งานวิจัยศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัย docx

Page 1

1


2

รายงาน งานวิจยั และวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวกับศิลปะสาหรับเด็กปฐมวัย

เสนอ อาจารย์ กรณิ ศ ทองสอาด

จัดทาโดย นาย ศรราม อ่อนตีบ นางสาว วิณีพร เนาว์สุวรรร

ตอนเรี ยน UB รหัสนักศึกษา 55503200061 ตอนเรี ยน UB รหัสนักศึกษา 55503200072

นางสาว เพ็ญพิริยะ นวลละออ ตอนเรี ยน UB รหัสนักศึกษา 55503200080 นางสาว จุฑารัตน์ ผ่องกาย

ตอนเรี ยน UB รหัสนักศึกษา 55503200083

นาย สหรัฐ สว่างอารมณ์

ตอนเรี ยน UB รหัสนักศึกษา 55503200099

รายงานนี้เป็ นส่วนหนึ่งของวิชา 1072403 ศิลปะสาหรับครู ปฐมวัย คณะครุ ศาตร์ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ศูนการศึกษานอกที่ต้งั จังหวัดสุพรรรบุรี


3

คานา ศิลปะสาหรับครู ปฐมวัยโดยมี จุดประสงค์เพื่อศึกษา สรุ ปและวิเคราะห์งานวิจยั ซึ่ ง รายงานนี้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับ งานวิจยั และวิทยานิ พนธ์ที่เกี่ยวกับศิลปะปฐมวัย การศึกษาครั้งนี้ มี การรายงานเล่มนี้ เป็ นงานที่ ตอ้ งอาศัยการค้น คว้า หาข้อมูล และความร่ วมมื อของสมาชิ ก ภายในกลุ่ม เพื่อให้ได้มาซึ่ งรายงานที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการของรายงานนี้ เป็ นส่ วน หนึ่ งของวิชา 1072403 ค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลทางสื่ อต่างๆ เช่ น หนังสื อ ผูเ้ ชี่ ยวชาญ และ เทคโนโลยีในการทารายงานของข้าพเจ้าจัดว่าประสบผลสาเร็ จอย่างหนึ่ งทาให้ได้รู้ว่า การทา วิจยั เกี่ยวกับศิลปะต้องมีกระบวนการคิดที่หลากหลายรู ปแบบเพื่อที่จะส่ งเสริ มพัฒนาการของ เด็กอนุ บาลให้ครบทุกด้าน อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าหวังว่ารายงานเล่มนี้ จะก่อประโยชน์ให้แก่ ผูอ้ ่านไม่มากก็นอ้ ย สุดท้ายนี้ การทารายงานของข้าพเจ้า จะสาเร็จลุล่วงไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับความแนะนาของ ผูป้ กครอง อาจารย์ กรณิ ศ ทองสอาด เพื่อนๆ และคนรอบข้าง จึงขอขอบคุณ มา ณ ที่น้ ีดว้ ย คณะผูจ้ ดั ทา


4

สารบัญ เรื่อง

หน้ า

1 การนาเสนอแนวทางในการจัดกิจกรรมการปั้นเพือ่ ส่ งเสริมพัฒนาการทางศิลปะ

5-7

สาหรับเด็กปฐมวัย 2 การศึกษาบทบาทของครู ในการจัดประสบการณ์ ศลิปะสาหรับเด็กวัยอนุบาล

8 - 10

โรงเรียนสั งกัดสานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสุ พรรณบุรีเขต 3 อาเภอเดิมบางนางบวช 3 การศึกษาการจัดสิ่ งแวดล้อมสาหรับกิจกรรมสร้ างสรรค์ ศิลปศึกษาระดับอนุบาล

11 - 12

ในโรงเรียนสั งกัดสานักบริหารงานคณะกรรมการส่ งเสริมการศึกษาเอกชนในกรุงเทพมหานคร 4 การศึกษาการใช้ วสั ดุธรรมชาติในการจัดกิจกรรมศิลปะสาหรับเด็กปฐมวัย

13 - 14

ในกรุงเทพมหานคร 5 ผลการจัดประสบการณ์ ศิลปศึกษาเพือ่ ส่ งเสริมการเรียนรู้ ทางศิลปะสาหรับเด็กอนุบาล บรรณาณุกรม

15 – 17 18


5

การนาเสนอแนวทางในการจัดกิจกรรมการปั้นเพือ่ ส่ งเสริมพัฒนาการทางศิลปะสาหรับเด็ก ปฐมวัย ผูแ้ ต่ง ไข่มุก พงศ์สถาพ ปี ที่ทาการวิจยั 2555 นิสิตมหาบัณฑิตสาขาวิชาศิลปศึกษา ภาควิชาศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์ ศึกษา คณะครุ ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทคัดย่อ 1. คาถามวิจัย ไม่ระบุ 2. วัตถุประสงค์ 2.1 เพื่อศึกษาความคิดเห็นของครู ปฐมวัยที่มีต่อการจัดกิจกรรมการปั้ นเพื่อส่ งเสริ มพัฒนาการทาง ศิลปะ สาหรับเด็กปฐมวัย 2.2 เพื่อนาเสนอแนวทางในการจัดกิจกรรมการปั้ นเพื่อส่ งเสริ มพัฒนาการทางศิลปะสาหรับเด็กปฐมวัย 3.วิธีดาเนินการวิจัย การกาหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในงานวิจยั ครู ปฐมวัยในโรงเรี ยนที่มีการเปิ ดสอน ระดับอนุบาลชั้นปี ที่ 1-3 สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน ที่จดั การเรี ยนการสอนตามหลักสู ตร การศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2546 ในกรุ งเทพมหานคร จานวน 650 โรงเรี ยน และผูเ้ ชี่ยวชาญ/นักวิชาการทางด้าน ศิลปศึกษาหรื อ ด้านการศึกษาปฐมวัย หรื อครู /อาจารย์ที่สอนวิชาศิลปศึกษาในระดับปฐมวัย กาหนดกลุ่มตัวอย่างโดย ใช้วธิ ี การสุ่ มแบบง่าย และการเลือกแบบเจาะจง ดังต่อไปนี้ 1. ครู ปฐมวัย ต้องมีประสบการณ์ในการจัดกิจกรรมการปั้ นจานวน 250 คน 2. ผูเ้ ชี่ยวชาญ/นักวิชาการทางด้านศิลปศึกษาหรื อด้านการศึกษาปฐมวัยหรื อครู ที่สอนวิชาศิลปศึกษา ใน ระดับอนุบาลที่มีส่วนร่ วมในการจัดกิจกรรมการปั้ นเป็ นระยะเวลา 10 ปี จานวน 10 คน 4.เครื่องมือทีใ่ ช้ ในการวิจัย เครื่องมือทีใ่ ช้ ในการวิจัย ประกอบด้วยดังนี้ 4.1 แบบสอบถาม (สาหรับครู ปฐมวัย) แบบสอบถามแบ่งออกเป็ น 4 ตอน คือ ตอนที่ 1 ข้อมูลทัว่ ไป ของ ผูต้ อบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 เกี่ยวกับความสนใจและประสบการณ์การจัดกิจกรรมการปั้ น ตอนที่ 3 ความคิดเห็นต้อ การจัดกิจกรรมการปั้ นในปั จจุบนั ตอนที่ 4 ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ปั ญหาที่พบและ สิ่ งที่ควรปรับปรุ ง ในการ จัดกิจกรรมการปั้ นเพื่อส่ งเสริ มพัฒนาการทางศิลปะสาหรับเด็กปฐมวัย


6

4.2 แบบสัมภาษณ์ (สาหรับผูเ้ ชี่ยวชาญ/นักวิชาการ) แบบสัมภาษณ์แบ่งออกเป็ น 2 ตอน คือ ตอนที่ 1 ข้อมูล เกี่ยวกับสถานภาพทัว่ ไป ตอนที่ 2 ข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพปั จจุบนั ปั ญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะใน การจัดกิจกรรมการปั้ น ในด้านวิธีการจัดกิจกรรมการปั้ น สื่ อวัสดุอุปกรณ์ และบทบาทของครู ในการจัดกิจกรรมการ ปั้ น เพื่อใช้เป็ นแนวทางในการจัดกิจกรรมการปั้ นเพื่อพัฒนาการทางศิลปะสาหรับเด็กปฐมวัย 4.3 แบบสังเกตการจัดกิจกรรมการปั้ น แบ่งประเด็นการสังเกตเป็ น 2 ตอน คือ ตอนที่ 1 ข้อมูลเกี่ยวกับ สถานภาพทัว่ ไป ตอนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดสภาพแวดล้อมในห้องเรี ยน ด้านวิธีการจัดกิจกรรมการปั้ น และสื่ อ วัสดุอุปกรณ์ในการจัดกิจกรรมการปั้ น 5.การเก็บรวบรวมข้ อมูล สาหรับแบบสอบถาม ผูว้ จิ ยั ทาการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองส่ วนหนึ่ง และอีกส่ วนหนึ่งให้ส่งคืน ทาง ไปรษณี ย ์ ส่ วนแบบสัมภาษณ์ และแบบสังเกต ผูว้ จิ ยั ทาการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง 6.การวิเคราะห์ ข้อมูล วิเคราะห์ขอ้ มูลจากแบบสอบถามโดยการหาร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต และส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ นาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลในรู ปตารางประกอบความเรี ยง และวิเคราะห์ขอ้ มูลจากแบบสัมภาษณ์ และแบบ สังเกตโดยการหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ วิเคราะห์เนื้ อหา และนาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลในรู ป ตารางประกอบ ความเรี ยง 7.ผลการทาวิจัย ผลการศึกษาพบว่า 1.ครู ปฐมวัยมีแนวโน้มในการจัดกิจกรรมการปั้ นสาหรับเด็กปฐมวัยในอนาคตมากที่สุด (X=4.26) โดยสนใจ การจัดกิจกรรมการปั้ นที่แปลกใหม่(X=4.37)ผูเ้ ชี่ยวชาญ/นักวิชาการมีความคิดเห็นว่า ควรจะ บูรณาการกิจกรรมการปั้ นเข้า กับวิชาอื่นๆ/กิจกรรมประกอบอาหาร และจัดกิจกรรมให้เด็กได้เรี ยนรู ้จากการสร้าง วัสดุในงานปั้ นด้วยตนเอง (ร้อยละ 50) จากการสังเกตเพิม่ เติม คือ วิธีที่ครู สอนมีผลต่อความสนใจของเด็กเป็ นอย่าง มาก (ร้อยละ 60) 2.แนวทางในการจัดกิจกรรมการปั้ น สามารถแบ่งออกเป็ น 3ประเด็นคือ ก) แนวทางในการจัด กิจกรรมการปั้ นโดยบูรณาการ กับวิชาอื่นๆ ได้แก่ คณิ ตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม ภาษา และดนตรี เป็ นต้น ข) แนวทางในการจัดกิจกรรมปั้ นโดยการให้เด็ก สามารถสร้างวัสดุข้ ึนเองเพื่อนามาใช้สาหรับงานปั้ นและ ค) แนวทาง ในการจัดกิจกรรมการปั้ นโดยใช้วสั ดุที่สามารถรับประทาน ได้ ภายใต้องค์ประกอบของการจัดกิจกรรมการปั้ นทั้ง 5 ด้านที่สอดคล้องกัน คือ ด้านวัตถุประสงค์ ด้านเนื้อหา ด้านวิธีการ ด้านวัสดุ และด้านการประเมินผล


7

ข้ อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่ อไป 1. ควรมีการศึกษาวิจยั เกี่ยวกับการนาวัสดุที่หลากหลายมาใช้ในการทากิจกรรมการปั้ น เพื่อพัฒนาการทาง ศิลปะสาหรับเด็กปฐมวัย และเพื่อเป็ นข้อมูลพื้นฐานในการสนับสนุนการทาวิจยั ครั้งต่อไป 2. ควรมีการวิจยั เกี่ยวกับรู ปแบบการอบรมเชิงปฏิบตั ิการและคู่มือหรื อหนังสื อทางด้านการปั้ น เพื่อให้ ครู ปฐมวัยมีความรู ้และความชานาญในการจัดกิจกรรมการปั้ นสาหรับเด็กปฐมวัยมากยิง่ ขึ้น


8

การศึกษาบทบาทของครู ในการจัดประสบการณ์ ศลิปะสา หรับเด็กวัยอนุบาล โรงเรียนสั งกัด สานักงาน เขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสุ พรรณบุรีเขต 3 อาเภอเดิมบางนางบวช ผูแ้ ต่ง นางสาวลูกแก้ว มุกดา ปี ทีทาการวิจยั 2555 นิสิตมหาบัณฑิตสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย ภาควิชา หลักสู ตรและการสอน คณะครุ ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทคัดย่อ 1. คาถามวิจัย ไม่ระบุ 2. วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาบทบาทของครู ในการจัดประสบการณ์ศิลปะสาหรับเด็กวัยอนุบาล ในโรงเรี ยนสังกัด สานักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุ พรรณบุรีเขต 3 อาเภอเดิมบางนางบวช ใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการเป็ นแบบอย่าง ด้านการจัดกิจกรรม และด้านการจัดสภาพแวดล้อม 3.วิธีการดาเนินงานวิจัย 3.1 การศึกษาเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องผูว้ จิ ยั ศึกษา ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลจากตารา เอกสาร บทความ วารสาร หนังสื อ และงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องกับแนวคิด หลักการเกี่ยวกับการจัดประสบการณ์ศิลปะสาหรับเด็ก วัยอนุบาล บทบาทครู ในการจัด ประสบการณ์ศิลปะเพื่อกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั 3.2 การกาหนดประชากร 1 ประชากรที่ใช้ในการวิจยั คือ ครู ประจ าชั้นอนุบาลปี ที่ 1-2 ในโรงเรี ยนสังกัดสานักงานเขต พื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสุ พรรณบุรีเขต 3 อาเภอเดิมบางนางบวช ที่สอนในภาคการศึกษาต้น ปี การศึกษา 2554 จานวน 53 คน โดยผูว้ จิ ยั ศึกษาประชากรทั้งหมด 2 ผูใ้ ห้ขอ้ มูลในการสังเกต คือ ครู ช้ นั อนุบาลปี ที่ 1-2 ในโรงเรี ยนสังกัดสานักงานเขตพื้นที่ การศึกษา ประถมศึกษาสุ พรรณบุรีเขต 3 อาเภอเดิมบางนางบวช จานวน 5 คน โดยใช้การสุ่ มแบบ หลายขั้นตอน ได้แก่ การ สุ่ มแบบแบ่งกลุ่ม โดยสุ่ มมา 5 ตาบล จากจานวนทั้งสิ้ น 14 ตาบล ด้วยวิธีการจับสลาก จากนั้นสุ่ มโรงเรี ยน โดยสุ่ ม ตาบลละ 1 โรงเรี ยน รวม 5 โรงเรี ยน ด้วยวิธีการจับสลาก แล้วจึงสุ่ มครู อนุบาล โรงเรี ยนละ 1 คน รวม 5 คน ด้วยการ จับสลาก 4. เครื่องมือทีใ่ ช้ ในการวิจัย แบบสอบถามและแบบสังเกต วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยการแจกแจงความถี่ หาค่าร้อยละ และวิเคราะห์เนื้อหา


9

5. การเก็บรวบรวมข้ อมูล ผูว้ ิจยั ดาเนินการเก็บข้อมูลดังนี้ 5.1 แบบสอบถาม ผูว้ จิ ยั ส่ งแบบสอบถามและรายละเอียดระยะเวลาในการเก็บแบบสอบถาม พร้อมกับ หนังสื อของความร่ วมมือในการเก็บข้อมูลจากบัณฑิตศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงสานักงาน เขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาสุ พรรณบุรีเขต 3 และเก็บรวบรวมแบบสอบถามคืนตามระยะเวลาที่ก าหนด ด้วยตนเอง ได้ แบบสอบถามกลับคืนจ านวน 51 ฉบับ คิดเป็ นร้อยละ 96.2 5.2 แบบสังเกต ผูว้ จิ ยั ติดต่อประสานงานกับผูบ้ ริ หารโรงเรี ยนที่เป็ นกลุ่มผูใ้ ห้ขอ้ มูลในการสังเกต เพื่อขอ อนุญาตเข้าพื้นที่โรงเรี ยนในการทาแบบสังเกต และนัดหมาย วัน เวลา กับครู อนุบาลที่เป็ นผูใ้ ห้ขอ้ มูล และนาหนังสื อ ขอความร่ วมมือในการเก็บข้อมูลจากบัณฑิตศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปมอบให้กบั ผูบ้ ริ หารโรงเรี ยนในวันที่ ผูว้ จิ ยั เข้าไปสังเกตในวันเวลาที่ได้นดั หมายไว้ล่วงหน้า โดยผูว้ จิ ยั เป็ นผูส้ ังเกตและ บันทึกข้อมูลในการสังเกตครู จานวน 5 คน คนละ 1 ครั้ง ด้วยตนเอง 6. การวิเคราะห์ และนาเสนอข้ อมูล ผูว้ จิ ยั วิเคราะห์และนาเสนอดังนี้ 6.1 ข้อมูลจากแบบสอบถาม ตอนที่ 1 ข้อมูลทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม โดยใช้สถิติเชิงบรรยาย ด้วยการแจกแจงความถี่ และหาค่าร้อยละ นาเสนอในรู ปแบบตารางประกอบความเรี ยง ตอนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทครู ในการจัดประสบการณ์ศิลปะสาหรับเด็กวัยอนุบาลวิเคราะห์ โดยใช้สถิติ เชิงบรรยาย ด้วยการแจกแจงความถี่ หาค่าร้อยละ และใช้การวิเคราะห์เนื้ หาเพื่อจัดกลุ่มข้อมูล แล้วนาเสนอข้อมูลใน รู ปแบบความเรี ยง 6.2 ข้อมูลจากแบบสังเกต ผูว้ ิจยั ใช้การวิเคราะห์เนื้ อหา แล้วนาเสนอข้อมูลในรู ปแบบความเรี ยง ตามประเด็นที่ กาหนด 7. ผลการวิจัย 1) ด้านการเป็ นแบบอย่าง ครู ส่วนใหญ่แต่งกายด้วยเสื้ อผ้าสี สันสดใส มีลวดลายประดับ และใส่ เครื่ องประดับที่เข้ากับเสื้ อผ้าโดยไม่สวมผ้ากันเปื้ อนขณะจัดประสบการณ์ศิลปะ ครู สาธิ ตวิธีการทางานศิลปะให้เด็ก ก่อนเริ่ มกิจกรรม และเป็ นแบบอย่างในการเก็บวัสดุอุปกรณ์เข้าที่ทุกครั้งหลังเลิกทางานศิลปะ 2) ด้านการจัดกิจกรรม ครู ส่ วนใหญ่มีการวางแผนการสอนเป็ นรายสปั ดาห์จดั กิจกรรมที่คานึงถึงความ เหมาะสม และพัฒนาการของเด็กมากที่สุด โดย จัดกิจกรรมศิลปะวันละ 2 ประเภท กิจกรรมศิลปะที่จดั ซ้ าบ่อยที่สุด คือ การวาดภาพระบายสี อิสระ ครู สร้างแรงบันดาล ใจให้เด็กก่อนเริ่ มทากิจกรรมศิลปะด้วยการทาผลงานให้ดูเป็ น


10

ตัวอย่าง นอกจากนี้มีการเสริ มแรงบวกแก่เด็กด้วยการ พูดชื่นชมผลงาน ความสามารถของเด็ก ประเมินผลการทา กิจกรรมศิลปะโดย การจัดเก็บผลงานในแฟ้ มสะสมงาน 3) ด้านการจัดสภาพแวดล้อม พบว่า ครู ส่วนใหญ่เลือกใช้วสั ดุอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยและไม่เป็ นอันตราย สาหรับเด็ก วัสดุ อุปกรณ์ที่เลือกใช้มากที่สุด คือ สี เทียน ครู ทุกคนใช้หอ้ งเรี ยนในการจัดกิจกรรมศิลปะ ในการจัดมุม ศิลปะครู นิยมจัด มุม ศิลปะให้มีตหู ้ รื อกล่องสาหรับเก็บวัสดุอุปกรณ์ ครู มีการจัดบรรยากาศของห้องเรี ยนโดยตกแต่ง ห้องเรี ยนให้มีสีสันสดใส ข้ อเสนอแนะจากผลการวิจัย 1. ควรมีการจัดการอบรมให้ความรู ้ จัดทาเอกสาร คู่มือ เกี่ยวกับการจัดประสบการณ์ต่างๆ พัฒนาการ และ การเรี ยนรู ้ของเด็ก แก่ครู และผูด้ ูแลเด็ก 2. ควรมีการเผยแพร่ ขอ้ มูลและสร้างความเข้าใจกับผูท้ ี่เกี่ยวข้อง โดยจัดอบรมให้ความรู ้ เกี่ยวกับ บทบาทใน การจัดกิจกรรมศิลปะสาหรับเด็กวัยอนุบาล ควบคู่กบั การจัดทาคู่มือการจัดกิจกรรมศิลปะเพื่อให้ เป็ นแนวปฏิบตั ิแก่ผู ้ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสามารถคิดออกแบบกิจกรรมได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ ข้ อเสนอแนะสาหรับการทาวิจัยครั้งต่ อไป ควรมีการทาวิจยั เรื่ อง การประเมินความต้องการจาเป็ น โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เป็ นปั จจัยพื้นฐาน ปัญหาและความต้องการของครู ในการจัดประสบการณ์ศิลปะสาหรับเด็กวัยอนุบาล แล้วประมวลเป็ นรายการ ความ ต้องการจาเป็ นเร่ งด่วนที่ควรได้รับการแก้ไข อันจะนาไปสู่ แนวทางการปฏิบตั ิเพื่อแก้ไขปั ญหาและ ปรับปรุ งการจัด ประสบการณ์ศิลปะให้มีประสิ ทธิ ภาพต่อไป


11

การศึกษาการจัดสิ่ งแวดล้อมสาหรับกิจกรรมสร้ างสรรค์ ศิลปศึกษาระดับอนุบาลในโรงเรียน สั งกัดสานัก บริหารงานคณะกรรมการส่ งเสริมการศึกษาเอกชนในกรุงเทพมหานคร ผูแ้ ต่ง สุ มนา สัมมาทิพย์ ปี ที่ทาการวิจยั พ ศ 2554 นิสิตมหาบัณฑิตสาขาวิชาศิลปศึกษา ภาควิชาศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์ ศึกษา คณะครุ ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทคัดย่อ 1. คาถามวิจัย ไม่ระบุ 2. วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสิ่ งแวดล้อมในกิจกรรมสร้างสรรค์ศิลปศึกษา ในด้านสิ่ งแวดล้อมทางกายภาพ และ สิ่ งแวดล้อม ทางสังคม ประกอบด้วยด้านบุคคล และด้านกิจกรรม ในโรงเรี ยนอนุบาล เขตกรุ งเทพมหานคร สังกัดสานัก บริ หารงานคณะกรรมการส่ งเสริ มการศึกษาเอกชน 3.วิธีดาเนินการวิจัย 3.1 ประชากรและตัวอย่างประชากรเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากครู ผสู ้ อนจานวน 250 คน การสัมภาษณ์ ผูบ้ ริ หารโรงเรี ยน ครู ผสู้ อนและการสังเกตการสอนที่ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง จานวน 12 คน 4. เครื่องมือทีใ่ ช้ ในการวิจัยประกอบด้วยเครื่ องมือ 4 ชุด ได้แก่ 4.1 แบบสอบถามสาหรับครู ผจู ้ ดั กิจกรรม สร้างสรรค์ศิลปศึกษา 4.2 แบบสัมภาษณ์ผบู้ ริ หารโรงเรี ยน 4.3 แบบสัมภาษณ์ สาหรับครู ผสู้ อน 4.4 แบบ สังเกต สาหรับผูว้ จิ ยั ใช้บนั ทึกสังเกตการณ์ตามสภาพที่เป็ นจริ งของโรงเรี ยนอนุบาล โดยผ่านการ ตรวจสอบ จากผูท้ รงคุณวุฒิ เพื่อทาการปรับปรุ งให้เหมาะสมก่อนนาไปใช้ในการเก็บข้อมูลจริ ง 5. ศึกษาข้ อมูล ใช้แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการจัดสิ่ งแวดล้อมในกิจกรรมสร้างสรรค์ศิลปศึกษา ระดับชั้น อนุบาล แล้ว นาข้อมูลมากาหนดกรอบแนวคิดและโครงสร้างของเครื่ องมือที่ใช้ในการวิจยั ดาเนิ นการสร้าง เครื่ องมือและนาไป ให้อาจารย์ที่ปรึ กษาตรวจสอบ จากนั้นนาไปให้ผทู ้ รงคุณวุฒิตรวจพิจารณาความ เที่ยงตรง (Validity) ตามเนื้อหา และ


12

โครงสร้าง แล้วนาไปทดลองใช้ และหาความเชื่อมัน่ ของแบบสอบถาม ได้ค่าสัมประสิ ทธิ์ แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficients) เท่ากับ 0.9375 6.การเก็บรวมรวมข้ อมูล 4.1 นาหนังสื อจากบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมนาแบบสอบถามส่ งทาง ไปรษณี ยไ์ ปยัง โรงเรี ยนที่เป็ นกลุ่มตัวอย่าง มีจานวน 250คนจาก 250โรงเรี ยน เมื่อครู ตอบแบบสอบถาม ครบถ้วนแล้ว ได้ส่งกลับคืน ให้ผวู ้ จิ ยั และแบบสอบถามบางส่ วนผูว้ จิ ยั รับคืนด้วยตนเอง 4.2 การเก็บข้อมูลจากกรณี ตวั อย่างผูว้ ิจยั นาแบบสัมภาษณ์ผบู้ ริ หารโรงเรี ยน แบบสัมภาษณ์ครู ผสู้ อน และ แบบสังเกตไปยังโรงเรี ยนที่คดั เลือกไว้เป็ นกรณี ตวั อย่าง 12 โรงเรี ยน เพื่อเก็บข้อมูลอย่างเป็ น ทางการตามแนวคาถาม ที่เตรี ยมไว้และมีการสอบถามเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชดั เจน และตรงกัน ผูว้ จิ ยั เดินทางไปสัมภาษณ์ผบู้ ริ หาร สถานศึกษา และสังเกตการณ์เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในกิจกรรม สร้างสรรค์ศิลปศึกษาด้วยตนเอง 7.วิเคราะห์ ผล จากแบบสัมภาษณ์ แบบสอบถามและแบบสังเกต จากนั้นนาเสนอผลการวิจยั ในรู ปแบบ ตารางประกอบ ความเรี ยง 8.ผลการวิจัย ผลการศึกษาพบว่า โรงเรี ยนส่ วนใหญ่มีระดับสิ่ งแวดล้อมด้านกายภาพ อยูใ่ น ระดับมาก (X-Bar = 3.80) โดย มุ่งเน้นด้านความสว่างในห้องเรี ยนมีเพียงพอต่อการมองเห็นมากที่สุด (X-Bar = 4.32) สิ่ งแวดล้อมด้านสังคม อยูใ่ น ระดับมาก (X-Bar = 3.96) โดยพบว่า เด็กมีความสุ ข สนุกสนาน ยิม้ แย้ม แจ่มใส ร่ าเริ ง ขณะ ทากิจกรรมศิลปะ มาก ที่สุด (X-Bar = 4.41)จากการสังเกตพบว่า ครู ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดโดยใช้เทคนิคต่างๆ ในการสอน เช่น การให้ กาลังใจ ให้คาชมเชย และการสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานเพื่อให้เด็กสนใจทากิจกรรม ข้ อเสนอแนะสาหรับการวิจัย - ควรมีการวิจยั ความต้องการ ความรู้สึกของเด็ก เกี่ยวกับการจัดสิ่ งแวดล้อมสาหรับกิจกรรม สร้างสรรค์ ศิลปศึกษาระดับอนุบาลและประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้อง - ควรมีการวิจยั เพื่อค้นหาปั จจัยที่มีผลต่อพัฒนาการของเด็ก เช่น เงื่อนไขเวลา สถานที่ทากิจกรรมศิลปะ สังคม และวัฒนธรรม ตลอดจนผูส้ อน ซึ่งอาจเป็ นครู หรื อผูป้ กครอง - ควรมีการวิจยั เกี่ยวกับการจัดสิ่ งแวดล้อมสาหรับกิจกรรมสร้างสรรค์ศิลปศึกษาในระดับการศึกษา อื่นๆ ตลอดจนมีการประเมินผลที่ได้จากการจัดสิ่ งแวดล้อมสาหรับกิจกรรมสร้างสรรค์ศิลปศึกษานั้นๆ ด้วย


13

การศึกษาการใช้ วสั ดุธรรมชาติในการจัดกิจกรรมศิลปะสาหรับเด็กปฐมวัยในกรุงเทพมหานคร ผูแ้ ต่ง ณัฐรวี วงศ์อริ ยะกวี ปี ที่ทาการวิจยั 2553 นิสิตมหาบัณฑิตสาขาวิชาศิลปศึกษา ภาควิชาศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์ ศึกษา คณะครุ ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทคัดย่อ 1. คาถามวิจัย ไม่ระบุ 2. วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการใช้วสั ดุธรรมชาติในการจัดกิจกรรมศิลปะสาหรับเด็กปฐมวัยในกรุ งเทพมหานคร 3.วิธีดาเนินการวิจัย กลุ่มตัวอย่างประชากร ประกอบด้วยครู ผสู ้ อนชั้นอนุบาลในโรงเรี ยนที่มีการเปิ ดการเรี ยนการสอน ชั้นอนุบาลใน กรุ งเทพมหานคร รวม 298 คน จาก 298 โรงเรี ยน และครู ผสู ้ อนที่มีการใช้วสั ดุธรรมชาติในการจัด กิจกรรมศิลปะ สาหรับเด็กปฐมวัยจานวน 12 คน 4. เครื่องมือทีใ่ ช้ ในการวิจัย เครื่ องมือที่ใช้ในการวิจยั ประกอบด้วยแบบสอบถามและแบบ สัมภาษณ์ วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์เนื้ อหา 5.การเก็บรวบรวมข้ อมูล 5.1การเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ได้ดาเนินการดังนี้ นาหนังสื ออนุมตั ิจากหน่วยงานต้นสังกัด พร้อมกับนา แบบสอบถามส่ งงทางไปรษณี ยไ์ ปยัง โรงเรี ยนตัวอย่างประชากร จานวน 298 โรงเรี ยนซึ่ งได้รับคืนมา 210 โรงเรี ยน คิดเป็ นร้อยละ 70 ของ แบบสอบถามที่ส่งไปทั้งหมด 5.2การเก็บข้อมูลจากกรณี ตวั อย่าง ได้ดาเนินการดังนี้ ผูว้ จิ ยั นาแบบสัมภาษณ์ ผูเ้ ชี่ยวชาญการจัดกิจกรรม ศิลปะไปยังโรงเรี ยนที่คดั เลือกไว้เป็ นกรณี ตัวอย่าง 12 โรงเรี ยน เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลโดยผูว้ ิจยั สัมภาษณ์ อย่าง เป็ นทางการตามแนวคาถามที่ เตรี ยมไว้และยังใช้วธิ ี สัมภาษณ์ อย่างไม่เป็ นทางการเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ขอ้ มูลที่ชดั เจน ถูกต้อง หากมีขอ้ สงสัยเกี่ยวกับการให้ขอ้ มูลที่ได้จากการบันทึก ผูว้ จิ ยั จะสอบถามจากครู ผใู ้ ห้สัมภาษณ์เพื่อให้เกิด ความเข้าใจ ตรงกันและแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง


14

6. วิเคราะห์ ผล วิเคราะห์ผลจากแบบสารวจและแบบสัมภาษณ์ จากนั้นนาเสนอผลการวิจยั ในรู ปแบบตาราง ประกอบความ เรี ยง 7. ผลการวิจัย 1) ครู ผสู ้ อนชั้นอนุบาล จากการเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม มีระดับการใช้ระดับมากในวัสดุธรรมชาติ ประเภท หิ น ดิน ทราย (x = 3.24) และวัสดุธรรมชาติจากพืช ( x =3.17) ส่ วนวัสดุธรรมชาติจากสัตว์มีระดับการใช้ น้อยที่สุด ( x = 2.27 ) และในส่ วนของกิจกรรมศิลปะจากวัสดุธรรมชาติที่ครู ผสู ้ อนชั้นอนุบาลมีระดับการใช้มาก ที่สุด ได้แก่ ภาพ พิมพ์ ( x =4.24 ) รองลงมาคือ ภาพปะติด ( x = 4.20 ) ส่ วนประติมากรรมเป็ นกิจกรรมที่มีระดับ การใช้นอ้ ยที่สุด( x = 2.97) 2) ครู ผสู ้ อนที่มีการใช้วสั ดุธรรมชาติในการจัดกิจกรรมศิลปะ จากการสัมภาษณ์ มีการใช้วสั ดุธรรมชาติจาก พืชประเภทใบไม้ในกิจกรรมมากที่สุด(12โรงเรี ยน) รองลงมาคือกิ่งไม้และดอกไม้(11โรงเรี ยน) และวัสดุธรรมชาติ จากสัตว์มีการใช้เปลือกหอยมากที่สุด(10โรงเรี ยน) รองลงมาคือเปลือกไข่(9 โรงเรี ยน) ส่ วนวัสดุธรรมชาติชนิด อื่นๆ มีการใช้ดินและทรายมากที่สุด(9โรงเรี ยน) และในส่ วนของกิจกรรมศิลปะจากวัสดุธรรมชาติที่ครู ผใู ้ ห้ สัมภาษณ์มีการ ใช้มากที่สุด ได้แก่ ภาพพิมพ์จากใบไม้ ระบายสี สกัดจากดอกไม้ใบไม้ ภาพปะติดจากเมล็ดพืช และปั้ นดินเหนียว ครู ผสู ้ อนชั้นอนุบาลได้ให้ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า การใช้วสั ดุธรรมชาติในการจัด กิจกรรมศิลปะสาหรับ เด็กปฐมวัยเป็ นสิ่ งที่มีประโยชน์ และยังมีความสนใจที่จะเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการนาวัสดุ ธรรมชาติมาใช้ใน กิจกรรมศิลปะเพื่อนาไปพัฒนาให้เกิดองค์ความรู ้ต่อไป ข้ อเสนอแนะสาหรับการวิจัย - ควรมีการศึกษาวิจยั เกี่ยวกับลักษณะการสร้างงานศิลปะจากวัสดุธรรมชาติและพัฒนาการของ เด็กปฐมวัย โดยเป็ นการวิจยั เพื่อสังเกตกระบวนการสร้างงานของเด็กปฐมวัยโดยตรง - ควรมีการศึกษาวิจยั การนาวัสดุธรรมชาติมาใช้ในการสร้างงานศิลปะในพื้นที่ภูมิภาคอื่นๆ เพื่อให้ทราบถึง บริ บทที่อาจมีผลต่อประเภทของวัสดุธรรมชาติหรื อรู ปแบบการใช้ของครู ผสู ้ อน - ควรมีการวิจยั เกี่ยวกับการนาวัสดุประเภทอื่น เช่น วัสดุเหลือใช้มาใช้ในการจัดกิจกรรมศิลปะใน ระดับ ปฐมวัยหรื อการศึกษาระดับอื่น ๆ - ควรมีการศึกษาวิจยั เกี่ยวกับการบูรณาการศิลปศึกษากับสิ่ งแวดล้อมศึกษาเพื่อการปลูก จิตสานึกให้เด็กรัก ธรรมชาติผา่ นการจัดการเรี ยนการสอนศิลปะในรู ปแบบต่าง ๆ


15

ผลการจัดประสบการณ์ ศิลปศึกษา เพือ่ ส่ งเสริมการเรียนรู้ ทางศิลปะ สาหรับเด็กอนุบาล ผูแ้ ต่ง ศิวรี อรัญนารถ ปี ที่ทาการวิจยั 2551 สาขาวิชาศิลปศกึษา ภาควิชาศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์ ศึกษา คณะครศุาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทคัดย่อ 1. คาถามวิจัย ไม่ระบุ 2. วัตถุประสงค์ การวิจยั นี้มีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการจัดประสบการณ์ศิลปะ เพื่อส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้ทางศิลปะสาหรับ เด็กอนุบาล 3.วิธีดาเนินการวิจัย ผูว้ จิ ยั ได้ทาการดาเนิ นการวิจยั โดยแบ่งเป็ นลาดับขั้นได้ดงั นี้ ขั้นที่ 1 การศึกษารวบรวมข้อมูล 1.1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการจัดประสบการณ้ศิลปศึกษา เพื่อส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้ทางศิลปะ สาหรับเด็กอนุบาล จากหนังสื อ วารสาร เอกสารและงานวิจยั 1.2 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสภาพของผูเ้ รี ยน 1.3 สังเคราะห์แนวคิด ทฤษฎีและหลักการจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐานมาสร้างเป็ นกรอบแนวคิดของการ สร้างแผนการจัดประสบการณ์ศิลปศึกษา ขั้นที่ 2 การกาหนดกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างในการวิจยั คือเด็กที่เข้าเรี ยนชั้นเด็กเล็ก อายุระหว่าง 5-6 ปี ในโรงเรี ยนเอกชน ที่จดั ให้มีการ เรี ยนการสอนศิลปศึกษา ทั้งนี้ผวู ้ จิ ยั ได้ทาการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เป็ นเด็กนักเรี ยนอายุ 5-6 ปี โรงเรี ยนอนุบาล จุไรรัตน์ จานวน 20 คน เนื่ องจากเป็ นโรงเรี ยนอนุบาลที่เป็ นที่ยอมรับในการให้ความสาคัญกับการจัดประสบการณ์ ศิลปะ โดยมีลกั ษณะการจัดการเรยีนการสอนในรู ปแบบการเรี ยนปนเล่น มีการจัดชัว่ โมงการเรี ยนการสอนเสริ ม ทางด้านศิลปะ ให้กบั กลุ่มเด็กที่มีความสนใจได้เลือกเรี ยนเพิ่มเติม 4. เครื่องมือทีใ่ ช้ ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดประสบการณ์ศิลปศึกษา และแบบ ประเมินผลสัมฤทธิ์ ในการรับรู ้ทางศิลปะ ซึ่ ง มีรายละเอียด วิธีการในการสร้าง และพัฒนา ดังนี้ การสร้างเครื่ องมือวิจยั ได้แก่1) แผนการจัดประสบการณ์


16

ํ ก และพื้นผิว 2) สื่ อสัมผัสที่ส่งเสริ มการเรี ยนรู ้ทาง ศิลปศึกษา เกี่ยวกับทัศนธาตุ ได้แก่ เส้น รู ปร่ าง รู ปทรง สี น้าหนั ศิลปะ 3) แบบประเมินด้านความรู้ 4) แบบประเมินด้านทักษะ 5) แบบประเมินด้านเจตคติ 5 การเก็บรวบรวมข้ อมูล มีข้ นั ตอนในการดาเนิ นการ แบ่งเป็ น 3 ส่ วน ดังนี้ 5.1 ระยะก่อนทดลอง 1) ทาหนังสื อขอความร่ วมมือในการวิจยั โรงเรี ยนอนุบาล 2) คัดเลือกกลุ่มประชากร โดยกาiเลือกแบบ เจาะจง เป็ นเด็กอนุบาล ที่มีอายุ 5-6 ปี โรงเรี ยนอนุบาลจุไรรัตน์ 3) ดาเนิ นการทดสอบการรับรู ้ทางศิลปะก่อน เรี ยนรู้ตามแผนการจัดประสบการณ์ ทั้งนี้ในการทดลองผูว้ จิ ยั ได้กาหนดการวิจยั เฉพาะกลุ่มทดลอง เนื่องจาก ต้องการศึกษาเปรี ยบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ ที่เกิดขึ้น โดยพิจารณาผลสัมฤทธิ์ ดา้ นความรู ้ก่อนและหลังการเรี ยนรู ้ ควบคู่ กับผลสัมฤทธิ์ ดา้ นทักษะ และ ด้านเจตคติที่เด็กได้รับจากการเรี ยนรู ้ตามแผนการจัดประสบการณ์น้ ี 5.2 ระยะทดลอง ผูว้ จิ ยั ดาเนินการทดลองตามแผนการจัดประสบการณ์ศิลปศึกษา จานวน 6 แผน เป็ นเวลา 6 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยใช้เวลาครั้งละ 60 นาที โดยในระหว่างทาการทดลองนั้น ผูว้ ิจยั ได้ทาการบันทึกข้อมูลใน แบบประเมินด้านเจตคติซ่ ึงทา การสังเกตพฤติกรรมที่แสดงออกระหว่างการจัดประสบการณ์ตามแผน ซึ่ งทาการ สังเกตโดยผูว้ ิจยั ครู ผสู ้ อน และครู ผูช้ ่วยสอน โดยแบ่งผูท้ าการสังเกต 1 ท่าน ต่อเด็ก 5 คน 5.3 ระยะหลังการทดลอง 1) ดาเนิ นการทดสอบหลังการเรี ยนรู ้ ด้วยข้อสอบชุ ดเดียวกับการทดสอบก่อนการเรี ยนรู ้ตาม แผนการจัด ประสบการณ์ 2) หลังจากการดาเนินการทดลองตามกาหนดรยะเวลาในแผนการจัดประสบการณ์ ผูว้ จิ ยั นาแบบ ประเมินความรู ้ แบบประเมินทักษะ และแบบประเมินด้านเจตคติ มารวบรวบผลค่าคะแนน 6.การวิเคราะห์ ข้อมูล 1 วิเคราะห์ค่าสถิติจากแบบประเมินด้านความรู ้ หลังจากการรวบรวมค่าคะแนนจากแบบ ประเมินความรู ้ มาดาเนินการวิเคราะห์ คานวณหาค่าเฉลี่ย และส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรี ยบเทียบความต่างของ คะแนน t-test ของคะแนนการรับรู้ทางศิลปะของเด็กอนุบาล 2 วิเคราะห์ค่าสถิติจากแบบประเมินด้านทักษะ ทั้งนี้ผวู ้ จิ ยั ได้ทาการตรวจประเมินผลงาน ศิลปะของเด็กใน แต่ละแผนการจัดประสบการณ์ ร่ วมกับครู ผสู ้ อนศิลปะเด็กอนุบาล แล้วนาค่าคะแนนที่ได้มาคานวณ ค่าเฉลี่ยร้อยละ 3 วิเคราะห์ค่าความถี่ ค่าร้อยละจากประเมินด้านเจตคติ ทั้งนี้ผวู ้ จิ ยั ได้ทาการวิเคราะห์จากการ สังเกต พฤติกรรมที่แสดงออกระหว่างการจัดประสบการณ์ โดยผูว้ จิ ยั ครู ผสู ้ อน และครู ผชู ้ ่วยสอน


17

7.ผลการวิจัย ผลการวิจยั พบว่า คะแนนผลสัมฤทธิ์ การเรี ยนรู ้ ทางศิลปะของเด็กอนุบาล ด้านความรู ้ หลังการเรี ยนสู งกว่า ก่อนการเรี ยนรู ้ อย่างมีนยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลสัมฤทธิ์ ด้านทักษะ ได้แก่เรื่ อง สี เส้น พื้นผิว และรู ปร่ าง ํ กอยูใ่ นเกณฑ์ระดับดี เรอื่งรู ปทรง อยูใ่ นเกณฑ์ระดับพอใช้ได้ ผลสัมฤทธิ์ ดา้ น อยูใ่ นเกณฑ์ระดับดีมาก เรื่ องน้าหนั เจตคติพบว่ามีการพัฒนาด้านอารมณ์และสังคม ข้ อเสนอแนะแนวทางในการศึกษาค้ นคว้าเพือ่ ให้ ผ้ สู นใจได้ ทาการวิจัยต่ อไป ดังนี้ 1. ควรมีการวิจยั ศึกษาผลการจัดประสบการณ์ศิลปศึกษา เพื่อส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้ทางศิลปะ โดยใช้รุปแบบ การบูรณาการองค์ความรู ้เกี่ยวกับทัศนธาตุทางศิลปะร่ วมกัน 2. ควรมีการวิจยั ศึกษาเกี่ยวกับของเล่น หรื อสื่ อเพื่อการศึกษาที่ส่งเสริ มให้เด็กเกิดการเรี ยนรู ้ทางศิลปะ ํ ก และพื้นผิว เกี่ยวกับทัศนธาตุทางศิลปะ ได้แก่ เส้น รู ปร่ าง รู ปทรง สี น้าหนั


18

อ้างอิง ไข่มุก พงศ์สถาพ.การนาเสนอแนวทางในการจัดกิจกรรมการปั้ นเพื่อส่ งเสริ มพัฒนาการทางศิลปะสาหรับ เด็กปฐมวัย .นิสิตมหาบัณฑิตสาขาวิชาศิลปศึกษา ภาควิชาศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์ ศึกษา คณะครุ ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2555. นางสาวลูกแก้ว มุกดา .การศึกษาบทบาทของครู ในการจัดประสบการณ์ศิลปะสาหรับเด็กวัยอนุบาล โรงเรี ยนสังกัดสานักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุ พรรณบุรีเขต 3 อาเภอเดิมบางนางบวช .นิสิต มหาบัณฑิตสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย ภาควิชาหลักสู ตรและการสอน คณะครุ ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2555. สุ มนา สัมมาทิพย์.การศึกษาการจัดสิ่ งแวดล้อมสาหรับกิจกรรมสร้างสรรค์ศิลปศึกษาระดับอนุบาลใน โรงเรี ยนสังกัดสานัก บริ หารงานคณะกรรมการส่ งเสริ มการศึกษาเอกชนในกรุ งเทพมหานคร. นิสิตมหาบัณฑิต สาขาวิชาศิลปศึกษา ภาควิชาศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์ ศึกษา คณะครุ ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2554. ณัฐรวี วงศ์อริ ยะกวี. การศึกษาการใช้วสั ดุธรรมชาติในการจัดกิจกรรมศิลปะสาหรับเด็กปฐมวัยใน กรุ งเทพมหานคร. นิสิตมหาบัณฑิตสาขาวิชาศิลปศึกษา ภาควิชาศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์ ศึกษา คณะครุ ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2553. ศิวรี อรัญนารถ.ผลการจัดประสบการณ์ศิลปศึกษา เพื่อส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้ทางศิลปะ สาหรับเด็กอนุบาล. สาขาวิชาศิลปศกึษา ภาควิชาศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์ ศึกษา คณะครศุาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2551. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. http://www.edu.chula.ac.th/ojed


19


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.