12
ปี ที่ ๒๓ ฉบั บ ที่ ๒ วั น ศุ ก ร์ ที่ ๑๘ ตุ ล าคม ๒๕๕๖
เรียบเรียงโดย : รัตนาวดี มณีรัตน์
โดย : ส�ำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวกองทัพบก
นิทรรศการถาวรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สวัสดีค่ะ พบกับคอลัมน์ สบายๆ แต่มากด้วย เนื้อหาและสาระ ฉบับนี้ ยังคงมีเรื่องราวดีๆ น�ำมาให้ คุณๆได้อ่านกันอย่างสม�่ำเสมอ ๒๓ ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันปิยมหาราช ซึ่งเป็นวันที่ พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตด้วย โรคพระวักกะ (ไต) ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต รวมพระชนมพรรษาได้ ๕๗ พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬา ลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหา กษัตริย์แห่งสยาม รัชกาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันอังคาร เดือน ๑๐ แรม ๓ ค�่ำ ปีฉลู วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๓๙๖ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๙ ในพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นที่ ๑ ในสมเด็จ พระเทพศิรินทราบรมราชินี เสวยราชสมบัติ เมื่อ วันพฤหัสบดี เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๕ ค�่ำ ปีมะโรง (พ.ศ. ๒๔๑๑) รวมสิริด�ำรงราชสมบัติ ๔๒ ปี ๒๒ วัน ประชาชนส่วนใหญ่มักออกพระนามว่า “ปิยมหาราช” แปลว่า มหาราชผู้ทรงเป็นที่รัก และว่า "พระพุทธเจ้าหลวง" ส�ำหรับฉบับนี้ จะพาไปรู้จักกับพระพุทธ รูปประจ�ำพระชนมวารพระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกันค่ะ พระพุทธรูปประจ�ำ พระชนมวารของรัชกาลที่ ๕ เป็นพระพุทธรูป ประทับยืนแบบสมภังค์ แสดงปางห้ามพระ แก่นจันทน์ หรือ อภัยมุทรา ด้วยการยกพระหัตถ์ ซ้ายขึ้นเสมอพระอุระตั้งฝ่าพระหัตถ์ยื่นออกไป เบื้องหน้า พระหัตถ์และพระกรขวาทอดขนาน กับพระองค์ลงไปเบื้องล่าง พระพุทธรูปมีพระ พักตร์ค่อนข้างกลม พระนลาฏค่อนข้างแคบ พระขนงโก่ง พระเนตรเหลือบต�่ำ พระนาสิกโด่ง กับทั้งพระโอษฐ์เรียว พระกรรณสั้น พระเศียร ประดับด้วยเม็ดพระศกขนาดเล็กปราศจากเกตุมาลามี รัศมีรูปเปลวไฟอยู่เหนือพระเศียร ส่วนพระหัตถ์ทั้งสอง ข้างมีนิ้วพระหัตถ์ทั้ง ๔ ยาวเสมอกัน องค์พระพุทธรูป ครองอุตราสงค์ห่มเฉียงเปิดพระอังสาขวา อุตราสงค์มีริ้ว เหมือนริ้วผ้าตามธรรมชาติ มีสังฆาฏิพาดเหนือพระอังสา ซ้ายห้อยลงมาในระดับเดียวกับต้นพระชงฆ์ ปลายตัดเป็น เส้นตรง อันตรวาสกที่ทรงภายใต้อุตราสงค์เป็นผ้าเรียบมี จีบห้อย ทางเบื้องหน้าปลายตัดเป็นเส้นตรงเช่นเดียวกัน ทั้งนี้พระพุทธรูปประทับยืนเหนือปัทมาสน์กลมประกอบ ด้วยกลีบบัวหงายซ้อนกัน ๒ ชั้น ปัทมาสน์นี้ ซ้อนอยู่ เหนือฐานแข้งสิงห์และฐานเขียงแปดเหลี่ยมเบื้องล่าง
(โซนที่ ๑ เย็นศิระเพราะพระบริบาล)
นิทรรศการถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงและภูมิปัญญาท้องถิ่น ค่ายสรรพสิทธิ ประสงค์ อ.วารินช�ำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จัดท�ำ ขึ้นด้วยความร่วมมือของกองทัพภาคที่ ๒ กองอ�ำนวย การรักษาความมั่นคงภายในภาค ๒ และส�ำนักงาน ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อแสดงความ ส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนักเพื่อ ความเป็นอยู่ที่ดีของราษฎรเป็นระยะเวลายาวนาน ตลอดการครองราชย์ของพระองค์ท่าน โดยจัดพื้นที่ จัดแสดงไว้ทั้งหมด ๑๐ โซน ส�ำหรับนิทรรศการโซนที่ ๑ เย็นศิระเพราะ พระบริบาล Peacefulness Under His Majesty’s Aegis. ได้รวบรวมพระบรมฉายาลักษณ์หายากใน คราวเสด็จพระราชด�ำเนินเยี่ยมเยือนราษฎร เพื่อ เป็นการเทิดพระเกียรติและแสดงถึงความส�ำนึกใน พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีต่อปวงชนชาวไทยให้อยู่เย็นเป็นสุขมาโดยตลอด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นดั่ง มิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย ภาพที่คุ้นตาคือภาพที่
ส�ำหรับประวัติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพวันอังคารซึ่งมีพระพุทธรูป ประจ�ำวันเป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ แต่ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างพระพุทธรูปปางห้ามพระ แก่นจันทน์เป็นพระพุทธรูปประจ�ำพระชนมวาร ซึ่งตรงกับ วันอังคาร แรม ๓ ค�่ำ เดือน ๑๐ ปีฉลู จุลศักราช ๑๒๑๕ ตรงกับวันที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๓๙๖ รัตนโกสินทรศก ๗๒ ปัจจุบันอัญเชิญพระพุทธรูปประจ�ำพระชนมวาร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ออกประดิษฐาน คู่กับพระโกศพระบรมอัฐิในการพระราชพิธีบ�ำเพ็ญพระราช กุศลทักษิณานุปทานเฉพาะพระองค์ พระราชพิธีสงกรานต์
ก โดย : พันเอกหญิง ชดาษา พนาเวศร์
พระองค์เสด็จพระราชด�ำเนินเยี่ยมเยือนราษฎร ในท้องถิ่นต่าง ๆ ทรงประทับกับพื้นและรับสั่งกับ ราษฎรอย่างเป็นกันเอง พระราชจริยวัตรอันงดงาม นี้ ปรากฏแก่สายตาของพสกนิกรชาวไทยนับตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด�ำเนิน เยี่ยมเยือนราษฎรครั้งแรก
อ.รมน.โดยศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ ๔ จัดประชุมร่วมเพื่อวางแนวทางปฏิบัติงาน ในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ สู่การป้องกันและแก้ไข ปัญหาการบุกรุกท�ำลายทรัพยากรธรรมชาติ
กอ.รมน. เตรียมแผนป้องป่าปี ๕๗
เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่ห้องประชุมของศูนย์ ประสานการปฏิบัติที่ ๔ กอ.รมน. (ศปป.๔ กอ.รมน.) ได้จัด ประชุมร่วมเพื่อปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่ง ศปป. ๔ จะได้น�ำมาก�ำหนดเป็นแผนการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุก ท�ำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยมี พลโท คณิต อุทิศสาร ผอ.ศปป.๔ กอ.รมน.เป็นประธานการประชุมร่วม ส�ำหรับ หน่วยที่เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้แทนจาก กอ.รมน.ภาค ๑,๒,๓, และ ๔, ผู้แทนจากกรมป่าไม้, ผู้แทนจากกรมอุทยาน แห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช ผู้แทนจาก ดีเอสไอ, ผู้แทนจาก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, ผู้แทนจากกองก�ำกับการ ปราบปรามการกระท�ำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ในการประชุมร่วมครั้งนี้ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ น่าสนใจจากหน่วยที่เข้าร่วมประชุม อาทิ ศปป. ๔ กอ.รมน. ได้กล่าวถึงโครงการคืนผืนป่าให้แผ่นดิน ซึ่งจังหวัดพิษณุโลก ด�ำเนินการเป็นต้นแบบ โดยใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดผนึก ก�ำลังจากทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยกันตัดโค่นต้นยางซึ่ง ลักลอบปลูกในพื้นที่ป่า ไม่ให้สามารถน�ำไปใช้ประโยชน์ได้ อีกต่อไป โดยพลโท คณิต อุทิศสาร (ผอ.ศปป.๔ กอ.รมน.) วางแผนจะน�ำไปเป็นโมเดลหรือแบบอย่างของการด�ำเนิน การในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป นอกจากนี้ กอ.รมน.ภาค ๓ ยังได้น�ำ เสนอในที่ประชุมให้เห็นตัวอย่างของส�ำเร็จในการปราบปราม ผู้บุกรุกท�ำลายป่าในพื้นที่ทัพภาค ๓ ซึ่งผลส�ำเร็จเกิดขึ้นได้ จากความร่วมมือร่วมใจจากประชาชนในพื้นที่ ดังนั้น กอ.รมน. ภาค ๓ จึงเสนอแนะให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
การบุกรุกท�ำลายทรัพยากรป่าไม้ ควรมีการขับเคลื่อนการ สร้างจิตส�ำนึกเครือข่ายประชาชน อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ผู้แทนจาก กอ.รมน.ภาค ๒ และ ๔ เสนอแนว ความคิดที่ตรงกันคือ ควรก�ำหนดนโยบายที่ชัดเจน หรือ ก�ำหนดพื้นที่ที่จะด�ำเนินการร่วมกัน หรือจัดล�ำดับความ เร่งด่วนของพื้นที่ และท�ำให้เป็นโมเดลเพื่อการขยายผล ในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป ผู้แทนจากกรมป่าไม้ และผู้แทนจากกรมอุทยาน แห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการลดลง ของพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมต้องร่วมกันห่วงใย โดย เสนอ ยุทธศาสตร์คือ ยุทธศาสตร์หยุดยั้งการบุกรุกท�ำลาย ป่า ยุทธศาสตร์ยึดคืนพื้นที่ป่า และยุทธศาสตร์หยุดการ ลักลอบและค้าทรัพยากรป่าไม้ สรุปผลการประชุมแนวทางที่จะใช้ยึดเป็นกรอบ การด�ำเนินงานเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาการ บุกรุกท�ำลายทรัพยากรธรรมชาติ ในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ที่ประชุมเสนอให้มีการผลักดันให้เกิดเป็นวาระ แห่งชาติ นอกจากนี้ยังเสนอให้ร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อ เป็นการปลุกกระแสคนไทยทั้งชาติให้ตระหนักถึงความ ส�ำคัญของการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกท�ำลาย ทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งนี้ปัญหาเรื่องทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้จะ ส�ำเร็จได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน อย่างชัดเจน จริงจัง และต่อเนื่อง