นิพพานชาตินี้กันเถอะ

Page 1



“ นิพพานชาตินี้กันเถอะ ” เพื่อนำ�ทุกดวงจิต สู่ความพ้นจากห้วงแห่งทะเลทุกข์ตราบนิรันดร ถ่ายทอดสัญญาณความรู้โดย ท่าน ช

นิพพานชาตินี้กันเถอะ

1


ศูนย์กลางการเรียนรู้เรื่องจิต สติและปัญญาขั้นสูงสุด ท่านที่ได้อ่านตำ�รา นิพพานชาตินี้กันเถอะ แล้วมีความสนใจเข้าร่วม กิจกรรมสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้สู่ความพ้นจากห้วงแห่งทะเลทุกข์กับท่าน ช ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำ�ทุกเดือน หรือต้องการตำ�ราเล่มนี้และ ซีดีบันทึกการสนทนา ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเผยแผ่ ติดต่อสอบถามได้ท่ีเบอร์โทร : 081-925-6092, 081-914-3615, 081-303-6969 ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดพิมพ์ตำ�รา และสื่อเพื่อเผยแผ่ กับท่าน ช นายพงศ์พัฒน์ สีชุ่มใจ เลขที่บัญชี 748 - 2 - 51849 – 9 ธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลพระราม 3 ตำ�ราที่เขียนโดย ท่าน ช รู้แจ้งโลก, นิพพานชาตินี้กันเถอะ www.jitamata.com, www.tanchor.net Email : jitamata@hotmail.com พิมพ์ครั้งที่ 1-9 เมษายน 54 ถึง กรกฎาคม 55 พิมพ์ครั้งที่ 10 พฤศจิกายน 55 พิมพ์ที่ : บริษัท บพิธการพิมพ์ จำ�กัด

2

นิพพานชาตินี้กันเถอะ

: 110,000 เล่ม : 20,000 เล่ม


ข่าวสารถึงพุทธะทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เหมือนกับคนทุกคนบนโลกใบ นี้ และมีความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาตามตำ�ราน้อยมาก จากหนังสือประวัติ หลวงปู่ปานวัดบางนมโค ที่เขียนโดย หลวงปู่ฤาษีลิงดำ�วัดท่าซุง เพียงเล่มเดียว ที่สามารถพลิกจิตทำ�ให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรู้จักคำ�ว่า นิพพาน และพระพุทธเจ้า ผู้เป็นต้นพระวงศ์แห่งจิตนิพพาน “ปฐมบรมศาสดา” พระองค์เป็นพระพุทธเจ้า องค์แรกของโลกของจักรวาล ซึ่งไม่มีต้นแบบการปฏิบัติตามมาก่อน เป็นเหตุให้ พระองค์ต้องบำ�เพ็ญความดีด้วยกำ�ลังใจอันสูงส่งยิ่งนัก และใช้เวลาในการสั่งสม ความดีด้วยความอดทน และมีความเพียรเป็นหัวใจแห่งการปฏิบัติอันยาวนาน เพือ่ เป็นต้นแบบแห่งพุทธะ ทำ�หน้าทีร่ อื้ สัตว์ขนสัตว์ (แนะนำ�พร่�ำ สอนถึงวิธชี �ำ ระ จิตให้ละบาปลอยบุญ) ออกจากทะเลแห่งความทุกข์ สืบมาจนถึงทุกวันนี้ จิตของข้าพเจ้าจึงเกิดความรักเคารพ..ศรัทธาต่อความดีอันยิ่งใหญ่ของ พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ เชื่อมั่นและศรัทธาต่อความดีของหลวงปู่ฤาษีลิงดำ�มา โดยตลอด ถึงแม้จะไม่เคยไปพบตัวจริงของหลวงปู่แม้แต่ครั้งเดียว เพราะท่าน นิพพานทัง้ กายทัง้ จิตไปตัง้ แต่ปี 2535 ข้าพเจ้าเริม่ ต้นปฏิบตั ติ ามตำ�ราของหลวงปู่ ด้วยความเชือ่ มัน่ ในความดีของตนเอง เริม่ ตัง้ จิตไม่ปรารถนาการเกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกต่อไป ชาตินี้เมื่อถึงอายุขัยถึงวันตายเมื่อใด ขอไปอยู่กับพระพุทธเจ้าองค์ปฐม พร้อมพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ทนั ที ในทุกๆ วัน ข้าพเจ้าจะตัง้ จิตอธิษฐานกลับ คืนสู่แดนทิพย์นิพพานเช้ากับก่อนนอน และรักษาอารมณ์ด้วยการรับรู้ลมหายใจ นิพพานชาตินี้กันเถอะ

3


เข้า–ออก พร้อมภาวนากำ�กับว่าพุท-โธ บางครัง้ เอาจิตนึกถึงภาพพระพุทธเจ้าองค์ ปฐม(ปางนิพพาน) สลับกันกับการภาวนาพุท-โธ หลังจากเวลาผันผ่านไปอย่างเนิน่ นานถึง 6 ปี ข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้อภิญญาสมาบัติใดๆ ทั้งสิ้น แต่จิตยังมั่นคงต่อการ ทำ�ความดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย และตั้งจิตให้ขึ้นตรงต่อสมเด็จพ่อองค์ปฐม พร้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทัง้ หลาย ผลทีไ่ ด้รบั คือจิตเชือ่ มจิตไปถึงพระองค์อย่าง ไม่รตู้ วั ดูจติ รูด้ ว้ ยจิตตนเองว่ามีก�ำ ลังใจเข้มแข็ง กล้าหาญ อดทน มีสติปญ ั ญาเพิม่ ขึ้น และสอนผู้คนด้วยวิธีการเดียวกันตลอดมา… จนกระทั่งวันหนึ่ง...ได้มีจิตกายทิพย์ของพรหมองค์หนึ่ง ได้มาปรากฏ กายให้ข้าพเจ้าได้เห็นบอกว่าเป็นหลวงปู่แหวน และฝึกสอนความรู้ทางด้านจิต ทิพย์อย่างละเอียด พร้อมสอนให้มีจิตอันประกอบด้วยสติและปัญญาที่ละเอียด สูงสุด รูใ้ นรู้ รูไ้ ด้ในทุกเรือ่ งไม่มขี ดี จำ�กัด ทัง้ เรือ่ งอดีต ปัจจุบนั และเรือ่ งของอนาคต รูใ้ นหลักหัวใจแห่งพุทธะ มีสติปญ ั ญาเพือ่ ความหลุดพ้น เมือ่ ผ่านพ้นการฝึกจิตตาม ขั้นตอนแล้วจึงได้รู้ว่า กายทิพย์พรหมผู้มาทำ�หน้าที่ฝึกสอนข้าพเจ้าก็คือ จิตกาย ทิพย์พระผู้เป็นเจ้า(พระบรมบิดา) ผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดบนแดนทิพย์ทั้งปวง พระองค์ ทรงโปรดเมตตาประทานความรู้ที่ยิ่งใหญ่เหนือโลกไม่มีขีดจำ�กัด

4

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


ข้าพเจ้าเป็นเพียงคนธรรมดาอีกคนหนึง่ ทีร่ บั อาสาทำ�หน้าทีจ่ ากพระองค์ เพือ่ ทำ�งานถ่ายทอดสัญญาณความรู้ ตอบปัญหาให้กบั เพือ่ นมนุษย์ทุกคน ในเรื่อง การปฏิบัติ เรื่องบุญเรื่องบาป เจ้ากรรมนายเวร กายทิพย์เทวดา พรหม เรื่อง จิตนิพพาน แดนทิพย์นิพพาน สวรรค์นิรันดร ใครก็ตามที่ต้องการสนทนาแลก เปลี่ยนความรู้ ข้าพเจ้ายินดีเป็นอย่างยิ่งในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะในด้านสติและ ปัญญาขั้นสูงสุด ข้าพเจ้าในนามของ ศูนย์กลางการเรียนรูเ้ รือ่ งจิต สติและปัญญาขัน้ สูงสุด พร้อมคณะผู้มีสติปัญญาอาสาร่วมทำ�หน้าที่เผยแผ่สัญญาณความรู้จากพระบรม บิดา พร้อมจิตบริสทุ ธิพ์ ระสัมมาสัมพุทธเจ้าทัง้ 900,223 พระองค์ ปรารถนาเป็น อย่างยิ่งว่า ตำ�ราฉบับย่อเล่มนี้ จักเป็นประโยชน์สูงสุด ในการจุดประกายแก่จิต ของท่านผู้ทรงความดีทั้งหลายที่มีโอกาสได้อ่าน..และจงจดจำ�ไว้ว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่ พระอรหันต์ ไม่ใช่พระอริยะ เป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่ต้องการเวียนว่ายตายเกิด อีกแล้ว และไม่เคยสอนใครให้สนใจและยึดมัน่ ถือมัน่ ในคำ�ว่า โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์... ท่านผู้ใดเข้าใจในพระประสงค์ของพระบรมบิดา ที่ถ่ายทอดสัญญาณ ความรู้สู่ความพ้นจากห้วงแห่งทะเลทุกข์ลงมาในยุคนี้เวลานี้ ผู้ใดเข้าใจความ ปรารถนาดีของเจ้าชายสิทธัตถะ ที่เสียสละความยิ่งใหญ่ในการเป็นกษัตริย์ ออกบวชจนกระทั่ง ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่ออะไร และถ้าเข้าใจใน เจตนาของผูเ้ ขียนตำ�รา ก็จงหยิบยกเอาไปปฏิบตั ติ ามดูกอ่ น ตามหลักความจริงของ พระพุทธเจ้าทีท่ รงตรัสไว้วา่ “..เห็นอะไร รูอ้ ะไร จงอย่าพึ่งเชื่อ แต่จงใช้สติปัญญา นิพพานชาตินี้กันเถอะ

5


คิดพิจารณาตรองดู ปฏิบัติตามดู จนแน่ใจด้วยเหตุและผลดีแล้ว จึงค่อยเชื่อ..” ข้าพเจ้าเองก็เช่นกัน ได้ผ่านขั้นตอนการพิสูจน์ได้แล้วทั้งหมด จึงนำ�มา เขียนเป็นตำ�ราให้ทา่ นได้อา่ น เพือ่ ให้ทา่ นผูไ้ ม่สงสัยได้รบั จิตเดิม จิตแท้ จิตปภัสสร อันบริสทุ ธิข์ องเรากลับคืนมาดังเดิม จักได้สลัดทิง้ รูปร่างกายคน สัตว์ ข้ามพ้นจาก ความทุกข์ทั้งปวง เข้าสู่แดนทิพย์อมตะสุขตลอดกาล ในชาตินี้ทุกท่านเทอญ..

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์ ยืน เดิน นั่ง นอน เป็นทุกข์ยิ่ง เกิดอีกก็ทุกข์อีกไม่มีวันจบสิ้น จงเบื่อหน่ายการเกิดแก่เจ็บตาย นำ�จิตกลับคืนสู่... “แดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรกันเถอะลูกเอ้ย...” พระดำ�รัส พระบิดาสวรรค์

6

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


ความรู้ภาคพิเศษ (อจินไตย : ใบไม้ในป่า ไม่ตอ้ งการให้ใครเชือ่ แต่จงอ่านเพือ่ คิดพิจารณา ให้เกิดสติปัญญาเท่านั้น) ไม่ต้องการให้หมู่มวลมนุษย์ต้องมานั่งถกเถียงกันว่า ตำ�ราเล่มนี้หรือ เล่มไหนก็ตาม ที่เขียนขึ้นมาจากสัญญาณความรู้จากพระผู้เป็นเจ้า หรือจากจิต กายทิพย์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ผู้คนที่ได้อ่านได้รับฟัง จงเข้าใจเอาไว้ให้ดีว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอจินไตยหรือตามตำ�ราก็ดี ล้วน..เป็นความรู้ที่มาจากจิต ของผู้ ที่มีความปรารถนาดีต่อสรรพชีวิตทั้งสิ้น เพื่อให้มนุษย์ผู้ที่ได้มีโอกาสได้อ่านได้ ฟัง นำ�ความรู้เหล่านี้ไปเพิ่มเติมเสริมแต่งจิตของตน ให้มีสติปัญญา ออกพ้นจาก การเวียนว่ายตายเกิดในชาตินี้เท่านั้น มิได้มีจิตเจตนาล่อลวงให้มนุษย์ต้องติดกับ คำ�ว่า “ล่อลวงหลอก ลุ่มหลงกับสิ่งสมมุติบัญญัติ ทั้งชื่อของพระบรมบิดา ทั้งชื่อ ของสมเด็จองค์ปฐม หรือพระนามของเทพเจ้าองค์ใดในโลก” ผู้ที่เขียนตำ�ราเล่ม นี้ขึ้นมา มิได้ปรารถนาที่จะให้มนุษย์ยึดติดในชื่อหรือพระนามของใคร ถ้าเธอทั้ง หลาย ได้เข้าใจในคำ�ว่า.... มนุษย์ผู้ใด...มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในความดีของตนเองสูงสุด ก็ไม่ จำ�เป็นต้องเชื่อมั่นและศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า หรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้... มนุษย์ผู้ใด...ยังไม่มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในความดีของตนเองสูงสุด ก็จงเปิดจิตยอมรับ จงเชื่อมั่น จงศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า ต่อพระศาสดาของตน สืบต่อไป...จนกว่าจะเข้าใจในตนเอง และ...เข้าใจในจิตเจตนาของพระผู้เป็นเจ้า ของพระศาสดา และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ลูกเอ้ย.. นิพพานชาตินี้กันเถอะ

7


ต้นกำ�เนิดแห่งจิตบริสุทธิ์ พระบรมบิดา(พระผู้เป็นเจ้า) เรื่องจริงของทุกดวงจิตที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ทุกลัทธิ จำ�เป็นต้องรู้ และควรที่จะรู้จักชื่อพ่อผู้ให้กำ�เนิดอย่างแท้จริง ต้นกำ�เนิด แห่งจิตเดิมจิตแท้ จิตปภัสสร ที่ผ่านมาแต่กาลก่อนไม่มีใครรู้จัก ชาวพุทธส่วน ใหญ่ ไม่มีใครสนใจเรื่องของพระผู้เป็นเจ้ามากนัก เพราะมีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง อันประเสริฐสูงสุดอยูแ่ ล้ว แม้แต่พระพุทธเจ้าก็มเิ คยพูดถึงเรือ่ งราวของพระผูเ้ ป็น เจ้า ให้เหล่าสาวกทัง้ หลายได้รบั รูแ้ ละรับฟังมาก่อน ทรงตรัสแต่เพียงว่า “ความรู้ ที่ตถาคตนำ�มาสอนพวกเธอในเวลานี้ เปรียบเพียงใบไม้ในกำ�มือนี้เท่านั้น แต่ สิ่งที่ตถาคตรู้แล้วไม่ได้นำ�มาบอกพวกเธอนั้น มีมากกว่าใบไม้ที่มีอยู่ในป่า ” พระบรมบิดา ก็คือพระผู้เป็นเจ้าผู้สร้างโลก ผู้เป็นต้นกำ�เนิดแห่งจิต บริสุทธิ์ และเป็นผู้สร้างจิตรู้ของพวกเราขึ้นมาทั้งหมด เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่สูงสุด บน แดนทิพย์ทั้งปวง จะเรียกท่านว่า พระบรมบิดา, พระบิดาสวรรค์, พระผู้เป็นเจ้า, หรือองค์ปฐมบรมบิดา..ก็ได้ “...ลูกรักของพ่อ พวกเจ้าลงมาท่องเทีย่ วเพือ่ เรียนรูค้ วามเป็นไปในแดน มนุษย์นนี้ านมากแล้ว ถ้าเทียบเวลาในแดนมนุษย์นี้ ก็นบั เป็นเวลาล้านล้านล้านๆ ๆๆๆๆๆๆ ชาติแล้ว โดยเฉพาะถ้าใครได้อ่านตำ�ราเล่มนี้แล้ว พ่อจะถือว่าพวกเจ้า ได้ฟังสัญญาณเตือนจากพ่อแล้ว พวกเจ้าได้รู้จักพ่อผู้ให้กำ�เนิดที่แท้จริงแล้ว และ เวลานีพ้ อ่ ก็เฝ้ารอคอยการกลับคืนสูแ่ ดนทิพย์อมตะสุขของพวกเจ้าอยูต่ ลอดเวลา 8

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


ทีผ่ า่ นมาพ่อได้สง่ สัญญาณความรูล้ งมาหาลูกๆ ทีย่ งั ติดค้างอยูใ่ นแดนมนุษย์สมมุติ นีม้ านานแล้ว ผูท้ รี่ บั สัญญาณได้กไ็ ม่มสี ติปญ ั ญามากพอทีจ่ ะเข้าจิตเข้าใจในความ ปรารถนาของพ่อทีถ่ กู ต้องได้ทงั้ หมด จึงแปรเปลีย่ นเป็นสิง่ ยึดติดไปเสียสิน้ แทนที่ จะออกจากทุกข์ได้ กลับต้องมาเวียนว่ายตายเกิดใหม่อกี เพราะเหตุแห่งการยึดติด ในความดีจนไม่รู้จักคำ�ว่า อิ่มแล้ว พอแล้ว เบื่อแล้ว..พวกเจ้ายังไม่ยอมทำ�หน้าที่ อย่างปล่อยสละละวาง ว่างเปล่าเป็นชาติสุดท้ายกันสักที แล้วอย่างนี้เจ้าจะสอน ใครให้พ้นทุกข์ได้เล่าลูกเอ๋ย.. ในยุคนีเ้ วลานี้ คนทีส่ ามารถรับสัญญาณจากพ่อได้นนั้ มีมากกว่าในสมัย อดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเทศไทย แต่..มีมากก็เหมือนมีน้อย เพราะยังยึด ติดในตัวตนของตนเองอยู่ ยังยึดติดคำ�ว่าเจ้าสำ�นัก ยังหลงยึดติดในสัญญาณความ รู้จากพ่อ บันทึกเป็นลิขสิทธิ์ของตน บางคนถูกพ่อทดสอบด้านสติปัญญาแล้วไม่ ผ่านที่จะให้ทำ�หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ต่อไปข้างหน้าได้ จึงให้ทำ�เพียงหน้าที่จำ�กัด ตาม กรรมกำ�หนดเท่านั้น.. คนธรรมดาสามัญที่มีความรู้ความสามารถ ในการสอนเรื่องแดนทิพย์ อมตะสุขสวรรค์นริ นั ดรได้ มีความสามารถรับสัญญาณจากพ่อได้พร้อมทัง้ ไม่ตดิ ยึด ใดๆ ประกอบแล้วด้วยสติและปัญญาสูงสุด สามารถทำ�หน้าที่ได้ทุกหน้าที่โดยไม่ ยึดติดในสัญญาณความรู้ที่แท้จริงนั้น ก็หาได้ยากยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้ ลูกๆ ที่ได้อ่าน ตำ�ราเล่มนี้ หรือเล่มไหนๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณความรู้จากพ่อ จากพรหม จากเทพเทวดาองค์ใดที่ลงมาทำ�หน้าที่ในโลกมนุษย์ในยุคนี้ ก็จงใช้สติปัญญาคิด พิจารณาให้ได้ปญ ั ญา รูใ้ นความรูท้ ไี่ ด้อา่ น ได้ฟงั ได้ศกึ ษามา คิดพิจารณาให้เข้าใจ นิพพานชาตินี้กันเถอะ

9


อย่างถ่องแท้ด้วยจิตของตนเอง ถามตนเองให้ได้ว่า เราได้อะไรจากการอ่านการ ฟังมาจากสถานที่ต่างๆ จงอย่าพึ่งเชื่อ อย่าพึ่งศรัทธาอย่างงมงาย อย่างผู้ขาดสติ ขาดปัญญานะลูกเอ้ย.. นับตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจิตของพวกเจ้าจะอาศัยอยู่ในร่างกาย ชายหรือหญิงไม่สำ�คัญ ถ้าพวกเจ้าต้องการความพ้นทุกข์ถาวร เข้าสู่แดนทิพย์ นิพพานสวรรค์นิรันดรได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องรอเวลาใกล้จะตายก่อนแล้ว ค่อยกำ�หนดจิต ถึงตอนนัน้ ก็ไม่ทันกาลแล้วลูกเอ๋ย เพราะมนุษย์รู้เวลาเกิดแต่ไม่รู้ เวลาตาย ลมหายใจเข้าแล้วไม่ออกก็ตาย ลมหายใจออกแล้วไม่เข้าก็ตาย ชาตินี้ มีโอกาสได้พบความรู้แจ้งแห่งพุทธะสอนสั่ง จงรีบเร่งกำ�หนดจิตและตั้งจิตนึกถึง สถานที่ ทีจ่ ะนำ�จิตไปอยูใ่ นชีวติ หลังความตายตัง้ แต่บดั นี้ ก่อนทีจ่ ะไม่มโี อกาส นัน่ แหละถึงจะได้ชอื่ ว่า อนุพทุ ธะ..ผูเ้ ดินตามผูร้ แู้ จ้ง เป็นผูไ้ ม่ประมาทในชีวติ และไม่ เสียชาติเกิดในชีวิตชาตินี้อย่างแท้จริงลูกเอ้ย.... ลูกรักของพ่อทัง้ หลายทีไ่ ด้อา่ นตำ�ราเล่มนี้ พ่อจะถามจิตของพวกเจ้าว่า ในเวลานีร้ จู้ กั ความทุกข์แล้วหรือยัง ถ้าพวกเจ้ายังไม่รจู้ กั ความทุกข์ พ่อก็จะขอถาม ต่อไปอีกว่า พวกเจ้ารู้สึกตัวเองไหมว่า เจ้าแก่ไปทุกวันๆ ต้องเจ็บป่วยและจะต้อง ตายไปในทีส่ ดุ ใช่หรือไม่ ชาติตอ่ ไปเจ้ายังจะต้องการความเกิด แก่ เจ็บ ตายกันอยู่ ใช่หรือไม่ ถ้าลูกคนไหนยังต้องการเกิด แก่ เจ็บ ตายอยู่ และยังไม่เบือ่ หน่ายการมี ร่างกายทีเ่ ป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ ก็ไม่ตอ้ งเชือ่ สัญญาณความรูใ้ นตำ�ราเหล่านี.้ .

10

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


ถ้าลูกคนไหนเชือ่ และเบือ่ หน่ายความทุกข์แล้ว ก็ท�ำ ตามทีพ่ อ่ แนะนำ�มา ด้วยวิธีง่ายๆ ลัดๆ สั้นๆ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป “...นับตัง้ แต่วนั นีเ้ ป็นต้นไป เราจะเชือ่ มัน่ ในความดีของตนเอง จะไม่เชือ่ ผู้อื่นที่ไม่มีความรู้จริง เราจะทำ�ความเข้าใจในธรรมชาติของตัวเราเองว่า ร่างกาย ของเราคือ ต้นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวง เพราะเราเกิดมามีร่างกาย จึงต้องแก่ เจ็บป่วยและตายไปในที่สุด ถ้าเราเกิดอีกเราก็ต้องทุกข์อีก ไม่ว่าเราจะรวยหรือ ยากจน สุดท้ายก็ตอ้ งตายสลายไปในทีส่ ดุ เราไม่สามารถทีจ่ ะนำ�ทรัพย์สมบัตใิ ดๆ ไปได้แม้แต่อย่างเดียว เรามาคนเดียว ทุกข์​์คนเดียว เจ็บป่วยคนเดียว และเราก็ ต้องตายคนเดียวไม่มีใครช่วยใครได้ เพราะฉะนั้นถ้าเราถึงอายุขัยถึงวันตายเมื่อ ไหร่ เราจะไม่ขอกลับมาเกิดอีกแล้ว สถานที่ที่เราจะไปก็คือ แดนทิพย์นิพพาน สวรรค์นิรันดร แดนทิพย์อมตะสุขตลอดกาลเท่านั้น” ลูกรักทั้งหลาย จงฟังพ่อให้ดี...พวกเจ้าไม่ได้เกิดมาชาตินี้เป็นชาติแรก พวกเจ้าเกิดและตายมาแล้วเป็นล้านล้านล้านๆๆๆๆๆๆๆ ชาติแล้ว พวกเจ้า ทำ�ความดีมามากแล้ว จงมีความเชื่อมั่นในความดีของตนเองได้แล้วว่า..ผู้ใดได้ มีโอกาสอ่านตำ�ราเล่มนี้แล้ว ก็แสดงว่าบุญ (ความดี) และบารมี (กำ�ลังใจ) ของ เจ้านั้นเต็มเปี่ยมแล้ว.. มีมากพอเกินพอ ที่พวกเจ้าจะตั้งจิตกำ�หนดจิตกลับคืนสู่ สถานที่เป็นทิพย์อมตะสุขตลอดกาล ไม่ต้องกลับคืนมารับผลแห่งกรรมเก่าและ สร้างกรรมใหม่ในชาติต่อไปอีกนะ..ลูกเอ้ย..”

นิพพานชาตินี้กันเถอะ

11


พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์แรกของโลก พระพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลกของจักรวาล มีพระนามเต็มว่า พระ พุทธศิขินบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกสั้นๆว่า สมเด็จพ่อองค์ปฐม (ปฐม แปลว่า ต้น, แรกเริ่ม, ที่หนึ่ง) พระองค์ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้ปรารถนาความ เป็นพระพุทธเจ้า เพือ่ เป็นผูท้ �ำ หน้าทีร่ อื้ สัตว์ขนสัตว์ออกจากทะเลแห่งความทุกข์ พระองค์จึงเป็นต้นแบบ ต้นพระวงศ์ของพระโพธิสัตว์ และพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ในกาลต่อมา ถ้าไม่มีคำ�ว่า ปฐม หรือว่า ที่ ๑ แล้วไซร้ พระพุทธเจ้าองค์ ที่ ๒, ๓, ๔, ๕ ตราบจนถึงพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันก็ไม่มี พระพุทธเจ้าองค์ปฐม ทรงใช้เวลาเนิน่ นานทีส่ ดุ นับตัง้ แต่วนั แรกแห่งการตัง้ จิตทำ�หน้าที่ รือ้ สัตว์ขนสัตว์ ออกจากทะเลแห่งความทุกข์ ใช้เวลาในการบำ�เพ็ญบุญความดี สั่งสมบารมีกำ�ลัง ใจเนิ่นนานถึง ๔๐ อสงไขยแสนกัป ในชาติสุดท้ายแห่งการได้เกิดเป็นมนุษย์ หลัง ออกบวชต้องใช้เวลาอีกยาวนานถึง ๒ หมืน่ ปี กว่าทีจ่ ะตรัสรูเ้ ป็นพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าพระองค์แรกของโลกของจักรวาล และใช้ความเพียรพยายามสอนสั่งเวไนย สัตว์ ให้เข้าใจวิธีการที่จะออกจากความทุกข์อีก ๒ หมื่นปี พระองค์ทรงเป็นต้น แบบที่ดีที่สุดในด้านความอดทนอดกลั้น ความเพียรพยายาม ความปรารถนาดี ต่อตนเองและต่อผู้อื่นอย่างหาที่สุดมิได้ ทำ�หน้าที่เป็นชาติสุดท้ายแห่งการที่ได้ เกิดมาเป็นมนุษย์ยาวนานถึง ๘ หมืน่ ปี กว่าทีจ่ ะได้น�ำ จิตเดิมจิตแท้จติ ปภัสสรอัน บริสุทธิ์ กลับคืนสู่สถานที่ไม่เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตราบนิรันดร...

12

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


นับตัง้ แต่บดั นัน้ เป็นต้นมา โลกนีก้ เ็ ต็มไปด้วยพระโพธิสตั ว์ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ และโลกนี้ก็ไม่เคยว่างจากพุทธะอีกต่อไป.... พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทรงตรัสไว้ว่า เอตัง พุทธานะสาสนันติ..ฯ (พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์สอนเหมือนกันหมด) ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงยกเอา เฉพาะสัจจะธรรมคำ�สอนอันบริสุทธิ์ เป็นแก่นธรรม เป็นหัวใจของพุทธศาสนา เป็นความประสงค์ของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ที่ทรงมีความเมตตา กรุณายิ่ง ต่อเวไนยสัตว์(สรรพชีวิต) หวังว่าแก่นธรรมคำ�สอนอันบริสุทธิ์ดียิ่งนี้ จักทำ�ให้จิต ของท่านผูอ้ า่ นเปิดจิตให้กว้างต่อยอดความรูค้ วามเข้าใจในหัวใจของพุทธศาสนา นั่นก็คือคำ�ว่า ทำ�จิตให้แจ้งซึ่งนิพพาน เพื่อล่วงพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ทั้งปวง ด้วยการนำ�จิตอันบริสุทธิ์เข้าสู่สถานที่ไม่เกิด แก่ เจ็บ ตาย อมตะนิรันดร ด้วยวิธี ง่ายๆ ลัดๆ สั้นๆ ตำ�รา “นิพพานชาตินกี้ นั เถอะ” เป็นความรูส้ คู่ วามพ้นจากห้วงแห่งทะเล ทุกข์โดยตรง ไม่มเี พิม่ เติมเสริมแต่งความรูอ้ ย่างอืน่ ในเรือ่ งของ ทาน ศีล สมาธิ แต่ อย่างใด เพราะตำ�ราที่เขียนโดยทั่วๆ ไป ก็มีสอนกันอยู่แล้วมากมาย ฉะนั้นตำ�รา เล่มเล็กๆ ย่อๆ นี้ เขียนขึน้ มาเพือ่ เน้นซ้�ำ ย้�ำ เตือน ความรูส้ คู่ วามพ้นทุกข์เพียงอย่าง เดียวเท่านัน้ เพือ่ ให้ผทู้ ปี่ รารถนาคำ�ว่า นิพพาน ได้เข้าใจในเนือ้ หาเฉพาะเหตุแห่ง ความทุกข์ทงั้ ปวง เมือ่ ใดก็ตามทีจ่ ติ ของเราคิดดี พูดดี ทำ�ดี เมือ่ นัน้ จิตของเราก็ถงึ พร้อมแล้วด้วย ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา เมือ่ ใดทีจ่ ติ ของเราคิดพิจารณาในหลักธรรม คำ�สอนทีจ่ ะนำ�เราให้ออกจากความทุกข์ได้ เมือ่ นัน้ จิตของเราก็ยอ่ มถึงพร้อมด้วย สติและปัญญา สูงส่งยิง่ นักในหลักแห่งพุทธะทัง้ ปวง ดูตวั อย่างลูกชายนายช่างทอง นิพพานชาตินี้กันเถอะ

13


เมื่อออกบวช ตั้งจิตขอรับหลักการปฏิบัติจากพระพุทธองค์ ท่านก็มอบดอกบัวสี แดงเพียงหนึ่งดอกเท่านั้น ให้นำ�ไปคิดพิจารณาเอาเอง เมื่อกาลเวลาผ่านไปเช้า จรดเย็น ดอกบัวก็ร่วงหล่นร่วงโรยไปตามกาลเวลา ผู้ใดคิดพิจารณาเห็นความไม่ เที่ยงของสิ่งสมมุติทั้งปวงว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่ ดับสลายไปในที่สุด สุดท้าย แล้วก็ว่างเปล่า เกิดอีกก็ทุกข์อีก ไม่ขอเกิดอีกแล้ว ถึงอายุขัยถึงวันตายเมื่อไหร่ ขอไปสู่สถานที่ไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตายอีก แค่นั้นแหละ ลูกชายนายช่างทองได้ แล้วซึ่งคำ�ว่า จิตนิพพาน ขอพวกท่านหลับตาลงเบาๆ ปล่อยจิตให้ว่างๆ สิ่งที่ต้องทำ�ต่อไปก็คือ หายใจเข้าลึกๆ ปล่อยลมหายใจออกยาวๆ ทำ�ซ้ำ�ๆ 3-4 ครั้ง หลังจากนั้นให้ตั้งจิต คิดว่า “เราเองเกิดมากี่ชาติแล้ว โดยเฉพาะชาติที่เราเกิดเป็นคนเราก็มีโอกาส ได้ท�ำ ความดีมามากแล้ว ความไม่ดกี ม็ บี า้ งเป็นของธรรมดา พระพุทธเจ้าท่าน ก็เคยตรัสไว้ว่า “ผู้ไม่เคยทำ�ผิดไม่มีในโลก” นับประสาอะไรกับเราที่เป็นเพียง คนธรรมดา ย่อมมีดีมีเลวเป็นธรรมดา เอาละนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะ ไม่คิดถึงความผิดพลาดที่มันเป็นอดีตไปแล้ว พระพุทธเจ้าสอนให้เราอยู่กับ ปัจจุบัน และตอนนี้เรากำ�ลังนึกถึงความดีที่เคยทำ�มาแล้วตั้งมากมายนับภพ นับชาติไม่ถ้วน ขอรวมความดีของเราทั้งหมดที่สั่งสมมา จงมารวมตัวกันเป็น ปัจจัยให้ข้าฯ สิ้นทุกข์ออกจากการเวียนว่ายตายเกิด เข้าสู่แดนทิพย์นิพพาน สวรรค์นิรันดรในชาตินี้เท่านั้นด้วยเทอญ”

14

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


ศาสนาทุกศาสนาในโลก สอนให้ทุกคนเป็นคนดี เมื่อจิตเกาะความดี ตายไปก็ไปสู่สถานที่ดี ภพภูมิที่ดีมีสวรรค์เป็นที่ไป แต่สำ�หรับพุทธศาสนาอันมี พระพุทธเจ้าเป็นประธาน คำ�สอนของพุทธะเป็นมากกว่าคำ�ว่า เป็นแค่เพียงคน ดี นั่นก็คือสอนเรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องจิต นิพพาน(วิธีการพ้นจากห้วงแห่งทะเล ทุกข์) เพียงแต่คนส่วนมากไม่เข้าใจ และไม่พยายามจะเข้าใจ ศาสนาต่างๆ ล้วน แล้วแต่ติดสมมุติอยู่ในโลก การแบ่งแยกเชื้อชาติ แบ่งแยกศาสนา ลัทธิ แบ่งแยก สำ�นัก แบ่งกูแบ่งมึงมีตัวตนมีทิฏฐิมานะอยู่ เมื่อนั้นก็ยังออกจากสมมุติไม่ได้ …

นิพพานชาตินี้กันเถอะ

15


การจะออกจากความทุกข์ได้ จะต้องออกจากสิ่งสมมุติในโลก ออกจาก การยึดติดในศาสนา ตำ�รา ครูอาจารย์ เพราะทุกสิ่งในโลกคือสิ่งสมมุติบัญญัติ ทั้งสิ้น การปล่อยวางภาระ ปล่อยวางหน้าที่ ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่การ ปล่อยวางจากคำ�สั่งสอน มองให้เห็นทุกสิ่งว่างเปล่า แล้วนำ�จิตเข้าสู่แดนทิพย์ นิพพานสวรรค์นิรันดรเท่านั้น ถึงจะพ้นทุกข์ถาวรได้ และสถานที่แห่งนั้นก็ไม่ได้ อยู่ไกลเกินที่จะไปถึง ถึงแม้สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่ไกลสุดเหนือจักรวาล แต่ก็อยู่ใกล้ในจิตของเธอผู้ปรารถนาออกจากการเวียนว่ายตาย เกิด จิตที่เรียนรู้ โลกสมมุติแล้วเบื่อหน่ายในความทุกข์ เบื่อหน่ายในการเวียนเกิด เวียนตาย จิตที่ เปิดรับการเรียนรู้ เรือ่ งแดนทิพย์นพิ พานสวรรค์นริ นั ดรว่า สถานทีแ่ ห่งนัน้ สิน้ ทุกข์ เป็นแดนทิพย์อมตะสุข จิตของผูใ้ ดยอมรับว่า ต้องการสถานทีส่ นิ้ ความทุกข์ แล้ว ตัง้ จิตไปอยูย่ งั สถานทีแ่ ห่งนัน้ ทันที หลังจากตายไปจากสิง่ สมมุตใิ นชาตินี้ จิตของ เธอก็เข้าสู่สถานที่พ้นทุกข์เป็นอมตะนิรันดรทันที

“แดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรอยู่ที่ไหน.. ก็อยู่ที่จิตของเธอนั่นไง..” “จะออกจากโลกสมมุตินี้ได้อย่างไร.. ออกจากมันได้ ถ้าจิตของเธอต้องการ..”

16

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


สัญญาณความรู้จากจิตผู้บริสุทธิ์ “..องค์ปฐม..” “จงเบื่อหน่ายการเรียนรู้ รีบกลับสู่แดนทิพย์อมตะสุขกันเถอะลูกเอ้ย” “...มนุษย์ธรรมดาสามัญก็นิพพานได้ นำ�จิตสู่แดนทิพย์อมตะสุขสวรรค์ นิรันดรได้ ไปได้ทุกคน ทุกเชื้อชาติ ศาสนา ทุกดวงจิต ไม่ต้องออกจากเรือน ไม่ ต้องไปเป็นนักบวช หรือมุง่ เน้นการปฏิบตั ทิ างกาย ไม่ตอ้ งเป็นพระภิกษุกอ่ นถึงจะ ได้คำ�ว่า นิพพาน จงทำ�จิตให้แจ้งให้เข้าใจถึงความจริงของธรรมชาติ เข้าสู่สถาน ที่ไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ และตาย ด้วยวิธีง่ายๆ ลัดๆ สั้นๆ ด้วยการตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะลูกเอ้ย...” ตั้งจิตอธิษฐาน ประกาศสัจจะต่อฟ้าดิน ว่าไม่ขอเกิดอีกแล้ว “..ขออาราธนาพลังบุญความดี รัศมีก�ำ ลังฤทธิ์ สิทธิอ�ำ นาจเฉียบขาดฉับ พลัน ของอดีตพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ กลั่นเป็นดวงบุญใสใหญ่โต มโหฬารมหาศาลเป็นล้านล้านอสงไขยกัปเท่า เปี่ยมล้นด้วยพลังบุญ พลังปัญญา ของพระพุทธเจ้ารวมกัน ราดรดลงมาสู่จิตของลูก ขอให้จิตของลูกมีพลังบุญพลัง ปัญญา มีความเข้มแข็งกล้าหาญอดทนตลอดไป ลูกขอพ้นจากความทุกข์ในชาติ นี้เท่านั้น ลูกไม่ขอเกิดอีกแล้ว เพราะการเกิดมีแต่ความทุกข์ ต้องแก่ เจ็บ ตาย ไปในที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับสลายไปในที่สุด ทุกสิ่งเป็นเพียง สมมุติ โลกนี้ว่างเปล่า ถ้าลูกถึงอายุขัยถึงวันตายเมื่อใด ลูกขอไปอยู่กับจิตกาย ทิพย์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ บนแดนทิพย์อมตะสุขสวรรค์นิรันดร ในชาตินี้ด้วยเถิดเจ้าข้า..” นิพพานชาตินี้กันเถอะ

17


การตั้งจิตอธิษฐาน เป็นทั้งสัจจะบารมีและอธิษฐานบารมี อันประกอบ ไปด้วยปัญญาบารมี การที่เจ้าจะตั้งจิตเป็นสัจจะวาจา ประกาศออกไปดังก้อง ฟ้าก้องแผ่นดิน..ให้โลกได้รับรู้ ชาวโลกทิพย์ผู้มีหน้าที่ควบคุมบัญชีบุญและบัญชี บาป จักได้จดบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่า จิตของพวกเจ้าต้องการสิ้นทุกข์...ออก จากการเวียนว่ายตายเกิดในชาตินี้ นั่นคือสิ่งที่พวกเจ้าควรปรารถนามากกว่าสิ่ง ใดๆ ในโลกใบนี้ เมื่อพวกเจ้าทั้งหลาย ได้ตั้งจิตประกาศความประสงค์..ที่จะออก จากความทุกข์เป็นสัจจะวาจาแล้ว จะต้องคอยซ้ำ�ย้ำ�เตือนจิตของตนเองในทุก วันทุกคืน นั่นก็คือ..ตั้งจิตอธิษฐาน จงทำ�ความเข้าใจในจิตกันเสียใหม่ทั้งหมดว่า บุญ..แปลว่า ความดี บารมี..แปลว่า กำ�ลังใจ อธิษฐาน..แปลว่า ตั้งมั่น ตั้งจิตให้ เด็ดเดี่ยว ทำ�อะไรอย่างจริงจัง มุ่งมั่นที่จะให้สำ�เร็จตามความประสงค์ ในภาษา มนุษย์ทวั่ ไปเรียกว่าเป้าหมาย สัจจะ..แปลว่า ความจริง บรรลุธรรม..แปลว่าเข้าใจ ดีแล้ว, ไม่มอี ะไรสงสัยในคำ�สอนของพระพุทธเจ้า ธรรมะ..คือธรรมชาติ ความเป็น ธรรมชาติย่อมไม่เที่ยง นิพพาน..แปลว่าดับ สูญ ว่าง จากสิ่งสมมุติทั้งปวง ในเมื่อ จิตอันประกอบไปด้วยสติและปัญญาของพวกเจ้า..ได้มองเห็นความทุกข์ อันเกิด จากความไม่เที่ยงของรูปร่างกายคน สัตว์ ทุกสิ่งในโลก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แปรปรวน เปลี่ยนแปลง ดับสลายไปในที่สุดทั้งหมดทั้งสิ้น... การมองเห็นโทษภัยของการเวียนว่ายตายเกิด (บาลีเรียกว่า..วัฏฏะจักร) อันเต็มไปด้วยความทุกข์อย่างไม่จบสิ้น ความทุกข์ที่เกิดจากการมีรูปร่างกาย คน สัตว์ ที่ไม่คงทนเต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ เต็มไปด้วยความสกปรก และภาระ หน้าที่ ในที่สุดมันก็ดำ�เนินไปสู่ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ก็มีอยู่เท่านั้นแห่ง 18

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


การได้เกิดมามีชีวิต การพิจารณาด้วยจิตอย่างนี้ทุกวันๆ (ตั้งจิตอธิษฐาน)จนจิต เกิดความชำ�นาญและเคยชิน เข้าใจเหตุในผลว่า เราตั้งจิตอธิษฐานไปทำ�ไม เพื่อ อะไร ใครบังคับให้เราทำ�รึ..ไม่มีใครบังคับเราให้ตั้งจิตอธิษฐานหรอก เราไม่อยาก เกิดมามีความทุกข์ในโลกนี้อีกแล้ว นั่นแหละเรียกว่า.. ปัญญา ในภาษาของพุทธ ศาสนาเรียกว่า วิปัสสนาญาณ(รู้แจ้งในสิ่งที่คิดพิจารณา) จิตที่มีปัญญา...ย่อมมองเห็นสัจจะธรรม คือความจริงแท้แน่นอนของ ธรรมชาติที่เกิดและดับ การที่เอาจิตไปยึดเกาะอยู่ในสิ่งที่เกิดและดับ ไม่เที่ยงแท้ หลงยึดเอาว่า เป็นเรา เป็นของเรา พ่อแม่เรา ลูกเรา เมียเรา สามีเรา บ้านเรา รถ เรา แผ่นดินของเรา โลกของเรา ประเทศของเรา ศาสนาของเรา สำ�นักของเรา วัดของเรา อาจารย์ของเรา ศิษย์เรา ตัวเราของเรา ด้วยความที่พวกเจ้าทั้งหลาย ไม่ยอมเข้าใจในความเป็นธรรมดาของธรรมชาติทกุ ๆ อย่างทีม่ อี ยูใ่ นโลก พวกเจ้า จึงต้องมีทุกข์จวบจนทุกวันนี้ และก็ต้องทุกข์อย่างไม่มีวันจบสิ้น ถ้าพวกเจ้ายังไม่ ยอมรับในสติปญ ั ญาของผูท้ เี่ คยทำ�หน้าทีเ่ ป็น พระพุทธเจ้า ผลทีจ่ ะได้รบั จากการที่ มีจติ ดือ้ ด้าน ต่อต้านความรูอ้ นั บริสทุ ธิน์ นั่ ก็คอื ความทุกข์จากภัยอันตรายในวัฏฏะ บุคคลใดมองเห็นสัจจะธรรม อันเป็นธรรมชาติตามสัญญาณความรู้นี้ ต้องคอยซ้ำ�ย้ำ�เตือนจิตให้คิดพิจารณาตามคำ�ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วตรวจสอบด้วย จิตคิดดูว่า การตั้งจิตอธิษฐานนี้มีเหตุมีผลอันประกอบไปด้วยสติปัญญาหรือไม่ อันบุคคลใดที่พิจารณาอย่างนี้แล้ว เข้าใจในความเป็นธรรมดาของธรรมชาติ จน จิตเบื่อหน่ายสูงสุด ด้วยสติและปัญญา แล้วคิดที่จะออกจากมันคือ ปฏิเสธใน การที่จะต้องกลับมาเกิด แก่ เจ็บ ตาย แบบนี้อีก ในหลักการของพุทธศาสนาที่ นิพพานชาตินี้กันเถอะ

19


พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “ผู้ใดมองเห็นความทุกข์ ผู้นั้นมองเห็นธรรม คำ�ว่า ธรรม ในทีน่ หี้ มายถึงธรรมชาติ ทีเ่ กิดขึน้ ตัง้ อยู่ ดับสลายไปในทีส่ ดุ ” “ผูใ้ ดมอง เห็นธรรม ผู้นั้นมองเห็นตถาคต หมายความว่า ผู้ใดมองเห็นธรรมชาติที่เกิด และดับ ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราในโลกใบนี้ ทั้งความสุขและความทุกข์ก็ ยังไม่เที่ยง จิตคิดพิจารณาตามตำ�ราเล่มนี้จนจิตเบื่อหน่าย ชื่อว่า ผู้นั้นเข้าใจ ในคำ�สอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง” ภาษาบาลีเรียกว่า บรรลุธรรม หรือทำ�จิต ให้แจ้งได้แล้วซึ่งคำ�ว่า นิพพาน ลูกรักทัง้ หลายผูเ้ ป็นชาวพุทธ ทีย่ งั ขาดกำ�ลังใจ ขาดความเชือ่ มัน่ ในความ ดีสูงสุดของตนเอง ก็จงตั้งจิตคิดพิจารณาตามคำ�อธิษฐานนี้ทุกวันทุกคืน จนกว่า จะมัน่ จิตมัน่ ใจในตนเองว่า ไม่ตอ้ งการเกิดมามีชวี ติ ทีต่ อ้ งแก่ เจ็บ ตายอีกแล้ว นัน่ แหละเรียกว่า กำ�ลังใจเต็ม

สถานทีท่ พี่ วกเจ้า จะนำ�จิตกายทิพย์ไปอาศัยอยูใ่ นชีวติ หลังความตาย ในชาตินี้แล้ว ไม่ต้องกลับมาสู่สภาวะการเกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้นมีอยู่ ในหลัก ของพุทธศาสนาเรียกว่า สถานที่ที่ไม่เกิดแก่เจ็บตาย ชาวคริสต์ อิสลามเรียกว่า สวรรค์นิรันดร น่าเสียดายที่ลูกของพ่อผู้เป็นชาวพุทธ ส่วนใหญ่เข้าใจว่า นิพพาน หรือพระนิพพานนั้นว่า เป็นสถานที่อยู่อาศัยสำ�หรับผู้พ้นจากความทุกข์ได้แล้ว และเข้าใจผิดอย่างมากมายว่า ผูท้ เี่ ป็นพระภิกษุทปี่ ฏิบตั ดิ ปี ฏิบตั ชิ อบจนเป็นพระ 20

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


อรหันต์แล้วเท่านั้น จึงจะได้คำ�ว่านิพพาน เหตุนี้ชาวพุทธส่วนใหญ่จึงยกคำ�ว่า นิพพาน,พระนิพพานเป็นสิ่งสูงส่ง สูงค่า จนไม่กล้าคิดจึงสั่งจิตของตนเองว่า เราบุญน้อย บารมีไม่พอ นิพพานไม่ได้ หรอก คำ�ว่านิพพานนั้นแปลเป็นภาษาไทยแล้วก็คือ ผู้มีจิตเบื่อหน่ายความทุกข์ ไม่ปรารถนาการเกิดแก่เจ็บตายอีกแล้วก็เท่านั้นเอง... สถานทีไ่ ม่เกิดแก่เจ็บตายก็คอื แดนทิพย์อมตะสุขตลอดกาล เป็นสถานที่ อยูอ่ าศัยแห่งจิตของผูท้ ไี่ ม่ตอ้ งการเกิดอีก จึงควรเรียกสถานทีแ่ ห่งนัน้ ว่า “สวรรค์ นิรันดร” เพียงแต่พ่อต้องการให้ครอบคลุมในทุกศาสนาทุกลัทธิ ฉะนั้นสัญญาณ ความรู้ในตำ�ราทุกเล่มที่เขียนขึ้นมาจะใช้คำ�ว่า แดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดร หรือจะเรียกว่า แดนทิพย์สวรรค์นิพพาน ก็ได้ ซึ่งก็คือ สถานที่อยู่อาศัยของจิต กายทิพย์ ของผู้มีจิตประกอบแล้วด้วยความเบื่อหน่าย ในการเวียนว่ายตายเกิด ยังโลกมนุษย์สมมุติใบนี้ตลอดกาลลูกเอ้ย... จิตกายทิพย์ผู้บริสุทธิ์ หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ถ้าลูกคนใดยังไม่เข้าใจ ก็จงสอบถามจนกระทั่งเกิดคำ�ว่า เข้าใจดีแล้ว ถึงคำ�ว่า จิตผู้บริสุทธิ์(จิตวิสุทธิ) ก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ผู้มีจิตหลุดพ้นจากสิ่งสมมุติในโลก ในแดนทิพย์สวรรค์ พรหมได้แล้ว จิตปรารถนาเฉพาะคำ�ว่า แดนทิพย์อมตะสุขตลอดกาล จึงเป็นจิต รู้ที่บริสุทธิ์อยู่บนสถานที่ไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตายตลอดกาล สถานที่แห่งนั้นว่าง เปล่า บรมสุข ไม่มเี ชือ้ ชาติ ศาสนา ไม่มแี ม้กระทัง่ คำ�ว่า ศาสดา หรือสัมมาสัมพุทธ เจ้า มีแต่เพียงคำ�ว่า จิตผู้บริสุทธิ์ หรือตามหลักของพุทธะก็คือ จิตผู้ใดที่หลุดพ้น นิพพานชาตินี้กันเถอะ

21


จากพันธนาการของโลกสมมุติได้แล้ว จิตผู้นั้นเป็น จิตพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้ว่างเปล่า จากสิ่งสมมุติทั้งปวง มีอยู่ในทุกหนทุกแห่งทั่วโลก ทั่วจักรวาล ชาว พุทธที่เข้าใจดีแล้วเรียกว่า จิตนิพพาน ชาวคริสต์ อิสลาม อาจจะเรียกว่า ชีวิต นิรันดร หรือพระเจ้า ส่วนผู้ใดที่ไม่ยึดติดในเชื้อชาติ ศาสนา หรือตำ�ราของท่านผู้ ใด ก็อาจจะเรียกว่า จิตจักรวาล หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า จิตอมตะ จิตกายทิพย์เทวดา นางฟ้า คือจิตของผูท้ เี่ คยทำ�ความดีในทาน ศีล การ สวดมนต์ขอพรพระเจ้า หรือชอบภาวนาเล็กๆ น้อยๆ จิตเกาะมั่นคงดีแล้วในสิ่งที่ ทำ� ทีเ่ รียกว่าความดี เมือ่ ตายจากความเป็นคน สัตว์ ย่อมนำ�จิตของตนให้เกาะใน ความดีทเี่ คยทำ� จิตดวงนัน้ ย่อมไปรับผลแห่งความดีทมี่ ชี อื่ ว่า ทิพย์สมบัติ มีจติ กาย ทิพย์เป็นเทวดา นางฟ้า พักทุกข์ชั่วคราวอยู่ในสวรรค์ชั้นต่างๆ ตามจินตนาการ ของจิตดวงนั้นยึดเกาะความเชื่อหรือ ศาสนาใดที่สอนสั่งไว้ จิตคิดอย่างไร ด้วย อำ�นาจแห่งความดีจะมีรูปกายทิพย์ปรากฏสำ�เร็จแก่จิตท่านผู้น้ันทันที และเมื่อ หมดบุญความดีในสมัยที่ได้ทำ�ในโลกมนุษย์ ก็ต้องนำ�จิตที่กำ�ลังเสวยทิพย์สมบัติ ชั่วคราวนั้น กลับไปเวียนว่ายตายเกิดในโลก สร้างผลแห่งกรรมดีและไม่ดีใหม่อีก มีสุขและทุกข์เป็นรางวัล และแก่ เจ็บ ตาย ไปในที่สุด ส่วนจิตใดที่ไม่ได้เกาะในบุญความดีก่อนตาย จึงเป็นจิตที่เศร้าหมอง เรียกจิตนั้นว่า สัมภเวสีผีเร่ร่อน, เปรต, อสุรกาย, สัตว์เดรัจฉาน, ถ้าจิตดวงนั้น เศร้าหมองมากๆ ต้องไปรับทุกข์เวทนาในนรก ก็เรียกจิตดวงนั้นว่า สัตว์นรก..

22

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


จิตกายทิพย์พรหม คือจิตของผู้ที่เกาะคุณความดีทางด้านการภาวนา นึกถึงคำ�ภาวนา ตามแต่ลัทธิ ศาสนาของตนที่นับถือ จนกระทั่งจิตสงบระงับ จากความคิดฟุ้งซ่านวุ่นวายในโลกที่ไม่ก่อเกิดประโยชน์ คิดไปก็เท่านั้น จิตท่าน ผู้ใดสงบระงับจากความวุ่นวายพอสมควร จนกระทั่งจิตสงบระงับถึงขั้นละเอียด สูงสุด ตามภาษาบาลีเรียกว่า จิตทรงฌาน (ตั้งแต่ฌานที่ 1 - 8 รูปฌาน 4 อรูป ฌาน 4) คือจิตดวงใดมั่นคงอยู่ในความสงบระงับได้อย่างรวดเร็ว (เข้าออกฌาน ได้อย่างชำ�นาญ) คือพอนึกปับ๊ จิตก็สงบระงับได้ในทันใด ตัง้ แต่ฌานหนึง่ ขึน้ ไปใน แต่ละวัน นัน่ แหละ...คนสัตว์ผใู้ ดทำ�ได้อย่างนัน้ เมือ่ ตายจากความเป็นคนสัตว์จติ ของท่านผู้นั้น ก็จะได้รับผลแห่งความดี ไปเป็นจิตกายทิพย์พรหม (ผู้ชอบสงบ ผู้ รักษาจิตทรงไว้ซึ่งความสงบระงับ หรือผู้ทรงอารมณ์จิตเป็นอุเบกขา เฉยๆ นิ่งๆ) เมื่อจิตดวงใดสงบระงับในความดีได้นาน ก็ยิ่งจะได้รับผลแห่งการทรงความดีสูง จิตผู้นั้นก็ได้รับผลเป็นจิตกายทิพย์พรหมยาวนาน คือมีอายุทิพย์ยืนนาน จนกว่า จะหมดอายุทิพย์ที่ได้รับ... เมือ่ จิตกายทิพย์พรหม หมดบุญความดีอนั เกิดจากการภาวนาหรือทำ�จิต ให้สงบระงับจากความฟุ้งซ่านได้ในสมัยที่เป็นมนุษย์ ก็ต้องนำ�จิตของตน กลับไป สูส่ ภาวะการเวียนว่ายตายเกิด ชดใช้ผลกรรมทัง้ ทีด่ แี ละไม่ดี ทีไ่ ด้กระทำ�ไว้แล้วใน อดีตชาติที่ผ่านมา มีสุขมีทุกข์ไม่มีที่สิ้นสุด สร้างกรรมดีและกรรมไม่ดีใหม่อีกต่อ ไป จนกว่าจิตดวงนั้นจะเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำ�หนัดในโลก ที่ไม่เที่ยงเป็น ทุกข์อย่างไม่รู้จักจบสิ้นต่อไป..

นิพพานชาตินี้กันเถอะ

23


วิปัสสนาญาณ ก็คือการใคร่ครวญคิดพิจารณานั่นเอง จิตดวงใดคิด พิจารณาจนมองเห็นด้วยปัญญาว่า สิ่งใดๆ ในโลกล้วนว่างเปล่า น่าเบื่อหน่าย เป็นทุกข์เป็นโทษมหันต์ จิตคิดพิจารณาจนเบื่อหน่าย จิตดวงใดเข้าใจในสิ่ง ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้อย่างแจ่มแจ้งแทงตลอด เข้าใจความหมายของคำ� ว่า นิพพาน หมายถึงจิตดวงนั้นสูญสิ้นจากการที่จะเกิดอีก เบื่อหน่ายแล้วจาก การเวียนเกิดเวียนตายอย่างแท้จริง นั่นแหละจิตดวงนั้นแจ้งแล้วด้วยปัญญา วิปัสสนา..แปลว่าคิดพิจารณา คิดพิจารณาในเรื่องของต้นเหตุแห่งความทุกข์ทั้ง ปวง พิจารณาไปพิจารณามาจนเข้าใจด้วยสติปญ ั ญา ตามทีพ่ ระพุทธเจ้าสอน เบือ่ โลกแล้วนั่นแหละเรียกว่า ญาณ ต่อท้ายคำ�ว่า วิปัสสนา รวมเป็นคำ�ว่า วิปัสสนา ญาณ ใครพิจารณาได้ รูไ้ ด้เพียงแค่นกี้ น็ พิ พานได้แล้ว ในยุคปัจจุบนั นีย้ งิ่ ง่ายมากๆ เพราะพระพุทธเจ้าสอนไว้หมดจดดีแล้วแค่คดิ ตามทุกวันทุกคืนจนกว่าจะตายจาก ความเป็นคน แค่นี้แหละคำ�ว่า นิพพาน เวลานี้ศาสนาแห่งพุทธะสมณะโคดมยัง คงอยู่ รวมทั้งคำ�สอนแห่งพุทธะยังคงปรากฏแจ้งชัดอยู่ เป็นความรู้แจ้งโลก เป็น ไปเพือ่ การออกจากความทุกข์อย่างแท้จริง ยังแจ้งประจักษ์ชดั เจนแก่จติ ผูเ้ ปิดรับ แล้วใยมนุษย์ทั้งหลายจะมัวยื้อแย่งแข่งขันกัน เสาะแสวงหาวิธีการออกจากทุกข์ ให้มีขั้นตอนยุ่งยากอยู่เล่ามนุษย์เอ๋ย... ถ้าเธอทั้งหลายเคยพร่ำ�พรรณนาว่า เราเป็นสาวกแห่งพระพุทธเจ้า ขอ เป็นผู้เดินตามทางแห่งพระพุทธองค์ที่ชี้นำ�ทางไว้ดีแล้ว เราจะมีความศรัทธาและ เชื่อมั่นในแก่นธรรมคำ�สอนนั้น แล้วตั้งจิตคิดพิจารณาตามทุกๆ วัน จิตของพวก เธอทัง้ หลายก็จะมีสติ มีปญ ั ญา รูใ้ นรู้ รูแ้ จ้งได้ดว้ ยตนเองว่า นิพพานชาตินเี้ ท่านัน้ 24

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


เพียงเท่านีจ้ ติ ของเธอก็จะได้ชอื่ ว่า อรหันตสาวก ผูห้ ลุดพ้นเพราะเดินตามเส้นทาง ที่เหล่าพุทธะบอกสูตรสำ�เร็จไว้ให้ทั้งหมดแล้วลูกเอ้ย... โสดาบัน, สกิทาคามี, อนาคามี เป็นเพียงเครื่องมือวัดจิตของผู้ที่มีความ เคารพในพุทธศาสนาเท่านั้น และเป็นเครื่องล่อให้จิตของผู้ที่เข้าสู่ความดีได้แล้ว ข้ามขั้นตอนแต่ละขั้นตอน จนกระทั่งก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งชัยชนะในกามภพ (โลก)ได้แล้ว นั่นแหละเรียกเป็นภาษาบาลีว่า อรหันต์ แปลว่า ผู้ละจากสังโยชน์ เครื่องร้อยรัดสัตว์โลก ให้ติดอยู่ในภพชาติแห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้อย่างสิ้น เชิงลูกเอ้ย... เพียงแค่นี้กับคำ�ว่า โสดาบัน, สกิทาคามี, อนาคามี, อรหันต์ และคำ�ว่า นิพพาน ,บรรลุธรรม ,ดวงตาเห็นธรรม ชาวพุทธที่เป็นพุทธะไทยแท้ๆ ก็ควรจะ เรียนรู้ในภาษาไทยให้ถูกต้องในความหมาย ถึงจะเข้าใจในคำ�ว่า รู้แจ้งแทงตลอด ลูกเอ้ย...

จิตดวงเดียวท่องเที่ยวไป เกาะเกี่ยวสิ่งใดก็เป็นดั่งสิ่งนั้น พระดำ�รัสจากพระบิดาสวรรค์

นิพพานชาตินี้กันเถอะ

25


ส่วนลูกพ่อที่เกิดเป็นชาวคริสต์ อิสลามที่ยังยึดมั่นถือมั่นเฉพาะศาสดา ของตน ก็จงแปลเปลี่ยนคำ�ตั้งจิตอธิษฐานนี้ ให้กล่าวถึงเฉพาะศาสดาที่ตนตั้งมั่น มั่นคงอย่างแท้จริงต่อไป ..ขออาราธนาพลังบุญความดี รัศมีกำ�ลังฤทธิ์ สิทธิอำ�นาจเฉียบขาด ฉับพลัน ของพระผู้เป็นเจ้าพร้อมอดีตพระศาสดาทุกๆ พระองค์รวมกัน กลั่น เป็นดวงบุญใสใหญ่โตมโหฬารมหาศาล เปี่ยมล้นด้วยพลังบุญความดี ราดรด ลงมาสู่จิตของลูก ขอให้จิตของลูกมีพลังบุญพลังปัญญา มีความเข้มแข็งกล้า หาญอดทนตลอดไป ลูกขอพ้นจากความทุกข์ในชาตินเี้ ท่านัน้ ลูกไม่ขอเกิดอีก แล้ว เพราะการเกิดมีแต่ความทุกข์ ต้องแก่ เจ็บ ตายไปในทีส่ ดุ ทุกสิง่ ทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับสลายไปในที่สุด ทุกสิ่งเป็นเพียงสมมุติ โลกนี้ว่างเปล่า ถ้าลูกถึงอายุขัยถึงวันตายเมื่อใด ลูกขอไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า บนแดนทิพย์ อมตะสุขสวรรค์นิรันดรในชาตินี้ด้วยเทอญ..” จงตัง้ จิต ทุกวัน ทุกคืน ตามนีอ้ ย่าเปลีย่ นแปลง จนกว่ากำ�ลังใจของพวก เจ้าจะมั่นคง ส่วนลูกคนไหนที่มั่นจิตมั่นใจสูงสุดแล้ว จิตมันจะเบื่อหน่ายคลาย กำ�หนัดทุกสิ่งทุกอย่างในโลก นั่นแหละไม่ต้องตั้งจิตอธิษฐานแล้ว จิตมันจะทำ� หน้าที่โดยอัตโนมัติลูกเอ้ย..

26

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


จงเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ลูกรักทัง้ หลาย พ่อขอเพิม่ เติมเสริมแต่งเรือ่ งกฏแห่งกรรมให้ได้เข้าใจกัน ให้มากยิ่งขึ้นอีกเล็กน้อย สิ่งใดๆ ก็ตาม ที่พวกเจ้าได้เคยทำ�เอาไว้ในอดีตชาติที่ เรียกว่า ความดี(บุญ) และความไม่ดี(บาป) รวมๆ แล้วเรียกว่า กรรม กรรม...แปล ว่าการกระทำ� กรรมดีและไม่ดี ทั้งสองอย่างนี้ ย่อมติดตามส่งผลในชาติปัจจุบัน นี้ สิ่งไหนที่ทำ�ให้พวกเจ้าเป็นสุขนั่นคือกรรมดีส่งผล สิ่งไหนที่ทำ�ให้จิตใจของเจ้า เป็นทุกข์นั่นแหละกรรมไม่ดีส่งผล รวมแล้วในชีวิตหนึ่งชาติหนึ่งของการเกิด แก่ เจ็บ ตายของพวกเจ้า ก็มีได้แค่สุขกับทุกข์เพียงเท่านี้ และในความเป็นจริงที่สุดก็ คือ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม(กรรมกำ�หนด) ยามใดที่กรรมไม่ดีส่งผล เจ้าก็ เป็นทุกข์ปาณว่าจะขาดใจ นำ�้ตารินไหลเป็นสายนำ�้ ยามใดที่จิตเป็นสุขก็หลงลืม ความทุกข์เสียจนสิน้ เกิดและตายเป็นอาจิณ หลงลืมสิน้ ว่าสุดท้ายได้อะไร จะรวย หรือจน ผู้ดีหรือไพร่ สุดท้ายก็ตายหมดสิ้น ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา จงรู้จัก ปล่อยสละละวางในทุกสิง่ ทีไ่ ม่เทีย่ งแท้แน่นอน จงทำ�หน้าทีใ่ ห้ดที สี่ ดุ จงทำ�หน้าที่ เป็นชาติสดุ ท้าย จงอดทนให้ถงึ ทีส่ ดุ และตัง้ จิตคิดพิจารณาเพือ่ หนีความสุขความ ทุกข์ให้ได้ ตามตำ�ราเล่มนี้ หลังจากนั้นเมื่อรูปร่างกายของเจ้าสลายตายไปเมื่อใด ก็จงนำ�จิตกลับคืนสู่แดนทิพย์อมตะสุขตลอดกาล สถานที่จิตเดิมจิตแท้ของพวก เจ้าพากันจากมา..นะลูกเอ้ย…

นิพพานชาตินี้กันเถอะ

27


การอนุโมทนาบุญ (ยินดีในความดีผู้อื่น) ของพระพุทธเจ้าหมดทั้งแดน ทิพย์อมตะสุขนั้น ย่อมได้รับบุญอภิมหาบุญ ทำ�ให้กำ�ลังใจเราเต็มไวมากๆ “ขอนอบน้อมต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ มีสมเด็จพ่อองค์ ปฐมทรงเป็นประธาน ผู้ทรงบำ�เพ็ญบุญญาบารมี รัศมี กำ�ลังฤทธิ์ สิทธิอำ�นาจ เฉียบขาดฉับพลัน พร้อมญาณทัศนะอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระพุทธเจ้า ในการทำ� หน้าที่รื้อสัตว์ขนสัตว์ให้ข้ามพ้นทะเลแห่งความทุกข์ ให้ได้กลับคืนสู่แดนทิพย์ อมตะสุขด้วยความยากลำ�บาก สิ่งใดๆ ที่เป็นดวงบุญดวงความดีอันใสบริสุทธิ์ ใหญ่โตมโหฬารของผู้ที่เคยมีนามว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมพระโพธิสัตว์ ทุกๆ พระองค์ รวมดวงความดีของทุกท่านหมดทั้งแดนทิพย์นิพพาน ข้าพเจ้าขอ อนุโมทนายินดีขอมีส่วนร่วม ในดวงบุญความดีทั้งหมดของทุกท่าน หมดทั้งแดน ทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรด้วยเถิดเจ้าข้าฯ..”

น้ำ�ไม่ติดยึดบนใบบัว..ฉันใด ลูกๆ ทั้งหลาย จงอย่าติดยึดในสิ่งสมมุติในโลก..ฉันนั้น พระดำ�รัสจาก พระบิดาสวรรค์

28

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


การช่วยเหลือชาวโลกทิพย์ (ภูติ ผี ปีศาจ เปรต อสุรกาย สัมภเวสี สัตว์เดรัจฉาน ยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์ นาค ครุฑ เทวดา พรหม) ด้วย 3 วิธีดังนี้ เลือกทำ�ตามวิธีใดวิธีหนึ่งก็ได้ หรือทำ�ควบคู่ ทั้งหมดได้ยิ่งดี เพราะชาวโลกทิพย์ที่มีกรรมหนักอาจจะรับความดีของเราไม่ได้.. วิธีที่ 1. สวดหรือท่อง “สมเด็จพ่อองค์ปฐม” อย่างน้อย 7 - 9 จบ วิธีที่ 2. ส่งบุญความดีของตัวเราเองให้ชาวโลกทิพย์ วิธีที่ 3. อาราธนาความดีของพระพุทธเจ้าราดรดฉุดช่วย วิธีที่ 1. ตั้งจิตคิดในใจ หรือออกเสียงสวดคำ�ว่า “สมเด็จพ่อองค์ปฐม” อย่างน้อย 7 - 9 จบ ในทุกสถานที่... ทำ�ไมต้องสวด “สมเด็จพ่อองค์ปฐม” คำ�ภาวนาอย่างอื่นมีเยอะแยะ ก็ เพราะว่า...ข้าพเจ้าได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ทั้งหมดแล้วว่า “...ข้าแต่สมเด็จพ่อองค์ ปฐมบรมบิดา พร้อมจิตทิพย์บริสุทธิ์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระ ผูท้ รงเมตตากรุณาหาประมาณมิได้ ต่อปวงสรรพชีวติ ทัง้ หลาย จิตของข้าฯ จะทำ� หน้าที่ส่งเสริมงานแห่งพุทธะ ฉุดช่วยสรรพชีวิตทั้งปวงเป็นชาติสุดท้าย ฟ้าดินจง เป็นสักขีพยานให้ข้าฯ ผู้มีนามสมมุติว่า ช หากมีการสวดพระนามสมเด็จพ่อองค์ ปฐมเมื่อใด ขอดวงบุญความดีของข้าฯ ที่ได้สั่งสมไว้ดีแล้วนับภพนับชาติไม่ถ้วน นิพพานชาตินี้กันเถอะ

29


รวมกับดวงบุญความดีอนั ยิง่ ใหญ่ของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์รวมกัน กลัน่ เป็น ดวงบุญใสใหญ่โตมโหฬารมหาศาล แผ่ราดรดคลุมจิตชาวโลกทิพย์ทตี่ อ้ งการความ ช่วยเหลือ ให้ได้รับการเปลี่ยนแปลงสภาวะเป็นเทวดา นางฟ้า พรหม ขึ้นสู่แดน ทิพย์อมตะสุขตลอดกาลโดยฉับพลันด้วยเทอญฯ ” พระผู้เป็นเจ้า ผู้เป็นใหญ่เหนือสรรพชีวิต พร้อมจิตกายทิพย์อดีตพระ สัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ได้รบั คำ�สัตยาธิษฐานของข้าฯ แล้ว ทรงประทาน พรให้ข้าฯ อนุญาตให้ทำ�ความดีหน้าที่นี้ได้ ทุกๆ คนในโลก ที่ต้องการฉุดช่วยชาว โลกทิพย์ทั้งปวงด้วยคำ�ภาวนาว่า “สมเด็จพ่อองค์ปฐม”

วิธีที่ 2. ส่งบุญความดีของเราให้ชาวโลกทิพย์ “ขอบุญความดีของข้าฯ จงสำ�เร็จแก่ชาวโลกทิพย์ เจ้ากรรมนายเวร เทวดาที่รักษา” ตั้งจิตคิดในใจหรือประกาศออกเสียงก็ได้ ทำ�ให้ได้มากที่สุดในแต่ละวัน อย่างน้อยต้องไม่ต่ำ�กว่าวันละ 9 จบ สำ�หรับผู้ที่ไม่มั่นใจในความดีของตนเอง ให้ ตัง้ ใจสวดหรือภาวนา “สมเด็จพ่อองค์ปฐม” หรือภาวนาอะไรก็ได้ 3 - 9 จบ จาก นั้นกำ�หนดจิตในใจหรือออกเสียงว่า “ขอบุญนี้จงสำ�เร็จแก่ ชาวโลกทิพย์ เจ้า กรรมนายเวร เทวดาที่รักษา” 30

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


วิธีที่ 3. อาราธนาความดีของพระพุทธเจ้าราดรดฉุดช่วย “นอบน้อมกราบอาราธนาพลังบุญความดี รัศมีกำ�ลังฤทธิ์สิทธิอำ�นาจ เฉียบขาดฉับพลันของพระพุทธเจ้าทั้ง 900,223 พระองค์ พระโพธิสัตว์เจ้า ทั้งหลาย รวมพลังบุญความดีทั้งหมด ราดรดลงมาห่อหุ้มดวงจิตชาวโลกทิพย์ เปลี่ยนแปลงสภาวะเป็นเทพเทวดา เข้าสู่แดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรฉับ พลันด้วยเทอญ..ฯ ตั้งจิตอธิษฐานหรือสวดประกาศครั้งเดียว หรือหลายครั้งก็ได้

“..ศูนย์กลางการเรียนรู้เรื่องจิต สติและปัญญาขั้นสูงสุด..” หนึ่งจิต คือหนึ่งศูนย์กลาง ทำ�ความเข้าใจเรื่องจิตของตนเองและ ของผู้อื่นว่า.. สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม เกิดมามีชีวิตเป็นมนุษย์หรือ สัตว์เดรัจฉาน ส่งผลดลบันดาลให้จิตที่มาอาศัยอยู่ได้รับรางวัลเพียงแค่สุข กับ ทุกข์ ในที่สุด แก่ เจ็บ ตาย ไปก็เท่านั้นลูกเอ้ย...

พระดำ�รัสจาก พระบิดาสวรรค์

นิพพานชาตินี้กันเถอะ

31


การบำ�บัดรักษา..มนุษย์และสัตว์ที่เจ็บป่วย... จงตั้งใจสวดภาวนาว่า “สมเด็จพ่อองค์ปฐมบรมบิดา พร้อมพระสัมมา สัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์” สัก 9 จบ “..นอบน้อมกราบอาราธนาพลังความดีรศั มีก�ำ ลังฤทธิ์ สิทธิอ�ำ นาจเฉียบ ขาดฉับพลันของพระพุทธเจ้าทัง้ 900,223 พระองค์ พลังความดีของพระโพธิสตั ว์ เจ้าทุกๆ พระองค์ รวมเป็นดวงบุญความดีใสใหญ่โตมโหฬารมหาศาลดุจแสงแห่ง พระอาทิตย์เจิดจ้า ราดรดลงมาชำ�ระล้างสิ่งที่ไม่น่ารักทั้งหลาย ที่มีอยู่ในร่างกาย ของข้าพเจ้า.......... ตั้งแต่ปลายผมจรดปลายเท้า ขอให้สิ่งที่ไม่น่ารักทั้งหลาย จง สลายออกไปจากร่างกายของข้าพเจ้า.........โดยฉับพลันทันใดด้วยเทอญ..ฯ” (ถ้าทำ�ให้คนอื่นให้กล่าวชื่อผู้นั้น.............) จงตั้งจิตทำ�เช่นนี้ทุกวัน วันละหลายๆ รอบก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่า ป่วยมาก ป่วยน้อย จงทำ�ไปจนเต็มกำ�ลังใจ รวมทั้งจงส่งบุญความดีให้เจ้ากรรมนายเวรที่ ทำ�ให้เจ็บป่วย ตั้งจิตขอขมาต่อนายเวรทั้งหลายด้วย ถ้าผู้ป่วยสามารถตั้งจิตทำ� เองได้ก็ยิ่งดี จงปลดปล่อยจิตให้ว่าง จงทำ�ด้วยความเคารพ ความศรัทธาต่อพระ สัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ผูเ้ ป็นต้นกำ�เนิดแห่งพุทธะทัง้ ปวง จึงจะเห็นผล...

32

นิพพานชาตินี้กันเถอะ


คําตั้งจิตอธิษฐานชวยชาติ “..ขออํานาจแหงความดีที่ยิ่งใหญของพระพุทธเจาทุกๆ พระองค ในการทํา หนาที่รื้อสัตวขนสัตว

ออกจากทะเลแหงความทุกขดวยความยากลําบาก

ขอ

อํานาจความดีของพระโพธิสัตวทุกๆพระองค ขออํานาจความดีของบรรพกษัตริย ไทยทุกๆ พระองค ขออํานาจแหงความดีของพวกขาพเจาที่ดําเนินตามรอยบาท พระศาสดา คงไวซึ่งแกนธรรมคําสอนอันบริสุทธิใ์ หตั้งมั่นมัน่ คงสืบตอไป ขออํานาจ แหงสัจจะวาจาที่กลาวอางเอาความดีที่ยงิ่ ใหญทั้งหมดนี้

กลั่นเปนดวงความดีใส

ใหญโตมโหฬารมหาศาลหาประมาณมิได จงเปนผลดลบันดาลใหพระบาทสมเด็จ พระเจาอยูหัว สมเด็จพระราชินีนาถ พรอมพระบรมวงศานุวงศที่ทรงความดีทุกๆ พระองค จงมีพระวรกายที่มั่นคงแข็งแรง ปราศจาก ภัยอันตรายทั้งหลาย ขออา นาจแหงความดีทั้งปวง จงสงผลดลบันดาลใหคณะผูบริหารประเทศชาติ จงเปนผู ที่มั่นคงในคุณงามความดี มีสติและ ปญญา ยึดเอาโอวาทพระราชดําริไปประพฤติ ปฏิบัติตาม เพื่อความอุดมสมบูรณจักบังเกิด ขอความรักสามัคคีจงบังเกิด ขอ ความสงบรมเย็นตัง้ มั่น มั่นคงจงบังเกิด ขอความสวัสดีมีมงคลจงบังเกิดแก ผูทํา ความดี

ขอความยิ่งใหญแหงคําวาสุวรรณภูมิ

แผนดินแหงทองคําจงปรากฏ

โดยเร็ววันฉับพลันดวยเทอญ...” ขอทุกดวงจิตสรรพชีวิต ที่มีจิตตั้งมั่นมั่นคงในความดีทั้งปวง จงชวยกันตั้ง จิตอธิษฐานในทุกๆ วัน ขอความสวัสดีมีมงคลจงบังเกิดแกทา นผูทําความ ดี มีเทพ เทวดาคุมครองทุกทานดวยเทอญ...



Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.