จดหมายข่าวฉบับที่ 9

Page 1

ปี ที่ ๑ ฉบับที่ ๙

วัน พฤหัสบดี ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๖

จดหมายข่ าว กลุ่มงานประชาสั มพันธ์ กลุ่มอานวยการ สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม

ประชุมคัดเลือกประธานกรรมการเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาสมุทรสงคราม

เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม ได้จดั การประชุมคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อดําเนินการ คัดเลือกประธานกรรมการเขตพืน้ ที่การศึกษาสมุทรสงคราม ซึ่งผูท้ ี่ได้รบั การคัดเลือก คือ นายสัมพันธ์ พงษ์พรรณากูล ตําแหน่ง ผูท้ รงคุณวุฒิกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา ณ ห้องประชุมมาลามาศ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม

ประเด็นเด่ น...ในฉบับ  ๘ นโยบายการศึกษา “จาตุรนต์ ฉายแสง” หน้า ๒  เกาะติด...อาเซี ยน เรื่ อง ประเทศสมาชิก อาเซี ยน (ลาว) หน้า ๙  สรรหา...มาฝาก เรื่ อง ผอมสวยด้วย สมุนไพร...อันตรายที่ควรระวัง หน้า ๑๐  ภาพกิจกรรมของ สพป.สมุทรสงคราม หน้า ๑๑


จดหมายข่ าว หน้ า ๒

๘ นโยบายการศึกษา "จาตุรนต์ ฉายแสง"

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลงนโยบายการศึกษา พร้ อมประกาศ ๘ นโยบาย เพือ่ เร่ งรัดดาเนินการ ตามนโยบายรัฐบาล และสานต่ องานทีไ่ ด้ ดาเนินการไปแล้ว เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ที่ห้องประชุ มราชวัลลภ  ยา้ การพัฒนาคน เป็ นโจทย์ สาคัญของการปฏิรูปการศึกษา และยกระดับพัฒนาประเทศ รมว.ศธ.กล่าวว่า การปฏิ รูปการศึกษาได้พิจารณาจากโจทย์ใหญ่ คื อขณะนี้ ประเทศไทยกําลังอยู่ใน สังคมขนาดใหญ่ ในภูมิภาคและสังคมโลก ในขณะที่ปัจจุบนั ได้เกิ ดวิกฤตเศรษฐกิ จโลก ซึ่ งสหรัฐอเมริ กา ทวีป ยุโรป รวมทั้งประเทศใหญ่ ๆ ของทวีปเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ แม้บางประเทศ เช่น จีน จะมีอตั ราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็ วมาก ก็ได้รับผลกระทบดังกล่าวทําให้มีการชะลอตัวทางเศรษฐกิ จลง ใน สภาพเช่ นนี้ จึงมีความจําเป็ นที่ประเทศไทยต้องเตรี ยมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อที่จะให้อยู่รอดในภาวะการณ์ปัจจุบนั หรื อในอนาคตต่อไป นอกจากนี้ จะมีการรวมตัวเป็ นประชาคมอาเซี ยน พร้อมทั้งความพยายามที่จะเชื่อมโยงกันของกลุ่มประเทศอาเซี ยนกับนอกภูมิภาคอาเซี ยนอีกด้วย การจะสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน จึงจําเป็ นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบ Logistics ที่สาํ คัญของประเทศ เช่น ด้านการคมนาคม การสื่ อสาร ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนและกําลังเร่ งดําเนินการในขณะนี้ เพือ่ ให้สอดคล้องกับความจําเป็ นและการเพิม่ ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ แต่การเพิม่ ขีดความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศที่สาํ คัญมากและขาดไม่ได้ คือ "การพัฒนาคน" เพราะฉะนั้นจึงเป็ นโจทย์ที่สาํ คัญของ การจัดการศึกษาและปฏิรูปการศึกษาของประเทศไทย การศึกษาต้องเดินหน้าสู่ การสร้าง การพัฒนา เตรี ยมความพร้อมให้สอดคล้องกับสังคมโลก โดยเฉพาะ สังคมโลกในศตวรรษที่ ๒๑ เป็ นผลจากการปฏิวตั ิดา้ นดิจิทลั (Digital Revolution) และความก้าวหน้าของเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่ อสาร (ICT) ที่ทาํ ให้โลกทั้งโลกเชื่อมโยงและสื่ อสารถึงกันได้อย่างรวดเร็ ว จึงจําเป็ นต้องสร้าง และพัฒนาให้คนเป็ นทรัพยากรมนุษย์ ที่มีความสามารถ มีทกั ษะ ความถนัด ความชํานาญพร้อมจะขับเคลื่อนและ ยกระดับการพัฒนาประเทศสู่ การเป็ นประเทศพัฒนาในระดับที่สูงขึ้น  ประกาศนโยบาย "๒๕๕๖ ปี แห่ งการรวมพลังยกระดับคุณภาพการศึกษา" จากผลการประเมินการจัดอันดับโดย IMD พบว่าในปี ค.ศ.๒๐๑๓ การศึกษาไทยอยูใ่ นอันดับที่ ๕๑ จาก ๖๐ ประเทศ และผลการประเมินการทดสอบ PISAทั้งด้านคณิ ตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน ในปี ค.ศ.๒๐๐๙ พบว่าเด็กไทยอยูใ่ นอันดับที่ประมาณ ๕๐ จาก ๖๕ ประเทศ ในขณะที่ผลการจัดอันดับ ๔๐๐ มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ในโลก โดย Times Higher Education World Rankings ในปี ค.ศ.๒๐๑๒ - ๒๐๑๓ พบว่ามีมหาวิทยาลัยไทยเพียง แห่งเดียวที่ติดอยูใ่ นกลุ่ม ๓๕๑ - ๔๐๐ เป็ นสภาพที่เป็ นจริ งที่เราประสบอยู่


จดหมายข่ าว หน้ า ๓

รัฐบาลปั จจุบนั มีนโยบายด้านการศึกษาที่จะยกระดับคุณภาพการศึกษา ซึ่ งได้แถลงไว้ชดั เจนต่อรัฐสภา ให้มีการปฏิรูประบบการเรี ยนรู ้ ซึ่ งหมายความว่า รัฐบาลมีความเข้าใจและกําหนดเป็ นนโยบายที่ปฏิรูปการศึกษา และได้ดาํ เนินการมาเป็ นลําดับ โดยนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศธ.คนล่าสุ ด ได้เริ่ มดําเนินการปฏิรูปหลักสู ตร อย่างตั้งใจและจริ งจัง แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพการณ์ของสังคมโลก จากโจทย์ที่ประเทศนี้จะต้องรับมือ ก็มีความ จําเป็ นที่เราจะต้องยกเครื่ องการศึกษาไทยให้มีคุณภาพ มาตรฐานในระดับสากล และสอดคล้องกับสังคมโลกยุคใหม่ ในฐานะรั ฐมนตรี ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ควรจะประกาศให้ "การศึกษาเป็ นวาระแห่ งชาติ" โดย กาหนดให้ ปี ๒๕๕๖ จากนีไ้ ปเป็ น "ปี แห่ งการรวมพลังยกระดับคุณภาพการศึกษา" ซึ่งหมายความว่า เราจะทาตาม ลาพังไม่ ได้ ต้ องอาศัยพลังของสั งคมทั้งสั งคมมาช่ วยกันขับเคลือ่ นการดาเนินงานตามแนวนโยบายด้ านการศึกษา ของรัฐบาล และสานต่ องานทีไ่ ด้ ดาเนินการไว้ แล้ว  เป้าหมายมุ่งพัฒนาผู้เรี ยนให้ คิด วิเคราะห์ เรี ยนรู้ มีคุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ และทักษะทีจ่ าเป็ นสาหรับ ศตวรรษที่ ๒๑ เพื่อให้ปีแห่งการรวมพลังยกระดับคุณภาพการศึกษาเป็ นผลสําเร็ จ จึงขอเสนอเป้ าหมายมุ่งพัฒนาผูเ้ รี ยน ให้สามารถคิด วิเคราะห์ เรี ยนรู้ได้ดว้ ยตนเอง มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์และทักษะที่จาํ เป็ นสําหรับศตวรรษที่ ๒๑ โดยภายในปี พ.ศ.๒๕๕๘ ซึ่ งไปพ้องกับการเข้าสู่ ประชาคมอาเซี ยนในปี เดียวกัน ดังนี้ - ให้ผลการจัดอันดับการศึกษาไทย ผลการทดสอบ PISA ของไทย ให้อยูใ่ นอันดับที่ดีข้ ึน - ให้สัดส่ วนผูเ้ รี ยนอาชีวศึกษาต่อสามัญเพิ่มขึ้นเป็ น ๕๐ : ๕๐ - ให้มหาวิทยาลัยไทยติดอันดับโลกมากขึ้น - ให้มีการกระจายโอกาสและเพิ่มความเสมอภาคทางการศึกษามากขึ้น ทั้งนี้ โดยเน้นการส่ งเสริ มให้ภาคเอกชนที่มีศกั ยภาพเข้ามามีส่วนร่ วมในการรับผิดชอบ จัดและสนับสนุน การศึกษามากขึ้น คือวงการการศึกษา บุคลากรทางการศึกษาของรัฐทั้งหมด ต้องมีความเข้าใจร่ วมกันว่า การศึกษา ของภาคเอกชนเป็ นกําลังสําคัญของประเทศ ๘ นโยบาย ทีจ่ ะเร่ งรัดดาเนินการตามนโยบายรัฐบาล และสานต่ องานทีไ่ ด้ ดาเนินการไว้ แล้ว ๑. เร่ งปฏิรูปการเรียนรู้ ท้งั ระบบให้ สัมพันธ์ เชื่ อมโยงกัน เพื่อให้ผเู ้ รี ยนสามารถคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา และเรี ยนรู ้ได้ดว้ ยตนเองอย่างต่อเนื่ อง โดยปฏิรูปให้มี ความเชื่อมโยงกันทั้งหลักสู ตรและการเรี ยนการสอน ให้กา้ วทันการเปลี่ยนแปลงและสอดคล้องกับการเรี ยนรู ้ยคุ ใหม่ การพัฒนาครู และการพัฒนาระบบการทดสอบ การวัดและประเมินผลที่ได้มาตรฐานและเชื่อมโยงกับหลักสู ตร และการเรี ยนการสอน และการพัฒนาผูเ้ รี ยน การที่ใช้คาํ ว่า "ทั้งระบบให้สัมพันธ์เชื่ อมโยงกัน" ก็คือ เรื่ องปฏิ รูปหลักสู ตรการเรี ยนการสอน ต้องมีการทดสอบประเมินผล ซึ่ งการทดสอบประเมินผลต้องคํานึ งถึงหลักสู ตรและกระบวนการเรี ยนการสอน ไม่ใช่ เป็ นการทดสอบที่ไม่สัมพันธ์กนั หรื อไม่คาํ นึ งถึ งการเรี ยนการสอน นอกจากนี้ การทดสอบของสถาบัน


จดหมายข่ าว หน้ า ๔

การศึกษาแห่งชาติฯ ซึ่ งโยงไปถึงระบบการรับบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ปั จจุบนั ยังส่ งผลกระทบต่อ การปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวคือ หากจัดการทดสอบเหมือนที่ผา่ นมา จะทําให้คนในวงการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งระบบไม่ให้ความสําคัญกับการปฏิรูปการศึกษาของตนเอง เนื่องจากผูเ้ กี่ยวข้อง คือ นักเรี ยน ครู ผูป้ กครอง เห็น ความสําคัญของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากกว่าการเรี ยนในระบบ ความพยายามในการปฏิรูปการศึกษาจึงไม่ สัมฤทธิ์ ผล เพราะผูเ้ กี่ยวข้องดังกล่าวไม่ให้ความสําคัญ ส่ วนการประเมินวิทยฐานะความก้าวหน้า ก็ควรจะต้องเชื่ อมโยงกับหลักสู ตรการเรี ยนการสอน การ ประเมินสถานศึกษา มีผกู ้ ล่าวว่าควรให้เด็กคิดเป็ นวิเคราะห์เป็ น แต่ในบางครั้งก็ยงั ไม่ได้หารื อร่ วมกันว่าการเรี ยน การสอนและหลักสู ตรเป็ นอย่างไร จึงต้องใช้หลักสู ตรเป็ นแกนหลักเพื่อมุ่งไปที่ผลสัมฤทธิ์ ของผูเ้ รี ยน และมีผลต่อ การพัฒนาครู ประเมินวิทยฐานะและความก้าวหน้าในวิชาชีพครู ดว้ ย ดังนั้นใน ๖ เรื่อง คือ ปฏิรูปหลักสู ตร ปฏิรูปการเรียนการสอน การทดสอบ/วัดและประเมินผลผู้เรียน การรับบุคคลเข้ าศึกษาต่ อมหาวิทยาลัย การประเมินวิทยฐานะและความก้ าวหน้ าในวิชาชี พครู และการประเมิน สถานศึกษา ต้ องเชื่ อมโยงไปทีค่ ุณภาพผู้เรี ยนและผลสั มฤทธิ์ ซึ่งเป็ นหัวใจของนโยบายทั้งหมด

การทีจ่ ะดาเนินการในเรื่องเหล่านีท้ ้งั ระบบ ต้ องมีแนวทางดาเนินการ ดังนี้ - ต้ องเร่ งรัดและสานต่ อเรื่องปฏิรูปหลักสู ตรให้ ก้าวหน้ าและให้ แล้ วเสร็จ โดยจะส่ งเสริ มการมีส่วนร่ วม จากผูเ้ ชี่ยวชาญและผูท้ ี่เกี่ยวข้องมากขึ้น เพื่อพัฒนาผูเ้ รี ยนให้มีทกั ษะชีวติ ที่เหมาะสมทุกระดับชั้นการศึกษา - พัฒนากระบวนการเรี ยนการสอนในปัจจุบันและเพือ่ รองรับหลักสู ตรใหม่ เพื่อให้ผเู้ รี ยนสามารถคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา และเรี ยนรู ้ได้ดว้ ยตนเองอย่างต่อเนื่อง มีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น สอดคล้องกับการเรี ยนรู ้ในโลกยุคใหม่ โดยจะเริ่ มจากวิทยาศาสตร์ คณิ ตศาสตร์ เทคโนโลยี ภาษาต่างประเทศ และการคิดวิเคราะห์ - พัฒนาระบบทดสอบ วัดและประเมินผลทั้งภายในและภายนอก ให้เป็ นเครื่ องมือส่ งเสริ มการปฏิรูป การเรี ยนรู ้และการพัฒนาคุณภาพผูเ้ รี ยนให้มีมาตรฐานเทียบเคียงได้กบั นานาชาติ โดยเชื่ อมโยงกับเนื้อหาสาระใน


จดหมายข่ าว หน้ า ๕

หลักสู ตรกับการเรี ยนการสอน รวมทั้งพัฒนาระบบการคัดเลือกบุคคลให้เข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ให้สอดคล้อง กับการปฏิรูปการเรี ยนการสอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๒. ปฏิรูประบบผลิตและพัฒนาครู ให้มีจาํ นวนการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการ มีความรู้ ความสามารถในการจัดการเรี ยนการสอน ตามหลักสู ตรปัจจุบนั รองรับหลักสู ตรใหม่ และการเรี ยนรู ้ในโลกยุคใหม่ รวมทั้งพัฒนาระบบประเมินวิทยฐานะครู ให้เชื่อมโยงกับผลสัมฤทธิ์ ของผูเ้ รี ยน ดูแลระบบสวัสดิการ และลดปั ญหาที่บนั่ ทอนขวัญกําลังใจของครู ให้ส่งผล ต่อประสิ ทธิ ภาพการเรี ยนการสอนและคุณภาพผูเ้ รี ยน ๓. เร่ งนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร มาใช้ ในการปฏิรูปการเรียนรู้ สร้างมาตรฐานการเรี ยนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์ แบบพกพา (แท็บเล็ต) และพัฒนาเนื้ อหาสาระ พัฒนาครู และการวัดประเมิ นผลที่ได้มาตรฐาน รวมทั้งเพื่อเป็ นเครื่ องมือให้เกิ ดระบบการเรี ยนรู ้ ตลอดชี วิตใน สังคมไทย ทั้งนี้ แท็บเล็ตเป็ นเรื่ องสําคัญหนึ่งในนโยบายการศึกษาของรัฐบาล ที่ผา่ นมาเรามักจะเน้นเฉพาะการ จัดให้เด็กได้มีแท็บเล็ต ซึ่งเป็ นรายละเอียดว่าเด็กจะได้เมื่อไร จํานวนเท่าไร คืบหน้าไปแล้วอย่างไร หรื อมีเนื้อหากี่ราย กี่ชิ้น แต่เรื่ องใหญ่กว่าที่จะต้องเร่ งพัฒนา คือ "เนื้อหาสาระ" เพื่อจะให้มีท้ งั เนื้ อหาที่ควรรู ้ รู ปแบบของแบบทดสอบ แบบฝึ กหัด เทคนิค นวัตกรรมใหม่ๆ ที่ให้เด็กใช้กบั แท็บเล็ต เพื่อทําให้การเรี ยนการสอนมีประสิ ทธิ ภาพ ได้ผลจริ ง เด็กได้รับผลทีด่ ีในการใช้งานดีกว่าไม่ใช้แท็บเล็ต ที่ตอ้ งโยงไปกับการเรี ยนรู ้ในโลกยุคใหม่ทมี่ ขี อ้ มูลข่าวสารไม่จาํ กัด ซึ่ งหมายถึงจะต้องมีการพัฒนาครู เพื่อให้เข้าใจการสอนที่มีเนื้อหาสาระแบบนี้ เพราะในโลกยุคใหม่ เราไม่สามารถ สอนแบบเดิ ม เช่ น ให้เด็กค้นหาว่าคํานี้ แปลว่าอะไร เด็กก็ไปค้นหาในเวลาไม่นาน ก็สามารถตอบได้ แต่จะทํา อย่างไรให้การสอนที่ส่งเสริ มให้เด็กได้รู้จกั ค้นหา คิด วิเคราะห์ ทําความเข้าใจ และสามารถตั้งคําถามได้เอง ฯลฯ ซึ่ งเนื้อหาที่บรรจุลงในแท็บเล็ตจะต้องมีมาตรฐานที่ผเู ้ ชี่ยวชาญบอกได้วา่ เนื้ อหาสาระใดจะช่วยสร้างเด็กได้จริ ง เป็ นประโยชน์จริ ง ไม่ใช่ใครคิดหรื อประดิษฐ์แบบเรี ยน แบบฝึ กหัด เนื้ อหาสาระอะไรขึ้นมาได้ ก็บรรจุลงไปใน แท็บเล็ต ซึ่ งตรงนี้ยงั ขาดอยู่ และเป็ นเรื่ องเร่ งด่วนที่จะต้องดําเนินการต่อไป ๔. พัฒนาคุณภาพการอาชี วศึกษาให้ มีมาตรฐานเทียบได้ กบั ระดับสากล ให้ สอดคล้ องกับความต้ องการ ของประเทศ โดยผลักดันให้เกิดการใช้กรอบคุณวุฒิวชิ าชีพ ตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ มาใช้กาํ หนดทักษะความรู ้ ความสามารถที่สอดคล้องกับความต้องการของผูใ้ ช้ ผูม้ ีงานทํา เพื่อให้เกิดความก้าวหน้า ได้รับค่าตอบแทนตาม สมรรถนะที่เพิ่มขึ้น โดยไม่ข้ ึนกับวุฒิการศึกษาทั้งแบบอนุ ปริ ญญาหรื อปริ ญญา ความหมายคือ อาชี พนี้ ระดับนี้ มีความสามารถทางสมรรถนะมากเพียงใด อันจะช่ วยทําให้สถาน ประกอบการหรื อกิจการต่าง ๆ เพิ่มผลผลิ ตได้มากน้อยเพียงใด และจะแปรกลับมาเป็ นรายได้ค่าตอบแทน ทั้งนี้ คุณวุฒิวิชาชี พบางประเภท แม้ผไู ้ ด้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชี พประเภทนั้นไม่จบปริ ญญาตรี แต่อาจจะมีรายได้ หรื อเงินเดือนสู งกว่าผูจ้ บปริ ญญาตรี กไ็ ด้ ส่ งผลถึงเส้นทางความก้าวหน้าทางอาชีพและรายได้ และทําให้คนต้องการ


จดหมายข่ าว หน้ า ๖

เข้ามาเรี ยนสายอาชีวศึกษามากขึ้น ซึ่ งนําไปสู่ การเพิม่ สัดส่ วนผูเ้ รี ยนอาชี วศึกษาต่อสามัญเป็ น ๕๐:๕๐ เพราะเป็ น ความก้าวหน้ามีรายได้สูง มีสมรรถนะ ทั้งยังส่ งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีของการอาชีวศึกษาด้วย ๕. ส่ งเสริมให้ สถาบันอุดมศึกษาเร่ งพัฒนาคุณภาพและมาตรฐาน มากกว่ าการขยายเชิ งปริมาณ ส่งเสริ มการวิจยั และพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยให้มกี ารจัดอันดับสถาบันอุดมศึกษาของไทย เพื่อเป็ นแนวทางพัฒนาคุ ณภาพ มาตรฐาน และจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ รวมทั้งพัฒนาสู่ การเป็ น มหาวิทยาลัยระดับโลก (World Class University) ให้มากขึ้น รมว.ศธ.กล่าวว่า การจัดอันดับมหาวิทยาลัยของไทยนั้น เป็ นเรื่ องที่ ตอ้ งแลกเปลี่ ยนความเห็ น หาองค์ความรู ้มากพอสมควร เพื่อให้เห็นพ้องต้องกัน เพราะมหาวิทยาลัยของไทยที่ติดอันดับในกลุ่ม ๓๕๑-๔๐๐ มีเพียงแห่ งเดี ยวเท่านั้น ส่ วนมหาวิทยาลัยที่ เหลื อจะมีคุณภาพอย่างไร คําตอบคือไม่ค่อยมีใครทราบมากนัก ซึ่ ง คําถามคือเราจะพัฒนาการอุ ดมศึกษาอย่างไร หากใช้ความคิดว่าทําอะไรได้ดีที่สุดก็ทาํ กันไป แต่การที่ จะรู ้ ว่า มหาวิทยาลัยใดสอนเป็ นอย่างไร แนวทางหนึ่งคือเปรี ยบเทียบกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ แต่อีกแนวทางหนึ่ง คือ ควรให้มีการเปรี ยบเทียบกับมหาวิทยาลัยด้วยกันเอง โดยใช้กติกาหรื อเงื่อนไขที่เหมาะสมและเป็ นสากล เพือ่ ให้ คนในวงการศึกษาได้ทราบว่ามหาวิทยาลัยต่าง ๆ เป็ นอย่างไร และมหาวิทยาลัยก็จะทราบว่าตัวเองเป็ นอย่างไร ประการสําคัญคือทั้งสังคมก็จะได้รับทราบว่ามหาวิทยาลัยต่าง ๆ เป็ นอย่างไรด้วย ไม่ใช่เกิดความรู ้สึกว่าหากมาจาก มหาวิทยาลัยนี้ ก็รู้สึกจะเข้าท่าดี แต่มาจากอีกมหาวิทยาลัยก็รู้สึกจะไม่ค่อยเก่งด้านนั้น อันนี้ถือเป็ นความรู ้สึกและ ประสบการณ์ตรงเท่านั้น ไม่ได้อาศัยการวิเคราะห์และการประเมินที่เป็ นระบบ ดังนั้น สาระสําคัญของนโยบายนี้ คือ ต้องการให้มกี ระจก เพือ่ ให้มหาวิทยาลัยส่ องตัวเอง และต้องการ ให้สังคมช่วยกันผลักดัน เพราะมหาวิทยาลัยเป็ นหน่วยงานที่ตอ้ งให้ความเป็ นอิสระ ให้มหาวิทยาลัยคิดเอง ไม่ใช่ เป็ นการสัง่ การจากรัฐมนตรี ขณะเดียวกันสังคมก็ตอ้ งคิดกลไกว่าจะผลักดันให้มหาวิทยาลัยพัฒนาก้าวหน้าได้อย่างไร ความหมายในแง่น้ ีคือ สังคมกับมหาวิทยาลัยไม่เป็ นอิสระจากกัน ๖. ส่ งเสริ มให้ เอกชนและทุกภาคส่ วนเข้ ามาร่ วมจัดและสนับสนุนการศึกษามากขึน้ สนับสนุนความร่ วมมือแบบเป็ นหุ น้ ส่ วนทางการศึกษารัฐและเอกชน (Public Private Partnership) ตลอดจนเปิ ดโอกาสให้เอกชนมีส่วนร่ วมในการออกแบบหลักสู ตร เป็ นวิทยากร สนับสนุนการฝึ กงานและเรี ยนรู ้ การทํางานจริ งในสถานที่ทาํ งาน โดยในส่ วนของการอาชี วศึกษานั้น การที่ภาคเอกชนเข้ามาร่ วมจัดการศึกษาแบบ ทวิภาคี ก็ยงั ไม่เพียงพอ แต่ตอ้ งร่ วมจัดการศึกษาตลอดกระบวนการ คือต้องการหลักสู ตรหรื อกระบวนการแบบใด ต้องมากําหนดหลักสูตรร่ วมกัน รัฐมีหน้าทีส่ นับสนุนส่ งเสริ มและอาศัยภาคเอกชนให้มามีบทบาทในการจัดการศึกษา ให้มากขึ้น โดยรัฐควรมีหน้าที่ในการกํากับควบคุมเท่าที่จาํ เป็ นเพื่อรักษาคุณภาพมาตรฐานการจัดการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรมุ่งกํากับควบคุมหรื อห้ามเอกชน ๗. เพิม่ และกระจายโอกาสทางการศึกษาอย่ างมีคุณภาพ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มอายุได้รับบริ การการศึกษาอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะผูด้ อ้ ยโอกาส และการ พัฒนากองทุนเงินกูย้ มื ที่ผกู กับรายได้ในอนาคต (ICL) ให้สามารถเป็ นกลไกในการพัฒนาคุณภาพ เพิ่มโอกาสและ


จดหมายข่ าว หน้ า ๗

ผลิตบัณฑิตให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ โดยขอให้ดาํ เนินการให้เป็ นไปตามแนวคิดของกองทุน ICL ตามที่ได้ก่อตั้งหรื อริ เริ่ มขึ้นมา ซึ่งต้องอาศัยผูร้ ู ้ ผูเ้ ชี่ยวชาญ ผูส้ นใจที่เคยดําเนินการ เข้ามาช่วยดําเนินการอย่างจริ งจัง ๘. พัฒนาการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการสนับสนุนและพัฒนาการศึกษาและสถานศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สอดคล้องกับ เศรษฐกิจ สังคม อัตลักษณ์ และความต้องการประชาชนในท้องถิ่น โดยให้ความสําคัญกับความปลอดภัย การสร้าง ขวัญกําลังใจให้กบั นักเรี ยน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ๕ กลไก ในการขับเคลือ่ น เพือ่ ให้ บรรลุผลตามนโยบาย และบรรลุผลตามเป้าหมายที่กาหนดไว้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ จะมีกลไก ขับเคลือ่ น ๕ ประการ ดังนี้ ๑. เร่ งรัดจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพือ่ การศึกษา ตามกฎหมายกําหนด ซึ่ งนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศธ.คนล่าสุ ด ได้ดาํ เนินการใกล้จะเสร็ จแล้ว กฎหมายดังกล่าวเพื่อเปิ ดโอกาสในการใช้ทรัพยากรให้มากขึ้น และประการสําคัญคือ จะทําให้เราสามารถพัฒนาเทคโนโลยีทางการศึกษาได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพขึ้น ๒. จัดตั้งสถาบันเพือ่ วิจัยหลักสู ตรและพัฒนาการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรม การเรี ยนการสอนให้มีคุณภาพมาตรฐาน การจัดทําหลักสู ตรซึ่ งมีการปรับปรุ งเป็ นระยะมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๑ ทั้งนี้ เรื่ องสําคัญของการศึกษาประเทศไทยเกี่ยวกับหลักสู ตรก็คือ เราใช้วิธีเชิ ญผูเ้ ชี่ ยวชาญมาช่ วยกันจัดทํา เมื่อ จัดทําเสร็ จแล้วก็ตีพิมพ์ จากนั้นผูเ้ ชี่ยวชาญก็จะแยกย้ายไปทําหน้าที่ของตนเอง และอาจจะนัดพบกันอีกครั้งในอีก ๕-๖ ปี แต่สิ่งที่ขาดไปก็คือ ควรมีองค์กรหรื อกลไกที่จะทําการวิจยั พัฒนาเรื่ องหลักสู ตรการเรี ยนการสอนอย่าง ต่อเนื่อง มีเจ้าภาพที่ชดั เจน มีการประเมินได้วา่ องค์กรต่างๆ ทํางานก้าวหน้าไปแล้วอย่างไร หลักสู ตรเป็ นอย่างไร ครู นกั เรี ยนมีความเห็นอย่างไร เมื่อเปรี ยบเทียบกับการจัดทําหลักสู ตรของต่างประเทศ จึงพบว่าหลักสู ตรเล่มหนึ่งมี ขนาดเล็ก แต่อา้ งผลการวิจยั เต็มไปหมดทุกหน้าว่าเหตุใดจึงบอกว่าเด็กชั้นนี้ควรเรี ยนอะไร และในหลายประเทศที่ ประสบความสําเร็ จ ก็มีองค์กรที่ดาํ เนินการเรื่ องนี้ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ใช่วธิ ี เชิญผูเ้ ชี่ยวชาญ ซึ่ งบางครั้งก็หลงลืม ไม่ได้ติดตามการศึกษา จึงมีความจําเป็ นที่จะต้องจัดตั้งสถาบันเพื่อวิจยั หลักสู ตรและพัฒนาการเรี ยนการสอน ๓. สร้ างความเข็มแข็งของกลไกการวัดผล ตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผล พัฒนาให้มีตวั ชี้วดั คุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาของประเทศที่เทียบเคียงได้ในระดับสากล เพื่อประเมินผลสําเร็ จของระบบการศึกษาไทย ในภาพรวม ซึ่ง ศธ.ต้องหารื อกับองค์กรต่างๆ เช่น สทศ. สมศ. เพื่อที่จะทํางานร่ วมกัน ๔. เร่ งรัดให้ มีพระราชบัญญัติอุดมศึกษา เพื่อเป็ นหลักประกันความเป็ นอิสระและความรับผิดชอบต่อ สังคมของสถาบันอุดมศึกษา ๕. เพิม่ ประสิ ทธิภาพการบริ หารจัดการและใช้ ทรัพยากรให้ เกิดประโยชน์ สูงสุ ด เพิ่มประสิ ทธิ ภาพของ หน่วยงาน องค์กร และกลไกที่เกี่ยวข้อง


จดหมายข่ าว หน้ า ๘

๒ แนวทาง บริหารจัดการ ในการบริหารงานให้ เป็ นไปตามนโยบายและกลไกดังกล่าวข้ างต้ น จะดาเนินการเป็ น ๒ ส่ วน ดังนี้ ๑. ตั้งคณะกรรมการหรือคณะทางานเพือ่ ขับเคลื่อนเรื่องสาคัญต่ างๆ เช่น ผลการทดสอบ PISA ของไทย เมื่อได้ต้ งั เป้ าหมายให้ผลการจัดอันดับการศึกษาไทยอยูใ่ นอันดับที่ดีข้ ึน ก็จะตั้งคณะทํางานขึ้นมาเพื่อผลักดันเรื่ องนี้ อย่างจริ งจังและต่อเนื่อง โดยระดมผูท้ ี่เกี่ยวข้องและภาคส่ วนต่างๆ เข้ามาร่ วมขับเคลื่อนอย่างเป็ นรู ปธรรม โดยเริ่ มต้น จากคณะกรรมการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ จากการทดสอบ PISA ๒. จัดประชุ มปฏิบัติการ (Workshop) อย่างเป็ นระบบ โดยจะระดมความคิดและการมีส่วนร่ วมจาก ผูเ้ กี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนให้เป็ นไปตามนโยบาย  ต้ องอาศัยความร่ วมมือจากทุกภาคส่ วนของ ศธ. และทั้งสังคม เพือ่ ร่ วมกันยกเครื่องการศึกษาไทย รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า ทั้งหมดนี้ เป็ นนโยบายสําคัญและแนวความคิดที่จะอาศัยความร่ วมมือจากทุกส่ วนของ ศธ. เพราะการศึกษาเป็ นเรื่ องที่สาํ คัญจําเป็ นมากของประเทศในช่วงนี้และช่วงต่อไป การพัฒนาคนเป็ นเรื่ องจําเป็ นที่เรา ไม่อาจที่จะละเลยได้ เราจะร่ วมกันทําในเรื่ องที่ยากและท้าทาย คือที่พูดมาทั้งหมดเป็ นเรื่ องที่ยากมาก ต้องอาศัย หลายฝ่ าย แต่หากประเทศนี้จะไปรอด จะอยูใ่ นเวทีแห่งการแข่งขันยุคใหม่ได้ เราต้องปฏิรูปการศึกษาให้ได้ ต้อง พัฒนาคนให้ได้ ดังนั้นแม้จะยาก แต่ตอ้ งพยายามช่วยกันให้ได้ และหวังว่าทั้งบุคลากรของการศึกษาจะช่วยกันคิด ต่อว่าเราจะทํากันอย่างไร รวมทั้งเสนอความเห็ น เสนอขอให้แก้ไขปรับปรุ งเพิ่มเติ ม ก็ยินดี ที่จะรับมาพิจารณา ร่ วมกัน หวังว่าทุกท่านมีความพร้ อมที่จะทํางานในเรื่ องยาก และอาศัยผูเ้ กี่ยวข้อง ผูส้ นใจในสังคมทั้งสังคม เพื่อ ร่ วมกันยกเครื่ องการศึกษาไทยให้มีคุณภาพ รวมพลังในการยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยต่อไป  กาชั บให้ ทุกหน่ วยงานป้องกันแก้ ไขปั ญหาคอรัปชั น ไม่ มีนโยบายให้ นาชื่ อไปแอบอ้ างทั้งด้ านดี และลบ รมว.ศธ.ได้ตอบคําถามของสื่ อมวลชน กรณี การป้ องกันและแก้ไขปั ญหาการทุจริ ตคอรัปชันว่า ถือเป็ น นโยบายสําคัญของรัฐบาลที่ได้กาํ ชับให้ทุกหน่วยงานทํางานด้วยความสุ จริ ตโปร่ งใส กรณี ที่เกิดการทุจริ ตขึ้นแล้ว ก็จะดําเนินการอย่างเคร่ งครัด ตรงไปตรงมา เพือ่ หาคนทําผิดมาลงโทษและป้ องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ตั้งแต่การทํางาน การบริ หารงาน รวมไปถึงการแต่งตั้งโยกย้าย ทุกอย่างต้องเป็ นไปอย่างสุ จริ ต และขอแจ้งไว้ด้วยว่า หากมีใครแอบอ้าง ถึงตน ซึ่งตนไม่ มีนโยบายมอบใครไป หรือว่ามีใครไปแอบอ้างไม่ ว่าจะเป็ นเรื่องทีด่ ีหรือเรื่องไม่ ดีกต็ าม หากท่าน สงสัยก็ให้มาแจ้ งกับตนไว้ก่อน หลักการทํางานในเรื่ องนี้ คือต้องใช้หลักความรวดเร็ ว มีประสิ ทธิภาพ และเที่ยงธรรม ประกอบกัน อย่างไรก็ตาม การดาเนินการเกีย่ วกับการทุจริต จะใช้ นโยบายเข้ าไปมากนักไม่ ได้ แม้ นโยบายจะต้ องทา ตรงไปตรงมา แต่ จะไปถึงขั้นกาหนดระยะเวลา ก็จะกลายเป็ นการใช้ ดุลยพินิจของฝ่ ายการเมืองเข้ าไปกาหนด แต่ ทีส่ าคัญแน่ นอนคือทุกเรื่องต้ องไม่ ล้มมวย ดังนั้นการจะไปบอกว่ าเรื่องนั้นต้ องเสร็จเมื่อนั้น เมื่อนี้ หากผู้เกีย่ วข้ อง บอกว่าต้ องมีการสื บสวนสอบสวนและหาหลักฐานอีกมากมาย ก็จะกลายเป็ นไปเร่ งรัด อาจจะเสี ยหายอีกแบบหนึ่ง อย่างไรก็ตามจะทาให้ มีประสิ ทธิภาพ ได้ ผลจริง และมีความเทีย่ งธรรม


วัน พฤหัสบดี ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ หน้ า ๙

ประเทศสมาชิ ก อาเซี ย น ๔. ลาว (Laos) ชื่อทางการ : สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (The Lao People's Democratic Republic) ที่ต้ งั : เป็ นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ ทะเล มีพรมแดนติดจีนและพม่าทางทิศตะวันตกเฉี ยงเหนื อ ติดต่อกับ เวียดนามทางทิศตะวันออก ติดต่อกับกัมพูชาทางทิศใต้ และติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันตก พื้นที่ : ๒๓๖,๘๐๐ ตารางกิโลเมตร (ประมาณครึ่ งหนึ่งของประเทศไทย) แบ่งเป็ น ๑๖ แขวง และ ๑ เขต ปกครองพิเศษ (นครหลวงเวียงจันทน์) เมืองหลวง : นครเวียงจันทน์ (Vientiane) (เป็ นเขตเมืองหลวงเหมือน กทม. ส่ วนแขวงเวียงจันทน์เป็ นอีกแขวงหนึ่ง ที่อยูต่ ิดกับนครหลวงเวียงจันทน์) ประชากร : ๕.๖ ล้านคน (ปี ๒๕๔๘) ประกอบด้วย ลาวลุ่มร้อยละ ๖๘ ลาวเทิงร้อยละ ๒๒ ลาวสู งร้อยละ ๙ รวมประมาณ ๖๘ ชนเผ่า ภูมิอากาศ : อุณหภูมเิ ฉลี่ย ๒๙-๓๓ องศา ตํ่าสุด ๑๐ องศา ปริ มาณฝนตกเฉลี่ย ๑,๗๑๕ มม.ต่อปี ความชื้น ๗๐-๘๐ % ภาษา : ภาษาลาวเป็ นภาษาราชการ ศาสนา : ร้อยละ ๗๕ นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ ๑๖ - ๑๗ นับถือผี ที่เหลือนับถือศาสนาคริ สต์ (ประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ คน) และอิสลาม (ประมาณ ๓๐๐ คน) สกุลเงิน : กีบ (Kip) อัตราแลกเปลี่ยน ๑ บาท : ๒๗๖ กีบ (พฤษภาคม ๒๕๕๑) ระบอบการปกครอง : ระบบการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ (ทางการลาวใช้คาํ ว่า ระบอบประชาธิปไตย ประชาชน) โดยพรรคการเมืองเดียวเป็ นองค์กรชี้นาํ ประเทศ คือ พรรคประชาชนปฏิวตั ลิ าว มีอาํ นาจสู งสุ ดตั้งแต่ลาวเริ่ มปกครองในระบอบสังคมนิยม เมื่อ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ * ประมุข - ประธานประเทศ (ในภาษาลาว หมายถึง ตําแหน่งประธานาธิ บดี) คือ พลโท จูมมะลี ไชยะสอน (๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙) * หัวหน้ารัฐบาล - นายกรัฐมนตรี คือ นายบัวสอน บุบผาวัน (๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙)


ปี ที่ ๑ ฉบับที่ ๙ หน้ า ๑๐

ผอมสวยด้ วยสมุนไพร..อันตรายทีค่ วรระวัง ใครบอกว่ าตัวช่ วยที่ทาให้ ผอมจากธรรมชาติไม่ อนั ตราย? วิธีลดหุ่นแบบไทย ๆ ไม่ ได้ใช้ แค่ สมุนไพรอย่ างเดียวสั กหน่ อย เดี๋ยวนี้ตวั ช่วยลดความอ้วนที่ดีตราแปะยีห่ อ้ การันตีวา่ ทํามาจากสมุนไพรวางขายกันเกลื่อนไปหมด มีท้ งั แบบชาชง แล้วก็แคปซูลให้ เลือกสรรกันตามสะดวก แต่ คาว่ า "สมุนไพร" ก็ไม่ ใช่ เครื่องการันตีความปลอดภัยในการกินนะคะ สมุนไพรก็คือ "ยา" มีขอ้ ควรระวังในการใช้การกินไม่ต่างจากยาทัว่ ไปสักนิด และที่สาํ คัญ ยาหรื อแคปซูลมักจะทํามาจากสมุนไพร ั ญา หงส์ประภาส แพทย์แผนไทย ที่ปรึ กษาศูนย์ไทยเมติคอลสปา โรงพยาบาลนครธน บอกว่าตามตารับยาไทย แค่ชนิดเดียว แต่อาจารย์สุกญ แท้ ๆ จะต้ องใช้ ยาที่มีฤทธิ์ส่งเสริมและบารุ งร่ างกาย ป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึน้ จากยาควบคู่ไปด้วย เพราะฤทธิ์ของสมุนไพรส่ วนใหญ่ จะ ค่ อนข้ างแรงและเป็ นอันตรายต่ อตับและไตได้ ที่กนิ เข้ าไป...ฤทธิ์ร้ายยังไงบ้ าง? สมุนไพร ดอกคาฝอย

พริกไทย

กระเทียม

ส้ มแขก

สรรพคุณ มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือด บํารุ งเลือด ขับเหงื่อ และเป็ นยาระบาย ช่วยในการขับถ่าย

ข้ อควรระวัง หากชงดื่มในปริ มาณที่เข้มข้นเกินไป จะทําให้เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ใจหวิว มึนศีรษะ ประจําเดือนมาน้อย ปวดท้อง ประจําเดือน และมีฤทธิ์กระตุน้ หัวใจด้วย

ตําราแพทย์ไทยระบุวา่ พริ กไทยจะทําให้ตบั ร้อน และ อาจทําให้ตาอักเสบได้ง่าย คอบวมอักเสบ เจ็บคอบ่อย ส่ วนในแพทย์แผนปัจจุบนั ก็พบว่า ในพริ กไทยนั้นมีสาร "แอลคาลอยด์ไพเพอร์ริน" ถ้าได้รับมากเกินไป จะสะสม จนเป็ นสารก่อมะเร็ ง กระเทียมสดมีสารอัลลิซินอยูจ่ าํ นวนมาก กระเทียมมีสรรพคุณในการลดความดันโลหิ ตด้วย หาก มีสรรพคุณในการลดคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ กินต่อเนื่องกันในปริ มาณมาก ความดันอาจลดตํ่า จนเข้า และนํ้าตาลกลูโคสในเลือด ขีดอันตราย ทั้งยังทําให้เลือดเหลว หยุดช้า หากมีอุบตั ิเหตุ จะทําให้เสี ยเลือดมาก ทําให้เลือดลมเดินได้สะดวก แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้ อ มีฤทธิ์ร้อนช่วยกระตุน้ ระบบเผาผลาญ ให้ทาํ งานดี นิยมกินในรู ปแบบแคปซูล และ ผสมในอาหารมากกว่าปริ มาณปกติ

การศึกษาพบว่า ผลส้มแขกมีสาร Hydroxy-Citric Acid ที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการสะสมของ ไขมันส่ วนเกินในร่ างกาย และลดความอยากอาหาร ทั้งยังเป็ นยาระบายอ่อน ๆ ตามตํารายาไทย

"ยาระบาย" เป็ นตัวกระตุน้ ให้ร่างกายขับถ่าย อาจทําให้ อาหารที่ยงั ย่อยได้ ไม่เต็มที่ถูกระบายออกมา นานวันเข้า ลําไส้ก็จะทํางานไม่เป็ นปกติ ต้องใช้ยาระบายกระตุน้ การ ขับถ่ายตลอด

ลดหุ่นแบบไทยต้ องทายังไง? หากจะให้หุ่นสวยเพอร์เฟคท์ อ.สุ กญั ญา บอกว่า ตามหลักการของแพทย์แผนไทยก็ต้องเน้ นไปแก้ทตี่ ้นเหตุ เริ่มจากปรับพฤติกรรมการกิน มาใช้ การดีท็อกซ์ ด้วยธรรมชาติเพื่อให้ การขับถ่ ายดีขึน้ คือ เน้ นกินอาหารรสเปรี้ยว เช่น ส้มโอ นํ้ากระเจี๊ยบ และอาหารที่มีกากใยสู งพวกผัก และผลไม้ ยืดเหยียดร่ างกายด้วยฤๅษีดดั ตน หากต้องการตัวช่วย ยาไทยลดความอ้วนมีอยู่ ๒ ตัวด้วยกัน คือ จตุผลาธิกะ และลูกแปลกแม่ จตุผลาธิกะ : ถ้าเป็ นตํารับดั้งเดิมจะกินเป็ นยาต้ม แต่ปัจจุบนั จะอยูใ่ นรู ปของชาชง ประกอบด้วยสมุนไพร ๔ ชนิดคือ สมอพิเภก สมอไทย สมอเทศ และมะขามป้ อม จะช่วยในการขับถ่ายสิ่ งตกค้างเมือกมูกมันทั้งหลายในลําไส้ออกมา แต่เป็ นการถ่ายแบบรู้ปิดรู้เปิ ด พอถ่ายหมดแล้วก็ หยุดถ่าย ไม่มีอาการปวดท้อง หรื อถ่ายไม่สุดเหมือนท้องเสี ยแบบยาระบายทัว่ ไป ทั้งยังช่วยบํารุ งเลือดให้ไหลเวียนดีข้ ึนด้วย ลูกแปลกแม่ : ยาอายุวฒั นะตํารับไทยชนิดนี้เป็ นยาลูกกลอนที่ป้ ันจากพริ กไทย กล้วยนําไท มะตูมนิ่ม นํ้าผึ้ง เป็ นตัวช่วยให้ผวิ พรรณ สดใส ระบบการเผาผลาญในร่ างกายทํางานได้ดีข้ ึน นอกจากนี้ ยังมีการผสมยาหอมเพื่อให้ฤทธิ์เย็นเข้าไปตัดพิษร้อนของพริ กไทยด้วย


กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สพป.สมุทรสงคราม

ภาพกิจกรรม

หน้ า ๑๑

เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ นายสมชาย ปัญญเจริ ญ รองผูว้ ่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็ นประธานในพิธีสวนสนามและทบทวนคําปฏิญาณเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสื อแห่งชาติ ประจําปี ๒๕๕๖ ณ สนามกีฬาองค์การบริ หารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีผบู้ งั คับบัญชาลูกเสื อ ลูกเสื อ เนตรนารี ผูบ้ าํ เพ็ญประโยชน์ จากสถานศึกษาในจังหวัดสมุทรสงคราม และลูกเสื อชาวบ้าน ร่ วม ในพิธีจาํ นวนมาก เพื่อน้อมรําลึกถึงพระมหากรุ ณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ ๖ ผูพ้ ระราชทานกําเนิดลูกเสือไทย และเป็ นการแสดงความจงรักภักดีแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั องค์พระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ รวมทั้งปลูกฝังอุดมการณ์ให้ลูกเสื อเห็นความสําคัญของกิจกรรมลูกเสื อไทยโดยการเข้าพิธีทบทวนคําปฏิญาณและสวนสนาม

กลุ่มส่ งเสริ มสถานศึกษาเอกชน สพป.สมุทรสงคราม จัดอบรมโครงการพัฒนาผูบ้ ริ หารและครู โรงเรี ยนเอกชนในระดับจังหวัด กิจกรรมประชุมเชิงปฏิบตั ิการสําหรับผูบ้ ริ หาร และครู ผสู ้ อนวิชาภาษาอังกฤษในโรงเรี ยนเอกชน ระหว่างวันที่ ๖ - ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ ห้องประชุมชั้น ๓ สพป.สมุทรสงคราม โดยนายศุภชัย จิรันดร รองผูอ้ าํ นวยการสํานักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม เป็ นประธานเปิ ดการอบรม

เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ นางสุ ดา จินตกานนท์ รอง ผอ.สพป.สมุทรสงคราม เป็ นประธานการอบรมโครงการรักใส ๆ ของวัยเรี ยน โดยมีวตั ถุประสงค์เพื่อให้นกั เรี ยนมีความรู ้ ความเข้าใจเกี่ยวกับเพศศึกษา โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันสมควรของเด็กและเยาวชนในวัยเรี ยน โดยมีกลุ่มเป้ าหมายเป็ นนักเรี ยนชาย ชั้น ม.๓ จากโรงเรี ยน ในจังหวัดสมุทรสงคราม จํานวน ๑๐๐ คน ณ โรงเรี ยนวัดบางกะพ้อม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

คุรุสภาเขตพื้นที่การศึกษาสมุทรสงคราม จัดการอบรมโครงการเสริ มสร้างศีลธรรม คุณธรรม จริ ยธรรม และจรรยาบรรณของผูป้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษาจังหวัดสมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ ๘ - ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ วัดภุมริ นทร์ กุฎีทอง อ.อัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีนายภาณุพงศ์ สุขอภิรมย์ รอง ผอ.สพป.สมุทรสงคราม ให้เกียรติเป็ นประธานเปิ ดการอบรมในครั้งนี้ กลุ่มเป้ าหมาย ได้แก่ ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา จํานวน ๖๐ คน

เจ้าของ ที่ปรึ กษา บรรณาธิการ กองบรรณาธิการ ที่อยู่

กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ กลุ่มอํานวยการ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม นายวินยั ศรี เจริ ญ ผอ.สพป.สมุทรสงคราม, รอง ผอ.สพป.สมุทรสงคราม ทุกท่าน, ผอ.กลุ่มทุกท่าน นายวรเศรษฐ์ พูวฒั นาธนสิ น รอง ผอ.สพป.สมุทรสงคราม, นายไพโรจน์ แหวนเพ็ชร์ ผอ.กลุ่มอํานวยการ นายธราดล ณ ลําพูน, นางฐิติมา ไชยพร และเครื อข่ายประชาสัมพันธ์ สังกัด สพป.สมุทรสงคราม ทุกท่าน สพป.สมุทรสงคราม ๑๔๐ หมู่ ๓ ถ.เอกชัย ต.ลาดใหญ่ อ.เมืองฯ จ.สมุทรสงคราม ๗๕๐๐๐ โทร. ๐-๓๔๗๑-๑๐๑๓ โทรสาร ๐-๓๔๗๑-๕๗๙๐ http://prsongkram.wordpress.com


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.