หนังสือพิมพ์ไทยเสรี ฉบับที่ 168

Page 1

ปีที่ 15 ฉบับที่ 168 ทั นประจำ ส �ถเดืาอนพฤษภาคม น ก า ร ณ์2561

ติ ด ต า ม ข่ า ว ส า ร ไ ด้ ที่

w w w . t h a i s a e r e e .หน้ c oาm1

นักเรียนชราบาล จบแล้วจ้า ; น า ย กำ � ภ ล เ มื อ ง โ ค ต ร น า ย ก เ ท ศ ม น ต รี เ มื อ ง หนองคาย เป็ น ประธาน พิ ธี บ ายศรี สู่ ข วั ญ และมอบ ป ร ะ ก า ศ นี ย บั ต ร ใ ห้ กั บ นักเรียนชราบาลที่ผ่านการ เรียนการสอนตามอัธยาศัย รุ่ น ที่ 2 ประจำ � ปี 2561 จำ � นวนทั้ ง สิ้ น 108 คน ณ หอประชุ ม เทศบาลเมื อ ง หนองคาย จ.หนองคาย

ปีที่ 15 ฉบับที่ 168 ประจำ�เดือนพฤษภาคม 2561 ราคา 10 บาท

“กสทช.-อย.”ประกาศกร้าว มอนิเตอร์โฆษณาผิดกฎหมาย ยอมรับโซเซียขลเอาผิ ด ยากมาก อ น แ ก่ น จั ด

แก้ปญ ั หาการโฆษณาผิดกฎหมาย ; นายเลิศบุศย์ กองทอง รอง ผวจ.ร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดเวที นโยบายสาธารณะระดับภาค ประเด็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหา การโฆษณา ยาผลิตภัณฑ์สุขภาพ ที่ผิดกฎหมาย โดยมีเครือข่ายสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุม โรงแรม สาเกตนคร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด

“กสทช.-อย.” ร่วมมอนิเตอร์ ญี่ปุ่นอ้าแขนรับให้ถือหุ้นได้เต็มร้อย ตรวจเนื้ อ หาโฆษณาผิ ด ครบ 3 เดือนต้อง นำ�ร่องเปิดให้ไปทำ� “เรียวกัง” ได้แล้ว ระเบียบสายสื่อสาร กฎหมาย จัดการเด็ดขาด ยํา้ มีโทษปรับ อนาคตภาคบริการไทยสดใส หลายประเทศ หลั ง เกิ ด อุ บั ติ เ หตุ สูงสุดไม่เกิน 5 ล้าน และ เชื่อถือมาตรฐาน อนาคตญี่ปุ่นให้สามารถถือ หากฝ่าฝืนปรับวันละ 1 แสน หุ้นได้ร้อยละร้อย นำ�ร่องขณะนี้ให้นักลงทุน บาท ยอมรับโฆษณาผ่านโซ ไทยเข้าไปทำ�ธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก ที่ญี่ปุ่น กสทช. เดินหน้าจัดระบบ เซียลควบคุมยากมาก หากมี เรียกว่า “เรียวกัง” ได้แล้ว สายสื่ อ สารทั่ ว ประเทศ ฐานอยู่เมืองนอก เปิ ด เทอมผู ป ้ กครองกระเป๋ า ฉี ก โรงรับจำ�นำ�ตุนเงินรับเปิดเทอมใหม่ นำ�ร่องที่ขอนแก่น หลังเกิด “แม่ฟ้าหลวง”จัดโปรฯพิเศษ นำ�ชุดเก่ามาปะแก้ลดค่าใช้จ่าย ปรั บ ลดอั ต ราดอกเบี้ ย ถู ก สุ ด เหตุ สายสัญญาณ เกี่ยวคอ กระตุ้นเศรษฐกิจสองภาค ช่วยเหลือผูป้ กครองรับเปิดเทอมใหม่ โรงรับจำ�นำ� สาวใหญ่ จ นเกิ ด อุ บั ติ เ หตุ เปิดมิตใิ หม่บนิ เชือ่ มโยงภาคเหนือ-อีสาน ผู้ปกครองนํ้าตาซึม นำ�เสื้อนักเรียนเก่าของพี่ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยถูกสุดเหลือร้อยละสลึงต่อ ตายสยอง พร้อมลงตรวจร่วม ทอท.เดินสาย เปิดเส้นทางบินเชื่อมโยง มาเลาะแก้ให้นอ้ งได้ใส่ไปโรงเรียน เพือ่ ลดค่า อุดร-เชียงราย จัดโปรฯพิเศษ ลดค่า ใช้จ่าย ร้านปักชื่อปีนี้ไม่คึกคัก รายได้ลดลง เดือน หนองคายสัง่ เพิม่ เงิน 120 ล้านบาทรองรับ การต่างๆ เพื่อให้เกิดการบินเชื่อมโยง ส่วนขอนแก่นสำ�รองเงินสดไว้ 190 ล้านบาท ขณะ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 2 บริ จากจีนตอนใต้ ผ่านไปยังภาคเหนือตอน กว่า 30% ขณะที่เจ้าของร้านขายชุดนักเรียน ที่ครกหินอ่างศิลาก็รับจำ�นำ�เช่นกัน เส้นทาง เผยยอดขายลดลงเกือบ 10% บน-ภาคอีสานตอนบน เ​สน่หว​์ ถิ อ​ี สี าน​ย้อน​วนั วาน​นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานเปิดงาน “​เสน่ห์​วิถี​อีสาน​ ย้อน​วันวาน​ สืบสาน​วัฒนธรรม​ไทย​ ประจำ�ปี​ 2561​“ ​จัดโดย​สำ�นักงาน​ วัฒนธรรม​จงั หวัดข​ อนแก่น​และ​หน่วยงาน​ภาครัฐ​ และ​เอกชน​ใน​จงั หวัดข​ อนแก่น​​​ระหว่าง​ วันที่​18​-​19​พฤษภาคม​2561​ณ​บริเวณ​สวน​รัชดา​นุ​สร​ ณ์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

อ่านต่อหน้า 2

ตายสยอง

อ่านต่อหน้า 11

อ่านต่อหน้า 11

อ่านต่อหน้า 11

อ่านต่อหน้า 11

อ่านต่อหน้า 11


หน้า 2 แม่ฟา้ หลวงฯ

ปีที่ 15 ฉบับที่ 168 ประจำ�เดือนพฤษภาคม 2561 • ต่อจากหน้า 1 1 เศรษฐกิจ ของทั้งสองจังหวัดก็จะเจริญเติบโต มี

เชียงราย ซึ่งอยู่ในสังกัด บริษัท ท่าอากาศยาน ไทย จำ�กัด(มหาชน) หรือ ทอท. กับท่าอากาศยาน อุดรธานี ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในเรื่องของ การส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง และเป็นการเพิ่ม จำ�นวนนักท่องเทีย่ วของทัง้ สองภาค โดยเฉพาะนัก ท่องเทีย่ วชาวจีน และเป็นการส่งเสริมเพิม่ เครือข่าย การบินภายในประเทศ ทีท่ า่ อากาศยานแม่ฟา้ หลวง เชียงราย ระยะ พ.ศ. 2561-2563 นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัด อุ ด รธานี กล่ า วว่ า โอกาสเช่ น นี้ ถื อ ว่ า เป็ น มิ ติ ใหม่ ข องการขนส่ ง เดิ น ทาง โดยทางเครื่ อ งบิ น ระหว่ า งภาคเหนื อ ตอนบนและภาคอี ส านตอน บน ซึ่งในส่วนนี้ยังไม่เคยมีการบินเชื่อมโยงกัน มาก่อน ที่มีอยู่ในขณะนี้ที่ทำ�การบินอยู่ก็มีเพียง อุดรธานี-เชียงใหม่ และล่าสุดเป็นการเปิดเส้น ทางเชื่ อ มโยงภาคตะวั น ออกเฉี ย งเหนื อ ตอน บน กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จาก อุ ด รธานี - อุ บ ลราชธานี ที่ เ ป็ น การเปิ ด มิ ติ ใ หม่ ของนครสองอุฯ ซึ่งหากว่าโครงการทำ�การบิน เชื่อมโยง อุดรธานี-เชียงราย เกิดขึ้นได้ ก็จะยิ่งส่ง เสริมการขนส่ง เดินทาง ท่องเที่ยวและธุรกิจ ได้ มากยิ่งขึ้น และจะยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุน ให้เกิดการบินเชื่อมโยงประเทศจีนตอนใต้ มายัง กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ผ่านท่าอากาศยาน แม่ ฟ้ า หลวง เชี ย งราย มายั ง กลุ่ ม จั ง หวั ด ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ผ่านท่าอากาศยาน นานาชาติอุดรธานี ไปยังกลุ่มประเทศอนุลุ่มนํ้า โขง หรือ GMS คือ สปป.ลาว-เวียดนาม-กัมพูชาประเทศจีนตอนใต้ ซึ่งจังหวัดอุดรธานี ถือว่าเป็นจังหวัดใหญ่ ของภาคอี ส าน เป็ น ศู น ย์ ก ลางของการค้ า การ ลงทุน การบริการ และถือว่าเป็นศูนย์กลางของ กลุ่มประเทศอนุภาคลุ่มนํ้าโขง โดยทางภูมิศาต ร์ เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวในทุกมิติ เป็น พืน้ ทีท่ มี่ พี ระอริยสงฆ์ทเี่ ป็นทีเ่ คารพนับถือจำ�นวน มาก และมีทา่ อากาศยานขนาดใหญ่ จังหวัดในภาค อีสานตอนบนมาใช้บริการมากทีส่ ดุ ของภาคอีสาน มีผโู้ ดยสารมากทีส่ ดุ โดยในปี 2560 มีผโู้ ดยสารรวม แล้วกว่า 2.5 ล้านคน กำ�ลังมีแผนการขยายก่อสร้าง สิ่ ง อำ � นวยความสะดวกต่ า งๆ เพื่ อ ให้ ส ามารถ รองรับผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น หรือการท่องเที่ยว เชิงนิเวศ ก็มีทะเลบัวแดง หนองหาน ที่เป็นแหล่ง ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมดอกบัว แดงบานในช่วงหน้าหนาวเป็นจำ�นวนมาก สำ � หรั บ แผนการพั ฒ นาจั ง หวั ด ก็ ไ ด้ มี การวางแผนการเอาไว้ในระยะปี 2561-2565 มี 6 ยุทธศาสตร์ 24 กลยุทธ์ ครอบคลุมทุกด้าน ทุกมิติ และมียุทธศาสตร์หนึ่งคือการการพัฒนาด้านการ ท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ที่ สำ�คัญของจังหวัด นายวิ สู ต ร คำ � ยอด ผู้ อำ � นวยการท่ า อากาศยานแม่ฟา้ หลวง เชียงราย กล่าวว่า เนือ่ งจาก ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ที่สังกัดกับ บริษัทท่า อากาศยานไทย จำ�กัด(มหาชน) :ทอท ได้เปิด ให้บริการแก่สายการบินแบบเต็มรูปแบบตลอด 24 ช.ม. ทำ�ให้มีความพร้อมในการบริการมาก ขึ้ น นอกจากนี้ แ ล้ ว ทอท.มี โ ครงการส่ ง เสริ ม การเพิ่มเครือข่ายการบินภายในประเทศ ของท่า อากาศยานแม่ฟา้ หลวง เชียงราย ระยะปี 2561-2563 เพื่ อ เป็ น การส่ ง เสริ มสนั บ สนุน ให้ส ายการบิน ต่างๆ ที่ทำ�การเปิดเส้นทางบินมาจากท่าอากาศยา นอื่นๆในประเทศ ไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ทั้งแบบประจำ� (Scheduled Flight) หรือ แบบเช่าเหมาลำ�ทีม่ ตี ารางบินทีแ่ น่นอน (Chatered Flight with Confirmed schedule) โดยทาง ทอท.จะ ให้การสนับสนุนสายการบิน ด้วยส่วนลดอัตโนมัติ ผ่านการลดค่าบริการในการขึน้ -ลง ของอากาศยาน (Landing Free) ค่าบริการที่เก็บจากอากาศยาน (Parking Free) ค่าเช่าพื้นที่ของท่าอากาศยานฯ เพื่อทำ�เป็นสำ�นักงาน เงินโบนัสเพื่อส่งเสริมการ ขาย เงินสนับสนุนการทำ�การตลาดเส้นทางบินใหม่ ตามโครงการส่งเสริมให้สายการบินหลังหมดช่วง การคำ�นวณนั้นๆ แล้ว ประกอบกั บ ได้ รั บ การเรี ย กร้ อ งจากผู้ โดยสารในประเทศ สปป.ลาว ทีต่ อ้ งการเดินทางไป เทีย่ ว/สักการะสิง่ ศักดิส์ ทิ ธิ์ ในพืน้ ทีจ่ งั หวัดเชียงราย และภาคเหนือ ว่าไม่ได้รับความสะดวกในการเดิน ทาง เพราะต้องเดินทางมาขึ้นเครื่องบินที่อุดรธานี เข้ากรุงเทพฯ หรือเชียงใหม่ก่อน แล้วจึงต่อไปยัง ท่าอากาศยานแม่ฟา้ หลวง มีเป็นจำ�นวนมากพอ จึง เป็นจุดหนึ่งที่ทำ�ให้เกิดความคิดที่ต้องการให้เกิด การบินเชื่อมโยง เชียงราย-อุดรธานี เพราะอยู่ใกล้ ประเทศ สปป.ลาว และการเดินทางด้วยเครื่องบิน ในปัจจุบันก็มีความสะดวก ปลอดภัย ประหยัดค่า ใช้จ่าย และเวลา ดีกว่าที่จะต้องขับรถยนต์ในระยะ ทางไกลๆ และต้องใช้เวลานาน นายวิ สู ต รฯ กล่ า วต่ อ ไปอี ก ว่ า ท่ า อากาศยานแม่ฟา้ หลวงและท่าอากาศยานอุดรธานี นั้น มีปัญหาเหมือนๆ กันเกือบทุกอย่างเช่น แม้ว่า เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่ ก็ยังไม่ได้รับการยก ฐานะให้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติอย่างสมบูรณ์ แบบ เจ้าหน้าทีป่ ฏิบตั งิ านก็ยงั ไม่มปี ระจำ� อยูห่ า่ งที่ ปฏิบตั งิ านของเจ้าหน้าที่ ต.ม. ด่านศุลกากร เหมือน กัน มีเที่ยวบินขึ้น-ลงกว่าปีละ 1 หมื่นเที่ยวบิน เหมือนกัน มีผู้โดยสารเข้า-ออก จำ�นวนที่ใกล้เคียง กันมาก “ดังนั้นหากว่ามีการบินเชื่อมโยงระหว่าง ภาคเหนือกับภาคอีสานตอนบนได้แล้ว ก็เชือ่ ว่าจะ เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆทั้งสองฝ่าย ประชาชน ก็จะได้รับความสะดวกในการเดินทาง ท่องเที่ยว

การขนส่งสินค้าต่างๆ สะดวกมากขึน้ เกิดการแลก เปลี่ยนในด้านประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิตของ ทั้งสองภาค สำ�คัญมากคือการเดินทางท่องเที่ยว เพราะที่ท่าอากสยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มี สาย การบินของจีนจากมณฑลต่างๆ 6 สายการบิน มา ใช้บริการ” นายวิสูตรฯ กล่าว นายทินกร ทองเผ้า นายกสมาคมธุรกิจ ท่องเที่ยวจังหวัดอุดรธานี ได้กล่าวแสดงความคิด เห็นต่อโครงการดังกล่าวว่า จะสามารถเข้ามาช่วย เหลือส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้เป็นอย่างมากทีเดียว เพราะว่า ในปัจจุบันตนเองในฐานะของผู้ประกอบการท่อง เที่ยวด้วย จัดกรุ๊ปทัวร์ไปจีน จะต้องใช้วิธีเดินทาง ผ่านด่านจังหวัดหนองคาย ไปผ่านทางสนามบิน บินวัตไต นครหลวงเวียงจันทน์ เพราะที่สนามบิน วัตไตมีสายการบินจีนจากมณฑลต่างๆ บินมาใช้ บริการสนามบินวัตไตหลายสาย เช่น ไห่นาน ไห ลำ� มาเก๊า ฯลฯ นายทิ น กรฯ กล่ า วเพิ่ ม เติ ม อี ก ว่ า ขอ สนับสนุนความคิดดังกล่าว แต่ในเบื้องต้นนี้ อาจ จะเป็นการบินในลักษณะของเช่าเหมาลำ�ไปก่อน พร้อมกับให้สายการบินทำ�การสำ�รวจความเป็นไป ได้ไปพร้อมๆกัน เพือ่ หาข้อมูลการตลาดและจุดคุม้ ทุน หรือพิจารณาให้มกี ารบินเชือ่ มโยงระยะยาวคือ จากเชียงราย-เชียงใหม่-อุดรธานี-อุบลราชธานี “หากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้น มีสายการ บินประจำ� จะส่งเสริมทำ�ให้เกิดการท่องเทีย่ วเชือ่ ม โยงของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและนักท่องเที่ยวชาว จีน ที่เดินทางเข้ามาเที่ยวทางภาคเหนือ มายังภาค อีสานเพิม่ มากขึน้ ซึง่ ปัจจุบนั นักท่องเทีย่ วจีนทีเ่ ดิน ทางเข้ามาในจังหวัดอุดรธานี และภาคอีสาน ส่วน หนึง่ เป็นคนทีอ่ าศัยอยูใ่ นนครหลวงเวียงจันทน์ อีก ส่วนหนึง่ เป็นการเดินทางผ่านเข้ามาจากสนามบิน วัตไต” นายทินกรฯกล่าว

โรงรับจำ�นำ�

• ต่อจากหน้า 1

ช่วงปลายเดือน เม.ย. ต่อเนือ่ งจนถึงต้นเดือน พ.ค. จะเข้าสูช่ ว่ งโรงเรียนเปิดเทอม ซึง่ ผูป้ กครองทีม่ ี ลูกหลานอยู่ในวัยเรียนจะต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจาก ปกติอีกจำ�นวนมาก ขณะเดียวกันเป็นประจำ�เกือบ ทุกปีช่วงเวลาเปิดเทอมมักพบว่า จะมีผู้ปกครองไป ใช้บริการโรงรับจำ�นำ�เป็นอัตราสูงทุกปี อย่างไรก็ตาม ปีนปี้ รากฏว่า รัฐบาล โดยกรม ส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ที่กำ�กับดูแลโรงรับจำ�นำ� หรือสถานธนานุบาล ของ รัฐบาล 240 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งนายสุทธิพงษ์ จุล เจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ระบุ ได้ มี ม าตรการช่ ว ยเหลื อ และบรรเทาความเดื อ ด ร้อนของผู้ปกครองและประชาชนทั่วไป ตลอดจน แก้ไขปัญหาการกู้ยืมเงินนอกระบบ และให้มีเงิน หมุนเวียน ดังนี้ 1. ระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-31 พ.ค. 2561 มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโรงรับจำ�นำ�ในสังกัด2. เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ต่อเดือน 3.เงินต้นเกิน 5,000 บาท คิดอัตรา ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน และ 4.เมื่อพ้นกำ�หนด แล้ว ใช้อัตราดอกเบี้ยปกติ คือ เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.5 ต่อเดือน และเงิน ต้นเกิน 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อ เดือน นางสาวทวิพร สุขสมกิจ ผู้จัดการสถานธนานุบาล เทศบาลเมืองหนองคาย เปิดเผยว่า ขณะนีไ้ ด้มบี รรดา ผู้ปกครองนักเรียนจำ�นวนมากมาใช้บริการโรงรับ จำ�นำ� หรือสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองหนองคาย เนื่องจากเป็นช่วงใกล้เปิดภาคการศึกษา ส่วนมาก ร้อยละ 80 ได้นำ�ทองรูปพรรณมาจำ�นำ� นอกจากนี้ ยังมีกล้องถ่ายรูป เครื่องมือช่าง เช่น ตู้เชื่อมไฟฟ้าทั้ง ขนาดเล็กและใหญ่ เครือ่ งปัม้ ลม เครือ่ งปัน่ ไฟ เครือ่ ง ตัดหญ้า เครื่องใช่ไฟฟ้าทุกชนิด ตลอดจนจักรเย็บ ผ้า มาจำ�นำ�ด้วย ซึ่งสถานธนานุบาลเทศบาลเมือง หนองคาย ก็ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่เช่น เดียวกัน “ในช่วงเปิดเทอมนี้ทางเทศบาลได้จัดเงิน ทุนหมุนเวียนไว้เพื่อให้ผู้มาใช้บริการสถานธนานุ บาล จำ�นวน 120 ล้านบาท อีกทั้งยังมีเงินสะสมอีก จำ�นวนหนึ่ง ไว้เป็นเงินสำ�รอง ผู้ปกครองที่เดือด ร้อนเข้าใช้บริการของสถานธนานุบาลเทศบาลเมือง หนองคาย เนื่องจากคิดอัตราดอกเบี้ยตํ่า เริ่มต้นร้อย ละ 25 สตางค์ ต่อเดือน สูงสูดไม่เกินร้อยละ 1 บาท ต่อเดือน แล้วแต่จำ�นวนเงินต้น ซึ่งอยู่ได้นานถึง 5 เดือน” นางสาวทวิพร กล่าว ด้าน นางวรารัตน์ ขลิบเงิน ผู้จัดการสถาน ธนานุบาล เทศบาลนครขอนแก่น แห่งที่ 1 เปิดเผย ว่า ได้เตรียมความพร้อมให้บริการประชาชนผูท้ จี่ ะมา ใช้บริการ โดยขณะนีม้ เี งินทุนหมุนเวียนราว 300 ล้าน บาท และในช่วงก่อนเปิดเทอมนายธีระศักดิ์ ฑีฆายุ พันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ได้อนุมตั ใิ นการ สำ�รองเงินสดให้กบั โรงรับจำ�นำ�ทัง้ 2 แห่ง คือ สถาน ธนานุบาลเทศบาลนครขอนแก่น 1 และสถานธนานุ บาลเทศบาลนครขอนแก่น 2 โดยได้ส�ำ รองเงินสดไว้ รวม 190 ล้านบาท เนื่องจากเข้าสู่ช่วงเปิดภาคเรียน พ่อแม่ผู้ ปกครองมีภาระค่าใช้จ่ายสูง และจัดโปรโมชั่นพิเศษ ลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้าน การเงินของประชาชนผู้มีรายได้น้อย เพราะปริมาณ คนที่จะมาใช้บริการจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่ละวันจะ มีผู้มาใช้บริการนำ�สิ่งของมีค่ามาจำ�นำ�เฉลี่ยวันละ 4-5 ล้านบาท และทองคำ�รูปพรรณเป็นสิ่งของที่ ประชาชนนำ�มาจำ�นำ�มากที่สุด รองลงมาคือ เครื่อง ใช้ไฟฟ้า เครื่องมือช่าง เครื่องมือการเกษตร เครื่อง มือก่อสร้าง เครื่องพิมพ์ดีด ถุงกอล์ฟ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก นอกจากนี้ยังมีของมีค่าอื่นๆ เช่น ถังเบียร์

จิตอาสาขอนแก่น กำ�จัดผักตบชวาลำ�ห้วยศิลา

แก้ ปั ญ หานํ้ า ท่ ว มเมื อ งซํ้ า ซาก

เมื่ อ วั น ที่ 9 พ.ค.61 นายสมศักดิ์ จังตระกูล ผวจ. ขอนแก่น พร้อมด้วย พล.ต.กา จบดินทร์ ยิง่ ดอน รอง ผอ.รมน. จว.ขอนแก่น นายฉัตรณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา หน.สนง. ปภ.จว.ขอนแก่ น นายเรื อ ง โชค ชัยดำ�รงกุล ผอ.โครงการ ชลประทานขอนแก่ น นาย ฉัตรชัย อุ่นเจริญ นายอำ�เภอ เมืองขอนแก่น นายยอดยิ่ง จัน ทนพิมพ์ นายกเทศบาลเมืองศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น และจิตอาสาทำ�ความดีเพื่อแผ่นดิน ร่วมกันกำ�จัดผัก ตบชวา ขุดลอกสิ่งกีดขวางระบายนํ้าบริเวณสะพาน ลำ � ห้ ว ยศิ ล า บ้ า นหนองกุ ง ในเขตพื้ น ที่ ตำ � บลศิ ล า อ.เมืองขอนแก่น เพื่อรองรับสถานการณ์อุทกภัยที่จะ เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นในช่วงฤดูฝน 2561 เพราะลำ�ห้วยศิลามีความยาวประมาณ 7-8 กิโลเมตร จากบ้านโนนม่วงไปที่บ้านศิลา จะเป็นแหล่งรับนํ้า ที่มาจากนํ้าฝน นํ้าใช้ที่เหลือทิ้ง และจากชาวชุมชน บ้านโนนม่วง กับ ม.ขอนแก่น ลงสู่ลำ�ห้วยศิลาจนมา ติดกับเศษวัชพืช ผักตบชวาและมาตันที่ใต้สะพาน ข้ามลำ�ห้วยศิลาทีเ่ ป็นถนนมิตรภาพ เมือ่ มีพายุฤดูรอ้ น พัดผ่าน หรือ ฝนตกในขอนแก่น ทำ�ให้นํ้าท่วมในเขต เมืองขอนแก่นทุกครั้ง นายสมศักดิ์ ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า นานกว่า 10 ปี ถ้ามีฝนตกลงมาในเมืองขอนแก่นจะเกิดนํ้าท่วม ทุกครั้ง โดยเฉพาะเส้นทางถนนมิตรภาพทั้งฝั่งขาขึ้น

และขาล่อง ที่มีระดับนํ้าสูงกว่า 20- 30 ซม. นอกจาก นีใ้ นเขตเทศบาลตำ�บลบ้านเป็ดทีม่ บี า้ นจัดสรรจำ�นวน มากก็มีนํ้าท่วมมากกว่า 30 ซม. กระทั่งเข้ามาในเขต เมืองขอนแก่นก็มีนํ้าท่วมขังทุกครั้ง ขณะนี้คณะกรรมการบริหารจัดการนํ้าและ แก้ปญั หานาํ้ ท่วมใน จ.ขอนแก่น จึงต้องเร่งป้องกันไม่ ให้เกิดขึน้ มาอีก โดยคณะกรรมการฯประชุมหลายครัง้ และตรวจดูบริเวณโดยรอบเมืองขอนแก่น ซึง่ เป็นเส้น ทางเดินของนาํ้ บริเวณประตูระบายนาํ้ บริเวณศูนย์วจิ ยั ข้าวขอนแก่น หน้า รพ.ขอนแก่น - ราม ในเขตเทศบาล นครขอนแก่น พร้อมทั้งเปิดสถานีโรงสูบนํ้าและเปิด เดินเครื่องสูบนํ้าพลังงานไฟฟ้า ริมบึงหนองโคตร เทศบาลตำ�บลบ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น กระทัง้ วัน นี้มาที่ห้วยศิลา บ้านหนองกุง ถ.มิตรภาพ ต.ศิลา เพื่อ กำ�จัดผักตบชวา วัชพืช ขยะ และ ขุดลอกคูคลองให้มี ความลึกและกว้างขึ้น เพื่อการไหลของนํ้าสะดวกขึ้น และไม่ไห้นํ้าท่วมในเขตเศรษฐกิจเมืองขอนแก่น

ดีแทค รีวอร์ด ‘ใจดี’ ลยุ ต่างจังหวัดทุกภาคทัว่ ไทย มุ่งเน้นชวนลูกค้าเติมเงิน ใช้สิทธิให้มากขึ้น ดีแทค ตอกยํ้าจุดยืน ทางการตลาดใจดี ขี้ เ ล่ น สร้างสรรค์ เดินหน้าส่งมอบ ประสบการณ์ จ ากดี แ ทค รี ว อร์ ด ด้ ว ยสิ ท ธิ พิ เ ศษที่ มากขึ้น จากร้านค้าพันธมิตร มากกว่ า 25,000 ร้ า นค้ า ทั้ ง ในห้ า งและนอกห้ า ง ใน 20 จังหวัด ทัว่ ทุกภาคของ ประเทศไทย น า ย ปั ญ ญ า เ ว ช บรรยงรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าทีบ่ ริหาร กลุม่ งาน พาณิชย์ บริษทั โทเทิล่ แอ็คเซ็ส คอมมูนเิ คชัน่ จำ�กัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคมุ่งมั่น เข้าใจ ลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อนำ�มาสร้างสรรค์สินค้าและ บริการที่แตกต่าง ให้สิ่งที่คุ้มค่า รวมถึงสิทธิพิเศษ จากดีแทค รีวอร์ด ภายใต้แนวคิด“ใจดี” เพือ่ ให้ชวี ติ ลูกค้าง่ายขึ้น และยิ้มได้กว้างขึ้น เพราะความสุข และรอยยิ้มของลูกค้าเป็นสิ่งที่สำ�คัญที่สุดสำ�หรับ เรา ลูกค้าไม่เพียงแต่คาดหวังประสบการณ์ดิจิทัล ใหม่ๆ และความคุ้มค่าที่ได้จากแบรนด์เท่านั้น แต่ ยังต้องการสิทธิพิเศษจากดีแทคที่ให้ได้มากกว่า จริงๆ และใช้สิทธิได้ง่าย ใกล้บ้านและที่ทำ�งานไม่ ว่าจะอยู่ในกรุงเทพหรือต่างจังหวัด ดีแทคจึงได้ให้ ความสำ�คัญ ในการพัฒนาดีแทค รีวอร์ด อย่างต่อ เนื่องใน 2 ปีที่ผ่านมา และเพิ่มดีกรีประสบการณ์ที่ สามารถตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าให้ได้ มากที่สุด” นางสาวเพ็ญพงา สุทธิมณฑล ผู้อำ�นวย การฝ่ายบริหารลูกค้า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอม มูนิเคชั่น จำ�กัด (มหาชน) หรือ ดีแทค “จากผล การสำ�รวจของดีแทค รีวอร์ด พบว่า ลูกค้าที่เคย มีประสบการณ์ใช้สิทธิพิเศษในร้านค้าพันธมิตร แต่ละเดือน ต่างตอบรับและประทับใจกับการได้ สิทธิพิเศษจากดีแทค รีวอร์ด เป็นอย่างมาก โดย การันตีจากผลโหวตของชาวออนไลน์บางเว็บไซต์ ยังยกให้ ดีแทค รีวอร์ด เป็นแคมเปญที่ดีที่สุดเรื่อง ความเยอะของร้านค้า ใช้ได้คมุ้ ค่าจริง และร้านส่วน ใหญ่มชี อื่ เสียง เพียงลูกค้าเห็นป้ายก็แลกสิทธิได้เลย ทำ�ให้เรามั่นใจในการดำ�เนินงานที่ผ่านมาว่าเรามา ถูกทางแล้ว ภายใต้จุดยืนทางการตลาด ใจดี ในปีนี้ดี แทค รีวอร์ด มุง่ มัน่ ตอบสนองความต้องการถึงกลุม่ ลูกค้าจำ�นวนมาก โดยเน้นสิทธิพเิ ศษใน 3 หมวดคือ

อาหารเครื่องดื่ม ไลฟ์สไตล์ และการท่องเที่ยว โดย มีกลยุทธ์หลักคือ เพิ่ ม จำ � นวนพั น ธมิ ต รร้ า นค้ า ในจั ง หวั ด หลักๆที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใน 20 จังหวัดทุกภาค ทั่วประเทศไทย เช่น ชลบุรี นครปฐม นนทบุรี อยุธยา พิษณุโลก ขอนแก่น บุรีรัมย์ อุบลราชธานี สงขลา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ มากขึ้น ร่ ว มมื อ กั บ พั น ธมิ ต รที่ เ ป็ น แบรนด์ ร้ า น อาหารและเครือ่ งดืม่ ทีม่ ชี อื่ เสียงในห้างสรรพสินค้า และยังเข้าไปเป็นพันธมิตรกับร้านค้ารายเล็กใน ตลาด แหล่งชุมชนและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ในต่างจังหวัด นอกห้างสรรพสินค้า เชิญชวนให้ลูกค้าดีแทคทั้งแบบรายเดือน และเติมเงิน ได้เข้ามาใช้สิทธิให้มากขึ้น โดยเฉพาะ ลูกค้าเติมเงิน ทีป่ จั จุบนั มีลกู ค้าใช้สทิ ธิเพียง 2 แสน ราย โดยใช้กลยุทธ์ในการสือ่ สารให้เข้าถึงลูกค้าทุก แพลตฟอร์ม ตัง้ แต่ภาพยนตร์โฆษณาทางทีวี โซเชีย ลมีเดียออนไลน์ วีดีโอยูทูป แบนเนอร์ ป้ายโฆษณา โฆษณาในโรงภาพยนตร์ โดยมี พระเอกหนุ่ม ใจดี ขี้เล่น ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ ถ่ายทอด จุดขาย ดีแทค รีวอร์ด ฟรี แถม ลด ทุก ภาคทั่วไทย “ปัจจุบันดีแทค รีวอร์ดมีจำ�นวนร้านค้าที่ เข้าร่วมเป็นพันธมิตร 25,000 ร้านค้า และตั้งเป้า เพิ่มให้ถึง 3 หมื่นร้านค้าในปลายปีนี้ เป้าหมาย ของเรา คือ เพิ่มจำ�นวนร้านค้าพันธมิตรให้เยอะ ให้รองรับให้ได้ทั้งลูกค้ารายเดือนและเติมเงินทั่ว ทุกภาค จุดยืนของเรา คือ ไม่มีคะแนน ไม่ต้องใช้ อะไรแลก และง่าย กดรับสิทธิได้เลยจากมือถือ หรือ เข้าไปกดได้จากดีแทค แอป ก็จะเห็นสิทธิพิเศษที่ รวบรวมมาไว้ให้ลกู ค้าเห็นร้านค้าและสิทธิทงั้ หมด ได้เลย”

วุ้น ผ้าไหมที่ยังไม่ได้ใช้ รวมทั้งครกหินอ่างศิลา ทาง สถานธนานุบาลก็รับจำ�เช่นกัน โดยจะให้ราคา 300 บาท “สำ�หรับทรัพย์สินที่นำ�มาจำ�นำ�นั้น มีหลาก หลาย ซึ่ ง เจ้ า หน้ า ที่ ก็ จ ะพิ จ ารณาให้ ร าคาไปตาม คุณภาพของทรัพย์สินแต่ละชิ้นที่นำ�มา มีทั้งราคา หลัก 100 ถึงหลักหมื่น เพราะทุกคนเข้ามาใช้บริการ โรงรับจำ�นำ�แล้ว จะได้เงินกลับไปใช้จ่ายในบรรเทา ความเดือดร้อนในครอบครัวทุกราย โดยยอดจำ�นำ�ไม่ เกิน 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 25 สตางค์ ต่อเดือน ยอดจำ�นำ�เกินกว่า 30,000 บาท คิดอัตรา ดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาทต่อเดือน ซึ่งโปรโมชั่นจะสิ้น สุด 31 พฤษภาคมนี้” นางวรารัตน์ กล่าวและว่า พี่น้องประชาชนที่ต้องการใช้เงินด่วนใน ช่วงเปิดเทอม สามารถมาใช้บริการสถานธนานุบาล ของเทศบาลนครขอนแก่นทั้ง 2 แห่ง คือ สถานธนา

นุบาลแห่งที่ 1 ตั้งอยู่ถนนรอบเมือง ใกล้กับโรงเรียน เทศบาลคุม้ หนองคู และสถานธนานุบาลแห่งที่ 2 ตัง้ อยู่ถนนกลางเมือง ตรงข้ามสถานีตำ�รวจภูธรเมือง ขอนแก่น เบอร์โทรติดต่อ 043 – 246150 และ 043 – 220881 ด้าน นายประสิทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี อาชีพรับเหมาก่อสร้าง ได้นำ�สร้อยคอทองคำ� หนัก 2 บาท ที่ซื้อมาเมื่อ 2 ปีก่อน ในราคา 40,000 บาท มาจำ�นำ�ไว้ในราคา 25,000 บาท เปิดเผยว่า ช่วง นี้เศรษฐกิจไม่ดี เงินในบ้านก็ไม่มี แต่ต้องหาเงินให้ ลูกชายและลูกสาวไปจ่ายเป็นค่าบำ�รุงการศึกษา ซื้อ เสื้อผ้า หนังสือ จึงจำ�เป็นต้องนำ�สิ่งของมีค่าเข้ามา จำ�นำ�ไว้ก่อน ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกสองคนนำ�ไปจ่ายเป็น ค่าเล่าเรียน ซึง่ เงินจำ�นวนดังกล่าวทีไ่ ด้มาคงไม่พอใช้ จ่าย ขาดเหลือมากน้อยขนาดไหน ตนคงไปหาสิง่ ของ มีค่าในบ้านมาจำ�นำ�เพิ่มเติม

“เห็บหมา หัวหงอก” ใหญ่คับเมือง ทิง้ ท้ายฉบับทีแ่ ล้วไว้วา่ ไปออกข่าวโจมตีผู้ บริหารคณะหนึ่ง ใน มข. เพื่อหวังเรียกค่าปิดปาก ไปเรียกเงินกินเปล่าฝากเด็กเข้าโรงเรียนชือ่ ดัง รวม ทั้งเดินสายขอเงินหน่วยงาน ออกหนังสือพิมพ์ ถวายพระพร และวันครบรอบปี ... หากินทุกทาง บัดซบจริงๆ เลย ฉบับหน้ามาเปิดโปง “เห็บหมา หัวหงอก” กันต่อครับ ก็มาเริม่ ต้นที่ “เห็บหมา” ไปได้บตั รสนเท่ห์ ร้องเรียนผู้บริหารคณะหนึ่งใน ม.ขอนแก่น ซึ่งก็ ต้องบอกนะครับว่าเป็นหนังสือร้องเรียนที่ทำ�ขึ้น มาจากผู้ไม่หวังดี ถ้าหวังดีคงไม่ทำ� ว่าอย่างนั้น โจมตีกล่าวหาว่ามี “ผศ.ท่านหนึ่งลาไปทำ� ผลงานทางวิชาการ แต่เมื่อครบกำ�หนดวันลา ไม่มี ผลงานทางวิชาการ ถือเป็นความผิดอย่างร้ายแรง โทษ ไล่-ปลด สถานเดียว” คนทีท่ �ำ งานด้านข่าวมืออาชีพจริงๆ ก่อนที่ จะนำ�เสนอข่าวด้วยใจเป็นธรรม ไม่มอี คติแอบแฝง หรือรับงานใครมา ก่อนจะนำ�เสนอ จะต้องมีการ ลงพื้นที่หาข้อมูล สอบถามผู้รู้ ศึกษาระเบียบข้อ บังคับที่เกี่ยวข้องต่างๆ ให้ละเอียด เสียก่อน และที่ สำ�คัญต้องรู้ด้วยว่า หนังสือร้องเรียนที่รับงานมา นั้น มันมีที่มาอย่างไร โชคยังดี ที่ผู้บริหาร ท่านไม่อยากค้าความ ให้เสียเวลา เลยไม่แจ้งความเอาผิด ไม่งั้นได้หอบ ดอกไม้ธูปเทียนไปกราบเท้าขอขมา ก่อนเข้าคุก ที่ว่าใหญ่คับเมือง ก็เพราะว่า ครั้งหนึ่งเคย ไปวางกล้ามในการประมูลจัดซื้อ “นมโรงเรียน” ไปขอค่าฮั้ว ด้วยการประกาศศักดาความเป็นสื่อ ใหญ่ว่า หากไม่ให้จะพาบรรดาสื่อต่างๆ ที่อยู่ใน คอนโทรลมาแฉ เบื้องหน้า-เบื้องหลัง บังเอิญ บริษทั ทีป่ ระมูลได้ ดันเป็นของอดีต

นักการเมืองท่านหนึง่ ทีค่ ลุกคลีอยูก่ บั โรงเรียน เกิด อาการกลัวจนตัวสั่น บอกไม่มีบริษัทฯมายื่นซอง หน้าด้านมาขอดือ้ ๆ ถ้าพูดดีๆ ก็พอจะเจียดเศษเงิน โยนให้ แต่นมี้ าแบบกร่าง โชว์พาวเลยไม่ให้สกั บาท สมนํ้าหน้า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว งง กับผู้อำ�นวยการ สถานศึกษา 2-3 แห่ง ในเมืองขอนแก่นที่มีช่ือ เสียง คิดอย่างไรถึงได้ตงั้ “เห็บหมา หัวหงอก” เป็น กรรมการผูท้ รงคุณวุฒสิ ถานศึกษา เพราะเอาแค่วฒ ุ ิ ภาวะ ภูมิความรู้ก็ไม่ผ่านแล้ว หรือตั้งเพื่อให้หาผล ประโยชน์จากการเรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ยะส่ง “เห็บหมา” จะประกาศว่า แต่ละปีมันจะ มีโควต้าฝากเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนดังๆ ตั้งแต่ ระดับอนุบาลถึงมัธยม แห่งละ 5 คน ต้องจ่ายเงิน ให้มัน รายละอย่างน้อย 40,000 – 50,000 บาท ซึ่ง เงินจำ�นวนนี้ ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงว่าสุดท้ายไปเข้า กระเป๋าใคร ว่างๆ จะตามไปขุดมาเล่าให้ฟัง ใหญ่คับเมืองจริงๆ สิ้นเดือน เดินสายวาง บิล “ค่าข่าว” กับบรรดาหัวหน้าส่วนราชการ และ นายอำ�เภอต่างๆ ปานท่านเหล่านั้นเป็นเมืองขึ้น อ้างกับเสมียนตราว่าคุยกับนายแล้ว สุดท้ายทน ความหน้าด้านของเห็บหมาไม่ได้ ก็จำ�ใจยอมจ่าย ต้นเดือน แค่เห็นเงาคนหัวหงอกเดินขึ้น บันไดมา หลบกันเป็นแถว เห็บหมารู้ทัน ไปดักรอ หน้าห้องประชุม วันที่จังหวัดนัดประชุมหัวหน้า ส่วนราชการประจำ�เดือน ทำ�เอาหลายท่านหลบ ไม่ ทั น ต้ อ งควั ก จ่ า ย แต่ มี อำ � เภอแถวๆ ด้ า นติ ด จังหวัดอุดรธานี ใจถึงประกาศห้าม เห็บหมาเข้า พื้นที่ ท่านคงกลัวเอาตัวเสนียดไปติด ... ว่าจะจบ ยังจบไม่ลงดี ความอัปรีย์มีเยอะ เอาต่ออีกสักฉบับแล้วกันนะครับ .... ป้องกันอาชญากรรม แ ล ะ ย า เ ส พ ติ ด ; นายพงษ์ ศั ก ดิ์ ตั้ ง วานิ ช กพงษ์ นายก อ บ จ . ข อ น แ ก่ น เป็ น ประธานเปิ ด โครงการ “ส่งเสริม การรักษาความสงบ เรี ย บร้ อ ย ป้ อ งกั น อาชญากรรมและยา เสพติด” ประจำ�ปีงบประมาณ 2561 โดยมี พ.ต.ท.ศิระ ภูมสิ ถาน สวป.สภ.หนองสองห้อง พ.ต.อ.บร เมศร์ สายคำ�ทอน ผกก.สภ.หนองสองห้อง พร้อมคณะเจ้าหน้าทีต่ �ำ รวจ ร่วมโครงการ ณ หอประชุม อำ�เภอหนองสองห้อง จ.ขอนแก่น เมื่อเร็วๆ นี้

วั น สถาปนาโรงรั บ จำ�นำ� ครบรอบ 58 ปี ; นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุ พันธุ์ นายกเทศมนตรี นครขอนแก่น พร้อม ด้วย นายมนตรี สิงห ปุ ณ ณ ภั ท ร ร อ ง น า ย ก เ ท ศ ม น ต รี นครขอนแก่น ร่วม กิจกรรมวันสถาปนา สถานธนานุบาลครบรอบ 58 ปี แจกของที่ระลึกให้กับผู้มาใช้บริการ โดยมี นางวรารัตน์ ขลิบเงิน ผู้ จัดการสถานธนานุบาล แห่งที่ 1 และ นางสุวิมล วิคแมน ผู้จัดการสถานธนานุบาล แห่งที่ 2 ให้การ ต้อนรับ ณ สถานธนานุบาลเทศบาลนครขอนแก่น 1 ถนนรอบเมือง ใกล้กับโรงเรียนเทศบาลคุ้ม หนองคู


หน้า 3

ปีที่ 15 ฉบับที่ 168 ประจำ�เดือนพฤษภาคม 2561

จุดประกายคนรุ่นใหม่ สร้างธุรกิจจากเกษตรนวัตกรรม ในระดับภูมิภาค “เศรษฐกิจไทยก้าวไกลด้วยเกษตรนวัตกรรม” สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม กรมการค้ า ต่ า งประเทศ กระทรวงพาณิ ช ย์ จั ด สัมมนาเครือข่ายและส่งเสริมช่องทางการตลาด สินค้าเกษตรนวัตกรรม เพือ่ สร้างแรงบันดาลใจนัก ธุรกิจรุ่นใหม่ ภายใต้โครงการพัฒนาเครือข่ายและ ส่งเสริมช่องทางการตลาดสินค้าเกษตรนวัตกรรม ไทย ระดับภูมิภาคในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียง เหนือ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2561 ณ โรงแรม อวา นี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ อำ�เภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เพื่ออำ�นวยความ สะดวกและส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์นวัตกรรม และพัฒนาเครือข่ายผู้ประกอบการให้มีความเข้ม แข็ง และพร้อมแข่งขันในตลาดโลก นายพิทยา โกยสกุล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ

ด้านมาตรการการค้า และสิทธิประโยชน์ กล่าวว่า การจัดงาน “APi Roadshow มหัศจรรย์พาเหรด สินค้าเกษตรนวัตกรรม เลาะอีสาน แอ่วเหนือ ล่อง ใต้” เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการขับเคลื่อนการ พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ภายใต้โมเดล “ประเทศไทย 4.0” ที่ มุ่ ง เน้ น การปรั บ เปลี่ ย น โครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ Value-Based Economy โดยมีเป้าหมายสำ�คัญ คือ การเปลีย่ นจากผลิตสินค้า “โภคภัณฑ์” ไปสู่สินค้าเชิง “นวัตกรรม” เพื่อสร้าง ความมั่งคั่ง อย่างยังยืน ให้กับประเทศไทย สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม กรมการค้าต่างประเทศ จึงได้จัดโครงการพัฒนา เครื อ ข่ า ยและส่ ง เสริ ม ช่ อ งทางการตลาดสิ น ค้ า เกษตรนวัตกรรมไทยระดั บภูมิภาค ทั้งเขตภาค

ขอนแก่นเร่งจัดระเบียบ สายสื่อสารบนเสาไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2561 ที่สวนรัช ดานุสรณ์ สวนสาธารณะใจกลางเมือง ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่า ราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธาน เปิดงานจัดระเบียบสายสื่อสารในพื้นที่ จังหวัดขอนแก่น โดยความร่วมมือกัน ระหว่าง กสทช. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และผู้ประกอบกิจการสื่อสารในจังหวัด ขอนแก่นทั้งภาครัฐภาคเอกชน โดยสำ�นักงาน กสทช. ร่วมกับการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค ผู้ประกอบกิจการสื่อสาร ได้กำ�หนด แผนจัดระเบียบสายสือ่ สารบนเสาไฟฟ้าในจังหวัด ขอนแก่น จำ�นวน 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางถนน กลางเมือง จากแยกประชาสโมสร ถึงสามแยก ถนนหลังศูนย์ราชการ ระยะทาง 1 กิโลเมตร และ ถนนหน้าเมือง จากสี่แยกถนนประชาสโมสร ถึง ถนนหลังศูนย์ราชการ ระยะทาง 1 กิโลเมตร เมื่อเสร็จสิ้น 2 เส้นทางนำ�ร่องแล้ว จะดำ�เนินการ ในเส้นทางวิกฤตที่ไม่สามารถอนุญาตให้พาดสาย สื่อสารต่อไปได้ อีก 4 เส้นทาง อาทิ เส้นทางถนน กสิกรทุ่งสร้าง เส้นทางทางเข้าบ้านโนนม่วง เส้น ทางถนนสมหวังสังวาล และเส้นทางถนนมะลิ วัลย์ ตั้งแต่สี่แยกที่ว่าการเมืองขอนแก่น ถึงสี่แยก เทศบาลอำ�เภอชุมแพ จากนัน้ จะขยายไปตามอำ�เภอ ใหญ่ ที่มีปัญหาเหมือนกัน ผูว้ า่ ราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ขณะ นีพ้ บว่าสายสือ่ สารทีพ่ าดผ่านตามแนวเสาไฟฟ้า ใน เขตเทศบาลนครขอนแก่น กว่าร้อยละ 60 เป็นสาย

เหนื อ ภาคตะวั น ออกเฉี ย งเหนื อ และภาคใต้ ซึ่ ง เป็ น ภู มิ ภ าคที่ มี พื้นที่มีพื้นที่เกษตรกรรม และกลุ่ม อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาด ย่อม ทางการเกษตรที่หลากหลาย ทัง้ นี้ เพือ่ อำ�นวยความสะดวกและส่ง เสริมการตลาดผลิตภัณฑ์นวัตกรรม และพัฒนาเครือข่ายผู้ประกอบการ ให้มีความเข้มแข็ง พร้อมแข่งขันใน ตลาดโลกและสร้างมูลค่าทางการค้าให้กับประเทศ ได้อย่างยั่งยืน นายพิทยา กล่าวต่อว่า สำ�หรับสินค้าเกษตร ที่ถูกพัฒนา อาทิ ข้าว มันสำ�ปะหลัง ผลไม้ สมุนไพร ชนิดต่างๆ เป็นการจัดขบวนพาเหรดสินค้าเกษตร นวัตกรรม พร้อมอาหารแปลกใหม่ด้วยนวัตกรรม มากกว่า 30 ร้านค้า นอกจากนี้ ยังมีสนิ ค้าเพือ่ สุขภาพ ทุก Lifestyle โดยจัดให้ประชาชนและผู้ประกอบ การได้ ชอป ชิม ชม ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ หน้าขอนแก่นฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ขอนแก่น ระหว่างวันที่ 3 - 6 พฤษภาคม 2561 ภายใต้ชื่องาน Thailand AGR Innovation

2018 “APi Roadshow มหัศจรรย์พาเหรดสินค้า เกษตรนวัตกรรม เลาะอีสาน แอ่วเหนือ ล่องใต้” “นอกจากการจั ด คาราวานสิ น ค้ า เกษตร นวัตกรรมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายแล้ว ใน โอกาสนี้ กระทรวงพาณิชย์ ยังจัดสัมมนาภายใต้

โครงการพัฒนาเครือข่ายและส่งเสริมช่องทางการ ตลาดสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย ณ โรงแรม อวา นี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จั ง หวั ด ขอนแก่ น ซึ่ ง เป็ น การสั ม มนาในระดั บ ภู มิ ภ าคในเขตภาคเหนื อ ภาคตะวั น ออกเฉี ย ง เหนือ และภาคใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่มีพื้นที่ เกษตรกรรมและกลุ่ ม อุ ต สาหกรรมขนาดกลาง และขนาดย่อมทางการเกษตรที่หลากหลาย เพื่อ ส่งเสริมผลิตภัณฑ์นวัตกรรม และพัฒนาเครือข่าย ผู้ประกอบการให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” นาย พิทยา กล่าว

เตรียมจัดพิธีพระราชเพลิงศพครูใหญ่ “หลวงพ่อคูณ” หลังเสร็จสิ้นภารกิจ

สื่อสารที่ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งพบว่าผู้ประกอบ การบางรายยกเลิกกิจการไปแล้วแต่กลับไม่รื้อสาย สัญญาณออกไปด้วย ส่งผลให้สายสื่อสารขาดและ ร่วงหล่นกีดขวางถนนโดยไม่มีผู้รับผิดชอบ และ อาจทำ�ให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงกับผู้ใช้รถใช้ถนนถึง ขั้นเสียชีวิต ทัง้ นี้ การดำ�เนินการดังกล่าว จะสนับสนุน เมื อ งขอนแก่ น สู่ ค วามเป็ น เมื อ งอั จ ฉริ ย ะ หรื อ Smart City ในอนาคต เพื่ อ ให้ ส ภาพแวดล้ อ ม ทัศนียภาพสวยงามมากขึ้น รองรับสังคมยุคดิจิทัล เศรษฐกิจอัจฉริยะ รวมถึงความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งหลังจากพิธีเปิดงานเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบกิจการสื่อสาร การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำ�นักงาน กสทช. จะเริม่ ปฏิบตั กิ ารจัดระเบียบสาย สื่อสาร ในเส้นทางแรก คือ ถนนกลางเมือง จากสี่ แยก ถนนประชาสโมสร ถึงสามแยก ถนนหลังศูนย์ ราชการ ระยะทาง 1 กิโลเมตร และเมื่อเส้นทางนี้ แล้วเสร็จจะดำ�เนินการในเส้นทางอื่นต่อไป

ศิ ษ ย า นุ ศิ ษ ย์ ทั่ ว สารทิ ศ ร่ ว มทำ � บุ ญ ครบ รอบ 3 ปี แห่งการละสังขาร “หลวงพ่อคูณ” พร้อมกำ�หนด ถวายเพลิง วันที่ 29 ม.ค.62 ณ ฌาปนสถานชั่วคราว บริเวณ ใกล้ กั บ พุ ท ธมณฑลอี ส าน ขอนแก่น เมื่อวันที่ 16 พ.ค.61 พล.ท.ธรากร ธรรมวิ น ทร แม่ทัพภาค 2 นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พล.ต.อัครเดช บุญเทียม ผบ.มทบ.23 พล.ต.กาจบดิน ทร์ ยิ่งดอน รอง ผอ.รมน.จว.ขอนแก่น รศ.ดร.กิตติ ชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดี ม.ขอนแก่น รศ.นพ. ชาญชัย พานทองวิรยิ ะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น และศิษยานุศิษย์ทั่วสารทิศ และศิษย์ ทีม่ าจากประเทศมาเลเซีย เข้าร่วมพิธที �ำ บุญใส่บาตร พระสงฆ์ 100 รูป ออกรับบิณฑบาตข้าวสารอาหาร แห้ง ณ บริเวณทางเดินกลางห้องสมุด ม.ขอนแก่น จากนั้ น คณะศิ ษ ยานุ ศิ ษ ย์ คณะ ผวจ. ขอนแก่น และประชาชนจากทุกสารทิศ พร้อมกัน

ที่ห้องประชุมมิตรภาพชั้น 3 อาคารเรียนรวม คณะ แพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น กราบนิมนต์ พระพรหม มังคลาจารย์ (ธงชัย ธมมธโช) วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพฯ เป็นประธานสงฆ์ในพิธแี ละกราบนิมนต์ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 12 รูป สวดพุทธมนต์ และ กราบนิมนต์พระสงฆ์ 88 รูป สวดมาติกา ทอดผ้า ไตรบังสุกุล นายสมศักดิ์ ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ตาม ที่ ท่ า นเจ้ า คุ ณ พระเทพวิ ท ยาคม (หลวงพ่ อ คู ณ ปริ สุ ท โธ) ได้ ม รณภาพเมื่ อ วั น ที่ 16 พ.ค.2558 และท่ า นได้ บ ริ จ าคร่ า งให้ แ ก้ ค ณะแพทยศาสตร์

“เน็ตประชารัฐ” นำ�พาประเทศไทย ก้าวสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” เมื่ อ วั น ที่ 15 พ.ค. 2561 ที่ โรงแรมอวานี ขอนแก่ น โฮ เทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จั ง หวั ด ขอนแก่ น นางสาวอั จ ฉริ นทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวง ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็น ประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติ การ ผู้กำ�กับงานจังหวัดและหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง ในการประเมินผล สัมฤทธิ์ของโครงการเน็ตประชารัฐ โดยผู้เข้าร่วม ประชุ ม เป็ น ผู้ กำ � กั บ งานโครงการเน็ ต ประชารั ฐ ระดับจังหวัด จากทั้ง 20 จังหวัดในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชยั ปลัดกระ ทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า โครงการเน็ตประชารัฐเป็น โครงการที่รัฐบาลให้ความสำ�คัญ เป็นการยกระดับ โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของประเทศ สร้าง ความเท่าเทียม และทัว่ ถึง ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงของประชาชน นำ�พาประเทศไทยก้าว สู่ “ไทยแลนด์ 4.0” ด้วยการนำ�เทคโนโลยีดิจิทัลเข้า มามีบทบาทสำ�คัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและ สังคมเพือ่ ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้ เข้มแข็ง และเพิม่ ขีดความสามารถในการแข่งขันใน เวทีโลก ประกอบกับกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และแผนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ของประเทศไทยได้กำ�หนดยุทธศาสตร์สำ�คัญใน เรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้มี ประสิทธิภาพสูงทั่วประเทศ ที่ทุกคนเข้าถึงได้ มี ความพร้อมใช้ และอยู่ในราคาที่จ่ายได้ ที่จะทำ�ให้ ประเทศไทยสามารถพัฒนาได้ทัดเทียมกับประเทศ อื่น ม.ขอนแก่นเพื่อเป็นครูใหญ่สำ�หรับการศึกษาวิชา กายวิภาคศาสตร์ของนักศึกษาแพทย์และนักศึกษา ในศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ ได้ดำ�เนินการตามความประสงค์ของหลวงพ่อคูณ ในการเป็นครูใหญ่ตงั้ แต่ปกี ารศึกษา 2559 เป็นต้นมา และจะเสร็จสิ้นการศึกษาในเดือนมิถุนายน 2561 นี้ ดั ง นั้ น คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่ น จึงได้เตรียมการที่จะขอพระราชทานเพลิงสรีระ สังขารหลวงพ่อคูณร่วมกับครูใหญ่ท่านอื่นๆ ดัง ที่เคยดำ�เนินการมาเป็นประจำ�ทุกปี โดยในปีนี้ได้ กำ�หนดให้มกี ารบำ�เพ็ญกุศลในระหว่างวันที่ 22 - 28 มกราคม 2562 และประกอบพิธพี ระราชเพลิงศพครู ใหญ่ในวันที่ 29 มกราคม 2562 โดยจะมีการถวาย

โดยมุ่งเน้นพื้นที่เป้าหมายหรือชุมชนเป้า หมาย ที่อยู่ในพื้นที่ที่การให้บริการโทรคมนาคม พื้ น ฐานยั ง ไม่ ทั่ ว ถึ ง มี เ ป้ า หมายขยายโครงข่ า ย อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสือ่ สัญญาณสายเคเบิล ใยแก้ ว นำ � แสง ให้ ค รอบคลุ ม หมู่ บ้ า นเป้ า หมาย จำ�นวน 24,700 หมู่บ้าน และจัดให้มีจุดให้บริการ อินเทอร์เน็ตแบบไร้สายโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายกับผู้ใช้ บริการอย่างน้อยหมูบ่ า้ นละ 1 จุด ให้บริการทีร่ ะดับ ความเร็วไม่ตํ่ากว่า 30 Mbps/10 Mbps (Download/ Upload) ประโยชน์ของโครงการเน็ตประชารัฐ เช่น ช่วยสร้างโอกาสการเข้าถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต ผ่านออนไลน์ การเข้าถึงข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อ การประกอบอาชีพ การเข้าถึงข้อมูลการแพทย์ และ ปรึกษาแพทย์ผ่านออนไลน์ เป็นต้น การประเมินผลสัมฤทฺธิ์ของโครงการเน็ต ประชารัฐ เพื่อให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม มีข้อมูลในการติดตาม การประเมินผล และวางแผนพัฒนาต่อยอดการใช้งานอินเทอร์เน็ต ไปสู่การผลักดันเศรษฐกิจไทย ซึ่งต้องให้เกิดความ ยั่ ง ยื น สร้ า งสั ง คมที่ เ ท่ า เที ย มกั น สอดคล้ อ งกั บ นโยบาย Thailand 4.0 ที่เทคโนโลยีดิจิทัลจะเข้ามา มีส่วนสำ�คัญในการพัฒนาประเทศ เพลิงหลวงพ่อคูณ ณ ฌาปนสถานชั่วคราวของวัด หนองแวงพระอารามหลวง ทีจ่ ดั สร้างเป็นนกหัสดี ลิงค์เทินบุษบก ในบริเวณใกล้กบั พุทธมณฑลอีสาน ซึ่งเป็นบริเวณที่มีพื้นที่มากเพียงพอที่จะรองรับ ศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนที่จะมาร่วมงาน จำ�นวนมากได้ และหลังเสร็จการถวายเพลิงแล้ว จะได้มกี ารสร้างอนุสรณ์สถานครอบพืน้ ทีด่ งั กล่าว เพื่ อ เป็ น สั ญ ลั ก ษณ์ ข องการเสี ย สละอั น ยิ่ ง ใหญ่ และเป็นที่ให้นักศึกษาและบุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนประชาชนทั่วไปได้ระลึกถึงคุณงามความ ดีและคำ�สั่งสอนของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ สืบต่อ ไปตราบนานเท่านาน


หน้า 4

ปั่นจักรยานชมเมือง ; นายสันติ เหล่าบุญเสงี่ยม รอง ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานเปิดงาน “Khon Kaen Love Bike 2018 ปั่นฮักขอนแก่น” ขอนแก่น-เขื่อนอุบลรัตน์ ตามเส้นทางท่องเที่ยว ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ขอนแก่น โดยมีนักปั่นเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 500 คัน เมื่อเร็วๆ นี้

ผ้าขาวม้าท้องถิน่ หัตถศิลป์ไทย 2561 ; นายสันติ เหล่าบุญเสงีย่ ม รอง ผวจ. ขก. ประธานเปิดงานสัมมนาเชิงปฎิบตั กิ ารผ้าขาวม้าท้องถิน่ หัตถศิลป์ไทย ประจำ�ปี 2561 ระดับภูมิภาค จัดโดย บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจ เพือ่ สังคม (ประเทศไทย) จำ�กัด ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน ณ ห้องมงกุฎ เงิน โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น โดยภายในงานมีการพูดคุยให้ชุมชมเกิดแรงบันดาลใจในการผลิต และจำ�หน่ายผลิตภัณฑ์ผา้ ขาวม้าทอมือ รวมถึงให้ความรูเ้ รือ่ งของการย้อม สีธรรมชาติ เพื่อเสริมสร้างอัตลักษณ์ให้กับผ้าขาวม้าไทย และยังเป็นการ ส่งเสริมการแปรรูปผ้าขาวม้าเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและ เสริมรายได้ให้กับชุมชน

ขอนแก่นเร่งฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าครบ 100% ; นายสมศักดิ์ จังตระ กุล ผูว้ า่ ราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการแถลงข่าวโครงการ สัตว์ ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนขั บ้า และตรวจเยีย่ มการดำ�เนินงาน ควบคุม ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตามพระปณิธาน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่ทรงห่วงใย ปัญหาโรคพิษสุนัขบ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า สถานการณ์ โรคพิษสุนัข บ้า ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ทางหวัดขอนแก่นได้สำ�รวจสุนัขและแมว ที่ จำ�เป็นต้องได้รบั การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนขั บ้า จำ�นวน 122,593 ตัว ดำ�เนินการไปแล้ว 104,128 ตัว คิดเป็น 84.59 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นความสำ�เร็จ ในความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่บูรณาการกันทำ�งาน และประชาชนที่ ได้นำ�สัตว์เลี้ยงมารับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า รวมทั้งมีการชี้เป้าสัตว์ จรจัด สัตว์ เร่ร่อน ที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เป็นการควบคุมโรคด้วยดี ขณะนี้ ได้ด�ำ เนินการฉีดวัคซีนตามองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ เพือ่ เป็นการควบคุมได้ครบ 100 % จำ�นวน 101 แห่ง และมีพื้นที่ที่จะต้องเร่ง ดำ�เนินการฉีดให้ครบ 100% จำ�นวน 123 แห่ง โดยภายในเดือนพฤษภาคม นี้ จะสามารถฉีดวัคซีนให้กบั สุนขั แมว ทีเ่ ป็นกลุม่ เสีย่ งในการแพร่โรคพิษ สุนัขบ้าได้ครบ 100 % ของจังหวัดขอนแก่น

ปีที่ 15 ฉบับที่ 168 ประจำ�เดือนพฤษภาคม 2561

ลูกค้าคนสำ�คัญ ; คุณชาติชาย โฆษะวิสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร โรงแรมโฆษะ เปิดอบรมพนักงานโรงแรมฯ พร้อมลงภาคสนามฝึกปฎิบัติ การจริง ในการป้องกัน ช่วยเหลือคนจมนํา้ พร้อมรูท้ กั ษะการปฐมพยาบาล เบือ้ งต้นอย่างถูกต้อง เมือ่ เกิดเหตุการณ์ฉกุ เฉิน เพิม่ ศักยภาพให้กบั พนักงาน เพื่อบริการลูกค้าให้มีความมั่นใจในบริการของโรงแรม ณ สระว่ายนํ้า โรงแรมโฆษะ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

แสดงความยินดี ; นายอนุสรณ์ – สุพตั รา ศุขโข บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ไทยเสรี ร่วมแสดงความยินดีกับ นายอาวุธ-นางนิศาชล ณ หนองคาย ผู้ จัดการ หจก. บี.เค.เม็ททอล ชีท (ชุมแพขอนแก่น) ในโอกาสทำ�บุญขึน้ บ้าน ใหม่ โดยมี ญาติ เพือ่ นพ้อง น้องพี่ ร่วมแสดงความยินดี ที่ บ้าน ณ หนองคาย 26/32 อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เมื่อเร็วๆ นี้

ต้อนรับกงสุลใหญ่จีน ; นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัด ขอนแก่น ร่วมแสดงความยินดีกบั ฯพณฯ เหลีย้ ว จุน้ หยุน๋ ในโอกาสเข้ารับ ตำ�แหน่ง กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำ�จังหวัดขอนแก่น โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นักธุรกิจ ร่วมแสดงความยินดี ณ โรงแรมพลูแมน ราชาออคิด ขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อเร็วๆ นี้

เยี่ยมกองอาสารักษาดินแดน ; พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พร้อม ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อ ปฏิบัติภารกิจ พร้อมตรวจเยี่ยม มอบสิ่งของบำ�รุงขวัญและให้กำ�ลังใจ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดขอนแก่น โดยมี นายสมศักดิ์ จัง ตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ให้การต้อนรับ ณ กองอาสารักษาดินแดน อ.เมือง จ.ขอนแก่น

คืบหน้า อาคารพิพิธภัณฑ์มิตรภาพไทย – จีน ; นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น นำ�คณะผูบ้ ริหารเทศบาลนครขอนแก่น และ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่อตรวจความก้าวหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ มิตรภาพ ไทย – จีน ณ สวนมิตรภาพไทย-จีน ซึง่ คณะผูบ้ ริหารเทศบาลนคร หนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน จะเดินทางมาร่วมพิธีเปิด อย่างเป็น ทางการ ในเดือนตุลาคม 2561

เอไอเอสมอบทุนการศึกษา ; นายชัยณรงค์ เสียมไธสง ผู้จัดการฝ่ายติดตั้ง เครือข่าย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำ�กัด (มหาชน) หรือเอไอเอส มอบทุนการศึกษา ให้แก่บตุ ร-ธิดา ข้าราชการ ทหารสังกัดกองการสัตว์และเกษตรกรรมที ่ 2 กรมการสัตว์ทหารบก โดยมี พ.อ.วิสูตร เอี่ยมเรือง ผู้อำ�นวยการกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 2 กรม การสัตว์ทหารบก เป็นผู้แทนรับมอบ ณ กองการสัตว์และเกษตรกรรม ที่ 2 กรมการสัตว์ทหารบก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

เปิดเวทีรบั ฟังความคิดเห็นประเด็น “พระสงฆ์กบั ความมัน่ คง ทางสุขภาพ” หวังให้พระสงฆ์เข้าถึงบริการสุขภาพถ้วนหน้า พลเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ; เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2561 ที่ โรงแรม เจริญธานี จังหวัดขอนแก่น สำ�นักงานเลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎรร่วมกับ มูลนิธคิ อนราด อาเดนาวร์ ได้จดั กิจกรรม การเสริมสร้างความเป็นพลเมือง ในระบอบประชาธิปไตยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมี นายสุรชัย เลี้ยง บุญเลิศชัย รองประธานสภานิตบิ ญ ั ญัตแิ ห่งชาติ เป็นประธานเปิดกิจกรรม และมีนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวต้อนรับ ผู้เข้าร่วมโครงการประกอบด้วยภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม จำ�นวน 150 คนจาก 20 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การจัดโครงการการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองตามระบอบ ประชาธิปไตยในครั้งนี้ เพื่อระดมความเห็นเกี่ยวกับคุณลักษณะความเป็น พลเมืองที่พึงประสงค์ กลไกการเสริมสร้างความเป็นพลเมือง และกลไก การดำ�เนินการเสริมสร้างความเป็นพลเมือง อันจะนำ�ไปสูก่ ารปลูกจิตสำ�นึก ความเป็นพลเมืองให้กับประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป โดยกิจกรรม จะมีทั้งการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ การแบ่งกลุ่มแสดงความคิดเห็นเพื่อประกอบการพิจารณากฎหมายและ กิจกรรมสานสัมพันธ์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ เป็นโครงการที่ ทุกคนเข้ามามีส่วน ร่วมคิด ร่วมทำ� ร่วมแรง ร่วมใจ ในการเข้ามามีส่วน ร่วมในการพัฒนาชุมชน สังคม และประเทศชาติ

สปสช. เขต 7 ขอนแก่น ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดประชุมรับ ฟังความคิดเห็นประเด็นพระสงฆ์กับความมั่นคงทางสุขภาพ หวังให้พระ สงฆ์เข้าถึงบริการสุขภาพถ้วนหน้า เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น สำ�นักงานหลักประกัน สุขภาพแห่งชาติ เขต 7 ขอนแก่น จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้ ให้และผู้รับบริการ ปี 2561 ประเด็นพระสงฆ์กับความมั่นคงทางสุขภาพ โดยมี พระเทพเมธี เจ้าคณะภาค 9 ประธานในพิธีเปิดการประชุม โดยการ ประชุมครั้งนี้มีการลงนามความร่วมมือระหว่าง คณะสงฆ์ภาค 9 สำ�นักงาน หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 7 ขอนแก่น เขตสุขภาพเพือ่ ประชาชนเขต 7 (ร้อยแก่นสารสินธุ์),สำ�นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ , สำ�นักงานเขต สุขภาพที่ 7 และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อการดำ�เนินงานเพื่อขับเคลื่อน ข้อเสนอจากการรับฟังความคิดเห็นประเด็ฯพระสงฆ์กับความมั่นคงทาง สุขภาพไปสู่การปฏิบัติต่อไป ดร.ดุสิต ศรีโคตร ผู้ช่วยผู้อำ�นวยการสำ�นักงานหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ เขต 7 ขอนแก่น กล่าวว่า ตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ พ.ศ.2542 ได้กำ�หนดให้สำ�นักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการเป็น ประจำ�ทุกปี โดยในปี 2561 สำ�นักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 7 ขอนแก่น ได้รว่ มมือกับภาคีเครือข่ายทีเ่ กีย่ วข้องในพืน้ ที่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม และร้อยเอ็ด จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นฯ ประเด็นพระ สงฆ์กับความมั่นคงทางสุขภาพ โดยเชื่อมโยงกับธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ ทีข่ บั เคลือ่ นโดยสำ�นักงานสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และการสร้างเสริมสุขภาพ พระสงฆ์ผา่ นโครงการวัดส่งเสริมสุขภาพ และการอบรมหลักสูตรพระคิลานุ ปัฏฐาก โดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงการขึ้นทะเบียนพระ สงฆ์ ที่ดำ�เนินงานโดยสำ�นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งนี้ การดำ�เนินงานเพื่อขับเคลื่อนข้อเสนอนโยบายพัฒนาระบบ หลักประกันสุขภาพแห่งชาติจากการรับฟังความคิดเห็นผูใ้ ห้บริการและผูร้ บั บริการประจำ�ปี 2561 สูก่ ารปฏิบตั ิ จำ�เป็นต้องได้รบั ความร่วมมือจากทุกภาค ส่วนอย่างกว้างขวาง เพือ่ ให้พระสงฆ์การเข้าถึงบริการสาธารณสุข และช่วย

กันส่งเสริมบทบาทของพระสงฆ์กับการสร้างสุขภาวะตามพระธรรมวินัย ซึ่งข้อเสนอที่ทุกฝ่ายได้เสนอในครั้งนี้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสำ�นักงานหลัก ประกันสุขภาพแห่งชาติจะถูกนำ�ไปพิจารณาเพื่อขับเคลื่อนต่อไป ส่วนข้อ เสนอที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น สปสช. ก็จะส่งต่อข้อเสนอนั้นให้หน่วย งานที่เกี่ยวข้องต่อไป สำ�หรับข้อเสนอในการประชุมครั้งนี้ เช่น เสนอให้วัดเป็นผู้รายงาน ข้อมูลบัตรประชาชนของผูท้ เี่ ข้ามาบวช และทำ�ดำ�เนินการให้พระสงฆ์ทเี่ ข้า มาบวชย้ายทะเบียนบ้านมาเป็นวัดที่บวช เพื่อความสะดวกในการเข้ารับ บริการสาธารณสุข ควรมีการทำ�คู่มือการดูแลพระสงฆ์อาพาธเพื่อให้การ ดูแลเป็นไปตามพระธรรมวินยั ให้กรมอนามัยร่วมกับ สปสช.เขต 7 ขอนแก่น จัดอบรมพระคิลานุปฏั ฐาก (อสม.พระ) ให้ครบทุกวัด โดยอาจจะนำ�ร่องก่อน ในช่วงแรกให้ครบทั้ง ๗๗ อำ�เภอ ให้มีการส่งเสริมวัดต้นแบบในการสร้าง สุขภาวะชุมชน ระดับอำ�เภอ ตำ�บล ชุมชนและสร้างเครือข่ายวัดต้นแบบ ใน พื้นที่เขต 7 เป็นต้น

AIS ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2561 กำ�ไรสุทธิ 8,037 ล้านบาท ลูกค้ามือถือ 4G คิดเป็น 50% ลูกค้าเน็ตบ้าน 571,800 ราย มอบบ้านโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ สร้าง บ้านผู้ยากไร้ ถวายเป็นพระราชกุศล”

AIS ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2561 กำ�ไรสุทธิ 8,037 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 4.5% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4.4% จากไตรมาสก่อน รายได้ รวมเพิม่ ขึน้ 5.3% เมือ่ เทียบกับปีกอ่ นหน้า เป็นผลมาจากทัง้ บริการโทรศัพท์ เคลือ่ นที่ และธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน AIS Fibre พร้อมต่อยอดธุรกิจดิจทิ ลั ร่ วมลงทุนใน Rabbit LINE Pay นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าทีบ่ ริหาร บริษทั แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสจำ�กัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “AIS ในฐานะ ผู้ให้บริการดิจิทัล ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาทั้งสินค้าและบริการ เพื่อรองรับ ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าและการทำ�ธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยใน ไตรมาส 1/2561 AIS ได้ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและบริการ ตาม วิสัยทัศน์สู่การเป็น Digital Platform for Thais เพื่อร่วมสร้างความแข็ งแกร่งให้แก่ประเทศไทย เห็นได้จากการลงทุนร่วมกับ Rabbit LINE Pay ในสัดส่วน 33.33% หรือคิดเป็นมูลค่า788 ล้านบาท เพื่อรองรับ พฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้าผ่านแพลตฟอร์ม e-Money ที่ช่วยอำ�นวยค วามสะดวกในการชำ�ระเงิน รวมถึงการเลือกซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งนับ เป็นกลไลสำ�คัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิทัล นอกจากนี้ AIS ยัง เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งและรองรับการเติบโตของลูกค้าองค์กร ด้วย การผนวกธุรกิจของซีเอส ล็อกอินโฟร์ รวมถึงยังได้ลงนามในสัญญาเช่า อุปกรณ์และสัญญาใช้บริการข้ามโครงข่ายบนคลื่น 2100 MHz กับบริษัท ทีโอที จำ�กัด (มหาชน) อย่างเป็นทางการ เพือ่ เสริมประสบการณ์การใช้งาน ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น สำ � หรั บ ภาพรวมในไตรมาส 1/2561 AIS มี ร ายได้ ร วม เพิ่ ม ขึ้ น 5.3% จากปี ก่ อ น ขณะที่ มี ร ายได้ ห ลั ก จากการให้ บ ริ ก าร เพิ่ ม ขึ้ น 6.5% จากปี ก่ อ น และ 2.5% จากไตรมาสก่ อ น จาก ทั้ ง บริ ก ารโทรศั พ ท์ เ คลื่ อ นที่ และธุ ร กิ จ อิ น เทอร์ เ น็ ต บ้ า น AIS

Fibre โดยมี ผู้ ใ ช้ ง านมื อ ถื อ 4Gคิ ด เป็ น สั ด ส่ ว น 50% ของฐานลู ก ค้ า ทั้งหมด 40.1 ล้านเลขหมาย การใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นเป็น 7.6 กิกะไบต์ต่อ เดือน จาก 6.7 กิกะไบต์ต่อเดือนในไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากความ นิยมในการรับชมวิดโี อคอนเทนต์ผา่ นโทรศัพท์มอื ถืออย่างต่อเนือ่ ง สำ�หรับ ธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน AIS Fibre ได้เน้นการขยายฐานลูกค้าในพื้นที่ตัว เมือง 50 จังหวัด และมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 571,800 ราย ขณะที่รายได้ จาก AIS Fibre เพิม่ ขึน้ ต่อเนือ่ ง 85% จากปีกอ่ นและ 6.0% จากไตรมาสก่อน สำ � หรั บ ดิ จิ ทั ล คอนเทนต์ นอกจากพรี เ มี ย มคอนเทนต์ แ ละฟรี ที วี กว่า100 ช่องแล้ว AIS ได้เพิ่มช่องใหม่ ได้แก่ ช่อง CNN และช่อง Cartoon Network เพือ่ ส่งมอบประสบการณ์ความบันเทิงและข่าวสารรอบโลกได้ตล อด 24 ชัว่ โมงผ่านแอป AIS PLAY บนมือถือ และ AIS PLAYBOX ทางทีวี ทั้งนี้ จากการควบคุมต้นทุนและรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้กำ�ไรสุทธิปรับตัว เพิม่ ขึน้ 4.5% จากทัง้ ปีกอ่ นและ 4.4% จากไตรมาสก่อนอยูท่ ี่ 8,037 ล้านบาท ทั้งนี้ ในภาพรวมปี 2561 AIS ได้คงคาดการณ์การเติบโตของร ายได้จากการให้บริการที่ 7-8 % และตั้งเป้าอัตรากำ�ไร EBITDA ที่ 4547% พร้อมจัดสรรงบลงทุนมูลค่า 35,000–38,000 ล้านบาท ในการพัฒนา คุณภาพและเสริมประสิทธิภาพโครงข่ายเพือ่ รองรับการใช้งานของลูกค้าที่ เพิ่มมากขึ้น “AIS ยังคงมุ่งมั่นในการนำ�เทคโนโลยีดิจิทัลมายกระดับคุณภาพชี วิตและการดำ�เนินธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างความพร้อม ทั้งด้านเครือข่าย และการบริการที่ดีที่สุด เพื่อรองรับทุกความต้องการของ ลูกค้าในยุคดิจทิ ลั พร้อมสนับสนุนและเสริมขีดความสามารถให้แก่คนไทย รวมถึงองค์กรภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศอย่าง ยั่งยืน” นายสมชัย กล่าวสรุป

เมื่อวันที่ 15 พ.ค.61 พล.ต.อัครเดช บุญเทียม ผบ.มทบ.23 ค่ายศรี พัชรินทร จ.ขอนแก่น เป็นประธานพิธีมอบบ้านผู้ยากไร้ “ด.ญ.พลัดพลิ้ว บัวกอง” ตามโครงการ “ทบ.ซ่อมบ้านทั่วไทย ถวายเป็นพระราชกุศล” และ โครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ สร้างบ้านผู้ยากไร้ ถวายเป็นพระราชกุศล” ณ บ้านเลขที่ 26 หมู่ 3 บ้านโนนทอง ต.นาแพง อ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น ซึ่ง มี หน่วยงาน ส่วนราชการ ผู้บริหาร อปท. และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม ในพิธีจำ�นวนมาก นางชลพรรษ ดีมา นายอำ�เภอโคกโพธิ์ไชย กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ คุณครูประจำ�ชั้นของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 50 จ.ขอนแก่น ได้ออก เยีย่ มบ้าน ด.ญ.พลัดพลิว้ บัวกอง นักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึง่ อยูใ่ นพืน้ ที่ บ้านโนนทอง หมู่ 3 ต.นาแพง อ.โคกโพธิไ์ ชย จ.ขอนแก่น แล้วพบว่าทีอ่ ยูข่ อง นักเรียนอยูใ่ นสภาพชำ�รุด ทรุดโทรม สมควรได้รบั ความช่วยเหลือ จึงได้แจ้ง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแจ้งประชาสัมพันธ์ขอความช่วย เหลือ ระดมทุนในการก่อสร้างบ้านเด็กนักเรียนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ พล.ต.อัครเดช บุญเทียม ผบ.มทบ.23 กล่าวว่า กำ�นัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำ�ท้องถิ่น และ จิตอาสา เราทำ�ความดี ด้วยหัวใจ บ้านโนนทอง หมู่ 3 ต.นาแพง ได้ร่วมก่อสร้างบ้านเพื่อให้การช่วยเหลือ ด.ญ.พลัดพลิ้ว บัวกอง และครอบครัว ให้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ถาวร มีความปลอดภัยทั้งต่อชีวิต และทรัพย์สิน โดยเริ่มดำ�เนินการก่อสร้างทำ�พิธียกเสาเอกในวันที่ 21 เม.ย. 2561 จากการร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่าย ทำ�ให้การดำ�เนินการก่อสร้างแล้ว เสร็จสมบูรณ์ภายในเวลาเพียงสองสัปดาห์เศษ นอกจากจะทำ�ให้ครอบครัวของ ด.ญ.พลัดพลิว้ บัวกอง ซึง่ ประกอบ ด้วยบิดา มารดา และน้องๆ อีก 2 คน รวมเป็น 5 คน ได้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง

ถาวรแล้ว การดำ�เนินการในครั้งนี้ ยังทำ�ให้นายคำ�พันธ์ บัวกอง บิดาของ ด.ญ.พลัดพลิ้วเกิดความประทับใจ และซาบซึ้งเป็นที่สุด จึงได้ปฏิญาณตน ว่าจะประพฤติตนเป็นคนดี ช่วยเหลือสังคม และชุมชนตลอดไป หลังทำ�พิธีมอบบ้านในโครงการให้ กับ ด.ญ.พลัดพลิ้ว ยังได้มีการ มอบพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย เดช สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหา วชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร นำ�ไปติดไว้ภายในบ้านเพื่อความเป็น สิริมงคลของผู้อยู่อาศัย นอกจากนั้น ยังได้มีหน่วยงานต่างๆ ได้นำ�ผ้าห่ม สิ่งของ เครื่องอุปโภค-บริโภค และอุปกรณ์การเรียนของ ด.ญ.พลัดพลิ้ว ไปร่วมมอบให้เป็นกำ�ลังใจ อีกด้วย สร้างความปลาบปลื้มให้กับครอบครัว ด.ญ.พลัดพลิ้ว อย่างมาก


หน้า 5

ปีที่ 15 ฉบับที่ 168 ประจำ�เดือนพฤษภาคม 2561

“ดั่งแสงทอง ส่องในดวงใจนิรันดร์ 2” คอนเสิร์ตการกุศล ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งช่องปากในภาคอีสาน หมอฟัน ม.ขอนก่น จัดคอนเสิร์ตการกุศล เพื่อน้อมรำ�ลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช บรมนาถ บพิตร และสมทบทุนช่วยเหลือผูป้ ว่ ยมะเร็งช่องปาก ในภาคอีสาน ครั้งที่ 2 รศ.ดร.ทพญ.วรานุช ปิติพัฒน์ คณบดีคณะ ทันตแพทยศาสตร์ มข.กล่าวว่า จากการสำ�รวจอุบัติ การณ์การเกิดโรคมะเร็งทั่วโลก ในปี พ.ศ.2555 พบ ว่า ในประเทศที่กำ�ลังพัฒนา มะเร็งช่องปากเป็น มะเร็งทีพ่ บได้บอ่ ยทีส่ ดุ เป็นอันดับ 8 และเป็นมะเร็ง ที่ทำ�ให้เกิดการเสียชีวิตเป็นอันดับ 9 ของมะเร็งที่ เกิดในเพศชายทั้งหมด สำ�หรับในประเทศไทย จาก สถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติที่รวบรวมข้อมูล ไว้เมื่อปี พ.ศ.2552 พบว่ามะเร็งช่องปากเป็นมะเร็ง ที่พบมากที่สุดเป็นอันดับ 6 รองจากมะเร็งเต้านม ปอด ลำ�ไส้ใหญ่และทวารหนัก ปากมดลูก และตับ ท่อนํ้าดี โดยมะเร็งช่องปาก พบมากเป็นอันดับ 4 ใน เพศชาย ร้อยละ 8.4 และเป็นอันดับ 8 ในเพศหญิง ร้อยละ 2.9 พบว่า ในเพศชาย ผู้ป่วยที่เข้ามารับการ รักษาจะเป็นมะเร็งช่องปากระยะที่ 3 ประมาณ ร้อย ละ 42 ขณะที่เพศหญิงจะพบมะเร็งช่องปากระยะที่ 1 ประมาณ ร้อยละ 34 ซึ่งหากได้รับการวินิจฉัยโรค และการรักษาช้า จะทำ�ให้อัตราการรอดชีวิตของผู้ ป่วยภายในห้าปี ตํา่ กว่าร้อยละ 50 ปัจจุบนั พบว่า การ เคี้ยวหมาก สูบบุหรี่ และดื่มสุรา เป็นสาเหตุหลักที่ ทำ�ให้เกิดมะเร็งช่องปากในกลุม่ ประชากรภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะการเคี้ยวหมาก มีความ สัมพันธ์อย่างมากกับการเกิดมะเร็งช่องปากในผูป้ ว่ ย เพศหญิง จากข้อมูลการส่งตรวจทางพยาธิวิทยาช่อง ปากของ คณะทันตแพทยศาสตร์ มข. ในช่วงระยะ เวลา 10 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2548-2558) พบว่าจำ�นวน ผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก เมื่อเทียบกับจำ�นวนผู้ป่วย ทัง้ หมดทีเ่ ป็นโรคในช่องปากทีต่ อ้ งมีการตัดชิน้ เนือ้ ไปตรวจทางพยาธิวิทยา มีจำ�นวนเพิ่มขึ้นจากเดิม เป็นเท่าตัว จากประมาณร้อยละ 4 เป็นร้อยละ 8 ต่อ

ปี และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีแนวโน้มที่จะพบมะเร็งช่อง ปากในกลุม่ ประชากรทีม่ อี ายุนอ้ ยลง เรื่อย ๆ อายุน้อยที่สุด เป็นเด็กชายวัย 13 ปี “คณะทั น ตแพทยศาสตร์ มข. เป็นสถาบันชัน้ นำ�ทีผ่ ลิตบัณฑิต ทันตแพทย์แห่งแรกของภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ มีส่วนรับผิดชอบ โดยตรงต่อการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก และ มุ่งหวังที่จะเป็น Center of Excellence in Oral cancer ในอนาคตจึงจำ�เป็นต้องมีการดำ�เนินการจัดหาทุนเพือ่ นำ�มาใช้พฒั นาศักยภาพในการตรวจวินจิ ฉัยรักษาและ ฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยมะเร็งช่องปากในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ซึง่ ส่วนใหญ่เป็นผูป้ ว่ ยทีม่ รี ายได้นอ้ ย และ มีข้อจำ�กัดในการเข้าถึงการรักษา เนื่องจากปัจจัยทาง เศรษฐกิจและสังคม จึงเป็นที่มาในการจัดกิจกรรม ระดมทุนเพื่อนำ�มาใช้พัฒนาศักยภาพในการตรวจ วินิจฉัยรักษา และฟื้นฟูสภาพ ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็ง ช่องปาก ปีละครัง้ มาอย่างต่อเนือ่ ง ซึง่ ในปีนไี้ ด้ก�ำ หนด จัดคอนเสิร์ตการกุศลขึ้น ในวันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2561 เวลา 19.00 น. ณ ห้องประชุมมอดินแดง คณะ แพทยศาสตร์ มข.” รศ.ดร.ทพญ.วรานุชฯ กล่าว ผศ.ดร.ทพ.อชิรวุธ สุพรรณเภสัช รองคณบดี ฝ่ายพัฒนานักศึกษาศิษย์เก่าและชุมชนสัมพันธ์ คณะ ทันตแพทยศาสตร์ มข. กล่าวว่า ปีนี้ ถือว่าเป็นครั้งที่ 2 ในการจัดงาน เพือ่ หารายได้สมทบกองทุนช่วยเหลือ ผู้ป่วยมะเร็งช่องปากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจากสภาวการณ์ที่ผ่านมา ผู้ป่วยมีความจำ�เป็นที่ ต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และมีจำ�นวนมาก ขึ้ น ทุ ก ปี ทั้ ง ด้ า นการพั ฒ นาศั ก ยภาพในการตรวจ วินิจฉัย การรักษา รวมถึงการฟื้นฟูสภาพของผู้ป่วย มะเร็งช่องปากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้ ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีข้ึน และเพิ่มอัตราการรอด ชีวิตภายใน 5 ปี ให้สูงขึ้น และจะทำ�ให้สามารถก่อ ตั้ง Center of excellence in Oral Cancer ขึ้น ในคณะ

ทันตแพทยศาสตร์ มข. อีกทั้งจะเป็นศูนย์กลางใน การตรวจวินจิ ฉัย รักษา และฟืน้ ฟูสภาพผูป้ ว่ ยมะเร็ง ช่องปากอย่างครบวงจรอีกด้วย คอนเสิร์ตการกุศล “ดั่งแสงทอง ส่องใน ดวงใจนิรนั ดร์ 2” นี้ เป็นการรวมบทเพลงหนังเพลง ละครย้อนเวลา ขับร้องโดยนักร้องมืออาชีพผู้มีชื่อ เสียง 4 คน ได้แก่ คุณนํ้ามนต์ ธีรนัยน์ ณ หนองคาย คุณลูกหว้า พิจกิ า จิตตะปุตตะ คุณศรัณย์ คุง้ บรรพต และคุณกิตตินันท์ ชินสำ�ราญ (กิต เดอะว้อยซ์) ราย ได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะนำ�ไปช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็ง ช่องปากในกองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก “คอนเสิร์ตการกุศล “ดั่งแสงทอง ส่องในดวงใจนิ รันดร์ 2” จึงเป็นกิจกรรมที่สามารถนำ�รายได้มาใช้ ดำ�เนินงานในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือกันระหว่าง ฝ่ายพัฒนานักศึกษา ศิษย์เก่า และชุมชนสัมพันธ์ หน่วยทันตพยาธิวิทยา ภาควิชาวินิจฉัยโรคช่อง ปาก ภาควิชาศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟ เชียล หน่วย Maxillofacial prosthesis ภาควิชาทันต กรรมประดิษฐ์ คณะทันตแพทยศาสตร์ และหน่วย งานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น และยังได้รบั การสนับสนุนในการซือ้ บัตรจากหน่วย งานภาครัฐและเอกชน” ผศ.ดร.ทพ.อชิรวุธฯ กล่าว โดยเปิดจำ�หน่ายบัตร คอนเสิร์ตการกุศล “ดั่งแสงทอง ส่องในดวงใจนิรันดร์ 2” ที่คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โทร. 0-43202405 ต่อ 45117 หรือ 45188 และโทร.086-850 6425 บัตรราคา 500 บาท 800 บาท และ 1,000 บาท

ปลูกต้นไม้ ปลูกอนาคต ปลูกขอนแก่น สำ�นักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 ขอนแก่น กรมป่าไม้ ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย สร้างพื้นที่สีเขียว รองรั บ ความเจริ ญ เติ บ โตของเมื อ ง กระตุ้ น ให้ ประชาชนร่วมใส่ใจสิง่ แวดล้อม ในโครงการ “ปลูก อนาคต#ปลูกขอนแก่น” นายมิตรชัย อานันทนสกุล ผู้อำ�นวยการ สำ�นักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 ขอนแก่น กรม ป่ า ไม้ กล่ า วว่ า ปั จ จุ บั น จั ง หวั ด ขอนแก่ น เป็ น เมืองที่มีการเจริญเติบโตมาก รวมถึงการสร้างอ สังหาฯ ที่อยู่อาศัย และสาธารณูปโภคเพื่อรองรับ การขยายตัวของเมือง ทำ�ให้พื้นที่สีเขียวลดลงไป ตามความเติบโตของเมืองด้วย จำ�เป็นต้องสร้าง ความตระหนักให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม และช่วยกัน “ปลูกต้นไม้” เพื่อคืน ธรรมชาติ และสิ่งดีงามให้ดำ�รงไว้ในสังคม สร้าง ความสวยงามที่ยั่งยืน ส่งต่อให้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน สืบไป โครงการ ปลูกอนาคต ปลูกขอนแก่น เกิด จากความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน โดยมี สำ�นักจัดการทรัพยากรป่า ไม้ที่ 7 ขอนแก่น กรมป่าไม้ และความร่วมมือ จัดกิจกรรม Free คอนเสริต์ จากศิลปิน นภ พร ชำ�นิ พร้อมสมาชิกวง The Groovematix 11 จาก LOViS พร้อมแขกรับเชิญพิเศษ “ป็อด modern dog” ที่ จ ะมาปลู ก ความรื่ น รมย์ ใ นหั ว ใจ สร้ า ง ความสุขด้วยเสียงเพลง ณ สนามกลางแจ้ง สำ�นัก จัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7ขอนแก่น กรมป่าไม้

โดยผู้ เ ข้ า ชมไม่ มี ค่ า ใช้ จ่ า ย แต่ สามารถร่ ว มบริ จ าคเพื่ อ การ กุศลได้ พร้อมมีกิจกรรม สาระ และความบันเทิงต่างๆ ภายใน บริเวณการจัดงาน นายมิตรชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ประชาชนทุกท่านที่ เข้าร่วมงาน ยังได้รบั พันธุก์ ล้าไม้ เพื่อนำ�ไปปลูกที่บ้าน สำ�นักงาน และถ่ายรูปส่งกลับเข้ามายัง เพจ “ปลูกป่าในเมืองขอนแก่น” เพื่อสร้างทัศนคติที่ ดีต่อองค์กรในการร่วมมือแบบประชารัฐ พัฒนา ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เชื่อ ว่า การร่วมสร้างพื้นที่สีเขียว จะเป็นจุดเริ่มต้น ที่ จะปลูกความร่มรืน่ ในใจคน อีกทัง้ การสานแบบต่อ เนือ่ ง จะกลายเป็นวัฒนธรรม แห่งการแบ่งปันเพือ่ ให้เกิดการเติมเต็มชีวิตให้กันและกัน เป็นการร่วม ปลูกจิตสำ�นึกแห่งการพึ่งพาอาศัย เป็นวัฒนธรรม ใหม่ที่จะทำ�ให้เกิดเป็นความหวงแหนธรรมชาติ สร้างคุณค่าทางสังคม เกิดเป็นความร่มรื่นและน่า อยูข่ องท้องถิน่ ตนเอง ก่อให้เกิดพลังความดีในมวล รวมและความสุขแก่ทุกคน อย่างไม่มีที่สิ้นสุด นายนภ พรชำ � นิ ศิ ล ปิ น นั ก ร้ อ ง ค่ า ย LOVEIS กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้เกิดจิตสำ�นึก แห่งการพึ่งพาอาศัยกัน อีกทั้งการปลูกป่าในเมือง เป็นการสร้างความร่มรื่นและน่าอยู่ของท้องถิ่น และยั ง เป็ น การประชาสั ม พั น ธ์ โ ครงการป่ า ใน

เมือง “สวนป่าประชารัฐ เพื่อความสุขของคน ไทย” ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง สมาชิกวง The Groovematix 11 จาก LOViS และ “ป็อด modern dog” จะมาร่วมสร้างความสนุกรื่นรมย์ด้วยเสียง เพลง ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ของวันที่ 27 พฤษภาคม 2561 เชื่ อ ว่ า โครงการ ปลู ก อนาคต ปลู ก ขอนแก่น จะสร้างความภูมิใจให้ประชาชนทุก คน อี ก ทั้ ง สามารถเข้ า มาใช้ ป ระโยชน์ ใ นพื้ น ที่ ได้ตามความเหมาะสม อีกทั้งยังได้รับความร่วม มื อ จากภาครั ฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ใน แบบประชารัฐ พัฒนาควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ การปลู ก ป่ า ในเมื อ ง เป็ น เครือ่ งมือสำ�คัญทีจ่ ะส่งเสริมคุณภาพชีวติ และเป็น แหล่งเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แก่สังคมและชุมชุมชน อย่างยั่งยืน

ม.ขอนแก่น ผนึกกำ�ลัง Chevron Enjoy Science ตั้ง TVET Hub จิ๊กซอว์สำ�คัญเติมเต็ม “โมเดลยกระดับ

การศึกษาสะเต็มแบบครบวงจร”

ม.ขอนแก่ น จั บ มื อ โครงการ Chevron E n j o y S c i e n c e จั ด ตั้ ง “ T V E T F o o d Hub” ปูทางสร้างช่างเทคนิคมืออาชีพ เป็นจิ๊กซอว์ สำ�คัญเติมเต็ม “โมเดลยกระดับการศึกษาสะเต็ม แบบครบวงจร” ผลั ก ดั น จั ง หวั ด ขอนแก่ น เป็ น ศูนย์กลางพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารภาค อีสาน รศ. ดร. ลำ�ปาง แม่นมาตย์ รองอธิการบดี ฝ่ายวางแผนยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิด เผยว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ลงนามจัดตัง้ “ศูนย์ การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพในอุตสาหกรรม อาหาร” (TVET Food Hub) ถือเป็นอีกหนึ่งควา มสำ �เร็จ จากความร่ว มมือ กับ โครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต ใน การยกระดับการพัฒนาบุคลากรสายวิชาชีพ โดย มี 15 สถาบันอาชีวศึกษาในพื้นที่เข้าร่วมเป็นเครือ ข่าย จากที่ก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยฯ ได้ร่วมกับโค รงการฯ ในการยกระดับสะเต็มศึกษาผ่านการจัดตั้ง ศูนย์สะเต็มศึกษา (STEM Hub) และการพัฒนาการ เรี ยนรู้ ส ะเต็ ม ศึ กษานอกห้อ งเรี ยนผ่ า นโครงการ มหาวิทยาลัยเด็กประเทศไทย การจั ด ตั้ ง TVET Food Hub ที่ มี ค วาม พร้ อ มทั้ ง ด้ า นหลั ก สู ต ร การจั ด ฝึ ก อบรมและ อุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆ เพื่อเสริมสร้าง พื้นฐานที่จำ�เป็นต่อวิชาชีพให้กลุ่มครูช่างเทคนิค และนั ก เรี ย นอาชี ว ะ ซึ่ ง เป็ น แรงขั บ เคลื่ อ น สำ � คั ญ ของภาคอุ ต สาหกรรมต่ า งๆ ในการนำ � วิ ท ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวั ต กรรมมาช่ ว ย จัดการการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย เฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็ มอี) ในพื้นที่ ตรงตามวัตถุประสงค์โครงการฯ ที่ ต้องการยกระดับจังหวัดขอนแก่นให้เป็นแหล่งผลิต แรงงานคุณภาพของประเทศ และตรงกับเป้าหมาย ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในการพัฒนาคน และลด ความเหลื่อมลํ้าทางการศึกษา “สิ่ ง ที่ เ ห็ น จากที่ ม หาวิ ท ยาลั ย ขอนแก่ น ไ ด้ ร่ ว ม มื อ กั บ โ ค ร ง ก า ร C h e v r o n E n j o y Science จนเข้าสู่ปีท่ี 3 คือ กิจกรรมที่เกิดขึ้นได้ ช่วยสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับบุคลากรในพื้นที่ และสานต่อให้เกิดเป็นเครือข่ายการพัฒนาที่ยั่งยืน ในภาคอีสานได้จริง สอดคล้องแนวนโยบาย “รัฐ

ร่วมเอกชน” ภายใต้ยุทธศาสตร์ ไทยแลนด์ 4.0 รวมถึงแนวทาง ของรัฐบาลที่มุ่งใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวั ต กรรมใน การสร้างคนเพือ่ พัฒนาประเทศ อีกด้วย” รศ. ดร. ลำ�ปาง กล่าว เสริม นายไพโรจน์ กวี ย า นันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริ ษั ท เชฟรอนประเทศไทย สำ�รวจและผลิต จำ�กัด กล่าวว่า “ศูนย์การศึกษาเพื่อ พัฒนาทักษะอาชีพในอุตสาหกรรมอาหาร” (TVET Food Hub) จะทำ�หน้าที่เป็นแกนหลักพัฒนาทักษะ พื้นฐานสะเต็มให้กับนักเรียนอาชีวะและนักศึกษาใ นพื้นที่ขอนแก่น ปูพื้นฐานต่อยอดผลิตช่างเทคนิค วิชาชีพ ขนั้ สูง รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม การแปรรูปอาหาร 1 ใน 10 อุตสาหกรรมขับเคลื่อน เศรษฐกิจแห่งอนาคตที่ภาคอีสานถือเป็นฐานผลิต สำ�คัญ โดยเฉพาะขอนแก่นซึ่งมีความได้เปรียบทั้ง วัตถุดิบทางการเกษตร และเทคนิคกา แปรรูปที่เป็น เอกลักษณ์ ทัง้ เป็นทีต่ งั้ ของผูป้ ระกอบการทีเ่ กีย่ วข้อง จำ�นวนมาก TVET Food Hub ถื อ เป็ น TVET Hub แห่ ง ที่ 5 ของโครงการฯ จากเป้ า หมาย ทั้ ง หมด 6 แห่ ง ทั่ ว ประเทศ ซึ่ ง คาดว่ า จะส่ ง ผล ดี ใ นการเติ ม เต็ ม และเพิ่ ม ขี ด ความสามารถให้ อุ ต สาหกรรมแปรรู ป อาหารของไทยได้ อ ย่ า งมี ประสิทธิภาพ นายไพโรจน์กล่าวว่า การจัดตัง้ TVET Food Hub ถือเป็นหนึง่ ในกิจกรรมสำ�คัญ ภายใต้ “โมเดลยก ระดับการศึกษาสะเต็มแบบครบวงจร” ครอบคลุม ทั้งสายสามัญและอาชีวศึกษา ซึ่งโครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต นำ� มาใช้กับขอนแก่นเป็นพื้นที่แรกของประเทศ “โมเดลดั ง กล่ า วประกอบด้ ว ย 3 ส่ ว น สำ�คัญ ได้แก่ 1. การพัฒนาการเรียนการสอนวิชา วิ ท ยาศาสตร์ แ ละคณิ ต ศาสตร์ ใ นสายสามั ญ โดย ใช้ STEM Hub ที่ ไ ด้ จั ด ตั้ ง ขึ้ น เป็ น แกนกลาง 2. การพั ฒ นาทั ก ษะพื้ น ฐานด้ า นสะเต็ ม ให้ กั บ นักเรียนในสถาบันอาชีวศึกษาในพื้นที่ ซึ่งนำ�มาสู่ การตั้ง TVET Food Hub แห่งนี้ และ 3. การสร้าง เสริมประสบการณ์การเรียนรู้สะเต็ม ศึ ก ษานอกห้ อ งเรี ย น ด้ ว ยโครงการ มหาวิ ท ยาลั ย เด็ ก ประเทศไทย เพื่ อ สร้ า งแรงบั น ดาลใจและปลู ก ฝั ง วัฒนธรรมการเรียนรู้แบบสะเต็มให้ เยาวชน โดยทัง้ หมดได้รบั ความร่วมมือ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำ�หน้าที่ เป็นศูนย์กลางบริหารจัดการโดยหวัง ว่าจะช่วยยกระดับการศึกษาสะเต็ม

แบบครบวงจร ผ่านการพัฒนาศักยภาพแรงงาน ในพื้นที่ สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนก้าวเข้าสู่ วิชาชีพด้านสะเต็ม และลดความเหลือ่ มลํา้ ทางการ ศึกษา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ของประเทศได้อย่างยั่งยืนต่อไป” นายไพโรจน์ กล่าว ด้าน นายริชาร์ด เบิร์นฮาร์ด กรรมการ อำ � นวยการ สถาบั น คี นั น แห่ ง เอเซี ย กล่ า วว่ า จังหวัดขอนแก่น มีความพร้อมด้านโครงสร้าง พื้ น ฐานทางการศึ ก ษา ด้ ว ยเป็ น ที่ ตั้ ง สถาบั น อุดมศึกษา อาชีวศึกษา และโรงเรียนทุกระดับชั้น จำ�นวนมาก โครงการฯ จึงเลือกขอนแก่นเป็นพืน้ ที่ นำ�ร่อง โดยมุ่งเน้นกลุ่มโรงเรียนมัธยมระดับกลาง และโรงเรียนขยายโอกาส123 แห่ง และสถาบัน อาชีวศึกษา 15 แห่งในพื้นที่ โมเดลยกระดั บ การศึ ก ษาสะเต็ ม แบบ ครบวงจร มีจุดเด่นด้านการนำ�องค์ความรู้สะเต็ม มาเติมฐานต่อยอดให้ครูเกิดการพัฒนาทักษะการ สอนรูปแบบใหม่ ด้วยกระบวนการกระตุ้นการ จัดการเรียนการสอนแบบ Inquiry based learning หรือ “การเรียนรู้แบบสืบเสาะ” และ Problem based learning หรือ “การจัดการเรียนการสอน แบบการใช้ปัญหาเป็นฐาน” นอกจากนี้ ยังมุ่งฝึก อบรมบุคคลากรทางการศึกษาให้สามารถพัฒนา กิจกรรมแบบ Hands-on หรือกิจกรรมที่เน้นให้เด็ กได้ลงมือทำ� เพือ่ นำ�ไปสูก่ ารพัฒนา “กระบวนการ คิด วิเคราะห์ ทำ�งานเป็นทีม เพื่อออกแบบวิธีแก้ ปัญหาที่เหมาะสม” มากกว่า “การป้อนความรู้พื้น ฐาน” แบบเดิมซึง่ ไม่เพียงพอต่อการรับมือยุค 4.0 ที่ ตลาดแรงงานมีความต้องการแรงงานที่มีทักษะ ด้านกระบวนการคิด วิเคราะห์ที่มากยิ่งขึ้น “ปั จ จุ บั น โครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต ดำ�เนิน งานเข้าสู่ปีที่ 4 ซึ่งที่ผ่านมาถือว่ามีความสำ�เร็จรุด หน้าต่อเนื่องในทุกพื้นที่สำ�คัญของประเทศ โดยมี การอบรมพัฒนาศักยภาพให้ครูและผูบ้ ริหารสถาน ศึกษาไปแล้วกว่า 5,000 คน และถ่ายทอดทักษะ ความรู้และสร้างแรงบันดาลใจการศึกษาด้านสะ เต็ม แก่นักเรียนสายสามัญและอาชีวศึกษาแล้วก ว่า 700,000 คน”

ขอนแก่นมอบเครื่องรูดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2561 ที่ห้องประชุมแก่น เมือง ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานส่งมอบ เครื่องรูดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (EDC) ให้แก่ ร้านค้าทีส่ มัครเข้าร่วมโครงการธงฟ้าราคาประชา รัฐ จังหวัดขอนแก่น จำ�นวน 215 ร้านค้า จังหวัด ขอนแก่นมีร้านค้าสมัครเข้าร่วม จำ�นวน 2,041 ร้านค้า ปัจจุบนั รับมอบเครือ่ งพร้อมติดตัง้ ไปแล้ว 866 ร้านค้า สำ � หรั บ พิ ธี ส่ ง มอบเครื่ อ งรู ด บั ต ร สวัสดิการแห่งรัฐให้กบั ร้านค้าทีเ่ ข้าร่วมโครงการ ธงฟ้าประชารัฐครัง้ นี้ ได้รบั ความร่วมมือจากร้าน ค้าทีเ่ ดินทางมารับเครือ่ ง ซึง่ มีการมอบเฉลีย่ กันไป ทัง้ 26 อำ�เภอ การมอบครัง้ นี้ เจ้าหน้าทีค่ ลังจังหวัด และเจ้าหน้าทีจ่ ากธนาคารกรุงไทยได้มาฝึกอบรม แนะนำ�วิธีการใช้ให้กับร้านค้าที่มารับด้วย

ผู้ ว่ า ร า ช ก า ร จั ง ห วั ด ขอนแก่น กล่าวว่า ฝากให้ร้าน ค้ า ทุ ก ร้ า นได้ ดำ � เนิ น การอย่ า ง ยุ ติ ธ รรมกั บ ประชาชน อย่ า ได้ เก็บเงินค่ารูดบัตร อย่างไรก็ตาม จั ง หวั ด ขอนแก่ น ได้ ม อบหมาย ให้ สำ � นั ก งานพาณิ ช ย์ จั ง หวั ด ออกตรวจสอบเพื่อค้นหาร้านค้า ธงฟ้าประชารัฐที่ไม่ปฏิบัติตาม เงื่อนไข และหากพบจะดำ�เนิน การเพิกถอนสิทธิการเป็นร้านค้า ธงฟ้าประชารัฐทันที และหากพบว่าร้านค้าใดมีการ จำ�หน่ายสินค้าราคาสูงเกินราคา อาจเข้าข่ายความ ผิดตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคา สินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ต้องระวางโทษจำ�คุก ไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้ง

จำ�ทั้งปรับ สำ�หรับประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็น ธรรมในการซื้อสินค้าจากร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วน 1569 กรมการค้า ภายใน หรือสำ�นักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น และทั่วประเทศ


หน้า 6

ปีที่ 15 ฉบับที่ 168 ประจำ�เดือนพฤษภาคม 2561


ปีที่ 15 ฉบับที่ 168 ประจำ�เดือนพฤษภาคม 2561

หน้า 7


หน้า 8

ปีที่ 15 ฉบับที่ 168 ประจำ�เดือนพฤษภาคม 2561

“เปิดม่านนครพนม” ทำ�เลทอง

ลุยเมืองหมอแคน

ของนักลงทุนและนักท่องเที่ยว เฟ้นหาสุดยอดสตาร์ทอัพภาคอีสาน

ในยุคสมัยก่อนเราจะคุ้นเคยกับนครพนม จังหวัดเล็กๆ ริมแม่นาํ้ โขงแห่งดินแดนทีร่ าบสูงผ่านบทเพลงดังระดับตำ�นาน ทีค่ นุ้ เคยกันเป็นอย่างดีอย่างเช่นเพลง “ลมหนาวทีเ่ รณู” ร้องโดย ศรคีรี ศรีประจวบ ศิลปินชื่อดังในยุคนั้น ที่ถ่ายทอดบรรยากาศ ได้แสนคลาสสิกเปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์ของยุคสมัย หรือเพลง “หนุ่มนานครพนม” อันลือลั่นของพรศักดิ์ ส่องแสง ทีส่ ะท้อนภาพวิถชี วี ติ อันเป็นสีสนั ของสังคมชาวภูธร ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบนั นครพนมได้กา้ วข้ามผ่านยุคสมัย มุง่ เข้าสูย่ คุ แห่ง ความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ สู่ความเป็นศูนย์กลางของ อาเซียน และจีนตอนใต้-ตะวันออก “นครพนม...พร้ อ ม” นี่ คื อ การส่ ง สั ญ ญาณจากนาย สมชาย วิทย์ดํารงค์ พ่อเมืองนครพนมที่โหมโรงเปิดม่านเขต เศรษฐกิจพิเศษนครพนมให้เป็นสวรรค์ของนักลงทุนและนัก ท่องเที่ยว นายสมชายกล่าวว่า “รัฐบาลมีนโยบายจัดตั้งเขตพัฒนา เศรษฐกิจพิเศษ เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนของประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากความเชือ่ มโยงด้านการคมนาคมขนส่งของ ภูมิภาคอาเซียน ตามข้อตกลงการค้าเสรีภายใต้กรอบอาเซียน ในพื้นที่ที่มีศักยภาพซึ่งรัฐจะสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐาน การพัฒนาระบบการให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จที่ สอดคล้องกับระบบ ASEAN Single Window และการดำ�เนิน การอื่นที่จำ�เป็นเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ” ในการนี้ ท างจั ง หวั ด นครพนมได้ ล งทุ น โครงสร้ า ง พื้ น ฐ า น พ ร้ อ ม บุ ค ล า ก ร ข อ ง ห น่ ว ย ง า น ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง ในการรองรั บ นั ก ลงทุ น ที่ ส นใจจะเข้ า มาลงทุ น ใน เขต พั ฒ นาเศรษฐกิ จ พิ เ ศษนครพนม อาทิ ศู น ย์ บ ริ ก ารแบบ เบ็ ด เสร็ จ : OSS เพื่ อ บริ ก ารข้ อ มู ล และอำ � นวยความ สะดวกด้ า นการค้ า การลงทุ น และแรงงาน อาคาร โลจิสติกส์ และคลังสินค้า นอกจากนีย้ งั ได้เตรียมพืน้ ทีไ่ ว้ส�ำ หรับ การค้า การลงทุน ด้านต่างๆ “เรามีความพร้อมในการเปิดม่านต้อนรับนักลงทุน รวม ถึงนักท่องเทีย่ วเข้ามาสูน่ ครพนม เมืองแห่งความสุข ประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นคง ปลอดภัยมีการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง

โ ด ย ชู จุ ด เ น้ น ท า ง ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ที่ สำ � คั ญ ใ น ก า ร พั ฒ นา 6 ด้ า น ได้ แ ก่ 1. การพั ฒ นาคุ ณ ภาพทางการ ท่ อ งเที่ ย วและบริ ก าร 2. การพั ฒ นาการเกษตรและ อุ ต ส า ห ก ร ร ม ก า ร เ ก ษ ต ร เ ป็ น มิ ต ร กั บ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม 3. การพั ฒ นาการค้ า และการลงทุ น 4. การพั ฒ นา สั ง คมและคุ ณ ภาพชี วิ ต เพื่ อ สร้ า งความสุ ข อย่ า งยั่ ง ยื น 5. การรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย และ 6. การ บริหารทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม/ความเข้มแข็ง... ความเข้มแข็งทางยุทธศาสตร์จะเป็นจุดสำ�คัญในการ สร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติ ที่มีต่อ ความพร้อมในการรองรับการลงทุนจากทางจังหวัดนครพนม” นายสมชายกล่าว จังหวัดนครพนมมีโครงข่ายคมนาคมและที่ตั้งเหมาะ สมในการเป็นประตูสู่อาเซียนและจีนตอนใต้ – ตะวันออก จุด เชือ่ มโยงในการขนส่งสินค้า การค้า การลงทุน และการท่องเทีย่ ว ของไทยไปยัง สปป.ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ ได้สะดวกและ สั้นที่สุด ในอนาคตอันใกล้นี้ จังหวัดนครพนมถือว่าเป็นจังหวัด ปลายทางของเส้ น ทางรถไฟสายใหม่ จ ากบ้ า นไผ่ จั ง หวั ด ขอนแก่น–นครพนม และมีเส้นทางคมนาคมทางอากาศ โดย สนามบินนครพนมซึ่งเป็นสนามบินศุลกากร สามารถยกระดับ ให้เป็นสนามบินนานาชาติได้ เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจ พิเศษนครพนมและกลุ่มสนุก ให้เกิดประสิทธิภาพประสิทธิผล เกิดการค้า การลงทุน โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ที่ประกาศฯ เกิด การจ้างงาน ซึ่งจะส่งผลให้ เศรษฐกิจชายแดนของนครพนม

และกลุ่มสนุกเติบโต จึงขอเชิญชวนนักลงทุนของไทยและ นักลงทุนต่างชาติที่มีศักยภาพสูง และมีความ พร้อมด้านการค้า การลงทุน มาลงทุนในเขต พั ฒ นาเศรษฐกิ จ พิ เ ศษนครพนมเพื่ อ พั ฒ นา เศรษฐกิจและสังคมให้ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ประเทศไทย 4.0 “เราจะมีการจัดงานโครงการส่งเสริม การค้าผ่านแดนและพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชายแดน กิ จ กรรมการค้ า ชายแดน พร้ อ ม สัมมนา “กลุ่มจังหวัดสนุก : อนาคตหลังเขต เศรษฐกิจพิเศษ” ในวันที่ 27 - 30 เมษายน2561 เวลา 10.00- 20.00 น. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า อุดรธานี โดยมีการจัดแสดงศักยภาพ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม จำ�นวน 6 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 มิติความเป็นมาของเขต พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม โซนที่ 2 มิติ เมืองศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ โซนที่ 3 มิติเมืองผลิตอาหารปลอดภัย ที่ดีที่สุด โซนที่ 4 มิติเมืองแห่งการอยู่อาศัยเชิงสุขภาพ (Health Happy Country : HHC) โซนที่ 5 มิติเมือง ศูนย์กลางการกระจายสินค้าและตลาดกลาง สินค้าทางการเกษตร และโซนที่ 6 มิติเมือง ศูนย์กลางการผลิตนักบินและบุคลากรทางการ บินสู่นานาชาติ ในงานนอกจากมีการเสวนาจากกูรูชื่อ ดังด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังมีการจำ�หน่ายสินค้าดี เด่น ดัง ของนครพนมและจังหวัดสนุก รวมถึง การแสดงนิทรรศการเพือ่ แสดงความพร้อมของ นครพนมต่อนักลงทุน ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วม ชมงานในวันและเวลาดังกล่าว เราจะแสดงให้ เห็นว่า นครพนม...พร้อม ต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษ นครพนม” นายสมชายกล่าวทิ้งท้าย.

ขับเคลื่อนพัฒนาประเทศตามโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” โดยมี ค ณะผู้ บ ริ ห ารองค์ ก รหลั ก ของ กระทรวงศึกษาธิการ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ศึกษาธิการ ผู้บริหาร และ กศน.ตำ�บล เข้าร่วม กว่า 3,300 คน ซึ่งมีนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ. ขอนแก่น พร้อมด้วย พล.ต.กาจบดินทร์ ยิ่งดอน รอง ผอ.รมน.จว.ขอนแก่น ให้การต้อนรับ โดย นายกฤตชัย อรุณรัตน์ เลขาธิการ กศน. ดำ�เนิน การจัดประชุมทีมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ระดับตำ�บล อำ�เภอ จังหวัด พร้อมจัดบูทวิชาการจาก สนง.กศน.ใน พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิเช่น “ย้อน รอยวีรกรรม” ,”อุบลราชธานีนครแห่งการอ่าน” “วิถีไทย วิถีพอเพียง” พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ กล่ า วว่ า ตามที่ รั ฐ บาลกำ � หนดนโยบายสำ � คั ญ (Agenda) หลายประการลงไปในพื้ น ที่ แ ละ ต้องการให้มีการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนใน ด้านต่าง ๆ โดยให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการ งานสำ�คัญ ร่วมกับหน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้องเพือ่ สร้าง การรับรู้ ความเข้าใจ กับกระบวนการทางความ คิ ด ให้ กั บ ประชาชน เพื่ อ ให้ มี ส่ ว นร่ ว มในการ พัฒนาประเทศมากขึ้น โดยใช้ทีมขับเคลื่อนการ พัฒนาประเทศ ตามโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” ระดับตำ�บลเป็นแกนหลัก ซึ่งมีกรอบหลักในการ

ดำ�เนินการเพื่อการมีส่วนร่วม ในการพัฒนาประเทศสู่ความ ยั่งยืน 10 เรื่อง ได้แก่ สัญญา ประชาคมคนถูกใจ , ไทยเป็น หนึง่ , คนไทยไม่ทงิ้ กัน , ชุมชน อยู่ดีมีสุข , วิถีไทยวิถีพอเพียง , รู้สิทธิ รู้หน้าที่ รู้กฎหมาย , รู้ ก ลไกการบริ ห ารราชการ , รู้จักประชาธิปไตย , รู้เท่าทัน เทคโนโลยี , บูรณาการดำ�เนิน งานของทุกภาคส่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ยาเสพติดอย่างครบวงจร และงานตามภารกิจของ ทุกหน่วยงาน (Function) ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งสำ�คัญ เร่งด่วนและจะขยายผลเพือ่ ต่อยอดไปในเรือ่ งอืน่ ๆ ให้ครอบคลุมทุกมิติ “กระทรวงศึกษาธิการได้บูรณาการทำ�งาน กับกระทรวงต่างๆ ในการร่วมดำ�เนินการขับเคลือ่ น โครงการไทยนิยมยั่งยืน โดยนำ�บุคลากรทางการ ศึกษาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความรู้ความ เข้าใจเกี่ยวกับโครงการไทยนิยมยั่งยืนให้กับพี่น้อง ประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะครู กศน. หรือ กศน. ตำ�บล โดยครั้งนี้ได้เชิญผู้บริหารองค์กรหลักของ กระทรวงศึกษาธิการ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ศึกษาธิการ ผู้บริหาร และ ครูกศน.ตำ�บล ทั้ง 20

จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กว่า 3,300 คน มาสร้างการรับรูเ้ พิม่ เติม โดยจะดำ�เนินการให้ครบ ทั้ง 4 ภาค จากการประเมินผล และวิเคราะห์การ ทำ�งานหลังจากจบแต่ละเวที กระทรวงศึกษาธิการ เห็นว่า ควรมีการผลิตเครื่องมือในการทำ�งานเพิ่ม เติมเพื่อให้ประชาชนได้มีความเข้าใจยิ่งขึ้น โดยขณะนี้ ได้ผลิตชุดความรู้ทั้ง 10 เรื่อง ซึ่งเป็นกรอบหลักในการดำ�เนินการเพื่อการมี ส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืน เพื่อ สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนได้มีความเข้าใจไป ในแนวทางเดียวกัน เน้นประชาชนเข้ามามีส่วน ร่วม มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อยู่ร่วมกัน ในสังคมได้อย่างมีความสุขอย่างยั่งยืน” รมช. ศึกษาธิการ กล่าว

ดึงสื่อมวลชน เป็นกระบอกเสียง แก้ปัญหาค้าประเวณีและค้ามนุษย์ เมือ่ วันที ่ 27 เมษายน 2561 ณ ห้องประชุม ศุลกากรหนองคาย ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพ ไทยลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบัน ครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ (พม.)พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้ า ราชการ และเจ้ า หน้ า ที่ จ ากกรมกิ จ การสตรี และสถาบันครอบครัว รวมไปถึงสื่อมวลชนจาก ส่ ว นกลาง และจั ง หวั ด หนองคาย ร่ ว มประชุ ม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นแนวทางการป้องกันและ แก้ไขปัญหาการค้าประเวณีและการค้ามนุษย์ โดย มี พ.ต.ท.หญิง ธาราทิพย์ จำ�รัส รองผู้กำ�กับการ ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย และนายอาทร จันทร์พิ ลา ประชาสัมพันธ์จงั หวัดหนองคาย ร่วมให้ขอ้ มูล เกีย่ วกับสถานการณ์การค้ามนุษย์ตามแนวชายแดน นายเลิ ศ ปั ญ ญา กล่ า วว่ า ปั จ จุ บั น สตรี และเด็กได้ตกเป็นเหยื่อของการถูกละเมิดสิทธิ มนุษยชนเป็นจำ�นวนมาก ดังนั้นสังคมจึงต้องเฝ้า

ระวั ง และคอยสอดส่ อ ง ดู แ ลไม่ ใ ห้ ส ตรี แ ละเด็ ก ตกเป็ น เหยื่ อ ของการถู ก ทำ � ลายคุ ณ ค่ า ของความ เป็ น มนุ ษ ย์ ซึ่ ง จะส่ ง ผลก ระทบต่ อ เศรษฐกิ จ สั ง คม และการเมื อ ง ทำ � ให้ ข าด โอกาสทางการศึกษา การ ถู ก ห ล อ ก ล ว ง ก า ร ใ ช้ แ ร ง ง า น ข้ า ม ช า ติ ต า ม ตะเข็บชายแดน ซึง่ เป็นการ กระทำ�ผิดต่อกฎหมาย ศีลธรรม จรรยาบรรณที่ ดีงาม เกิดผลเสียต่อความสงบสุขของประชาชน และความมั่นคงของชาติ รวมไปถึงขาดความน่า เชื่อถือและเกียรติภูมิของประเทศไทยในสายตา นานาชาติ การจัดกิจกรรมในครัง้ นี้ เพือ่ เป็นการสร้าง ความรู้ ความเข้าใจ บทบาทหน้าที่ในการทำ�งาน

การเตรียมความพร้อมของส่วนต่างๆ อันจะเป็น ประโยชน์สำ�หรับการขับเคลื่อนงานด้านสตรีและ ครอบครัว โดยภาคส่วนต่างๆ จะต้องเป็นพลัง ประชารัฐ ทัง้ ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวม ไปถึงสื่อมวลชนซึ่งจะมีหน้าที่สำ�คัญในการส่งต่อ ข้อมูลความรู้ ความเข้าใจที่ดีในการป้องกันแก้ไข ปัญหาและการค้ามนุษย์ได้

กระทรวงวิทยศาสตร์และเทคโนโลยี ลุยส่งท้ายจัดงาน “STARTUP Thailand 2018 : Northeastern @Khon Kaen” เพื่อเฟ้นหาสุดยอดสตาร์ทอัพระดับภูมิภาค ลุ้นแชมป์สุดยอด สตาร์ทอัพระดับประเทศ ดร.อภิชัย สมบูรณ์ปกรณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีกล่าวว่า ปัจจุบัน STARTUP Thailand ก้าวเข้าสู่ปีที่3 โดยในช่วง2ปีกว่าๆที่ผ่าน มา นับว่าประสบผลสำ�เร็จอย่างยิ่ง เกิดกระแส ความตื่นตัวในธุรกิจ สตาร์ทอัพ เป็นที่รู้จัก ในวงกว้างทุกภูมิภาคทั่วประเทศ แล้วยังเกิดผลเป็นรูปธรรมหลายด้าน ที่มีผลเชิงลงกทาง ด้านเศรษฐกิจ ของประเทศ โดยในปีนี้มีการแบ่งการแข่งขันเป็น 2 ประเภทได้แก่ ประเภทกลุ่มนักศึกษา STARTUP Thailand U-League 2018 โดยการแข่งขันครั้งนี้มีกลุ่มนักศึกษาให้ความสนใจที่ มีไอเดียสร้างสรรค์ กล้าคิด กล้าฝัน ร่วมประกวดแนวคิดนวัตกรรมและโมเดลธุรกิจสตาร์ท อัพ เพื่อสานฝันสู่การเป็นสตาร์ทอัพรายใหม่ และก้าวขึ้นเป็นผู้ประกอบการตัวจริงบนเวที และประเภทบุคคลทั่วไป STARTUP Thailand Grand Pitching Challenge เป็นเวทีสำ�หรับ เหล่าสตาร์ทอัพที่มีผลิตภัณฑ์พร้อมขาย หรือทำ�ธุรกิจแล้วเป็นกิจกรรมการแข่งขันธุรกิจ ในกลุ่มสตาร์ทอัพที่ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวตกรรม เป็นฐานในการสร้างธุรกิจ ที่ มีศักยภาพการเติบโต มีโมเดลทางธุรกิจที่น่าลงทุน ผ่านเวทีนำ�เสนอผลงาน pitching ระดับ ประเทศเพื่อต่อยอดธุรกิจสตาร์ทอัพต่อไป ในส่วนจังหวัดขอนแก่นจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-6 พฤษภาคม 2561 ณ อาคารพจน์ สารสิน มหาวทยาลัยขอนแก่น ซึ่งนี้เป็นภูมิภาคสุดท้ายที่ได้รับความสนใจอย่างมาก จนถึง ขณะนีม้ ยี อดเข้าร่วมทีมประกวดทัง้ สิน้ 158 ทีม จาก 26 มหาวิทยาลัยในภาคอีสาน ซึง่ ผูช้ นะ เลิศอันดับ1ของภูมิภาคจะเข้าร่วมแข่งขันรอบสุดท้าย ชิงแชมป์สุดยอดสตาร์ทอัพ ระดับ ประเทศประจำ�ปี 2561 ในงาน STARTUP Thailand 2018 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ิ โดยทีมที่ชนะเลิศภาคอีสานประเภท Pitching LEAGUE รางวัลที่ 1 ได้แก่ทีม Bionanomer (ไบโอนาโนเมอร์)สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และประเภท Pitching CHALLENGE รางวัลที่ 1 ทีมมีไอดี (MEiD):MEiDริสต์แบนด์เก็บข้อมูลทางการ แพทย์ (MEiD). สำ�หรับการแข่งขันที่ผ่านมาทั้ง 3 ภาคได้แก่ ภาคใต้ผู้ชนะเลิศ ทีม FIFTH GEAR จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ภาคเหนือทีม EASY GAS มหาวิทยาลัยศิลปากร และ ภาคกลางทีม ดิ การ์เดียน จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สำ�หรับทีมทีผ่ า่ นการคัดเลือกทัง้ 4 ภูมภิ าค จะได้รบั เงินสนับสนุน 25,000 บาท เพือ่ นำ�เงินไปพัฒนาผลงานตัวเองพร้อมทัง้ ไปจัดแสดงผลงาน ในงาน Demo Day startup Thailand 2018 ต่อไป โดย startup Thailand ปีที่แล้วมีการแข่งขันทั้งหมด 29 มหาวิทยาลัย 1388 ทีม ผ่าน 550 ทีม ได้มีการผลักดันสู่โครงการอื่นๆของ วท. เช่น NIA venture, Ted Fund, Startup Voucher, Innovation Coupon, คูปองวิทย์,Research Gap Fund ที่สำ�คัญมีการจดทะเบียน เป็นนิติบุคคลประมาณ 25 ทีม ดร.อภิชยั กล้าวยาํ้ ว่า การจัดงานแข่งขัน “STARTUP Thailand 2018 : Northeastern @Khon Kaen” นี้ นอกจากกระทรวงวิทย์ฯ ต้องการจะสร้างเวทีแห่งโอกาสให้กับนักเรียน นักศึกษาทีม่ ไี อเดีย ความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสร้างสรรค์ธรุ กิจแบบใหม่เพือ่ ตอบโจทย์ ความต้องการของสังคม และส่งเสริมให้กลุม่ สตาร์ทอัพรุน่ ใหม่ หันมาสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่เป็นระบบ มีนวัตกรรมและใช้เทคโนโลยีช่วยขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วแล้ว กระ ทรวงวิทย์ฯ ยังมุ่งหวังให้กลุ่มสตาร์ทอัพเหล่านี้สามารถเติบโตและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน มี ศักยภาพและเป็นกำ�ลังสำ�คัญทีส่ ามารถสนับสนุนการพัฒนายกระดับกลุม่ ผูป้ ระกอบการใน อุตสาหกรรมสาขาต่างๆ เพือ่ ขับเคลือ่ นการเติบโตของอุตสาหกรรมหลักของประเทศอีกด้วย

เครือข่าย MOC Biz Club ลงพื้นที่ให้คำ�แนะนำ� ผู้ประกอบอาชีพไม่หลงทาง เมื่ อ วั น ที่ 14 พฤษภาคม 2561 ที่ ศู น ย์ การเรี ย นรู้ ฟ าร์ ม หมู่ บ้ า นเห็ ด ชุ ม ชนพรสวรรค์ ทต.หนองบั ว อ.เมื อ ง จ.อุ ด รธานี ดร.อานนท์ แสนน่าน ผอ.ศูนย์การเรียนรู้ฟาร์มหมู่บ้านเห็ด ให้การต้อนรับ นายองอาจ วิเศษ ประธานเครือ ข่ายภูมิปัญญาชุมชนท้องถิ่นอีสาน ในฐานะรอง ประธานเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club อุดรธานี นายอิทธิพล สัจจะไพบูลย์ รองประธานฯ นางบุณณ ดา เลาหะดิลก รองประธานฯ และ นางอุไร สัจจะ ไพบูลย์ ประธานคลัสเตอร์ผ้า เครื่องประดับ และ นวัตกรรมใหม่ฯ ลงพื้นที่ให้ความรู้ในด้านส่งเสริม อาชีพของประชาชนร่วมกับ “มสธ.บริการวิชาการ แก่สังคม” โดยมี นางเยียรยง ไชยรัตน์ ผู้อำ�นวย การศูนย์วิทยพัฒนา มสธ.อุดรธานี พร้อมด้วย นาง พรรษชล แข็งขัน หัวหน้างานบริการสื่อฯ และ นางวสุภา อินทรพานิช นักแนะแนวการศึกษาและ อาชีพ ดำ�เนินการจัดขึ้น

นายองอาจ วิ เ ศษ ประธานเครื อ ข่ า ย ภูมปิ ญ ั ญาชุมชนท้องถิน่ อีสาน ในฐานะรองประธาน เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club อุดรธานี กล่าวว่า เครือข่ายฯเพือ่ มวลชนจิตอาสา สาขาต่าง ๆ ต้องการ ที่จะส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนได้มีอาชีพอย่าง มัน่ คง มัง่ คัง่ และ ยัง่ ยืน จึงลงพืน้ ทีอ่ อกให้ค�ำ แนะนำ� กับประชาชนที่ต้องการจะประกอบอาชีพด้านต่าง ๆ ที่ผ่านมาได้เชิญประธานคลัสเตอร์ที่รับผิดชอบ มาพูดคุยกับประชาชน นอกจากนั้นแล้วในฐานะที่ ตนเองเป็นประธานเครือข่ายภูมิปัญญาท้องถิ่นฯ ก็ เข้ามาช่วยงานเครือข่ายบิสคลับ ที่ต้องการอยากจะ เห็นประชาชน และผู้ประกอบอาชีพ ไม่หลงทาง มี กำ�ลังใจทำ�งานในอาชีพของตนเอง เราจะคอยช่วย ผลักดันให้เข้าสูร่ ะบบภาครัฐและภาคประชาชน ให้ เป็นอันเดียวกัน และคณะฯก็จะลงพืน้ ที่ พบปะกลุม่ ต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ทุกกลุ่มทุกอาชีพ ขณะที่ นางอุไร สัจจะไพบูลย์ ประธาน

หนองคาย จัดระเบียบสายเคเบิ้ลที่ ติ ด ตั้ ง บนสะพานลอยคนเดิ น ข้ า ม แขวงการทางหลวงหนองคาย รื้ อ สาย เคเบิล้ ทีต่ ดิ ตัง้ บนสะพานลอยคนเดินข้าม ทัง้ 7 แห่ง บริเวณทางหลวงหมายเลข 2 เพื่อความปลอดภัย และสร้างความสวยงามให้กับเมืองหนองคาย นายชิดชัย ศรีดามา ผอ.แขวงทางหลวง หนองคายพร้ อ มด้ ว ย นายมะนู ญ ชู ต รี รอง ผอ.แขวงทางหลวงหนองคาย (ฝ่ายปฏิบตั กิ าร) นาย สามารถ ศรีนาดี หัวหน้าหมวดทางหลวงหนองคาย นางอัศรา คำ�เสมอ เจ้าพนักงานสถิติชำ�นาญงาน พร้อมเจ้าหน้าทีแ่ ขวงการทางหลวงหนองคาย และ เจ้าหน้าที่จากบริษัทที่ดำ�เนินการเครือข่ายสื่อสาร ได้ออกตรวจสอบและทำ�การรื้อย้ายสายเคเบิ้ล บน สะพานลอยคนข้าม ทั้ง 7 แห่ง บริเวณทางหลวง หมายเลข 2 เพือ่ ความปลอดภัยสำ�หรับคนเดินข้าม และสร้างความสวยงามให้กับเมืองหนองคาย ผอ.แขวงทางหลวงหนองคาย กล่ า วว่ า แขวงการทางหลวงหนองคายได้ประกาศให้บริษทั เครือข่ายเคเบิ้ลที่ได้วางสายเคเบิ้ลและสายสื่อสาร ต่างๆโดยไม่ได้รับอนุญาต บนสะพานลอยคนข้าม ทั้ง 7 แห่ง เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งมีสะพานลอยหน้าวิทยาลัยเทคนิคหนองคาย แห่งเดียวเท่านัน้ ทีท่ �ำ การรือ้ ส่วนอีก 6 แห่ง ยังไม่มี

บริษัทไหนเข้าไปดำ�เนินการรื้อสายเคเบิ้ล และเมื่ อ วั น ที่ 14 มี น าคม 2561 แขวง ทางหลวงหนองคาย ได้ เ ชิ ญ บริ ษั ท ฯ เข้ า ร่ ว ม ประชุ ม และมติ ที่ ป ระชุ ม ให้ แ จ้ ง ทุ ก บริ ษั ท ที่ ดำ�เนินการให้บริการเครือข่ายสื่อสาร เข้าทำ�การ รื้อย้ายสายเคเบิ้ลที่ติดตั้งบนสะพานลอยคนเดิน ข้าม จำ�นวน 6 แห่ง บริเวณทางหลวงหมายเลข 2 ตอนควบคุม 0700 ตอน นํ้าสวย-สะพานมิตรภาพ ที่หนองคาย (เขตแดนไทย/ลาว) ภายใน 10 วัน นับแจ้ง ซึง่ เป็นการดำ�เนินการ ตามพระราชบัญญัติ ทางหลว พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 พ.ศ.2549 มาตรา 48 ผู้ใดมีความจำ�เป็นต้อง ปัก เสา พาดสาย วางท่อ หรือกระทำ�การใดๆ ในเขต

คลั ส เตอร์ ผ้ า เครื่ อ งประดั บ และ นวั ต กรรม ใหม่ฯ เปิดเผยว่า เป็นผลดีอย่างยิ่งที่เราได้มีโอกาส มาพบปะประชาชนที่ ต้ อ งการอยากจะมี อ าชี พ เป็นของตนเอง โดยเฉพาะการ “ทำ�ผ้าพื้นเมือง” เพราะตนเองก็มีการผลิตผ้าจากกลุ่มชาวบ้าน จน เป็นแบรนด์ดังขายไปทั่วโลก สร้างอาชีพให้กับ ประชาชนได้เป็นอย่างดี จึงอยากจะนำ�เอาความรู้ มาแนะแนวทางให้กบั ประชาชนได้รบั ทราบ ถึงขัน้ ตอนและวิธีการเกี่ยวกับการผลิตผ้าพื้นเมืองต่อไป ทางหลวง จะต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก ผู้อำ�นวยการทางหลวง หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย จากผู้ อำ � นวยการทางหลวงเสี ย ก่ อ น ในกรณี ที่ การกระทำ�ตามวรรคหนึ่ง ได้กระทำ�โดยไม่ได้รับ อนุญาต หรือกระทำ�ผิดเงือนไข ให้ใช้มาตรา 37 วรรคสาม มาบังคับโดยอนุโลม ความว่า สิ่งอื่นใด ที่สร้างขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ปฏิบัติตาม เงื่อนไขที่กำ�หนด ให้ผู้อำ�นวยการทางหลวงหรือ ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำ�นวยการทางหลวง มี อำ�นาจ สั่งให้ผู้กระทำ�การดังกล่าว รื้อถอน หรือ ทำ�ลายภายในกำ�หนดเวลาอันสมควร ถ้าไม่ปฏิบัติ ตามให้ผอู้ �ำ นวยการทางหลวงหรือ ผูซ้ งึ่ ได้รบั มอบ หมายจากผูอ้ �ำ นวยการทางรือ้ ถอน หรือทำ�ลาย โดย ผูน้ นั้ จะเรียกร้องค่าเสียหายไม่ได้ และต้องเป็นผูเ้ สีย ค่าใช้จ่ายในการนั้น หากไม่มาดำ�เนินการภายใน กำ�หนด แขวงทางหลวงหนองคาย จะทำ�การรื้อ ย้ายสายเคเบิ้ล และอุปกรณ์ต่างๆ หากเกิดความ เสียหายขึ้นแก่กรมทางหลวง หรือ บุคคลที่ 3 ไม่ ว่ากรณีใดๆ ท่านต้องชดใช้ค่าเสียหายเองทั้งสิ้น ซึ่งได้รับความร่วมมือ จาก บริษัท 3BB, CAT, TOT ร่วมตรวจสอบเป็นอย่างดี โดย บริษัท 3BB สามารถตัดสายเคเบิ้ลได้เลย ส่วน บริษัท CAT และ TOT จะดำ�เนินการตัดสาย วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561 ส่วนบริษัทอินเตอร์ลิงค์ฯ จะเข้า ทำ�การตรวจสอบในช่วงบ่าย ก่อนจะดำ�เนินการ รื้อสายเคเบิ้ลต่อไป


หน้า 9

ปีที่ 15 ฉบับที่ 168 ประจำ�เดือนพฤษภาคม 2561

ร้อยแก่นสารสินธุ์ ยกขบวนศึกษาดูงานมาเลเซีย ขนของดีเมืองนนทบุรี เปิดบูธให้ชาวอีสาน

พาณิ ช ย์ จั ง หวั ด ขอนแก่ น นำ � คณะผู้ ประกอบการกลุ่มจังหวัด “ร้อยแก่นสารสินธุ์” ที่ชนะการนำ�เสนอแผนธุรกิจ จากโครงการฝึก อบรมเชิงฏิบัติการเพื่อสร้างและพัฒนาศักยภาพ ผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียง เหนือตอนกลาง “Smart Change for SME 4.0” เข้า ศึกษาดูงาน ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่ อ เพิ่ ม ประสบการณ์ เ กี่ ย วกั บ ด้ า นการบริ ห าร จัดการ และการตลาดของธุรกิจไทยในต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 7 – 9 พฤษภาคม 2561 นายณัฐพงศ์ เสนาณรงค์ ผู้อำ�นวยการส่ง เสริ ม สนั บ สนุ น การประกอบธุ ร กิ จ การค้ า และ การตลาด สำ�นักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น นำ� คณะผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนกลาง “Smart Change for SME 4.0” จำ�นวน 20 คน ซึ่งผ่านการฝึกอบรมเชิงฏิบัติ การ ในโครงการ พัฒนาศักยภาพ พร้อมนำ�เสนอ แผนธุรกิจ เข้าศึกษาดูงานและรับฟังการเสวนา จาก คุณพัดชา วุฒิพันธุ์ ผู้อำ�นวยการสำ�นักงานส่ง เสริมการค้าภายในต่างประเทศ (สคร.) ประจำ�กรุง กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังได้รับฟังแนวคิด และกล

ยุทธการพัฒนาตลาดจาก คุ ณ ณั ฐ พงศ์ เสนาณรงค์ ผู้ อำ � นวยการส่ ง เสริ ม สนั บ สนุ น การประกอบ ธุรกิจการค้าและการตลาด สำ�นักงานพาณิชย์จังหวัด ขอนแก่ น และ อาจารย์ ณรงค์ ศรี เ กรี ย งทอง ผู้ บริ ห ารบริ ษั ท ส่ ง ออก เครื่ อ งสำ � อางชั้ น นำ � ที่ มี ยอดขายกว่า 500 ล้านบาท โดย คุณพัดชา วุฒิ พันธุ์ ได้มีการพูดถึงความ เป็นไปได้ในการนำ�สินค้า ของผู้ ป ระกอบการจาก ประเทศไทย เพื่อจำ�หน่าย ยังประเทศมาเลเซีย และ แนวทางในการพั ฒ นา สินค้าของผู้ประกอบการว่า ปัจจุบัน มีสินค้าจาก ประเทศไทยเป็ น จำ � นวนมากที่ ว างจำ � หน่ า ยใน ประเทศมาเลเซีย และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นใน อนาคต เพราะตลาดมาเลเซียเป็นตลาดที่มีอัตรา

บสย. อุดรธานี ระดมทีมกระตุ้นคํ้าประกัน สินเชื่อ SMEs ทวีทุน (PGS6)ดันยอดคํ้า SMEs ทวีทุน “ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ปี” ปรับปรุงใหม่ โค้ง สุดท้าย ก่อนปิดโครงการ จัดอีเวนท์ใหญ่ “มหกรรม เข้าถึงแหล่งเงินทุนแฟร์” ดึงพันธมิตรเปิดเวที แมช ชิ่ง SMEs –สถาบันการเงิน เข้าถึงสินเชื่อ แจงยอด คํ้าฯ ไตรมาส 1 ทะลุ 1,555 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 61 ที่ห้องอุดรดุษฏี โรงแรมเจริญโฮเต็ล อ.เมือง จ.อุดรธานี นายจตุฤทธิ์ จันทรกานต์ รองผู้จัดการทั่วไป สายงานสนับสนุน บสย. เป็นประธานเปิดงาน มหกรรมเข้าถึงแหล่ง เงิ น ทุ น แฟร์ จั ง หวั ด อุ ด รธานี ด้ ว ยความร่ ว มมื อ จากหน่วยงานคู่ความร่วมมือ ทั้งรัฐและเอกชน ใน ปี นี้ ไ ด้ รั บ เกี ย รติ จ ากคลั ง จั ง หวั ด อุ ด รธานี ชมรม ธนาคารจังหวัดอุดรธานี บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่ง ชาติ จำ�กัด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 4 ร่วมกับ สภา อุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี และสถาบันการเงิน ร่วมออกบูธให้คำ�แนะนำ�เกี่ยวกับธุรกิจ และความรู้ ทางการเงินผู้ประกอบการ SMEs และผู้สนใจ ร่วม กิจกรรมกว่า 200 คน ได้รบั เกียรติจากนางทัศนีย์ ตัง้ พัฒนาศิริ รอง ผูอ้ �ำ นวยการ ส่วนคุม้ ครอง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำ�นักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น ได้ ให้ความรู้ผู้ใช้บริการทางการเงิน นายพิชัย ศรีเสาว ภาค ผูอ้ �ำ นวยการอาวุโสฝ่ายปฏิบตั กิ าร บริษทั ข้อมูล เครดิตแห่งขาติ จำ�กัด นายโกวิท จะระคร ประธาน ชมรมธนาคารจังหวัดอุดรธานี ขึ้นเวทีแลกเปลี่ยน มุมมอง และความรู้ แก่ผู้เข้าร่วมเสวนา หัวข้อ “การ เข้าถึงแหล่งทุน ยุค Thailand 4.0” และในช่วง คัมภีร์ วิถีรวย กับ 2 ผู้บริหารคนรุ่นใหม่ ลูกค้า บสย. ใน โครงการคํ้าประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน (PGS6) ปรับปรุงใหม่ นายประเสริ ฐ โพธิ์ ไ พฑู ร ย์ เจ้ า ของ กิจการ บจก.โชคประเสริฐอาหารสัตว์ บจก.ออร่า

ออร์ แ กนิ ค ฟาร์ ม และ น.ส.เนาวรัตน์ คู่วัจนกุล เจ้าของกิจการ บจก.โดส ร้านกาแฟ ร่วมถ่ายทอด ประสบการณ์ คํ้าประกัน ทวีทุน หนุนธุรกิจเติบโต ถ่ า ยทอดประสบการณ์ และเคล็ดลับการทำ�ธุรกิจ ดำ�เนินรายการโดย พิธีกร คู่ขวัญ รัชนีย์ สุทธิธรรม และ กำ�ภู ภูริภูวดล เสริมสร้างบรรยากาศการจัด กิจกรรมให้คึกคักยิ่งขึ้น นายประเสริ ฐ ชั ย ชาญอุ ด มสุ ข ผู้ อำ � นวย การอาวุโส ฝ่ายกิจการสาขา บรรษัท ประกันสิน เชื่ อ อุ ต สาหกรรมขนาดย่ อ ม (บสย.) เปิ ด เผยว่ า ได้ ม อบนโยบายให้ สำ � นั ก งานสาขาอุ ด รธานี เร่ ง ประชาสัมพันธ์และให้ความช่วยเหลือผูป้ ระกอบการ SMEs เพื่อสร้างการรับรู้ให้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อให้ ได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการคํ้าประกัน สินเชื่อ SMEs ทวีทุน (PGS6) ปรับปรุงใหม่ ฟรีค่า ธรรมเนียม 4 ปี โดยมีรัฐบาล และสถาบันการเงิน จ่ายค่าธรรมเนียมคํ้าประกันแทนผู้ประกอบการ ซึ่ง กำ�ลังจะปิดโครงการในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ และยัง มีวงเงินคํ้าประกันสินเชื่อ รองรับประมาณ 26,000 ล้านบาท นายมโนฑ ศรี พ รมทอง ผู้ ช่ ว ยผู้ อำ � นวย การ ฝ่ายกิจการสาขาและผู้จัดการ สำ�นักงาน สาขา อุดรธานี เปิดเผยว่า บสย. สำ�นักงานสาขาอุดรธานี ได้ รั บ นโยบายและเป้ า การคํ้ า ประกั น สิ น เชื่ อ ปี 2561 วงเงิน 7,500 ล้านบาท ครอบคลุม 10 จังหวัด ภาคอีสาน ได้แก่ อุดรธานี ขอนแก่น หนองคาย หนองบัวลำ�ภู เลย สกลนคร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร นครพนม และ บึงกาฬ ซึ่งที่มีศักยภาพการเติบโต ทางเศรษฐกิจ ทั้งด้านการค้า-ลงทุน การท่องเที่ยว โดยผลดำ�เนินงาน บสย.สำ�นักงานสาขาอุดร

กระทรวงวิ ท ยศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี ลุยส่งท้ายจัดงาน “STARTUP Thailand 2018 : Northeastern @Khon Kaen” เพื่อเฟ้นหาสุดยอด สตาร์ทอัพระดับภูมภิ าค ลุน้ แชมป์สดุ ยอดสตาร์ท อัพระดับประเทศ ดร.อภิ ชั ย สมบู ร ณ์ ป กรณ์ ที่ ป รึ ก ษา รั ฐ มนตรี ว่ า การกระทรวงวิ ท ยาศาสตร์ แ ละ เทคโนโลยีกล่าวว่า ปัจจุบัน STARTUP Thailand ก้าวเข้าสู่ปีที่3 โดยในช่วง2ปีกว่าๆที่ผ่านมา นับ ว่าประสบผลสำ�เร็จอย่างยิ่ง เกิดกระแส ความตื่น ตัวในธุรกิจ สตาร์ทอัพ เป็นที่รู้จักในวงกว้างทุก ภูมิภาคทั่วประเทศ แล้วยังเกิดผลเป็นรูปธรรม หลายด้าน ที่มีผลเชิงลงกทางด้านเศรษฐกิจ ของ ประเทศ โดยในปี นี้ มี ก ารแบ่ ง การแข่ ง ขั น เป็ น 2 ประเภทได้แก่ ประเภทกลุ่มนักศึกษา STARTUP Thailand U-League 2018 โดยการแข่งขันครั้งนี้มี กลุ่มนักศึกษาให้ความสนใจที่มีไอเดียสร้างสรรค์ กล้าคิด กล้าฝัน ร่วมประกวดแนวคิดนวัตกรรม และโมเดลธุรกิจสตาร์ทอัพ เพือ่ สานฝันสูก่ ารเป็น สตาร์ทอัพรายใหม่ และก้าวขึ้นเป็นผู้ประกอบ การตั ว จริ ง บนเวที และประเภทบุ ค คลทั่ ว ไป STARTUP Thailand Grand Pitching Challenge เป็ น เวที สำ � หรั บ เหล่ า สตาร์ ท อั พ ที่ มี ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ พร้ อ มขาย หรื อ ทำ � ธุ ร กิ จ แล้วเป็น กิจกรรมการ แข่งขันธุรกิจในกลุ่มสตาร์ทอัพที่ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวตกรรม เป็นฐานในการสร้าง ธุรกิจ ที่มีศักยภาพการเติบโต มีโมเดลทางธุรกิจที่ น่าลงทุน ผ่านเวทีนำ�เสนอผลงาน pitching ระดับ

ประเทศเพื่อต่อยอดธุรกิจสตาร์ทอัพต่อไป ในส่ ว นจั ง หวั ด ขอนแก่ น จั ด ขึ้ น ระหว่ า งวั น ที่ 5-6 พฤษภาคม 2561 ณ อาคารพจน์สารสิน มหาวทยาลัยขอนแก่น ซึ่ ง นี้ เ ป็ น ภู มิ ภ าคสุ ด ท้ า ยที่ ไ ด้ รั บ ความ สนใจอย่ า งมาก จนถึ ง ขณะนี้ มี ย อดเข้ า ร่วมทีมประกวดทั้งสิ้น 158 ทีม จาก 26 มหาวิทยาลัยในภาคอีสาน ซึ่งผู้ชนะเลิศ อันดับ1ของภูมิภาคจะเข้าร่วมแข่งขันรอบ สุดท้าย ชิงแชมป์สดุ ยอดสตาร์ทอัพ ระดับประเทศ ประจำ�ปี 2561 ในงาน STARTUP Thailand 2018 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยทีมที่ชนะเลิศ ภาคอีสานประเภท Pitching LEAGUE รางวัลที่ 1 ได้แก่ทีม Bionanomer (ไบโอนาโนเมอร์)สถาบัน เทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และประเภท Pitching CHALLENGE รางวัลที่ 1 ทีมมีไอดี (MEiD):MEiDริสต์แบนด์เก็บข้อมูลทา งการแพทย์ (MEiD) สำ � หรั บ การแข่ ง ขั น ที่ ผ่ า นมาทั้ ง 3 ภาค ได้แก่ ภาคใต้ผู้ชนะเลิศ ทีม FIFTH GEAR จาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ภาคเหนือทีม EASY GAS มหาวิทยาลัยศิลปากร และภาคกลางทีม ดิ การ์เดียน จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี สำ�หรับทีมทีผ่ า่ นการคัดเลือกทัง้ 4 ภูมภิ าค จะได้รับเงินสนับสนุน 25,000 บาท เพื่อนำ�เงินไป พัฒนาผลงานตัวเองพร้อมทั้งไปจัดแสดงผลงาน ในงาน Demo Day startup Thailand 2018 ต่อไป โดย startup Thailand ปีทแี่ ล้วมีการแข่งขัน

ได้เลือก ช้อป ชิม ชม

เปิดตลาดข้ามภูมิภาคสร้างความจำ�จด “ของดีเมืองนนทบุรี” เชื่อมโยงตลาดสินค้าและ บริการในหัวเมืองหลักทั้ง 4 ภาค สร้างเครือข่าย ให้กบั ผูป้ ระกอบการ โดยมี นายอำ�พล อังคะภากร กุล รอง ผวจ.นนทบุรี นำ�สินค้าดีจากภูมิปัญญา ชาวบ้านนนทบุรี สินค้า OTOP สินค้าชุมชน เปิดบูธ ให้ประชาชนชาวอีสานได้เลือก ช้อป ชิม ชม โดยมีนายคำ�นวณ สุวรรณดี พาณิชย์จังหวัด ขอนแก่น นางสาวสุนันทา น้อยพิทักษ์ พาณิชย์ จังหวัดนนทบุรี หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ ลานโปร โมชั่นชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า จังหวัด ขอนแก่น ระหว่างวันที่ 24 -29 เมษายน 2561 ที่ ผ่านมา นายอำ�พล อังคะภากรกุล รองผูว้ า่ ราชการ จั ง หวั ด นนทบุ รี กล่ า วว่ า จั ง หวั ด นนทบุ รี ได้ การเติบโตสูง โดยแนะให้ผู้ประกอบการไทยปรับ มอบให้ พ าณิ ช ย์ จั ง หวั ด นนทบุ รี จั ด โครงการ เปลี่ยนรูปแบบแพ็คเกจของสินค้าให้มีความทัน เชื่อมโยงตลาดสินค้าและบริการ สู่ทุกภูมิภาค สมัย มีรายละเอียดสินค้าทีช่ ดั เจนจะทำ�ให้สามารถ เพื่อเป็นขยายช่องทางการตลาด สร้างเครือข่าย ให้ผู้ประกอบการจังหวัดนนทบุรีสามารถขยาย เจาะตลาดมาเลเซียได้ง่ายขึ้น ฐานการค้า สร้างพันธมิตรและมีการแลกเปลี่ยน

ผลิตภัณฑ์ทางการค้าระหว่าง ภูมิภาค นับเป็นครั้งที่ 2 ใน การจัดคาราวานสินค้าของดี เมืองนนทบุรี สู่หัวเมืองหลัก ในภู มิ ภ าค ทั้ ง 4 ภาค อาทิ จังหวัดพิษณุโลก ขอนแก่น ระยอง และจังหวัดสงขลา ซึง่ มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อย่ า งต่ อ เนื่ อ ง ทำ � ให้ ค วาม ต้องการสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าที่ใช้ในชีวิต ประจำ � วั น สิ น ค้ า ตกแต่ ง ที่ อ ยู่ อ าศั ย และสิ น ค้ า ประเภทของฝาก มีความต้องการเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน เริ่มมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในระดับภูมิภาคเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้ง รัฐบาลมีแผน พัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนือ่ ง ทำ�ให้เกิดการลงทุน ในภู มิ ภ าคต่ า งๆมากขึ้ น ทั้ ง การลงทุ น จากภาค รัฐ การขยายฐานของภาคเอกชน สะท้อนให้เห็น กำ�ลังซื้อของประชาชนในส่วนภูมิภาค ซึ่งมีอัตรา การเติบโตเพิม่ ขึน้ เชือ่ ว่า การจัดโครงการเชือ่ มโยง ตลาดสินค้าและบริการ สร้างสรรค์จงั หวัดนนทบุรี สู่ภูมิภาค จะสามารถขยายช่องทางการตลาดให้

ผู้ประกอบการ เพื่อเป็นแนวทางในการยกระดับ มาตรฐานสินค้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อ ไป นายคำ � นวณ สุ ว รรณดี พาณิ ช ย์ จั ง หวั ด ขอนแก่น กล่าวว่า นับเป็นโอกาสดีของประชาชน ชาวขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง ทีส่ ามารถเลือก ซื้อ สินค้าที่คัดสรรมาเพื่อชาวอีสานโดยไม่ ต้ อง เสียเวลาในการเดินทางไกล อีกทั้งยังเป็นการเปิด โอกาสให้กับผู้ประกอบการได้สร้างเครือข่าย แลก เปลี่ยนแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นอกจาก นี้ ยังเป็นการสร้างรายได้ และกระตุ้นให้เศรษฐกิจ หมุนเวียนในท้องถิ่นอีกด้วย

บสย.เปิดงาน “มหกรรมเข้าถึงแหล่งเงินทุน “นครพนม...พร้อม” รุกใหญ่ โรดโชว์เขต แฟร์” แจงยอดคํา้ ฯ ไตรมาส 1 ทะลุ 1,555 ล้านบาท

เศรษฐกิจพิเศษ “The Best Gate Way”

ไตรมาส 1 (1 ม.ค. – 31 มี.ค. 61) สามารถคํ้าประกัน สินเชื่อวงเงิน 1,555.55 ล้านบาท หรือ 93.09 % ของเป้าหมายคํ้าประกันฯ ผ่านโครงการคํ้าประกัน สินเชื่อ SMEs ทวีทุน (PGS6) ปรับปรุงใหม่ สูงสุด จำ�นวน 355 ราย วงเงิน 1,199 ล้านบาท ประเภทธุรกิจที่มีวงเงินคํ้าประกันสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธุรกิจผลิตสินค้าและการค้าอืน่ ๆ จำ�นวน 938 ราย วงเงิน 267 ล้านบาท 2. ธุรกิจบริการ จำ�นวน 425 ราย วงเงิน 239 ล้านบาท 3. ธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม จำ�นวน 244 ราย วงเงิน 211 ล้านบาท 4. ธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค จำ�นวน 179 ราย วงเงิน 139 ล้านบาท 5. ธุรกิจปิโตรเคมีและพลังงาน จำ�นวน 26 ราย วงเงิน 110 ล้านบาท ทั้งนี้ แผนดำ�เนินงาน ในไตรมาส 2-4 จะมุ่งเน้นการเข้าถึงผู้ประกอบการ SMEs เพื่อให้คำ�ปรึกษาการเข้าถึงสินเชื่อ ปัจจุบัน บสย. มีช่องทางการให้คำ�ปรึกษา ผ่านระบบ “คลินกิ คํา้ ประกันสินเชือ่ ออนไลน์” ผ่าน เว็บไซต์ www.tcg.or.th การจัดอบรมหลักสูตรต่างๆ เพือ่ เสริมสร้างผูป้ ระกอบการ SMEs การเตรียมความ พร้อมในการยื่น ขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินให้ได้ รับอนุมัติสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยในครึ่งปีหลังได้เตรียม จัดสัมมนาการให้ความรู้ทางการเงินแก่ผู้ประกอบ การ SMEs รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรแก้ปญั หา การเข้าถึงสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการทุกรูปแบบ

ลุยเมืองหมอแคน เฟ้นหาสุดยอด สตาร์ทอัพภาคอีสาน

ทั้งหมด 29 มหาวิทยาลัย 1388 ทีม ผ่าน 550 ทีม ได้มกี ารผลักดันสูโ่ ครงการอืน่ ๆของ วท. เช่น NIA venture, Ted Fund, Startup Voucher, Innovation Coupon, คูปองวิทย์,Research Gap Fund ที่สำ�คัญ มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประมาณ 25 ทีม ดร.อภิชัย กล้าวยํ้าว่า การจัดงานแข่งขัน “STARTUP Thailand 2018 : Northeastern @ Khon Kaen” นี้ นอกจากกระทรวงวิทย์ฯ ต้องการ จะสร้างเวทีแห่งโอกาสให้กับนักเรียนนักศึกษา ที่ มี ไ อเดี ย ความคิ ด สร้ า งสรรค์ ใ นการพั ฒ นา สร้างสรรค์ธุรกิจแบบใหม่เพื่อตอบโจทย์ความ ต้องการของสังคม และส่งเสริมให้กลุ่มสตาร์ท อัพรุ่นใหม่ หันมาสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพที่เป็น ระบบ มีนวัตกรรมและใช้เทคโนโลยีช่วยขยาย ธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วแล้ว กระทรวงวิทย์ฯ ยังมุง่ หวังให้กลุม่ สตาร์ทอัพเหล่านีส้ ามารถเติบโต และพัฒนาได้อย่างยัง่ ยืน มีศกั ยภาพและเป็นกำ�ลัง สำ�คัญที่สามารถสนับสนุนการพัฒนายกระดับ กลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสาขาต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมหลัก ของประเทศอีกด้วย

นครพนม รุกใหญ่ หลังจัดตั้งเขตเศรษฐกิจ พิเศษ และเปิดใช้สะพานข้ามโขง ประกาศศักยภาพ จุ ด แข็ ง 3 ที่ สุ ด “ใกล้ ที่ สุ ด เร็ ว ที่ สุ ด ประหยั ด ที่สุด” ในการเป็น The Best Gate Way เตรียมความ พร้อมทีจ่ ะเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและจีนตอนใต้ เมื่ อ เร็ ว ๆ นี้ ที่ ห้ า งสรรพสิ น ค้ า เซ็ น ทรั ล สาขาอุ ด รธานี นายประที ป ฤทธิ กุ ล รองผู้ ว่ า ราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในพิธีเปิด กิจกรรมการค้าชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษ นครพนม ซึง่ เป็นหนึง่ ในโครงนโยบายการจัดตัง้ เขต เศรษฐกิจพิเศษเขตชายแดนของรัฐบาล คสช. และ การเสวนาของกลุ่มจังหวัดสนุก หลังจากที่จังหวัด นครพนมเปิดการใช้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่ง ที่ 3 นครพนม-แขวงคำ�ม่วน เมื่อปี พ.ศ.2554 นายประที ป ฤทธิ กุ ล รองผู้ ว่ า ราชการ จังหวัดนครพนม กล่าวบนเวทีเสวนา ในฐานะที่ เป็นตัวแทนของกลุ่มจังหวัดสนุกว่า เมื่อ 6 ปีก่อนที่ จะมีสะพานข้ามแม่นาํ้ โขงแห่งที่ 3 จังหวัดนครพนม เป็นจังหวัดชายแดนสุดท้าย แต่หลังจากที่ได้เปิด การใช้ ป ระโยชน์ ส ะพานข้ า มแม่ นํ้า โขงแห่ ง ที่ 3 นครพนม-แขวงคำ�ม่วนแล้ว จังหวัดนครพนม ก็เกิด การเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เช่น การค้าชายแดน ระหว่างไทย-ลาว ก็มีอัตราเพิ่มขึ้น จากมีมูลค่าการ ค้าชายแดนเพียงไม่กี่พันล้านบาท มาเป็นการค้า ชายแดนนครพนมกับประเทศ สปป.ลาว เวียดนาม และประเทศจีนตอนใต้ ล่าสุดมีมลู ค่าการค้าชายแดน ไทย-ลาว มากกว่า 80,000 ล้านบาท มากที่สุดใน จำ�นวนจังหวัดที่มีสะพานข้ามแม่นํ้าโขง โดยใช้ เ ส้ น ทาง R-8 และ R-12 และยั ง สามารถใช้เป็นเส้นทางขนถ่ายสินค้าไปภูมภิ าคต่างๆ โดยผ่านท่าเรือวุ่งอ๋าง ของประเทศเวียดนาม ด้วย ระยะทางจากนครพนม-ท่าเรือวุ่งอ๋าง เพียง 300 ก.ม.เศษๆเท่านั้น ทำ�ให้การขนส่งสินค้าใช้เวลาสั้น ระยะทางใกล้ และประหยัดค่าใช้จ่าย นายประที ป ฯ ได้ ก ล่ า วถึ ง ความพร้ อ ม ของการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม ตาม นโยบายของรัฐบาล คสช.ว่า จังหวัดได้เตรียมพื้นที่ เอาไว้ประมาณ 14000 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 2 อำ�เภอ 13 ตำ�บล คือ อ.เมือง และ อ.ท่าอุเทน ขณะนี้เขต เศรษฐกิจพิเศษนครพนมมีความก้าวหน้าไปมาก แล้ ว โดยมี ก ารลงทุ น ในด้ า นโครงสร้ า งพื้ น ฐาน ไปเป็ น ส่ ว นใหญ่ พร้ อ มบุ ค ลากรของหน่ ว ยงาน ที่ เ กี่ ย วข้ อ ง ในการรองรั บ นั ก ลงทุ น ที่ จ ะเข้ า ไป ลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม เช่น ศูนย์ บริการแบบเบ็ดเสร็จ : OSS เพื่อบริการข้อมูล และ

อำ � นวยความสะดวกด้ า นการค้ า การ ลงทุน แรงงาน อาคาร ระบบโลจิสติกส์ คลังสินค้า ซึ่งเป็นพื้นที่ของธนารักษ์ ที่ ตั้ ง อยู่ ใ กล้ เ คี ย งกั บ ด่ า นศุ ล กากรจั ง หวั ด นครพนม และขณะนีไ้ ด้มผี ใู้ ห้ความสนใจ ที่จะเข้าไปลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ พิเศษนครพนม และอยู่ในระหว่างการ พิ จ ารณาอนุ ญ าตของรั ฐ บาล สำ � หรั บ โครงสร้ า งต่ า งๆ เช่ น ไฟฟ้ า ถนน ก็ ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว นอกจาก นี้ แ ล้ ว ในอนาคตโครงการรถไฟรางคู่ จ ากสถานี บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ถึงนครพนม ไปสิน้ สุดโครงการ ที่บริเวณจุดกระจายสินค้า ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อย ในปี พ.ศ.2565 ก็ ยิ่ ง จะเสริ ม ความพร้ อ มในอี ก หลายๆ ด้าน ให้กับจังหวัดนครพนม เขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม โครงการจะ เน้นในอุตสาหกรรมการแปรรูปพืชการเกษตรที่ ไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เนื่องจากพืช เศรษฐกิจทีเ่ ป็นวัตถุดบิ ป้อนโรงงานในพืน้ ทีจ่ งั หวัด นครพนมมีมากหลายชนิด เช่น ลิน้ จี่ พัน น.พ.1 ทีไ่ ด้ รับการพัฒนาสายพันธุจ์ นได้รบั เป็นพืชจีไอ(GI) ซึง่ เป็นลิ้นจี่พันธุ์ดี กำ�ลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ทั้ ง ในและนอกประเทศ จนถึ ง ประเทศจี น ตอน ใต้ นอกจากนัน้ ก็ยงั มีสบั ปะรด แตงโม มะม่วง และ พืชเศรษฐกิจ คือ ข้าวที่มีคุณภาพพิเศษ ยางพารา และผู้ที่ลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม ก็ยัง ได้รบั สิทธิพเิ ศษยกเว้นภาษีสว่ นบุคคลเป็นเวลา 8 ปี ภาษีเครือ่ งจักรเป็นเวลา 5 ปี ระยะเวลาการเช่า 50 ปี ต่อสัญญาได้อกี 50 ปี พร้อมกันนีจ้ งั หวัดก็ได้เตรียม พืน้ ทีร่ อบเขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม เอาไว้ให้นกั ลงทุนที่ต้องการลงทุนอยู่นอกเขตพื้นที่เศรษฐกิจ พิเศษ อีกด้วย นายประทีปฯ กล่าวเพิม่ เติมถึงความพร้อม ในด้ า นต่ า งๆ ของจั ง หวั ด นครพนมว่ า จั ง หวั ด นครพนมในยุคปัจจุบันได้ก้าวข้ามผ่านยุคสมัย มุ่ง เข้าสู่ยุคแห่งความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ สู่ความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและจีนตอนใต้ และภูมิภาคตะวันออก ทั้งนี้จังหวัดนครพนมได้ ส่งสัญญาณโดย นายสมชาย วิทย์ด�ำ รง ผูว้ า่ ราชการ จังหวัดนครพนม ว่า “นครพนม...พร้อม” จึงขอให้ ความเชื่อมั่นว่าพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม คือทำ�เลทองของการลงทุน ในเวลานี้ จึงขอเชิญ ชวนนักลงทุนในจังหวัดอุดรธานี และใกล้เคียง เข้ามาลงทุนในพื้นที่ฯ ดังกล่าวด้วยเหตุผลที่กล่าว ไว้แล้ว และด้วยจุดแข็ง 3 ที่สุด.. ใกล้ที่สุด เร็ว

ที่สุด ประหยัดที่สุด ในการเป็น The Best Gate Way ของเขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม และการเตรี ยมความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและ จีนตอนใต้ “เราพร้อมเปิดม่านต้อนรับนักลงทุน นัก ท่องเที่ยวเข้าสู่จังหวัดนครพนม เมืองแห่งความ สุ ข ประชาชนมี คุ ณ ภาพชี วิ ต ที่ ดี มี ค วามมั่ น คง ปลอดภัย มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” นายประทีปฯ กล่าว นายธวัชชัย เฮงประเสริฐ รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีมุมมองใน ฐานะคนนอกพื้นที่ กล่าวถึงความพร้อมของเขต เศรษฐกิจพิเศษนครพนมว่า จงั หวัดนครพนมถือว่า เป็นจังหวัดทีม่ คี วามกระตือรือร้นของทุกภาคส่วน จึงทำ�ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายไปเช่นนี้ โดย เฉพาะในการดำ�เนินการโครงการเขตเศรษฐกิจ พิ เ ศษนครพนม นั้ น จากการที่ ต นอยู่ ใ นวงการ อุตสาหกรรม ต้องเดินทางไปในหลายๆพื้นที่ พบ ว่าการพัฒนาโครงการค่อนข้างก้าวไปเร็วมาก เร็ว กว่าในอีกหลายพืน้ ที่ ทีร่ ฐั บาลกำ�หนดให้เป็นพืน้ ที่ เขตเศรษฐกิจพิเศษ จากการที่ ไ ด้ มี ก ารพู ด คุ ย กั บ ทางจั ง หวั ด นครพนมแล้ว ทำ�ให้ทราบว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษ นครพนม จะเน้นไปทางอุตสาหกรรมการแปรรูป พืชการเกษตร ก็ถือว่าเป็นการกำ�หนดทิศทางที่ ถูกต้องแล้ว และยังกล่าวสอดคล้องกับ นายประ ทีปฯ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เกี่ยวกับ โครงการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่จาก สถานีบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น-จ.นครพนมว่า จะเป็นตัวช่วยเสริม ศั ก ยภาพความพร้ อ มในด้ า นต่ า งๆของจั ง หวั ด นครพนม ส่วนในเรื่องปัญหาแรงงานก็อาจจะจะ ต้องอาศัยแรงงานจากประเทศอาเซียนอืน่ นอกจาก แรงงานคนลาว เพราะประเทศ สปป.ลาว มีแรงงาน น้อยอยู่แล้ว

สร้างสายสืบ อย.น้อย แจ้งเบาะแสโฆษณาผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2561 ที่โรงแรมเซ็นทา รา แอนด์ คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ อ.เมืองอุดรธานี นพ.วั น ชั ย สั ต ตยาวุ ฒิ พ งศ์ เลขาธิ ก าร คณะ กรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นประธาน ในพิธีการอบรมการพัฒนากิจกรรมสร้างเสริม พฤติกรรม การบริโภคอาหารของนักเรียนชั้น มั ธ ยมศึ ก ษาตอนต้ น เพื่ อ ลดปั จ จั ย เสี่ ย งและ ป้องกันปัญหาสุขภาพจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ภาคตะวันรออกเฉียงเหนือ จัดโดย สำ�นักงาน คณะกรรมการ อย. ร่วมกับสำ�นักงานเขตพืน้ การ ศึกษามัธยม เขต 20 สำ�นักงานสาธารณสุขจังหวัด อุดรธานี โดยมีผทู้ เี่ ข้าร่วมอบรมครัง้ นีท้ เี่ ป็นบุคล กรการศึกษา ครู จากจังหวัดต่างๆของภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด จำ�นวน 130 คน เพื่อ ทีจ่ ะได้น�ำ เอาความรูใ้ นเรือ่ งดังกล่าว ไปทำ�การเผย แพร่ให้กับนักเรียนในโรงเรียนต่างๆ ต่อไป นพ.วันชัย สัตตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการ อย. เปิดเผยว่า ในระยะ 15 ปีที่ผ่านมา โครงการ ดำ�เนินการโครงการ อย.น้อย ถือว่ามีผลสำ�เร็จได้

ระดับหนึ่ง สามารถให้ความ รู้ กั บ คนไทยได้ อ ย่ า งถู ก ต้ อ ง ตั้งแต่วัยเด็กเป็นเรื่องที่ดี ซึ่ง ถือว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้องใน การดำ�เนินชีวิตด้วยโรคภัยไข้ เจ็ บ ที่ เ กิ ด จากพฤติ ก รรมลด น้ อ ยลง สาเหตุ ที่ สำ � นั ก งาน อย.เลื อ กทำ � โครงการใน โรงเรียน เนื่องจากโรงเรียน เป็นที่รวมของเด็กนักเรียน ที่ พร้อมจะรับเอาความรู้ในการใช้วิตที่ถูกต้องคือ การเลือกกินอาหารที่เป็นประโยนช์ร่างกาย และ ที่สำ�คัญการที่จะทำ�ให้สุขภาพดี ก็คือ จะต้องออก กำ�ลังอยู่สมํ่าเสมอ ซึ่งโครงการ อย.น้อย ที่เริ่มโครงการมา เป็นเวลา 15 ปีและปีนี้เป็นปี ที่ 16 มีนักเรียนทั่ว ประเทศ ได้ผ่านการรับความรู้จากครูที่เข้าอบรม แล้วเป็นจำ�นวนหลายแสนคน และจากการสำ�รีวจ ประเมินผลการดำ�เนินโครงการ พบว่าในระยะที่

ผ่านมานัน้ มีเด็กนักเรียนทีเ่ ปลีย่ นพฤติกรรมมาบริ โภคอาหารทีเ่ หมาะสมกับร่างกายเพิม่ สูงขึน้ ทุกปี ล่าสุดมีตวั เลขถึงร้อยละ 79.06 ในปี 2559 ซึง่ ในปี 2561 นี้ โครงการ อย.น้อย มุ่งเน้นพัฒนานักเรียน อย.น้อย ให้เป็นสายสืบ อย.น้อย เพื่อทำ�หน้าที่ ตรวจสอบและเฝ้าระวังโฆษณาผลิตภัณฑ์สขุ ภาพ ในสื่อต่างๆ โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่ง หากตรวจพบก็สามารถแจ้งข้อมูลสายตรงด่วน อย. 1556


หน้า 10

ปีที่ 15 ฉบับที่ 168 ประจำ�เดือนพฤษภาคม 2561


หน้า 11

ปีที่ 15 ฉบับที่ 168 ประจำ�เดือนพฤษภาคม 2561 กสทช.-อย.

• ต่อจากหน้า 1 ก็ตอ้ งคอยดูวา่ จะมีจ�ำ นวนมากน้อยเพียงใดทีโ่ ฆษณา ทหาร ฝ่ายปกครอง ตำ�รวจ และตัวแทนผู้ประกอบ ได้บ้างแล้ว ซึ่งครอบครัวได้รับความช่วยเหลือจาก พร้อมกันนีก้ เ็ ปิดเผยเพิม่ เติมอีกว่า ไทย-ญีป่ นุ่ มีความ บ้านลดลงมาก”

เมือ่ วันที่ 4 พฤษภาคม 2561 ทีโ่ รงแรมเซ็นทา รา แอนด์ คอนเวนชัน่ เซ็นเตอร์ อ.เมืองอุดรธานี นพ. วันชัย สุตตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการกรรมการอาหาร และยา เปิดเผยถึงกรณีที่มีการจับกุม บุกเข้าทำ�การ ค้นตลาดและร้านจำ�หน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำ�อาง และยา ที่ไม่มีคุณภาพ หรือผลิตภัณฑ์ท่ีมี อย.ไม่ถูก ต้องตามที่ผู้ผลิตขออนุญาต หรือ ผลิตภัณฑ์อาหาร เสริมเถือ่ นทีก่ �ำ ลังเป็นข่าวอยูต่ ามหน้าสือ่ ทัง้ หลายอยู่ ในขณะนี้ว่า ประการแรกต้องทำ�ความเข้าใจก่อนว่า รัฐบาลตัง้ อย.ขึน้ มาเพือ่ ทำ�การคุม้ ครองผูบ้ ริโภคและ ผลิตภัณฑ์หลัก 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอาหาร ยา เครื่อง มือแพทย์ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำ�อาง และวัตถุอันตราย ซึ่งสิ่งที่ อย.ดูแลอยู่นี้ถือว่าเป็น 2 ในปัจจัย 4 ของ มนุษย์ ส่วนเรือ่ งทีเ่ กิดอยูใ่ นขณะนี้ เกิดมาจากคนไม่ ซือ่ สัตย์สจุ ริตของคน 2 กลุม่ ทำ�ขึน้ มา ถือโอกาสเอา จุดแข็ง จุดเด่นของ อย.ที่สร้างสมมาตลอดเป็นเวลา กว่า 40 ปี ไปใช้ประโยชน์ให้กบั ตัวเอง เป็นการทำ�มา หากินในทางที่ผิดกฏหมาย ด้วยการโฆษณาหลอก ลวงประชาชน ผู้บริโภค ด้วยวิธีการต่างๆนานา และเป็นอันตรายต่อประชาชนและผู้บริโภค เพื่อให้ ตนได้ผลประโยชน์ทางการค้าของตน ส่วนสินค้า ที่ผลิตออกมามีทั้งการใส่ส่วนผสมที่เป็นอันตราย กับผู้บริโภด ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้มีคนที่มีการกระทำ� ในลักษณะนี้อยู่ในสังคมไทยอยู่ 2 พวก ตามที่กล่าว มาแล้ว พวกแรกคือคนที่มีการอนุญาตจาก อย.ถูก ต้อง แต่ผลิตสินค้าทีไ่ ม่มคี ณ ุ ภาพหรือไร้คณ ุ ภาพออก มาจำ�หน่าย สร้างอันตรายให้กบั ผูใ้ ช้ ผูบ้ ริโภคสินค้า ดังกล่าว ก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ ผู้บริโภค อีกกลุ่มคือคนที่ยิ่งแย่กว่าคนกลุ่มแรก คือ กลุ่มคนที่ผลิตสินค้าเถื่อน ตั้งโรงงานเถื่อน ปลอม หมายเลข อย. ซึ่งคนกลุ่มที่สองนี้ เป็นตัวการสร้าง ความเสียหายให้กับ อย. ทำ�ให้ประชาชน ผู้บริโภค ทั่วไปได้รับอันตรายจากการใช้สินค้าดังกล่าวนั้น นอกจากนี้ก็ยังสร้างความเสียหาย ทำ�ให้ประชาชน ผู้บริโภคขาดความเชื่อถือเลขหมายของ อย. และ อย.ว่าเชื่อถือไม่ได้ ที่ผ่านทาง อย.เองได้มีการร่วมมือกับหน่วย งานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน เช่น ในต่างจังหวัดก็ ร่วมมือกับสำ�นักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด และกลุ่มงาน อย. กสทช. และตำ�รวจ และส่วนที่ เกี่ยวข้องในพื้นที่ ทำ�การบูรณาการทำ�งาน ออก ทำ � การสำ � รวจตรวจสอบปราบปรามสิ น ค้ า ไม่ มี คุณภาพ ไม่ถูกต้องตามกฎหมายกำ�หนดดังกล่าว ที่ ผลิตในประเทศ หรือที่สั่งเข้ามาจำ�หน่ายจากต่าง ประเทศ มาโดยตลอด แต่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็ยังไม่ หมดไปจากท้องตลาด ซึ่งเป็นความจำ�เป็นอย่างยิ่งที่ จะต้องมีเครือข่ายสังคม รวมทัง้ สือ่ มวลชนทุกแขนง เพือ่ คอยเป็นหู เป็นตา คอยตรวจสอบแจ้งเบาะแส ให้ กับหน่วยงานทุกหน่วยงานทัง้ ในส่วนภูมภิ าคและใน ส่วนกลาง โดยสามารถแจ้งได้ในหลายช่องทาง เช่น สายด่วน อย.1556 ขอให้เครือข่ายทุกเครือข่ายช่วย กันกำ�จัดปัญหาดังกล่าว เชื่อว่าจะสามารถช่วยลด ปัญหาได้อย่างแน่นอน ส่ ว นในเรื่ อ งของการโฆษณาบนโซเซี ย ล นั้ น นพ.วั น ชั ย ฯ กล่ า วยอมรั บ ว่ า เป็ น เรื่ อ งที่ จ ะ เข้าไปดูแลควบคุมยากมาก เพราะมีความสลับซับ ซ้อน มีความยุ่งยาก หากเป็นการโพส์ตที่มีฐานอยู่ ในประเทศ ก็สามารถจะควบคุมได้ แต่หากว่าเป็น การโพส์ตขึ้นจากฐานที่อยู่ต่างประเทศ ก็เป็นเรื่องที่ กฎหมายของไทย ไม่สามารถเอื้อมไปถึงได้ อย่างไร ก็ตามขณะนี้ทาง อย.ได้มีการขอความร่วมมือไปยัง กระทรวง DE. และผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของโซเซียล เพื่อหาทางกำ�จัดสื่อโซเซียลเหล่านี้ให้ได้ นพ.วั น ชั ย ฯ เปิ ด เผยอี ก ว่ า ในกรณี ข อง กสทช.จะขอให้เจ้าหน้าที่ อย.ไปนั่งปฏิบัติงานอยู่ที่ กสทช.ว่า เนื่องจากที่ได้มีการปรึกษาหารือในการ กำ�จัดโฆษณาที่ผิดกฎหมายบนสื่อออนไลน์ และสื่อ ชนิดต่างๆเป็นจำ�นวนมากมาย เห็นพ้องกันว่าจะต้อง มีการบูรณาการในการทำ�งานร่วมกัน โดยใน 3 เดือน ต่อจากนี้ไป จะส่งเจ้าหน้าที่ของ อย. ไปนั่งทำ�งาน ตรวจสอบโฆษณาที่มีบนสื่อทุกชนิดที่ กสทช. ไม่ ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์ เคเบิ้ล และอื่นๆ ซึ่งจะทำ�ให้โฆษณาทุกชนิดที่ไม่ถูกต้อง จะต้องลด จำ�นวนลงได้อย่างแน่นอน พร้อมขอให้คอยดูวา่ เมือ่ ครบ 3 เดือนแล้ว จะมีโฆษณาที่ไม่ถูกกฎหมาย ต้อง ถูกกำ�จัดออกไป มีจำ�นวนมากน้อยเพียงใด โดยยํ้าว่า

ไม่ถูกต้องจะถูกกำ�จัดออกไป จะต้องเห็นผลออกมา อย่างแน่นอน และเมื่ อ วั น ที่ 8 พฤษภาคม ที่ ผ่ า นมา นายฐากร ตั ณ ฑสิ ท ธิ์ เลขาธิ ก ารคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคมแห่ ง ชาติ (เลขาธิ ก าร กสทช.) ได้ ลงพื้นที่ และประชุมร่วมกับจังหวัดขอนแก่น เพื่อ วางแนวทางแก้ปัญหาสายสื่อสาร และในโอกาส นี้ เลขาธิการ กสทช. ได้เปิดเผยว่า ได้เน้นยํ้ากับ สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น และ กสทช.เขต 6 ให้ เข้มงวดตรวจสอบ การโฆษณาสินค้าที่เกินจริงทาง วิทยุชุมชน และเคเบิลทีวี โดยได้ ชี้ แ จงว่ า สำ � หรั บ การดำ � เนิ น การที่ สำ�นักงาน กสทช. ร่วมกับ อย. ในการดำ�เนินงานเพือ่ ลดขัน้ ตอนการดำ�เนินการดังกล่าว ทางทีมเจ้าหน้าที่ อย. จะเข้ามาร่วมมอนิเตอร์กับสำ�นักงาน กสทช. ณ ศูนย์ตรวจสอบเนื้อหาที่ผิดกฎหมายของสำ�นักงาน กสทช. เป็นเวลา 3 เดือน ขณะเดียวกันก็จะส่งเรื่อง เข้าสู่กระบวนการพิจารณาการกระทำ�อันเป็นการ เอาเปรียบผูบ้ ริโภคของ คณะอนุกรรมการคุม้ ครองผู้ บริโภคฯ ตามปกติ เมือ่ คณะอนุกรรมการฯ พิจารณา เรียบร้อยแล้ว จะส่งเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กสทช. เพื่อ พิจารณาต่อไป ทั้งนี้การระงับโฆษณาดังกล่าวจะต้องระงับ ไปจนกว่า จนกว่าผลการพิจารณาจะเป็นข้อยุติ กรณี ทีผ่ ปู้ ระกอบกิจการฝ่าฝืน จะมีโทษปรับตามประกาศ กสทช. เรือ่ ง การกระทำ�ทีเ่ ป็นการเอาเปรียบผูบ้ ริโภค ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2555 ข้อ 5 (2) ที่ระบุว่าการออกอากาศรายการหรือ การโฆษณาที่มีเนื้อหาสาระในลักษณะเป็นการจูงใจ ให้ผู้บริโภคเลือกใช้บริการหรือสินค้าโดยหลอกลวง หรือกระทำ�ให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำ�คัญเกีย่ ว กับบริการหรือสินค้านั้น หรือโดยการใช้หรืออ้างอิง รายงานทางวิชาการ สถิติ หรือข้อมูลอันไม่เป็นความ จริงหรือเกินความจริง จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท และหากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับวันละ 100,000 บาท ล่าสุด สำ�นักงานคณะกรรมการอาหารและ ยา (อย.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทำ�การตรวจสอบรายการ และโฆษณาผลิตภัณฑ์สขุ ภาพทีม่ เี นือ้ หาผิดกฎหมาย ทางสือ่ โทรทัศน์ วิทยุ และเว็บไซต์ ร่วมกับ สำ�นักงาน กสทช. ระหว่างวันที่ 4 -11 พฤษภาคม 2561 ที่ ศูนย์ตรวจสอบเนื้อหาวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อสังคม ออนไลน์ สำ�นักงาน กสทช. ได้ตรวจสอบพบโฆษณา ที่เข้าข่ายผิดกฎหมายทางสถานีโทรทัศน์ 29 ช่อง รายการ และทางสถานีวิทยุ 1 สถานี ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ตรวจพบความ ผิด คือ ผลิตภัณฑ์อาหาร ซึง่ มีการโฆษณาว่ารักษาโรค ได้ ซึ่งเป็นการโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง ถือเป็นการ สื่อข้อความที่เป็นเท็จ และผลิตภัณฑ์เครื่องสำ�อาง มีการโฆษณาทำ�ให้เข้าใจผิดในสาระสำ�คัญเกี่ยวกับ เครื่องสำ�อาง จึงได้สั่งระงับการออกอากาศโฆษณา ดังกล่าวทั้งหมด เลขาธิการ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า ขอยํ้าเตือน มายังผูบ้ ริโภค ไม่ควรหลงเชือ่ โฆษณาผลิตภัณฑ์เสริม อาหารที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง อาหาร กฎหมาย ไม่อนุญาตให้โฆษณาว่าเป็นยารักษาโรค ส่วนเครื่อง สำ�อาง มีวตั ถุประสงค์เพือ่ ความสะอาดและสวยงาม เท่านัน้ ไม่สามารถปรับเปลีย่ นโครงสร้างของร่างกาย ได้ จึงขอเตือนผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อสรรพคุณที่ อวดอ้างเกินความจริงทางสื่อต่างๆ นอกจากจะเสีย เงินโดยไม่จำ�เป็นแล้ว ยังอาจได้รับอันตรายโดยคาด ไม่ถึง หากผู้บริโภคพบเห็นการโฆษณาผลิตภัณฑ์ สุ ข ภาพผิ ด กฎหมาย สามารถร้ อ งเรี ย นหรื อ แจ้ ง เบาะแสได้ที่ สายด่วน อย. 1556, อีเมล์ 1556@fda. moph.go.th, ร้องเรียน ผ่าน Oryor Smart Application หรือเดินทางมาร้องเรียนด้วยตนเองทีศ่ นู ย์ ศรป. อย. หรือสำ�นักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ หรือ สายด่วน กสทช.1200

ขอนแก่นจัดระเบียบ • ต่อจากหน้า 1 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2561 ที่ห้องประชุม เสียงแคน ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจาย เสี ย ง กิ จ การโทรทั ศ น์ และกิ จ การโทรคมนาคม แห่งชาติ หรือ กสทช. นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยหน่วยงาน

การสายเคเบิ้ลสัญญาณ 16 แห่ง ได้เข้าร่วมรับฟัง ความคิดเห็นในการจัดระเบียบสายสัญญาณสื่อสาร ทีไ่ ด้มาตรฐาน เพือ่ ป้องกันการเกิดอุบตั เิ หตุทเี่ กิดขึน้ เมือ่ วันที่ 25 เมษายน 2561 ทีผ่ า่ นมา จนทำ�ให้มผี เู้ สีย ชีวิตที่จังหวัดขอนแก่น นายฐากร กล่ า วว่ า กรณี มี ผู้ เ สี ย ชี วิต จาก สายโทรคมนาคมที่จังหวัดขอนแก่น และสำ�นักงาน กสทช. ได้ประสานงานให้บริษัทเจ้าของสายเข้าไป รับผิดชอบต่อผู้เสียหายแล้วนั้น วันนี้ สำ�นักงาน กสทช. จึ ง ได้ จั ด ประชุ ม หารื อ ร่ ว มกั บ นายสม ศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นและ คณะ เพื่อหารือถึงแนวทางการพาดสายสื่อสารใน กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคม และสรุปแนวทางการแก้ไขปัญหาการ พาดสายสื่อสาร สำ�หรับมาตรการบังคับใช้ในการพาดสาย สื่อสารของสำ�นักงาน กสทช. นั้นผู้ประกอบกิจการ กระจายเสี ย งและกิ จ การโทรทั ศ น์ และกิ จ การ โทรคมนาคมทุ ก รายจะต้ อ งดำ � เนิ น การพาดสาย สื่อสารบนเสาไฟฟ้าให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ได้ ตกลงกับการไฟฟ้าฯ รวมถึงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการ ใช้สิทธิในการปัก หรือตั้งเสา หรือเดินสาย วางท่อ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประกอบ หรือหลักสิทธิแห่งทาง ของสำ�นักงาน กสทช. โดยมาตรฐานการพาดสาย กรณีที่เป็นถนนหลัก ทางหลวงแผ่นดิน ไม่ให้มีการ พาดสายข้ามถนนต้องดันท่อร้อยใต้ดินเท่านั้น กรณี ถนนสายรอง ซอย การพาดสายข้ามถนนการพาด สายต้องพาดในระดับความสูงกว่าผิวจราจร 5.5-5.9 เมตร และสายสื่อสารทุกประเภทต้องมีสี และชื่อ ของเจ้าของระบุอย่างชัดเจนเพื่อแสดงตน “กรณีประชาชนพบสายสื่อสารที่รกรุงรัง ไม่เป็นระเบียบ อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้สัญจร บนท้องถนน หรือได้รับอันตรายจากสายสื่อสาร สามารถแจ้ ง มายั ง Call Center ของสำ � นั ก งาน กสทช. หมายเลขโทรศัพท์ 1200 ฟรี หรือแจ้งไปที่ การไฟฟ้านครหลวง หมายเลขโทรศัพท์ 1130 หรือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หมายเลขโทรศัพท์ 1129 ก็ได้ เมื่อรับเรื่องสำ�นักงาน กสทช. จะประสานงานกับ ผู้ประกอบการเจ้าของสายให้ดำ�เนินการแก้ไขโดย ด่วน” นายฐากร กล่าว สำ � หรั บ ในพื้ น ที่ จั ง หวั ด ขอนแก่ น มี ผู้ ประกอบการที่พาดสายสื่อสารผ่านเสาไฟของการ ไฟฟ้าฯ จำ�นวน 26 ราย ซึ่งแต่ละบริษัทฯ จะต้องขอ อนุญาตในการพาดผ่านสายสือ่ สารดังกล่าวกับ กฟภ. วันนี้ทุกส่วนงานในจังหวัดขอนแก่น จำ�เป็นต้องจัด ระเบียบสายสื่อสารในเส้นทางที่เป็นเส้นทางวิกฤติ สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายใน 4 เส้นทางคือ เส้น ทางแยกประชาสโมสร ฝัง่ ตะวันออก ถึงถนนราษฎร์ คนึง เส้นทางเข้าบ้านโนนม่วง เส้นทางถนนสมหวัง สังวาลย์ และ สายที่ 4 เส้นทางถนนมะลิวัลย์ ในวัน ที่ 16 พ.ค.ทีจ่ ะถึงนี้ และให้จงั หวัดขอนแก่น กำ�หนด เวลาจัดระเบียบสายสัญญาณในพื้นที่โดยเร็วที่สุด ด้านนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการ จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการเรียก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุม จากนั้นจะกำ�หนด เวลาจัดระเบียบทันที โดยจะนำ�สายสัญญาณ และ สายอืน่ ๆ ทีไ่ ม่ได้ใช้งานแล้วนานหลายสิบปีออกจาก พื้นที่ทั้งหมด โดยจะทยอยเก็บสายที่ไม่ได้ใช้งานจน หมด ซึ่งสายต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งานเหล่านี้ มีนํ้าหนัก หลายตัน อาจเป็นปัจจัยทำ�ให้สายต่างๆ ตกลงมาได้ ทั้งนี้จะจัดระเบียบนำ�สายสื่อสารลงใต้ดิน โดยกำ � หนดพื้ น ที่ ถนน 2 สายหลั ก ในจั ง หวั ด ขอนแก่น ประกอบด้วย 1.ถนนกลางเมือง จากสี่ แยกถนนประชาสโมสรถึงสามแยก ถนนหลังศูนย์ ราชการ 2.ถนนหน้าเมือง จากสี่แยกถนนประชา สโมสร ถึงสามแยกถนนหลังศูนย์ราชการ และตรวจ สอบเส้นทางวิกฤตที่ไม่สามารถอนุญาตพาดสาย จำ�นวน 4 เส้นทาง ได้แก่ 1. เส้นแยกถนน ประชา สโมสรฝั่งตะวันออก ถึงถนนราษร์คะนึง 2.เส้นทาง เข้าบ้านโนนม่วง ตำ�บลศิลา อำ�เภอเมืองขอนแก่น 3.เส้นทางถนนสมหวังสังวาล และ 4.ถนนมลิวัลย์ สี่แยกที่ว่าการอำ�เภอชุมแพ ถึงสี่แยกเทศบาลเมือง ชุมแพ ก่อนที่จะเริ่มดำ�เนินการในวันที่ 16 พ.ค. 61 ด้าน นางสาว กนกวรรณ ปัญญาพิมพ์ อายุ 21 ปี ลูกสาวของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สลด ซึ่งมา ร่วมฟังการแถลงข่าวด้วย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ จนต้องสูญเสียมารดาไป ตอนนีค้ รอบครัวก็พอทำ�ใจ

หลายหน่วยงานเป็นอย่างดี และการสูญเสียครัง้ นีก้ อ่ ให้เกิดการเปลีย่ นแปลงจนนำ�มาสูก่ ารแก้ไขปัญหา ที่ จะเกิดแก่สงั คมในอนาคตข้างหน้า ส่วนเรือ่ งค่าความ เสียหาและการชดใช้นั้น ไม่สามารถระบุเป็นตัวเลข ได้ โดยรวมแล้วพอใจกับการรับผิดชอบจากทุกหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง หลังการประชุม เลขาธิการ กสทช.และ คณะฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบมาตรฐานการพาดสาย สื่อสารในพื้นที่เกิดอุบัติเหตุ ที่บริเวณหน้าโรงเรียน แก่นนครวิทยาลัย จากนั้นเดินทางไปตรวจพื้นที่ เตรียมการจัดระเบียบสายสื่อสารร่วมกับการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค จำ�นวน 2 เส้นทาง ได้แก่ ถนนกลาง เมืองจากสีแ่ ยกถนนประชาสโมสร ถึงสามแยกถนน หลังศูนย์ราชการ และถนนหน้าเมืองจากสีแ่ ยกถนน ประชาสโมสรถึงสามแยกถนนหลังศูนย์ราชการ และตรวจสอบเส้นทางวิกฤตทีไ่ ม่สามารถอนุญาตให้ พาดสายจำ�นวน 4 เส้นทาง คือ เส้นทางแยกประชา สโมสรฝัง่ ตะวันออกถึงถนนราษฎร์คนึง เส้นทางเข้า บ้านโนนม่วง เส้นทางถนนสมหวังสังวาลย์ และ เส้น ทางถนนมะลิวัลย์

ญี่ปุ่นอ้าแขน

• ต่อจากหน้า 1

น.ส.เก็ จ พิ รุ ณ เกาะสุ ว รรณ์ รองอธิ บ ดี กรมเจรจาการค้ า ระหว่ า งประเทศ เปิ ด เผยที่ จั ง หวั ด อุ ด รธานี ในเรื่ อ งของ “ประเทศไทยกั บ การเปิดเสรีภาคบริการ การใช้ประโยชน์จากการ เปิ ด เสรี ภ าคบริ ก าร และบทบาทในภาคบริ ก าร ภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ญี่ปุ่น ว่ า มี ก ลไกหนึ่ ง ที่ สำ � คั ญ มากคื อ ความตกลงหุ้ น ส่ ว นเศรษฐกิ จ อาเซี ย น-ญี่ ปุ่ น (Asean-Japan Comprehensive Economic Partnership; AJCEP) ที่ ได้ลงนามเมือ่ ปี 2551 และต่อมาได้มกี ารเจรจาตกลง ด้านการค้าบริการ และการลงทุนภายใต้ อาเซียนญีป่ นุ่ เพิม่ เติม และปัจจุบนั นีก้ �ำ ลังมีการดำ�เนินการก ระบวนการภายใน และตั้งเป้าหมายที่จะให้มีการ ลงนามความตกลงด้านการบริการและการลงทุน ภายในปีนี้ ซึ่งหากว่าการดำ�เนินการมีผลบังคับใช้แล้ว ไทยจะสามารถเข้าสูต่ ลาดภาคบริการของญีป่ นุ่ ได้ใน หลายสาขา เช่น การวิจยั และพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง การเงิน การท่องเทีย่ ว การบริการขนส่งใน บางกิจกรรม และญี่ปุ่นจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบ การไทยถือหุ้นได้ถึงร้อยละร้อย โดยไทยเองก็จะ เปิดตลาดภาคบริการให้ญปี่ นุ่ สามารถเข้าดำ�เนินการ กิจการในหลายๆ สาขาเช่นเดียวกัน สำ � หรั บ ด้ า นภาคการบริ ก ารของไทยนั้ น ในปัจจุบันนี้ถือได้ว่า ภาคการบริการของไทยนั้น มี ศั ก ยภาพและประสิ ท ธิ ภ าพเป็ น เชื่ อ ถื อ ของทั้ ง ในประเทศ ในกลุ่มประเทศอาเซียน และประเทศ ต่างๆ นอกกลุ่มอาเซียนหลายๆประเทศ ที่ต้องการ ให้ภาคบริการของไทยเข้าไปดำ�เนินการในประเทศ ดังกล่าวนั้น เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพ และคุณภาพ ที่ได้มาตรฐาน เช่น การก่อสร้าง ขนส่ง การท่อง เที่ยว ร้านอาหาร โรงแรม ภาคบริการด้านเสริม ความงาม แฟชัน่ โดยเฉพาะในกลุม่ ประเทศอาเซีย่ น และ CLMV ก็ตอ้ งการทีจ่ ะให้ไทยเข้าไปทำ�ธุรกิจกับ ประเทศเหล่านั้น น.ส.เก็ จ พิ รุ ณ ฯ กล่ า วยกตั ว อย่ า ง ธุ ร กิ จ โรงแรมขนาดเล็กหรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า “เรียวกัง” ลักษณะเป็นเหมือนกับเกสท์เฮ้าส์ของไทย ในขณะ นี้ก็สามารถเข้าไปเปิดบริการร่วมกับทางญี่ปุ่นแล้ว หลายแห่ง ซึ่งโรงแรมขนาดดังกล่าวกำ�ลังเป็นที่ นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้บริการมากขึ้น และก็เป็นโอกาสของผูป้ ระกอบการทีเ่ ป็นนักลงทุน ขนาดย่อมของไทย ทีต่ อ้ งการเข้าไปลงทุน ทัง้ นีห้ าก ผูล้ งทุนรายใดสนใจ แต่ยงั ไม่มรี ายละเอียดเพียงพอ ก็ ขอให้ติดต่อสำ�นักงานพาณิชย์จังหวัดพื้นที่นั้น “ปัญหาอุปสรรคทีส่ �ำ คัญสำ�หรับการเข้าไป ลงทุนในประเทศญีป่ นุ่ ก็คอื เรือ่ งของภาษาญีป่ นุ่ ดัง นั้ น นั ก ลงทุ น ไทยที่ ต้ อ งการที่ จ ะเข้ า ไปลงทุ น ใน ประเทศญี่ปุ่น ควรที่จะเรียนภาษาญี่ปุ่นจนสามารถ สื่อสารทำ�ความเข้าใจได้พอสมควร แม้ว่าปัจจุบัน คนญี่ปุ่นจะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้มากขึ้นแล้ว ก็ตาม ส่วนเรือ่ งกฎระเบียบก็สมควรต้องศึกษาอย่าง ละเอียดเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามประเทศญี่ปุ่น ค่อนข้างมีความโปร่งใสในเรื่องของกฎระเบียบ” น.ส.เก็จพิรุณฯ กล่าว

สัมพันธ์ด้านการค้า ลงทุนมานานและมีมูลค่าสูง ในปี 2560 ที่ผ่านมา ไทย-ญี่ปุ่น มีการค้ารวมเติบโต อย่างต่อเนื่อง มีมูลค่ามากกว่า 54,000 ล้านเหรียญ สหรัฐ หรือประมาณ 1.85 ล้านล้านบาท ขยายตัว เพิม่ ขึน้ ร้อยละ 6.24 ประเทศญีป่ นุ่ เป็นตลาดส่งออก อันดับ 3 ของไทย รองจากจีนและสหรัฐอเมริกา และ เป็นแหล่งนำ�เข้าสินค้าอันดับ 2 ของไทย ปัจจุบัน ในประเทศไทยมี นั ก ลงทุ น ญี่ ปุ่ น ในประเทศไทย เป็นอันดับ 1 มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 57,898 ล้านบาท

เปิดเทอมฯ

• ต่อจากหน้า 1

นายประหยั ด (ขอสงวนนามสกุ ล ) อายุ 45 ปี พนักงาน บริษทั เอกชน ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เปิ ด เผยว่ า ปี นี้ เ ศรษฐกิ จ ยั ง ไม่ ดี ขึ้ น ธุ ร กิ จ หลาย ประเภทซบเซามาก โดยเฉพาะร้านอาหารกลางคืน ที่แทบจะปิดตัวลงไปกว่า 20% ประชาชนไม่นิยม ออกมาเที่ยว หรือรับประทานอาหารนอกบ้าน อาจ เป็นเพราะมาตรการตรวจเข้มจากหน่วยงานภาครัฐ สร้างผลกระทบต่อธุรกิจหลายประเภท ทำ�ให้ร้าน อาหารและเครื่องดื่มได้รับผลกระทบและทยอยปิด ตัวไป นอกจากนี้ เศรษฐกิจโดยรวมยังไม่มีความ ชัดเจน ส่งผลด้านลบต่อสภาพจิตใจของประชาชน จากปั ญ หาเศรษฐกิ จ ที่ ช ะลอตั ว มาหลาย ปี ทางครอบครัวจึงวางแผนการใช้เงิน และเตรียม สำ�รองเงินที่ต้องใช้จ่ายให้กับบุตรสาว 2 คนในช่วง เปิดเทอมปีนี้ โดยบุตรสาวทั้ง 2 คน เรียนที่โรงเรียน มหาไถ่ศกึ ษา ชัน้ ประถมปีที่ 2 และอนุบาล ปีนซี้ อื้ ชุด ใหม่เพิม่ ให้คนโต 2 ชุด รองเท้า กระเป๋า ส่วนบุตรสาว คนเล็กให้ใช้ชุดนักเรียนเดิมของพี่สาวทั้งหมด ราคา ชุดนักเรียน 300 บาทต้นๆ ก็ถือว่ารับได้ ค่าเทอม 20,000 บาท และ 16,000 บาท เราเลือกที่พอรับได้ และมีความเหมาะสมกับลูก และเลือกทีจ่ ะใช้จา่ ยใน สิ่งที่จำ�เป็นจริงๆ เพราะยังไม่รู้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว ได้เมื่อไร นางชนก (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ราษฎรในเขตเทศบาลนครขอนแก่น บอกว่า เตรียม เงินมา 5,000 บาท เพื่อซื้อชุดนักเรียน และอุปกรณ์ การเรียน ให้ลูก 2 คน แต่ไม่รู้ว่าจะพอหรือไม่ เน้น ซือ้ เฉพาะเท่าทีจ่ �ำ เป็น โดยชุดนักเรียน ซือ้ เพียงคนละ หนึ่งชุดเท่านั้น ยอมรับว่า จะซื้อเฉพาะที่จำ�เป็น เท่านั้น หากของเก่ายังใช้ได้ก็จะใช้ของเก่าไปก่อน เนื่องจากเปิดภาคเรียนปีนี้ มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มสูง ขึน้ โดยชุดนักเรียนบางชุดยังใช้ได้กไ็ ม่ตอ้ งซือ้ นำ�ของ เก่ามาปัก มาเลาะทำ�ใหม่ จะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย นางฤดี เดื อ นโดด แม่ ค้ า ผั ก สดตลาด เทศบาล1 กล่าวว่า ปีนซี้ อื้ ชุดใหม่เพิม่ ให้หลานสาว ที่ กำ�ลังศึกษาอยูช่ นั้ ประถมปีที่ 4 จำ�นวน 1 ชุด รองเท้า 1 คู่ และให้ใช้ชดุ นักเรียนเดิมทีม่ อี ยูแ่ ล้ว เพือ่ ลดภาระ ค่าใช้จ่าย และไม่อยากเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้น พอได้นำ� เงินเก็บออกมาใช้เท่าที่จำ�เป็น ปีนี้ราคาสินค้าและ อุปกรณ์การเรียนถือว่าพอรับได้ ไม่ต่างจากปีที่ผ่าน มา แต่กต็ อ้ งยอมรับว่าเศรษฐกิจแบบนีไ้ ม่กล้าซือ้ ของ แพงนัก บางอย่างทีส่ ามารถนำ�กลับมาใช้ได้กพ็ ยายาม ใช้ของเก่าไปก่อน เช่น กระเป๋า เครื่องเขียน อุปกรณ์ การเรียน และเสือ้ นักเรียนสีขาวบางตัว ก็จะนำ�มาตัด แก้ไขกลับมาใช้ใหม่ เพือ่ ช่วยประหยัดค่าใช้จา่ ยได้ใน ระดับหนึ่ง นางสำ�ลี บุดสา ร้านปักจักรคอมพิวเตอร์ กล่าวว่า เปิดตั้งโต๊ะปักเสื้อนักเรียนหน้าห้างสรรพ สินค้า เซ็นโทซ่า รับปักชื่อนักเรียนเฉพาะช่วงก่อน เปิดเทอม เพือ่ รองรับผูป้ กครองทีซ่ อื้ ชุดนักเรียนใหม่ และต้องการความสะดวก รวดเร็ว โดยใช้เวลาในการ ปักเสื้อประมาณ 5-10 นาที ต่อเสื้อ 1 ตัว โดยปักชื่อ นามสกุล ราคา 40 บาท เพิ่มปักชื่อโรงเรียน ราคา 50 บาท และบางโรงเรียนจะมีหมายเลขประจำ�ตัวด้วย ราคา 60 บาท ซึง่ จะเปิดให้บริการปักชือ่ นักเรียนเป็น ประจำ�ทุกปี “สำ�หรับปีนี้ จำ�นวนผูป้ กครองและนักเรียน ที่นำ�เสื้อมาปักชื่อปีนี้ไม่แน่นมาก อาจมีรอคิวยาว เพราะลูกค้ามาพร้อมกันเพียง 2 วันเท่านั้น และจะ เป็นแบบมาเรื่อยๆ วันละ 20-30 รายต่อวัน ลดลง กว่าปีที่ผ่านมาราว 30% ไม่คึกคักเท่าที่ควร ก็พอรับ ปักแบบสบายๆ ลูกค้าไม่แน่นแต่ต่อเนื่อง โดยปกติ หลายปีที่ผ่านมา ช่วงก่อนเปิดเทอม จะมีลูกค้าแน่น มาก บางวันมีเสือ้ นักเรียนเยอะ ปักไม่ทนั ต้องรับกลับ ไปปักต่อที่บ้าน แต่ปีนี้ งานค้างที่นำ�กลับไปทำ�ต่อที่

นางสายสมร ผาหล้า เจ้าของร้านปักจักร ขอนแก่ น กล่ า วว่ า ผู้ ป กครองต่ า งพากั น นำ � เสื้ อ นักเรียนมาปักชื่อ นามสกุล ชั้นปี รวมไปถึงอักษร ย่อโรงเรียน และรหัสประจำ�ตัวนักเรียนกันอย่างต่อ เนื่อง โดยเฉลี่ยต่อวันจะอยู่ที่วันละประมาณ 40 ตัว ทางร้านรับให้บริการทั้งหมด โดยให้บริการปักจักร แบบคอมพิวเตอร์ ที่เป็นการให้บริการที่รวดเร็ว สวยงาม และราคาไม่แพง “ทางร้านยังคงให้บริการเลาะเสื้อเดิม คิด ราคาตัวละ 20 -30 บาท ขึ้นอยู่ที่ความยากง่ายของ การแก้ไข ซึ่งหากลูกค้านำ�เสื้อเก่าของพี่มาเลาะป้าย ชื่อออกเพื่อให้กับน้อง ก็จะคิดราคาเพิ่มอีกตัวละ 20 บาท ทั้งนี้ลูกค้าส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 ที่มาใช้ บริการนั้น จะเป็นการนำ�เสื้อเก่าของปีที่ผ่านมา โดย เฉพาะเสื้อจากพี่สู่น้อง มาขอรับปักจักรเพิ่มขึ้น ซึ่ง ผู้ปกครองส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการระบุว่าเป็นการ ลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม ประกอบกับต้อง ประหยัดค่าใช้จ่าย ที่จะต้องนำ�ไปชำ�ระในด้านต่างๆ อีกจำ�นวนมาก ทำ�ให้สิ่งใดประหยัดได้ก็ควรที่จะ ประหยัด” นางกุลศิริ เรืองสอน เจ้าของร้านจำ�หน่าย เสื้อผ้า และอุปกรณ์การศึกษา กล่าวว่า ปีนี้ ยอด จำ�หน่ายเสื้อผ้า และอุปกรณ์การศึกษา ลดลงจากปี ที่ผ่านมาอีกราว 5-10% มีผู้ปกครองนำ�บุตรหลาน มาเลือกซือ้ ชุดนักเรียนแบบคึกคัก อบอุน่ เนืองแน่น ราว 2-3 วัน ก็จะเงียบเหมือนเดิม อาจเป็นเพราะผู้ ปกครองนำ�บุตร-หลาน เลือกซือ้ ชุดนักเรียน กระเป๋า รองเท้า ที่ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในเมืองขอนแก่น และถือโอกาสพาบุตรหลานเดินเที่ยว ทานอาหาร พร้อมแบบครอบครัว หรืออาจเป็นเพราะยังจำ�กัดค่า ใช้จา่ ยเพราะเศรษฐกิจยังไม่ดี ทำ�ให้ชว่ งเปิดเทอมปีนี้ ร้านจำ�หน่ายเสื้อผ้าเงียบเหงาซบเซากว่าปีที่ผ่านมา “สำ�หรับราคาชุดนักเรียน และอุปกรณ์การ ศึกษา ยังไม่ปรับขึ้นราคามานานกว่า 3 ปี เพื่อให้การ ช่วยประชาชนทีต่ อ้ งใช้เงินในช่วงเปิดเทอม โดยราคา ชุดนักเรียนชั้นอนุบาล เริ่มต้นที่ราคา 59-185 บาท ส่วนรองเท้าราคา 159-269 บาท ชุดนักเรียนระดับ ชัน้ ประถม ราคา 79-205 บาท รองเท้า 199-329 บาท สำ�หรับชุดนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาราคาเริ่มที่ 119-229 บาท รองเท้าราคา 159-369 บาท เป็นราคา ทีอ่ าจมีปรับขึน้ บ้างในระดับมัธยมศึกษา 5-10 บาท” นายประพนธ์ สุวรรณวาณิช เจ้าของร้าน จำ � หน่ า ยเสื้ อ ผ้ า สำ � เร็ จ รู ป ชุ ด นั ก เรี ย น นั ก ศึ ก ษา “ส.แสงสุวรรณ” ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เปิด เผยว่า ผูป้ กครองส่วนใหญ่จะเลือกซือ้ ชุดและสิง่ ของ ที่จำ�เป็นเท่านั้น และซื้อจำ�นวนน้อยลง เนื่องจาก ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ประกอบกับผูป้ กครองส่วนมาก มีอาชีพรับจ้างทัว่ ไปมีรายได้ไม่ดี จึงไม่มกี �ำ ลังซือ้ มาก นัก ทางร้านจึงได้บริการมีปักเสื้อให้ฟรีทุกเบอร์ทุก ไซส์ สำ�หรับราคาชุดนักเรียนปีนยี้ งั ไม่มกี ารปรับขึน้ แต่สว่ นใหญ่ผปู้ กครองก็จะเลือกซือ้ ราคาถูก หรือซือ้ เฉพาะที่จำ�เป็น ซึ่งทางร้านออกใบเสร็จรับเงิน เพื่อ สามารถไปเบิกจ่ายกับโรงเรียนทีร่ ฐั บาลได้ชว่ ยเหลือ เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองอีกด้วย

แม่ฟ้าหลวงฯ

• ต่อจากหน้า 1

เมื่ อ เร็ ว ๆนี้ ที่ ห้ อ งประชุ ม ศาลากลาง จังหวัดอุดรธานี นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการ จั ง หวั ด อุ ด รธานี เป็ น ประธานประชุ ม ปรึ ก ษา หารือของตัวแทนบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำ�กัด (มหาชน) ทอท. เจ้ า หน้ า ที่ ข องท่ า อากาศยาน แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ผู้แทนของท่าอากาศยาน นานาชาติอุดรธานี ผู้แทนสายการบินที่ทำ�การบิน อยูท่ ที่ า่ อากาศยานอุดรธานี ผูแ้ ทนหอการค้าจังหวัด อุดรธานี สภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี สมาคม ธุรกิจท่องเทีย่ วจังหวัดอุดรธานี และผูป้ ระกอบการ ท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อหาแนวทางในการเปิดทำ�การบินเชื่อม โยงภาคเหนือตอนบน กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ ยังไม่ได้มีการ ทำ�การบินเชื่อมโยงจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง อ่านต่อหน้า 2

สนใจพื้นที่โฆษณา ติดต่อ คุณสุพัตรา thaisaeree@gmail.com thaisaeree@yahoo.com


หน้า 12

ปีที่ 15 ฉบับที่ 168 ประจำ�เดือนพฤษภาคม 2561

ที่ปรึกษา นายบุญยง แก้วฝ่ายนอก, พล.ต.อ.ศักดา เตชะเกรียงไกร,ธนพงษ์ คงศิลป์ทรัพย์, รศ.ดร.ธีระ ฤทธิรอด, ดร.อาทิตย์ ฉัตรชัยพลรัตน์, ฉัตร ศรีพันธุ์, สิทธิโชค บุญโท, พ.อ.สมศักดิ์ สงทามะดัน, พีระ วีระชัย, ยงยุทธ ขาวโกมล เจ้าของ/บรรณาธิการบริหาร พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ บรรณาธิการ/ผู้พิมพ์และผู้โฆษณา สุพัตรา ศุขโข กองบรรณาธิการ อนุสรณ์ ศุขโข ,เพ็ญศิริ นาคทน,มณฑล ศุขโข,รณชิต ชาญเจริญ,นาฏยาภรณ์ ชาญเจริญ,

ประคอง หนู ร าช,พั น ธ์ ศั ก ดิ์ วี ร ะชั ย ,เสริ ม ศั ก ดิ์ ขาวโกมล สำ � นั ก งาน 76 ม.20 ถ.กสิ ก รทุ่ ง สร้ า ง ต.ศิ ล า อ.เมื อ ง จ.ขอนแก่ น 40000 โทรศั พ ท์ 08-9422-0228 โทรสาร 0-4324-4584 E-mail : Thaisaeree@gmail.com, Thaisaeree@yahoo.com ศูนย์อุดรธานี 152/3 ถ.อุดรดุษฏี ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000 โทรศัพท์ 08-6864-0678 โทรสาร 0-4224-7905 E-mail: ps_veerachai@hotmail.com ศูนย์หนองคาย ภัทรวินทร์ ลีปาน 92 หมู่ 1 ต.บ้าน ่ รึกษากฎหมาย สังคม พุทธา สำ�นักงานทนายความประสพสุขธุรกิจและกฎหมาย ออกแบบ/กราฟฟิค เอือ้ ดีไซน์ 08-1262-3959 ว่าน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย 43110 โทรศัพท์ 087-8627979 E-mail : pattarawin2519@hotmail.co.th ทีป


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.