้ในทางที่ผิดท�าให้มนุษย์เรา AI คงไม่ดีแน่ๆ ซึ่งในเรื่องนี้ วรวิสุทธิ์ ภิญโญยาง จะมาฉายภาพทั้งหมดให้ได้เห็นถึงแง่มุมต่างๆ จากคอลัมน์ Interview ครับ ส่วนในคอลัมน์ Cover Man หรือผู้ชายจากปก ทางนิตยสาร GM ได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อานวยการใหญ่ สานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ผู้ซึ่งน�านวัตกรรมมาช่วยผู้ประกอบธุรกิจในการสร้างแต้มต่อ ด้วยการสนับสนุน โลกของ E-Commerce ให้เชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มที่ทรงอานุภาพทางการค้า ภายใต้ ชื่อโครงการ ‘ConnExIon’ ส�าหรับ GM Club ผมขอน�าเสนอบทสัมภาษณ์ในส่วนที่ส�าคัญที่สุด ผ่านการบอกเล่า ของ แมธเธียส คูเปอร์ โดยผมได้มีโอกาสพบและพูดคุยกับเขาที่งาน THAIFEx -H o REC Asia ซึ่งท� า ให้ผมได้รู้และเข้าใจว่างานนี้ที่ก� า ลังเกิดขึ้นในปีหน้ามีอะไร มากกว่าเดิมที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่เรื่องของอาหารเท่านั้น แต่มีความหมายกว้างครอบคลุม ถึงบริการอื่นๆ รวมทั้งนวัตกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับธุรกิจสายนี้อีกด้วย และแน่นอนว่าคอลัมน์ประจ�าในนิตยสาร
: สิ่งแวดล้อมโลกบนทางสาย ‘คาร์บอน’ ในคอลัมน์ Scoop หรือ บทความเชิงวิเคราะห์เศรษฐกิจ จากคอลัมน์ Trend Biz : คาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 ในส่วนของผู้ที่ชื่นชอบเกี่ยวกับรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต้องไม่พลาด คอลัมน์ Car กับการปลุกชีพรถคลาสสิกให้ฟื้นคืนชีพในรูปแบบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ตามเทรนด์นิยมในหัวข้อ Classic EV Era ปลุกคลาสสิกเก๋าเป็นขุมพลังไฟฟ้า พร้อมกับนวัตกรรมใหม่ๆ กับเรือนเวลาคู่กายในคอลัมน์ WATCHS : Innovative Time ช่วงเวลาแห่งนวัตกรรมการสร้างสรรค์นาฬิกาตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนยุค สมัยใหม่ในแง่ฟังก์ชัน ดีไซน์ และความสวยงามที่ลงตัว ทั้งยังพิเศษเหนือใคร รวมทั้ง ในส่วนของ Cool Gadgets Fall 2023 : อุปกรณ์สุดหรูคู่บ้านครึ่งหลังปี 2023 และ มาท�าความรู้จักค�าว่า ‘อูมามิ’ จาก แพทย์หญิงปิยะนุช รักพาณิชย์ naturally Umami เรียนรู้ชีวิตจากรสอูมามิ รสอร่อยจากธรรมชาติ จากคอลัมน์ Thought กันครับ ทั้งหมดที่ผมยกตัวอย่างขึ้นมานี้เป็นเพียงบางช่วงบางตอนของเนื้อหาภายในเล่มของ นิตยสาร GM เล่มนี้เท่านั้นนะครับ ยังมีเรื่องราวชวนให้ติดตามอ่าน
อภิรักษ์ หาญพิชิตวณิชย์ editor ' s note เรามีคอลัมน์เด่นๆ ประจำาเดือน ให้คุณได้อ่านในฉบับย่อ และบทสัมภาษณ์คัดสรรแล้ว จากฉบับก่อนๆ รวมทั้งคอลัมนิสต์ที่มีแฟนคลับ ติดตามอ่านเป็นประจำา ใน GM ให้คุณได้อ่านกันอีกด้วย ลองคลิกเข้าไปกันครับ ติดตาม GM Magazine ในรูปแบบ เว็บไซต์ได้ทาง www.gmgroup.in.th, www.gmlive.com ทาง Facebook GM Live ทาง Twitter @MagazineGM * ข้อเขียน และภาพในนิตยสาร GM สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามน� า ไปเผยแพร่ซ�้ า ไม่ว่าจะเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด ยกเว้นได้รับการยินยอม เป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท จีเอ็ม ยูนิคอร์น กรุ๊ป จ� า กัด (มหาชน)
GM เล่มนี้ยังเต็มอิ่มและอยู่ในกระแสเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของบทความ net Zero, Carbon neutrality และสถาบันคาร์บอน เพื่อความยั่งยืน

บริษัทฯ จึงตระหนักในหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี

(Carbon Neutral) และการเป็นองค์กรที่จัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero e-Waste to Landfill) ภายในปี 2573 รวมถึงเป้าหมายที่ 12 ของการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การ สหประชาชาติ หรือ SDGs ในการสร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการผลิตและการบริโภค

ซึ่งโครงการดังกล่าวต้องการปลูกจิตส�านึกและสร้างการมีส่วนร่วมของคน

ใช้แล้วทุกชิ้นรวมทั้งเพิ่มความมั่นใจแก่ลูกค้าว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ต้องการ จะถูกน� า ไปคัดแยกและรีไซเคิลอย่างถูกวิธีโดยได้รับความร่วมมือ จากพันธมิตร ทั้ง TES ผู้น�าด้านรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานสากล ออลล์ นาว โลจิสติกส์

ดร.ปิยาภรณ์ ภาสกานนท์ หัวหน้าสายงานด้านการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “โครงการเริ่มด�าเนินการเมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็น เดือนแห่งวันสิ่งแวดล้อมโลก สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของทรู คอร์ปอเรชั่น
ที่ยั่งยืน
ในสังคม
ที่ให้การสนับสนุนการขนส่ง e-Waste จากจุดรับทั่วประเทศ รวมถึง อีกหลากหลายแบรนด์ชั้นน�าที่จะมามอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้แก่ลูกค้าที่ร่วมโครงการ อีกด้วย” ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ก�ำหนดเป้ำหมำยเป็นองค์กรจัดกำรขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีฝังกลบ เป็นศูนย์ (Zero e-Waste to Landf ill) พร้อมเปิดตัวโครงกำร ‘e-Waste ทิ้งถูกที่ ดีต่อใจ’ อ�ำนวยควำมสะดวกให้ประชำชนสำมำรถน�ำโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนำดเล็กที่เลิกใช้งำนแล้ว มำทิ้งได้ที่กล่องจุดรับขยะ e-Waste ได้ที่ ทรูช็อป ทรูสเฟียร์ และศูนย์บริกำรดีแทค 154 สำขำ ทั่วประเทศ ทรู คอร์ป รณรงค์จัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ เปิดจุดรับ ‘e-Waste ทิ้งถูกที่ ดีต่อใจ’ พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าทรู-ดีแทคที่ร่วมโครงการทั่วประเทศ ดูรำยละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/TinkTookTee-DTorJai มนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “หนึ่งในพันธกิจเร่งสร้าง ทรู คอร์ป สู่การเป็น Telecom-Tech Company เต็มรูปแบบ คือการบริหารจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ทรูและดีแทคต่างเป็นช่องทางจัดจ�าหน่ายโทรศัพท์มือถือและดีไวซ์รวมมากกว่าล้านเครื่องต่อปี
แบบครบวงจรและเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อร่วมลดปริมาณขยะฝังกลบ ให้เป็นศูนย์ จึงร่วมให้เกิดการจัดการ e-Waste ที่ขยายจุดรับทิ้งขยะ มีการจัดการขนส่ง ขยะไปสู่ระบบการรีไซเคิลที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ รวมทั้งมอบสิทธิพิเศษ ที่หลากหลายจากองค์กรพันธมิตรของทั้งทรูและดีแทค นี่คือพันธกิจส�าคัญของเรา ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะองค์กรที่ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ดัชนีความยั่งยืนระดับโลก Dow Jones Sustainability Indices ในตลาดเกิดใหม่กลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม ต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน”
ที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์

บริษัท จีเอ็ม

ปกรณ์ พงศ์วราภา

เจ้าของ บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา

ในนาม บริษัท จีเอ็ม

ยูนิคอร์น กรุ๊ป จำากัด (มหาชน)

จัดจำาหน่ายทั่วประเทศ : เพ็ญบุญจัดจำาหน่าย

โทร. 0 2615 8625

แยกสี : กนกศิลป์ (ไทยแลนด์)

โทร. 0 2215 1588

พิมพ์ที่ : โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์

โทร. 0 2434 6850-1

ยูนิคอร์น กรุ๊ป จำากัด (มหาชน) ประธานกรรมการบริหาร / กรรมการผู้จัดการ ปกรณ์ พงศ์วราภา รองประธานกรรมการบริหาร สายงานปฏิบัติการ อภิรักษ์ หาญพิชิตวณิชย์ สายงานการเงิน พรจิตต์ พงศ์วราภา สายงานนิวมีเดีย พีศิลป์ พงศ์วราภา 112 Studio Company Limited 1/178 Bangweak Rd., Bangphai, Bangkae Bangkok 10160 บริหารการตลาดโดย บริษัท วันวันทู สตูดิโอ จำากัด 1/178 ถนนบางแวก แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ 10160 ผู้ก่อตั้ง ปกรณ์ พงศ์วราภา บรรณาธิการที่ปรึกษา ณิพรรณ กุลประสูตร บรรณาธิการบริหาร อภิรักษ์ หาญพิชิตวณิชย์ ผู้ช่วยบรรณาธิการ ขนิษฐา เผือกผ่องใส กองบรรณาธิการ มนตรี จอมพันธ์, สุกฤษฏิ์ บูรณสรรค์์, วิทวัส ปัญญาเลิศวุฒิ บรรณาธิการศิลปกรรม ปรีชา สอวัฒนชาติ ศิลปกรรม ทรรณทรณ์ ช่วยพนัง ฝ่ายภาพ พิชญุตม์ คชารักษ์ พิสูจน์อักษร อภิรดี นุตตะโร บริหารฝ่ายโฆษณา / การตลาด กรองทอง สันดุษฎี ผู้จัดการฝ่ายสร้างสรรค์การตลาด ณัฐพล ขุนเจริญ ผู้จัดการทั่วไป ภานุวัชร พงศ์วราภา ผู้จัดการฝ่ายการเงิน วิมลลักษณ์ อาศัยพานิชย์ ฝ่ายบัญชี นุชนารถ ใจประสาท, เตือนใจ พรหมจรรย์ สั่งซื้อ e-Magazine ของ GM ได้ที่ App Store และ Play Store www.gmlive.com : GURU & MENTOR MAGAZINE IS PUBLISHED BY GM UNICORN GROUP PUBLIC COMPANY LIMITED ART DIRECTOR PRECHA Sowattanachat GENERAL MANAGER PANUVAT Pongvarapa CHAIRMAN / CEO PAKORN Pongvarapa EXECUTIVE VICE PRESIDENT Chief Operation Offificer APIRAK Harnpichitwanich Finance PORNJITT Pongvarapa New Media PE SILP Pongvarapa AIS Book Store Ookbee Ookbee Buffet Magzter Facebook.com/gmliveonline Email : gmlive2022@gmail.com Tel. 08 1659 7008 ฝ่ ายโฆษณา/การตลาด

ให้เหมาะส�าหรับไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นอย่างแตกต่าง ดันรายได้

ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธำนเจ้ำหน้ำที่บริหำรกำรพัฒนำธุรกิจ

แลกเปลี่ยนมำเก็บไว้ในถังน�้ำร้อนเพื่อผลิตน�้ำร้อนแทนหม้อต้มไฟฟ้ำ ช่วยประหยัดไฟฟ้ำ ในกำรผลิตน�้ำร้อนใช้ในบ้ำน และช่วยเพิ่มประสิทธิภำพกำรท�ำงำนของเครื่องปรับอำกำศ

(Business Connectivity) เพียง 3.8 กม.ถึงทำงด่วนรำมอินทรำ-

ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ สิงห์ เอสเตท ให้ค�ำจ�ำกัดควำมโครงกำร SMYTH’S Ramintra ว่ำเป็น ‘A Well-crafted Architectural Masterpiece’ ออกแบบบนพื้นฐำนที่เน้นควำมเป็นส่วนตัว ‘Sanctuary of Seclusion’ โดยวำงแปลนให้แต่ละบ้ำนมี Private Court ที่ออกแบบให้เป็นจุดน�ำสำยตำของทุก พื้นที่ในส่วนหลักๆ ของบ้ำน สร้ำงควำมเป็นส่วนตัวสูง และตัวบ้ำนสำมำรถปรับเปลี่ยนพื้นที่ ได้ตำมควำมต้องกำรและไลฟ์สไตล์ของสมำชิกทุกคนภำยในบ้ำน (Flexible and Customizable) เพื่อให้สอดรับกับกำรใช้ชีวิตของผู้อยู่อำศัยทุกเพศทุกวัย นอกจำกนี้ยังมีจุดเด่นที่เรียกได้ว่ำเป็น เอกลักษณ์ของกำรออกแบบพื้นที่ คือ ห้อง Hideaway Chamber ซึ่งเชื่อมต่อกับ Supercar Garage และเป็นห้องที่เพดำนสูงแบบ Double Volume Space โดยมีควำมพิเศษที่แตกต่ำงคือ ทำงเดินที่เชื่อมไปยังชั้น 2 ของตัวบ้ำนได้อีกด้วย ภำยในโครงกำร ประกอบไปด้วย ระบบไฟฟ้าใต้ดินทั้งโครงการ ระบบ Solar Cell ช่วยผลิตไฟฟ้ำจำกพลังงำน แสงอำทิตย์ Heat Exchanger อุปกรณ์ที่น�ำควำมร้อนจำกคอยล์ร้อนของเครื่องปรับอำกำศ
EV Charger เพื่อชำร์จรถยนต์ไฟฟ้ำ, Power Wall แบตเตอรี่เก็บไฟฟ้ำจำก Solar Cell S-Air System ที่ท�ำให้อำกำศภำยในบ้ำนหมุนเวียน และน�ำ อำกำศบริสุทธิ์จำก ภำยนอกเข้ำสู่ภำยในบ้ำน พร้อมกรองฝุ่น PM 2.5 และปรับอุณหภูมิให้เย็นขึ้น “เราเชื่อมั่นว่า SMYTH’S Ramintra จะเป็นหนึ่งในความสมบูรณ์แบบของบ้านเดี่ยว แบบ Private Estate ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่พิเศษของลูกค้าโครงการนี้ อย่างแท้จริง ทั้งยังสะท้อนแนวคิดและวิสัยทัศน์ของ สิงห์ เอสเตท ในการสร้าง ความหลากหลายที่สมดุล เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ผ่านการพัฒนาโครงการที่ใส่ใจ ในทุกๆ รายละเอียด เพื่อสร้างความสมดุลในการใช้ชีวิต ให้ความส�าคัญกับความ เป็น Best in Class ในทุกๆ ขั้นตอนการก่อสร้าง และการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ อีกทั้งยังตอกย�้าถึงความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระดับลักชัวรีในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพเหนือระดับเพื่อ ส่งมอบประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้ลูกค้า ที่สามารถส่งต่อได้จากรุ่นสู่รุ่น” สิงห์ เอสเตท เปิดโครงการ SMYTH’S Ramintra หนึ่งในความสมบูรณ์แบบ ของบ้านเดี่ยวระดับอัลตราลักชัวรี สิงห์ เอสเตท เดินหน้า Cluster Home โครงการที่ 2 ต่อจาก ลาซัวว์ เดอ เอส เปิดตัว แบรนด์ ‘SMYTH’S Ramintra’ (สมิทธ์ รามอินทรา) บ้านแนวราบระดับอัลตราลักชัวรี ท�าเล กรุงเทพฯ โซนตะวันออก โดยยังคงคอนเซปต์ ULTIMATE PRIVACY น�าเสนอความเป็นส่วนตัวสุดเอกซ์คลูซีฟเพียง
รวมธุรกิจพักอาศัยแนวราบเติบโตขึ้นกว่า
จากปีก่อน
พักอำศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จ�ำกัด (มหำชน) กล่ำวว่ำ SMYTH’S Ramintra เป็น Private Estate บนท�ำเลศักยภำพย่ำนรำมอินทรำ ซึ่ง เป็น Residential Hub ที่น่ำอยู่ ห่ำงจำกเซ็นทรัล รำมอินทรำ เพียง 2.8 กม. รำยล้อมด้วยชอปปิงมอลล์ สนำมกอล์ฟ สถำบันกำรศึกษำ โรงพยำบำล และสนำมบิน รวมถึงเป็นท�ำเลที่เชื่อมต่อไปยังย่ำนอื่นๆ ได้สะดวกมำก ท�ำเลนี้มีจุดเด่นเรื่องกำรเชื่อมต่อกับศูนย์กลำงธุรกิจได้อย่ำงง่ำยดำย
อำจณรงค์ มุ่งสู่ใจกลำงเมืองและสุขุมวิทได้สะดวก และเพียง 650 เมตร ถึงรถไฟฟ้ำสำยสีชมพู สถำนีรำมอินทรำ 3 ซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ำ อีก 2 สำย ด้วยจุดเด่นโครงกำรที่เป็น ULTIMATE PRIVACY หรือ ควำมเป็นส่วนตัว ที่สมบูรณ์แบบ กับจ�ำนวนบ้ำนเพียง 4 ยูนิต บนพื้นที่ประมำณ 2 ไร่ มูลค่ำเริ่มต้นที่ 120 ล้ำนบำท ออกแบบภำยใต้แนวคิดงำนสถำปัตยกรรม แบบ Metropolitan Tropical Modern ที่มำในรูปแบบของบ้ำนสั่งสร้ำงที่ สำมำรถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยให้เหมำะกับไลฟ์สไตล์ตำมควำมชอบและ กำรใช้งำนที่เหมำะสมของผู้อยู่อำศัย และยังคงไว้ซึ่งคุณภำพและแนวกำร พัฒนำโครงกำรแบบ ‘Best in Class’ คงอัตลักษณ์ในแบบฉบับของสิงห์ เอสเตท ที่ถูกถ่ำยทอดเป็น DNA ไว้อย่ำงสมบูรณ์แบบ ณัฐวุฒิ กล่ำว
4 ยูนิต ด้วยฟังก์ชันและดีไซน์ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ
70%

Cool Gadgets Fall 2023

ถ้าคุณเป็นคนที่รักในเสียงเพลง และขาดไม่ได้แม้ว่าจะท�าธุระ ในห้องน�้าแล้วละก็ ล�าโพง Ikea Vappeby Shower Speaker ตัวนี้ เหมาะส�าหรับคุณอย่างยิ่ง เพราะนอกจาก จะมีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาสะดวก ท�าจากวัสดุ IP67 ที่กันน�้าได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังมาพร้อมฟังก์ชัน Bluetooth ที่สามารถเชื่อมต่อกับทุกเครื่องเล่นเพลงหรือโทรศัพท์มือถือ ในระยะไม่ห่างกันได้ พร้อมแบตเตอรี่การใช้งานที่ยาวนาน ถึง 80 ชั่วโมงเต็ม เว็บไซต์ : www.ikea.com Ooni Volt 12 หนึ่งในเมนูอาหารที่น่าจะท� า ได้ยาก เพราะติดขัดเรื่องอุปกรณ์ที่สุดเป็น ล�าดับต้นๆ อาจจะต้องยกให้กับ ที่ต้องมีเตาอบคุณภาพดีเอาไว้ส�‘พิซซ่า’ า หรับ กระบวนการขั้นสุดท้าย อยากได้เครื่องอบที่พกพาได้แต่ถ้าคุณ สามารถ ใช้งานทั้งนอกบ้านและในบ้าน Ooni Volt 12 คือตัวช่วยที่ดี เพราะนอกจาก จะท�าจากวัสดุแข็งแรงทนทาน น�้าหนัก เบา พกพาสะดวกแล้ว ยังอาศัย พลังงานไฟฟ้าที่ไม่ต้องส� า รองฟืน ในเวลาใช้งาน ทั้งยังสามารถตั้งเวลา และอุณหภูมิอัตโนมัติได้อย่างเบ็ดเสร็จ เท่านี้...เมนูยากก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายในทันที เว็บไซต์ : www.ooni.com Ikea
Speaker ส� า หรับใครที่เป็นสายเฮลตี้ จริงจังเรื่องการออกก� า ลังกาย เชื่อว่าบรรดา ‘ข้อมูล’ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นหัวใจ จ� า นวนรอบวิ่ง หรืออัตรา เผาผลาญพลังงาน คือสิ่งที่มี ความส� า คัญต่อการค� า นวณ โปรแกรม และ ‘ Nix Biosensors’ ประสิทธิภาพชิ้นนี้อุปกรณ์จิ๋วแต่มากด้วย คือค� า ตอบ ของทุกสิ่ง เพราะเพียงแค่ติด เอาไว้ข้างแขนและ Sync กับ โทรศัพท์มือถือ ก็จะเริ่มท� า การ ค�านวณทุกค่า ไม่ว่าจะเป็นอัตรา การเสียเหงื่อ อัตราการเต้นหัวใจ จังหวะที่ควรพักดื่มน�้า เพื่อให้คุณ พีคให้สุดในทุกการออกก�าลังกาย เว็บไซต์ : www.nixbiosensors.com Nix Biosensors อุปกรณ์สุดหรูคู่บ้านครึ่งหลังปี 2023
: Fullscape gadget และแล้วปี 2023 ก็ได้เดินทางมาถึงเดือนที่ 8 และไตรมาสที่ 3 ของปี แวดวงเทคโนโลยีและข้าวของเครื่องใช้ ก็ยังคงความน่าสนใจอยู่อีกเช่นเคย หลากหลายทั้งในแง่การใช้งาน รูปลักษณ์ และลูกเล่นที่ขอน�าเสนอให้ได้ลองหามาใช้กัน
Vappeby Shower

SITE 2023 ว่ำ หัวใจส�ำคัญของกำรจัดงำนที่ก�ำหนดธีมว่ำ เป็นหุ้นส่วนนวัตกรรมในปีนี้

3 ประการ

กำรลงทุนจำกต่ำงประเทศ และกระจำยพื้นที่ไปยังหัวเมืองส�ำคัญอย่ำงกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ให้กลำยเป็นศูนย์กลำงนวัตกรรมและกำรลงทุนผ่ำนนโยบำยส่งเสริม

ยังมีส�ำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำระบบรำชกำร (ก.พ.ร.) หน่วยงำนที่ให้กำรดูแลควำมสำมำรถในกำรให้บริกำรหน่วยงำนภำครัฐเข้ำมำร่วม พร้อมตัวอย่ำงกำรเปลี่ยนแปลงของหน่วยงำนรำชกำรที่มำน�ำเสนอกำรให้บริกำร ด้วยนวัตกรรมมำกมำยในงำน ท�ำให้เกิดอีโคซิสเตมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น” ด้ำนควำมร่วมมือที่เกิดขึ้นนอกจำกกำรท�ำงำนร่วมกันระหว่ำงหน่วยงำนและ

“ควำมเป็นสำกล (Internationalization) ส�ำคัญมำก โดยเฉพำะกรุงเทพฯ ซึ่งกลำยเป็นเมืองที่มีลวดลำยของอินโนเวชันมำกขึ้น แต่ไม่ใช่ของคนไทยอย่ำงเดียว

งานสตาร์ทอัปและอินโนเวชัน ไทยแลนด์ เอกซ์โป 2023 (STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2023) หรือ SITE 2023 ภายใต้แนวคิด INNOVATION PARTNERSHIP - TOGETHER WE GROW ร่วมสร้าง ‘หุ้นส่วนนวัตกรรม’ เพื่อน�าไทยสู่ชาตินวัตกรรม ในปีนี้จบลงแล้ว พร้อมนัดหมายการจัดงานต่อเนื่องปีต่อไป ในปลายเดือนมิถุนายน 2024 “ผลส�ำเร็จในประเด็นด้ ำ นคว ำ มร่วมมือ (Collaboration) ที่เกิดขึ้น จำกกระบวนกำรเปลี่ยนแปลงทั้งหลำย ด้วยเหตุนี้ปีนี้นอกจำกบีโอไอซึ่งเป็น หน่วยงำนที่ท�ำนวัตกรรมร่วมกับเรำมำหลำยปีเรื่องกำรระดมทุนและส่งเสริม
กำรลงทุนของบีโอไอ
มหำวิทยำลัย รวมทั้งเอสเอ็มอีสตำร์ทอัป ซึ่งปีนี้มีเอสเอ็มอีสตำร์ทอัปที่เป็นโซเชียล เอนเตอร์ไพรส์กว่ำ 250 บูธ ร่วมแสดงในงำน ซึ่งคำดว่ำจะเติบโตเพิ่มขึ้นในอนำคต ส่วนหนึ่งยังเกิดคว ำ มร่วมมือระหว่ ำ งประเทศ ซึ่งปัจจุบันส ำ ม ำ รถสร้ ำ ง เงินลงทุนระหว่ำงกันเพิ่มขึ้น รวมทั้งกำรพัฒนำในไทยก็เติบโตสู่ระดับสำกล (Internationalization) ซึ่งเป็นภำพควำมส�ำเร็จอีกประเด็นที่เห็นได้ชัดจำกงำนปีนี้
เพรำะกลำยเป็นเบ้ำหลอมของนวัตกรจำกหลำยๆ ที่ที่อยำกจะมำที่นี่มำกขึ้น” ทั้ง 3 ส่วนนี้ คือ ควำมร่วมมือ อีโคซิสเตม และควำมเป็นสำกล คือหัวใจ ส�ำคัญที่ ดร.พันธุ์อำจ สรุปว่ำคือสิ่งที่เกิดขึ้นให้เห็นจำกผลของกำรจัดงำน SITE 2023 นี้อย่ำงชัดเจน ร่วมสัมผัสและเป็นส่วนหนึ่งของความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมไทย ผ่านงาน SITE 2023 - STARTUP THAILAND x INNOVATION THAILAND EXPO 2023 ซึ่งจัดขึ้น ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 เมื่อวันที่ 22-24 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้ที่ https://site.nia.or.th/
Collaboration-Ecosystem-Internationalization ผลจาก ‘หุ้นส่วนนวัตกรรม’ ในงาน SITE 2023 บทสรุปของ SITE 2023 ที่กลับม ำ จัดเชิงกำยภำพ (On Site) เต็มรูปแบบในปีนี้ หลังจำกห่ำงหำยไป 3 ปี ท�ำให้ ‘หุ้นส่วน นวัตกรรม’ ตำมธีมที่จัด มำรวมตัวกันคึกคัก ภำยในงำน รวมแล้วในปีนี้มีผู้เข้ำชมงำน กว่ำ 15,000 คน และยังคงมีกำรเข้ำชม ทำงออนไลน์ผ่ำนเว็บไซต์ https://site.nia. or.th/ ประมำณ 300,000 คน ดร.พันธุ์อ ำ จ ชัยรัตน์ ผู้อ�ำนวยก ำ ร ส�ำนักง ำ นนวัตกรรมแห่งช ำ ติ (องค์ก ำ ร มหำชน) กล่ำวสรุปถึงงำน
ภ ำ พง ำ น ที่สะท้อนออกมำ ท�ำให้เห็นกำรมำรวมกัน แสดงศักยภำพของระบบนิเวศ นวัตกรรม และสต ำ ร์ทอัปในประเทศไทย รวมถึง พันธมิตรจำกต่ำงประเทศจ�ำนวน 15 ประเทศ เข้ำมำร่วมงำน นอกจำกนี้ยังได้รับ ควำมสนใจจำกเยำวชน นักเรียน นักศึกษำ ที่เริ่มหันมำให้ควำมสนใจเที่ยวชมงำน อย่ำงจริงจังเป็นนิมิตหมำยที่ดีในกำรพัฒนำสตำร์ทอัปสู่คนรุ่นหลัง
ความส�าเร็จ
1 0 งานรองเท้าสายคราฟต์ที่สร้างจากวัสดุเหลือใช้ หรือวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก�าลังมาแรง ในรอบปีที่ผ่านมา และ AllBirds Tree Dasher 2 ก็เป็นอีกยี่ห้อที่สามารถตอบสนองต่อทุกความต้องการของนักวิ่ง และผู้รักสิ่งแวดล้อมในคราวเดียวกัน ทั้งตัวรองเท้าที่สานจาก เส้นใยยูคาลิปตัส เชือกรองเท้าที่ท�าจากขวดพลาสติกรีไซเคิล และให้ Carbon Footprint ในปริมาณที่ต�่า แต่ยังมาพร้อม ความนุ่มสบาย ดีไซน์สวยงาม น�้าหนักเบา เหมาะส�าหรับ ทุกกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างมั่นใจ เว็บไซต์ : www.allbirds.co.uk AllBirds Tree Dasher 2 ‘ลูกกลิ้งนวดตัว’ ของทั้งผู้ที่รักความสบายจัดเป็นอีกอุปกรณ์ส�าหรับการผ่อนคลายและสายออกก�าลังกายที่ต้องใช้กล้ามเนื้อ อย่างจริงจัง ซึ่ง Therabody แบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ ชั้นน�าระดับโลก ก็ได้ผสานเทคโนโลยีจนกลายมาเป็น ‘Therabody Wave Roller’ มาพร้อมกับวัสดุชั้นดีลูกกลิ้งนวดที่สามารถตั้งปรับระดับความสั่นได้ ลวดลายเพื่อการนวดอย่างเต็มประสิทธิภาพ และแอปพลิเคชันที่สามารถ สั่งการผ่านโทรศัพท์มือถือ ได้อย่างสะดวกสบาย เว็บไซต์ : www.therabody.com Therabody Wave Roller DJI Avata ปิดท้ายด้วยของเล่นทีเด็ดกับค�าถาม แรกเริ่ม ‘คุณเคยคิดฝันอยากจะ ‘บิน’ ได้มั้ย ?’ ถ้าค�าตอบในส่วนลึก ของหัวใจคือ ‘ใช่’ DJI Avata จะท�าให้ฝันนั้นของคุณเป็นจริง กับหุ่นโดรนบังคับ ผสานกับแว่น ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเห็นภาพที่ผ่านVR กล้องบันทึกได้แบบมุมมองบุคคล วัสดุแข็งแรงทนทาน น�้าหนักเบา คันบังคับใช้งานง่าย และตัวโดรน ที่สามารถตั้งโปรแกรมที่หลากหลาย ทั้งบันทึกเส้นทาง ก�าหนดการบิน และการตั้งค่ามาตรฐานเริ่มต้น เพียงเท่านี้ การ ‘บิน’ ดั่งนก ก็คงไม่ไกลเกินฝัน เว็บไซต์ : www.dji.com
1 1 Classic EV Era : ปลุกคลาสสิกเก๋าเป็นขุมพลังไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้าก�าลังเป็นที่นิยมมากขึ้นทุกปี อย่างไรก็ตามแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ (EV) ที่ถูกที่สุด ก็ยังมีราคาสูงอยู่ ในขณะที่รถยนต์เก่าทรงสวยหลายคันถูกทิ้งร้างเพราะเครื่องยนต์เดิม ไปต่อไม่ได้ ด้วยพลังไฟฟ้าซึ่งก�นั่นท�าให้เกิดธุรกิจใหม่ที่น�ารถคลาสสิกมาลอกกระดองแล้วสวมหัวใจขับเคลื่อน าลังบูมอยู่ในทั่วโลกตอนนี้ การแปลงรถคลาสสิกเป็น EV นั้นง่ายและซับซ้อนน้อยกว่ามาก นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าบ�ารุง รักษา ค่าเชื้อเพลิง ช่วยให้คุณประหยัดเงินได้ในระยะยาว แล้วยังท�าให้รถคันโปรดกลับมาใช้งานได้ทุกวันแถมยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ท�าให้ไม่มีมลพิษในเมืองอีกด้วย GM เล่มนี้จะพาไปรู้จักบริษัท ที่อัปไซเคิลรถยนต์คลาสสิกเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสุดจ๊าบ : ธนา เศรษฐพานิช : eClassics CAR

เช่น Land-Rover Series III 109 Wagon หรือ Ford Bronco

Labs : เป็นอีกหนึ่งบริษัทในแคลิฟอร์เนียที่เชี่ยวชาญด้านการแปลงรถคลาสสิกเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่จะช�านาญกลุ่มรถตรวจการณ์คลาสสิก
โดยออกแบบเป็นแพลตฟอร์ม EV ที่ครอบโครงรถลงได้พอดี ซึ่งมีแบตเตอรี่ขนาด 85/100 kWh พละก�าลัง 600 แรงม้า และแล่นได้ไกลกว่า 235 ไมล์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง https://www.zerolabs.com/ e C lassics : สตาร์ทอัปที่เชี่ยวชาญด้านการแปลงรถโฟล์คสวาเกนรุ่นเก่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้ชุดอุปกรณ์และชิ้นส่วน ที่ได้รับการอนุมัติจากโฟล์คสวาเกนอย่างเป็นทางการเท่านั้น ซึ่งเป็นชิ้นส่วนเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า ตระกูล ID ของโฟล์คสวาเกนไฟฟ้ายุคใหม่ ส�าหรับการแปลงรถ Beetle และรถโฟล์คตู้ไทป์ 1 และไทป์ 2 https://www.e-classics.eu/
Zero
1 3 : เป็นบริษัทในแคลิฟอร์เนียที่แปลงรถยนต์คลาสสิก เป็นรถยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2550 พวกเขามีชุดอุปกรณ์แปลง และบริการที่หลากหลาย และสามารถแปลง รถยนต์คลาสสิกเป็นรถยนต์ไฟฟ้าได้เกือบทุกชนิด ทั้งยังมี ชุด Kit ให้สั่งไปประกอบเองที่บ้านได้ด้วย ผลงานยอดนิยม ของอู่นี้จะเป็นรถเยอรมัน เช่น Volkswagen Beetle Karmann Ghia EV Porsche 911 EV https://evwest.com/ วิธีแปลงรถยนต์เก่าเป็นไฟฟ้า อุปกรณ์เหล่านี้ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า รวมถึงโครงสร้างส�าหรับติดตั้ง สายไฟแรงสูง อินเวอร์เตอร์ เครื่องชาร์จในตัว และตัวแปลง DC-DC ปัจจุบันมีผู้น�าเข้ามา ให้เลือกหากันหลากหลาย ช่างฝีมือไทยก็เชี่ยวชาญขึ้นเรื่อยๆ แต่ปัญหาที่ท�าให้ยากกลับเป็นขั้นตอน การอนุญาตของขนส่งทางบกที่มีหลายขั้นตอนในการแปลงรถเก่าเป็นรถพลังงานไฟฟ้าให้ถูกกฎหมาย
ตรวจสภาพ และมีวิศวกรเซ็นรับรอง และจะต้องได้รับการอนุมัติจากวิศวกรไฟฟ้า 2 คน แต่เมื่อเสร็จกระบวนการแล้วสามารถแจ้งกรมขนส่งวิ่งใช้งานได้ปกติซึ่งจะมีขั้นตอนเยอะกว่าการยกเปลี่ยนเครื่องยนต์ทั่วไป ในอนาคตถ้าภาครัฐจะช่วย ลดขั้นตอนตรงนี้ จะเป็นการปลดล็อกส�าหรับผู้ที่ต้องการน�ารถยนต์เก่ามาแปลงเป็นรถไฟฟ้า และส่งเสริม SME ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้อย่างก้าวกระโดด ปลดล็อก ขั้นตอนเอกสาร เพื่ออนาคต ที่สดใส : ส� า หรับคนไทยข่าวดี คือเราเริ่มมีสตาร์ทอัป ที่น�ารถเก่ามาแปลง เป็นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ากันบ้างแล้ว หนึ่งในนั้นที่มีผลงานออกมาต่อเนื่อง คือ EV Car Thailand ที่ตั้งอยู่ย่านปทุมธานี ก่อตั้งโดย ไพศาล ตั่งยะฤทธิ์ ที่เริ่มน�ารถกระบะเก่ามาดัดแปลง, Volvo 164 และ Mercedes Benz โบราณ โดยในส่วนของรถยนต์จะมี ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นราว 3.5 แสนบาทต่อคัน https://evcar.co.th/th/ EV West EV Car Thailand
อย่างสมบูรณ์ โดยเจ้าของรถจะต้องลงทะเบียนใหม่
1 5 L un AZ : อีกหนึ่งบริษัทจากเกาะอังกฤษ ที่เน้นดัดแปลงรถคลาสสิกสัญชาติเดียวกัน เชี่ยวชาญในการฟื้นฟูยานพาหนะ ระดับไฮเอนด์ที่หายาก โดยที่นี่ไม่ใช่แค่ ท�าแต่ระบบขับเคลื่อน แต่รวบไปถึง การรีโนเวตทั้งเบรก ระบบกันสะเทือน เครื่องปรับอากาศ และเทคโนโลยี อินโฟเทนเมนต์ล่าสุด แม้แต่ติดตั้ง Apple CarPlay ในรถคลาสสิกก็ยังได้ ซึ่งรถทุกคันจะได้รับการประกอบ ณ ส�านักงานใหญ่ของ Lunaz ที่ Silverstone Technology Park โดยทีมวิศวกร 100 คน ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากบริษัทต่างๆ เช่น Aston Martin, Bentley, Ferrari, Jaguar, McLaren และ Rolls-Royce การสร้างรถไฟฟ้าคลาสสิกแต่ละคันใช้เวลา 30,000 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลว่าท�ชั่วโมงจึงจะเสร็จสมบูรณ์าไมแต่ละรุ่น จึงมีราคาเริ่มต้นที่ 245,000 ปอนด์ https://www.lunaz.tech
Innovative ช่วงเวลาแห่งนวัตกรรม การสร้างสรรค์นาฬิกาตอบโจทย์ ความต้องการของผู้คนยุคสมัยใหม่ ในแง่ฟังก์ชัน ดีไซน์ และความสวยงาม ที่ลงตัว ทั้งยังพิเศษเหนือใคร 1. MAURICE LACROIX AIKON Automatic Limited Summer Edition Time :Fullmoon w A t C h
ลุคใหม่อันทันสมัยและเต็มไปด้วยสีสันแห่งฤดูร้อน จากนาฬิการุ่นยอดนิยมของแบรนด์ อย่าง AIKON ที่ถ่ายทอดความสนุกสนานในดีไซน์สปอร์ต กับเฉดสีหน้าปัดที่มีให้เลือกหลากโทน ตกแต่งด้วยลวดลาย Clous de Paris ทั้งในรุ่นเด่นของหน้าปัดเฉดสี Tanager Turquoise และเฉดสี Orange Soda ซึ่งมาพร้อมตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 42 มม. ปกป้องด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ แสดงเวลาชั่วโมง นาที วินาที และวันที่ ด้วยการจัดวางรายละเอียดของการแสดงเวลาบนหน้าปัดได้อย่างลงตัวสมบูรณ์แบบ จับคู่มากับสายยาง FKM สีเดียวกันของแต่ละรุ่น หรือสายสเตนเลสสตีล นาฬิกาแต่ละเรือนยังมาพร้อมระบบ Easy Strap Exchange ของแบรนด์ที่ช่วยให้สามารถ ถอดเปลี่ยนสลับสายนาฬิกาได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือช่วย นาฬิกา Limited Edition รุ่นใหม่ที่ผสมผสานด้วย 3 องค์ประกอบแห่งนวัตกรรมของ Hublot ทั้ง ตัวเรือนเซรามิก กลไก Unico และตัวเรือน Big Bang อันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังเสริมด้วย หน้าปัดเฉดสีฟ้าอ่อนคล้ายกับท้องฟ้าอันสดใสของฤดูร้อน บรรจุไว้ด้วยเข็มชี้และเครื่องหมาย บอกเวลาเรืองแสงสีขาว ภายในท�างานด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติโครโนกราฟ Unico Caliber HUB1280 ผลิตในโรงงานของแบรนด์ ซึ่งรุ่นนี้เปี่ยมด้วยนวัตกรรม เซรามิกสีฟ้าอ่อนที่เป็นเฉดสีพิเศษซึ่งพัฒนาขึ้นโดยใช้กระบวนการผลิตเฉพาะโดยเฉพาะจากวัสดุ น�ามาผลิตเป็นทั้ง ตัวเรือน ขอบตัวเรือน และฝาหลังของนาฬิกาได้อย่างสวยงาม กับคุณสมบัติเด่นทั้งความ มีน�้าหนักเบา ไม่ท�าให้เกิดการระคายเคืองผิวหรือแพ้ สามารถปรับไปตามอุณหภูมิของผิว ทนทานสูงต่อการเกิดออกซิเดชันและการเกิดรอยขีดข่วน มาคู่กับสายผ้า Velcro 2. h UBLO t Big Bang Unico Sky Blue 1 7
Sideral เด่นด้วยดีไซน์ และเปี่ยมด้วยความสามารถ ทั้งยังได้แรงบันดาลใจ มาจากต�านานยุค ’70s ของนาฬิการุ่นดัง อย่าง Sideral S ที่น�ามาตีความใหม่เป็นผลงานคอลเลกชันล่าสุดของแบรนด์ โดยมีความทันสมัยและเทคโนโลยีซึ่งได้รับ การอัปเกรดแล้ว มาพร้อมกับตัวเรือน และหน้าปัดทรงถังเบียร์ หรือ Barrel ขนาด 41 มม. ท�าจากฟอร์จคาร์บอนลายหินอ่อนที่มีความแข็งแรง ทนทานสูง แต่น�้าหนักเบา ทั้งยังผสมผสานด้วย ลวดลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สีน�้าเงินผสมกับสีด�าบนตัวเรือน รับกับหน้าปัดประกอบด้วยการอ่านค่าเวลาวินาทีผ่านแถบสีเรืองแสง 3 สีแตกต่างกัน ทั้งสีเหลือง สีน�้าเงิน และสีเทา พร้อมทั้งตัวจับเวลาด้วยแถบสีแดงและสีเขียว ระหว่าง 12-2 นาฬิกา เพื่อใช้นับเวลาถอยหลังของการแข่งขันเรือใบ ส�ารองพลังงานได้ 80 ชั่วโมง จากกลไก Powermatic 80 ที่ต้านทานสนามแม่เหล็กและป้องกันกลไกจากแรงกระแทกได้ดี
3. t ISSO t
อย่าง ลวดลายสีเทาผสมกับสีด�า หรือลวดลาย

Texturized Titanium โดดเด่นด้วยมิติของคริสตัล ทั้งยังเสริมด้านความแข็งแรงทนทานของพื้นผิว สามารถป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนได้ดี และเล่นกับ แสงตกกระทบ ณ มุมมองต่างๆ ได้อย่างสวยงาม

5.
Watch นาฬิการุ่นพิเศษที่สร้างสรรค์ขึ้นส� า หรับงานประมูล นาฬิกา Only Watch ในปีนี้ บรรจุไว้ด้วยกลไกชุดใหม่ TH81-00 ซึ่งสามารถจับเวลาแบบ Split-Seconds Chronograph ได้อย่างแม่นย� า รวมถึงนวัตกรรม ตัวเรือนนาฬิกาไทเทเนียมชนิดพิเศษที่เรียกว่า
t AG h EUER Mechanical Split-Seconds Chronograph for Only
โดยผ่านการพัฒนาทั้งด้านเทคนิคและการออกแบบ พิเศษของตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยม พร้อมทั้งหน้าปัด ตกแต่งด้วยสีน�้าเงิน เพื่อการแสดงเวลาได้อย่างชัดเจนบรรจุเข็มชี้เคลือบด้วยสารเรืองแสง ประกอบด้วยฝาหลัง กระจกแซฟไฟร์เปิดโชว์การท� า งานของกลไก รวมถึงบนหน้าปัดแบบสเกเลตัน ลงตัวเข้ากับ สายหนังลูกวัวสีด�า Damas นาฬิกาที่มาพร้อมนวัตกรรมวัสดุใหม่ อย่าง Damascus Steel ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปะเก่าแก่ ของดาบซามูไรที่ตีขึ้นจาก Damascus steel ที่มีความแข็งแกร่งและทนทานสูงน�ามาสู่การสร้างสรรค์วัสดุตัวเรือน ต้านทาน แม่เหล็ก จึงช่วยปกป้องกลไกของนาฬิกา ให้สามารถท�างานได้อย่างเที่ยงตรง แม่นย�า นอกจากนี้ยังทนทานสูงต่อทั้ง แรงกระแทกและไร้ความหมอง ท�าให้นาฬิกาดูเหมือนใหม่เสมอ ส่วนหน้าปัด ท�าจากวัสดุเดียวกันและผ่านการตกแต่ง อย่างประณีตพิถีพิถัน เผยให้เห็นลวดลาย ริ้วเส้นที่สวยงามเป็นธรรมชาติ รุ่นนี้มาพร้อม ด้วยฟังก์ชันแสดงเวลาและวันที่ บนช่องหน้าต่าง ผสานเข้ากับสายหนัง แบบ Grosgrain สีด�าเข้ม
FRANCK MULLER Vanguard 1 9
4.
2 1 : สุกฤษฏิ์ บูรณสรรค์ : สรรค์ภพ จิรวรรณธร ผศ. ดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ เศรษฐกิจในโลกยุคปัจจุบันถูกหล่อเลี้ยงด้วยการค้าขายในแทบจะทุกวินาที การซื้อ-ขายสินค้าเคลื่อนตัวจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งเป็นหลักการธรรมชาติของการด�าเนินธุรกิจกระทั่งการมาถึงของโซเชียลมีเดียก็ได้ดิสรัปต์อันเป็นที่คุ้นชินอย่างยาวนาน (Disrupt) และเปลี่ยนแปลงองคาพยพของการค้าขายต่างๆ ให้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งดิจิทัล ที่การส่งข้อความสามารถเป็นค�าสั่งซื้อรวมทั้งเกิดความคล่องตัวในการท�และผู้ขายรายย่อยไม่จ�าเป็นต้องมีสต็อกสินค้าเป็นล็อตใหญ่ าธุรกิจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ความสลับซับซ้อนในกระบวนการและการเปลี่ยนผ่าน จากโลกค้าขายยุคเก่าสู่โลกยุคใหม่ ก็ไม่ได้เป็นสิ่งง่ายส�าหรับทุกคน ดังนั้การเรียนรู้ ปรับตัว และประยุกต์องค์ความคิดใหม่ๆ จึงมีความจ�าเป็นอย่างยิ่ง cover man กับโลกของ E-Commerce และการมาถึงของแพลตฟอร์ม
depa จะสร้างความแตกต่างในการ เสริมทักษะ Digital Influencer และ Digital Content Creator รุ่นใหม่จากโครงการแพลตฟอร์ม COnnexIOn อย่างไร ผศ.ดร.ณัฐพล : ส�าหรับโครงการ แพลตฟอร์ม ‘COnnExIOn’ นั้น ชื่อเต็มคือ ‘กิจกรรม ยกระดับและสร้างทักษะชุดใหม่ทาง ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล’ การสร้างความตระหนักและความ สามารถในการเรียนรู้ส�าหรับประชาชน ผู้ว่างงาน และนักศึกษาจบใหม่ ให้พร้อม ต่อการประกอบอาชีพใหม่ในยุควิถีใหม่ สอดคล้องกับแนวทางการส่งเสริมให้ ‘ท�าเอง คิดเอง และคิดเป็น’ แต่หลัก ส�าคัญคือคุณภาพและการสร้างสรรค์ Content ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น depa คาดหวังว่าเหล่า Digital Influencer และ Digital Content Creator หน้าใหม่ ที่เข้าสู่สายอาชีพนี้ จะมีองค์ความรู้ ความรับผิดชอบ มีความเป็นมืออาชีพ มีตรรกะหลักคิดที่ถูกต้อง เพื่อสร้างสรรค์เนื้อหาอันเป็นประโยชน์ สร้างรายได้ ต่อยอดในสายอาชีพ ได้อย่างยั่งยืน ด้วยการจ้างงานจาก บริษัทหรือองค์กรต่างๆ โดย depa ได้ด�าเนินการขับเคลื่อนแนวคิดดังกล่าว ผ่านกิจกรรมดังต่อไปนี้ กิจกรรมยกระดับและสร้าง ทักษะชุดใหม่ด้านเทคโนโลยีและ นวัตกรรมดิจิทัล ส� า และนักศึกษาจบใหม่ที่ก�หรับผู้ว่างงาน า ลังหางาน ให้พร้อมต่อการประกอบอาชีพใหม่ ในยุควิถีใหม่ ด้วยการจัดท�าแพลตฟอร์ม หลักสูตรและเนื้อหาการอบรม ครอบคลุม 6 หลักสูตร ประกอบด้วย หลักสูตร Digital Content Creator 3 ระดับ (Basic-IntermediateAdvanced) และหลักสูตร Digital Influencer 3 ระดับ (BasicIntermediate-Advanced) โดยตั้งเป้า ว่าจะมีผู้เข้าร่วมอบรมทุกภูมิภาค ไม่น้อยกว่า 24,800 ราย จากนั้นจะ คัดเลือกผู้ที่มีผลงานดีเด่นที่ผ่านการ อบรมเข้าร่วมกิจกรรม Digital Content

สิ่งหนึ่งที่กลายมาเป็นเหมือนไกด์บุ๊ก ของการท�างานแฟชั่นในปัจจุบันก็คือเรื่องของ ‘ความยั่งยืน’ ทางสิ่งแวดล้อม ด้วยเพราะอุตสาหกรรมแฟชั่นนั้นเป็นหนึ่งใน อุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ที่สร้าง ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก น�้าเสีย หรือขยะที่กลายมาเป็นมลพิษ แบรนด์น้องใหม่หลายแบรนด์จึงมาพร้อม ด้วยแนวทางการสร้างสรรค์แฟชั่น ที่ไม่ท�าลายสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกันกับ Ranra แบรนด์น้องใหม่จากลอนดอน ที่โดดเด่นด้วยการสร้างสรรค์เสื้อผ้า

ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากไปกว่านั้น

Ranra ยังพยายามใช้นวัตกรรมใหม่ ในการสร้างสรรค์เนื้อผ้า

ช่วยให้วงการแฟชั่นที่เชื่อว่านวัตกรรม

สไตล์สปอร์ตด้วยแมตทีเรียลที่มาจาก ธรรมชาติและเส้นใยเชิงเทคนิค
เพื่อลดผลกระทบ ทางสิ่งแวดล้อมอีกด้วย รู้จักแบรนด์น้องใหม่ Ranra
และกรรมวิธีในการท�าเสื้อผ้า
‘เขียว’ ขึ้นมาได้
style

เป็นการยาก เสียเวลา และเสียทรัพยากร อย่างมาก Ranra จึงร่วมกับโรงงานที่ท�าเครื่อง รีไซเคิลผ้า ช่วยกันพัฒนาเนื้อผ้าที่สามารถ

ไม่จ�าเป็นต้องมาแยกแมตทีเรียลออกจากกันให้ยุ่งยาก เสียเวลา

Ranra ยังใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วย เสริมและเพิ่มเติมในกระบวนการผลิตเพื่อลดผลกระทบ ทางสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เช่น เสื้อผ้ากันน�้า

ในคอลเลกชันนี้ใช้แป้งข้าวโพดเคลือบเพื่อท�าให้ กันน�้า หรือเดนิมในคอลเลกชันซึ่งแทนที่จะ ถูกฟอกด้วยกระบวนการแบบเดิมๆ ซึ่งต้องใช้ น�้าจ�านวนมหาศาล ก็เลือกใช้การเลเซอร์แทน เพื่อให้เดนิมมีลักษณะพื้นผิวไม่ต่างจาก กระบวนการฟอกด้วยหิน ในขณะเดียวกันก็ ไม่จ�าเป็นต้องใช้ทรัพยากรน�้ามากมายขนาดนั้นด้วย

สร้างสรรค์รูปทรงเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังมอง ไปถึงทุกกระบวนการการสร้างสรรค์ที่น�

เช่น เสื้อ มีทั้งกระดุม ฮาร์ดแวร์ ผ้าที่ไม่เหมือนกัน พลาสติก โลหะ หรือไวนิล หรือยาง เป็น ส่วนประกอบ ซึ่งการจะต้องแยกแมตทีเรียล ทั้งหมดนี้เพื่อที่จะได้เฉพาะแมตทีเรียล ที่สามารถน�าไปเข้าระบบรีไซเคิลได้เลย
น�าไปใช้เป็นส่วนประกอบต่างๆ ในการท� า เสื้อผ้าชิ้นหนึ่งได้ ดังนั้น เสื้อแจ็กเก็ต ในคอลเลกชันนี้ของ Ranra จึงเกิดจากการใช้ แมตทีเรียลชิ้นเดียว ไม่ว่าจะถูกน�ามาใช้เป็นผ้าในการตัดเย็บ ส่วนต่อ ส่วนยึด ส่วนเสริมต่างๆ ล้วนมาจากผ้ารีไซเคิล ชิ้นเดียว ซึ่งส่งผลให้เมื่อแจ็กเก็ตตัวนี้เสื่อมสภาพหรือไม่ถูก ใช้งานในการสวมใส่แล้ว ก็จะสามารถเข้าสู่ระบบการรีไซเคิล ได้เลย
ทั้งหมดนี้เห็นได้จากผลงานในคอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว 2023 สิ่งหนึ่งที่ท�าให้กระบวนการรีไซเคิล เกิดความยากล�าบากและไม่มีประสิทธิภาพก็คือ การที่ไอเทมไอเทมหนึ่งมีส่วนประกอบที่หลากหลายและต้อง น�ามาแยกออกก่อนจะส่งเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล
ไม่เพียงแค่นั้น
า เอา นวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยเพื่อลดผลกระทบ ที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม และท�าให้อุตสาหกรรมแฟชั่นนั้น กรีนมากยิ่งขึ้น 2 9
แฟชั่นที่ไม่ได้มองถึงแค่เทรนด์หรือการและทั้งหมดนี้คืออนาคตของอุตสาหกรรม

Pre - fall 2023

เปิดคอลเลกชัน Pre-fall 2023 ก่อนฤดูหนาวจะมาถึง

Balmain Oliver Rousteing ยังคงไป ได้ดีกับการท�างานที่ Balmain

และดูเหมือนว่าเอกลักษณ์ของเขาและแบรนด์ เก่าแก่แบรนด์นี้นับวันจะยิ่งเข้มข้นและโดดเด่น

มากขึ้น โดยเฉพาะความไม่ปรานีต่อความหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นคอลเลกชันเสื้อผ้าผู้หญิงหรือผู้ชาย

Pierre Balmain

1970s มาผสมผสานกับสไตล์สปอร์ต และเคลือบ

ไปด้วยความหรูหราในแบบที่เขาถนัด

Givenchy ส�าหรับคอลเลกชันนี้ Matthew M. Williams ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ คนล่าสุดของ Givenchy ยังคงน�าเอาสไตล์ปารีเซียนอันเป็น เอกลักษณ์ของแบรนด์มาผสมผสาน กับความเป็นอเมริกันในแบบ แคลิฟอร์เนียและนิวยอร์กของเขา โดยเฉพาะการได้ภาพสเกตช์ของ Hubert Givenchy ผู้ก่อตั้งแบรนด์สมัยที่ยังท�างานให้กับ Schiaparelli มาเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจ เราจึงได้เห็นการน�าไอเทม ที่มีความเป็นทางการอย่างชุดสูท โค้ต กางเกง การตัดเย็บในแบบงาน เทเลอร์ มาผสมผสานกับความเป็น อเมริกันด้วยสไตล์สตรีทแวร์ และสีสันในแบบสไตล์สปอร์ต อันได้มาจากแคลิฟอร์เนีย

ต่อให้มีกลิ่นอายสตรีทแวร์ หรือสปอร์ตแวร์ ความหรูหราในแบบ Balmain นั้นก็จะน�ามาเป็น ที่หนึ่งเสมอ เช่นเดียวกับคอลเลกชัน
ในครั้งนี้
ของ
Pre-fall 2023
ที่เขาน�าเอาแรงบันดาลใจมาจากผลงาน
ผู้ก่อตั้งแบรนด์ในช่วงยุค
ไม่ว่าจะเป็น การปักประดับด้วยเลื่อม คริสตัล ความโดดเด่น ของไลน์พิมพ์ในแบบเรขาคณิต และรูปแบบเสื้อผ้า ที่สะท้อนสไตล์ของยุค 1970s ได้เป็นอย่างดี Dsquared2 กลิ่นอาย ของงานวินเทจ คือแรงบันดาลใจของคอลเลกชันนี้ เพราะเมื่อครั้งที่ Dean และ Dan Caten คู่หูดีไซเนอร์แบรนด์ Dsquared2 อาศัยอยู่ที่โตรอนโต ก็คือการไปชอปของวินเทจที่หนึ่งในกิจกรรมของพวกเขา Kensington Market การเดินเข้าออกร้านรวงต่างๆ และที่จริงเทรนด์ของร้านเสื้อผ้ามือสอง ในอเมริกาหรือที่เรียกว่า Thrift Shop นั้นก็มีมาตั้งแต่ยุค ’80s ที่สไตล์ การมิกซ์แอนด์แมตช์หรือบางทีก็ ไม่แมตช์คือสิ่งที่ถูกน�ามาใช้บนรันเวย์ ในเวลาต่อมา 3 0
หลังการจากไปของ เวอร์จิล แอบโลห์ ต�าแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ หลุยส์ วิตตอง ฝั่งเสื้อผ้าผู้ชายก็ขาดช่วง ไปพักใหญ่ หลุยส์ วิตตอง ใช้วิธีให้ทีม The New Classic การท�างานของ ฟาร์เรล วิลเลียมส์ ในฐานะ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ หลุยส์ วิตตอง ฝั่งเสื้อผ้าผู้ชาย เช่นเดียวกันกับคอลเลกชันนี้ ที่เขาดึงเอาอารมณ์และรูปแบบ เสื้อผ้าในแบบยุค ’80s เพื่อสร้างความสนุกสนานกลับมา ในการแต่งตัว โดยที่บางครั้งอาจจะ ไม่ต้องเนี้ยบเสมอไป Dior โชว์คอลเลกชันนี้ Dior ได้เดินทางไปจัดโชว์ ที่พีระมิดเมืองกีซา ประเทศอียิปต์ และเสื้อผ้า ที่ออกมาก็คงบอกได้เป็นอย่างดีว่าท�าไมถึงต้องเป็นอียิปต์ คิม โจนส์ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์กล่าวว่า เขาได้แรงบันดาลใจ มาจากความหลงใหลในดวงดาวและจักรราศีของมิสเตอร์ ดิออร์ และแน่นอนว่าที่ซึ่งจะเห็นดวงดาวและท้องฟ้า ได้อย่างดีที่สุดก็คือผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่เวิ้งว้าง และอียิปต์ก็คือค�าตอบ สไตล์ของฟาโรห์ และนักรบอียิปต์เห็นได้อย่างเด่นชัดในคอลเลกชันนี้ โดยเฉพาะกระโปรงพลีตแบบครึ่งตัวที่ถูกน�ามาใช้ เกือบทุกลุค แต่ที่โดดเด่นไปกว่านั้นก็คือ การผสมผสานความเป็นไซไฟลงไปจนดูราวกับ เป็นคอสตูมของหนังเรื่อง Dune คอลเลกชันนี้ไปไกลกว่าเสื้อผ้าอียิปต์คือสิ่งที่ท�าให้ ในแบบฟาโรห์ 3 1

โดยเฉพาะคอลเลกชัน Re-Nylon ที่ท�าให้ Prada

The Brand Survival

3 คือ

Moncler อันดับ 4 คือ Valentino อันดับ

คือ Loewe อันดับ 6 คือ Bottega Veneta

อันดับ 7 คือ Dolce&Gabbana และอันดับ

ทุกๆ ไตรมาส Lyst แพลตฟอร์มค้นหาสินค้าแฟชั่นบนโลกออนไลน์ จะมีการจัดอันดับแบรนด์ที่มาแรงที่สุด โดยพิจารณาจากยอดการค้นหาสินค้านั้นๆ ในช่วงเวลาดังกล่าว ส�าหรับการจัดอันดับแบรนด์ ที่มาแรงที่สุดในไตรมาสแรกของปีนี้ แบรนด์ที่มาแรงเป็นอันดับ 1 ก็คือ Prada ซึ่งถือว่า Prada รักษาแชมป์ไว้ได้ เพราะในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว Prada ก็ยังอยู่ในอันดับ 1 เช่นเดียวกัน ความน่าสนใจก็คือ Prada ขึ้นสู่อันดับ 1 ได้อย่างไร ? อันที่จริง Prada ไม่ใช่แบรนด์ที่มีความหวือหวา ไม่ว่าจะเป็นโชว์ การใช้พรีเซนเตอร์โฆษณา และออก จะดูไม่ตามเทรนด์โลกหรือไม่ตามเทรนด์ใครด้วยซ�้า แต่การที่ Prada สร้างเทรนด์ได้ด้วยตัวเองนี่แหละ ที่ท�าให้แบรนด์ค่อยๆ
สะสมความนิยมขึ้นมาเรื่อยๆ
สามารถสร้างสิ่งที่เรียกว่า Must
ขึ้นมาได้ กระเป๋าในคอลเลกชัน Re-Nylon ของ Prada กลายเป็นกระเป๋าแห่งปี
หรือของผู้หญิง ด้วยกระแส รักษ์โลก ราคาที่จับต้องได้ และ เทรนด์ Y2K ในขณะที่อันดับ 2 ก็คือ แบรนด์น้องสาวของ Prada นั่นก็คือ Miu Miu ซึ่งมา พร้อมกระแส Y2K กับกระโปรง มินิสเกิร์ตที่ดูเหมือนกระโปรง นักเรียนซึ่งกลายเป็นเทรนด์ อันดับต้นๆ ตั้งแต่ปลายปีที่ ผ่านมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ และ นั่นก็มากพอที่จะท�าให้ Miu Miu ขยับขึ้นมาเป็น แบรนด์สุดฮอตอันดับ
ได้ ส่วนอันดับ
Have Item
ไม่ว่าจะเป็นของฝั่งผู้ชาย
2
คือ Versace แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือแบรนด์อันดับ 1 จาก ไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 อย่าง Gucci ได้ตกไปอยู่ อันดับ 9 ในไตรมาสแรกของปี ซึ่งก็น่าจะมาจาก การลาออกของครีเอทีฟไดเรกเตอร์ อเลสซานโดร มิเคเล ผู้ที่ฟื้นคืนชีพ Gucci ให้กลายมาเป็น แบรนด์อันดับ 1 ของโลกได้ โดยการลาออกของเขาได้สร้าง ความสั่นสะเทือนให้กับความนิยม ของ Gucci อย่างมาก และยังไม่เห็นว่า ใครที่จะมา แทนเขาได้ ในต�าแหน่งนี้ รวมถึง สามารถรักษา ความนิยม ไว้ได้
เมื่อ Prada
อันดับ 1 อีกหนึ่งแบรนด์ซึ่งน่าสนใจ ที่ถึงแม้ไม่ได้อยู่ในท็อปเทนก็คือ Balenciaga โดยในไตรมาสแรก ของปี 2023 นี้ Balenciagaหล่นไปอยู่อันดับที่ 18 เลยทีเดียว จากแบรนด์ที่มา แรงที่สุดในโลกแบรนด์หนึ่ง ตีคู่กันมากับ Gucci ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ Balenciaga ถูกกระแสดรามาจนท�าให้ต้อง งดจัดแฟชั่นโชว์ เสื้อผ้าที่เคยเป็นผู้น�และดูเหมือนว่าด้วยสไตล์ของ
:
:
3 3
ผงาดขึ้นมาเป็น แบรนด์
าเทรนด์จะเริ่มได้รับความนิยม น้อยลงเรื่อยๆ และ Balenciaga เองก็ดูเหมือน จะขยับตามไม่ทันเสียแล้ว การก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยม ระดับโลกว่ายากแล้ว การจะรักษาความนิยมไว้ ให้ได้ก็ไม่ง่ายเช่นเดียวกัน
Balenciaga Gucci
: Miu Miu

Clothes or Waste

หลากลวดลายที่ถูกน�และส่วนสุดท้ายก็คือผ้าพันคอหลากสี ามาใช้สร้างสรรค์เป็นชุดเดรสสุดพลิ้วส�าหรับผู้หญิง และแปลงมาเป็นลวดลายบน แจ็กเก็ตส� า หรับผู้ชาย ซึ่งทั้งหมดนั้นไม่ว่าจะเป็น ผ้าจากกระเป๋าผ้า หนังจากกระเป๋าหนัง ผ้าเดนิม หรือผ้าพันคอ ก็ยังสามารถประกอบเข้าไว้ด้วยกัน ในชุดชุดเดียวได้อีกด้วย การสร้างสรรค์งานแฟชั่นและรักษ์โลกไป พร้อมๆ กัน ส�าหรับ Marine Serre อาจจะไม่ได้ใช้ เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมอะไรมากมาย เธอยึดหลัก ง่ายๆ เหมือนที่เราเคยท่องกันมาก็คือ

สิ่งหนึ่งที่ Marine Serre พยายาม ท�ามาตลอดก็คือความพยายามลดขยะ ที่เกิดจากการอุตสาหกรรมแฟชั่น คอลเลกชันที่ผ่านๆ มาเธอใช้นาฬิกา เก่า เข็มขัดเก่า สต็อกผ้าเก่า เสื้อผ้า มือสอง ฯลฯ มาใช้ในการออกแบบ เสื้อผ้าทุกคอลเลกชันจนกลายเป็น เอกลักษณ์ของแบรนด์ Marine Serre ไปแล้ว และในคอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว 2023 นี้ก็เช่นเดียวกัน เธอท้าทายตัวเองมากขึ้นไปอีก บนรันเวย์ ปรากฏกรงขนาดมหึมาที่ด้านในมีของ ทับถมกันไว้อย่างล้นหลาม กรงที่ 1 ก็คือ ผ้าพันคอ กรงที่ 2 คือกระเป๋าโท้ตแบ็ก และกรงที่ 3 ก็คือ เดนิม ทั้ง 3 สิ่งนี้คือของที่เรียกว่า เดดสต็อกที่อยู่ในแวร์เฮาส์ของเธอ ถ้าไม่มีการจัดการ ของพวกนี้ก็จะถูกท�าลายและถูกส่งไปฝังกลบในฐานะ ขยะ ณ บ่อฝังกลบที่ไหนสักที่ ความท้าทายของ Marine Serre ก็คือน� า เอา ของเดดสต็อกเหล่านี้กลับมาท�าคอลเลกชันใหม่ ลุคแรกๆ ของคอลเลกชั่นนี้เกิดจากกระเป๋าผ้าของ Marine Serre ที่ถูกน�ามาแปลงให้เป็นทั้งโค้ต แจ็กเก็ต เชิ้ต กระโปรงป้าย ราวกับลายพิมพ์นั้นเป็นลายพิมพ์ ที่เกิดขึ้นใหม่ แต่ที่ไหนได้นั่นคือลายพิมพ์จากกระเป๋าผ้า ที่ถูกน�ามาแปลงร่างใหม่นั่นเอง ในขณะที่กระเป๋าหนัง ถูกน�ามาแยกเป็นชิ้นเล็กๆ และประกอบกันเข้าไปใหม่ ด้วยลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกีฬาแข่งรถ ไม่ว่าจะเป็นกางเกงหนัง หรือแจ็กเก็ตสไตล์มอเตอร์ ครอส หลายคนอาจจะรู้จักแบรนด์ Marine Serre จากเสื้อผ้าลายแพตเทิร์นพระจันทร์เสี้ยวที่บียอนเซ่ หรือแบล็กพิงก์สวมใส่ แต่ที่จริง Marine Serre มีเรื่องราวที่น่าสนใจกว่านั้น ผ้าเดนิม น่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ยาก
การใช้ผ้าเดนิมหรือชิ้นส่วนจาก กางเกงยีนส์
เป็นชุดใหม่ รูปทรงใหม่ แต่ความน่าสนใจของ Marine Serre คือการท�าให้มีมิติมากไปกว่านั้น ไม่ใช่แค่ เอากางเกงยีนส์ไปแยกชิ้นแล้วประกอบกัน ขึ้นมาเป็นกางเกงยีนส์เหมือนเดิม
ซ่อมแซม ใช้ซ�้า และรีไซเคิล ผสานกับสิ่งที่เรียกว่าความสร้างสรรค์ และชั้นเชิงในงานฝีมือ ก็สามารถน�าสิ่งที่จะต้องถูก น� า ไปเป็นขยะให้กลับมาเป็นงานชิ้นใหม่ได้อย่าง น่ามหัศจรรย์
เพราะเราได้เห็นการแพตช์เวิร์ก หลากหลายแบบมาแล้วจาก
ที่ถูกแยกแล้วน�แจ็กเก็ตยีนส์เก่าๆ า มาประกอบเข้า ด้วยกันใหม่
ภูเขาเสื้อผ้าบนรันเวย์โชว์ ของ Marine Serre 3 4

X

Made to Measure

3D ก่อนการตัดสินใจ ด้วยนวัตกรรมล่าสุด ZEGNA X 3D Configurator ที่ได้พัฒนาขึ้นโดยร่วมมือกับ Shin Software

บริการสั่งตัดแบบ Made to Measure และท�

ZEGNA X 3D Configurator ได้ว่าสิ่งที่เลือกนั้นเมื่อออกมาอยู่ บนตัวแล้วจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร

4 สัปดาห์อีกด้วย ZEGNA X 3D Configurator In-store Maxi Screen

บริการการสั่งตัดเสื้อผ้าแบบ Made to Measure ท�าให้สามารถสร้างสรรค์ลุคด้วยรสนิยม ความชื่นชอบ ในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง และแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ส่วนตัวได้มากที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเลือกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสี เนื้อผ้า รูปทรง แมตทีเรียลต่างๆ ก็ยากที่จะท�าให้ได้ลองครบทั้งหมดก่อนที่จะตัดสินใจ ว่าจะเลือกอะไร เพราะไม่ได้เห็น ‘ภาพ’ ว่าเมื่อสิ่งเหล่านั้นมาอยู่บนตัวเราแล้วจะเป็นอย่างไร
เปิดประสบการณ์นวัตกรรมการชอปปิงในแบบ 3D กับ ZEGNA X การเห็นภาพจึงกลายเป็นสิ่งที่ท�าให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายมากขึ้น ในกระบวนการ Made to Measure และยังสามารถสร้าง ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ น่าตื่นตาตื่นใจ และโอกาสใหม่ๆ ให้กับแบรนด์และลูกค้าได้อีกด้วย และนั่นท�าให้ ZEGNA พัฒนาสิ่งที่เรียกว่า
ที่สามารถท�าให้ได้เห็นภาพในแบบ
ที่จะช่วย เปลี่ยนประสบการณ์
า ตัวของตัวเองได้มากที่สุดให้ลูกค้าสามารถเลือกในสิ่งที่เป็น ZEGNA X เป็นการเชื่อมช่องว่างระหว่างร้านค้าจริง และช่องทางดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยี 3 มิติ ที่ล�้าสมัย ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้โดยเริ่ม ตั้งแต่การตัด การเลือกสี ไปจนถึงสไตล์ การวัดตัว และการเลือกใช้วัสดุ ซึ่งในช่วงแรกจะเน้นเฉพาะกับคอลเลกชัน Luxury Leisurewear ซึ่งจะมี ผลิตภัณฑ์มากกว่า 2,300 รายการ ส�าหรับการปรับเปลี่ยนตามแบบ ที่ลูกค้าต้องการ เพื่อให้ได้สไตล์ที่ดีที่สุดตามรสนิยมและความต้องการ ของลูกค้าแต่ละคนโดยเฉพาะ ผสมผสานเสื้อผ้าและสไตล์ที่เป็นไปได้ถึงและด้วยนวัตกรรมใหม่นี้สามารถช่วยให้ลูกค้า 49,000 ล้านชุด และสามารถ ‘เห็น’ ผ่านระบบ
เพื่อให้สามารถ ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนั้นเมื่อพอใจกับ ตัวเลือกแล้วยังสามารถสั่งท�าพิเศษและจัดส่ง ทั่วโลกได้ภายในเวลาไม่ถึง
เปิดตัวไปแล้วที่ร้าน
ที่ผ่านมา จากนั้นก็จะมีการเปิดตัวในร้านค้าหลัก ทั่วโลกตามมา และภายในปี 2567 ลูกค้าของ แบรนด์ยังจะสามารถปรับแต่งรูปลักษณ์ของ คอลเลกชันใดก็ได้ผ่าน zegna.com จากอุปกรณ์ การสื่อสารส่วนตัวอีกด้วย 3 5
ZEGNA X
ZEGNA
ขึ้นมากับบริการสั่งตัดแบบ
ZEGNA’s Montenapoleone ในช่วงเดือนเมษายน
interview : สุกฤษฏิ์ บูรณสรรค์ : สรรค์ภพ จิรวรรณธร

AI

3 7 มองเทคโนโลยี
‘ วรวิสุทธิ์
’ และทิศทางแห่งแวดวงดิจิทัลไทยไปกับ
ภิญโญยาง
ความเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีนั้น รวดเร็ว ฉับไว และสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ต่อแวดวงต่างๆ อย่างมีนัยส�าคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง ‘AI’ หรือ ‘Artificial Intelligence’ ปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นที่กล่าวถึง ใช้งาน และท�าการ ‘Disrupt’ งานของสาขาต่างๆ อย่างน่าตื่นตระหนก ทั้งในด้านคุณภาพ ปริมาณ และความเร็ว เช่นนั้นแล้วเหล่ามนุษยชาติควรจะต้องรู้สึกและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร? และคือสิ่งที่จะมาทดแทนแรงงานคน หรือเป็นเครื่องมือที่จะช่วยยกระดับ ประสิทธิภาพการท�างานที่มีอยู่เดิมให้ดียิ่งขึ้นจริงหรือไม่? GM Magazine มาร่วมหาค�าตอบจากการพูดคุยกับ เอ-วรวิสุทธิ์ ภิญโญยาง ผู้เชี่ยวชาญ ด้าน Digital Business และผู้ก่อตั้งบริษัท Impact Mind AI (www.impactmind.ai) ที่ให้มุมมอง แนวคิด จนถึงมิติรอบด้านของสิ่งที่เรียกว่า AI ซึ่งดูเหมือนว่าในเวลาอีกไม่กี่ปี ก็อาจจะกลายมาเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับชีวิตของมนุษยชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในบทสัมภาษณ์นี้ อยากให้ช่วยแนะน�าตัวโดยคร่าวๆ ในเบื้องต้น วรวิสุทธิ์
กว่ำปีครับ โดยเริ่มต้นจำก ก ำ รท�ำง ำ นที่ True และ DTAC ในส่วนของ Innovation ร ำ วๆ ช่วงปี 2011 จ ำ กนั้นก็ตัดสินใจล ำ ออกม ำ ท�ำบริษัท ของตัวเอง เป็นที่ปรึกษำอิสระในเรื่อง Tech และ Digital Marketing แล้วค่อยขยับมำที่แวดวง Startup โดยได้ร่วมงำน กับทำง AIS จัดงำนด้ำน Startup เรียกว่ำคลุกคลีกับแวดวง มำโดยตลอด หลังจ ำ กนั้นตัดสินใจเปิดบริษัท Startup ท�ำ Video Streaming ที่ชื่อ Prime Time ซึ่งมีรูปแบบคล้ำย Netflix โดยได้เงินลงทุนจำกบริษัทหนึ่งในตลำดหลักทรัพย์ ก็ท�ำได้สัก ช่วงเวลำหนึ่งจนถึงปี 2014-2015 ผมก็ตัดสินใจเดินทำงไป ซำนฟรำนซิสโก สหรัฐอเมริกำ เพื่อไปสัมผัสและเรียนรู้กับ Tech Scene ระดับยักษ์ของโลก โดยเฉพำะที่ Silicon Valley อยู่ประมำณ 6 เดือน ก็ทั้งท�ำงำนเป็นที่ปรึกษำให้กับ Startup คนไทยซึ่งอยู่ที่นั่น และเข้ ำ ฟังง ำ นสัมมน ำ ด้ ำ น Tech ระดับใหญ่ ผมไปเกือบทุกงำน ท�ำให้มีโอกำสได้เจอเหล่ำ Venture Capital จนถึงผู้ก่อตั้งบริษัทชื่อดังหลำยต่อหลำยเจ้ำ เลยเกิดแนวคิดว่ ำ สิ่งที่เมืองไทยยังข ำ ดคือกลุ่มของ กำรบ่มเพำะบริษัท หรือ Incubator และ Accelerator จ ำ กนั้นพอกลับม ำ ที่เมืองไทย ก็เลยเริ่มธุรกิจของ ก ำ รเชื่อมโยงระหว่ ำ งธุรกิจ Startup กับ นักลงทุน ที่มีคว ำ มต้องก ำ รพ้องกันให้ม ำ จับคู่ท ำ งธุรกิจร่วมกัน เป็นคนกล ำ งที่คัดเลือกทั้งสองฝั่ง จนกระทั่ง COVID-19 แพร่ระบำดก็เป็นจังหวะที่ได้มำลองลงมือท�ำ Startup อีกรอบ
: ผมคุ้นเคยและท�ำง ำ นในแวดวง Tech มำได้ประมำณ 10
3 9 คือท�ำ Digital Academy ชื่อ ‘SHiFT’ จนมำถึงปีนี้ที่เทคโนโลยี ด้ำน AI ก�ำลังมำแรงและเป็นที่กล่ำวถึง รวมถึงได้ศึกษำด้ำนนี้ มำสักระยะแล้ว จึงเล็งเห็นว่ำเทคโนโลยีนี้จะมำเปลี่ยนโลก และเปลี่ยนด้ำนธุรกิจให้มีศักยภำพมำกยิ่งขึ้น จนตัดสินใจ จดทะเบียนบริษัทร่วมกับเพื่อนสนิทคือ สุรพงศ์ กนกทิพย์สถาพร ชื่อ Impact Mind AI ที่สหรัฐอเมริก ำ โดยพิจำรณำจำกแง่ของฐำนลูกค้ำในระดับสำกล Impact Mind AI ท�าอะไรหรือมีผลิตภัณฑ์แบบใดบ้าง วรวิสุทธิ์ : โดยหลักแล้วผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะอิงกับ เทคโนโลยีของ AI ไม่ว่ำจะเป็น Conversational AI (ระบบแชตบอต AI อัจฉริยะ) หรือ ระบบสร้ำงสรรค์ คอนเทนต์แบบอัตโนมัติ (Automated Content Creation System) รวมถึง ImpactMindGPT ส�ำหรับองค์กร อันเป็น กำรน�ำ ChatGPT รวมถึงสมอง AI ของผู้ให้บริกำร AI เจ้ำใหญ่ๆ ของโลกมำพัฒนำในเชิงพำณิชย์เพื่อใช้ในระดับองค์กร อธิบายค�าว่า AI หรือ Artificial Intelligence ส�าหรับ คนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวง Tech สิ่งนี้คืออะไร วรวิสุทธิ์ : ถ้ ำ แปลอย่ ำ งตรงตัวคือ ‘ปัญญ ำ ประดิษฐ์’ อันเป็นคว ำ มพย ำ ย ำ มที่จะเลียนแบบคว ำ มรู้ ควำมคิด และกำรกระท�ำของมนุษย์ โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ โดยกำรเรียนรู้ผ่ำนฐำนข้อมูลขนำดใหญ่ อย่ำงเช่น ChatGPT เองนั้น ก็เป็นเพียงชื่อผลิตภัณฑ์ของบริษัท OpenAI หรือจะ มองว่ำ AI คือ ‘Large-Language Model’ อันเป็นกำรผสมผสำน ข้อมูลจำกหลำยๆ ภำษำ หลำยๆ แหล่งที่มำ จนกลำยเป็น ก ำ รเชื่อมโยงข้อมูล ตั้งแต่ข้อมูลต ำ มอินเทอร์เน็ต แหล่ง วิจัย ฯลฯ จนกลำยเป็นฐำนข้อมูลขนำดใหญ่ เช่น ถ้ำค้นหำว่ำ ‘อำหำรจีน’ มีส่วนผสมอะไรบ้ำง ก็จะเกิดจำกกำรน�ำข้อมูล ในแหล่งต่ำงๆ มำผสมผสำนกัน จนได้ข้อมูลที่มีควำมถูกต้อง ใกล้เคียงกับควำมจริง ผลตอบรับจากการเปิดบริษัท Impact Mind AI วรวิสุทธิ์ : เป็นไปได้ด้วยดีทีเดียวครับ มีบริษัทใหญ่ติดต่อ เข้ ำ ม ำ จ�ำนวนม ำ ก ทั้งอย ำ กใช้บริก ำ ร หรือ แม้กระทั่งสร้ำงธุรกิจใหม่ร่วมกันเป็น New Business อำจเพรำะ AI ในเวลำนี้ คือเทรนด์ที่ก�ำลังมำแรงในโลกแห่ง กำรท�ำงำนและโลกของ Tech บริษัทต่ำงๆ หำวิธีที่จะน�ำ AI เข้ำมำใช้งำน ซึ่งหลำยบริษัทหลำยองค์กรก็ตั้ง Priority หรือ ควำมส�ำคัญของ AI ในกำรใช้งำนมำเป็นล�ำดับต้นๆ เลยก็มี การใช้ระบบ AI ส�าหรับผู้ประกอบการเดี่ยว (Solo- preneur) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและก�าลังงานเท่ากับ องค์กรระดับใหญ่นั้น มีการชี้วัดที่เห็นผลได้จริงมากน้อย เพียงใด วรวิสุทธิ์ : ถ้ำวัดเป็นตัวเลขที่ชัดเจนนั้น Solopreneur หรือผู้ประกอบกำรเดี่ยว ซึ่งสำมำรถใช้ระบบ AI และ Automation ได้อย่ำงคล่องแคล่ว จะสำมำรถทดแทน แรงง ำ นที่จะต้องมีได้ประม ำ ณ 10 คนขึ้นไป เพร ำ ะไม่ว่ ำ จะเป็นก ำ รติดต่อสื่อส ำ รองค์กรผ่ ำ นอีเมล หรือก ำ รเขียน Business Plan ซึ่งกำรใช้ระบบ AI สำมำรถเข้ำมำตอบโจทย์ ในจุดนี้ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ เร็วขึ้น ดีขึ้น ง่ำยขึ้น AI หรือ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ - ความพยายามที่จะเลียนแบบความรู้ ความคิด และการกระท�าของมนุษย์ โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ โดยการเรียนรู้ผ่านฐานข้อมูล ขนาดใหญ่
เมื่อเวลานั้นมาถึง ถ้า AI ‘ ตื่นรู้ ’ ควรจะวางระดับ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ AI เอาไว้ในระดับใด วรวิสุทธิ์ : ถ้ ำ ให้ผมวิเคร ำ ะห์และค ำ ดเด ำ มนุษยช ำ ติ อ ำ จจะไม่ได้อย ำ กพัฒน ำ ให้ AI ไปถึงระดับ คว ำ มฉล ำ ดขน ำ ดนั้น แต่ถ้ ำ ไปถึงจะต้องมีระบบป้องกัน (Safeguard) เพื่อไม่ให้ไปได้ไกลกว่ำนั้น มองภาพระยะไกลประมาณ 5 ปีข้างหน้าของบริษัท Impact Mind AI ไว้อย่างไร และคาดหวังอะไรบ้าง วรวิสุทธิ์ : อย่ำงที่กล่ำวไปก่อนหน้ำนั้น กำรเปิด Impact Mind AI เกิดจ ำ กคว ำ มใส่ใจและสนใจใน เทคโนโลยี AI เลยอำจจะไม่ได้มองภำพบริษัทที่ใหญ่โต แต่มอง ว่ำเป็นบริษัทที่คล่องตัว เน้นกำรเป็นที่ปรึกษำ เป็นจุดแข็งในกำรให้ค�ำแนะน�ำแก่ผู้ประกอบกำรและองค์กรเกี่ยวกับกำรน�ำ AI ไปใช้งำน แนะน�ำเครื่องมือ AI ต่ำงๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภำพ ส่วนเรื่องควำมถูกต้องของข้อมูลนั้น แม้ทำงตัวบทกฎหมำย อำจจะต้องใช้เวลำอีกสักระยะหนึ่ง แต่กำรให้ควำมส�ำคัญจำก ฝั่งผู้ใช้ก็เริ่มมีมำกขึ้น กำรให้ข้อมูลที่ผิด กำรแก้ไขให้ถูกต้อง มีจริยธรรม และถูกต้องตำมหลัก จะเพิ่มมำกขึ้นตำมเวลำ ที่ผ่ำนไป ประเด็นเกี่ยวกับ ‘Concious AI’ หรือ ‘AI ที่ตื่นรู้ มีความเป็นมนุษย์ ’ เป็นเรื่องที่ถูกกล่าวถึงและถกเถียง กันมานาน หรือว่าใกล้กว่าที่คิดเราอยู่ห่างจากการตื่นรู้ที่ว่านั้นมากแค่ไหน วรวิสุทธิ์ : AI เองก็มีนิย ำ มคว ำ มฉล ำ ดของมันเอง ซึ่งในปัจจุบันก็อยู่ในระดับที่ยังไม่ส ำ ม ำ รถคิด แทนคนได้ในบ ำ งประเด็น แต่ผู้เชี่ยวช ำ ญได้วิเคร ำ ะห์ว่ ำ อำจจะใช้เวลำประมำณ 5-10 ปี ที่มนุษยชำติและระบบ AI จะสำมำรถไปถึงจุดนั้น
ให้กับองค์กรได้อีกหลำยเท่ำ
กันเยอะๆ แน่นอนว่ ำ Productivity
ถ้ำธุรกิจในประเทศไทยใช้ AI
โดยรวมของประเทศ ต้องเพิ่มสูงขึ้นมำก รวมถึงศักยภำพกำรแข่งขันกับนำนำชำติ ที่จะเพิ่มขึ้นแบบก้ำวกระโดดได้เลย
‘จะปฏิวัติโลก’ คือสิ่งใด วรวิสุทธิ์ : โดยส่วนตัวบริษัทของผมคือระดับใช้ง ำ น และให้ค�ำแนะน�ำ ช่วยสร้ำงควำมเปลี่ยนแปลง ให้ธุรกิจต่ำงๆ แต่ส�ำหรับคนที่คิดค้นมีหลำกหลำยมำกในแต่ละ แวดวง ซึ่งจะมีก ำ รเปลี่ยนแปลงอย่ ำ งไม่หยุดยั้งเกิดขึ้น อย่ ำ งแน่นอน ผมเชื่อว่ ำ โลกจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน หลำกหลำยมิติครับ จากที่เคยท� า งานเป็น Digital Marketing ให้กับ องค์กรใหญ่ๆ จนมาถึงธุรกิจ Startup ด้านเทคโนโลยี โดยประสบการณ์แล้ว อะไรคือ ‘สัญญาณ’ ที่บ่งบอกว่า เทคโนโลยีตัวนั้นๆ ก�าลังจะมาแรง วรวิสุทธิ์ : สิ่งที่จะเป็นตัวบอกว่ ำ เทคโนโลยีใดๆ นั้น ‘Matter’ หรือมีควำมส�ำคัญจริงๆ อย่ำงไม่อำจ ปฏิเสธได้เลย คือกำรที่เทคโนโลยีนั้นๆ สำมำรถตอบโจทย์ ‘Pain Point’ หรือแก้ปัญหำที่หลำยคนเจอร่วมกัน อย่ำงเช่น AI นั้นเห็นชัดเจนว่ ำ ส ำ ม ำ รถแก้ปัญห ำ หล ำ ยๆ อย่ ำ ง และเพิ่มประสิทธิภำพได้อย่ำงมีนัยส�ำคัญ และนั่นเป็นสำเหตุ ที่เทคโนโลยีบ ำ งอย่ ำ ง เช่น Metaverse เริ่มซบเซ ำ ลงไป เพรำะไม่ได้ตอบโจทย์ หรือ Pain Point มำกเพียงพอ สิ่งที่อยากเห็นเกี่ยวกับแวดวงเทคโนโลยีของประเทศไทย เกี่ยวกับการใช้งาน AI คือสิ่งใด วรวิสุทธิ์ : ผมพยำยำมจะมองให้รอบด้ำนหลำยมิติ เช่น AI Literacy หรือควำมรู้เท่ำทัน AI ในบ้ำนเรำ คือสิ่งส�ำคัญ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งก�ำแพงด้ำนภำษำ กำรเรียนรู้ กำรใช้งำนก็จะอยู่ในแวดวงจ�ำกัด ต่ำงจำกที่อื่นๆ เช่น ที่อินเดีย มีกำรน�ำเอำ ChatGPT เข้ำสู่หลักสูตรกำรสอนระดับประถมศึกษำ เพื่อให้เขียน Prompt และใช้งำนได้อย่ำงเต็มที่ตั้งแต่วัยเยำว์ ซึ่งประเทศไทยเองก็ควรจะต้องเริ่มต้นพิจำรณำควำมเป็นไปได้ ที่จะน�ำเอำสิ่งนี้มำผนวกเข้ำสู่หลักสูตรได้บ้ำงแล้ว เพรำะใน ไม่ช้ำก็เร็วสิ่งนี้จะต้องมำ เช่นเดียวกับกำรมำถึงของอินเทอร์เน็ต, Google หรือ Wikipedia ที่เคยเป็นมำโดยตลอด แต่ผมก็ยังเชื่ออยู่เสมอนะว่ำขอเพียงแค่ใช้งำน AI แม้แค่เพียง ส�ำหรับกำรท�ำงำน Productivity หรือเนื้องำน ผลประกอบกำร และกำรพัฒนำประเทศจะพุ่งสูงขึ้นอย่ำงเห็นได้ชัดมำกๆ
เป้าหมายปลายทางที่ต้องการเห็นในด้านการใช้งาน AI ซึ่งกล่าวกันว่าก�าลัง

ไม่ติดขัด เช่น บำงแห่งอำจจะส่งงำนด้วย Microsoft Word

Microsoft Excel คุยงำนผ่ำน Slack นั่นคือสิ่งที่เรียกว่ำ ‘Workflow’ ซึ่ง Automation สำมำรถน�ำมำใช้เพื่อร้อยเรียง และจัดกำรระบบเหล่ำนี้ให้มีควำมรวดเร็ว สะดวก และง่ำยยิ่งขึ้น อย่ำงของผม มีทรัพยำกรจ�ำกัด ไม่เหมือนกับบริษัทใหญ่ๆ จะท�ำอย่ำงไรที่จะให้มี

ำ ยอย่ ำ งได้เหมือนบริษัท ที่ใหญ่กว่ ำ จึงกล ำ ยเป็นส่วนผสมของก ำ รใช้ Automation + AI เข้ำมำเป็นแกนหลักของบริษัท สิ่งที่คนท� า งานสายเทคโนโลยีต้องยึดถือ

4 3 การพัฒนาด้าน AI ของประเทศไทยจะเป็น ไปในทิศทางอย่างที่ต้องการ เพื่อการพัฒนา ประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพด้านการท�างานได้ จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงกระแสที่มาเพียง ชั่วคราวแล้วผ่านไป วรวิสุทธิ์ : ในจุดนี้ก็ยังย�้ำว่ ำ ก ำ รศึกษ ำ คือ เรื่องส�ำคัญครับ อย่ำงเช่นในตอนที่ Digital Marketing เข้ำมำใหม่ๆ นั้น กว่ำที่คนจะ รู้จัก กว่ำที่จะใช้กันเป็น กว่ำที่จะเข้ำใจกันจริงๆ ก็ต้องใช้เวล ำ ศึกษ ำ และเรียนรู้กันย ำ วน ำ น พอสมควร ผ่ ำ นก ำ รลองผิดลองถูก ซึ่งถ้ ำ มี กำรเรียนกำรสอนที่เป็นรูปธรรม เปิดกว้ำง ก็จะเป็น ไปในทำงที่เหมำะสมได้ดีกว่ำ ในมุมมองส่วนตัว ค�าว่า Digital Marketing ปัจจุบันแตกต่างจากช่วง 10 กว่าปีที่แล้ว มากน้อยเพียงใด วรวิสุทธิ์ : Digital Marketing หรือกำรตลำด ดิจิทัล เมื่อม ำ ผนวกรวมเข้ ำ กับ AI จะจบที่ 2 ประเด็นหลักใหญ่ คือ ‘คว ำ ม แม่นย�ำ’ (Precision) กับ ‘กำรเป็นส่วนบุคคล’ (Personalization) ที่เป็นจุดขำยของกำรตลำด สมัยใหม่ ซึ่ง AI จะเข้ำมำช่วยเสริมใน 2 เรื่องนี้ และเพิ่มเติมคือช่วยให้เกิดกำร Automate หรือ กำรจัดกำรอัตโนมัติมำกยิ่งขึ้น คิดหรือไม่ว่าแวดวง Digital Marketing ที่เคยคลุกคลีเมื่อ 10 กว่าปีก่อน จะมีการ เปลี่ยนแปลงมากมายถึงเพียงนี้ วรวิสุทธิ์ : ยอมรับว่ำไม่ได้นึกภำพในทำงนี้ เลยครับ สมัยก่อน Digital Marketing ก็เป็นเรื่องของกำรเปลี่ยนผ่ำนสื่อ จำกแบบดั้งเดิม มำเป็นแบบโซเชียล จนถึงรูปแบบกำรคิดค้นและ สร้ำงเนื้อหำ แต่พอมีเทคโนโลยีเข้ำมำ ก็ท�ำให้คน ต้องศึกษำ ปรับตัว และพัฒนำขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง แต่มองในอีกแง่ก็อ ำ จจะสร้ ำ งคว ำ มเหลื่อมล�้ำ ให้กับผู้ประกอบก ำ รที่อ ำ จไม่ได้มีศักยภ ำ พที่จะ ตำมได้ทันอยู่พอสมควร จำกกำรที่ผมไปสัมมนำ มำหลำยครั้ง ผู้ประกอบกำรหลำยรำยสนใจกัน มำกๆ แต่ติดตรงที่ว่ำจะเริ่มอย่ำงไร เช่นนั้นแล้วจะเริ่มอย่างไร วรวิสุทธิ์ : ถ้ ำ ให้แนะน�ำ ผมแนะน�ำให้เริ่ม จำก ChatGPT ก่อนเป็นอันดับแรก เพรำะค�ำสั่งและกำรใช้งำนนั้นง่ำย เหมือนกำรพูดคุย กับคนด้วยกัน อยำกได้ผลลัพธ์แบบใด ก็ฝึกฝน กำรเขียน Prompt อำจจะไม่ต้องเขียนละเอียดถึง ขั้นผู้เชี่ยวชำญ ซึ่งถ้ำท�ำได้ก็ถือว่ำดี แต่เอำแค่ระดับ พื้นฐำน ฝึกเขียนแล้วดูผลลัพธ์ แล้วพิจำรณำว่ำ จะเอำมำใช้ส�ำหรับงำนด้ำนใด เช่น ใช้งำนด้ำน คอนเทนต์ ใช้งำนด้ำนกำรตลำด เท่ำนั้นก็ถือว่ำ ล�้ำหน้ำไปเยอะแล้วครับ แบ่งเวลาท�างานกับชีวิตส่วนตัวอย่างไร วรวิสุทธิ์ : ไม่ได้แบ่งตำยตัวนะครับ ก็ปนๆ กันไป บำงครั้งเสำร์-อำทิตย์ท�ำงำน หยุดวันธรรมดำก็มี พยำยำมให้มีควำมยืดหยุ่น เป็น ‘Work-life Integration’ ส่วนพักผ่อน แบบไหน ก็คือพำตัวเองออกจำกโลกของงำนเลย แค่นั่งดูซีรีส์ยำวๆ สักช่วง ก็ถือว่ำได้เดินออกมำ พักผ่อนแล้ว หลักที่ยึดถือในชีวิตการท�างาน วรวิสุทธิ์ : ตลอดเวล ำ ที่ท�ำง ำ นม ำ นั้น ผมพยำยำมคิดเสมอว่ำ ทุกบริษัท ควรจะมี ‘ระบบ’ เพื่อด�ำเนินกำรเป็นของตัวเอง ไม่จ�ำเป็นต้องเหมือนกัน แต่เป็นระบบที่รับรู้ร่วมกัน เพื่อให้ง ำ นส ำ ม ำ รถด�ำเนินไปได้อย่ ำ งต่อเนื่อง
ระบบ Workflow ที่สำมำรถท�ำงำนแบบอัตโนมัติได้ ส ำ ม ำ รถท�ำง ำ นได้หล
คือสิ่งใด วรวิสุทธิ์ : คิดเสมอว่ ำ เทคโนโลยีนั้น เปลี่ยนบ่อย เปลี่ยนเร็ว ปีนี้เป็น อย่ ำ งหนึ่ง ปีหน้ ำ อ ำ จจะกล ำ ยเป็นอย่ ำ งอื่น แต่ทั้งหมดก็ต้องยึดอยู่กับหลักที่ว่ำ จะน�ำไปใช้งำน และแก้ไขปัญห ำ อย่ ำ งไร ถ้ ำ แค่ใช้ต ำ มเทรนด์ ถ้ำหมดเทรนด์ก็จบกัน เทคโนโลยีนั้น เปลี่ยนบ่อย เปลี่ยนเร็ว ปีนี้เป็นอย่างหนึ่ง ปีหน้า อาจจะกลายเป็น อย่างอื่น แต่ทั้งหมด ก็ต้องยึดอยู่กับ หลักที่ว่า จะน�าไปใช้งาน และแก้ไข ปัญหาอย่างไร ถ้าแค่ใช้ ตามเทรนด์ ถ้าหมดเทรนด์ ก็จบกัน
บันทึกควำมคืบหน้ำผ่ำน

Net Zero, Carbon Neutrality

scoop
: ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล และ สถาบันคาร์บอน เพื่อความยั่งยืน : สิ่งแวดล้อมโลกบนทางสาย ‘คาร์บอน’ : รองคณบดีด้านยุทธศาสตร์นวัตกรรมและความยั่งยืน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำานวยการสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) นับเป็น ปัญหาที่ส� า คัญอย่างยิ่งและส่งผลกระทบต่อมวลมนุษยชาติอย่าง กว้างขวาง อันเป็นผลมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้น จากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล การพัฒนาและขยายตัวของ ภาคอุตสาหกรรม การเกษตรกรรม การขนส่ง รวมทั้งการท� า ลาย ทรัพยากรธรรมชาติในรูปแบบอื่นๆ โดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization: WMO) ได้มีการคาดการณ์ ว่าอุณหภูมิโลกอาจสูงขึ้นถึง 3-5 องศาเซลเซียส ภายในปี พ.ศ. 2643 (ค.ศ.2100) ซึ่งหากไม่เร่งด� า เนินการป้องกันและแก้ไขให้ทันท่วงที สภาพการณ์เลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบที่เป็นอันตราย ต่อโลกและสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ความส� า คัญด้านสิ่งแวดล้อมกับปริมาณคาร์บอนสัมพันธ์กันอย่างไร ในจุดนี้มีการเฝ้าระวังและตระหนักรู้ถึงเหตุและการป้องกันมาแล้ว กว่า 2 ทศวรรษ และเป็นความพยายามเพื่อที่จะยับยั้ง ภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นกับโลก ถ้าหากปริมาณ คาร์บอนเกินจนล้นอัตราที่ก�าหนด

(United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC)

ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันว่าจะต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ย

(Carbon Neutrality) และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็น

ขีดความสามารถจากความร่วมมือระหว่างประเทศและกลไก

(UNFCCC) เป็นอีกหนึ่งตัวแปร ส� า ขับเคลื่อนการด�คัญที่ผลักดันให้ทุกภาคส่วนของประเทศไทยพยายาม า การสร้างเศรษฐกิจคาร์บอนต�่เนินงานให้รองรับกับการเปลี่ยนผ่านสู่ า (Low Carbon Economy) ดังนั้น เฉพาะด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนมาด�หลายหน่วยงานจึงต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ าเนินการ ในหน่วยงานนั้นๆ ความรู้เฉพาะทางด้านนี้ซึ่งปัจจุบันนี้นับว่าขาดแคลนบุคลากรที่มี

ผู้ประกอบการรายย่อยและองค์กรต่างๆ ต่างต้องแบกรับ ค่าใช้จ่ายในการด�าเนินธุรกิจที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้การด�าเนินงาน

4 7 เรามักจะได้ยินสองค�าอยู่เสมอ เมื่อพูดถึงปริมาณคาร์บอน ในวงสนทนาด้านสิ่งแวดล้อม นั่นคือ ‘ Net Zero ’ และ ‘Carbon Neutrality’ และเป็นค�าที่เกิดบ่อยครั้งขึ้นในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา ความส� า คัญและข้อคล้ายคลึง จนถึง ความแตกต่างของทั้งสองค�านี้ มีที่สังเกตอย่างมีนัยส�าคัญยิ่ง Carbon Neutrality ‘ความเป็นกลางทางคาร์บอน’ คือการที่ปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 เข้าสู่ ชั้นบรรยากาศ เท่ากับปริมาณที่ถูกดูดซับกลับมาผ่านกระบวนการ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ป่าเป็นตัวดูดซับ หรือการใช้กระบวนการทางอุตสาหกรรมเพื่อน�าคาร์บอนที่ปล่อยออกไปกลับมา จะเป็น สภาวะ ‘เป็นกลาง’ ของคาร์บอนที่ไม่เพิ่มและไม่ลดลงไป Net Zero ค�านี้มาจากค�าเต็มว่า ‘Net Zero Emissions’ หรือ ‘การปล่อย ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์’ นั่นคือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจก ที่ปล่อยออกไป ออกจากชั้นบรรยากาศมีความสมดุลเท่ากับก๊าซเรือนกระจกที่ถูกดูดซับ การเพิ่มของก๊าซเรือนกระจกซึ่งสภาวะอันเป็นสมดุลนี้จะไม่ก่อให้เกิด นับเป็นเป้าหมายใหญ่อันส�าคัญ เพราะถ้าทุกประเทศทั่วโลกสามารถบรรลุถึงปลายทางนี้ได้ นั่นหมายถึงการยับยั้งสภาวะโลกร้อนจะสามารถเกิดขึ้นได้ จากการซ่อมตัวของชั้นบรรยากาศในที่สุด ทั้งนี้ Carbon Neutrality เป็นเป้าหมายในระดับเล็กถึงกลาง ระดับบุคคล องค์กร หรือประเทศ ซึ่งสามารถท�าได้ผ่านการลด และชดเชยคาร์บอน ไม่ว่าจะเป็นลดการสร้างปริมาณคาร์บอน ผ่านยานยนต์ อุตสาหกรรม และกระบวนการจัดการของเสีย จากแหล่งอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ไปจนถึงการชดเชยและ ‘ลด’ ปริมาณคาร์บอนที่มีอยู่เดิม เช่น การปลูกป่า การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน เช่น ซึ่งมักจะเห็นเป็นโครงการที่หลายองค์กรเลือกที่จะก�พลังงานลม าหนดเป็น เป้าหมายที่จะไปให้ถึง เป็นต้น แต่ส�าหรับ Net Zero Emissions หรือ การปล่อยก๊าซ เรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์นั้นคือ ‘เป้าหมายใหญ่’ และเป็น ปลายทางส�าคัญที่ต้องใช้ความร่วมมือจากภาคประชาสังคมและ ประเทศในกลุ่มความร่วมมือ เพื่อให้บรรลุในปลายทาง โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเมื่อการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ
ผิวโลกเกินไปกว่า 2 องศาเซลเซียส (และมีการปรับไปที่ระดับ ไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสในภายหลัง) ซึ่งเป็นเป้าหมาย ส�าคัญที่จะต้องบรรลุให้ได้ ซึ่งในจุดนี้การประกาศเจตนารมณ์ของประเทศไทย ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ที่จะมุ่ง
ศูนย์
ภายในปี ค.ศ. 2050 และ 2065 ตามล�าดับนั้น
อื่นๆ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการ
โดยเฉพาะกลุ่มคน Green Talent หรือกลุ่มคนที่มีทักษะความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
สอดรับกับเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของ ประเทศ
สู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
(Net Zero Emissions)
เทคโนโลยีอย่างเต็มที่และเท่าเทียมหากได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินและ รวมถึงการเสริมสร้าง
อีกทั้ง
: ความคล้าย และ ข้อแตกต่าง
Net Zero และ Carbon Neutrality

(Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) ได้ท� า

(United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC)

แต่กว่าที่จะเกิดความร่วมมือ และข้อตกลงอันเป็นที่รับรู้ร่วมกัน ของนานาชาตินั้น ก็มีการศึกษา เก็บข้อมูล และเฝ้าระวังผลกระทบ อันเกิดจากคาร์บอนมาอย่าง ยาวนานนับ 2 ทศวรรษ ที่ความเสียหายค่อยๆ ไต่ระดับ ร้ายแรงอย่างก้าวกระโดดอย่าง น่าหวั่นวิตกอย่างยิ่ง จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1990 คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รายงานและข้อสรุปที่ช่วยยืนยันว่า กิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ส่งผล กระทบต่อสภาพภูมิอากาศจริง พร้อมทั้งในปีเดียวกันนั้นเองได้ มีการจัดประชุม
ท�าให้ปัญหา ด้านสิ่งแวดล้อมเข้าสู่ความสนใจ ของนานาชาติอย่างจริงจัง การประชุมนานาชาติเกิดขึ้น อันน� า ไปสู่การลงนามรับรอง อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในปี ค.ศ. 1992 ณ ส�านักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา 4 8 เส้นทาง ก่อนจะมาสู่ข้อสรุปด้านความตกลงทางคาร์บอน อันยาวไกล
Second World Climate Conference

(United Nations Conference on Environment and Development: UNCED)

(National Green House Gas Inventory)

ดังนั้น จึงเกิดการกีดกันการน�าเข้าสินค้าและบริการ ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงจากภายนอก

ของประเทศ โดยสร้างรายได้มูลค่ากว่า

ที่จะต้องปรับตัวกับการบังคับใช้เหล่านี้ เท่านั้น แต่ SME ที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของธุรกิจใหญ่ จะต้องถูกกดดันจากบริษัทใหญ่ทั้งในและต่างประเทศให้ลด ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรม ต่างๆ ในการประกอบธุรกิจด้วย

เพื่อรักษาความสามารถ

ในการแข่งขัน จึงท�าให้ SME ต่างพยายามปรับตัวให้เท่าทัน ต่อเทรนด์โลกโดยผนวกการประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์เข้าสู่ การด�าเนินธุรกิจ การพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ปริมาณคาร์บอนและก๊าซ เรือนกระจกนั้น

4 9 เดือนมิถุนายนในปีเดียวกัน ประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 150 ประเทศ ว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาได้ลงนามสัตยาบันในระหว่างการประชุมสหประชาชาติ
หรือ การประชุมสุดยอดของโลก (Earth Summit) และในการประชุมนี้เองที่น� า ไปสู่การประชุม COP หรือ การประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อบรรลุข้อตกลงในการ หลีกเลี่ยงผลกระทบอันเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับวิกฤติโลกร้อน ให้นานาประเทศเห็นพ้องต้องกันในการก�าหนดเป้าหมายของ อุณหภูมิโลก ที่จะกลายเป็นหลักยึดที่ด�าเนินขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละปี ส�าหรับประเทศไทย มีการส�ารวจพบว่าในปี ค.ศ. 2019 นั้น ได้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับที่ 20 ของโลก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 0.88% เมื่อพิจารณาบัญชีก๊าซเรือนกระจก ระดับประเทศ
จากรายงานความก้าวหน้าราย 2 ปี ฉบับที่ 4 (Biennial Update Report: BUR4) พบว่ามีปริมาณการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกโดยรวม 372,716.86 กิกะกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่า (GgCO2eq) (ไม่นับรวมภาคการใช้ประโยชน์ของ ที่ดินและป่าไม้) คิดเป็นสัดส่วนจากภาคพลังงานร้อยละ 69.96 ภาคการเกษตรร้อยละ 15.23 ภาคกระบวนการ อุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ร้อยละ 10.28 และภาค ของเสียร้อยละ 4.53 หากประเทศไทยต้องการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลาง ทางคาร์บอนได้ภายในระยะเวลาที่ก� า หนด จ� า เป็นต้องมี การสนับสนุนและผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ‘เอสเอ็มอี’ (SME) ซึ่งเป็นกลุ่มวิสาหกิจส่วนใหญ่ของประเทศมีจ�านวนทั้งสิ้นกว่า 3 ล้านราย และมีบทบาทส�าคัญ ในการสร้างความเจริญเติบโตให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวม
5.60 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 34.6 ของผลิตภัณฑ์รวมในประเทศทั้งหมด (Gross Domestic Product: GDP) ที่ได้รับผลกระทบจาก การด�าเนินงานเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ เช่นเดียวกัน อาทิ การออกมาตรการทางการค้าของสหภาพยุโรป (European Union: EU) อย่างมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อน ข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) เพื่อก� า หนดราคาสินค้าน� า เข้า บางประเภทป้องกันการน�าเข้าสินค้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง เข้ามาในกลุ่มประเทศสมาชิก EU กับการเรียกภาษีคาร์บอนข้ามแดนรวมไปถึงมาตรการที่เกี่ยวข้อง (Carbon Border Tax) อื่นๆ ท�าให้การผลิตของผู้ประกอบการในประเทศนั้นๆ มีค่าใช้จ่าย เพิ่มสูงขึ้นและเสียเปรียบประเทศที่ผลิตสินค้าโดยไม่เสียภาษี คาร์บอน
ไปยังประเทศในด้วยเหตุนี้ไม่เพียงแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ส่งออกสินค้า
มีรูปแบบที่ก�าหนดเอาไว้อย่างเป็นมาตรฐาน ที่ชัดเจน โดยการประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์องค์กร (Carbon Footprint of Organization: CFO) หรือปริมาณก๊าซเรือนกระจก (Green House Gases: GHGs) ซึ่งเกิดขึ้นจากกิจกรรมหรือการ และปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกไป ประเทศไทย ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2562 ภาคของเสีย 4. 53 % ภาคพลังงาน 69. 96 % ภาคการเกษตร 15. 23 % ภาคกระบวนการอุตสาหกรรม และการใช้ผลิตภัณฑ์ 10. 28 % หลักในการประเมินปริมาณคาร์บอน
EU

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรง (Scope 1: Direct Emissions from Sources) จากกิจกรรมต่างๆ

Indirect Emissions from Service)

(Scope 2:

Indirect Emissions from Energy or Utilities) หรือการ

ก๊าซเรือนกระจกในองค์กรร่วมกัน

และเสริมสร้างความเข้มแข็งผ่านการ บูรณาการจุดแข็งของแต่ละองค์กรที่อาจจะต่อยอดส่งเสริม หรือร่วมกันสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ให้เกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพและ ความพร้อมของบุคลากร อันน�าไปสู่การเป็น Green Talent ของ ประเทศและเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและ สนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลาง ทางคาร์บอน และการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

5 0
3 ขอบเขต ได้แก่
ที่องค์กร / เจ้าของเป็นผู้ควบคุม เช่น การใช้ก๊าซหุงต้ม การใช้น�้ามันรถยนต์ขององค์กร การใช้สารท�าความเย็นจาก ระบบปรับอากาศ เป็นต้น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม
ด�าเนินงานขององค์กร โดยวัดในหน่วยตันคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่า (tonCO 2 -eq) ในการประเมินมีขอบเขตการวัด (Scope)
น�าเข้าหรือซื้อพลังงานต่างๆ
ซึ่งมักจะเกิดจากการใช้ไฟฟ้า เป็นหลัก การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ (Scope 3:
เช่น การจัดการของเสีย การจัดซื้อวัสดุส�านักงาน การใช้น�้าประปา การเดินทางของ บุคลากร ทั้งนี้ การประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์นอกจากจะเป็นข้อมูล ส�าคัญในการวางแผนส�าหรับการลดการปล่อยคาร์บอนของธุรกิจ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจในการแข่งขันให้กับ SME พร้อมทั้งก้าวผ่านแรงกดดันจากมาตรการกีดกันทางการค้าแล้ว การประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์ยังช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงต้นทุน ทางการเงินสีเขียวได้มากขึ้น และช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี ให้กับธุรกิจ รวมทั้งสร้างความได้เปรียบจากเทรนด์การบริโภค สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการริเริ่มโครงการจัดตั้งสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน (Carbon Institute for Sustainability: CBiS) ขึ้น ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมูลนิธิ อรุณ สรเทศน์ เพื่อร่วมพัฒนาองค์ความรู้และสร้างนวัตกรรม ด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมกับสังคมไทย ในการขับเคลื่อนธุรกิจทุกระดับสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต�่ า โดยมุ่งให้ SME และธุรกิจทุกระดับมีความรู้และความเข้าใจ ถึงความส� า คัญของเทรนด์การด� า เนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ผ่านการวิเคราะห์
และความยั่งยืนขององค์กรตามหลัก ESG ที่จะแสดงให้เห็นถึง ความเสี่ยงและโอกาสที่อาจเกิดขึ้นกับองค์กร พร้อมทั้งเข้าถึง การประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กร เพื่อให้เกิด ความเข้าใจและหาแนวทางในการพัฒนาการบริหารจัดการ
การบริหารจัดการเพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินต์องค์กรและ สามารถต่อยอดไปสู่การด�าเนินการด้วยตัวเอง ท�าให้ธุรกิจ สามารถเดินหน้าต่อได้อย่างมั่นคง นอกจากนี้
เป็นแพลตฟอร์มกลางเพื่อช่วยผสานความร่วมมือระหว่าง SME และองค์กรต่างๆ
สถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน ได้จัดงานเปิดตัวไปเมื่อ วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2566 ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประกาศความร่วมมือในการด�าเนิน โครงการฯ กับหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ เช่น ส�านักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, องค์การบริหาร จัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน), การไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและ อนุรักษ์พลังงาน (พพ.), บริษัท DMG Events, Perpetual Innovation Co., Ltd. เป็นต้น รวมถึงได้ร่วมจัดนิทรรศการงาน ‘ Siam Discovery presents Earth Discovery’ No Pollution is the Solution ลดคาร์บอน ดีต่อเรา ดีต่อโลก เมื่อวันที่ 1-29 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ณ สยามดิสคัฟเวอรี และด�าเนินกิจกรรม ‘Designing Your Decarbonized Life’ เพื่อสร้างความเข้าใจถึงความส�าคัญ ของการลดคาร์บอนในชีวิตประจ�าวัน ร่วมสร้างสรรค์และระดม สมองเพื่อหาวิธีลดคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ทุกคนสามารถท� า ได้ ในทุกวัน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการขับเคลื่อน ของประเทศไทยมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างยั่งยืน โดย สถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน คาดหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าจะสามารถช่วยสนับสนุนให้ SME และธุรกิจทุกระดับ มี ‘ ความรู้และความเข้าใจ ’ ถึงความส� า คัญของเทรนด์ การด�าเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมทั้ง ‘เข้าถึง’ การประเมิน R&D Project Thesis Independent Study CFO Evaluation on the job training Green talents Country data & Decision support system สถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน
จัดอบรมด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก
น�าไปสู่การออกแบบแนวทาง
สถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน ยังท�าหน้าที่

การประเมิน CFO ร่วมกับองค์กร

ความเข้าใจและหาแนวทางในการพัฒนา

การต่อยอดนวัตกรรมในด้านต่างๆ รวมถึง การให้ค�าปรึกษาด้านการออกแบบกิจกรรม

ข้อมูลประกอบ Carbon Institute for Sustainability. (2023). แนวทางการประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์องค์กร (Carbon Footprint of Organization: CFO). (Online). Available : https://cbis.institute/2023/03/30/carbon_footprint_ organization Secretariat. (2021). Greenhouse Gas Emissions Calculator. (Onli ne). Available : https://unfccc.int/documents/271269?gclid=CjwK CAjwitShBhA6EiwAq3RqA1xCSEy-A_DvnQZRh1fKU5lqEg3-MD10r-mKD-pZrpOaxFZ3bvKmlBoCq9gQAvD_BwE Tara Bernoville. (2022). What are Scopes 1, 2 and 3 of Carbon Emissions?. (Online). Available : https://plana.earth/academy/what-are-scope-1-2-3-emissions

The Carbon trust. Briefing: What are Scope 3 emissions?. (Onlin e). Available : https://www.carbontrust.com/our-work-and-impac t /guides-reports-and-tools/briefing-what-are-scope-3-emissions

United States Environmental Protection Agency. (2022). GHG Inve ntory Development Process and Guidance. (Online). Available : https://www.epa.gov/climateleadership/ghg-inventory -development-process-and-guidance

World business council for Sustainable development and world resources institute. A Corporate Accounting and Reporting Standard (revised edition). (Online). Available : https://ghgprotocol.org/sites/default/files/standar ds/ghg-protocol-revised.pdf

World Resources Institute and World Business Council for Sustai nable Development. (2011). Corporate Value Chain (Scope 3) Accounting and Reporting Standard. (Online). Available : https: //ghgprotocol.org/sites/default/files/standards/ Corporate-Value-Chain-Accounting-Reporing-Standard_041613_2.pdf

กองบรรณาธิการ DXC Thai PBS. (2022) Carbon Neutrality กับ Net Zero Emissions แตกต่างกันอย่างไร. (Online) Available : ‘ Carbon neutrality กับ ‘ net zero emissions แตกต่างกันอย่างไร? - DXCThaiPBS ศูนย์พัฒนาการสื่อสารด้านภัยพิบัติ คาร์บอนฟุตพรินต์ และสามารถต่อยอดไปสู่ การด�าเนินการด้วยตัวเอง น�าไปสู่การลดสัดส่วน การปล่อยคาร์บอนซึ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้ภาค ธุรกิจปัจจุบัน โดยมีผู้เชี่ยวชาญของสถาบัน ร่วมให้ค�
ในประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการ ด�าเนินงานต่างๆ ประกอบด้วย การประเมินและอบรม โดยเป็น
เพื่อให้เกิด
การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกในองค์กร ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบแนวทาง การบริหารจัดการเพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินต์ องค์กร การวิเคราะห์องค์กรเบื้องต้น (Pre Analysis) ในมิติของการด� า เนินการด้าน ความยั่งยืนตามหลัก ESG ตลอดจนการขยายผล องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องไปสู่บุคลากรขององค์กร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียผ่านการจัดอบรม การให้ ค�าปรึกษาด้านนโยบายเพื่อสนับสนุนการบริหาร จัดการองค์กรตามหลัก ESG การต่อยอด องค์ความรู้ไปสู่การก� า หนดหรือวางแบบแผน นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน การวิจัยและพัฒนาโครงการ โดยต่อยอดการด� า เนินการด้านความยั่งยืน ด้วยการปิดช่องว่าง (Gap) ที่เกิดขึ้นในการ
ผ่านการเชื่อมโยง วิจัย และพัฒนา รวมถึง
CSR และ CSV การประชาสัมพันธ์และผลิตสื่อผ่าน ช่องทางต่างๆ โดยสถาบันฯ สามารถเป็นส่วนหนึ่ง ในการสื่อสาร (Communication) หรือสร้าง คอนเทนต์ที่เหมาะสมกับองค์กร ให้เป็นที่ยอมรับ ในระดับสากลผ่านการจัดท�าสื่อประชาสัมพันธ์ ในรูปแบบและช่องทางต่างๆ อย่างเหมาะสม
า แนะน� า และต่อยอดการ ‘พัฒนา’ เพื่อร่วมขับเคลื่อนให้เกิดเศรษฐกิจคาร์บอนต�่า
ขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน

ที่ 3M Hair Transplant by Masterpiece Hospital สิ่งที่ยาก ส� า หรับศูนย์หัตถการนี้คือ การ Maintain และท�าให้ Growth แต่ด้วยเป้าหมายและความพร้อม ชายหนุ่มใช้เวลาบริหารงาน

ก่อนโควิด-19 มีกำรคำดกำรณ์ว่ำ ตลำดศัลยกรรมควำมงำม

ยอมแพ้ ตรงกันข้ามเขากลับใช้มันเป็นโอกาสในการเรียนรู้และเริ่มต้นชีวิต

MASTER ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช

ถามว่าเขามองภาพอนาคตตัวเองไว้อย่างไร ซึ่งตรงนี้ Culture ของ MASTER ช่วยได้มาก องค์กรของเราเน้น

“สิ่งเหล่านี้ผมชื่นชมเพราะมีประโยชน์และสามารถเอามาใช้กับ

การท�างานและชีวิตชัดเจน”

5 3 “เรามีทีมงานปลูกผมที่เยอะกว่าที่อื่น และสามารถพัฒนาทีมของ ตัวเองขึ้นมาได้ ที่ส�าคัญคือมีทีมผู้ช่วยแพทย์ที่เก่ง นี่คือความยั่งยืน เพราะธุรกิจนี้ส�าคัญที่ทีมปลูกผม ส่วนหมอจะเป็นคนท�าและควบคุมคุณภาพ “ถ้าให้มองว่าความส� า เร็จของผมเกิดขึ้นจากอะไร หนึ่ง, คือ ความทุ่มเท ถ้าเราทุ่มเทและท�างานอย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่าเมื่อโอกาส มาถึงเราจะประสบความส�าเร็จ “สอง, ผมเชื่อในทีมเวิร์ก เราต้องพัฒนาทีม ถ้าทีมเก่ง ท�างานง่าย ท�างานคล่อง รับรองว่าประสบความส�าเร็จไม่ยาก ผมจึงเน้นที่การพัฒนา ทุกคนให้ได้ฝึกฝน เปิดโอกาสให้เขาแชร์และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
Soft Skills “อยู่ที่นี่ผมได้เรียนรู้วัฒนธรรมขององค์กรและอินไปกับมัน การใช้ Frame Work ที่ยากให้ง่ายโดยไม่รู้สึกฝืนและวัฒนธรรมองค์กรสามารถช่วยท�าทุกอย่าง จึงมีการฝึกใช้ไปเรื่อยๆ “ผมมองหมอเส (นพ.ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล) CEO MASTER กับคุณดาว (ลภัสรดา เลิศภานุโรจ) Vice CEO MASTER เป็น Role Model ทั้งสองท่านเหมือนกันในเรื่องความทุ่มเท หมอเสมีความคิดที่ หลายครั้งผมคาดไม่ถึง ซึ่งท�าให้เราต้องฝึกฝนในเรื่องความคิดนอกกรอบ ส่วนคุณดาว ผมชอบการวิเคราะห์และพุ่งชน การไปให้ถึงเป้าหมาย การบริหารจัดการงานที่ทะลักล้นเข้ามา แต่สามารถจบได้ที่คนคนเดียว
การท�างานของตัวเองได้ และยังท�าให้ผมเห็นภาพความส�าเร็จทั้งใน
ตัวเอง
ในปี 2563 จะมีมูลค่ำกว่ำ 4.5 หมื่นล้ำนบำท เเต่วิกฤติกำรณ์แพร่ระบำด ของโควิด-19 ที่ผ่ำนมำ ส่งผลให้ทุกธุรกิจ ได้รับผลกระทบอย่ำงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ตกอยู่ในภไม่เว้นแม้กลุ่มธุรกิจควำมงำม ำวะชะลอตัวเนื่องจำกปัจจัย ทำงเศรษฐกิจและก�ำลังซื้อที่ลดลง แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคที่
โรงพยาบาลศัลยกรรมความงามแบบครบวงจรชั้นน� า ของเมืองไทย ในต� า แหน่ง General Manager ศูนย์หัตถการปลูกผม ‘3M Hair Transplant by Masterpiece Hospital’ หลังเรียนจบจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เบน-ปิยะภัณฑ์ เริ่มต้นท�างานกับบริษัทยาข้ามชาติ และระหว่างนั้น เขาได้ศึกษาต่อในหลักสูตร MBA เพิ่มเติมที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้และมองหาโอกาสในการเป็นเจ้าของกิจการ โดยเปิดคลินิกความงามขึ้นที่พัทยาและลาว รวมถึงบริษัทสกินแคร์ ที่เหมือนจะไปได้สวยแต่กลับพบเจออุปสรรคจนต้องพับฐานลง ในที่สุด “3 พี่น้อง ผม พี่ชาย น้องชาย ต่างคนต่างท� า งานประจ� า มันยากที่จะหลุดออกมาจากตรงนั้น ไม่กล้าเดินออกมาจากคอมฟอร์ตโซนยากที่จะเอาตัวเองออกมาเสี่ยง
นั่นเป็น ความล้มเหลวที่ติดอยู่ภายในใจของเขา แต่เป็นความล้มเหลวในทาง ธุรกิจเท่านั้น ‘ล้มเหลวแค่ธุรกิจ แต่ชีวิตไม่ล้มเหลว’ เบนยืนยันด้วยน�้ าเสียง แน่นหนัก เขาถูกทาบทามให้เข้ามาร่วมงานกับโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ในฐานะ General Manager ศูนย์หัตถการดูดไขมัน (Lipo Masterpiece Hospital) และปัจจุบันดูแลรับผิดชอบศูนย์หัตถการปลูกผม (3M Hair Transplant by Masterpiece Hospital) “ยอมรับว่าการเริ่มต้นใหม่ในวงการศัลยกรรมความงาม ผมต้องปรับ ตัวเองเยอะมาก เราอยู่ในธุรกิจยามา 15 ปี ซึ่งถือว่านานมาก แล้วอยู่ดีๆ กระโดดมาที่อุตสาหกรรมทางการแพทย์และเป็นการท� า ศัลยกรรม ซึ่งค่อนข้างเป็นคนละแบบกันเลยครับ แต่โอเคว่ายังอยู่ในสายการแพทย์ ที่บางอย่างสามารถดัดแปลงและ
เบน-ปิยะภัณฑ์ โหวิไลลักษ์
การท� า งานใหม่กับ
ไม่กล้าที่จะยอมถอยหนึ่งก้าว เพื่อพุ่งกระโดดไปได้ไกลในฐานะเจ้าของกิจการ” แต่เมื่อมีเหตุให้บริษัทของครอบครัวเดินหน้าต่อไม่ได้
ประยุกต์ใช้ด้วยกันได้”
เพียงเดือนที่ 3 ก็สามารถเห็น ภาพส� า เร็จของหัตถการปลูกผม ได้ค่อนข้างชัด ปิยะภัณฑ์ โหวิไลลักษ์ ‘จุดหมำยมีไว้ พุ่งชน’ กำรเริ่มต้นใหม่ในวงกำรศัลยกรรมควำมงำม ผมต้องปรับตัวเองเยอะมำก เลิกงำน 5 ทุ่ม - เที่ยงคืน ตลอด 3- 4 เดือน ไม่เคยมีวันหยุด และท�ำงำนทุกวัน แบบยิงยำว

THAIFEX-HOREC Asia

ในแต่ละปี โดยไม่เว้นแม้ว่าจะมีสภาวะการแพร่ระบาดของ COVID-19

แมธเธียส คูเปอร์ gm club ขยับขยายพื้นที่จัดงานเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด ที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นเวลากว่า 20 ปีที่ทาง Koelnmesse และ DITP ได้ร่วมกัน จัดงาน THAIFEX-Anuga Asia งานแสดงอาหารและเครื่องดื่ม มีผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมเป็นจ� า นวนมาก แต่ทิศทาง การเติบโตและความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น ท�าให้ผู้จัดงาน พิจารณาความเป็นไปได้ที่จะขยายขอบเขตของการแสดงให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว “หลังจากการพัฒนางานมาอย่างยาวนาน ก็มาถึงจุดที่เรา ไม่สามารถขยายพื้นที่ในการจัดงานได้ จึงจ�าเป็นต้องดูว่าเราจะ สามารถเติบโตไปในทิศทางไหนได้ต่อ เพราะความต้องการของ ตลาดนั้นยังคงสูงมาก ในอุตสาหกรรมและเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายและแน่นอนว่าเราก็จับตาดูสิ่งที่เกิดขึ้น มีหลายสิ่ง หลายอย่างเกิดขึ้นในอุตสาหกรรม” แมธเธียสกล่าวให้ความเห็น แน่นอนว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ท�าให้เกิดการชะงัก ของการเติบโต แต่หลังจากวิกฤติผ่านพ้นไป ความพยายามที่จะ ชดเชยเวลาที่เสียไปจากผู้คนในอุตสาหกรรมก็มากเพียงพอที่จะ ท�าให้ทางผู้จัดมองเห็นความน่าจะเป็นส�าหรับการจัดงานที่ใหญ่ขึ้น “นี่จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่เราจะมีส่วนร่วมเล็กๆ น้อยๆ ในอุตสาหกรรมนี้ เราจึงมีแนวคิดในการจัดงาน THAIFEX: สุกฤษฏิ์ บูรณสรรค์ : พิชญุตม์ คชารักษ์ หากจะกล่าวกันถึงตลาดของผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นั่นคือ ‘
’ ซึ่งได้รับการจัดล�าดับ ให้อยู่ในแถวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าสินค้าบริโภคคือสิ่งจ�าเป็นและยิ่งทวีความส�าคัญตามก�าลังซื้อที่เพิ่มสูงขึ้น และหลังจากผ่านพ้นช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 มาเป็นเวลาหลายปี งานแสดงสินค้าเพื่อผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมภาคบริการ ‘THAIFEX-HOREC Asia’ ก็ถูกก�าหนดให้จัดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก พร้อมด้วยผู้ประกอบการที่น�าเสนอสินค้าและทิศทางของ ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างน่าสนใจ และเป็นหมุดหมายส�าคัญอย่างยิ่งส�าหรับการต่อยอด ภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต GM Magazine ได้รับเกียรติจาก แมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการและรองประธานภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก โคโลญเมสเซ่ หนึ่งในผู้จัดงานร่วมกับหอการค้าไทย และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ที่เป็นพ่องานหลักของ ‘THAIFEX-HOREC Asia’ ซึ่งจะมาพูดคุยถึงแนวคิด ทิศทาง และอนาคตของงาน ที่จะเกิดในเดือนมีนาคม 2024 ที่จะถึงนี้ งานแสดงสินค้า เพื่อผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาคบริการ แห่งภูมิภาคเอเชีย กับงาน
ตลาดผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม
trend biz คาดการณ์สภาวะ เศรษฐกิจโลก และ
ของปี 2023 ในช่วง ครึ่งหลัง
: Armchair Economist

จีนเพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีอย่างยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจ

5 7 ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี ที่จะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและบริการ อย่างมีนัยส�าคัญ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (TTB Analytics) ได้คาดการณ์ไว้ว่า ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มสูงขึ้น และรวดเร็วขึ้นอย่างก้าวกระโดดจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน ในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการอย่างมีนัยส�าคัญ โดยอาจ จะเป็นตัวเลขของการจ้างงานที่สูงถึง 18 ล้านคน ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาค ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้เข้ามาสนับสนุนในภาคการผลิต และภาคการบริการอย่างเห็นได้ชัด และเข้ามาทดแทนปัจจัย แรงงานที่จะถูกลดทอนบทบาทลงไปจากประสิทธิภาพและ ความแม่นย�าถูกต้องที่น้อยกว่า โดยมีการสรุปกลุ่มที่ได้รับ ผลกระทบเอาไว้ 3 กลุ่มใหญ่หลักด้วยกัน คือ 1. กลุ่มที่ได้รับผลกระทบสูง เช่น ภาคการบริการโรงแรมและร้านอาหารอุตสาหกรรมการศึกษา ที่มีจ� านวนรวมกว่า 3.9 ล้านคน 2. กลุ่มได้รับผลกระทบปานกลาง เช่น กลุ่มแรงงานที่ท�างานร่วมกับเครื่องจักรในภาคอุตสาหกรรม ที่มีจ�านวน สูงถึง 14.1 ล้านคน และแล้วปี 2023 ก็ได้เดินมาถึงครึ่งทางแล้ว จากการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของในขณะที่สภาพเศรษฐกิจกับการค้าของโลกหลังภาวการณ์ผ่อนคลาย COVID-19 ก็เริ่มฉายภาพให้เป็นที่ประจักษ์ ซึ่งมีทั้งเรื่องที่น่าสนใจ และสิ่งที่น่าประหวั่นวิตก เพียงพอที่จะต้องก้าวย่างอย่างระมัดระวังในอีกครึ่งหลังของปี และอาจจะรวมถึงช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 ที่ก�าลังจะมาถึงนี้อีกด้วย 3. กลุ่มได้รับผลกระทบต�่า เช่น กิจการอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร กลุ่มวิทยาศาสตร์ และเทคนิค และกลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพ ทาง TTB Analytics มองว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้ มีความเป็นไปได้ที่สูง แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการพัฒนา ศักยภาพบุคคลเพื่อปรับเปลี่ยนแรงงานธรรมดาให้เป็น แรงงานที่มีทักษะ (Skilled Labor) หรือไต่ระดับขึ้นไปสู่ระดับ ผู้เชี่ยวชาญ (Specialist) ที่สามารถใช้งานเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเน้นการพัฒนาบุคลากร ในสายวิชาชีพที่เทคโนโลยีไม่สามารถทดแทนได้ง่าย เพื่อรองรับกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น การฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน ผ่านภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกที่จะหนุนเศรษฐกิจไทย สาธารณรัฐประชาชนจีน คือหนึ่งในประเทศที่ได้รับ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างหนักหน่วง ในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา และเริ่มเปิดประเทศเมื่อช่วง ต้นปี 2023 ท�าให้ความต้องการสินค้าและการท่องเที่ยวของ
ภาคการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยวของไทยที่ยัง พึ่งพาจากประเทศจีนอยู่เป็นจ�านวนมาก

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี (TTB Analytics)

ได้คาดการณ์ถึงแรงส่งทางบวกของภาคเศรษฐกิจจีนที่มีต่อ ประเทศไทยเอาไว้เป็น 2 ส่วนหลักด้วยกัน คือ ภาคการท่องเที่ยว ในช่วงก่อนวิกฤติ COVID-19 จ� า นวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามายัง ประเทศไทยมีจ�านวนเฉลี่ยที่เดือนละ 9 แสนคน หรือคิดเป็น 10 ล้านคนต่อปี เป็นร้อยละ 28 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด สร้างรายได้ให้กับประเทศราว 528,000 ล้านบาทต่อปี กระนั้นแล้วการปิดประเทศและนโยบาย

จนเมื่อปลายปี 2022 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2023 สินค้าของจีนจากทั่วโลกกลับมาอยู่ในภาวะบวกที่ร้อยละตัวเลขน�าเข้า 5.6 และมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และมีการคาดการณ์ กันว่าจะทยอยปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีแนวโน้ม ที่จะพลิกกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 12.9 ในช่วงครึ่งหลังของปี

ทาง ทีทีบี ได้สรุปว่า แม้จะมีตัวแปรและปัจจัยปลีกย่อยใน 2 ภาคธุรกิจระหว่างประเทศจีนกับประเทศไทย แต่ก็เป็นไปใน ทิศทางบวก ฟื้นตัวกลับมาและเป็นแรงผลักที่จะเสริมโมเมนตัมภาคเศรษฐกิจให้ ไม่ใช่แค่เฉพาะไทยแต่รวมถึงเศรษฐกิจทั่วโลกอีกด้วย การผสานปัญญาประดิษฐ์ (AI), ข้อมูล และความเชี่ยวชาญเชิงลึกในอุตสาหกรรม(Data) เพื่อยกระดับการจัดการบริการด้านเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI และด้านข้อมูลข่าวสาร หรือ Data นั้น จะถูกยกระดับให้สูงขึ้น เมื่อผสานเข้ากับความเชี่ยวชาญเชิงลึก ในภาคอุตสาหกรรม โดยมีบริษัท Kyndryl โครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นหัวหอกส�ผู้ให้บริการด้านระบบ าคัญ ในฐานะผู้ให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานและบริการ การจัดการอันดับ 1 ของโลก Kyndryl ได้ผสานรวม / บูรณาการปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) เข้ากับระบบภารกิจหลัก (Mission-critical Systems) ที่จ�าเป็น ต่อการอยู่รอดขององค์กร นอกจากนี้ Kyndryl ยังได้น� า ความเชี่ยวชาญ รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา สิทธิบัตร ทักษะ และประสบการณ์เชิงลึกในอุตสาหกรรมเพื่อเร่งการส่งมอบ นวัตกรรมและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้า
Zero COVID ท�าให้ ตัวเลขเหล่านี้ในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่ลดลง การณ์ว่าเมื่อเปิดประเทศแล้วตัวเลขจะดีดกลับมาที่และคาด 5.3 ล้านคน และคิดเป็นรายได้เฉลี่ยที่ 446,000 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ ภาคสินค้าส่งออก ไทยเคยเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้า ไปยังจีนคิดเป็นอันดับ 2 รองจาก สหรัฐอเมริกา แต่มีการชะลอตัวลงจากนโยบายปิดประเทศ

แพลตฟอร์ม Kyndryl Bridge เปิดตัว

2022 โดยเป็นส่วนหนึ่ง

Three-A ของ Kyndryl โดยเป็นแพลตฟอร์มที่ได้พัฒนาขึ้น

ตลาดใหม่เพื่อพัฒนาและขายผลิตภัณฑ์ด้วยการประมวลผล จากข้อมูลจ�านวนมหาศาลของแพลตฟอร์ม 2 / พร้อมตอบสนองภัยคุกคามทางไซเบอร์และปฏิบัติตาม ข้อก�าหนดให้มากขึ้น : เพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน ด้านความปลอดภัยขององค์กรที่ใช้บริการ ตั้งแต่การรวมข้อมูลเพื่อป้องกันภัยคุกคาม ทางไซเบอร์ กระบวนการจัดการทางธุรกิจ ส� า หรับสถานการณ์ที่อาจจะเป็นอันตราย ต่อระบบ และพิจารณาการปฏิบัติตาม ข้อก� า หนดด้านข้อมูลในระดับท้องถิ่น (Local) และระดับโลก (Global)

3 / บรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ เป็นศูนย์ : ระบบอัจฉริยะด้านความยั่งยืนและ

Footprint) ที่ขับเคลื่อน ด้วย AI จะวัดการใช้พลังงานและข้อมูลการปล่อยมลพิษแบบ เรียลไทม์ เพื่อช่วยลูกค้าในการวิเคราะห์ จ�าลอง คาดการณ์ และ สร้างค�าแนะน�าที่น�าไปปฏิบัติได้จริงเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ การใช้พลังงานทั่วทั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ผสมผสานทั้งปัญญาประดิษฐ์การยกระดับภาคอุตสาหกรรมและการบริการด้วยการ

Kyndryl Bridge จะส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพและผลลัพธ์ในทางบวกได้อย่าง

ที่คาดหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อพลิกโฉมการด�าเนินงาน ทั้งนี้ การผสมผสานจะถูกด�าเนินการผ่าน Kyndryl Bridge แพลทฟอร์มบริการเทคโนโลยีบูรณาการแบบเปิดแห่งแรกของ อุตสาหกรรม เพื่อส่งมอบแนวทางใหม่ในการด�ที่ผสมผสานทุกความเชี่ยวชาญอย่างไร้รอยต่อ าเนินการระบบขององค์กรได้ อย่างมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง
ของความคิดริเริ่ม
หนึ่งในกลยุทธ์หลัก
จากความเชี่ยวชาญหลายทศวรรษของ บริษัทในการจัดการสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน และมีความส� า คัญต่อภารกิจหลักที่จ� า เป็นต่อการอยู่รอดของ องค์กร โดยมีสภาพแวดล้อมการด� า เนินงานในรูปแบบของ การบริการ (‘As-a-Service’) ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มส� า หรับ ซื้อขายของบนโลกออนไลน์ที่เจ้าของเป็นผู้ขายรายเดียว (Single Marketplace), และเครื่องวิเคราะห์ส่วนเฝ้าคุมหรือคอนโซลการจัดการการด�าเนินงาน AI และ Machine Learning (ML) ซึ่งมีการประมาณการกันว่า Kyndryl Bridge จะช่วยให้ ลูกค้ากลุ่มแรกลดค่าใช้จ่ายต่อปีได้มากกว่า 34,000 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงสามารถลดค่าใช้จ่าย 670 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีจาก การป้องกันสถานการณ์ไม่พึงประสงค์หลายพันสถานการณ์ก่อน ที่จะเกิดขึ้น และยังสามารถลดค่าใช้จ่าย 370 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี จากการลดช่วงระยะเวลาในการบ�ารุงรักษาซอฟต์แวร์ที่จ�าเป็น Kyndryl Bridge ตอลภายในสิ้นปีงบประมาณปัจจุบันพร้อมเปิดใช้งานบริการเต็มรูปแบบดิจิทัล (มีนาคม 2023) ที่ผ่านมา โดยมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการจะบรรลุอยู่ 3 ประการหลักด้วยกัน คือ 1 / บรรลุผลลัพธ์ด้วยการขับเคลื่อนของ AI : ให้ลูกค้าเพิ่มหลากหลายบริการที่จะปลดล็อกโอกาสทางธุรกิจ ลดความเสี่ยงด้านคุณภาพการผลิต รวมถึงระบุ
ในเดือนกันยายน
Advanced Delivery
เครื่องค�านวณคาร์บอนฟุตพรินต์
5 9
(Carbon
ฐานข้อมูล เชิงลึกที่สามารถปรับแต่งได้ของแพลตฟอร์มและความเชี่ยวชาญ
มีนัยส�าคัญยิ่ง

ก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาคนนี้คือ ‘ตัวจริง’ คือหัวหอกโครงการระเบิดปรมาณู คือผู้ที่ สร้างระเบิดท�าลายล้างฮิโรชิมาและนางาซากิ

ได้หยิบยกเอามา ถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ขนาดยาว (โคตร) ล�าดับที่ 12 ภายใต้ชื่อ ‘Oppenheimer’ Oppenheimer ผลงานการก�ากับของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ได้บอกเล่าถึงชีวิตของ

เจ. โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (น�าแสดง

โดย Cillian Murphy นักแสดงเจ้าบทบาท จากซีรีส์ Peaky Blinders) นักวิทยาศาสตร์ หัวหอกผู้ด�าเนินการโปรเจกต์ระเบิดปรมาณู

: Fullscape แต่ไหนแต่ไรมา เราได้เรียน รู้ในต�าราวิทยาศาสตร์ว่า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ คือผู้คิดค้นระเบิดปรมาณู ที่มากด้วยพลังท�าลายล้าง และเป็นสิ่งที่จบ สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่นั่นเป็นความเข้าใจ ที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน เพราะเขาเพียงแค่คิดค้น ทฤษฎี ‘สัมพัทธภาพ (Relativity)’ เกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ของมวล กับพลังงาน เป็นการค้นคว้า ทางวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ ขนานแท้ film Oppenheimer แต่กับชื่อของ เจ. โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (J.Robert Oppenheimer) นั้น กลับถูกมองข้าม ถ้าไม่ใช่คนที่ติดตามศึกษา ค้นคว้าประวัติศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์ หรือประวัติศาสตร์สงครามอย่างจริงจัง
จบสงครามโลกครั้งที่ 2 และช่วงชีวิตในเวลานั้นของเขา ก็สลับซับซ้อน เปี่ยมไปด้วยเรื่องราว ความขัดแย้ง จน คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้ก� า กับระดับขึ้นหิ้ง
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่ามกลาง ความตึงเครียดของสถานการณ์ที่แข่ง กับเวลา ก่อนที่กองทัพนาซีจะสร้างระเบิด ปรมาณูได้ส�าเร็จ และจุดโลกให้ลุกเป็นไฟ

สมาธิและการจดจ่อกับการรับชมในระดับเข้มข้นขีดสุด จนอาจ กลายเป็นยาขมส�าหรับใครก็ตามที่ไม่ถนัดหนังสายนี้ไปโดยปริยาย แต่ท้ายที่สุดนี้สิ่งที่ Oppenheimer และโนแลนท�าได้ส�าเร็จคือ การรจนาเรื่องราวของชายนักวิทยาศาสตร์ธรรมดาผู้หนึ่งที่ต้องมา รับบทบาทท้าทายขอบเขตแห่งการท�าลายล้างของพระผู้เป็นเจ้า แต่เขาก็ยังเป็นคน มีเลือดเนื้อ มีชีวิต มีจิตใจ มีความสงสัยต่อ แนวคิด เจตคติ การเมือง และประหวั่นถึงผลลัพธ์ที่

ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาคนนี้อาจ จะเป็นทั้งวีรบุรุษผู้จบสงครามโลก ครั้งที่ 2 เป็นฆาตกรที่ฆ่าล้าง เพื่อนมนุษย์ด้วยอาวุธที่ร้ายแรงที่สุด ที่มนุษยชาติจะคิดค้นได้ เขาอาจจะมี จุดยืนทางการเมืองเป็นที่ต้องสงสัย แต่เหนือสิ่งอื่นใดเขาคือหนึ่งในผู้ที่ ก�าหนดโลกแห่งศตวรรษที่ 20 และ 21 อย่างที่ไม่อาจหวนคืนย้อนกลับมา ส่วนเขาจะเป็น ‘ใคร’

แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นชีวิตของ ออปเพนไฮเมอร์ ในฐานะ ‘อาชญากรการเมือง’ ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าพัวพันกับลัทธิคอมมิวนิสต์ ในเวลาต่อมา บวกกับความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างเขากับภรรยา และชู้รัก ที่ซ่อนเงื่อนไม่แพ้ทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ที่ใช้สร้างระเบิด เลยแม้แต่นิดเดียว ในแง่งานภาพ Oppenheimer ยังคงเฉียบคมแทบจะทุกชอต ตลอดระยะเวลาของเรื่องราว ต้องมอบเครดิตให้กับ Hoyte Van Hoytema ผู้ก�ากับภาพคู่มือของโนแลน ที่ถ่ายทอดทุกช่วงเวลาชีวิตของ ออปเพนไฮเมอร์ ได้อย่างมีสีสัน ประกอบเข้ากับการร้อยเรียงเรื่องราว ในแบบกึ่งทริลเลอร์สายการเมือง ที่ถล่มหนักไม่ยั้งของตัวละครจริงใน ประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะนักการเมือง คนส�าคัญ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังหลาย ต่อหลายท่านที่ร่วมโปรเจกต์ และการ บอกกล่าวถึงทฤษฎีสัมพัทธภาพและ เทคนิคการสร้างระเบิดปรมาณูแบบลงลึก ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน แน่นอนว่าโนแลนคือนักก� า กับ เรื่องมือฉมัง นั่นท�าให้การติดตามเรื่องราว ตั้งแต่ต้นจนจบของชีวิตชายผู้สร้าง อาวุธมหาประลัยท�าลายล้างคนนี้ เป็นไป อย่างไม่น่าเบื่อ แต่ชวนน่าติดตาม และ แทบจะให้ Screen Time กับตัวละคร เกือบทุกตัวที่ผ่านเข้ามาในฉาก เป็นอีกขั้นของฝีมือที่โนแลน สามารถก้าวไปถึงและไปถึงได้อย่างน่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม Oppenheimer คือหนังยาว และเป็นหนัง ‘ เล่าเรื่องแบบไม่ล� า ดับเวลา ’ มีการใช้เทคนิคตัดสลับล� า ดับ เหตุการณ์แบบที่โนแลนเคยใช้งานมาแล้วกับภาพยนตร์อย่าง Memento หรือ Interstellar นั่นท�าให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เรียกร้อง
‘อาจจะ’ เกิดขึ้นหากอาวุธมหาประลัยชนิดนี้ถูกใช้ออกไป และในเรื่องจริง เขาก็เป็นประจักษ์ พยานถึงความร้ายกาจของมัน ‘ ข้าคือความตาย...ผู้ท� า ลาย ล้างโลก’ เจ. โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ ‘ร�าพัน’
ในความเข้าใจ ของผู้ชม ก็เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นหลังจาก ที่ 180 นาทีของภาพยนตร์ได้ปิดฉาก ลงไปแล้ว และนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ คริสโตเฟอร์ โนแลน สามารถท�าได้ในฐานะภาพยนตร์กึ่งสารคดี เรื่องหนึ่งแล้วละ 6 1

กำรสงครำมเพื่อแย่งชิงเครื่องเทศ บนดำวทะเลทรำยอำร์รำคิส

: Fullscape book (ส�ำนักพิมพ์ Beat / เขียน : แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต / แปล : ด ำ วิษ ช ำ ญชัยว ำ นิช) มหำศึกแห่ง Dune ถ้ำจะกล่ำวกันถึงสุดยอดนวนิยำยไซไฟ ในบรรณพิภพที่มีมำ ซึ่งเหล่ำนักอ่ำนต่ำงยกย่อง ให้เป็นหนึ่งแล้วนั้น ชื่อของซีรีส์ ‘Dune’ หรือ ‘มหำศึกแห่ง Dune’ คือหนังสือที่รั้งต�ำแหน่งดังกล่ำว อย่ำงไม่ต้องสงสัย กำรต่อสู้ของตระกูลอะเทรดีสกำรห�้ำหั่นทำงกำรเมือง
จุดเริ่มต้นอันพรึงเพริดไปด้วยจินตนำกำรอันสุดล�้ำ นับตั้งแต่กลำงทศวรรษที่ 60 ได้ครองใจนักอ่ำนจำกรุ่นสู่รุ่น

เดนีส์ วิลเนิฟ จะจบ แค่เพียง ‘ภาคแรก’ ในบทตอนที่

แต่การได้ปูพื้นฐานของหนึ่งในสุดยอดมหากาพย์จักรวาล ชิ้นส�าคัญของบรรณพิภพนี้ นอกจากความบันเทิงที่จะได้รับ ยังกระตุ้นความสนใจที่จะไปหาอ่านในอีก

หรือต่อให้คุณไม่อ่านอีก 5 เล่มที่เหลือ แค่ภาคแรก 2 เล่มนี้ก็เพียงพอจะให้คุณได้สนุกสนานกับนาฏกรรมแห่ง จักรวาลในแบบที่ยากจะมีเล่มไหนเสมอเหมือน

Ya Hya Chouhada!

และในวำระที่ภำพยนตร์ Dune ได้ถูกรังสรรค์โดยฝีมือของ เดนีส์ วิลเนิฟ ผู้ก�ำกับไซไฟยอดฝีมือ ที่พำร์ตแรก-ได้สร้ำงปรำกฏกำรณ์ครั้งส�ำคัญ และพำร์ต 2-ก�ำลังจะตำมมำในอีกไม่ช้ำ และแน่นอนในฐานะที่อ่าน ‘5 ภาคที่เหลือ’ ของ Dune ในแบบภาษาอังกฤษ มันคือสิ่งจ�าเป็น...เพราะจินตนาการของ
า ขึ้นไปอีก หลายต่อหลายชิ้น การวางพื้นหลังที่แข็งแรง ตัวละครที่ จับต้องได้ คืองานส�าคัญที่ไม่อาจมองข้ามไป ไม่แน่ใจว่าภาพยนตร์ในการก�ากับของ
5 เล่มที่เหลือ (ขอไม่นับ เล่มที่ลูกชายของ แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต เขียนต่อหลังเจ้าตัว มรณกรรมอีกหลายต่อหลายเล่ม เพราะมันคือการปู้ยี่ปู้ย� า หากินอย่างไร้ความเคารพและไร้ยางอายจนถึงที่สุด)
แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต จะยิ่งเพริศแพร้วและเหนือล�้
2 ที่จะเข้าฉายในโรงหรือไม่
(เหล่ำนักสู้ทั้งหลำยจงมีชัย!) ไปเถิด... เดินผ่ำนผืนทรำย สัมผัสฤทธำแห่งเครื่องเทศโอสถ ท้ำทำยไช-ฮูลูดหนอนยักษ์ แล้วใช้คริสไนฟ์ปักเข้ำใจกลำงอกอริศัตรู นี่คือประสบการณ์ที่รอคุณอยู่ใน Dune สองเล่มนี้ Dune หรือ ‘มหำศึกแห่ง Dune’ 2 เล่ม ด้วยการแปล โดย ด ำ วิษ ช ำ ญชัยว ำ นิช โดยส�านักพิมพ์ Beat จัดเป็น ครั้งที่ 2 ที่ประเทศไทยได้มีการแปลมหากาพย์จักรวาลเล่มนี้ ออกมา จากการโหมโรงปกรณัมอวกาศ เมื่อตระกูลอะเทรดีส ต้องเดินทางเข้าไปเป็นผู้ปกครองดาวอาร์ราคิส ที่มี ‘เครื่องเทศ’ เป็นสินทรัพย์อันมีค่ามหาศาล เป็นที่ต้องการของคนทุกผู้ใน จักรวาล เกมการเมือง การชิงอ�านาจ การหักเหลี่ยมเฉือนคม สงคราม ความเชื่อทางศาสนา จึงถูกหลอมรวมให้ พอล อะเทรดีส ได้ถือก�าเนิดขึ้นใหม่ในฐานะ ‘ผู้ปลดปล่อย’ ที่จะ น� า ฮาร์คอนเนนที่ท�พาชาวเฟรเมนพื้นเมืองให้หลุดพ้นจากแอกของตระกูล าลายล้างตระกูลอะเทรดีสจนย่อยยับ ความโดดเด่นอันเป็นเอกอุเฉพาะของ Dune ภาคแรกนี้ ไม่ได้มีแค่เพียงการด� า เนินเนื้อหาที่น่าสนใจ แต่ แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต ยังลงลึกไปถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับดาว อาร์ราคิสและจักรวาลในอนาคตอันไกลโพ้นเพื่อสร้าง Settings ที่จะกลายมาเป็นนวนิยายในอีก 5 ภาคที่เหลือ วิวัฒนาการ นิเวศวิทยา สังคมวิทยา ศาสนา ความเชื่อ การเมือง การปกครอง และการหักเหลี่ยมในเกมอ�านาจ คือสิ่งที่ถูกรจนา อย่างละเมียด เพื่อให้ดาวอาร์ราคิสกลายเป็นกระดานหมากแห่ง โชคชะตา ที่ผู้ครองดาวจะได้เป็นหนึ่งในใต้หล้า และเอื้อมคว้า จักรวาลมาไว้ในก�ามือ อันที่จริงจากประสบการณ์ที่เคยได้อ่านเวอร์ชันแปลรุ่นก่อน และเวอร์ชันในปัจจุบัน พบว่าในเวอร์ชันที่แปลใหม่นั้นมีความ ‘สะอาด’ ทางการเรียบเรียงเนื้อหาที่มากขึ้น แต่ขึ้นชื่อว่า Dune แล้วนั้น ไม่ใช่ไซไฟขนาดเบา แต่เป็นเนื้อหาขนาดหนักที่เต็ม ไปด้วยการบรรยาย เกริ่นน�า พรรณนาความ ที่อาจจะท�าให้ ผู้อ่านขมวดคิ้วไต่ถามในทุกๆ 5-6 หน้า ว่าจ�าเป็นต้องท�าละเอียด มากมายเช่นนี้ด้วยหรือ กำรกลับไปอ่ำนจุดเริ่มต้นของ ‘จักรวำลแห่ง Dune’ จึงเป็นสิ่งที่น่ำสนใจ และจะท�ำให้กำรรับชมภำพยนตร์มีอรรถรสมำกยิ่งขึ้น 6 3
: อภิรักษ์ หาญพิชิตวณิชย์ travel ( เกียวโต ) กับ ทะเล ป่าไม้ และภูเขา ผมเพิ่งกลับมาจากเกียวโตครับ แต่ทว่าเกียวโตในแบบที่ผมไปและอยากไปอาจจะไม่เหมือนหลายๆ ท่าน นั่นเป็นเพราะว่า ผมเคยมาเรียนที่นี่ช่วงเวลาหนึ่ง และมีโอกาสค้นหาสถานที่ต่างๆ ซึ่งซ่อนตัวอยู่โดยมีคนที่นี่ร่วมส�ารวจไปด้วยกัน เกียวโตในแบบผม ไม่ได้มีแค่วัด หรือศาลเจ้า ซึ่งเป็นมรดกโลกจนกล่าวได้ว่าต้องมาเท่านั้น แต่เมื่อย้อนไปในอดีตของอดีตเมืองหลวงแห่งนี้ มีหลายสิ่งที่ท�าให้รู้สึกว่าน่าย้อนเวลาไปเรียนรู้และสัมผัสกับสิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านทะเล สายน�้าแห่งภูเขา และแหล่งอาหารจากป่าอันอุดม

2 ชั้น ริมทะเล เรียงรายกว่า 100

หลังคาเรือน ซึ่งเป็นบ้านที่มีโครงสร้างลักษณะเฉพาะ

ถ้ามีคนชวนไปเที่ยวหมู่บ้านชาวประมง หลายคนก็อาจจะรู้สึกเฉยๆ หรือบางคนอาจจะ ไม่อยากไปด้วยซ�้ า แต่ถ้าหากน� า รูปให้เขาดูว่า นี่คือหมู่บ้านชาวประมงแห่งหนึ่งในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น หลายคนก็คงจะสนใจขึ้นมาทันที ว่าสถานที่อันเงียบสงบแสนสวยงามแห่งนี้ อยู่ตรงไหนและไปยากหรือไม่ 6 5 อิเนะ หมู่บ้าน ชาวประมง ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเกียวโต โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที หรือ 2 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเมื่อมาถึงแล้วคุณจะได้พบกับ ‘อ่าวอิเนะ’ ซึ่งเป็นบริเวณที่ท้องทะเลเงียบสงบ โดยมีบ้านไม้
เนื่องจากด้านบนเป็นที่พักและด้านล่างเป็นที่จอดเรือ หรือคนที่นี่เรียกว่า ‘ฟูนายะ’ ส�าหรับผมแล้ว เพราะนอกเหนือจากสิ่งที่เห็นแล้วนี่คือสถานที่ซึ่งผมตั้งใจมาจริงๆ ที่นี่...ไม่ได้มี

เคยเป็นเส้นทางขนส่งระหว่างเมืองเกียวโต กับเมืองโอซากา

ทรัพยากรท่องเที่ยวอื่นๆ ให้รู้สึกว่าคุ้มค่า กับการเดินทาง แต่ส�าหรับคนที่ชอบ เขาจะ บอกว่าถ้ามาที่ ‘เกียวโต’ หรือญี่ปุ่น ควรจะ มาที่นี่สักครั้งในชีวิต มาเพื่อ ‘หายใจ’ และ ‘ดูทะเล’ คาเมโอกะ และอดีตสายน�้า แห่งการค้า เชื่อว่าหลายคนเมื่อมาที่เกียวโตน่าจะเคยมาที่อาราชิยามา และน่าจะเคยไปสัมผัสบริเวณที่มีป่าไผ่เขียวขจี อันแสนงดงาม ที่ส�าคัญถ้าหากมาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ก็จะมีโอกาสได้เห็นสีสัน พรรณไม้ที่ตัดสลับ กับท้องฟ้าและสายน�้าอย่างไม่น่าเชื่อ ตรงนั้นเพียงไม่กี่สถานีซึ่งคุณอาจจะไม่ทราบว่าถัดมาจาก ก็สามารถที่จะร่วม กิจกรรมลงเรือพายขนาดใหญ่ในสายน�้าที่

ซึ่งนอกเหนือจากต�านานของเส้นทาง ที่ชาวเรือจะเล่าให้รับฟังแล้ว ยังจะเห็น ฝีไม้ลายมือในการบังคับเรือของพวกเขา ผ่านโขดหินอย่างน่าประทับใจ ที่ส�าคัญ ทิวทัศน์สองข้างทางนั้นมีสีแดงส้ม

ครับ...3 สถานที่นี้ คือสิ่งที่ผมอยากจะ เชิญชวนให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้บรรจุเอาไว้ ในรายการเดินทาง ส�าหรับใครที่อยากจะเปลี่ยน ตัวเองจากนักท่องเที่ยวแบบธรรมดามาเป็น นักเดินทางหรือนักส�

สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ผมคิดว่า ควรจะมาอย่างยิ่งก็คือหมู่บ้านหลังคาฟาง ‘คายาบูกิโนซาโตะ’ ซึ่งที่นี่ดูจากภายนอกแล้ว เหมือนไม่แตกต่างจากหมู่บ้านหลังคาฟาง ในแถบตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น 6 7 เพียงแต่ว่าที่นี่มี ‘เสน่ห์’ มากกว่า ตรงที่บ้าน ทุกหลังยังคงเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านอย่าง แท้จริง มีกลิ่นของการท�ากับข้าว มีการเดินออก มาทักทายกับผู้มาเยือน นอกจากนี้บางแห่ง ที่มีการปรับปรุงเป็นร้านค้าหรือบริการต่างๆ ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงหัวใจของการให้บริการ
ของความเป็นเจ้าของสถานที่อย่างลึกซึ้ง มากกว่าการเป็นพ่อค้าหรือแม่ค้าอาชีพ
า รวจที่ต้องการเข้าใจ วิถีชีวิตธรรมชาติและการซ่อนตัวของสิ่งงดงาม ในต่างแดน ไม่ควรพลาด ‘เกียวโต’ กับ ทะเล ป่าไม้ และภูเขา คายาบูกิโนซาโตะ
ที่เหมือนกับมีคนน� า เอาพู่กันมาสะบัดสี ให้ได้เห็น ซึ่งผมยืนยันได้เลยครับว่า ไม่ธรรมดาจริงๆ
เรียนรู้ชีวิตจาก
หมอมาญี่ปุ่นครั้งนี้นับว่าโชคดีที่ได้มีโอกาสสัมผัสการใช้ชีวิตในวัด
หรือที่เรียกกันว่า Shojin Ryori หมอขอบอกเลยว่า อาหาร Shojin Ryori นั้นรสชาติกลมกล่อม เรียกว่าอูมามิจริงๆ จากรสอร่อยตามธรรมชาติ โดยไม่ได้ปรุงแต่ง รสมากเหมือนอาหารทั่วไป อูมามิ รสแท้แห่งความอร่อยของชาวญี่ปุ่น เป็นที่ยอมรับกันว่าคนญี่ปุ่นพิถีพิถันกับเรื่องของอาหารมาก แม้กระทั่งอาหารของพระญี่ปุ่นโบราณ หรือ ‘Shojin Ryori ’ ซึ่งหนึ่งในหลักการของอาหารประเภทนี้คือ ปรุงให้รสชาติอร่อยกลมกล่อม ดังนั้น อูมามิจึงเป็นหนึ่งในวิถีชีวิต ของคนญี่ปุ่นมาช้านาน โดยผู้ที่บัญญัติค�าว่ารสชาติ ‘อูมามิ’ คือ นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นชื่ออาจารย์ Kikunae Ikeda ซึ่งได้ใช้ค�าว่า ‘อูมามิ’ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2451 หรือนานกว่า 100 ปีแล้ว ค�าว่า อูมามิ ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง ‘มีรสชาติอร่อย’ ซึ่งอาจารย์ Kikunae Ikeda ได้ค้นพบว่ารสชาติของซุปสาหร่ายคอมบุ ซึ่งเป็น น�้าซุปที่เป็นพื้นฐานของอาหารญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ โดยมีรสชาติที่แตกต่าง จากรสชาติพื้นฐานที่รู้จักกันในขณะนั้น คือ รสหวาน เปรี้ยว เค็ม ขม ซึ่งโดยหลักของ Shojin Ryori นั้น นอกจากเป็นอาหารที่ไม่มี เนื้อสัตว์และไม่มีผักซึ่งมีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียมและหอมแล้ว การปรุงรสอาหารก็ต้องปรุงด้วยความใส่ใจ
ของวัตถุดิบที่น�ามาประกอบอาหารอีกเลย โดยทุกส่วนต้องน�ามาใช้ ประโยชน์ ยกตัวอย่างเช่น เปลือกของหัวผักกาด ก็จะถูกน�ามาทอด หรือน�ามาท�าน�้าซุป ไม่มีการทิ้งเปล่าให้เสียของเด็ดขาด แต่ที่ตัวหมอเองให้ความส� า คัญและสนใจเป็นพิเศษคือ องค์ประกอบของอาหารแต่ละมื้อ เพราะอาหาร Shojin Ryori ยังประกอบด้วยหลัก 5 ประการของ 3 ข้อ คือ 5 สี 5 วิธีการปรุง และ 5 รสชาติ 5 สี คือ สีเขียว เหลือง แดง ด�า ขาว 5 วิธีการปรุง คือ ต้ม นึ่ง ย่าง ทอด และกินสดๆ 5 รสชาติ คือ หวาน เปรี้ยว เค็ม ขม และรสอร่อย หรือที่รู้จักกันในปัจจุบันว่า ‘รสอูมามิ’ นั่นเอง : แพทย์หญิงปิยะนุช รักพาณิชย์ เวชศาสตร์ฟื้นฟู / ผู้อำานวยการแพทย์ สวนสุขภาพอรุณสหคลินิก Umami Naturally
‘รสอูมามิ
รสอร่อยจากธรรมชาติ
ซึ่งนั่นก็รวมถึงการท�าอาหารและการกินอาหารแบบพระญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ
และไม่ให้เหลือเศษ
7 0 : อาจารย์ฐาปน อังกาบสี มนุษย์เรา ‘ความส�าเร็จ’ สิ้นสุดที่ตรงไหน ? ค�าถามที่ใครบ้างคิดจะถามตัวเอง กลับกันในทางตรงกันข้าม มนุษย์เราจะ ‘ล้มเหลว’ กันสักกี่ครั้งในชีวิต แน่นอนไม่ว่าจะเป็นความส�าเร็จหรือความล้มเหลว นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ ตราบใดที่ยังเป็น ‘มนุษย์’ คนหนึ่ง ทุกก้าวเดิน...ย่อมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป รวมไปถึงเวรกรรมบลาๆๆหลายครั้งคนเรามักจะโทษบาปบุญคุณโทษ ซึ่งใดๆ ล้วนแต่เป็นเพียงข้ออ้างแห่งประสบการณ์ชีวิตทั้งสิ้น ทั้งนี้ หากเรารู้จักหลัก ‘ปรัชญา’ ที่ว่า ชีวิตลิขิตโชคชะตาได้ ไม่ใช่แต่จะรอให้โชคชะตาลิขิตชีวิตเราไปวันๆ บทเรียนชีวิต...ที่มาของค�าตอบแห่งความส�าเร็จ ‘แซกี’ จากหลักปรัชญา

ท่ามกลางการพิสูจน์และตามหาความจริงแห่งชีวิต จะเรียกว่าสัจธรรม...ก็คงไม่ผิดเพี้ยนไป สิ่งหนึ่งที่ผม ไม่เคยลดละความพยายามในการค้นหาความจริงที่ว่า ‘เก่ง’ และ ‘ขยัน’ ย่อมท�าให้ประสบความส�าเร็จอย่างแน่นอน ตลอดช่วงชีวิตในวัยเรียนจนถึงวัยท� า งานตัวผมเอง

ความเก่งและความสามารถอาจไม่ตอบโจทย์ความส�าเร็จ ได้อีกต่อไป เมื่อโชคชะตาเล่นเกมชีวิตเข้าแล้ว

‘แซกี’ ศาสตร์เดียวในโลกที่เปลี่ยนชีวิตผมให้ดีขึ้นได้อย่างจริงจัง ‘ แซกี ’ คือหลักปรัชญาจีนโบราณที่เกี่ยวข้องกับ ศาสตร์แห่งพลังงานและธรรมชาติ โดยมีบันทึกว่าในอดีต จักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงก็ใช้ศาสตร์ ‘แซกี’ มาเปลี่ยน ชีวิตจากคนยากไร้ไปสู่การเป็นจอมจักรพรรดิได้ เรื่องราว ของกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิงทุกวันนี้ยังตั้งตระหง่านอยู่ ในสุสานคนเป็น ลองไปค้นหากันดูนะครับแล้วคุณจะเจอ

เมื่อพูดถึง ‘ปรัชญา’ นั่นหมายถึงหลักแห่งความรู้ และความจริง และเป็นหลักแห่งการแสวงหาความรู้ และความจริงด้วย ทั้งยังหมายรวมถึงหลักแห่งการค้นคว้า หาเหตุผล ความแท้จริงของสรรพสิ่งในโลก ซึ่งครอบคลุม ศาสตร์ทั้งปวง ปรัชญาจึงเปรียบเป็นความรู้แห่งสากลและจ� า เป็น กล่าวคือใช้ได้กับทุกวิชา ซึ่งไม่ต่างจากเรื่องราวของศาสตร์จีนโบราณและทุกวิชาต้องมีหลักปรัชญา อย่างเรื่องเล่า ของวันนี้จากผม ผู้ซึ่งไม่เคยย่อท้อต่อชีวิต และยังฝืน ดวงชะตาตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
พิชิตความส� า เร็จมามากมาย ทั้งเกียรตินิยม ต� า แหน่ง หน้าที่การงานที่เติบโตกว่าใครเพื่อน แต่แล้ววันหนึ่ง
‘ความส� า เร็จ’ กลายเป็น ‘ความล้มเหลว’ เพียงชั่วข้ามคืน คนหนึ่งที่หลายคนเรียกว่าสัมผัสและตรงกับค�าท�านายของผู้ชาย ‘อาจารย์’ ชีวิตที่ผกผันท�าให้ ความไม่เชื่อกลายเป็นความสงสัย นั่นแหละคือจุดเริ่มต้น ที่ท�าให้หนุ่มวัยท�างานคนหนึ่งที่ชื่อ ‘ฐาปน อังกาบสี ’ มีค�าน�าหน้าว่า ‘อาจารย์’ จนมาถึงทุกวันนี้ ใช่ครับ 16 ปีต่อมา เวลาเนิ่นนานขนาดนี้หล่อหลอมผม ในฐานะอาจารย์ฐาปน อังกาบสี ให้กลายเป็นคนที่ศรัทธา ในดวงชะตาไปได้ ที่ไม่เคยเชื่อหรือศรัทธามาก่อนใส่ความทุ่มเทเกินร้อยลงไปในเรื่อง นั่นคือเรื่องของ ‘ดวง’ ท่ามกลางความอยากรู้และเคลือบแคลงอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายสิ่งที่เรียกว่า ‘ดวงชะตา’ ถูกผ่านการท�านาย ทายทักอย่างแม่นย�าก็กลับยังไม่ตอบโจทย์ ว่าท�าไมคนเรา ถึงไม่ประสบความส�าเร็จเสียที เมื่อรู้ว่าดวงชะตาจะต้อง เปลี่ยนไปเช่นนั้น ท�าไมมนุษย์ถึงแก้ไขมันไม่ได้ หรือจะจริง ดังค�าที่ว่า ‘ชีวิตนั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตา ทุกอย่างถูกลิขิต ไว้หมดแล้ว’ ผมถอดใจไปแล้วกับเรื่องของ ‘ดวง’ แต่อยู่มาวันหนึ่ง จุดที่ตกต�่ า ที่สุดในชีวิต เงินทองมีติดตัวแบบไม่พอกิน ไม่พอใช้ แน่นอนหลายคนอาจโบกธงขาวยกมือยอมแพ้ ไปแล้ว แต่ในทางกลับกันผมกลับตามหาวิถีแห่งค�าตอบ ให้กับความล้มเหลวสุดๆ ของชีวิต เมื่อความเก่งและ ความสามารถของตัวเองไม่ได้น�าพา ‘ความส�าเร็จ’ มาสู่ ชีวิตเลย เมื่อไม่ยอมแพ้ก็ต้องตามหาค�าตอบกันต่อไป สิ่งที่เคย เรียนรู้จากครูบาอาจารย์มาตลอด 16 ปี ไม่ได้ช่วยท�าให้ชีวิต ดีขึ้น นั่นคือเหตุผลที่ท�าให้ต้องกลับมาคิดทบทวนดูใหม่ โดยผมลองปรับเปลี่ยนกระบวนความคิดจากวิชาและ องค์ความรู้ทั้งหมดที่ร�่าเรียนมา นั่นคือค�าตอบของ
ค�าตอบของ ‘แซกี’ เปลี่ยนชีวิตได้อย่างไร การเริ่มต้นจากค�าถาม น�ามาสู่ค�าตอบ และการทดลอง ท�า ‘แซกี’ ให้กับตนเอง นั่นท�าให้เป็นที่รู้จัก พร้อมทั้งได้รับ การบอกเล่าจากปากต่อปาก ในอดีตอาจเป็นความลับของ บรรดาเจ้าสัวหลายคน ก็สามารถเข้าถึงเรื่องราวแห่งการท�แต่ปัจจุบันคนธรรมดาอย่างเราๆ าแซกีนี้ได้เช่นกัน และนั่นถ้าคุณได้ไปเห็นป้ายชื่อที่หลุมแซกี แล้วคุณ จะรู้ว่า ‘ความลับแห่งความส�าเร็จ ’ นั้นมีค�าตอบและมี อยู่จริง
CSV 7 2 ส่งเสริมเด็กไทย ใส่ใจอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำาและสิ่งแวดล้อม : กรรฐา บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จ�ากัด ผู้ผลิตและจัดจ�ำหน่ ำ ยเครื่องดื่มภ ำ ยใต้แบรนด์สินค้ ำ ของ ซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย เดินหน้ำจัด ‘ค่ายเยาวชน รักษ์น�้า’ ภำยใต้โครงกำร ‘มิซุอิกุ’ ประจ�ำปี 2566 โดยมี แกนน�ำนักเรียนและตัวแทนคุณครูของโรงเรียนในจังหวัด เป้ำหมำย ได้แก่ จังหวัดสระบุรีและจังหวัดระยอง รวมทั้ง บุตรหลำนของพนักงำน ร่วมกิจกรรมสันทนำกำรสอดแทรก ควำมรู้เรื่องทรัพยำกรน�้ำและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วย คว ำ มสนุกสน ำ นรวมถึงได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบก ำ รณ์ กับเพื่อนต่ ำ งโรงเรียนตลอดระยะเวล ำ 3 วัน 2 คืน โดยกิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมคว ำ มรู้ ควำมเข้ำใจเรื่องทรัพยำกรน�้ำ อนุรักษ์น�้ำและร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อมตลอดจนปลูกฝังให้เยำวชน มุ่งเน้นพัฒน ำ และ ส่งเสริมศักยภำพของแกนน�ำนักเรียนเพื่อเตรียมควำมพร้อม ขยำยผล ‘ค่ายเยาวชนรักษ์น�้า’ สู่โรงเรียนผ่ำนกำรเรียนรู้ และลงมือปฏิบัติอย่ำงเป็นรูปธรรม ‘ ค่ายเยาวชนรักษ์น�้ า ’ จัดขึ้นที่ค่ ำ ยลูกเสือมวกเหล็ก แค้มป์ปิ้ง อ�ำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และค่ำยลูกเสือ กัญจณัช อ�ำเภอบ้ำนฉำง จังหวัดระยอง มีผู้เข้ำร่วมกิจกรรม ทั้งสิ้นกว่ ำ 300 คน ประกอบด้วยแกนน�ำนักเรียนระดับ ประถมศึกษำปีที่ 4-6 และตัวแทนคุณครูจำก 10 โรงเรียน ในแต่ละจังหวัดเป้ำหมำย รวมทั้งพนักงำนซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย พร้อมบุตรหลำน โดยในค่ำยฯ มีกิจกรรมกลุ่ม และเกมต่ำงๆ ที่น่ำสนใจมำกมำย อำทิ กำรส�ำรวจธรรมชำติ และก ำ รตรวจสอบคุณภ ำ พน�้ำ ก ำ รเล่นซุ้มเกมง ำ นวัดไทย ในกิจกรรม ‘มิซุแลนด์ ดินแดนรักษ์โลก’ กิจกรรมแม่น�้ำกรด กิจกรรมสถำนีเรียนรู้ โดยกรมทรัพยำกรน�้ำและกรมควบคุม มลพิษ กิจกรรมรอบกองไฟ และกิจกรรมเจำะลึก กำรเป็น ‘โรงเรียนต้นแบบรักษ์น�้า มิซุอิกุ’ เป็นต้น ซึ่งทุกๆ กิจกรรมได้รับกำรออกแบบให้สอดแทรก องค์ควำมรู้เรื่องน�้ำและสิ่งแวดล้อมในหลำกหลำย แง่มุม เพื่อให้แกนน�ำนักเรียนที่เข้ ำ ค่ ำ ยได้ตระหนักถึง คว ำ มส�ำคัญของทรัพย ำ กรธรรมช ำ ติ โดยเฉพ ำ ะอย่ ำ งยิ่ง ทรัพยำกรน�้ำ ดูแลสิ่งแวดล้อมเกิดแรงบันดำลใจในกำรมีส่วนร่วมอนุรักษ์น�้ำและ ที่ส�ำคัญสำมำรถกลับไปถ่ำยทอดองค์ควำมรู้ สู่เพื่อนๆ นักเรียนในโรงเรียนของตนเองต่อไป หลังจำกเสร็จสิ้น ‘ค่ายเยาวชนรักษ์น�้า’ แกนน�ำนักเรียน และตัวแทนคุณครูของโรงเรียนที่เข้ ำ ร่วมกิจกรรมจะน�ำ เงินทุนสนับสนุนที่ได้รับจำก ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ไปจัดกิจกรรม ‘ค่ายเยาวชนรักษ์น�้า’ ในรูปแบบที่เหมำะสม ของแต่ละโรงเรียนต่อไป เพื่อส่งต่อควำมรู้เรื่องควำมส�ำคัญ ของทรัพยำกรน�้ำและปลูกฝังกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรน�้ำให้แก่ นักเรียนในโรงเรียนของตน พร้อมทั้งเข้ำร่วมประกวด ‘โรงเรียน ต้นแบบรักษ์น�้ า มิซุอิกุ ’ โดยด�ำเนินโครงก ำ รอนุรักษ์ ทรัพย ำ กรน�้ำภ ำ ยในโรงเรียนให้ครอบคลุมทั้ง 4 ด้ ำ นต ำ ม หลักก ำ รที่โครงก ำ รก�ำหนด ซึ่งท้ำยที่สุดบริษัทและพันธมิตร จำกภำครัฐจะร่วมกันคัดเลือก 1 โรงเรียน ในแต่ละจังหวัด เป้ ำ หม ำ ยที่ด�ำเนินโครงก ำ รอนุรักษ์ทรัพย ำ กรน�้ำครอบคลุม ทั้ง 4 ด้ำน และเห็นผลเป็นรูปธรรมที่สุด ให้เป็น ‘โรงเรียน ต้นแบบรักษ์น�้ า มิซุอิกุ ’ โดยจะมีก ำ รพิจ ำ รณ ำ ตัดสินและ มอบรำงวัลภำยในสิ้นปีนี้ ‘ค่ายเยาวชนรักษ์น้ำา’ ภายใต้โครงการ มิซุอิกุ ปีที่ 5
7 3 ส�ำนักงำนส่งเสริมเศรษฐกิจสร้ำงสรรค์ (องค์กำรมหำชน) หรือ CEA หน่วยงำน เฉพำะด้ำนที่ท�ำหน้ำที่ส่งเสริมควำมคิดสร้ำงสรรค์ให้เป็นกลไกส�ำคัญในกำรขับเคลื่อน เศรษฐกิจสร้ำงสรรค์ เปิดตัว ‘รำงวัลควำมเป็นเลิศทำงควำมคิดสร้ำงสรรค์ (Creative Excellence Awards หรือ CE Awards)’ ครั้งแรกกับกำรมอบรำงวัลให้นักสร้ำงสรรค์ ตัวจริงในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมบุคคล ชุมชน ผู้ประกอบกำร หน่วยงำน องค์กร หรือสถำบันต่ำงๆ ที่สร้ำงสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือบริกำร เครื่องมือ หรือกระบวนกำร โดยน�ำควำมคิดสร้ำงสรรค์ (Creativity) มำประยุกต์ใช้ในกำรสร้ำงให้เกิดคุณค่ำ (Value Creation) ที่ก่อให้เกิดผลกระทบทำงด้ำนเศรษฐกิจ สังคมหรือสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอดไปสู่กำรเติบโตอย่ำงยั่งยืนของประเทศ โดยหลักเกณฑ์กำรตัดสินจะต้อง เป็นผลงำนที่คิดค้นโดยคนไทย หรือมีส่วนร่วมในกำรสร้ำงสรรค์ผลงำน และจะต้อง เป็นผลงำนใหม่
เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม นอกจำกนี้ผลงำนต้องไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ ศรศักดิ์ สมวัฒนำ ซีอีโอ เนอวำนำ ดีเวลลอปเม้นท์ เอ ำ ใจครอบครัวใหญ่ที่มองห ำ บ้ ำ นเดี่ยวระดับ อัลตรำลักชัวรี 2 หลังในบริเวณเดียวกัน เชื่อมต่อ ด้วยคอร์ตย ำ ร์ดและสระว่ ำ ยน�้ำ พื้นที่ส่วนกล ำ ง ของครอบครัวที่เป็นส่วนตัวสุดๆ เพื่อให้หล ำ ย เจเนอเรชันท�ำกิจกรรมสันทน ำ ก ำ รต่ ำ งๆ ร่วมกัน อย่ ำ งมีคว ำ มสุข และที่ส�ำคัญบ้ ำ นแบบมัลติ เจเนอเรชัน หรือ Family in Family Home นี้ ดีไซน์ทันสมัย มีให้เลือกสรรที่โครงก ำ รเนอว ำ น ำ คอลเลกชัน กรุงเทพกรีฑ ำ ท�ำเลศักยภ ำ พแห่ง ก ำ รอยู่อ ำ ศัยติดถนนใหญ่กรุงเทพกรีฑ ำ ตัดใหม่ เพียบพร้อมด้วยสิ่งอ�ำนวยควำมสะดวกต่ำงๆ และ คอมมูนิตีมอลล์ขน ำ ดใหญ่ด้ ำ นหน้ ำ โครงก ำ ร พร้อมกับ The Collection Club พื้นที่คลับเฮำส์ ส�ำหรับทุกคน พร้อมบริกำรส�ำหรับ กำรอยู่อำศัยพรีเมียมระดับ 5 ดำว เพื่อควำมสมบูรณ์แบบ ในกำรอยู่อำศัย รำคำเริ่มต้น 65-150 ล้ำนบำท U Drink i Drive เดินหน้าขยายธุรกิจ เคลียร์ขอพิพาทศาลยกฟ้องทุกข้อกล่าวหา ‘U Drink I Drive แอปดื่มไม่ขับ เพรำะมีคนขับรถให้’ เดินหน้ำปรับลุค จับมือพันธมิตรปรับโฉมแบรนด์ใหม่พร้อมเปิดตัวไตรมำส 4 ปีนี้ หลังยอดใช้บริกำร โตขึ้นกว่ำ 20% พร้อมอัปเดตกรณีฟ้องร้องล่ำสุดศำลตัดสินไม่มีควำมผิด โดย ปรำงค์-อภินรำ ศรีกำญจนำ และ พีท-จิร ำ ยุ พิริยะเมธ ำ ผู้ร่วมก่อตั้ง ประกำศควำมพร้อม เดินหน้ำควำมร่วมมือ กับพันธมิตรใหม่โดยระบุว่ำ ถือเป็นก้ำวที่ ส�ำคัญของกำรสร้ำงควำมแข็งแกร่งให้กับ ธุรกิจ U Drink I Drive พร้อมเดินหน้ำขยำย ฐำนลูกค้ำ และสร้ำง Synergy ระหว่ำงกัน ซึ่งคว ำ มส�ำเร็จในครั้งนี้เกิดขึ้นจ ำ ก รำยได้จำกกำรบริกำรที่ฟื้นตัวอย่ำงรวดเร็ว และมีผลตอบรับจำกลูกค้ำกลุ่มที่ใช้ประจ�ำเป็นอย่ำงดี ที่ยังคงไว้ใจทั้งในด้ำน คุณภำพ ควำมปลอดภัย และรำคำที่เหมำะสม จึงถือเป็นโอกำสที่ดีในกำรรุกธุรกิจ สู่ตลำด Segment ใหม่ เน้นกลุ่มลูกค้ำองค์กร และลูกค้ำต่ำงชำติ FPT โชว์ผลประกอบการไตรมาส 3/2566 โกยรายได้แตะ 4,500 ล้านบาท บ้านเดี่ยวระดับบนผลตอบรับดี โรงงาน-คลังสินค้า-อาคารสำานักงานมีอัตราการเช่าสูง news & news บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จ�ำกัด (มหำชน) หรือ ‘FPT’ ผู้น�ำอสังหำริมทรัพย์ครบวงจรรำยแรกของประเทศไทย กำงผลประกอบกำรไตรมำส 3 (เม.ย.-มิ.ย. 66) มีรำยได้ 4,468 ล้ำนบำท ก�ำไรสุทธิ 396 ล้ำนบำท หลังธุรกิจที่อยู่อำศัย ได้รับแรงตอบรับดี
ด้ำนธุรกิจอุตสำหกรรม-พำณิชยกรรมมีรำยได้จำกค่ำเช่ำ และค่ำบริกำรเติบโตสูง
กำรลงทุนมำไทย รวมถึงกำรท่องเที่ยวที่ขยำยตัวเต็มที่ ส่วนผลประกอบกำร 9 เดือน (ต.ค. 65-มิ.ย. 66) สำมำรถท�ำ รำยได้ 11,598 ล้ำนบำท และก�ำไรสุทธิ 1,031 ล้ำนบำท เนอวานา เอาใจครอบครัวใหญ่ เปิดตัวแบบบ้าน Family i n Family Home สำ า นักงานส่งเสริม เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เปิดตัวรางวัล Crea T ive e x C ellen C e a war D s หนุนศักยภาพ นักสร้างสรรค์ไทย
(1-3 ปี) และก่อให้เกิดผลกระทบในเชิงบวกในสังคม
โดยเฉพำะบ้ำนเดี่ยวเซกเมนต์ระดับบน
รับอำนิสงส์กำรย้ำยและขยำยฐำน
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.