ชื่อบิดา ชื่อมารดา เกิดเมื่อวันที ่ รับศีลล้างบาป รับศีลก�ำลัง
นายฟิลิปโป ซูแปร์ติโน (Filippo SUPERTINO) นางรอสโซ มาเรีย ซูแปร์ติโน (Rosso Maria SUPERTINO) 28 พฤศจิกายน 1939 ที่ ซาวีญาโน (Savigliano) สังกัดสังฆมณฑล คีอ๊อตจา (Chioggia) 29 พฤศจิกายน 1939 ที่ ซาวีญาโน (Savigliano) 24 ตุลาคม 1949 ที่ ซาวีญาโน (Savigliano)
ชีวิตนักบวช โปสตูลันต์ นวกภาพ ปฏิญาณตนครั้งแรก ปฏิญาณตนครั้งที่ 2 ปฏิญาณตนครั้งที่ 3 ปฏิญาณตนส�ำหรับ 2 ปี ปฏิญาณตนตลอดชีวิต เดินทางเป็นธรรมทูต
31 มกราคม 1958 ที่กรุงตุริน อิตาลี 5 สิงหาคม 1958 ที่เปสซีโอเน (Pessione) อิตาลี 5 สิงหาคม 1960 ที่เปสซีโอเน (Pessione) อิตาลี 5 สิงหาคม 1961 ที่เฮนลีย์ (Henley) ประเทศไอร์แลนด์ 5 สิงหาคม 1962 ทีบ่ รอสนา (Brosna) ประเทศไอร์แลนด์ 5 สิงหาคม 1963 ทีบ่ รอสนา (Brosna) ประเทศไอร์แลนด์ 5 สิงหาคม 1966 ที่หาดใหญ่ สงขลา 30 พฤศจิกายน 1965 ที่ประเทศไทย
การศึกษา ปี 1958 ประกาศนียบัตร มัธยมอาชีวศึกษา มาเรีย เอาซีเลียตรีเช (M. Ausiliatrice) กรุงตูริน อิตาลี ปี 1961 ประกาศนียบัตร วิชาชีพครู มาเรีย เอาซีเลียตรีเช (M. Ausiliatrice) กรุงตูริน อิตาลี ปี 1967 สอบผ่านภาษาไทย เพื่ออนุญาตให้เป็นครูสอนหนังสือ กระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพฯ การอบรม ปี 1977 หลักสูตรการอบรม ตลอดชีพ ปี 1993 อบรมเตรียมอธิการิณีใหม่ 6 ก.พ. - 31 มี.ค. ปี 2001 อบรมธรรมทูต 5-26 พฤษภาคม ปี 2012 อบรมธรรมทูต 5-25 พฤษภาคม ปี 2016 อบรมธรรมทูต 5-25 พฤษภาคม
บ้านศูนย์กลางคณะที่ กรุงโรม อิตาลี บ้านศูนย์กลางคณะที่ กรุงโรม อิตาลี บ้านศูนย์กลางคณะที่ กรุงโรม อิตาลี ที่กรุงโรม ที่มอร์เนเซ และที่กรุงตูริน อิตาลี ที่กรุงโรม ที่มอร์เนเซ และที่กรุงตูริน อิตาลี
ประสบการณ์การท�ำงาน – ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ปี 1960-1961 หมู่คณะมาเรีย มัซซาแรลโล กรุงตูริน ปี 1961-1965 ที่ลิมริก (Limerick) ประเทศไอร์แลนด์ ปี 1965-1967 หมู่คณะหาดใหญ่ สงขลา ถึงวันที่ 8 มกราคม 1966 ปี 1967-1969 หมู่คณะบ้านโป่ง ราชบุรี ปี 1969-1970 อิตาลี ปี 1970-1979 หมู่คณะบ้านโป่ง ราชบุรี ปี 1979-1988 หมู่คณะมารีย์อุปถัมภ์ สามพราน นครปฐม ปี 1988-1994 หมู่คณะมารีย์อุปถัมภ์ สามพราน นครปฐม ปี 1994-1995 บ้านศูนย์กลางแขวง ศาลาแดง กรุงเทพฯ ปี 1995-2004 หมู่คณะ ร.ร. มหาไถ่ศึกษาเมืองเลย เลย ปี 2004-2005 หมู่คณะเซนต์เมรี่ อุดรธานี ปี 2005-2007 หมู่คณะมารีย์อุปถัมภ์ สามพราน นครปฐม ปี 2007-2008 หมู่คณะที่จังหวัดเลย ปี 2008-2009 บ้านศูนย์กลางแขวง ศาลาแดง กรุงเทพฯ ปี 2009-2012 หมู่คณะเชียงใหม่ - ดอยสะเก็ด ปี 2012-2013 หมู่คณะเชียงใหม่ - ดอยสะเก็ด ปี 2013-2015 หมู่คณะเชียงใหม่ - จอมทอง ปี 2015-2017 หมู่คณะเชียงใหม่ - จอมทอง ปี 2017-2020 หมู่คณะเชียงใหม่ - จอมทอง วาระที่ 1 ปี 2020- ปัจจุบัน หมู่คณะเชียงใหม่ - จอมทอง
นักศึกษา นักศึกษา (ภาษา) และรับผิดชอบโรงซัก แผนกอนุบาล ผู้ดูแลอัสปีรันต์ (ผู้ฝึกหัด) พักรักษาตัว ผู้ดูแลอัสปีรันต์ (ผู้ฝึกหัด) และสมาชิกที่ปรึกษาของหมู่คณะ รองอธิการิณี ผู้ดูแลอัสปีรันต์ และโปสตูลันต์ อธิการิณี อธิการิณี อธิการิณี รองอธิการิณี อธิการิณี รองอธิการิณี เตรียมไปปฏิบัติงานที่เชียงใหม่ อธิการิณี เหรัญญิก เหรัญญิก รองอธิการิณี อธิการิณี รองอธิการิณี
ความเป็นมาของกระแสเรียก ครอบครัวของดิฉันมีพี่น้อง 11 คน เป็นผู้หญิง 7 คน และผู้ชาย 4 คน ดิฉันเป็น บุตรคนที่ 9 และในบรรดาพีน่ อ้ งผูห้ ญิง 7 คน ดิฉนั เป็นคนสุดท้อง ดิฉนั และพีส่ าวรวม 4 คน เป็นสมาชิกคณะธิดาแม่พระองค์อปุ ถัมภ์ โดยมี 2 คนเป็นธรรมทูต ส่วนอีก 2 คนสังกัดแขวงเปียต์มอน (Pienontese) ประเทศอิตาลี ซิสเตอร์เฟลีชีตา ซึ่งเป็นพี่สาวคนโต ได้เสียชีวิตในดินแดนธรรมทูต (เวเนซูเอล่า-คาราคัส) ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1999 ชีวิตในวัยเด็กของดิฉันเติบโตท่ามกลางความรักของบิดามารดา และพี่ ๆ น้อง ๆ ทั้งในบรรยากาศของ ครอบครัวที่ทุกคนพยายามเป็นคนดี มีความซื่อสัตย์และเป็นครอบครัวที่ขยันขันแข็ง ศรัทธา ไปวัดทุกอาทิตย์ และสวดสายประค�ำพร้อมกันในครอบครัวเป็นประจ�ำ เป็นต้นในฤดูหนาว เป็นการปูทางส�ำหรับชีวิตนักบวชของ ซิสเตอร์ ดิฉันยังคงจ�ำได้ดี ในวันนั้นที่ดิฉันได้เข้าเป็นสมาชิกกลุ่มธิดาแม่พระของวัด ดิฉันได้สวมชุดสีขาว มีสาย ริบบิ้นสีฟ้าและผ้าคลุมศีรษะ ดิฉันชอบมากจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี บางทีกระแสเรียกของดิฉันอาจเริ่มต้นจาก การเป็นสมาชิกกลุ่มธิดาแม่พระนั้นก็เป็นได้ การเสียชีวิตของมารดาซึ่งท่านมีอายุเพียง 49 ปี และเวลานั้นน้องชายคนเล็กเพิ่งอายุได้ 4 ขวบ ด้วย ความเชื่ อ ที่ เข้ ม แข็ ง ของบิ ด าของดิ ฉั น ก็ ส ามารถน�ำ พาครอบครั ว ให้ ก ้ า วไปข้ างหน้ า ได้ ด ้ ว ยความกล้ า หาญ
และความหวัง หลังจากทีพ่ สี่ าวสองคนทีไ่ ด้เป็นซิสเตอร์ในคณะธิดาแม่พระองค์อปุ ถัมภ์แล้ว ดิฉนั ได้มโี อกาสพบกับพวกเขา ดิฉันประทับใจอย่างมากถึงท่าทีของการต้อนรับด้วยความร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใสและมีมิตรไมตรีจากอธิการิณี และบรรดาสมาชิกในหมู่คณะแห่งนั้น และในที่สุดดิฉันก็ได้สมัครขอเข้าเป็นสมาชิกของคณะด้วยอีกคนหนึ่ง ตั้งแต่ที่ดิฉันได้สูญเสียมารดาฝ่ายกายไป พระมารดามารีย์ก็กลับกลายเป็นผู้น�ำและผู้บรรเทาให้แก่ ดิฉันเป็นสองเท่า ทั้งตลอดเส้นทางของการติดตามพระเยซูเจ้าในชีวิตนักบวช บทบาทของพระมารดามารีย์ ยิ่ ง เด่ น ชั ด พระนางเป็ น เพื่ อ น เป็ น มารดา เป็ น ผู ้ น� ำ ฝ่ า ยจิ ต เป็ น ทุ ก สิ่ ง ทุ ก อย่ า งในชี วิ ต ของดิ ฉั น เสมอ... ขอขอบพระคุณพระเจ้าและพระมารดามารีย์องค์อุปถัมภ์ตลอดไป...