BonBaiBua 8

Page 1

BonBaiBua Book

»‚·Õè 1 ©ºÑº·Õè 8 »˜¡É ËÅѧ ÊÔ§ËÒ¤Á 2552

บนใบบัว

©บับ อดÕµãน»˜¨¨ุบัน

ISSUE 8

©บับá»´ 1


Content

Jumper In เที่ยวใน(ประเทศ) โดย กบบันจี้ Jumper Out เที่ยวนอก(ประเทศ) โดย i_lllive Goodtaste กิน (ดูด)ดื่ม โดย กบบันจี้ Movie&Books นั่งอ่านหนังสือ โดย เจ้าชายกบ นอนดูหนัง โดย เจ้าชายกบ

World of Pooh โลกของ Pooh. โดย แม่จิบ Pic&Post การ์ดเขียนคำ� ภาพเล่าเรื่อง โดย น้าอ๊บ Lover เรื่องรัก(ร้าง) โดย จินตา จุลกะ

Tree of life ต้นไม้ใบหญ้า(อ่อน) โดย ข้าวใหม่ Notebooks เรื่องเล่าและบันทึก โดย รติ จุลกะเศียน

www.bonbaibua.com

Poem เขียนกลอนเล่นบนใบบัว โดย วาดวลี

สารบัญ

ISSUE 8

4 ไป-กลับขับรถเที่ยว “แปดริ้ว” 16 Korea Story II Everland : แดนเนรมิต 30 ร้านพระราม 9 ไก่ย่าง 36 (สารคดี)ท่องเที่ยว 42 Dear Galileo หนีไป(เที่ยว)ยุโรป 48 ไปเยี่ยมน้าข้าวใหม่ 54 อันเนื่องมาจาก.... 58 ในพายุ 62 “ทับทิม”(ผลและต้น)ไม้มงคล 66 ณิชามา(อีก)แว้ววววว 70 หนทาง

ที่ปรึกษา : ฤทัย สุภัทรพันธุ์ ดุลย์ จุลกะเศียน บรรณาธิการบริหาร : รติ จุลกะเศียน บรรณาธิการ : เจ้าชายกบ กองบรรณาธิการ : ข้าวใหม่, กบบันจี้, i_lllive ฝ่ายการตลาด โฆษณาและประชาสัมพันธ์ : กบบันจี้ ฝ่ายบัญชีและการเงิน : จินตา จุลกะ ออกแบบ ปก, รูปเล่ม, เวบไซต์ : Sister Print & Media Group เจ้าของ ผู้เผยแพร่ ผู้โฆษณา : บ้านบนใบบัว 204/381 ซ.2/13 ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 11110 โทรศัพท์/แฟกซ์ : 02 5714099 อีเมล์ : bonbaibua@hotmail.com ติดต่อโฆษณา : คุณกบ มือถือ : 084 123 0534 อีเมล์ : ruteec@hotmail.com โทรศัพท์/โทรสาร : 02 571 4099 ข้2 อความในหนังสือเล่มนี้เป็นลิขสิทธิ์ของเวบไซต์ www.bonbaibua.com แต่เพียงผู้เดียว ห้ามนำ�เผยแพร่หรือตีพิมพ์โดยไม่ได้รับอนุญาต


จากใจบนใบบัว บนใบบัว บุ๊ค (BonBaiBua Book) ฉบับ อดีตในปัจจุบัน กบบันจี้ ชวนไป-กลับขับรถเที่ยว 1 วัน 2 ตลาดโบราณที่ “แปดริ้ว” ใน Jumper in ขณะที่คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ไก่ย่าง-ส้มตำ� ว่าเป็นเมนูเด็ด รสแซ่บหลาย ของใครหลายคน Goodtaste ปักษ์นี้พาไปชิม ร้านพระราม 9 ไก่ย่าง Lover เรื่องรัก(ร้าง) โดย จินตา จุลกะ กับภาพในอดีตของใครบางคน โลกของ Pooh. แม่จิบ พา น้องภู ตะลอนทัวร์...ไปเยี่ยมน้าข้าวใหม่ i_lllive ยังพา jumper out ท่องสวนสนุก, แหล่งช็อปปิ้ง, พระราชวัง โบราณ ฯลฯ แดนกิมจิ ใน Korea Story II Tree of Life ของ ข้าวใหม่ แนะนำ�ให้รู้จัก “ทับทิม” ผลและต้นไม้มงคล ที่ไม่ว่าชาวไทยหรือลูกหลานชาวจีนต่างนิยมปลูกไว้หน้าบ้าน ก่อนปิดเล่มที่ลืมไม่ได้และไม่เคยลืม วาดวลี เขียนกลอนเล่นบนใบบัว พร้อมภาพประกอบสวยงามและอ่อนหวาน ใน Poem ............... เพราะความเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์ เพราะเหตุผลหลากหลายประการ BBB issue 8 ฉบับปักษ์หลังของเดือนสิงหาคมนี้ ถือเป็นรายปักษ์เล่ม สุดท้าย!!! ก่อนที่ BBB จะถูกปรับ เปลี่ยนจากการออนไลน์รายปักษ์เป็นรายเดือน กำ�หนดออนไลน์ BBB issue 9 ในวันที่ 09-09-09 พร้อมแผนการปรับปรุง เว็บไซต์และปรับเปลี่ยนเนื้อหากันพอสมควร ดังนั้น ระยะเวลาของการได้พบกันอีกแต่ละครั้งของเรา ต้องทอดนานออก ไปมากกว่าเดิม หวังใจว่า คงไม่ทำ�ให้สมาชิกและผู้สนใจต้องรอคอยนานจนเกินไป เหมือนทีมงาน BBB ซึ่งคงรู้สึกคิดถึงผู้อ่านอยู่บ้าง---มากๆ ไม่มีน้อยแน่นอน จนกว่าเราจะได้พบกัน ด้วยมิตรภาพที่ดี บอกอ กอบอและทีมงาน BBB

33


Jumper In

เที่ยวใน(ประเทศ) เรื่อง/ภาพ by : กบบันจี้

44


ไป-กลับ ขับรถเที่ยว “แปดริ้ว” ครัง้ แรก กับตลาดคลองสวน(มากกว่า)

100 ปี ตลาดเก่าซึ่งตั้งอยู่คาบเกี่ยวระหว่าง 2 จั ง หวั ด สมุ ท รปราการ-ฉะเชิ ง เทรา โดยการชั ก ชวนแกมบี บ บั ง คั บ กลายๆ ฮา จากมวลมิตรในโลกไซเบอร์กลุ่มกาแฟ ที่ ญาติสายตรงของสมาชิกกลุ่มคนหนึ่งเป็นคน ในพื้ น ที่ และที่ สำ � คั ญ ยั ง เป็ น ญาติ กั บ “แป๊ะหลี” ตำ�นานทีม่ ชี วี ติ ของตลาดคลองสวน

5


ฉั น กั บ เธอ เริ่ ม ต้ น การเดิ น ทางจากบ้ า นบางบั ว ทอง โผล่ ถ นน รัตนาธิเบศร์ ออกถนนวิภาวดีฯ เพื่อรับผู้โดยสารคนแรก ก่อนจะใช้ ทางด่วนลงถนนพระราม 9 เพื่อทำ�เวลา ก่อนจะใช้ซอยลัดตัดออกถนน พัฒนาการเพื่อแวะรับผู้โดยสารคนที่ 2 ก่อนที่จะลัดไปออกถนนอ่อนนุช ช่วงหนึง่ ขับต่อไปเรือ่ ยๆ จนเลยเขตลาดกระบังไป เพือ่ รวมพลหรือจะเรียก ว่ารวมรถก็ว่าได้กับเพื่อนๆ ในกลุ่มอีก 5 คัน จากนั้นขับตามเจ้าถิ่น ตรง ดิ่งตลอดไม่ต้องสนใจอะไร จนกว่าจะเห็นป้าย “ตลาดคลองสวน 100 ปี” เด่นเป็นสง่าพาดผ่านคร่อมถนนขนาด 2 เลน แต่อันที่จริง เริ่มมีป้าย เล็กๆ ให้เห็นรายทางช่วยลดความกังวล(ว่าจะหลง)..ถ้าไปเอง จำ�นวนมวลหมูส่ มาชิกทีน่ ดั รวมตัวกันมีเกือบ 20 คน เจ้าถิน่ คนเดียว รับมือดูแลไม่ไหว เหมือนจับปูใส่กระด้งไงงั้น ดังนั้น เมื่อเจ้าถิ่นนำ�ไปตั้ง หลักได้ ลูกปูทั้งหลายก็เริ่มแตกแถว(บ้าง) ฉันกับเธอติดอันดับรั้งท้ายใน ทุกเรื่อง ทุกคราวไป จนสุดท้ายเราก็หลุดขบวนไปจริงๆ เพราะมัวแต่หยุด ดูนนั่ กินนี่ ซือ้ โน่น ถ่ายนูน่ เรือ่ ยเปือ่ ย ประสาคนชอบเด็ดดอกไม้รายทาง ข้อเสียคือ มันทำ�ให้เราพลาดโอกาสทีเ่ จ้าถิน่ เดินไปแนะนำ�ญาติมติ รและเล่า ประวัติความเป็นมาไปอย่างน่าเสียดาย ตลาดคลองสวน 100 ปี ในครั้งแรกนั้น...สำ�หรับฉัน จึงถูกมอง ผ่านสายตาอย่างผู้ไปเยือนผสมกับการได้ยินได้ฟังเก็บเล็กผสมน้อยจาก เจ้าถิ่น ที่ทำ�ให้เกิดความรู้สึกด้านบวกต่อตลาดแห่งนี้ ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างของคนที่(เริ่ม)เบื่อตลาดเก่าที่ถูกปลุกขึ้นมาย้อนรอยรำ�ลึกอดีตกัน เป็นทิวแถวด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ซึ่งถ้ามองอีกมุมก็น่าเห็นใจ การพัฒนา 66


ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงน่าจะเป็น ประโยชน์กับคนในพื้นที่ เพราะถ้า คงเอกลักษณ์และบรรยากาศดั้งเดิม ไว้โดยไม่ถูกปรุงแต่ง จะมีคนร่วม สมัยสักกีค่ นทีอ่ ยากไปเดินดู เดินชม จับจ่ายใช้สอยตลาดเก่า...เก่าอย่าง แท้จริง ........................... ถัดมาประมาณ 2 สัปดาห์ ฉันชวนเธอกลับไปตลาดคลองสวน 100  ปี อีกครั้ง ด้วยแผนการเดินทางและเป้าหมายง่ายๆ ที่ตั้งใจจะขับรถเป็น วงกลม...ไปทาง-กลับทาง ถ้าเป็นไปได้ การไม่ย้อนรอยเดิมเป็นนิสัยการ เดินทางที่ฉันชอบเลือกใช้

7


8


เราใช้เวลาไปไม่มากนับจากล้อหมุนจากใจกลางมหานครประมาณ 11 โมงเช้า แวะเด็ดดอกไม้ริมทางกับภาพธรรมชาติงดงามของบรรยากาศ ทุ่งนาสองข้างทาง ไม่ช้านานเราก็ได้นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเกาะติดหม้อเพื่อรอ กินก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ร้านแม่พิมพ์ กันอีกครั้ง ร้านนี้มีน้ำ�ซุปให้เลือก อย่างน้อย 3 อย่างและไส้ปากหม้อ 7 ชนิด ถัดจากนั้นเป็นเวลาลั้น ลา ย้อนทางเดิม(บ้าง)และเดินทางใหม่จากครั้งที่แล้วที่เรายังไม่ได้เดิน ไม่ได้ไป ไม่ได้ดู ของซือ้ ของขาย ของกินมีไม่ขาดระยะ เดินไปกินไปเป็นการช่วยย่อย ได้เป็นอย่างดี ครั้งนี้เราตั้งใจมากินหมูสะเต๊ะ ร้านอร่อยซึ่งอยู่ติด “แป๊ะ หลี” กาแฟโบราณ ที่เจ้าถิ่นแนะนำ�และคราวที่แล้วเราพลาดชิมไป เนื้อหมู นุ่ม น้ำ�จิ้มอร่อย แกล้มกับชามะนาวจากร้านแป๊ะหลีแก้เลี่ยนได้ดี

9


ใช้เวลาที่ตลาดคลองสวน 100 ปีจนเกือบบ่ายสี่โมงเย็น เรามุ่งหน้าไป ตัวจังหวัดฉะเชิงเทราหรือแปดริว้ เพือ่ เดินทางไป ตลาดบ้านใหม่ โดยยึดป้าย บอกทางไปวัดโสธร วันนัน้ ฝนฟ้าตกไม่คอ่ ยจะขาดสาย เราจึงพลาดไม่ได้แวะ เพื่อนมัสการหลวงพ่อโสธร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่พุทธศาสนิกชนต่าง เลื่อมใส (ใกล้ๆ วัดโสธร ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกจุดคือ ปราสาท ทราย) สังเกตป้ายตลาดบ้านใหม่ไปเรื่อยๆ ไม่มีทางหลง ยกเว้นบางจังหวะ ทีอ่ าจต้องตัดสินใจบ้าง แต่สดุ ท้าย ถ้าไม่มเี ป้าหมายคือการตามหาร้านอาหาร บ้านป้าหนูและมองเห็นป้ายร้านแล้ว เราคงขับเลยตลาดบ้านใหม่ไปโดยไม่ได้ ตั้งใจเป็นแน่

10 10


11


สถานที่จอดรถที่เราได้เป็นข้างทางในซอยวัดเทพนิมิต อยู่ถนนฝั่งตรง กันข้ามกับตลาดบ้านใหม่ ซึ่งค่อนข้างจะไม่สะดวกเพราะน่าจะกีดขวางการ จราจร แต่มองเห็นป้ายใกล้เคียงกันบอกว่า ที่จอดรถตลาดบ้านใหม่ 100 ปี ข้ามสะพานไปอีก 50 เมตร จึงคิดว่าน่าจะเป็นกิจจะลักษณะกว่า ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี...เหมือนกัน ดูมีขนาดใหญ่และกว้างขวางกว่า ตลาดคลองสวน แต่ช่วงเวลาที่เราไปถึงนั้นตลาดวายเสียแล้ว ถ้าเป็นไปได้จึง ควรวางแผนการเดินทางโดยเริม่ ต้นแต่เช้าหน่อย เทีย่ วและกินมือ้ เทีย่ งทีต่ ลาด คลองสวนถึงบ่าย ก่อนที่จะมาเดินและหาอาหารเย็นกินที่ตลาดบ้านใหม่ ซึ่ง ยังพอมีร้านอาหารริมน้ำ� เปิดให้บริการอย่างน้อย 1-2 ร้าน คือ ร้านบ้านป้า หนูและตำ�เคียงน้ำ� นอกจากนั้นที่นี่ยังมีร้านอาหารติดริมน้ำ�อีกบางเจ้าที่ดูน่า 12


เร้าใจ เพราะได้ยินลูกค้าถามแม่ค้าว่า “หมด เกลี้ยงเลยเหรอ” น่าจะช่วยยืนยันความอร่อย และบอกถึงจำ�นวนลูกค้าได้ (มีก๋วยเตี๋ยวปาก หม้อด้วยเช่นกันแต่รา้ นปิดใกล้เคียงเวลาตลาด วาย) ฉันกับเธอสิน้ สุดวันทีต่ ลาดบ้านใหม่ ก่อน ที่จะเดาทางเพื่อเข้าถนนหลัก มุ่งหน้ากลับ กรุงเทพฯ โดยใช้ถนนสุวินทวงศ์ ก่อนจะมา ตัดเข้าลาดกระบัง-อ่อนนุช มาออกมอเตอร์เวย์ เข้าถนนพระราม 9 13


บันทึกท้ายการเดินทาง ครั้ง(แรก)นั้นกับครั้งนี้ที่ตลาดคลอง สวน (รวมไปถึงตลาดบ้านใหม่ดว้ ย) เรามอง เห็นว่ามีแม่คา้ นำ�หอยและเต่ามาวางขาย เพือ่ ให้คนซือ้ นำ�ไปปล่อย ได้ยนิ ตัง้ แต่ครัง้ ทีแ่ ล้ว เมื่อมีคนซื้อข้องใจสอบถาม “ปล่อยแล้วไม่ใช่จับมาอีกนะ” “ไม่จับค่า จับไม่ได้ค่ะ ที่นี่ เขาบอกไว้เลยว่า ห้ามจับ ไม่งั้นจะห้าม ขาย” จะเชื่อ(ได้)หรือไม่ คงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล แต่ เราเลือกที่จะเชื่อ....เธอจ่ายเงินเพื่อซื้อหอยขม 1 ขัน กับชีวิตเต่าตัวละ 40 บาท 2 ตัว ก่อนจะนำ�เพือ่ นร่วมโลกทัง้ หมดไปปล่อยลงคลองบริเวณ ใกล้ๆ ขณะที่นำ�ขันไปคืนและกำ�ลังจะออกเดินกันต่อไป เธอหยุดเดิน และมองดูเต่าตัวหนึ่งในกะละมังใบเขื่อง “อยากปล่อยเต่าตัวนี้จัง” ฉันมองหน้าเธอ เรามองหน้ากันอย่างรู้ ความหมาย ขนาดของเต่าตัวเต็มกะละมังคงไม่สามารถแลกได้ด้วยเงิน 40 บาทเหมือนเต่าตัวน้อย มองหน้ากันไปมาก่อนจะเอ่ยถามราคาเพื่อ แลกชีวิตจากคนขาย “ตัวละ 800 ค่ะ” เราตัดสินใจจ่ายเงิน 800 บาทเพื่อแลกกับชีวิตเต่า ซึ่งคงจะมีอายุ หลายสิบปีตัวนี้ โดยไม่ทันได้ฉุกคิดอะไรมากไปกว่า อยากให้อิสระกับ ชีวิตๆ หนึ่ง จนมีคนทักในภายหลังเมื่อเราเล่าให้ฟังว่า เต่าที่เราปล่อย อาจจะเป็นเต่าบก....อ่าาาา 14


ข้ อ ท้ ว งติ ง ข้ อ นี้ ทำ �ให้ เ รารู้ สึ ก จิตใจไม่สบายไปด้วย(ข้ามวันข้าม คืน) จากผู้ซึ่งให้อิสรภาพ เราไม่ ได้ทำ�บุญเพื่อหวังผล แต่ได้กลาย เป็นคนบาปไปโดยความรูเ้ ท่าไม่ถงึ การณ์ เราได้ทำ�คุณบูชาโทษไปโดย ไม่ตั้งใจ...หรือไร มันทำ�ให้เราต้องกลับมาสอบถาม ค้นหาข้อมูล เพื่อที่จะค้นพบว่า วิธีการอย่างที่เราคิดไม่น่าจะใช่สิ่งที่ถูก ต้อง เหมาะสมและเป็นผลดีกับเต่าเลย ฉันพบข้อความจากเว็บไซต์ ชมรมรักษ์เต่า http://www.helplink.net/dev/foundation_detail. php?id=18 บอกไว้ว่า ใครที่คิดว่าการปล่อยเต่าแล้วได้บุญ คงต้องเปลี่ยนความคิดกัน ใหม่ เพราะปัจจุบันเต่าและตะพาบน้ำ�ส่วนใหญ่ที่ถูกปล่อยตามแหล่ง น้ำ�พบว่าบางแห่งเป็นแหล่งน้ำ�ที่ไม่เหมาะสม อาทิ การปล่อยเต่าบกลง บ่อน้ำ�ที่ไม่มีพื้นที่ให้เต่าขึ้นมาพัก ทำ�ให้เต่าจมน้ำ�ตายในที่สุด แหล่งน้ำ� เน่าเสียและมีสภาพเป็นกรด ทำ�ให้เต่าติดเชือ้ โรค ตาบอด ถูกน้ำ�กัดและ เป็นแผล การปล่อยเต่าในแหล่งน้ำ�ขนาดเล็กและคับแคบ ทำ�ให้เต่าอยู่ กันอย่างแออัด เป็นต้น ทั้งหมดนี้ทำ�ให้เต่าต้องทนทุกข์ทรมาน บาดเจ็บ และจบชีวิตลงอย่างเวทนา การปล่อยเต่าเพื่อหวังได้บุญใหญ่กลับอาจ ต้องพบกับบาปมหันต์แทน เป็ น ข้ อ คิ ด และย้ำ � เตื อ นตั ว เองว่ า เงิ น ...บางครั้ ง ก็ ไ ม่ ใ ช่ วิ ธี แ ก้ ปัญหา(ง่ายๆ) เรื่องบางเรื่องก็ควรใช้วิจารณญาณให้มากเท่ามาก โดย เฉพาะเรื่องของ “ชีวิต” 15


16

Korey Story II Ever


Jumper Out

เที่ยวนอก(ประเทศ) เรื่อง/ภาพ by :i_lllive

rland : แดนเนรมิต

17 17


18 18


จาก Chuncheon กลับ Seoul รถบัส มาส่งเราทีส่ ถานี Gwanhwamun เพือ่ ต่อรถไฟ ใต้ดนิ สายสีเขียว ไปสถานี Gangnam เครือ่ ง

ขายตัว๋ อัตโนมัตหิ น้าตาเหมือน MRT บ้านเรา (หรือเรา เหมือนเค้าก็ไม่ร)ู้ แบ่งออกเป็นสายและแยกสี ไขว้กนั ไป มา เราซือ้ บัตร T-Money คนละใบ (ค่ามัดจำ�บัตร 500 วอน แลกคืนตามตูท้ ส่ี ถานีปลายทาง) ค่าตัว๋ คิดตามระยะ ซึง่ 3 วันทีเ่ ราวนเวียนรอบๆ Seoul เทีย่ วนึงใช้ไม่เคยเกิน 1,100 วอนเสียที แต่ละสถานีจะมีตวั เลขกำ�กับชัดเจน สาย ทีว่ ง่ิ รอบๆ Seoul ส่วนใหญ่เป็นตัวเลข 3 หลัก ปลาย ทางของเราได้เลขซ๊วย..สวย น่าเสีย่ งโชค Gangnam เป็น สถานีท่ี 222 ออกจากสถานี Gangnam โกยกระเป๋ากันถูลถู่ กู งั แล้วยังงงได้อกี เพราะป้าย information ของทีน่ ่ี มีถงึ 7 exit แต่ไม่มที น่ี อนของเราในคืนนีอ้ ยูใ่ กล้เคียงเลย จริงๆ แล้วระบบข้อมูลทีน่ ด่ี มี าก เพราะมี แหล่ง ท่องเทีย่ ว, ทีต่ ง้ั โรงแรม และตึกใหญ่ๆ ชัดเจน ทัง้ ข้อมูล ทางออก และภาพแผนที่ แต่จอ้ งจนแผนทีเ่ กือบทะลุ ก็ไม่ เห็นโรงแรม Novotel Gangnam แต่อย่างใด เจ่เจ๊หัวไวรีบงัดนามบัตรโรงแรมไปส่งซิกกับนาย สถานี อาเฮียโทรศัพท์โว๊กว๊ากอยูค่ รูห่ นึง่ ก่อนจะบอกทาง ด้วยภาษาประจำ�ชาติ พร้อมกับเขียนเส้นทางการเดินลงบน ฝ่ามือของเจ่เจ๊ทก่ี �ำ ลังตะลึงพรึงเพริด แต่พวกเราฮากันท้อง 19 19


คัดท้องแข็ง ตัง้ แต่เจ่เจ๊เหยียบแผ่นดินกิมจิ ยังไม่ทนั ครบ 24 ชม. ดี rating แกก็พงุ่ กระฉูดจนเข้าขัน้ ป๊อปสุดขีด แหม...อยูบ่ า้ น ทำ�ไมไม่เป็นแบบนีน้ ะ เราใช้ exit 2 เดินตรงไปตามถนน แล้วเลีย้ วขวาที่ 4 แยก ไม่แปลกใจว่าทำ�ไม โรงแรมนีถ้ งึ ตกสำ�รวจ ถ้า GPS บนฝ่าเท้า ไม่รวน เราเดินมาประมาณ 1.5 km แล้ว จากสถานี ย่าน Gangnam นี้ เป็นโซน พืน้ ทีแ่ พงสำ�หรับทำ�ธุรกิจ น่าจะเทียบได้กบั สีลมบ้านเรา ซีรย่ี เ์ กาหลีหลายๆ เรือ่ ง ไม่ พระเอก ก็นางเอก จะมีออฟฟิศอยูแ่ ถวนี้ แหละ วันดีคนื ดี เราอาจจะพบตัวเองหลุด เข้าไปในเฟรมบ้างก็ได้ ใต้ตกึ สูงหลายตึก เป็น shop สินค้าแบรนด์เนม เครือ่ งสำ�อาง บ้างก็เป็นภัตตาคาร ร้านไวน์ ร้านเหล้า (ซึง่ ยังไม่เปิดให้บริการ สำ�หรับชาวออฟฟิศมา 2020

นัง่ ชิล แถมหลักฐานความชิลก็ยงั มีให้เห็น อยูห่ ลายกอง) พอเช็คอิน เข้าห้อง ก็ให้อยากรู้ว่า เจ่เจ๊ท�ำ ไมมาจองโรงแรมไกลขนาดนี้ สภาพ ห้องดีเกินกว่าจะใช้คำ�ว่าซุกหัวนอนแบบ Backpacker แบบเราเอามากๆ จนนึก หวัน่ ว่าจะนอนแล้วคัน เจ๊โทร.ข้ามประเทศ มาบ่นเอเย่นต์ท่เี มืองไทย โทษฐานที่หูหา เรื่อง ได้ยินว่าเราอยากได้โรงแรมในย่าน ธุรกิจ จริงๆ แล้วเราอยากไปนอนย่าน shopping ต่างหาก


พักแข้งพักขา นอนเกลือกกลิง้ กิน ขนมได้ไม่นาน ชายสี่ เกิดอาการบ้าพลัง ร้องอยากไปเล่นสวนสนุกให้ได้ ฉันเองก็ อยากไปเห็นกับตาว่า ซัมซุงเอเวอร์แลนด์ ทีว่ า่ กันว่า สร้างมาเกทับ ดีสนียแ์ ลนด์ ที่ โตเกียว เพราะติดต่อให้มาเปิดแล้วเล่นตัว จะยิง่ ใหญ่อลังการเพียงไหน เห็นพ้องต้องกันแล้ว เราก็เผ่นออก จากโรงแรมกันอย่างร่าเริง เราเดินลากแข้ง กลับมาทีส่ ถานี Gangnam กันอีกรอบ เพื่อต่อรถบัสสาย 5002 ไปยัง เอเวอร์ แลนด์ ซึง่ ตัง้ อยูบ่ นเนินเขา จากทางเข้า ตีตว๋ั เสร็จ ทุกคนจะได้รบั แถบรัดข้อมือสีเหลือง อ๋อยแบบคนไข้ใน เป็นหลักประกันว่า นี่ คือบัตรเบ่งเล่นได้ทกุ สิง่ อย่าง ทีน่ แ่ี บ่งออก เป็น โซนเครือ่ งเล่น และ Caribbean Bay ซึง่ เป็นสวนน้� ำ และยังมีพพิ ธิ ภัณฑ์ โรงแรม สวนสัตว์ ฯลฯ แต่พวกเรารีบไป ต่อคิวขึน้ รถบัสเพือ่ เข้าชมซาฟารีเป็นทีแ่ รก เพราะไฮไลท์ของทีน่ ค่ี อื “ไลเกอร์” พยาน รักข้ามเผ่าพันธุ์ ซึ่งเกิดจากพ่อสิงโต กับ แม่เสือโคร่ง แถมพวกมันยังเป็นฝาแฝด ไลเกอร์คแู่ รกของโลกเสียด้วย คิวยาวจน พากันต๊อแต๊ ต่อคิวอยูเ่ กือบ 2 ชม. แถวก็ ไม่มที ที า่ ว่าจะสัน้ ลงเลย ฉันแยกวง หลบไป ขึน้ กระเช้าดูววิ มุมสูง แล้วหาทีถ่ า่ ยรูปเรือ่ ย

เปือ่ ย เผือ่ จะเจออย่างอืน่ น่าเล่นบ้าง ดูจาก Everland Resort Guide ช่วงนี้ คือ มิ.ย.-ส.ค. เป็นช่วง Summer Splash จะมี Water parades ในช่วงกลางวัน และการแสดงดนตรีสดในช่วงค่ำ� และใน ฤดูกาลอืน่ ๆ จะมีเทศกาลดอกไม้ประจำ�ฤดู เช่น ทิวลิป กุหลาบ เบญจมาศ ส่วนช่วง Happy Halloween ตามรูปใน Guide ฉันเดาว่าน่าจะเป็นวันเวลาทีส่ วยแทบขาดใจ เพราะใบไม้พากันเปลีย่ นสีไปทัว่ ทัง้ หุบเขา

เดินงงอยู่ครู่ใหญ่ ถึงพบว่าตัวเอง กำ�ลังต่อแถว Columbus Adventures (หรือทีบ่ า้ นเราเรียกว่า ไวกิง้ ) ดูจากองศา ความลาดเอียงตอนเหวี่ยงขึ้นไปก็น่าจะ เกือบๆ 90 กลับลงมา อวัยวะทุกส่วนยัง อยู่ดี เหมือนปลากระดี่ได้นำ�้ ฉันตะลุย เล่นมันเกือบทุกอย่างทีร่ อไม่เกิน 10 นาที จนอดไปดูเจ้าไลเกอร์ ฝาแฝด เราจบวันที่ 21 21


สนุกสนานและเมือ่ ยขบไปทัง้ ตัว ด้วยการนัง่ นอน หลังกำ�แพงแกรนิตอันบึกบึนนัน้ เป็น ปักหลักรอดูพาเหรด พร้อมกับซัดเบอร์เกอร์ โรงแรม ริทซ์ คาร์ลตัน อันหรูหราสง่างาม ชุดใหญ่เป็นมือ้ เย็นในเอเวอร์แลนด์นเ่ี อง ใต้รม่ ของต้นแปะก๊วยเรียงเป็นแนว แฉลบ ออกนอกเส้นทาง เปิดเข้าไปดู Shop เล็กๆ ของโรงแรมก็พบว่าเก๋ไก๋มาก มีรา้ นดอกไม้ 20 มิ.ย. 52 : ช็อปตัวเอียง และของทีร่ ะลึก แนว Old English ได้ ทีเ่ มียงดง!! ภารกิจในวันนี้ ฉันต้องไปทำ�ธุระทีเ่ จ่เจ๊ แต่เสียดาย เพราะในนัน้ ห้ามถ่ายรูป ฉัน สัง่ เสียไว้ให้ส�ำ เร็จ นัน่ คือ หอบโพยประมาณ นั่งรถไฟสายสีเขียวข้ามแม่นำ�้ ฮั่น แล้วไป 15 หน้ากระดาษ A4 ไปส่งให้เจ้ามือ เอ๊ย!! ต่อสายสีฟา้ ลงสถานีเมียงดง สวรรค์ของขา ส่งร้านเครื่องสำ�อางยอดนิยมที่สาวไทยหัว ช็อป อารมณ์ประมาณสยามบ้านเรา เชือ่ ใจกิมจิทง้ั หลายลิสต์ฝากมาให้ครบถ้วน เจ๊ ว่า ทีน่ ท่ี วั ร์คนไทยต้องได้มาละลายทรัพย์ บอกโค้ดลับแหล่งช็อปมาแค่ เมียงดง กับ นัมแดมุน แต่ฉันเหลือบเห็นช็อป skin food กับ etude อยูข่ า้ งทางระหว่างสถานี กับโรงแรมแล้ว ไม่รวม underground ในสถานี Gangnam อีก อันทีจ่ ริงไม่ตอ้ ง ไปถึงเมียงดงเลย แต่ไหนๆ มาถึงนีแ่ ล้ว ไป เปิดหูเปิดตาซักหน่อยก็ดเี หมือนกัน บน desktop ของโทรศัพท์ วันนีม้ ี icon รูปร่มเตือนอยูอ่ นั บักเอ้บ นัน่ แสดง ว่า ฝนจะตกตลอดทัง้ วัน ฉันเดินออกจาก โรงแรม ข้ามถนนไปซื้อร่มในร้านสะดวก ซือ้ ฝัง่ ตรงข้ามในราคา 3,000 วอน พอข้าม กลับมา ก็เพิง่ สังเกตว่า ติดกับโรงแรมทีเ่ รา 22 22


กันครบทุกกรุป๊ หลายร้านพ่อค้าแม่คา้ ย้�ำ ทุกครัง้ พร้อมกับกดเครือ่ งคิดเลขบอกราคา ว่า ทูมา่ ทูมา่ (ถูกมาก ถูกมาก) กะเหรีย่ ง ได้รับแจกแผนที่ของย่านนี้อย่างละเอียด ประหยัดเวลาไปได้เยอะ ถึงแม้ฝนจะโปรย ลงมาไม่หยุด แต่ท�ำ อะไรขาช็อปไม่ได้เลย สองฟากถนนหนุม่ ๆ สาวๆ เดินขวักไขว่ เข้าร้านโน้นออกร้านนี้ ทุกหน้าร้านจะมีกล่อง ใส่ถงุ พลาสติกยาวๆ ไว้ให้เสียบร่มเปียกๆ ก่อนถือติดตัวไป ร้านเขาจะได้ไม่เฉอะแฉะ ก่อนออกจากร้านก็รดู ออกไป re-use ได้ อีก เป็นไอเดียทีแ่ จ่มจริงๆ ฉันเจอร้านเครื่องสำ�อางที่รับมอบ หมายให้มาส่งโพยถึงยีห่ อ้ ละ 2-3 shop ดักแทบทุกมุม น้องคนขายกุลกี จุ อบริการ อย่างน่ารัก เมือ่ เห็นปริมาณออร์เดอร์ น่า แปลกที่ร้านพวกนี้ นิยมเอาหนุ่มๆ นัก ร้องบอยแบนด์ ไม่ก็ดาราค่าตัวแพงอย่าง เบ ยอง จุน หรือแม้แต่ เรน มาเป็น presenter แทบทุกร้าน ตัง้ คัทเอาท์ขนาด เท่าตัวจริงยืนยิ้มแป้นเรียกลูกค้าอยู่หน้า ประตู fast food ชือ่ คุน้ ๆ อย่าง ดังกิน้ โดนัท, เบอร์เกอร์คงิ , พิซซ่าฮัท ฯลฯ มีทกุ มุมถนน ลองมองหา logo ทีไ่ ม่คนุ้ ดูบา้ ง

ก็เจอ Krispy Cr’me ในตำ�นานเข้า แวะ หลบฝนซือ้ โดนัทอันโตแกล้มโกโก้รอ้ นๆ กิน เป็น brunch อึง้ นิดๆ เพราะทัง้ เหนียวและ หวานพิลกึ ย้ายฐานเข้าร้าน Han’s Deli ได้เบอร์ เกอร์ขา้ วห่อไข่อร่อยเทพมากินหนึง่ จาน โซ้ย ไปศึกษาแผนทีอ่ ย่างละเอียดไป นีฉ่ นั อยูห่ า่ ง จาก shop Onitsuka Tiger รองเท้าใน ดวงใจแค่ไม่กบ่ี ล็อกเท่านัน้ เอง ต้องไปเจิม ซักหน่อย แต่ถอยกรูดออกมาแทบไม่ทนั ไม่ ว่าจะบวก ลบ คูณ หาร เป็นบาท หรือวอน ก็แพงเลือดพุง่ เลยทีเดียว shop ทีม่ าเปิด ในบ้านเรายังเป็นมิตรกว่ามาก ถึงจะมีรนุ่ ให้ เลือกไม่เยอะนักก็เถอะ เดินเล่นเรือ่ ยเปือ่ ยอยูซ่ กั พักก็ถงึ เวลา นัดรับของ ไม่แปลกใจทีเ่ จ่เจ๊ย�ำ้ แล้วย้�ำ อีก ให้ฉนั ลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมาด้วย แต่ ยังไม่สาแก่ใจ ฉันต้องจ่ายเงินซือ้ เป้ใบเขือ่ ง อีก 1 ลูก เพราะมีของทีย่ ดั ลงไปไม่หมด เมือ่ รวมกับกระเป๋ากล้องอีก 1 ใบ ร่มอีก 1 คันแล้ว ฉันก็โซซัด โซเซ ออกจากเมียง ดงในสภาพทีเ่ หมือนอีบา้ กินยาไม่เขย่าขวด สรุปว่า วันทีส่ องของเราในเกาหลี หมดไป พร้อมกับการช็อปปิง้ ท่ามกลางสายฝน ก่อน จะลงเอยที่ wi-fi โรงแรมจนได้ 23 23


21 มิ.ย. 52 : พยากรณ์อากาศบอกว่า ราชวงศ์หมิง รัชกาลของว่านลีฮ่ อ่ งเต้ (ใคร เคยไปเที่ยวปักกิ่ง และได้ไปชมสุสาน “ห้ามกินไก่”

ถ้าไม่ลำ�บากเกินไป ในการเดินทาง แต่ละครัง้ ฉันชอบทีจ่ ะลด level ความ เป็นคน “แปลกหน้า” ของทีน่ น้ั ๆ ด้วยการ ตีตว๋ั เข้าชมพิพธิ ภัณฑ์ หรือของเก่าๆ อย่าง น้อยก็จะได้ “รู้เขา” มากขึ้นส่วนเขาจะ “รูเ้ รา” หรือเปล่า อันนีต้ อ้ งถามป๋าเบ หุหุ Sms ที่ส่งมาพยากรณ์อากาศวันนี้ คือ Mostly Cloudy ฉันทิง้ ร่มไว้ทโ่ี รงแรม แล้วออกสตาร์ทจากสถานี Gangnam อย่างเคย เพือ่ ไปเยือนพระราชวังชางด็อกกุง ซึง่ ได้ชอ่ื ว่า เป็นอีกหนึง่ วังหลวงของราชวงศ์ ทีม่ คี วามสวยงาม เป็นเอกลักษณ์อย่างยิง่ การเข้าชมพระราชวังนีจ้ ะต้องมีไกด์น�ำ และเข้าชมตามช่วงเวลาทีก่ �ำ หนด โปรแกรม บรรยายภาษาอังกฤษจะอยูใ่ นช่วง 11.30, 13.30 และ 15.30 น. พระราชวังชางด็อกกุง เป็นพระราชวังแห่งทีส่ องของราชวงศ์โชซอน ก่อสร้างตัง้ แต่ปี ค.ศ. 1405 เสร็จสมบูรณ์ ในปี ค.ศ. 1412 แต่เมือ่ กองทัพญีป่ นุ่ บุก เข้ายึดกรุงโซลได้ในปี ค.ศ. 1592 ก็ได้เผา ทัง้ พระราชวังแห่งนี้ รวมทัง้ พระราชวังเคียง บกกุงจนราบ ต่อมากษัตริยเ์ กาหลีขอความ ช่วยเหลือไปยังราชสำ�นักจีน ซึง่ ตรงกับสมัย 24 24

ราชวงศ์หมิงที่ชานเมืองปักกิ่ง จะได้เข้า ชมสุสานติงหลิง ซึ่งเป็นสุสานของฮ่องเต้ พระองค์ น้ี) กองทั พ ผสมจี น +เกาหลี ไ ด้ ร่วมกันขับไล่กองทัพญี่ป่นุ ออกจากเกาหลี ได้สำ�เร็จ จึงได้มีการก่อสร้างพระราชวัง ชางด็อกกุงขึน้ ใหม่ในปี ค.ศ.1609 และใช้ เป็นวังหลวงจนถึง ค.ศ.1872 ซึ่งเป็นปีท่ี มีการบูรณะพระราชวังเคียงบกกุงขึ้นใหม่ และใช้เป็นวังหลวงแทน ชางด็อกกุงเป็น พระราชวังทีไ่ ด้รบั การดูแลอย่างรักษาดีทส่ี ดุ ในบรรดาพระราชวังของราชวงศ์โชซอนทัง้ 5 แห่ง ก่อนที่ UNESCO จะประกาศขึน้ ทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1997 ตีตว๋ั เข้าชมด้วยราคา 3,000 วอน จะ ได้รบั แจก Guidebook (เช่นเคย) พร้อม บริการมัคคุเทศน์นำ�ชมและส่งถึงทางออก (สามารถเข้ า ชม โ ด ย ไ ม่ มี ไ ก ด์ นำ � ได้ เ ฉพาะวั น พฤหัสบดี) ด้วย ช่วงเวลา ไม่อาจ จะรอรอบบรรยาย ภาษาอังกฤษอีก


เกือบชัว่ โมงได้ ฉันเลยทำ�เนียนเข้าไปพร้อม กับกรุป๊ ทัวร์จากแดนปลาดิบ คุณไกด์สาวใน ชุดฮันบก นำ�เราชมไปทีละส่วน ไล่ตง้ั แต่ ท้องพระโรงสำ�หรับออกว่าราชการ และ ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง พระตำ�หนัก ทรงงาน พระตำ�หนักชัน้ ใน ทีป่ ระทับของ พระราชินี กลุม่ พระตำ�หนักหลังเล็กน่ารัก ของมกุฎราชกุมาร ซึง่ อยูร่ วมกับห้องสมุด ที่เชื่อมต่อกันด้วยระเบียงยกพื้นโดยรอบ จนถึงส่วนอาคารอันเป็นที่อยู่ของขุนนาง หมอหลวง และข้าราชบริพาร กรุป๊ ทัวร์เดิน ซึมซับบรรยากาศอย่างอ้อยอิ่งจนคุณไกด์ หันมามองค้อนหลายหน ฉันเพิง่ สังเกตว่า ส่วนใหญ่กรุป๊ นีเ้ ป็น คุณป้าคุณลุง ถึงจะไม่ทนั ยุคสงคราม 7 ปี ที่ โตโยโตมิ ฮิเดโยชิ ผูเ้ กรียงไกร ยกพล ขึน้ ฝัง่ ทีเ่ มืองท่าอินชอนเมือ่ 400 กว่าปีทแ่ี ล้ว ก็นา่ จะเกิดทันยุคสงครามโลกครัง้ ที่ 2 ใน ดวงตาเหล่านัน้ เหมือนจะปรากฎแววเศร้า มากกว่ารืน่ รมย์ ถึงแม้ฉนั จะอ่อนภาษาญีป่ นุ่ (ฟังออกแต่ โนบิตะ อานาตะโออาอิชมิ ตั สุ) แต่เดาว่า คุณไกด์คงจะเลคเชอร์ไม่ตา่ งกับ guidebook เล่มเล็กทีถ่ อื อยูใ่ นมือทุกคน มากนัก ในนัน้ หลายๆ หน้าพิมพ์ไว้ชดั เจน ว่า พระตำ�หนัก นัน้ นี้ was burned

down during the Japanese invasion in 1592 ฉันมาอยูต่ รงกลาง 2 ชนชาติท่เี คยทำ�ลายล้างกันและกันด้วยไฟ สงคราม จนทุกวันนีก้ ย็ งั ไม่คอ่ ยชอบขีห้ น้า กันเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยทัง้ คูก่ ว็ ง่ิ แข่งกันบ้าง ข่มกันบ้างในแง่การพัฒนาประเทศ ผู้คน

25 25


และเทคโนโลยี มา จนปัจจุบัน เห็น แล้วอดคิดถึงบ้าน เรากั บ ประเทศ ข้างๆ ขึน้ มาไม่ได้ (ว่าแล้วก็ถอนหาย ใจหลายๆ ที) เ มื่ อ ช ม อ า คารรอบๆ อย่างทัว่ ถึงแล้ว ไกด์พาเราเดิน ลัดเลาะมาตามเนินลาดๆ บนถนนปูด้วย หิน สองข้างทางเป็นป่าเขียวครึม้ ด้วยต้นไม้ ใหญ่ ใบยังฉ่�ำ ด้วยหยดน้�ำ เกาะพราว เพราะ ฝนทีต่ กลงมาเมือ่ วาน ตอนแรกคิดว่าน่าจะ เป็นทางออก จนเห็นเก๋งจีนหลังจ้อยริมสระ บัว ท่ามกลางสวนสวย ฉันก็รอ้ งว้าว..อยู่ ในใจ ทีน่ ใ่ี ช่ไหม?? Secret Garden ทีร่ �ำ่ ลือ แทบจะเห็นภาพสาวงามในชุดฮันบก สีสด พลิว้ ไหว แบบ แด จัง กึม นัง่ ดีดพิณ เปี๊ยะอยู่บนนั้นเชียว ฉันถามไกด์สาวว่านี่ เป็นจุดสุดท้ายทีเ่ ราจะแวะชมใช่หรือไม่ เธอ หลิว่ ตาให้เหมือนรูท้ นั ก่อนตอบว่า “have your time” พอรูต้ วั ว่าแอ๊บแบ๊วเป็นชิซกู ะ ไม่ส�ำ เร็จ เลยกล่าว “คัมซาฮัมนีดา” กับเธอ อย่างอายๆ เป็นการขอบคุณ โอ้เอ้ถา่ ยรูปจนเป็นทีพ่ อใจแล้ว ออก

26 26

จากพระราชวังชางด็อกกุง จากแผนที่พบ ว่าอยูใ่ กล้ๆ กับย่านอินซาดง ซึง่ เป็นถนน สายวัฒนธรรมสำ�คัญที่ไม่ควรพลาดของ เกาหลี และแหล่งรวบรวมร้านขายของที่ ระลึก แกลเลอรี่ งานฝีมอื ทีม่ ชี อ่ื เสียง เช่น กระดาษสา เครื่องปั้นดินเผา ตามซอก เล็กซอยน้อยมีรา้ นกาแฟ ภัตตาคาร ไซส์ กะทัดรัดทีต่ กแต่งน่ารักน่านัง่ รวมถึงมีมมุ เก๋ๆ ให้กดชัตเตอร์เยอะแยะมาก ฉันก้าว ตามกลุ่มตากล้องวัยรุ่นเลี้ยวไปทางด้าน ซ้ายของถนนสายหลัก และพบว่า กำ�ลังเข้า มาในศูนย์การค้าทีอ่ อกแบบได้ฮพิ จนอยาก สรรเสริญสถาปนิกผูอ้ อกแบบเหลือเกิน ตัว อาคารมี 4 ชัน้ สร้างเป็นรูปกล่อง 4 เหลีย่ ม และทำ�พืน้ ลาดเท เราสามารถเดินวนจนรอบ อาคารนี้ได้โดยไม่ต้องใช้บันได พื้นที่ตรง กลางเว้นไว้เป็นลานเอนกประสงค์กลางแจ้ง เดิ น ขึ้นไปเรื่อ ยๆ เจอร้ า นเสื้อ ผ้ า หมวก กระเป๋า ฯลฯ ประทับใจหลายร้าน ทีม่ เี ครือ่ งประดับทำ�มือแบบขายไอเดีย สิน ค้าซ้ำ�ๆ กันนั้นแทบไม่มีเลย ไม่แปลกใจ กับคำ�บอกเล่าว่า อาร์ตตัวพ่อ ตัวแม่ ทัง้ หลายมาชุมนุมกันทีน่ ่ี ขนาดฝาผนัง ราว บันได ขัน้ บันได ยังเต็มไปด้วยจิตรกรรม กราฟิติ โพสต์-อิท และประติมากรรม


(น่าจะ) happening art ทีไ่ ม่รจู้ ะนิยาม ยังไงอีกตรึม บรรยากาศเหมือนเดินอยูใ่ น งานกิฟ๊ ไม่มผี ดิ ออกจากห้างนิรนามได้ความ “แนว” ติดตัวมาพอประมาณ เห็นเกาหลีมุงกลุ่ม หนึง่ กำ�ลังส่งสายตาเอาใจช่วยคุณลุง ท่า ทางสมาร์ท ใช้ฝีแปรงเพ้นท์ภาพใบเฟิร์น เขียวๆ บนเสือ้ ยืด (ทีม่ คี นใส่อยู่ !!!) ก่อน สะบัดปากกาเคมีเป็นลายเซ็นเท่ๆ กำ�กับลง ไป รอบตัวคุณลุงยังมีถงุ ผ้า เสือ้ ยืด และ อะไรๆ ทีพ่ อจะวาดใบเฟิรน์ เขียวๆ ลงไป ได้ตอ่ คิวอยูอ่ กี เยอะมาก หญิงสาวหน้าตา กระเดียดไปทางน้องโซฮี แห่ง วันเดอร์เกิรล์

(แต่เหมือนตอนชุบแป้งทอดแล้วนะ) ทีย่ นื อยูข่ า้ งๆ ปลืม้ คุณลุงเหลือหลาย เห็นฉัน ถ่ายรูปแฟนหนุม่ ของเธอทีก่ �ำ ลังคุกเข่าคว่�ำ หน้าให้แกเพ้นท์กลางหลังอยู่ จึงชวนฉันคุย เป็นการใหญ่ คุยกันอยูเ่ กือบนาที ปรากฏ ว่าไม่รเู้ รือ่ ง (แหงละสิ...คุยเป็นภาษาเกาหลี นี)่ โชคดีทภ่ี าษาอังกฤษของเธอดีพอใช้ เธอ บอกว่าคุณลุงเป็นโปรเฟสเซอร์ท่กี ำ�ลังเป็น ตัวตั้งตัวตีรณรงค์เรื่องลดโลกร้อน และ มีแฟนคลับไม่น้อยยินดีเข้าร่วมแคมเปญ เดียวกันนี้ ถ้าไปไหน เห็นคนใส่เสือ้ ใบไม้ เขียวแบบนี้ก็แสดงว่าคุณลุงแกอยู่แถวนั้น แหละ

27 27


โซฮีไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆ แถม อาสาจะพาเดินเทีย่ วในโซลให้ทว่ั ท่าทางเธอ อยากชิง่ แฟนหนุม่ จนออกนอกหน้า เมือ่ ฉัน ถามหาจุดแวะพักที่น่าสนใจใกล้ๆ เพราะ ทัง้ เมือ่ ยขาและหิวข้าว เธอไม่น�ำ พาแต่กลับ เดินซือ้ เครปกับมันทอดให้ฉนั กินอย่างใจป้�ำ (ส่วนฉันน่ะ ใจง่าย) เราตกลงกันว่า จะไป เทีย่ ว Cheonggyecheon Stream จาก อินซาดง เดินตรงไปจนทะลุถนน ใหญ่ ข้ามไปยังเกาะกลาง จะเจอลำ�คลอง 2828

น้�ำ ไหลเอือ่ ยทีล่ กึ แค่เข่า แต่ใสสะอาด นัง่ แช่ เท้าเล่นเย็นใจได้เลย ทุกๆ 50-100 เมตร จะมีกอ้ นหินขนาดใหญ่ เรียงไว้ให้เล่นตัง้ เต ข้ามไปอีกฝัง่ ได้ ลำ�คลองนีย้ าวถึง 6.5 km สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2005 โดยขุดทางด่วน ทีส่ ร้างทับคลองเดิมทิง้ แล้วผันน้�ำ จากแม่น�ำ้ ฮัน่ เข้ามา โปรเจ็คท์นย้ี ง่ิ ใหญ่ และเป็นผล งานทีโ่ ดดเด่นทางวิศวกรรมอย่างมาก (ได้ ข่าวว่า มีคนใหญ่คนโตบ้านเราไปดูงานมา ด้วย) สองฝัง่ คลองทำ�เป็นฟุตปาธกว้าง เห็น บางครอบครัวปั่นจักรยานมาเที่ยว บ้างก็ หอบเสื่อมานั่งปิกนิกกันตรงใต้สะพานซึ่ง เป็นทีร่ ม่ เท่านัน้ ยังไม่พอ ในลำ�คลองและ ฟุตปาธ ยังมีงานรูปปัน้ น้�ำ พุ น้�ำ ตก และ งานศิลปะอีกตลอดระยะทาง โซฮีคุยเก่ง มาก ให้ความรูแ้ บบไม่มกี ก๊ั จนนึกเกรงใจ แถมยังช่วยถือกระเป๋ากล้องด้วย เมือ่ เห็น ฉันถ่ายรูปเพลินและทำ�ท่าจะลืมไว้ เราเดินชมนกชมไม้ ชมคลองเพลินๆ จนมาโผล่ยา่ นนัมแดมุน โซฮีชวนฉันไปซือ้ หมวกทีร่ า้ นประจำ�ของเธอในห้าง Doota ไว้ใส่ไปเทีย่ วพระราชวังเคียงบ็อกคุงในวัน พรุง่ นี้ ก่อนจะมาส่งฉันถึงชานชาลาต่อรถไฟ ไปยัง สถานีอแิ ตวอน เพือ่ สมทบกินข้าว เย็นกับเจ่เจ๊ เราเจอกลุม่ เพือ่ นสาวชาวญีป่ นุ่


ของโซฮีอย่างบังเอิญด้วย ทุกคนดูเหมือน หลุดออกมาจากหนังสือคาวาอี้ เสือ้ ผ้า หน้า ผม เป๊ะมาก จนฉันร้องสุโค่ยอยู่ในใจ โซฮีบอกว่าเธอชอบผูกมิตรกับเพือ่ นต่างชาติ และไม่สนหรอกว่าประวัตศิ าสตร์จะสอนให้ ลำ�เอียง หรือเกลียดใคร เธอคิดเล่นๆ เผือ่ วันหน้า มีโอกาสไปเทีย่ วประเทศอืน่ จะได้ มีไกด์น�ำ เทีย่ วบ้าง เหมือนอย่างทีเ่ ธอหยิบ ยืน่ น้�ำ ใจให้ฉนั ในวันนี้ เราจึงแลกอีเมล์และ สัญญากันว่า จะได้พบกันอีกครัง้ ทีก่ รุงเทพฯ ก่อนขึน้ รถไฟ เธอและเพือ่ นๆ มองส่งฉัน

และโบกมือลา ฉันยิ้มให้พวกเธอ นึกถึง คำ�ถามสุดท้ายก่อนเราจากกัน “โซฮี...เธอว่าสาวๆ ญีป่ นุ่ สวยไหม” “แล้วเธอมองว่า สาวพม่าน่ารักรึเปล่า ล่ะ” อึง้ ไปเลย โซฮี ซารางแฮโย .................................. (โปรดติดตามตอนจบฉบับหน้า) 2929


Goodtaste

กิน(ดูด)ดื่ม

เรื่อง/ภาพ by :กบบันจี้

ร้านพระราม 9 ไก่ย่าง ถนนพระราม 9 เป็ น ถนนที่ ใ ช้ ประจำ� นับตัง้ แต่มอเตอร์เวย์เปิดให้ ใช้บริการเพื่อเดินทางไป-กลับภาค ตะวันออก แต่กลับไม่ใช่ถนนที่ฉัน คุ้นชินนักเท่าไหร่ เรียกว่าเป็นถนน ทางผ่าน...ก็ว่าได้

วั น หนึ่ ง ถนนเส้ น นี้ ก ลายเป็ น ขา ประจำ� จนต้องพยายามกลับมาทำ�ความ คุ้นชิน ด้วยว่า ส่วนหนึ่งของถนนตัด กับถนนรามคำ�แหง อันเป็นที่ตั้งของ สถาบันสถานศึกษาเก่า 20 กว่าปีล่วง มาแล้ว...แก่อ่ะ ; ) จากเหตุผลเช่นนั้นเอง ทำ�ให้วัน หนึ่ ง สายตาไปสะดุ ด กั บ ป้ า ยสีเหลือง เด่นเป็นสง่า ริมบาทวิถีช่วงหนึ่งของ ถนนพระราม 9 ใต้ทางด่วนที่มุ่งหน้า ไปสนามบินสุวรรณภูมิ 30


พระราม 9 ไก่ย่าง มองเลยเข้าไปแบบแว่บๆ (เพราะ ขับรถอยู่) เห็นร้านคล้ายๆ เพิงอยู่ริม ถนนด้านใน...ขายไก่ย่าง-ส้มตำ�นินา แล้วทำ�ไมคนเยอะจัง!!! ดัชนีตวั วัดความอร่อยสำ�หรับคน ลิน้ จระเข้อย่างฉัน คือ จำ�นวนคน คน คงไม่แห่กันมาได้หนาตาขนาดนี้ จน มองเห็นว่าโต๊ะเกือบเต็มทุกครั้งที่ได้ ผ่านไป เพราะใครมันจะกินซ้�ำ กินซาก ได้ทกุ วัน หลังจากวันนัน้ ร้านพระราม 9 ไก่ย่าง ก็ถูกขึ้นบัญชีดำ�ไว้ว่า ต้อง ขอมาชิม(ส้มตำ�)สักครัง้ เพราะฉันเป็น โรคอะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่เป็นคนไม่กิน เผ็ด แต่ไปไหนต่อไหน ถ้าเจอเมนู

ส้มตำ�เป็นต้องสั่งมากิน แล้วย้ำ�ว่า ไม่ ใส่พริกบ้าง พริกเม็ดเดียวบ้าง พริก ติดครกบ้าง แต่น้อยมากถึงน้อยที่สุด ไม่เคยได้อย่างที่สั่งสักที แม่ ค้ า คงนึ ก ใครมั น บ้ า กิ น ส้มตำ�ไม่ใส่พริก...เสียของแท้ๆ ...........................

31

31


3232

และแล้ ว วั น ที่ ร อคอยก็ ม าถึ ง แบบไม่ตั้งใจ เช้าวันนั้นกว่าจะได้เดิน ทางออกจากที่พักในเส้นทางที่มุ่งหน้า ไปสูม่ หาวิทยาลัยรามคำ�แหง เป็นเวลา เทีย่ งกว่าแล้ว นึกกันว่า จะหาอะไรกิน กันดีหนอ จากบริเวณคลองตันเมือ่ ถึง สี่แยกไฟแดงถนนรามคำ�แหงตัดกับ ถนนพระราม 9 จึงถึงบางอ้อ ตบไฟ ให้สญ ั ญาณเลีย้ วขวา เพือ่ ฝากท้องไว้ที่


ร้านพระราม 9 ไก่ย่าง ซึ่งอยู่เลยจาก แยกนั้นไปนิดเดียว หลังจากจอดรถได้แล้ว ครัง้ แรก ที่มองดูจากภายนอก ฉันนึกในใจ ว่า จะมีที่นั่งไหมเนี่ย เพราะดูผู้คน สับสนวุ่นวายไปหมด ที่สำ�คัญ เรา กำ�ลังหิวอย่างแรงเสียด้วย แต่ปรากฏ ว่า พนักงานต้อนรับกุลีกุจอนำ�ไปยัง โต๊ะว่างที่ยังพอมีให้เลือกนั่งได้ หลัง จากได้ที่นั่ง เราลงมือสั่งอาหารตาม ใบรายการทีท่ างร้านพิมพ์เป็นระเบียบ

เรียบร้อย มีดินสอให้พร้อมประจำ�ไว้ ทุกโต๊ะ เมนูส�ำ หรับ 2 คนในครัง้ แรกนัน้ เราสั่ง ส้มตำ�ไทยถั่วกระจก, ตำ�แตง, ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อน, คอหมูย่าง, กุ้งสดย่างเกลือ ข้าวเหนียว 1 กระ ติ๊บของฉัน ขนมจีน 1 จานของเธอ ส่วนลาบนั้น ไม่แน่ใจแล้วว่าสั่งอะไร มา ระหว่าง ลาบเป็ดอุดรกับลาบปลา ดุก นอกจากนั้นยังมีน้ำ�มะพร้าวอ่อน อีกคนละแก้ว

33 33


อาหารทยอยมาอย่างรวดเร็วและ แม่นยำ� เป็นไปตามสั่ง ส้มตำ�ไทยของ ฉั น จึ งไม่ มี พ ริ ก ปะปนมาให้ นึ ก เคื อ ง ความแปลกของส้มตำ�ร้านนี้คือ การ ใช้ถวั่ กระจกเป็นส่วนประกอบแทนถัว่ ลิสง รสชาติอาหารนัน้ ไม่รจู้ ะบรรยาย อย่างไร รูแ้ ต่วา่ กินอะไรก็อร่อยไปเสีย ทั้งหมด 34

ครั้งแรกที่ฉันซดต้มแซ่บกระดูก หมูอ่อนที่ยังร้อนๆ นั้น รู้สึกได้ว่า แซ่บกำ�ลังดี ไม่เผ็ดเกินไป และเพราะ ความโง่(ที่มาก่อนความฉลาด) ทำ�ให้ ฉันไม่ได้กินกระดูกหมูอ่อน เพราะ คิดว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องฟัน ไม่น่า ที่จะขบเคี้ยวกระดูกอ่อนได้ แต่เธอ


คะยั้นคะยอให้ฉันลองกินอีกครั้ง พบ ว่า กระดูกหมูอ่อน...อ่อนสมชื่อจริงๆ จนรู้สึกเสียดายที่คายทิ้งไปเสียหลาย ชิ้น เพราะความอร่อยของอาหาร เรา กินอาหารกันเกือบหมดเกลี้ยงทุกจาน ยกเว้นอาหารบางชนิดที่เล็งกันไว้แล้ว ว่า สามารถห่อกลับบ้านได้ ใช่แล้ว... เพราะกินแล้วอร่อยนั่นเอง ทำ�ให้ฉัน นึกอยากให้คนที่บ้านได้ชิมบ้าง จึง จั ด การสั่ ง อาหารกลั บ บ้ า นอี ก หลาย รายการที่ยังไม่ได้ชิม เป็นต้นว่า ปลา ทับทิมทอดสมุนไพร, ปลากะพงย่าง เกลือ, ส้มตำ�ไข่เค็ม, กุ้งสดย่างซอส,

ไก่ย่าง รวมถึงเมนูซ้ำ�ที่กินแล้วอร่อย 2-3 รายการ คิดค่าเสียหายออกมา แล้วประมาณ 1,200 กว่าบาท นับว่า คุ้มค่า คุ้มราคากับความอร่อย หลังจากมือ้ นัน้ แล้ว เมือ่ มีโอกาส ฉันยังกลับไปกินซ้ำ�(ได้)อีก แถมยัง ชวนคนในครอบครั วให้ ไ ปกิ น ด้ ว ย กันที่ร้าน เพื่อความอร่อย ส่วนราย ละเอี ย ด ประวั ติ ค วามเป็ น มาและ แผนที่ของร้าน หน้าตาอาหารและเมนู หลากหลาย คลิกเข้าไปอ่านที่ http:// www.praram9kaiyang.com/ ............................. ร้านพระราม 9 ไก่ย่าง เปิดบริการตั้งแต่ 10.00-20.30 น. หยุดทุกวันจันทร์ โทร. 0-2719-8039, 0-2719-9139, 0-81447-3897 *มีบริการส่งถึงบ้าน 35


Movie & Books by : เจ้าชายกบ

นอนดูหนัง(หรือ)นั่งอ่านหนังสือ

นัèงอèÒนหนังÊ×อ..(ÊÒÃคดÕ)ทèองàทÕèÂÇ เนปาลประมาณสะดือ

นิ้วกลม : เขียน พิมพ์ครั้งที่ 2 กุมภาพันธ์ 2550, สำานักพิมพ์อะบุ๊ค จำานวน 408 หน้า ราคาปก 195 บาท

36

“พี่ อย่าลืมเตือนให้หยิบเนปาลประมาณสะดือให้นะ” สาวข้าวใหม่ซอ้ มค้างย้าำ และซ้าำ ในเอ็มเอสเอ็น ข้าพเจ้าแอบ นึกสงสัยจนอดถามไม่ได้ “ทำาไมถึงอยากให้อ่าน” “ไม่อ่านก็ได้ งั้นไม่ต้องเอาไป” อ่าว....ซะงั้น ช่วงที่พบว่าหนังสือแปลเล่มที่เริ่มอ่านไปได้เล็กน้อย ไม่ เร้าใจ แถมยังชวนหลับ จึงขยับหยิบ เนปาลประมาณสะดือ ขึ้นมาสะกด ข้าพเจ้าอาจจะไม่เคยอ่านงานของ นิ้วกลม ที่ได้ฟังว่า หลายคนติดอกติดใจลีลาการเขียน แต่เห็นชื่อ 3 นักเขียนนาม อุโ¦ษณ์ Èุ บุญเลี้ยง, หนุ่มเมืองจันท์, บินหลา สันกาลาคีรี ที่ ปะไว้บนปกว่าเขียนคำานำาให้แล้ว ชักนึกไม่อยากบันทึกการอ่าน หนังสือเล่มนี้เอาเสียเลย เพราะถ้าเกิดอ่านไปแล้วรู้สึกไม่สนุก ขึ้นมาล่ะ!!!


แต่เมื่อเริ่มพลิกอ่านเนื้อเรื่อง เนปาลประมาณสะดือ เป็นที่น่าเสียดาย ว่าข้าพเจ้ากลับรู้สึกสนุก(แหะ) ความหนาของหนังสือ คุณภาพของกระดาษ ไม่ได้เป็นอุปสรรคเท่าไหร่เลย กลับได้กลิ่นกระดาษปรู๊ฟที่คุ้นเคยอีกต่างหาก เสียดายก็แต่รูปภาพ ถ้าเป็นกระดาษชนิดอื่น คุณภาพดีกว่านี้คงแจ่มไปเลย เพราะขนาดแค่กระดาษปรูฟ๊ ยังมองเห็นความงดงามของธรรมชาติจากรูปภาพ ได้ เนปาลประมาณสะดือ กระตุ้นต่อมเดินทางอีกครั้ง มันผสมปนเปไปทั้ง ความอยากและไม่อยาก(ไปเนปาล) นึกภาพความลำาบาก เหน็ดเหนื่อย หนัก หนาสาหัส ในการ Trekking ให้ถงึ ยอดปุลฮิลล์ ขนาดหนุม่ น้อยวัยฉะกัน.... ยังเกือบท้อ แล้วสาว(เหลือ)น้อย วัยเกือบชราเช่นข้าพเจ้า ผูม้ โี รคไขข้ออักเสบ เป็นเครือ่ งรับประกันความเฉือ่ ยชา จะเกิดอะไรขึน้ บ้างถ้าได้มโี อกาสไปตะกาย ดาวกับเขา(สักครั้ง) ถึงอย่างไรเสีย เนปาลก็ยังเป็นประเทศหนึ่งในเป้าหมายของข้าพเจ้า แม้ สังขารอาจจะไม่ให้ Trekking แล้ว แต่บนที่ราบก็ยังเหลือพื้นที่อื่นๆ ที่น่า สนใจอีกแยะ หรืออาจจะฝืนสังขารได้แต่กค็ งต้องใช้เวลาเดินยิง่ กว่าช้ามากกว่า คนปกติ ซึง่ ข้าพเจ้าไม่เคยนึกเดือดร้อนใจ เพราะสำาหรับการเดินทางแล้ว เป้า หมายไม่เคยสำาคัญไปกว่าเรื่องราวระหว่างทาง

37


Movie & Books by : เจ้าชายกบ

นอนดูหนัง(หรือ)นั่งอ่านหนังสือ

เที่ยว 4 ตำาบลด้วยตนเอง

เพลงดาบแม่น้ำาร้อยสาย : เขียน พิมพ์ครั้งที่ 1 กันยายน 2548, สำานักพิมพ์วงกลม ราคาปก 140 บาท

เที่ยว 4 ตำาบลด้วยตนเอง คู่มือท่องเที่ยวสังเวชนียสถาน ทัง้ 4 ในประเทศอินเดียและเนปาล เป็นหนึง่ ในหนังสือชุดคูม่ อื เดินทาง ทีส่ าำ นักพิมพ์วงกลมจัดทำาขึน้ มา ด้วยรูปเล่มและขนาด กระทัดรัดเหมาะสำาหรับพกพาเวลาเดินทาง แต่สำาหรับข้าพเจ้าแล้ว หนังสือชุดคู่มือเดินทางที่ว่า ออก จะสวย หรู กิ๊บเก๋ ราคาแพงเกินไป เหมาะสำาหรับเก็บขึ้นชั้น หนังสือ(มากกว่า)และรูส้ กึ เสียดายทีจ่ ะนำาติดตัวไปสมบุกสมบัน ข้าพเจ้าไม่เคยอ่านต้นฉบับ โลนลี่แพลนเน็ต หนังสือนำา เที่ยวอันเลื่องชื่อระดับโลก แต่เดาว่า หนังสือคู่มือท่องเที่ยว สัญชาตินอกเล่มนี้เอง ที่เป็นแรงบันดาลใจให้สำานักพิมพ์อื่นๆ ทั่วโลก จัดทำาคู่มือการเดินทางท่องเที่ยวขึ้นมา 38


เพราะความที่ เพลงดาบแม่น้ำาร้อยสาย เป็นหนึ่งในนักเขียนในดวงใจ ของข้าพเจ้า จึงไม่เสียเวลาคิดมากที่จะซื้อหนังสือเล่มนี้ ขณะที่ไม่เคยเหลียว แลหนังสือคูม่ อื เล่มอืน่ เลย เพราะข้าพเจ้าเป็นคนขีเ้ กียจ ทีไ่ ม่คอ่ ยขยันทำาการ บ้านเกี่ยวกับการเดินทาง แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ถ้าต้องถึงกับลงมือหาหนังสือคู่มือติดตัวไปจริงๆ หนังสือเล่มนั้นขนาดต้องพอเหมาะมือ กระดาษไม่ต้องหนา หนัก ราบเรียบ ดีขนาดนี้ พร้อมทีจ่ ะสมบุกสมบัน เมือ่ ต้องยัดลงไปในเป้หรือกระเป๋าเดินทาง โดยไม่ต้องห่วง กลัวยับหรือเสียหาย สำานักพิมพ์น่าจะลดต้นทุนเพื่อดึงราคา ให้ต่ำาลงมา แต่ยังใช้งาน ทำาการบ้านได้จริง โดยไม่ต้องรู้สึกเสียดายหนังสือ เมื่อคิดว่า ต้องพลิกไปพลิกมา และอาจต้องทำาเครื่องหมาย, ขีดเขียนลงไป บ้าง ที่สำาคัญ ควรจะเหลือหน้ากระดาษเปล่า เพื่อให้จดบันทึกเล็กๆ น้อยๆ เตือนความจำาระหว่างทางได้ เป็นฉะนี้แล้ว ข้าพเจ้าจึงใช้เวลาอยู่หลายวันพอสมควร กับ เที่ยว 4 ตำาบลด้วยตนเอง หนังสือที่ไม่คิดว่าจะพกไปเพื่อใช้เป็นคู่มือเดินทาง (อย่าง มากก็คงจะจดข้อมูลไป)

39


Movie & Books by : เจ้าชายกบ

นอนดูหนัง(หรือ)นั่งอ่านหนังสือ

ไกลดวงตา ใกล้ใจ

สุดแดน วิสุทธิลักษณ์, วิวั²น์ พันธวุ²ิยานนท์ : เขียน พิมพ์รวมเล่มครั้งแรก กันยายน 2546, สำานักพิมพ์ฤดูร้อน จำานวน 167 หน้า ราคาปก 130 บาท

ไกลดวงตา ใกล้ใจ หนังสือขนาดไม่หนาหนัก เพราะ สำาหรับการพกไปอ่าน ถูกปะหัวไว้ว่า “การเดินทางและข้อเขียน ของนักเรียนมานุษยวิทยา” อาจจะเป็นเพราะปกแท้ๆ ที่ทำาให้ ข้าพเจ้าคิดไปเองว่า หนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นเชิงวิชาการ

40


แต่เมื่อได้ลองเริ่มต้นพลิกเพื่ออ่าน ข้าพเจ้ากลับพบว่า ผู้เขียนทั้ง 2 นำาเสนอเรื่องราวและถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดี แต่รู้สึกเสียดายที่ภาพ ประกอบ บางภาพ บางมุมทีส่ วยงาม กลับถูกจัดวางในระดับและขนาดทีใ่ กล้ เคียงกัน ทั้งๆ ที่พื้นที่ของหน้ากระดาษ มีที่ว่างเหลือเกือบจะมากมาย ...เมื่อ นำามารวมกัน ไม่แน่ใจว่าจะเป็นความตั้งใจของใคร ระหว่างบรรณาธิการ, ผู้เขียน หรือ คอมพิวต์กราฟิก การจัดหน้าจึงดูไม่คอ่ ยเป็นเอกภาพ บางบท บางตอน จึงเหมือนคนละคนจัดหน้า คำาบรรยายที่ใช้ขนาดตัวเล็กมาก...เหลือเกิน จน สว. เช่นข้าพเจ้าไม่สามารถอ่านได้ เพราะเพ่งแล้วปวดตา ไม่เข้าใจว่าทำาไม ต้องประหยัดขนาดตัวถึงขนาดนัน้ ทัง้ ๆ ทีพ่ นื้ ทีใ่ นหน้ายังมีเหลืออีกมาก เพิม่ ขนาดให้ใหญ่ขนึ้ สัก 1-2 ปอยท์นา่ จะได้ ทีส่ าำ คัญ ตัวหนังสือ(ขนาด)เล็กแล้ว ยัง(สี)จมอีก ไม่นับความรู้สึกเรื่องจัดรูปเล่มแล้ว ไกลดวงตา ใกล้ใจ นับเป็นหนังสือ ที่น่าสนใจสำาหรับข้าพเจ้า ที่ไม่อาจตัดสินใจได้จากปก ...ที่ดูเชยๆ และทำาให้ คิดว่าเป็นหนังสือวิชาการได้เลย

41


Movie & Books

by : เจ้าชายกบ

นอนดูหนัง(หรือ)นั่งอ่านหนังสือ

นอนดูหนัง

Dear Galileo หนีไป(เที่ยว)ยุโรป

42


ถึงวันนี้.. ภาพยนตร์ไทย หนีตามกาลิเลโอ หรือชื่อภาษา อังกฤษ Dear Galileo ก็ลาจอไปได้หลายสัปดาห์ (จนอาจ เรียกว่าเป็นเดือน) แล้ว เป็นหนังที่คิดว่า น่าจะดู แต่ไม่คิดว่า จะได้มีโอกาสดูเร็วขนาดเพิ่งเข้าฉายได้แค่ไม่กี่วัน ข้าพเจ้าจำ�ได้วา่ สมัยเด็กๆ เพราะวิชาวิทยาศาสตร์ แท้ๆ ทำ�ให้จดจำ�ชือ่ นักวิทยาศาสตร์คนหนึง่ กาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei) ได้อย่างขึ้นใจ คนอะไร ชือ่ คล้องจองอย่างกับจงใจเล่นคำ� ค้นหาข้อมูลจากเว็บ ไซต์วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี พบว่า กาลิเลโอ เป็น หลายๆ “นัก” ชาวอิตาลี และเป็น “บิดา” ของหลายๆ ศาสตร์..ลูกดกจริงนะ ฮา “การที่ผลงานของกาลิเลโอสนับสนุนแนวคิดของโคเปอร์นิคัส กลายเป็นต้นเหตุของการถกเถียงหลายต่อหลายครั้งในชีวิตของเขา เพราะแนวคิดเรื่องโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาลนั้น เป็นแนวคิดหลัก มานานแสนนานนับแต่ยุคของอริสโตเติล การเปลี่ยนแนวคิดใหม่ว่า ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล โดยมีข้อมูลสังเกตการณ์ทาง วิทยาศาสตร์อย่างชัดเจนจากกาลิเลโอช่วยสนับสนุน ทำ�ให้คริสตจักร โรมันคาทอลิกต้องออกกฎให้แนวคิดเช่นนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะขัด แย้งกับการตีความตามพระคัมภีร์ กาลิเลโอถูกบังคับให้ปฏิเสธความเชือ่ เรือ่ งดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง และต้องใช้ชวี ติ ที่เหลืออยูใ่ นบ้านกักตัว ในความควบคุมของศาลศาสนาโรมัน 43 43


กาลิเลโอ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1642 รวมอายุ 77 ปี เฟอร์ดินันโด ที่ 2 แกรนด์ดยุคแห่งทัสเคนี ต้องการฝังร่างของเขา ไว้ในอาคารหลักของบาซิลิกาซานตาโครเช ติดกับหลุมศพของบิดาของ ท่านและบรรพชนอื่นๆ รวมถึงได้จัดทำ�ศิลาหน้าหลุมศพเพื่อเป็นเกียรติ ด้วย แต่แผนการนี้ไม่สำ�เร็จ เนื่องจากมีผู้คัดค้าน จึงต้องฝังร่างอยู่ใน ห้องเล็กๆ ถัดจากโบสถ์ของพระบวชใหม่ที่ปลายสุดโถงทางเดินทางปีก ด้านใต้ของวิหาร ภายหลังได้ยา้ ยหลุมศพไปไว้ยงั อาคารหลักของบาซิลกิ า ในปี ค.ศ. 1737 หลังจากมีการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติ” (คัดย่อจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

หนีตามกาลิเลโอ Dear Galileo เป็นเรื่องราวของ เพื่อนสาว 2 คน คนหนึ่งหนีเรียน คนหนึ่งหนีรัก ชักชวน กันหนีสภาพแวดล้อมและบรรยากาศเดิมๆ ไปไกลถึงยุโรป เพื่อที่จะค้นพบว่า สิ่งสำ�คัญหนึ่งในชีวิตที่ค้นหานั้นไม่ได้อยู่ ไกลเกินหันไปมอง(เพื่อน)คนข้างๆ เลย 44 44


กาลิเลโอ น่าจะเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อ ถูกนำ�ทฤษฎีว่าด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก มาเป็นประเด็นให้เพื่อนทั้ง 2 เล่นเกม อธิษฐานกันในป่า 100 เอเคอร์ของ พูห์ กับเพื่อนๆ หลังจากได้เล่นเกมพูห์ไปแล้ว และความจริงที่ทำ�ให้กาลิเลโอต้องกลาย เป็นพวกนอกรีตเมื่อประกาศว่า โลกไม่ใช่ ศูนย์กลางของจักรวาล มันทำ�ให้เพื่อนคน หนึง่ คิดได้วา่ ไม่มใี ครคนหนึง่ คนใดหรอก ที่เป็นศูนย์กลางของโลก...ไปได้ ทุกคน ต้องหมุนรอบตัวกัน แต่จะวงเล็กวงใหญ่ แตกต่างกันไปเท่านั้น สิ่งหนึ่งซึ่งถูกใจข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง คือ เพลงประกอบภาพยนตร์ แค่ได้คิดถึง ขับร้องโดย ญารินดา บุนนาค เป็นเพลง หนึ่งซึ่งข้าพเจ้าขึ้นบัญชีเป็นเพลงเพราะกิน ใจตลอดกาล...ส่วนตัว จากการได้ อ่ า นเบื้ อ งหลั ง และบท สัมภาษณ์ ไม่ว่าจะเป็น ดารานำ�แสดง ผู้ กำ�กับฯ (จากภาพยนตร์ เพราะอากาศ เปลี่ยนแปลงบ่อย Seasons Change) ทำ�ให้เห็นถึงความตั้งใจของทีมงาน และ เวลาที่ใช้ถ่ายทำ�แค่ 2 เดือนใน 3 ประเทศ 45 45


46 46


กับปัญหาเฉพาะหน้าทีม่ เี ข้ามาให้แก้ สภาพและสภาวะของอากาศในช่วงเวลา ที่เดินทางไปถ่ายทำ�...ทำ�ออกมาได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว หลังดูจบ ข้าพเจ้าอดทีจ่ ะมีอคติ(ส่วนตัว)บางตอน บางจุดของภาพยนตร์ ไปไม่ได้ อย่างเช่น บุคลิกของ เชอร์รี่ ซึ่งเป็นสาวสถาปัตย์ แต่ไร้ระเบียบ อย่างไม่น่าเป็นไปได้, การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษจากทอร์คกิ้งดิกตอนไป ขอซื้อยาอย่างติดๆ ขัดๆ แต่กลับพูดภาษาอังกฤษตอนหนึ่งได้อย่างชัดเจน ด้วยการใช้ความรู้ด้านวิชาสถาปัตย์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการจัดการสิ่งของ ในที่พัก (แล้วอย่างนี้จะทำ�ให้เธอเป็นคนรุงรังไปได้ยังไงอ่ะ) จนทำ�ให้เพื่อน ใหม่ชาวต่างชาติรู้สึกทึ่งถึงกับชวนให้เธอแสดงนิทรรศการร่วมกัน จนได้ สื่อสารกับชาวอิตาลีที่มาชมนิทรรศการและทำ�ให้ได้งานโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ เมื่อได้ลองตั้งใจฟังมุมมองของพี่สาวและคนข้างๆ ที่ไปดูด้วยกัน “คุ้มจะตาย เสียค่าตั๋ว 120 บาท ได้ไปเที่ยวตั้ง 3 ประเทศ” อืมม...นั่นสินะ คุ้มจะตายไป เครดิตภาพ : http://movie.sanook.com/movie/movie_15763.php http://www.thaicinema.org/kits149galileo.asp เว็บไซต์อ้างอิง : http://hilight.kapook.com/view/37840 http://th.wikipedia.org http://www.deargalileo.com/ 47

47


World of Pooh by : แม่จิบ

โลกของ Pooh.

ไปเยี่ยม น้าข้าวใหม่

48


แต่เดิม ลองวีคเอนด์ (4-8 กรกฎาคม) น้าอ๊บมีโปรเจ็คท์ใหญ่

ลุยแหลก 4 วัน 3 คืนมานำ�เสนอ ชาวคณะตื่นเต้นจะได้ไปเที่ยว ด้วยกันอีกครั้ง แต่มีเงื่อนไข วันหยุด ธุระ ต่างกันไป จึงลดขนาด โปรแกรมลงมา เหลือ 2 คืน 3 วัน และย่ออีกหน่อย เหลือ 1 คืน 2 วัน

49


ในที่สุด มาลงตัวที่ เที่ยว 1 วัน และไม่ต้องค้างสักคืน (น้องภูผิด หวังเล็กน้อย แต่บอกไม่เป็น) โปรแกรมจึงเป็นเที่ยวหลายจังหวัด ในวันเดียว เริ่ ม จากน้ า อ๊ บ ออกจากบางบั ว ทอง มารั บ น้ อ งภู กั บ แม่ ที่ ถ นน รัตนาธิเบศร์ (เมืองนนท์) จากนั้นไปรับน้าแอ๊วที่กรุงเทพฯ และขับผ่าน สมุทรสาคร สมุทรสงคราม คิวสุดท้ายไปรับน้าตุ๊ที่เพชรบุรี จากนั้นมุ่งหน้าไปหัวหินแบบไร้จุดหมาย เอาเป็นว่า ได้ไปสำ�รวจบ้านพัก ทอ.บ่อฝ้าย เพื่อจะไปเที่ยวจริงใน ภายหลัง จากนั้นตุหรัดตุเหร่ สำ�รวจร้านขนมปังฝรั่งเศส เข้าไปในร้านแล้วไม่ผิดหวัง กลิ่นขนมปังออกจากเตาหอมกรุ่น น้าอ๊บกับแม่ได้ชิมกาแฟเย็นเข้มข้นหอมถูกใจ (หวานไปนิด) เราช่วยกันเลือกขนม เพราะน้าอ๊บมีนัดไปเยี่ยม “น้าข้าวใหม่” จุด หมายสุดท้ายทีร่ าชบุรี ตัง้ ใจว่าจะเอาขนมปังไปแจมกาแฟทีร่ า้ นน้าข้าวใหม่ แล้วมื้อเย็นค่อยว่ากัน ดูตามสถานการณ์

50


ร้าน(สกายคลิกอินเทอร์เน็ต) ของน้าข้าวใหม่ น่ารักมาก สะอาด โปร่ง มีของแต่งร้านกระจุกกระจิก วางไว้มุมโน้นมุมนี้แบบไม่กลัวถูกแฮ้บ* มีมุมที่ให้บริการอินเตอร์เน็ท และมุมอ่านหนังสือ ในตู้มีหนังสือทั้งให้เช่า และให้ยืมอ่านฟรี แต่เอาเข้าจริงคงจะอ่านฟรีนั่นแหละ ถัดเข้าไป มีตขู้ องว่าง (มาม่า และขนมขบเคีย้ ว) และตูโ้ ชว์ของทีร่ ะลึก ตุก๊ ตาต่างๆ ซึง่ แต่ละตัวคงจะมีทมี่ าทีไ่ ปไว้เตือนใจน้าข้าวใหม่ สุดท้ายมีมมุ กาแฟ แม่พาน้องภูให้นา้ ข้าวใหม่ดตู ัว ทักทายสวัสดีกนั เสร็จ จึงพานัง่ โต๊ะริม กระจก น้องภูจะได้นั่งวาดรูปในมุมสบายๆ เพื่อให้น้าๆ และแม่ ได้เจรจา กัน พวกเราตั้งใจจะมาจิบกาแฟที่นี่อยู่แล้ว จึงสะกิดน้าข้าวใหม่ ของแม่ กาแฟร้อน น้าแอ๊วชาดำ�เย็น (เสียงแว่วๆ ว่าน้าใหม่มชี าพิเศษอะไรสักอย่าง) น้าอ๊บเอาชามะนาว ส่วนน้องภู ถึงไม่ดื่มกาแฟ ก็ขอมีส่วนร่วม นมร้อน 1 ถ้วย แม่ตามไปดูนติ ยสารออนไลน์เล่มคลาสสิค “บนใบบัว” กับน้าแอ๊วทาง มุมอินเตอร์เน็ท แว่บมาดูน้องภู อ้าวมีขนมคอนเน่ แล้วนั่นอะไร หมูพิ๊งกี้ นัง่ บนโถชักโครก (โดนใจน้องภูอย่างแรง) นีอ่ ะไรอีก ตุก๊ ตาควายตัวไม่เล็ก แม่รู้อยู่แล้ว ของเล่นโถชักโครก เป็นของต้องใจ แต่ไม่ค่อยเห็นน้อง ภูปิ๊งตุ๊กตาอะไรมากมาย นอกจากบาร์บี้แล้วก็ประเภท คิตตี้ ทาโบะ ชิน จัง มิคกี้เมาส์ และมินนี่เมาส์ อย่างอื่นไม่เห็นน้องภูจะเรียกร้อง จากนั้นน้องภูก็ออเดอร์น้ำ�แดงโซดา และมาม่าต้มยำ�

51


รู้แล้วว่าจะทานข้าวเย็นที่ไหน คุณแม่น้าข้าวใหม่ (มาจากใต้) ชี้ชวน แกงส้ม(แกงหลือง) แนมด้วยสะตอ ชาวคณะจึงปักหลัก ดินเนอร์กันที่นี่ละกัน น้องภูทานได้ทุกอย่าง ปลาอินทรีทอด หมู หวาน หมี่กะทิ รวมทั้งแกงส้มเผ็ด ที่น้าอ๊บไม่กล้าแตะ

คุณยาย (คุณแม่น้าข้าวใหม่) เป็นห่วง กลัวน้องภูทานไม่ได้ จะ ให้เจียวไข่เพิ่ม ที่ไหนได้ น้องภูสู้ไม่ถอย พอทานเสร็จน้องภูบอก “น้องภูอิ่มแล้ว มันอ้วน” สายไปแล้วมั้ง ตอนจบ เอาละซี น้องภูกอดตุ๊กตาควาย แล้วถือหมูนั่งชักโครก ไว้ไม่ยอมปล่อย “น้องภูถือได้” น้องภูเริ่ม “ถือได้ลูก เล่นก็ได้ แต่เล่นเสร็จแล้วเอาไปเก็บที่เดิม ไม่ใช่ของ เรารู้ไหม” แม่พูดบ้าง “รู้ครับ..น้องภูถือเอาไปที่รถได้..ได้...แม่จิบพูด..ได้..” เอาอีกแล้ว น้องภู ไหนบอกรู้ครับ “อ๊บ..เอ็งมานี่” แม่หาพวกบ้าง กะว่าจะถามถึงที่มาของ 2 อย่างนี้ ซื้อได้ที่ไหนจะได้ช่วยกันกล่อมน้องภูให้รอซื้อใหม่ 52


น้องภูยังคะยั้นคะยอ ให้แม่พูด “ได้” จนคุณยายสงสารบอกน้าข้าวใหม่ ให้น้องไปเถอะ น้าข้าวใหม่รีบอนุญาต แม่เกรงใจจริงๆ สมควรแก่เวลา พวกเราจึงร่ำ�ลากัน แม่วา่ ถ้าน้าอ๊บมาเยีย่ มน้าข้าวใหม่อกี สงสัยน้าข้าวใหม่คงหวัน่ ใจพิลึก มีน้องภูมาด้วยหรือเปล่า ยังไงละก้อ ให้ส่งซิก*ก่อนละกัน จะได้เคลียร์พื้นที่ เก็บของเร้าใจน้องภูให้พ้นตา

หมายเหตุจากบอกอ แฮ้บ : จิ๊ก ขโมย, ซิก : สัญญาณ

53


Pic & Post by : น้าอ๊บ

การ์ดเขียนคำ� ภาพเล่าเรื่อง

อันเนื่อง มาจาก..... 54 5454


เรื่องของเรื่องมันเริ่มมาจาก วันคล้ายวันเกิดของ น้องสาวร่วมโลกนาม “ข้าวใหม่” เมื่อต้นปีนี้นี่เอง

ที่ฉันไปเดินหาของที่ระลึกให้เธอ โจทย์ไม่ยากเพราะดูเหมือนคำ� ตอบจะคล้ายๆ เวลาที่ใครต่อใครนึกจะให้อะไรฉันสักชิ้น มักจะ หนีไม่พ้นสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับชื่อเล่นของฉัน แต่ละคนจะมีชอื่ เรียกเล่นแตกต่างกัน ตามพ่อแม่เรียก ตาม พี่น้องเรียก ตามเพื่อนเรียก ตามสรีระ อุปนิสัย ของโปรด ฯลฯ กระทั่งบางทีก็เอาชื่อพ่อแม่มาเรียกเล่นกัน- - ถมไป แต่ “ข้าวใหม่” ยังคงเป็น ข้าวใหม่ เพียงแต่สัญลักษณ์ที่ ยัดเยียดให้กันแทนตัวเธอคือ หมู ; ) นัยว่าเวลาหาซื้ออะไรให้ จะได้ไม่ยากเย็น ดังนั้น หมู จึงเกือบๆ จะกลายเป็นของสะสม ของเธอไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วสายตาฉันก็หันไปเจอเจ้าหมูสีชมพูบนชักโครกตัวนี้ อันทีจ่ ริงไม่เชิงเห็นพิงกีต้ วั นีก้ อ่ นหรอก แต่เห็นเจ้ากบตัวเขียว นัง่ หน้าบูดหน้าเบี้ยว บนโถชักโครก มีประโยชน์ใช้สอยคือ ก้นหมู มีแม่เหล็ก ส่วนโถชักโครกเป็นที่เก็บคลิบหนีบกระดาษ สอบถาม ราคาจากพนักงานขาย ได้ความว่า สัตว์ที่นั่งหน้าบูดเบี้ยวบนชุด ชักโครกในวันนั้นมีทั้งหมด 3 ตัว คือ กบตัวเขียว หมูพิงกี้ และ เจ้าตัวเหลืองที่ฉันอนุโลมเองว่าเป็นลูกเจี๊ยบ หุหุ 55

55


หลังจากส่งมอบหมูพิงกี้กันไปเรียบร้อย อีกไม่กี่เดือนต่อ มา ฉันมีเหตุต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล ข้าวใหม่ถ่อมา จากราชบุรีเพื่อมาเยี่ยม หอบนมกระป๋องหนาหนักมาตามคำ�สั่ง พี่เสือสาวพร้อมแนบการ์ดทำ�เองใบหนึ่งมาให้ เป็นภาพ เจ้าหมูสีชมพู นั่งหน้าบูดเบี้ยว น้ำ�ลายไหลยืด อยูข่ า้ งๆ โถชักโครก พร้อมข้อความภาษาอังกฤษด้านล่าง ..get well soon na ka.. ซึ้งกินใจได้ดีพอสมควร แต่ส่วนข้อความ ทีใ่ ยโยงมาจากปากหมู อ่านได้ความว่า หายเร็วๆ แข็งแรงไวๆ โต วันโตคืน อย่าดื้ออย่าซนนะคะ...น่ะสิ มันทำ�ให้น่าตบจูบเจ้าของ การ์ดเสียจริง

56 56


เจ้าหมูสีชมพูกลับมามีบทบาทอีกครั้งและทำ�ให้ นึกถึงการ์ดใบนี้ ก็เพราะเมื่อกลางปี น้องภู ผู้คลั่ง ไคล้โถชักโครก (นอกเหนือจากพัดลมและตุ๊กตาบาร์ บี)้ ได้มโี อกาสไปเยีย่ มเยือนร้าน(น้า)ข้าวใหม่กบั พวก เราด้วย นำ�มาสู่เรื่องราวโลกของ Pooh. ในปักษ์ เดียวกันนี้เอง น้องภูคงบังเอิญเจอพิงกี้ตัวนี้เข้าจาก มุมใดมุมหนึ่งของประดาชั้นหลากหลายในร้านสกาย คลิกอินเทอร์เน็ต แล้ ว อย่ า งนี้ จ ะเหลื อ เหรอ- - -เสร็ จโจร (น้องภู) สิ....ฮา 5757


Lover

เรื่องรัก(ร้าง) by จินตา จุลกะ

ใ น พ า ยุ “พี่เคยไว้ผมยาวด้วยหรือ” “นานแล้ว... ตอนนั้นอกหัก” หลังถ้อยคำานั้นหล่นร่วง..หัวใจฉันเหมือนปลิวคว้างหายไปในพายุ พายุที่หมุนวนอยู่ในอัลบั้มรูปถ่าย ภาพแล้วภาพเล่า.. .... เป็นเวลาเกือบครึ่งวัน...ที่ฉันนั่งจมตัวเองอยู่ข้างหีบเหล็กใบใหญ่ ข้างในนั้นเต็มไปด้วยความทรงจำามากมายที่ปรากฏตัวอยู่ในรูปถ่าย ซึ่ง ฉันแอบนึกเล่นๆ อยากให้รปู ภาพเหล่านีเ้ คลือ่ นไหว เพือ่ ซ้าำ ภาพเหตุการณ์ ได้เหมือนจริงอย่างในหนังบางเรื่องที่เพิ่งดูมา .. โดยลืมคิดไปว่า ใน ความจริงแล้ว ภาพแห่งความทรงจำาของคนเรายังคงเคลือ่ นไหวอยูเ่ สมอ.. อย่างน้อยก็ในหัวใจเจ้าของความทรงจำานั้น ..............

58

58


พิจารณามองดูภาพถ่ายตรงหน้า.. คนใน ภาพมีขนตาดำาขลับ เส้นผมดกและมีสีดำา เหมือนกาน้าำ ริมฝีปากสีชมพูออ่ นซึง่ ออก แดงระเรือ่ ในบางภาพ และดวงหน้าได้รปู นั้น สำาหรับฉันแล้ว.. เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก คนหนึ่งเลยทีเดียว และภาพถ่ายของเธอเหมือนมีชีวิต.. เพราะเมื่อเวลาเธอยิ้ม.. ใช่ยิ้มเพียงริมฝีปาก หากแต่ดวงตาของเธอนัน่ ต่างหาก.. ทีก่ าำ ลังบอกเล่าถึงเรือ่ งราวแห่ง ความสุขให้โลกรู้ และก็เป็นดวงตาคู่เดียวกันนี้กับบางเวลา.. ที่เหม่อมองไปข้างหน้า มันทำาให้ฉันรู้สึกอยู่เสมอว่า.. ต่อให้จักรวาลนี้กว้างไกลเพียงไร ก็คงไม่ไกลเกินหัวใจดวงนั้นจะโบยบินไป ............... พลิกดูแต่ละหน้าช้าๆ.. ใบหน้าของคนคุ้นเคยที่อยู่ในวันคืนต่างๆ กันจากเด็กผู้หญิงตัวเล็กอ้วนจ้ำาม่ำา ผูกผมเป็นช่อไว้กลางกระหม่อม หน้าตาน่าเอ็นดู จนถึงเด็กสาวผมสั้นในวัยใส ใส่แว่นกลมหนา 59


และผู้หญิงผมซอย ท่าทางทะทัดทะแมง ที่ฉันแอบคิดไปเองว่าผม ที่ดกดำานั้นไม่เคยยาวไปมากกว่าภาพที่เคยได้เห็น ถ้าไม่สะดุดตาที่บางภาพ.. ..... มันเป็นเช่นนี้เสมอไปหรือเปล่า.. ทีเ่ มือ่ เราได้ดกู ารเดินทางผ่านวันและวัยของตัวเราเองผ่านภาพถ่าย ก็เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่คืนวันเก่าๆ ของเราอีกครั้ง .......... และมันเป็นเช่นนี้เสมอไปหรือ ที่เมื่อเราได้เฝ้าดูการเดินทางผ่านวันและวัยของใครสักคนจาก ภาพถ่ายของเขา ก็ราวกับว่า.. เราได้เดินทางเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง โลกที่เราเปรียบเสมือนคนแปลกหน้า แต่ทว่ายังอุ่นใจ..เมื่อได้มองเห็นบางคนที่คุ้นตาในมุมที่ต่างออกไป ได้อมยิ้มกับท่าทางที่เราไม่เคยเห็น ได้วูบไหวเมื่อได้เห็นบางคนที่ว่านั้น กับใครอีกคน

60 60


แต่ขณะเดียวกันเราก็ได้ทำาความรู้จักกับเบ้าหลอมแห่งชีวิตเขา อย่างเงียบๆ และบอกกับตัวเองว่า.. เราควรเข้าใจ และยอมรับ กับทุกรอยเท้าแห่งการเดินทางเหล่า นั้น เพราะทุกอย่างทำาให้..เขาเป็นเขา.. อย่างวันนี้ ................ ท่ามกลางพายุ ฉันได้มองเห็นเธอ.. ในร่องรอยวันของอดีต ในร่องรอยของความรัก.. ฉันไม่รู้หรอกว่าบนโลกใบนี้มีเส้นทางรักกี่เส้นทางให้เราใช้เลือก เดิน แต่หวั ใจฉันบอกว่า.. เธอตัง้ ใจ..และเต็มใจ.. กับทุกทางทีไ่ ด้เลือก แล้ว และหากคนเราจะสามารถไปถึงจุดหมายได้โดยใช้เพียงเส้นทาง เดียว เราก็คงจะไม่ต้องเห็นใครทำาน้ำาตาหล่นบนถนนสายนี้.. ซ้ำาแล้วซ้ำาเล่า .............. และท่ามกลางพายุ.. ฉันมองเห็นหัวใจดวงหนึ่ง.. กำาลังโบยบิน 6161


Tree of life

ต้นไม้ใบหญ้า(อ่อน) เรื่อง / ภาพ by : ข้าวใหม่

“ทับทิม” (ผลและต้น) ไม้มงคล

62 62 62


ทักทายฉบับนีด้ ว้ ย ไม้พมุ่ สูง 2-5 เมตร กิง่ เล็กๆ มักเปลีย่ น เป็นหนามแหลมใบเดีย่ ว เรียงตรงข้าม รูปวงรีแกมขอบขนาน กว้าง 1-2 ซม. ดอกสีสม้ กลีบรองดอกแข็งแรง ผลสีสม้ จนถึง สีแดงกินได้ (และอร่อยด้วย) อีกทั้งชื่อก็เป็นมงคลด้วยค่ะ ความรู้สึกแรกที่นึกถึงทับทิม คือความเป็นผลไม้ไทยแท้ (และจีนแท้ ด้วยค่ะ) ทำ�ไมถึงไม่รู้สึกว่ามีธุรกิจการปลูกสวนทับทิมเพื่อขาย ส่วนใหญ่ จะเห็นปลูกตามบ้านเรือนทัว่ ไป อาจจะเพราะเหตุผลของความเชือ่ เกีย่ วกับ ชื่อที่มงคลเป็นหลัก ทับทิมที่อยู่ในรั้วบ้านนั้นในอารมณ์ของความเป็นไทยแท้ ลูกต้องไม่ โตมาก บูดเบี้ยวกำ�ลังได้ที่ ไม่ต้องแจ่มแบบเพอร์เฟ็กต์ชนิดที่ผ่าออกมา แล้วเม็ดแดงดั่งทับทิม ส่วนใหญ่จะซีดจนเกือบขาว ทีนี้ก็มาลุ้นกันไอ้ซีดๆ ขาวๆ ที่ว่านี่มันจะหวานหรือเปล่า ถ้าหากขาวซีดแล้วยังไม่หวานนี่ท�ำ เอา ข้าพเจ้ารู้สึกว่า “เสียชาติ” ทับทิมจริงๆ เพราะจะคงเหลือความดีเพียงแค่ “ชื่อ” เท่านั้น ทุกวันนี้ เห็นทับทิมเมือ่ ไหร่เป็นอยากกินทุกครัง้ เหมือนมันจะมากกว่า ความชอบจนเลยเถิดเป็นความตะกละ เท่าที่เห็นและเจอในตลาด ทับทิมลูกใหญ่ สภาพของผลสมบูรณ์ มาก เม็ดข้างในโตแดงสมชื่อทับทิมนั้น น่าจะเป็นผลไม้นำ�เข้าเสียมากกว่า รสชาติของทับทิมจะหวานอมเปรี้ยว (ยกเว้นตามรั้วบ้านเหมือนที่กล่าวไป ข้างต้น - - อาจจะจืดค่ะ) หากรูส้ กึ อยากลิม้ รสชาติและหาทับทิมมาปลูกประดับเป็นมงคลในบ้าน นัน้ ไม่ยากเย็นอย่างเมือ่ ก่อนแล้ว แต่เดิมนัน้ จะใช้วธิ เี พาะเมล็ดต่อๆ กันมา เหตุน่าจะเพราะความหวานของเมล็ด (เหตุผลของคนตะกละอีกแล้วค่ะ)

63 63


ปัจจุบันเราสามารถหาซื้อกิ่งพันธุ์ของทับทิมตามร้านขายต้นไม้ทั่วไป ได้ เสียแต่ว่าหากจะปลูกเพื่อจะกินด้วยนั้น ก็ไปลุ้นเอาตอนที่ผลมันออก แล้วนัน่ แหละ แต่หากจะกล่าวถึงสูตรเด็ดเคล็ดลับในการปลูกคร่าวๆ นัน้ ว่ากันว่า ควรปลูกในช่วงต้นถึงกลางฤดูฝน เพราะทับทิมจะดูดซับความ ชุม่ ชืน้ จากธรรมชาติในการเจริญเติบโตได้ดกี ว่าทีเ่ รามารดน้�ำ เอง ส่วนอืน่ ๆ ก็แค่ดูแลรดน้ำ�ให้ปุ๋ยบ้างในฐานะที่อยากกินผล (เอาอีกแล้ว กินอีกแล้ว) ผลของทับทิมนั้นอุดมไปด้วยวิตามินซี และเกลือแร่ต่างๆ ปัจจุบัน เริ่มมีน้ำ�ทับทิมมาให้เราเห็นกันบ้างแล้ว แต่เชื่อเถอะค่ะ สู้ผลสดๆ ไม่ได้ แน่ๆ กินไปคายเม็ดไปได้อารมณ์ด้วย นอกจากมีคุณค่าทางโภชนาการ ทับทิมก็ไม่พ้นได้รับตำ�แหน่งสมุนไพรด้วย เพราะมีการวิจัยออกมาว่า มี สารต่อต้านอนุมูลอิสระ มีประสิทธิภาพสามารถลดภาวะการแข็งตัวของ เลือดจากไขมันในเลือดสูง บรรเทาโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง ส่วนของเปลือกนั้นเชื่อว่า นำ�มาตากแห้งใช้เป็นยาแก้ท้องเดินและโรคบิด ได้ และยังมีคุณสมบัติเป็นตัวต้านอนุมูล อิสระที่ดี โดยมีสรรพคุณลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้านมะเร็งกว่า 13 ชนิด ไม่ให้เพิ่มจำ�นวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำ�ไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ เป็นต้น แม้ว่าส่วนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายดู เหมือนจะเป็นส่วนของผล ยังไม่จบแค่นั้น นะคะ เพราะประโยชน์ทางใจของทับทิมนัน้ อยู่ที่ลำ�ต้นกับใบ ชื่อเสียงเรียงนามอันเป็น

64 64


มงคล ทำ�ให้คนปลูกมีความสุขไปด้วย กิ่งใบทับทิมเป็นใบไม้สิรมิ งคลที่ใช้ ทุกงานที่มีน้ำ�มนต์ประกอบพิธี มีไว้ติดตัวเพื่อคุ้มครองกันภัยค่ะ อีกเคล็ดที่เกี่ยวกับทับทิม เนื่องจากลักษณะที่มีเมล็ดรวมกันมากๆ ชาวจีนจึงเชื่อกันว่า มีความหมายถึงการให้มีลูกชายมากๆ ถึงตอนท้ายสุด ฉบับนี้ออกจะแปลกๆ เสียหน่อยตรงที่กลายเป็น “ต้นไม้” และ “ผล(ของต้น)ไม้” มากกว่าจะเป็นดอกไม้ที่แสนอ่อนหวาน อย่างฉบับก่อนๆ อันนี้ที่จริงนอกจากแอบปลื้มและชอบผลไม้ชนิดนี้ อีก เหตุผลหนึง่ ทีท่ �ำ ให้นกึ ถึงทับทิมขึน้ มาได้นนั่ คือ เกม BARN BUDDY ใน Facebook กว่าจะสะสมแต้ม เก็บคะแนนเพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ ของทับทิมมาปลูกเชยชมได้นับ วันคงน้อยไป เรียกว่าเป็นเดือนดี กว่า บัดนี้ได้ทับทิมมาปลูก (ใน เกม) สมใจแล้ว อดคิดจะหาต้น จริงมาปลูกไม่ได้เหมือนกันแฮะ ด้วยประการฉะนี้ ชื่อวิทยาศาสตร์ Punica granatum Linn. ชื่ออังกฤษ Pomegranate ชื่อวงศ์ Punicaceae ชื่ออื่น พิลา พิลาขาว มะก่องแก้ว มะเก๊าะ Credit ภาพ : http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/6/6b/Pomegranate_fruit.jpg/711pxhttp://campus.sanook.com/story_picture/m/03274_002.jpg http://yeah-we-can.com/images/id_8136.jpg

6565


Notebooks เรื่องเล่าและบันทึก by : รติ จุลกะเศียน

“ณิชา” มา(อีก)แว้ววววววววว จำาย่าได้ไหม? :

ระหว่างมื้ออาหารกลางวันบนโต๊ะกินข้าวที่บ้านคุณปู่ พ่อจ๋าแม่ จ๋าณิชา ป้าๆ อาๆ อยู่กันเกือบพร้อมหน้า “ณิชา จำาคุณย่าได้ไหมคะ” ป้าปลาซึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะฝั่งตรงข้าม เอ่ยถามหลานย่าขึ้นกลางวง “จำาได้ค่ะ” หลานย่าตอบเสียงดังฟังชัด “ทำาไม ณิชาจำาคุณย่าได้ละ่ ” ป้าปลาซ้อมค้าง คิดว่าหลานย่าแอบ มั่วนิ่ม “คุณย่า....แก่” หลานย่าทิ้งคำาสุดท้ายด้วยการหันหน้ามาทาง น.ส.กบ(นาม สมมุติ) ซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างเจ้าหล่อน 66


“แหง่ะ แล้วทำาไม แก่ ต้องหันมาเน้นเสียงลงที่ป้าด้วยอ่ะ” น.ส.กบส่งเสียงโวยวาย หลานย่าหัวเราะเขินตัวเอง...หรือแอบสมน้ำาหน้าป้ากบก็ไม่รุ ; ) ...........................

คิดถึงไหม :

ป‡าปลา(นามจริง) รักและเอ็นดู ด.ญ.ณิชา หลานย่าคนเล็ก พอๆ กับรักลูกและหลานในครอบครัวทุกคน แต่หลานย่าคนเล็ก คนนี้มักจะรู้แกว และชอบเล่นตัวกับป้าปลาอย่างสนุกสนานเป็น ประจำา สม่าำ เสมอ เวลาป้าปลาจะกอดก็ทาำ เป็นวิง่ หนี เวลาจะหอม ก็ต้องไล่จับตัว วันหนึ่งระหว่างหยุดโรงเรียน สถานการณ์ไข้หวัดสายพันธุ์ ใหม่ระบาด เธอกำาลังเล่นระบายสีงว่ นอยูก่ บั น.ส.กบ(นามสมมุต)ิ “ป้าเลี้ยง” ที่บ้านคุณปู่ ป้าปลาแวะเข้ามาฉีดยาให้คุณปู่ โผล่มา เจอณิชา หลังจากไล่กอด ไล่หอมผ่านไปได้พักใหญ่ๆ แล้ว ป้า ปลาแอบเล่นทีหลานกำาลังเผลอ “ณิชา...คิดถึงพ่อไหมคะ” “คิดถึงค่ะ” “คิดถึงแม่ไหมคะ” “คิดถึงค่ะ” “คิดถึงคุณปู่ไหมคะ” 67 67


“คิดถึงค่ะ” “คิดถึงป้ากบไหมคะ” “คิดถึงค่ะ” “คิดถึงป้าปลาไหมคะ” เงียบ....แต่แอบก้มหน้าอมยิ้มไป ระบายสีไป “ฮา...ไม่มีเผลอเลยนะคะ” ป้าปลาหัวเราะขำาแล้วหอมหลานเสียง ดังฟอดไปที ...................................

ถ่ายรูปไหม? :

วันคล้ายวันเกิดพ่อจ๋าของณิชา ใกล้เคียงกับวันคล้ายวันเกิดของอา กวาง ครอบครัว น.ส.กบ(นามสมมุติ) จึงนัดกินข้าวรวบในคราวเดียว อันทีจ่ ริงการนัดกินข้าวแต่ละครัง้ ถ้าไม่ใช่วนั ของพ่อ(และแม่) โดยมาก ก็ถือเอาฤกษ์สะดวกของทุกๆ คนเป็นหลักมากกว่า คราวนี้เรานัดกินอาหารฝรั่ง เพราะพ่ออยากกินมักกะโรนีสตูว์ลิ้น ที่ 13 เหรียญ ซึ่งรู้สึกจะเป็นร้านเดียวที่มีเมนูนี้...แล้วพ่อชอบ ยิงนก นัดเดียวแต่ได้ 2 เรื่อง กินอาหารและร้องคาราโอเกะด้วย 68 68


ห้องคาราโอเกะของที่นี่เป็นสัดส่วน ขนาดจุคนได้ 20 คนดูกว้างขวาง และภูมิฐานสมฐานะครอบครัวเรา ฮา แต่เหนือสิ่งอื่นใดเป็นที่ถูกอกถูกใจ ของนักป่ายและปีนอย่าง ด.ญ.ณิชาเป็นยิ่งนัก เก้าอี้ตัวหนาหนัก เบาะนุ่ม แถมมีสปริงเด้งได้ พื้นห้องปูด้วยพรม ล้มก็เจ็บไม่มาก...หนักกว่านี้ ณิชา เจอมาแล้ว ใครใคร่กิน(อาหาร)...กิน ใครใคร่เล่น...เล่น ใครใคร่ร้อง(เพลง)...ร้อง ใครใคร่ถ่าย(รูป)...ถ่าย ใครใคร่คุย...คุย ป้ากบแอบถ่ายรูปคนนั้นคนนี้ ณิชาวิ่งเล่น ป่าย ปีน มุดใต้โต๊ะ เด้ง บนเก้าอี้ไปมารอบห้องสักพักหนึ่ง เธอเบรคเอี้ยดแล้วถาม “ป้ากบอยากถ่ายรูปณิชาไหม” “จริงเดะ ถ่ายสิคะ” ณิชาหันมาเก๊กหน้าพร้อมชูสองนิ้ว “แชะ!!!” แล้วก็วิ่งเล่น ไต่ขึ้น ปีนลงเก้าอี้ของร้านอาหารต่อไป

6969


Poem

เขียนกลอนเล่นบนใบบัว เรื่อง และ ภาพ by : วาดวลี

วาดวลี

หนทาง 7070


มีถนน หลายสาย เรียงรายรอบ และประกอบด้วยฟากฟ้า - ต้นหญ้า - ฉัน เหนือภูเขาที่เสกสร้าง รอบทางนั้น ประกอบกันเป็นความจำ�อันกำ�ไว้ กลางเมษา ฟ้าขาวจัด ชัดกระจ่าง บนดินสูง ที่ฟ้ากว้าง ตะวันใกล้ ร้อนกลับลด ลมกลับพัด สะบัดไกล ณ ที่นี้ มีดอกไม้ ไม่กลัวร้อน จากทิศเหนือ จากภูผา จากป่าใหญ่ ความคิดถึงจากทางใต้ กลับออดอ้อน เหลียวและลอบมองตรงหน้า เมษาร้อน การจากพราก ไยยอกย้อน รู้สึกหนาว อนุญาต ให้มี ที่นี่เท่านั้น ที่อาจเอ่ย รำ�พัน ถึงวันเก่า สารภาพกับภูดอยและรอยเท้า ว่าฉันเศร้า ที่ตรงนี้ ไม่มีเธอแล้ว.

7171


บนใบบัว BonBaiBua Book พบกันทุกเดือน

BonBaiBua.com

72


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.