ณ จุดสุดท้ายของวาระพิเศษที่เราได้รับมา

Page 1


THE END OF THE SPECIAL TIME WE WERE ALLOWED ณ จุดสุดท้ายของวาระพิเศษที่เราได้รับมา  Toshiki Okada เขียน มัทนา  จาตุรแสงไพโรจน์ แปล บรรณาธิการต้นฉบับ      โช  ฟุกุโตมิ บรรณาธิการบริหาร    อธิชา  มัญชุนากร  กาบูล็อง บรรณาธิการจัดการ        มณฑา  มัญชุนากร ศรรวริศา  เมฆไพบูลย์ ออกแบบปก   รูปเล่ม     พิสูจน์อักษร

ภัคพันธุ์  สมัครสมาน   วัชรา  พิพัฒนาไพบูรณ์   นินนารา

Watashitachi ni yurusareta tokubetsuna jikan no owari by Toshiki Okada Copyright © 2010 Toshiki Okada All rights reserved. Originally published in Japan by Shinchosha (Shincho Bunko), 2010. Thai translation rights in Thailand reserved by Gamme Magie Editions under the license granted by Toshiki Okada arranged through Precog Co., Ltd. ISBN 978-616-7591-58-2 ราคา  150  บาท


จัดพิมพ์ โดย : ส�านักพิมพ์ก�ามะหยี่ 74/1 รังสิต-นครนายก 31 ธัญบุรี ปทุมธานี 12130 โทรศัพท์ : 084 146 1432  โทรสาร : 02 996 1514 Email : gammemagie@gammemagie.com Homepage : http://www.gammemagie.com Facebook : http://www.facebook.com/GammeMagieEditions  พิมพ์ที่ : ห้างหุ้นส่วนจ�ากัด ภาพพิมพ์ 45/12-14,  33  หมู่ที่ 4  ต�าบลบางขนุน  อ�าเภอบางกรวย  จังหวัดนนทบุรี  11130 โทรศัพท์ : 02 433 0026-7, 02 433 8586 โทรสาร : 02 433 8587 Homepage : http://www.parbpim.com จัดจ�าหน่ายทั่วประเทศโดย บริษัทเคล็ดไทย จ�ากัด 117-119  ถนนเฟื่องนคร ตรงข้ามวัดราชบพิธ เขตพระนคร  กรุงเทพฯ  10200 โทรศัพท์ : 02 225 9536-9 โทรสาร : 02 222 5188 Homepage : http://www.kledthai.com



หนังสือเล่มนี้ ได้รับทุนสนับสนุนการแปล และการจัดพิมพ์จาก JAPAN FOUNDATION


ความรื่นรมย์ในวรรณกรรม - คือการดื่มด�่าในลีลาการเขียน เนื่ อ งในโอกาสที่ ห นั ง สื อ เล่ ม นี้ ไ ด้ รั บ รางวั ล เคนซาบุ โ ร โอเอะ (ปี 2008) ซึ่งเป็นรางวัลทางวรรณกรรมของญี่ปุ่นที่ใช้ ชื่อเดียวกับนักเขียนรางวัลโนเบล เคนซาบุโร โอเอะ โอเอะ ได้กล่าวไว้ ในบทวิจารณ์คัดสรรว่าเขาได้ดื่มด�่ากับ “ความรู้สึก ปีติยินดีที่ได้อ่านนวนิยายที่ (แปลกใหม่) เปี่ยมคุณภาพ สรุป ได้ง่ายๆ เช่นนั้นโดยไม่จ�าเป็นต้องน�าค�าคุณศัพท์มาเรียงซ้อน กันเพื่ออธิบายให้มากความ” ส�าหรับผมแล้ว ผมรู้สึกคุ้นเคยกับคุณโทชิกิ โอกาดะ ผู ้ เ ขี ย นหนั ง สื อ เล่ ม นี้ ใ นอี ก ด้ า นหนึ่ ง คื อ ในฐานะผู ้ ก ่ อ ตั้ ง คณะละคร ‘เชลฟิตช์’ (chelfitsch) มากกว่าในฐานะนักเขียน นวนิยาย เขาเป็นผู้เขียนบทละครและผู้ก�ากับการแสดงที่ก้าว สู่เวทีระดับโลกผ่าน TPAM (เวทีแลกเปลี่ยนทางด้านศิลปะ การแสดงระดับนานาชาติ) ซึ่งจัดโดยเจแปนฟาวน์เดชั่น และ ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมากว่า บทละคร การก�ากับการ แสดง รวมถึงศิลปะการเคลื่อนไหวร่างกายที่เขาสร้างสรรค์ ขึน้ นัน้ มีความแปลกใหม่โดดเด่น และได้กลายเป็นคนท�าละคร ชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่นในพริบตา นั่นคือด้านหนึ่งของเขาที่ผม


คุ้นเคย เรื่อง 5 วันในเดือนมีนาคม ที่รวมอยู่ในหนังสือเล่มนี้ เดิมทีเป็นบทละครส�าหรับการแสดงของคณะ ‘เชลฟิตช์’ ที่ได้ เปิดการแสดงในเมืองต่างๆ กว่ายี่สิบเมือง รวมทั้งกรุงเทพฯ และบทละครดังกล่าวได้รับรางวัลบทละครเวทีคิชิดะ คุนิโอะ (Kishida Kunio Drama Award) ด้วยเช่นกันในปี 2005 เมื่อได้ทราบข่าวว่าผลงานของคุณโทชิกิ โอกาดะ ผู้มี ภาพลักษณ์เด่นชัดในฐานะศิลปินคนท�าละครดังที่กล่าวมา ได้ กลายเป็นนวนิยายและได้รบั รางวัลเคนซาบุโร โอเอะ ตอนนัน้ ผมฟังด้วยความรูส้ กึ ยินดีและประหลาดใจ มันเป็นเรือ่ งน่าอาย ที่จะบอกว่าผมไม่ ได้หยิบนวนิยายเรื่องนั้นมาอ่านจนกระทั่ง เมื่อไม่นานมานี้เอง เนื่องด้วยการแสดงมีความแปลกแหวก แนวมาก ผมจึงคาดเดาเอาเองว่า การทีน่ วนิยายเป็นทีย่ อมรับ นัน้ เป็นผลสืบเนือ่ งจากนัน้ และท�าให้ผมมีความรูส้ กึ เหมือนเคย อ่านมาก่อนแล้ว สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ความมหัศจรรย์ในโลกวรรณกรรม ของคุ ณ โทชิ กิ โอกาดะ นั้ น ประการแรกเลยอยู ่ ที่ ลี ล า การเขียนที่ได้อรรถรส มุมมองที่เต็มไปด้วยรายละเอียดกับ ความละเอี ย ดอ่ อ นทางอารมณ์ นั้ น เป็ น สิ่ ง ที่ ป ระจั ก ษ์ รั บ รู ้ ได้ ในโลกแห่งศิลปะการแสดงของคุณโอกาดะเช่นกัน ทว่า ระหว่างที่ไล่อ่านไปตามตัวอักษร จะเผลอลืมจับใจความของ ประโยค สายตาที่ไล่ตามประโยคย้อนกลับไปกลับมา โดย ปกติแล้วประสบการณ์การอ่านเช่นนั้นนับเป็นอุปสรรคต่อการ อ่านนวนิยาย แต่มันกลับมีลักษณะที่ย้อนแย้งในตัวเองคือ น�าพามาซึ่งความเพลิดเพลินใจแบบหนึ่งโดยไม่ท�าให้เกิดความ รู้สึกหงุดหงิด ในทางตรงกันข้ามที่คาดการณ์ ไว้ว่า ประโยค จะมีความยาวต่อเนื่องประมาณหนึ่ง หรือค�าลงท้ายเฉพาะ ต่อเนื่องนั้นกลับผิดคาด เหมือนถูกโยนลงไปเต็มๆ ท่ามกลาง


แรงกระเพื่อมหลัง “ . ” (เครื่องหมายมหัพภาค) ทิ้งไว้ซึ่งความ รูส้ กึ อ้างว้างอันน้อยนิดหรือความรูส้ กึ ปลอดโปร่งสดชืน่ ตรงนัน้ ถ้าจะให้สรุปชัดเจนบนพื้นที่หน้ากระดาษอันจ�ากัดโดยไม่เกรง ว่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแล้ว อาจกล่าวได้ว่า ลีลาการ เขียนที่แสดงให้เห็นผ่านประสบการณ์การอ่านนี้กับโลกทัศน์ ในนวนิยายนั้นเชื่อมโยงสอดคล้องกันด้วยความตั้งใจไม่ ใช่ เหตุบังเอิญ ความแปลกใหม่ที่น่าทึ่งในผลงานของโอกาดะ ในฐานะนวนิยายอยู่ตรงนั้น ผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผลงานชิ้นนี้ ได้รับ การตีพิมพ์เป็นภาษาไทยและปรากฏสู่สายตาผู้อ่านชาวไทย อย่ า งกว้ า งขวาง ภายใต้ ค วามร่ ว มมื อ ระหว่ า งส� า นั ก พิ ม พ์ ที่มีความเป็นมืออาชีพและนักแปลที่มีฝีมือผ่านโครงการ “ทุน สนั บ สนุ น การแปลและจั ด พิ ม พ์ ” (Support Program for Translation and Publication on Japan) ซึง่ เจแปนฟาวน์เดชัน่ เป็นผู้ ให้การสนับสนุน ผูอ้ า่ นชาวไทยจะอ่านหนังสือเล่มนีด้ ว้ ย ความรู้สึกอย่างไรหรืออ่านแล้วรู้สึกอย่างไร ผมอยากจะถาม ความรู้สึกผู้อ่านทีละคนๆ และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือ เล่มนีจ้ ะช่วยจุดประกายให้ผอู้ า่ นชาวไทยมีความสนใจมากยิง่ ขึน้ และน�าท่านสู่โลกวรรณกรรมญี่ปุ่นอันกว้างใหญ่ไพศาล โนริฮิโกะ โยชิโอกะ ผู้อ�านวยการบริหารเจแปนฟาวน์เดชั่น กรุงเทพฯ


จากส�านักพิมพ์ ท�าเล่มนี้ มีแต่คา� ถามค่ะ 1 ในโลกที่ดูประหนึ่งว่าสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นจริงก็ต่อเมื่อได้เห็นผ่าน หน้าจอ ออกสื่อ และสิ่งต่างๆ จบลง เมื่อข่าวนั้นหลุดเลื่อน หายไปหรือเมือ่ มีเรือ่ งใหม่เข้ามาแทนที่ เราจะยืนหยัดด�ารงตน ให้ตระหนักว่า นอกจอพ้นจากนั้นไปแล้ว มันมิได้เป็นเช่นนั้น ได้อย่างไร 2 เรามีทางเลือก มีข้อมูล มีทางออก มีตัวอย่าง อันเพียงพอ ให้กับหนุ่มสาว — ‘เด็กสมัยนี้’ Generation Me ผู้ดูเหมือน ไม่ แ ยแส ไม่ ส นใจ ไม่ ไ ยดี สิ่ ง รอบข้ า ง — แล้ ว หรื อ หรื อ ความจริงไม่ต้องมีก็ได้ สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างจะกลับเข้าร่อง เข้าสู่ช่องทางของมัน ไม่เร็วก็ช้า เหมือนที่คนรุ่นก่อนหน้านี้ หรื อ รุ ่ น ไหนๆ ก็ ไม่เ คยมี อ ะไรพรรค์ นั้ น ที่ ก ล่ า วมาข้ า งบน เหมือนกัน 3 ในเล่มนี้ พล็อตเรือ่ งแรกอาจจะฟังดูหวือหวาน่าฮือฮากว่าเรือ่ ง ที่สอง แต่เรื่องที่สอง ถึงจะนิ่งๆ วนๆ เวียนๆ กระโดดไปมา หากสะท้อนค�าถามชวนฉงนว่า ผู้เขียนซึ่งเป็นผู้ชาย ท�าไม


ถึ ง ช่ า งเข้ า อกเข้ า ใจความคิ ด รู ้ พ ฤติ ก รรมของผู ้ ห ญิ ง ชนิ ด ถอดออกมาทัง้ กระบิได้ขนาดนัน้ หรือเขาใช้หลักการทีว่ า่ I think of a man, and I take away reason and accountability. (ผมนึกถึงผู้ชาย แล้วผมก็ดึงเหตุผลและความรับผิดชอบ ทิ้งไป) เหมือนตัวละครในเรื่อง As Good as it Gets จะอย่างไรก็ตาม... ขอให้มีความสุขในการอ่าน ด้วยไมตรี ส�านักพิมพ์ก�ามะหยี่ ตุลาคม ๒๕๕๙

ค�าเตือน : การอ่านหนังสืออาจท�าให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจนขึ้น


ถึงท่านผู้อ่าน คุณก�าลังเขียนนวนิยายให้ ใครอ่าน? เป็นค�าถามทีน่ า่ สนใจ ไม่น้อย เพราะค�าถามนี้มีความส�าคัญเหมือนกัน แต่ในทาง ตรงกันข้าม มันก็เป็นค�าถามที่ไม่สลักส�าคัญอะไรเลย ถ้าถามผม ผมก็ไม่สามารถตอบค�าถามนัน้ ได้ บางทีอาจจะ เป็นเพราะผมแทบจะไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อน เลยไม่รู้จะ ตอบอย่างไร คือไม่จา� เป็นต้องคิดเรือ่ งพรรค์นนั้ ก็เขียนนวนิยาย ออกมาได้ แต่ครัง้ นีค้ า� ถามนัน้ ได้ผดุ ขึน้ มาในหัวผมเช่นนี้ ท�าไมน่ะหรือ เพราะขณะทีเ่ ขียนนวนิยายสองเรือ่ งนี้ ผมไม่ได้เขียนโดยค�านึง ถึงผู้อ่านชาวไทยเลย เรื่องนั้นแน่ใจได้ ทั้งที่เป็นเช่นนั้น นวนิยายชุดนี้ของผมก็ ได้รับการแปล ออกมาดังที่เห็นอยู่นี้ ท�าให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านที่อ่าน ภาษาไทยได้ มันหมายถึงเส้นทางที่น�าไปสู่พื้นที่ที่ก่อนหน้านี้ ไม่มีหนทางไปถึงนั้นได้เปิดออกอย่างง่ายดาย ไม่มีอะไรที่ น่าจะยินดีมากไปกว่านีแ้ ล้ว ผมขอขอบคุณส�านักพิมพ์กา� มะหยี่ และผูแ้ ปล คุณมัทนา จาตุรแสงไพโรจน์ ที่ได้กรุณาช่วยท�าให้ การจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้เป็นจริงขึ้นมา แม้วา่ ผูเ้ ขียนจะเขียนให้ ใครอ่านก็ตาม ไม่วา่ จะเป็นชุมชนใด ภู มิ ภ าคใด ยุ ค สมั ย ใด — หรื อ กรณี ที่ เ ขี ย นถึ ง บุ ค คลพิ เ ศษ ส� า หรั บ เขา/เธอ แบบนั้ น ก็ มี เ หมื อ นกั น — ทว่ า คนที่ อ ่ า น


งานนั้นก็สามารถสร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับตัวบทนั้นได้ อย่างอิสระตามล�าพัง โดยไม่ต้องสนใจเรื่องที่ว่าเลย นี่เป็น สิ่ ง ที่ น ่ า อั ศ จรรย์ ที่ สุ ด ที่ มี โ อกาสเกิ ด ขึ้ น กั บ ตั ว บท ลั ก ษณะ ความสัมพันธ์ที่มิได้มีผู้ ใดออกแบบไว้เกิดขึ้นระหว่างตัวบทกับ คนอ่านอย่างทีผ่ แู้ ต่งไม่เคยคิดแม้แต่นดิ ขณะเขียนงานนัน้ โดย เฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่เรื่องเช่นนั้นจะเกิดขึ้นเวลาที่ตัวงาน ไปถึ ง มื อ ผู ้ อ ่ า นซึ่ ง อยู ่ ใ นบริ บ ท ในสถานการณ์ แ วดล้ อ มที่ แตกต่าง เช่น ยุคสมัย ภาษา วัฒนธรรม สังคมและการเมือง ณ จุดนั้น มันมีรูปแบบหลากหลายนับไม่ถ้วน ไม่มีพรอื่นใด ที่มอบให้แก่ผู้เขียนตัวบทที่จะวิเศษไปกว่านี้อีกแล้ว ขณะที่ ผมเขียนข้อความนี้อยู่ ผมก็นึกจินตนาการไปคนเดียวว่าจะมี อะไรบางอย่างที่ตัวผมเองก็คาดไม่ถึงบังเกิดขึ้นภายในตัวคุณ ซึ่งเป็นผู้อ่านนวนิยายของผมเป็นภาษาไทย แต่ทว่า หรือไม่ แน่ว่า บางทีผู้คนที่มีชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นในช่วงครึ่งหลังทศวรรษ 2000 ที่ ไ ด้ อ ่ า นหนั ง สื อ เล่ ม นี้ ซึ่ ง ผมอาจจะคาดการณ์ ไ ว้ โดยไม่รตู้ วั ประมาณหนึง่ ในฐานะผูร้ บั ปลายทางทีผ่ มจะส่งมอบ นวนิยายสองเรื่องนี้ให้ สิ่งเดียวกันที่บังเกิดขึ้นภายในใจของ พวกเขาตอนนั้นก็มีโอกาสที่จะบังเกิดขึ้นภายในใจของทุกท่าน เช่นกัน สภาพการณ์นี้ท�าให้ผมรู้สึกประหลาดใจ และส�าหรับ ผมแล้ว นั่นเป็นพรอันวิเศษสุดด้วยเช่นเดียวกัน โทชิกิ โอกาดะ


5 วันในเดือนมีนาคม


14

เดือนมีนาคมปี 2003  ตอนนั้นตึกรปปงหงิฮิลส์ยังไม่เปิด ท� า การ  เวลาเดิ น จากสถานี ร ปปงหงิ ไ ปทางนิ ชิ อ ะซะบุ มุ่งหน้าไปยังไลฟ์เฮ้าส์ชื่อซูเปอร์เดอลักซ์ที่ตั้งอยู่ริมถนน บนทางลาดชันเล็กน้อยแห่งนั้น  พวกเขาก็แค่เดินเลียบไป ตามทางเท้าด้านซ้ายของถนน  พวกเขาหกคนจับกลุ่มกัน เดินไปเรื่อยๆ  เดินคุยกันตลอดทาง  ส่งเสียงดังโหวกเหวก ไม่มีท่าทีจะหยุดหย่อนตั้งแต่ตอนอยู่บนรถไฟสายฮิบิยะแล้ว บรรดาผู้ โดยสารรอบข้างที่นั่งนิ่งอยู่ฟังเสียงนั้นผ่านเข้าหู อย่างจ�าทน  กระนั้นผู้ โดยสารส่วนใหญ่ก็ ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบใจ แค่ไม่รวู้ า่ ควรจะท�าอย่างไร ได้แต่ปล่อยให้ความรูส้ กึ ปัน่ ป่วน ที่ ว่าแย่ง ชิ ง เวลากั บ ความโดดเดี่ ย วอั น มี ค่าไปแต่ โ ดยดี พวกเขาหกคนจั บ จองพื้ น ที่ ใ นตู ้ สุ ด ท้ า ยของขบวนรถไฟ บ้างก็ยืนพิงหลังกับผนังด้านท้ายสุดของตู้รถไฟที่กั้นระหว่าง ผู้ โดยสารกับห้องคนขับ หรือไม่กเ็ อาบริเวณสันหลังถูไถราวจับ ที่ติดผนังในแนวขนานกับพื้น  พลางตะโกนส่งเสียงดังและ ยืนฟังเสียงตะโกนนั้น  เสียงดังลั่นของพวกเขาฟังดูเหมือน 5 วันในเดือนมีนาคม


อยากจะผลักเสียงเสียดสีกับรางรถไฟที่ดังล้อมรอบอยู่ถัด ออกไปด้านนอกตู้รถไฟนั้นให้ถอยห่างออกไป  แต่ไม่เห็นมี ใครพยายามนึกภาพตามนั้น  บรรดาผู้คนที่บังเอิญมาอยู่ ใน ตู้รถไฟเดียวกันไม่ได้ ใส่ ใจสังเกตพวกเขาเท่าไรนัก  บางคน เพ่งมองจอโทรศัพท์หรือแผ่นป้ายโฆษณา  บางคนเพ่งไปยัง ปลายเท้าของพวกเขาด้วยสายตาที่เลื่อนลอย  ทว่าไม่ลดละ ทุ ก คนดู ส งบเสงี่ ย มเรี ย บร้ อ ย  บางคนนึ ก ในใจว่ า เดี๋ ย ว พวกนี้ ค งลงที่ ร ปปงหงิ   ยั ง ไงก็ ท นไปก่ อ นจนถึ ง ตอนนั้ น นั่นเป็นการคาดเดาที่ถูกต้อง  พวกเขาทั้งหกอยู่ ในสภาพ เมามาย  แต่ทุกคนรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันทันที ที่รถไฟถึงรปปงหงิ  ประหนึ่งว่าเมื่อปล่อยให้เป็นไปตาม ธรรมชาติแล้วร่างกายของพวกเขาจะเคลื่อนไหวเช่นนั้น โดยอัตโนมัติ  ดูราวกับว่าพวกเขาถูกประตูที่เปิดดูดออกไป อย่างไรก็ดี  พวกเขาจ�้าเท้าออกจากตู้รถไฟไปอย่างรวดเร็ว แต่กระทั่งตอนนั้นพวกเขาก็ยังคงตะโกนโหวกเหวกคุยกัน เสี ย งดั ง   พวกเขาหกคนไม่ไ ด้ ร วมตั ว คุ ย กั น เรื่ อ งเดี ย ว ประมาณว่าต่างคนต่างคุยกับคนที่อยู่ใกล้ตัว  มิโนเบะคุยกับ ซูซุกิ  อะซึมะคุยกับยูกิโอะ  ยะสุอิคุยกับอิชิฮาระ  มองดูแล้ว คล้ายกลุ่มก้อนกลุ่มหนึ่ง  พวกเขาเมา  เลยไม่ได้สังเกตว่า รอบข้างไม่มี ใครคุยส่งเสียงดังเหมือนพวกตน  แต่นั่นก็แปล ว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะสังเกตหรือปรับท่าที ใหม่มาตั้งแต่ ต้นแล้ว  ระหว่างเดินออกจากตู้รถไฟขึ้นบันไดไปยังช่อง ประตูอัตโนมัติ  เสียงสนทนาของพวกเขายังคงดังต่อเนื่อง ไม่ข าดสาย  ขณะเดิ น เรี ย งแถวผ่านช่อ งประตู อั ต โนมั ติ ช่องหนึ่งไปตามล�าดับทีละคนราวกับร่วมพิธีกรรม  พวกเขา Toshiki Okada

15


16

ก็ยงั ไม่หยุดตะโกนคุยกัน อิชฮิ าระทีย่ นื อยูท่ า้ ยแถวเพิง่ รูต้ วั ว่า ท�าตัว๋ หล่นหายที่ ไหนสักแห่งเมือ่ ใกล้ถงึ คิวตัวเอง เขาหยุดนิง่ ตรงหน้าช่องประตูอตั โนมัตสิ กั พักแล้วเอามือล้วงเข้ากระเป๋า กางเกงคล�าหาตั๋วดูรอบหนึ่ง  แต่หาไม่เจอ  เลยเรียกยะสุอิ ทีก่ า� ลังเดินลอดช่องประตูอตั โนมัตไิ ปตอนนัน้ พอดีให้หยุดก่อน อิชิฮาระพยายามจะเดินลอดผ่านโดยเอาท่อนเอวแนบกับ ก้นของยะสุอิประกบตัวเป็นร่างเดียว  สัญญาณตรวจจับที่ บานประตูอตั โนมัตทิ า� งาน บานประตูพยายามจะปิด แต่ยะสุอิ กับอิชิฮาระใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดเท่าที่จะดึงออกมาได้จาก ร่างกายของพวกเขาที่ก�าลังเมามายโถมตัวสุดแรงทะลุผ่าน ประตูไป  บานประตูไม่ท�างานแล้ว  อันที่จริงไม่ต้องใช้แรง ถึ ง ขนาดนั้ น ก็ ล อดผ่ า นประตู ไ ปได้   แต่ พ วกเขาออกแรง เต็มเหนีย่ วแบบไม่ยงั้ เลยล้มหน้าคะม�า ขณะยืนมองและหัวเราะ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ ใกล้ๆ  ทั้งมิโนเบะ  ซูซุกิ  อะซึมะ ยูกิโอะก็ยังคุยกันเสียงดังต่อเหมือนดิม  พวกเขายังคงรวม ตัวกันเป็นกลุ่มแม้จะเดินขึ้นมาบนพื้นดินแล้ว  เสียงพูดคุย ของพวกเขาระหว่างทางไปไลฟ์เฮ้าส์ดังเพิ่มขึ้นอีกระดับเมื่อ เทียบกับตอนอยู่ใต้ดิน  เป็นเพราะพวกเขาคิดว่าถ้าไม่พูดดัง ขนาดนั้นจะไม่ได้ยินเสียง  อันที่จริงเสียงก็ดังเอะอะมากพอ อยูแ่ ล้ว ไม่จา� เป็นต้องแผดเสียงดังไปกว่านัน้  ไม่ชา้ พวกเขา ก็เริ่มรู้สึกตัว  หลังจากนั้นเสียงตะโกนเลยเบาลงหน่อย  ถึง กระนัน้ ก็ยงั ดังอยู ่ เสียงนัน้ ก้าวข้ามความสับสนวุน่ วายไปถึง อีกฟากฝั่งของถนนรปปงหงิ  แม้ ในยามนี้รถรายังคงวิ่งแล่น ไปมาบนถนนรปปงหงิอยู่ตลอดเวลา  นอกจากเสียงรถแล่น กับเสียงท่อไอเสียแล้ว  ยังมีกลุ่มเสียงต่างๆ นานาที่ทับซ้อน 5 วันในเดือนมีนาคม


กันจนไม่สามารถหยิบยกเสียงใดเสียงหนึง่ มาชีเ้ ฉพาะเจาะจง ได้ว่ามันคือเสียงอะไรกันแน่  เสียงเหล่านั้นถูกมัดรวมเป็น หนึง่ ภายใต้ชอื่ เดียวกันว่า ความสับสนวุน่ วาย แล้วปรากฏตัว ขึน้ คล้ายกระแสน�า้ วนทีม่ องไม่เห็น ต่อจากนัน้ ก็หมุนไปรอบๆ  ละแวกนี้  พลางรับเอาไออุ่นจากอากาศเย็นเยียบยามราตรี แล้วลอยตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ  เมื่อไต่ขึ้นไปได้สูงพอแล้วจึง เริ่มชมทัศนียภาพนี้จากมุมสูง  แสงที่ส่องอยู่กระจัดกระจาย  ยิ่งห่างจากจุดก�าเนิดแสงมากเท่าใดก็ยิ่งพร่าเลือน  เมื่อแสง ที่พร่าเลือนมารวมตัวกัน  มันดูราวกับกลุ่มควันอันหนักอึ้ง เป็นตะกอนนอนนิ่งอยู่ก้นบึ้ง  ยะสุอกิ า� ลังย้อนนึกถึงความหลังตอนอายุสามขวบ ขณะ มองจากจุดชมวิวลงมายังพื้นดินจากบนหอคอยโตเกียวชั้น สูงขึ้นไป  ตอนนั้นเขารู้สึกตกใจที่เห็นรถยนต์จริงดูเหมือนรถ เด็กเล่น  ภาพที่อยู่ ในหัวของเขาคือทัศนียภาพตอนกลางวัน แต่ตอนนี้เขาก�าลังมองภาพจากมุมสูงในจินตนาการพลาง สลับเปลีย่ นภาพประสบการณ์นนั้ เป็นเวลากลางคืน เขาเดิน รัง้ ท้ายกลุม่ ทีม่ หี กคนนัน้ พลางใช้มอื กดจับต้นขาทีบ่ อบช�า้ ตอน เดินทะลุทะลวงผ่านบานประตูอัตโนมัติ  มีรอยฟกช�้าตรง ต้นขาแต่เขายังไม่ร ู้ เขาคุยกับอิชฮิ าระทีอ่ ยูข่ า้ งๆ ตลอดเป็น ระยะๆ  ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว  เรื่องที่คุยมีแต่เรื่องผู้หญิง  ทั้งคู่ เดินอยูข่ า้ งกันตลอด รัง้ ท้ายกลุม่ คนทีป่ ระกอบด้วยคนหกคน ตั้งแต่เดินขึ้นบันไดที่สถานีจนถึงตอนนี้  ทั้งคู่อยู่ ในสภาพ เมามาย ใช้สมองแค่ครึง่ เดียวเลยคุยไม่ปะติดปะต่อ สือ่ สาร กันไม่รู้เรื่อง  ส่วนอิชิฮาระก็เมาตาเยิ้ม  ตอนที่ยะสุอิถาม  อิชิฮาระว่า  ตอนนี้เราก�าลังเดินไปไหนกันวะ  แล้วอิชิฮาระ Toshiki Okada

17


18

ไม่ตอบเลยสักค�า  ที่ ไม่ตอบอาจเป็นเพราะตอนนั้นอิชิฮาระ ไม่ได้ฟังค�าถามเลย  ตัวยะสุอิเองในขณะนั้นก็ก�าลังเดินไป โดยที่ ไม่รู้ว่าพวกเขาก�าลังมุ่งหน้าไปยังไลฟ์เฮ้าส์  ไม่ต้องพูด ถึงเรือ่ งทีพ่ วกเขาก�าลังเดินทางไปที่ ไลฟ์เฮ้าส์ตอนนีเ้ ลย เอา แค่เรื่องไลฟ์เฮ้าส์แห่งนั้นชื่อว่าซูเปอร์เดอลักซ์  ยังไม่รู้ด้วย ซ�้ า ว่ า ในกลุ ่ ม คนหกคนนี้ จ ะมี สั ก กี่ ค นที่ รู ้   อย่ า งน้ อ ยที่ สุ ด ก็มียะสุอิคนหนึ่งที่ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย  ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่มี ข้อสงสัยอะไรทัง้ สิน้  แค่เดินตามอย่างเดียว และเขาก็ ไม่คดิ ด้วยว่าคนทีก่ า� ลังเดินในลักษณะที่ ไม่ใช่การเดินในแบบตัวเอง นั้นมีแค่เขาคนเดียวในหกคนนี้  มี ใครสักคนในกลุ่มอย่าง น้อยหนึ่งคนแผดเสียงดังลั่นแทรกขึ้นตลอดเวลา  ทั้งหกคน มีการสลับต�าแหน่งในกลุ่มเป็นครั้งคราว  เช่น  มิโนเบะกับ ซูซุกิอยู่ ในท่าชะลอฝีเท้าเล็กน้อยแล้วหันกลับไปมองผู้หญิง ที่เพิ่งเดินสวนไป  ระหว่างที่คุยกันไปพลางจ้องมองเรียวขา — อันที่จริงคือด้านหลังของหัวเข่าที่ถอยห่างออกไปเรื่อยๆ — ของผู้หญิงคนนั้น  ราวกับก�าลังประเมินราคากันอยู่นั้น อะซึมะกับยูกโิ อะก็เบีย่ งไหล่หลบเดินแซงทัง้ คูไ่ ป แล้วมิโนเบะ ที่ คุ ย กั บ ซู ซุ กิ ค นเดี ย วมาโดยตลอด  จู ่ ๆ  ก็ หั น มาพู ด อะไร บางอย่างกับอะซึมะและยูกโิ อะถึงผูห้ ญิงทีเ่ พิง่ เดินสวนไปเมือ่ ครู่ อะซึมะเลยพูดตอบอะไรสักอย่างกลับไป  ส่วนยะสุอิได้ยิน เรื่องที่คุยอยู่บ้างแต่ฟังไม่ทันว่าคุยอะไรกัน  ตอนนั้นยะสุอิ  ก�าลังคุยอยู่กับอิชิฮาระพอดี  ประการแรกคือเขาเมามาก  แถมตอนนั้นมีเสียงตะโกนดังลั่นของซูซุกิที่เหมือนพูดพึมพ�า อยู่ค นเดี ย วมากลบทั บ   สรุ ป ว่าฟั ง ไม่ไ ด้ ศั พ ท์ เ ลย  ค� า พู ด ไหลเวียนเป็นกระแสเสียงเมื่อความหมายหมดความส�าคัญ 5 วันในเดือนมีนาคม


ทั้ ง หกคนวิ่ งตาลีตาเหลือกเข้ามาที่ฟลอร์ของซู เ ปอร์ เดอลักซ์เมื่อจวนใกล้เวลาเริ่มการแสดงตอนสองทุ่ม  ก่อน เข้ามาข้างใน  ทั้งหกคนเดินเลยหน้าประตูทางเข้าไปแล้ว หนึง่ ครัง้ โดยไม่รตู้ วั  เดินเลยไปไกลทีเดียว ผ่านไปหลายนาที ถึงรู้สึกตัวแล้วรีบเดินย้อนกลับมา  ป้ายชื่อซูเปอร์เดอลักซ์ เป็นป้ายขนาดเล็กไม่สะดุดตา  หน�าซ�้าทั้งหกคนก็พูดคุยกัน ไม่หยุดปาก  ถึงจะเดินเลยไปแล้วสักพัก  พวกเขาก็ยังคุยกัน เสียงดังโหวกเหวกขณะเดินลงเนินไปเรื่อยๆ โดยไม่สนอกสนใจ  เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง  เมื่อเห็นสี่แยกนิชิอะซะบุค่อยๆ  ปรากฏร่างมหึมาตรงหน้า  อะซึมะเริ่มเอะใจสงสัยขึ้นมาว่า เราเดินเลยมาแล้วหรือเปล่า  แต่ตอนนั้นทั้งหกคนยังคงเดิน ลงเนินต่อไปเรื่อยๆ  เวลาผ่านไปอีกครู่หนึ่ง  คราวนี้อะซึมะ เปล่งเสียงพูดขึ้นมาลอยๆ อยู่คนเดียวว่าสงสัยเราจะเดิน เลยไปแล้วจริงด้วย  ทว่าตอนนั้นทั้งหกคนยังก้าวเดินลงเนิน ต่อไปโดยไม่ชะงักฝีเท้า  จากนั้นอีกครู่หนึ่ง  ในที่สุดคราวนี้ อะซึมะประจักษ์แจ้งที่สุดว่าพวกเขาได้เดินเลยจุดหมาย ปลายทางมาแล้ว เขาหยุดเดินแล้วเปล่งเสียงพูดออกมาดังๆ  ให้อกี ห้าคนได้ยนิ ว่า เฮ้ย สงสัยพวกเราจะเดินเลยมาแล้วว่ะ แต่สุดท้ายแล้วเสียงนั้นกลับกลายเป็นเสียงที่มีแต่ความดัง ฟังดูประหลาดเหมือนพูดพึมพ�าอยู่คนเดียว  อย่างน้อยที่สุด เจ้าตัวเองก็รู้สึกเช่นนั้น  ไม่รู้เหมือนกันว่าท�าไมถึงเป็นอย่าง นั้นไปได้  กระนั้นอะซึมะก็เหลียวหลังกลับ  ชะเง้อมองไปบน ทางลาดชัน จากนัน้ หมุนตัวหันหลังกลับ เดินย้อนไปทางเดิม พอเห็นเช่นนั้น  อีกห้าคนที่เหลือก็เดินกลับขึ้นเนินตามไป โดยไม่ปริปากพูดอะไร  คราวนี้หาป้ายชื่อซูเปอร์เดอลักซ์ Toshiki Okada

19


20

เจอสบายๆ  เพราะทุกคนคอยสังเกตดูทางกันมากขึ้นกว่า ตอนขาไปขณะเดินลงเนิน  ป้ายเรียบไม่สะดุดตาเลย  ทั้ง หกคนจึงพากันโวยวายเสียงดังขึ้นทันทีที่หาเจอ  ทั้งหกคน ในขณะนัน้ ดูเหมือนกลุม่ ก้อนกลุม่ หนึง่  — อย่างน้อยในสายตา คนรอบข้างก็มองเห็นเป็นเช่นนัน้  — ยังบ่นไม่ทนั จบดี  พวกเขา ก็ผลักประตูที่เชื่อมต่อไปยังฟลอร์ ให้เปิดออกและไหลทะลัก เข้าข้างในด้วยสภาพเป็นกลุ่มก้อนเช่นนั้น ทันทีที่ฟลอร์วาบเข้ามาในสายตา  ตอนแรกรู้สึกว่าพื้นที่ นั้นดูแบนราบ  เพดานต�่าเมื่อเทียบกับความกว้างของห้อง  โต๊ะทรงเตี้ยถูกตั้งกระจัดกระจายไปทั่วแบบไม่ ใส่ ใจ  มี โซฟา และเก้าอี้ล้อมรอบโต๊ะแต่ละตัว  วัสดุ  สีและรูปร่างของ ทุกสิง่ อย่างตรงนัน้ ไม่เหมือนกันเลย สีเป็นโทนออก — คือบอก ไม่ได้ชัดเจนเหมือนกันว่าสีอะไร  ฟลอร์ก็มืด  แถมมีแสงสี จากหลอดไฟส่องอีกต่างหาก — เขียวเหลืองหรือม่วง ถูกห่อ หุ้มด้วยวัสดุที่มีขนยาว  มีเก้าอี้สตูลที่ดูหนักอึ้งน่าขยะแขยง ท�าจากพลาสติกเลียนแบบลวดลายจากหนังสัตว์เลื้อยคลาน เป็นสีชมพูที่ ไม่น่าเชื่อว่ามีจริง  มี โซฟาตัวใหญ่ทีเดียวหรือ อะไรคล้ายม้านั่งท�าจากพลาสติก  ซึ่งโดยรวมแล้วดูเหมือน ผลิตจากการเทลงไปในแม่พิมพ์ที่เบี้ยวบิดผิดรูปแม้จะมีแนว เส้นโค้งทีด่ ลู นื่ ไหล เก้าอีส้ ว่ นใหญ่ถกู แขกทีม่ าถึงก่อนจับจอง ไปแล้ว เวทีอยูต่ รงผนังด้านทีห่ า่ งจากประตูทางเข้ามากทีส่ ดุ มีแสงไฟสีขาวส่องสว่างทั่วพื้นเวที  มีไมโครโฟนแบบตั้งพื้น กีตาร์  แอมป์  เก้าอี้พับวางอัดแน่นอยู่ ในบริเวณนั้น  และ มีสายไฟอุปกรณ์ต่างๆ วางขดตามช่องว่าง  มี โต๊ะทรงเตี้ย กับเก้าอี้ว่างนั่งได้หกคนพอดีอยู่ตรงหน้าเวที  ยะสุอิเห็นแล้ว 5 วันในเดือนมีนาคม


ไม่รอช้า  รีบมุ่งตรงไป  อีกห้าคนที่เหลือก็เดินตามเขาไป หลังจากวางสัมภาระลงตรงนั้นแล้ว  ทุกคนก็พร้อมใจกัน เดินกลับไปทีเ่ คาน์เตอร์บาร์ ใกล้ประตูทางเข้า ต่างคนต่างสัง่ เครื่องดื่มแล้วเดินกลับมานั่งที่ตัวเอง  ปรากฏว่าทุกคนสั่ง เบียร์เหมือนกันหมด ค�่าคืนนี้จะมีการแสดงบนเวทีที่ซูเปอร์เดอลักซ์แห่งนี้ แต่ห้าในหกคนนี้ ไม่รู้เรื่องดังกล่าว  พวกเขาอยู่ ในสภาพ เมามายและไหลตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มมาจนถึงที่นี่  ดังนั้น  แน่นอนพวกเขาไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้จะมีการแสดง ละครเวทีหรืออะไรที่คล้ายการแสดงที่นี่  ไม่รู้ว่าจากนี้ตัวเอง จะกลายเป็นผู้ชมการแสดงที่ก�าลังจะเริ่มขึ้น  ไม่รู้ด้วยว่า เป็นการแสดงแบบไหน  และไม่รู้ด้วยซ�้าว่าที่นี่คือไลฟ์เฮ้าส์ มีอะซึมะคนเดียวในกลุ่มหกคนนี้ที่รู้เรื่องเหล่านั้นทั้งหมด เขารูเ้ รือ่ งการแสดงวันนีผ้ า่ นค�าบอกเล่าของคนอืน่ อีกที  เขา ฟังมาจากหญิงสาวคนหนึง่ ทีเ่ จอกันที่โรงหนังเมือ่ วานซืน เธอ บอกว่าเธออายุสบิ เก้า โรงหนังนัน้ เป็นโรงใหม่ขนาดเล็ก เพิง่ เปิดเมื่อสองสามปีก่อนที่ชิบุยะ  ผ้ารองเบาะที่นั่งยังส่งกลิ่น ใหม่เหมือนอยู่ในร้านขายผ้า  เธอดูสาวก็จริง  ผิวพรรณบ่งบอกเช่นนั้น  แต่หน้าตา ไม่ไหว  ความสาวของเธอไม่ได้ช่วยเกื้อกูลหน้าตาของเธอ แต่กลับส่งเสริมความรูส้ กึ ดูถกู ตัวเองให้รกุ ล�า้ เข้ามาบนใบหน้า ความรู้สึกดูถูกตัวเองที่เกิดขึ้นจากความคิดที่ว่าเธอรู้ดีที่สุด ว่าหน้าตาตัวเองอยูร่ ะดับไหน ทัง้ รูปทรงทัง้ ศักดิศ์ รีถกู ย�า่ ยีจน ไม่สามารถทนมองได้  โรงหนังวันนัน้ ก็มีคนดูบางตา กระนัน้   Toshiki Okada

21


22

ผมกับเธอก็นั่งดูหนังอยู่ข้างกัน  เธอเป็นฝ่ายที่เข้ามานั่งด้าน ซ้ายของผม  ผมต้องทนอยู่ ในสภาพเหมือนแช่แข็งเฉพาะ เงารางๆ ทางด้านซ้ายของตัวเองไว้ตลอดจนกระทั่งหนังจบ พอดู ห นั ง จบ  รู ้ สึ ก ตั ว อี ก ที ร ่ า งกายซี ก ซ้ า ยก็ ช าไปหมด แน่นอน  ตอนนี้อาการชานั้นได้หายไปแล้ว  แต่มีความรู้สึก เหมือนว่ามันยังคงเฝ้ารออยู่ในพืน้ ที่ใต้ผวิ หนังลึกลงไปอีกชัน้ ถ้ า คิ ด จะดึ ง ก็ ดึง ออกมาเมื่อไรก็ ได้  และมันจะมีชีวิต ใหม่ ขึ้ น มาในทั น ใด  ตั้ ง แต่เ ดิ น เข้ า มาที่ ฟ ลอร์ จ นถึ ง ขณะนี้ ผมรู้สึกพะวักพะวนอยู่ตลอดเวลาว่าเธอคนที่ผมเจอตอนนั้น จะมาที่ ไลฟ์เฮ้าส์แห่งนี้หรือเปล่า  อันที่จริงผมกวาดตามอง ทั่วทั้งฟลอร์อย่างละเอียดสองสามรอบแล้ว  ภายในฟลอร์ เป็นพืน้ กับผนังคอนกรีตซึง่ มีความนุม่ นวลทีอ่ าบด้วยเงาของ ผูค้ นและกลิน่ อายประกอบกับเสียงดนตรีและแสงไฟ ผมมอง หาเธอในฟลอร์นนั้ อย่างตัง้ ใจ นึกภาวนาขอให้ ไม่เจอเธอ แต่ สุดท้ายก็ ไม่เจอ สองวันก่อน ผมมีตวั๋ หนังอยูส่ องใบ หนึง่ ใบส�าหรับคนรัก — หรือจะเรียกว่าแฟนสาวก็ ได้  อะไรประมาณนั้นแหละ — ว่าจะไปดูด้วยกัน  แต่แฟนส่งเมลมาว่าไปไม่ได้แล้ว  ผมก็ รู้สึกประมาณว่า  ถ้างั้นก็ช่างมันเถอะ  เดือนมีนาคมมีทั้งวัน ที่อากาศอุ่นและอากาศหนาว  วันนั้นเป็นวันที่อากาศหนาว  หน�าซ�้ายังเป็นเวลากลางคืน  ยืนข้างนอกก็แย่หน่อย  แต่ผม ก็ยืนอยู่ตรงทางเข้าโรงหนังเพราะตั้งใจว่าจะขายตั๋วที่เหลือ ทิ้งหนึ่งใบให้กับคนที่ ไม่มีตั๋วล่วงหน้าแล้วกะว่าจะมาซื้อตั๋ว วันนัน้  ยืนรออยูค่ รูห่ นึง่  ไม่นานก็มคี นเดินมา แต่ผมไม่ได้ทกั เพราะเห็นเป็นผูช้ าย ผูช้ ายคนนัน้ เดินผ่านหน้าผมไป แล้วก็ 5 วันในเดือนมีนาคม


เดินเลยลงบันไดซึง่ เชือ่ มต่อไปยังโรงหนัง ผมรูส้ กึ หนาว ไม่มี อะไรท�านอกจากยืนซอยเท้าฆ่าเวลารออยู่ตรงนั้น  มีคนเดิน ผ่านมาอีก  เป็นผู้ชายอีก  จากนั้นพักใหญ่ก็มีแต่ผู้ชายเดิน ผ่าน  มีผู้หญิงบ้างแต่ก็มากับผู้ชาย  ผมแหงนมองดูท้องฟ้า  แพตเทิรน์ ของแสงไฟซึง่ ออกแบบให้วงิ่ วนซ�า้ ในเวลาราวหนึง่ นาทีบนป้ายโฆษณารูปทรงสี่เหลี่ยมซึ่งติดตั้งอยู่บนอาคาร ประหนึ่งก�าลังลอยตัวอยู่บนฟากฟ้านั้น  ผมยืนดูจนจ�าได้ หมด  และแล้ว  ราวๆ คนที่หกที่เดินมาก็เป็นผู้หญิงในที่สุด นัน่ คือผูห้ ญิงคนนัน้  ทัง้ ที่ ไม่มคี วามจ�าเป็นถึงขนาดต้องเรียก ให้เธอหยุด แต่สงสัยว่าตอนนัน้ ผมคงใจร้อนกลัวว่าหลังจาก เธอแล้วจะไม่มีผู้หญิงเดินมาอีก  เธอมีรูปร่างที่ ไม่กระชับ เนื่องจากกินอาหารตามใจปาก  ยิ่งกว่านั้นท่าทางการเดิน ยังบอกให้รู้ ได้ ในทันทีว่าเธอเองก็รู้สึกผิดและรู้สึกสังเวช ตั ว เองในเรื่ อ งดั ง กล่ า ว  แต่ ผ มก็ อ อกปากเรี ย กเธอ  เธอ ตอบรับ  เรายืนอยู่ตรงนั้นท�าการส่งและรับมอบตั๋วหนังกับ ค่าตั๋ว  ขณะที่ผมรับเงินหนึ่งพันห้าร้อยเยนจากเธอเก็บใส่ กระเป๋าสตางค์  ทันใดนั้นผมเกิดความรู้สึกว่าก�าลังท�าอะไร ทีน่ า่ ละอายอยู ่ ความไม่นา่ รักของเธอท�าให้ผมเกิดความรูส้ กึ เช่นนั้น  แล้วการที่ผมไม่สามารถพูดเรื่องแบบนั้นออกไปได้ ก็ยงิ่ ท�าให้ความรูส้ กึ นัน้ เพิม่ ขึน้ เป็นทวีคณ ู  เราสองคนเดินลง บันไดไปด้วยกัน คุณชอบดูหนังเหรอคะ เธอถามผม อือ ผม ตอบพลางนึกในใจว่า  มันก็แน่อยู่แล้วน่ะสิ  เธอยิงค�าถาม ต่อทันที  ชอบดูหนังแบบไหนเหรอคะ  โห  หนังชื่อแบบนั้น ฉันยังไม่เคยดูเลยค่ะ  หนังเรื่องนั้นมันดีตรงไหนเหรอคะ เอ่อ  คุณเป็นคนดูหนังที่ ให้ความส�าคัญกับอะไรมากกว่ากัน Toshiki Okada

23


24

คะ  ระหว่างนักแสดงหรือว่าผู้ก�ากับ  พอเธอเห็นผมนั่งลง ตรงทีน่ งั่ ตรงกลางแถวกลางๆ ในโรงหนัง เธอก็กระโจนด้วย ท่าทางว่องไวเมือ่ เทียบกับหุน่ ของเธอ — ทว่าในความเป็นจริง  มวลอากาศเกิดการสั่นไหวในสภาวะอันหนักหน่วง — เข้ามา นั่งประกบข้างผม  ค�าถามยังไม่จบ  อย่างซาวนด์แทร็คหนัง ทีต่ วั เองชอบ ถ้าบังเอิญเห็นวางขายอยู ่ คุณเป็นคนประเภท ทีซ่ อื้ เลยเดีย๋ วนัน้ หรือเปล่าคะ แต่ภายในโรงหนังเริม่ มืดสลัว ลง  โฆษณาและหนังตัวอย่างเรื่องแล้วเรื่องเล่าฉายนาน ต่อเนือ่ งเหมือนเช่นเคย แล้วหนังก็เริม่ ฉายในทีส่ ดุ  หนังเรือ่ ง นัน้ เป็นหนังจากประเทศแคนาดา เป็นเรือ่ งของเด็กสาวสีค่ น ที่ย่างเข้าสู่วัยรุ่น  พวกเธอแต่ละคนพบพานประสบการณ์ ชีวติ วัยรุน่ ตามแบบฉบับตายตัวทีแ่ ตกต่างกันไป หนังติดตาม เรื่องราวเหล่านั้นไปเรื่อยเปื่อย  ไม่ได้วางฟอร์มอะไร  แต่ ก็ ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรใหม่ด้วยเช่นกัน  ผมรู้สึกเบื่อขึ้นมา กลางคัน  ว่ากันตามจริงคือเลิกสนใจดูหนังไปตั้งแต่กลาง เรื่องแล้ว  ตกอยู่ ในอาการประมาณว่าก�าลังนั่งฟังภาษา อังกฤษที่ฟังไม่รู้เรื่อง  ความรู้สึกเจ็บใจถึงที่สุดในความไม่ ละเอียดรอบคอบของตัวเองตอนยืนรอมองหาผู้หญิงตรง ทางเข้าโรงหนังเข้ามาแทนที่  ภาพที่คิดทบทวนหรือเรียกว่า ย้อนร�าลึกเรื่องดังกล่าวนั้น  ผมมองดูมันเหมือนภาพยนตร์ มากกว่าภาพทีเ่ คลือ่ นไหวบนจอเสียด้วยซ�า้  ภาพเสีย้ ววินาที อันยากเกินเข้าใจที่ผมเรียกให้เธอหยุดนั้นถูกตัดเฉพาะส่วน ออกมาและหมุนวนแบบมินมิ ลั อยู่ในหัวผม ไม่ชา้ หนังก็จบลง พอไฟสว่างแถวที่น่ังผู้ชม  เธอก็เปิดปากทันที  เอ่อ  คุณ ว่าหนังเรื่องนี้เป็นยังไง  ดีมั้ยคะ  หรือว่าแย่  ถ้าถามฉัน  คือ 5 วันในเดือนมีนาคม


รู้สึกว่าหนังโคตรดีเลยอะค่ะ  เมื่อกี้ ในหนังมีเด็กสาวที่เป็น คนผิวด�าใช่มั้ยคะ  แล้วคนที่แสดงเป็นพี่ชายของเด็กสาว คนนั้นน่ะค่ะ  คณะละครเวทีท่ีเขาท�าอยู่  ได้ยินมาว่าเขาท�า คณะละครเวทีหรือกลุม่ การแสดงอะไรท�านองนัน้ น่ะค่ะ ทีฉ่ นั ก�าลังจะบอกนี่ ไม่ใช่เป็นเพราะรูข้ อ้ มูลนัน้ มาก่อนหรอกนะคะ  โห  คือแบบว่ารู้สึกว่าเขาแสดงเก่งจริงไรจริง  คุณว่าไงคะ ไม่รู้สึกอย่างนั้นเหรอคะ  เอ่อ  เออใช่  ใช่แล้ว  มีข่าวลือ ว่าพวกเขาจะมีการแสดงอะไรท�านองนั้นวันมะรืนมังคะที่ ไลฟ์เฮ้าส์แถวรปปงหงิ  เผลอพูดไปว่าข่าวลือ  แต่เป็นเรื่อง จริง  ไม่ ใช่ข่าวลือหรอกค่ะ  คือได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นกลุ่ม คนที่จัดแสดงละครเวทีหรือการแสดงอะไรประมาณนั้นที่ ไลฟ์เฮ้าส์เป็นประจ�าน่ะค่ะ  ไม่ได้จัดที่ โรงละครอะไรแบบนั้น ก็เลยจะไม่มอี ปุ กรณ์ประกอบฉากอะไรสักอย่างเป็นเรือ่ งปกติ  เหมือนการแสดงของพวกเขาจะเป็นการพูดใส่ไมค์แบบด้นสด เอ่อ  อะไรท�านองนั้นน่ะค่ะ  ใช่ค่ะ  ที่ว่าพวกเขาจะจัดกัน    พอฉันบอกไปเช่นนั้น  เขาก็พูดว่า  เหรอ  งั้นไปดีมั้ยนะ  แน่นอนฉันรู้ว่าเขาพูดส่งเดชไปอย่างนั้นเอง  แต่ฉันก็เชื่อ ตามนั้น  แล้วพลั้งปากพูดออกไปแบบตั้งใจหรือจะเรียกว่า จงใจก็ ได้ โดยไม่ปล่อยให้ โอกาสหลุดลอยไปว่า เหรอคะ งัน้ ลองไปด้วยกันหน่อยมั้ยล่ะคะ  ฉันพูดออกไปเช่นนั้นเพราะ ไม่อยากคิดว่าเขาพูดส่งเดช เอาเป็นว่าไม่ได้พดู ส่งเดชก็แล้วกัน ไหนๆ ก็คิดวางแผนเอาเองแล้ว  ก็ท�าให้เรื่องมันคืบหน้าไป ซะเลย  อีกอย่างคือ  คิดอยู่เหมือนกันว่าเขาคงตั้งใจอยาก ไปจริงๆ ด้วยส่วนหนึง่  ยิง่ กว่านัน้  ฉันพูดออกไปด้วยลักษณะ Toshiki Okada

25


26

การพูดเหมือนพูดออกมาจากใจจริงที่ดูจงใจอย่างเห็นได้ชัด ท�านองว่าถึงจะรู้อยู่แก่ ใจว่าถ้าลองชวนเขาแล้วผลจะออก มาเป็นยังไง  แต่ฉันก็เชื่อสนิทใจว่าถ้าพยายามท�าด้วยความ เบิกบานสดใสมันจะเป็นไปได้ด้วยดี  อย่างน้อยฉันก็ตั้งใจ พูดออกไปอย่างเริงร่าเพื่อปลุกใจตัวเองด้วย  แม้ว่าการ คาดการณ์อันสั่นเทาที่ฉันแบกไว้นี้ — จริงๆ ก็เป็นแค่เรื่อง เล็กน้อย  ไม่ ใช่การคาดการณ์อะไรใหญ่ โต — จะถูกเขาสลัด ทิ้ ง ไปจนหมด  ฉั นก็ ไม่รู้สึกแคร์เลยสักนิด  แต่ที่ว่ามาน่ะ ฉันโกหก ถ้าเป็นแบบนั้นจริงละก็  ฉันยอมตายเสียดีกว่า หลังจากพูดว่า  เหรอคะ  งั้นลองไปด้วยกันหน่อยมั้ย ล่ะคะ  ฉันคิดไว้แล้วล่วงหน้าว่าจะมองเขาให้เต็มตา  ทันทีที่ พูดจบก็ลองจ้องหน้าเขา ฉันท�าไปทัง้ ทีร่ วู้ า่ เขาคงรูส้ กึ ร�าคาญ ท่าทางของฉันที่เหมือนก�าลังเชิญชวน  ระหว่างที่นั่งจ้องเขา อยู่ก็นึกไปด้วยว่าถ้าไม่จ้องด้วยสายตาเว้าวอนคงไม่มีอะไร เกิดขึ้นแน่  แล้วก็ ไม่คิดเช่นกันว่าถึงคนอย่างฉันจะมองเขา ด้วยสายตาเว้าวอนแค่ไหนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย  ฉันคิดว่า ถ้าหยุดมองอย่างลุกลี้ลุกลนด้วยความเห็นอกเห็นใจเกินเหตุ เพียงเพราะรู้ว่ามันท�าให้เขารู้สึกร�าคาญ  ท�าแบบนั้นยิ่งข�า ไม่ออก  ถึงจะรู้อยู่แล้วว่ามองไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น  แต่ฉันก็ พยายามเพ่งมอง — แม้จะเป็นช่วงสัน้ ๆ ไม่กวี่ นิ าที — ชัว่ ขณะ หนึ่ง  แต่ก็ล้มเหลว  ท�าได้เดี๋ยวเดียวก็เลิก  ฉันคิดไปคิดมา หาจุดทอดสายตาแวบหนึ่ง  แต่ ในที่สุดก็ทอดสายตาไปยัง ผนังอีกครั้ง  มีความรู้สึกเหมือนดินเหนียวที่ถูกขว้างใส่ผนัง เต็มแรงและติดหนึบอยู่ตรงนั้นสักพัก  ฉันทอดสายตาไปยัง รอยด่างทีต่ ดิ อยูบ่ นผนัง รอยด่างสีเทาอ่อนจางๆ ที่ไม่สะดุดตา 5 วันในเดือนมีนาคม



หลากที่ที่ฉันอยู่


มือถือวางแปะอยู่พอดีตรงต�าแหน่งที่ดูเหมือนถูกห่อหุ้มอยู่ ระหว่างบริเวณท้องกับต้นขาของฉันที่ก�าลังนอนตะแคง ขดตัวคิดนู่นคิดนี่อยู่ ในท่านั้นตลอดบนฟูกนอน  ภาพของฉัน ในตอนนั้นจึงดูเหมือนก�าลังฟักไข่ ใบหนึ่งอยู่  มีท�านองเพลง แบบมินมิ ัลจากเสี้ยวหนึง่ ของบทเพลงทีฉ่ ันไม่ได้ฟังอยู่ตอนนี้ แต่ฟังอยู่บ่อยครั้งผุดขึ้นมาในหัวของฉันขณะนี้  เพลงเล่น วนซ�้าไปมาไม่หยุดหย่อนตั้งแต่เมื่อครู่  เพราะไม่มีเหตุอันใด ที่จะกดปุ่มให้หยุดเล่นเสียด้วย  วันนี้เป็นวันศุกร์ธรรมดา เหมือนเคย  แต่ฉันหยุดงานพาร์ตไทม์เพราะไม่มีกะจิตกะใจ อยากท�าอะไรเลย ตอนนั้นฉันแค่ตกลงใจเองเช่นนั้น  แต่ยังไม่ได้บอกให้ ทีท่ า� งานรู ้ ร่างกายของฉันยังคงอยูอ่ ย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ได้ อ ย่ า งเหลื อ เชื่ อ ภายในขอบเขตของผ้ า ปู ที่ น อนสี ข าว ที่เต็มไปด้วยรอยยับย่นและยังทรงตัวอยู่ ในรูปสี่เหลี่ยม เพลงทีผ่ ดุ ขึน้ มาในหัวฉันตอนนีเ้ ป็นเพลงทีเ่ พือ่ นของสามี ทีช่ อื่ นากะคิโดะแนะน�าให้สามีฟงั  แต่ไม่รวู้ า่ ฟังแล้วไม่โดนใจ Toshiki Okada

73


74

หรือยังไง  หรือแค่ยืมมาเฉยๆ  แต่ไม่มีท่าทีแม้แต่จะเปิดฟัง หรือดึงไฟล์เพลงมาเก็บไว้ ในคอมพ์  สุดท้ายกลายเป็นเพลง ที่ฉันถูกใจมากกว่า  และมีแต่ฉันที่ชอบฟังอยู่เรื่อยๆ ตอนนั้นมือซ้ายของฉันแตะผมด้านหน้าอยู่ราวกับจะ วัดความหนาของเส้นผม ตอนนั้นเป็นเวลาเช้า  ฟูกนอนก็แฟบมาก  แถมยังมีรอย เปื้อนซีอิ๊วอะไรเทือกนั้นดูสกปรกมากทีเดียว  และมันกลาย เป็นรอยเปื้อนประเภทที่ซักออกได้ยากเสียแล้ว เวลาราวๆ ตีสองกลางดึก (ถ้าดูจากรายการโทร.เข้าบน มือถือก็น่าจะรู้เวลาที่แน่นอนได้  แต่ตอนนี้ ไม่มีความรู้สึก อยากจะดูให้แน่ ใจเลย...)  มีคนที่ชื่อวากะบายาชิ  คงจะเป็น คนที่สามีรู้จัก  แต่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน  ส่งข้อความมาเป็น ข้อความทีเ่ ชิญชวนประมาณว่า ใกล้จะถึงวันครบรอบวันตาย หนึง่ ปีของคุณนากะคิโดะ ผมคิดว่าถ้าทุกคนมาร่วมงานกันได้ ก็คงจะดี  เห็นว่าไงกันบ้าง  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดข้อความ นั้นไม่ได้ส่งไปถึงสามี  หรือไม่ได้ส่งถึงสามีแค่คนเดียว  แต่ ส่งมาถึงฉันหรือส่งมาถึงฉันด้วยก็ ไม่รู้  บังเอิญฉันตื่นแล้ว เลยได้อ่านทันทีที่ข้อความส่งมาถึง  และแน่นอนฉันไม่ได้ รู้สึกเศร้าโศกอะไร  แต่มันท�าให้ฉันอารมณ์เสียมากกว่า  คือ ไม่รู้ว่าจะท�ายังไงดี  ฉันคิดว่าสามีไม่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับ คุณนากะคิโดะให้ฉนั ฟังเลยก่อนหน้านัน้  ฉันเลยนึกมาตลอด ว่าคุณนากะคิโดะยังมีชีวิตอยู่ตามปกติ วันนี้สามีมีงานพาร์ตไทม์ท�าอาหารกะดึกที่แฟมิลี่เรสเตอรองต์จนถึงราวๆ หกโมงเช้า ฉะนัน้ เวลานีเ้ ขาก็เสร็จงาน นัน้ แล้ว และเป็นช่วงเวลาทีค่ งเดินเตร็ดเตร่อยูท่ ี่ ไหนสักแห่ง หลากที่ที่ฉันอยู่


จนกว่างานพาร์ตไทม์งานต่อไปจะเริม่ ตอนสิบหรือสิบเอ็ดโมง  อาจจะก�าลังกินข้าวหรืออาจจะงีบหลับอยู่  ฉันนึกว่าจะลอง ส่งข้อความไปหาสามีดู แต่ตอนนั้นมือของฉันก็ ไม่มีท่าทีขยับเขยื้อน เพลงนั้นยังเล่นวนซ�้าไปมาในหัวของฉัน  แขนซ้ายของ ฉันตัง้ แต่หวั ไหล่จนถึงข้อศอกสัมผัสกับผ้าปูทนี่ อนทีป่ รู องอยู่ ข้างใต้  ฉันไม่ได้มองตรงไปทางหน้าต่าง  แต่รู้ว่าแสงที่ลอด ผ่านหน้าต่างเข้ามาไม่เพียงสว่างจ้า  แต่ยังมีสีขาวขุ่น  ที่รู้ ว่าเป็นเช่นนั้นเพราะฉันเหลือบมองดูเมื่อครู่  หรือถึงจะไม่ดู ก็รู้สึกได้ เสียงเพลงรถเก็บขยะข้างนอกดังแว่วลอยมาแต่ไกล ตอนนั้ น ฉั น รั บ รู ้ อ ย่ า งเลื่ อ นลอยว่ า ถ้ า ออกวิ่ ง เต็ ม ที่ ทั น ที เดี๋ยวนั้นก็คงจะทัน  ก่อนหน้านี้ฉันเคยท�าอย่างนั้นและไล่ทัน มาแล้วหนึ่งหรือสองหน  แต่ ในขณะเดียวกันตอนนั้นฉันก็ รับรู้ด้วยว่าตัวฉันในวันนี้คงจะไม่ออกไปทิ้งขยะ  ไม่มีความ อยากจะขยับตัวลุกขึ้นหรอก เมื่อคราวที่วิ่งไล่ทันหนึ่งหรือสองหนนั้น  พนักงานรถ เก็บขยะสังเกตเห็นฉันใส่รองเท้าแตะวิ่งลากขามุ่งหน้ามาหา พวกเขาก็ อุ ต ส่ า ห์ ร อฉั น ทั้ ง ที่ ท� า งานเสร็ จ แล้ ว และก� า ลั ง ขึ้นรถจากไป ฉันรู้สึกว่ามือถือสั่น  ฉันนึกขึ้นในฉับพลันนั้นว่านั่นมา จากสามี ตอนนั้นฉันนึกถึงเรื่องท�านองว่ามือถือของฉันสีแดง  พอ วางทิ้งไว้แบบนี้อาจจะท�าให้ถูกมองผิดเป็นรถสปอร์ตคันจิ๋ว ที่พลิกคว�่าอยู่ก็เป็นได้  แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ฉันเคยคิดมาก่อน Toshiki Okada

75


หน้านี้หลายครั้งแล้ว สรุปว่าการสัน่ สะเทือนนัน้ เป็นภาพลวงตา ฉันลูบตัวเครือ่ ง ยามที่ ท ้ อ งฟ้ า ข้ า งนอกสว่างแล้วอย่างเช่นตอนนี้  ท� า ไม ฉั น ถึ ง ไม่รู ้ สึ ก ว่ า ก็ ด วงอาทิ ต ย์ ไ ม่ ไ ด้ มี อ ยู ่ เ พื่ อ ฉั น คนเดี ย ว สักหน่อย โดยปราศจากความรูส้ กึ ทีเ่ หมือนถูกอะไรบางอย่าง ต� า หนิ ก ล่ า วโทษ?  ฉั น คิ ด ว่ า สั ม ผั ส ของเงามื ด ที่ เ ปี ย กชื้ น ภายในห้องคล้ายกับสัมผัสของก้อนน�า้ แข็งทีพ่ นื้ ผิวเริม่ ละลาย เป็นก้อนกลมมน แต่สว่ นมากยังละลายไม่หมดและเหลือค้าง นอนเอนตัวอยู่ เวลาโทรศั พ ท์ สั่ น ฉั น รู ้ สึ ก เสมอว่ า ตั ว เองรั บ รู ้ ก ารสั่ น สะเทือนนั้นล่วงหน้าก่อนสองสามวินาที  76

มีเมลสองฉบับที่ยังไม่ได้เปิดอ่านหลังจากข้อความของ คุณวากะบายาชิ  ฉันสังเกตเห็นเรื่องดังกล่าวตอนนั้น  หนึ่ง ในนั้นส่งมาจากแม่ของฉัน  เวลาที่ ได้รับข้อความคือตีสี่  ฉัน เช็กเวลาดูแล้ว  หลังจากนั้นระหว่างที่อ่านข้อความก็ส่ายหัว สองสามรอบ  พยายามสะบัดผมไม่ ให้ลงมาปรกตาไปด้วย แต่มนั ไม่ราบรืน่ อย่างทีค่ ดิ  ท้ายทีส่ ดุ เลยใช้มอื เสยผมด้านหน้า ที่ตกค้างอยู่หลายเส้นอย่างน่ารังเกียจบนหน้าผาก ฉันลืมเสื้อคลุมไว้ตอนแวะไปเยี่ยมบ้านเมื่อนานมาแล้ว  จะไม่แวะมาเอาเสือ้ ตัวนัน้ เหรอ นัน่ คือเนือ้ หาของข้อความนัน้ ถ้าจ�าไม่ผิดนี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่แม่ถามเรื่องนี้  หรือไม่แน่ อาจเป็นครั้งที่สี่ ถ้าจ�าไม่ผดิ มันเป็นเสือ้ คลุมสีครีมธรรมดาๆ ติดพูไ่ หมพรม เป็นทรงครึง่ วงกลม แต่อาจจะเป็นสีมว่ งอ่อนก็ได้  แม่ไม่เคย หลากที่ที่ฉันอยู่


บอกและแสดงท่าทีว่าจะส่งเสื้อตัวนั้นมาให้ฉันทางไปรษณีย์ หรือด้วยบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้านเลยสักครั้ง  มีอยูห่ นหนึ่ง ฉั น เคยเขี ย นข้ อ ความตอบกลั บ ไปว่ า   อากาศอย่ า งนี้ ค ง ไม่ต้องใช้หรอก  ตอนนั้นเป็นฤดูร้อนแล้ว  ตอนนี้คือเดือน กันยายน 2005  แปลว่าเรื่องมันผ่านมาแล้วประมาณหนึ่งปี พอดี  ตอนนั้นแม่ส่งข้อความตอบมาท�านองว่า  อากาศร้อน ระอุอย่างตอนนี้นี่แหละ  น่าจะยิ่งเป็นของจ�าเป็นเวลาอยู่ ใน ที่ที่เปิดแอร์เย็นจัด เสียงของตู้เย็นที่ก�าลังท�างานอยู่เงียบๆ แทบจะกลาย เป็นเหมือนเงาของสิ่งมีชีวิต  ตู้เย็นหันหลังชิดติดผนังฝั่ง ตรงข้ามและหันหน้าเข้าหาหน้าต่างที่มีร่างกายของฉันนอน เหยียดยาวอยูข่ า้ งๆ ภายในห้อง เสียงลอยแว่วมาจากตรงนัน้   ขณะนีเ้ สียงทีว่ า่ นัน้ มันเข้ามาถึงจิตส�านึกของฉันมากเกินเหตุ  ราวกับระดับเสียงที่มีความดังเพิ่มขึ้นกว่าปกติ มีฮัปโปชุหรือเบียร์ที่มีส่วนผสมของมอลต์น้อยกระป๋อง เปล่าขนาดห้าร้อยมิลลิลิตรสองกระป๋องวางเรียงกันอยู่ตรง หน้าบานประตูตู้เก็บของใต้อ่างล้างจาน  มันอยู่ ในต�าแหน่ง ทีต่ วั ฉันในขณะนีม้ องไม่เห็น แต่ฉนั เป็นคนเก็บกระป๋องทีส่ ามี ดื่มหมดแล้วและวางไว้ตรงนั้นก่อนหน้านี้นานทีเดียว ท�านองเพลงจากบทเพลงเดียวกันกับเมื่อครู่นี้เริ่มวนซ�้า ไปมาในหัวของฉันอีกครัง้ โดยไม่รตู้ วั  แต่ตอนนัน้ ใจฉันหลุดพ้น เป็นอิสระแล้วจากเรื่องที่จู่ๆ มีข้อความจากคนที่ ไม่ค่อยรู้จัก มักคุ้นที่ชื่อคุณวากะบายาชิท�าให้นึกถึงคุณนากะคิโดะขึ้นมา ฉันสามารถเงี่ยหูฟังเพลงนั้นได้ โดยล�าพังแล้ว  ตอนนี้ฉัน ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย (เล็กน้อยมากจริงๆ) ที่ท�านอง Toshiki Okada

77


78

เพลงในหัวของฉันนั้นได้เลือนหายไป  ยิ่งกว่านั้นคือหายไป ตั้งแต่เมื่อไรก็ ไม่รู้ จะว่าไปตัง้ แต่เดือนกันยาทีผ่ า่ นมาจนถึงตอนนี ้ มีอยูค่ รัง้ เดียวที่ฉันออกไปหาแม่  แม่ชอบชงกาแฟทีละเยอะๆ ด้วย เครื่องชงกาแฟเป็นประจ�า  ฉะนั้นเวลาฉันไปเยี่ยมบ้านทีไรก็ จะดืม่ กาแฟแบบจัดเต็มทุกที  ตอนนัน้ ไม่รทู้ า� ไมเรือ่ งเสือ้ คลุม ไม่โผล่เข้ามาในบทสนทนาระหว่างเราเลยสักหน ตอนนัน้ เรา ทัง้ สองคนคุยแต่เรือ่ งอืน่ และลืมเรือ่ งนัน้ เสียสนิท ฉันกลับมา มือเปล่า  พอวันรุ่งขึ้นแม่ก็ส่งข้อความมาว่า  ว่าแต่เมื่อวาน น่าจะเอาเสื้อคลุมไปด้วยนะ  ฉันเพิ่งนึกออกตอนนี้ว่าเคยมี เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น หลังนิว้ หัวแม่โป้งเท้าขวาตรงขอบด้านข้างเกยทับอยูบ่ น นิ้วชี้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้  ฉันคิดว่ามันกลายสภาพเป็นแบบนั้น ด้วยความทีผ่ วิ เหนียวเหนอะหนะเพราะเหงือ่ ออก เลยท�าให้ นิว้ เกาะติดกันง่ายด้วย ฉันท�าแบบเดียวกันกับนิว้ โป้งเท้าซ้าย ข้อความอีกฉบับมาจากเพื่อนคนหนึ่งที่ส่งรูปถ่ายตอน ก�าลังซักและตากตุ๊กตามาให้  มีเวลามากกว่าหนึง่ ชัว่ โมงก่อนเวลาเริม่ งานของทีท่ า� งาน พาร์ตไทม์ที่ฉันท�าอยู่  ฉันเลยคิดว่าถึงจะโทร.ไปตอนนี้ก็คง ไม่มี ใครอยู่เพราะมันยังเช้าไป  แน่นอนอาจจะมีพนักงาน บริษัทสักคนเข้างานเช้าก็เป็นได้  ตอนนั้นฉันหยิบมือถือ ขึ้นมาแล้ว จิตส�านึกของฉันยังคงตามติดเสียงของตู้เย็นอยู่ ตอนนี้เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูพอดี  หวัดก�าลังระบาด  ฉันคิด ว่าจะเอาเหตุผลนัน้ มาเป็นข้ออ้าง ฉันกระแอมไอแค่ครัง้ เดียว  หลากที่ที่ฉันอยู่


ฉันกางฝาพับมือถือ เวลากางออกจะมีเสียงดังพับ่  ฉันฟังจน เบือ่ แล้ว แต่กน็ กึ ว่าถึงยังไงมันก็เป็นเสียงทีน่ า่ ฟังมากทีเดียว  นานๆ ทีนึกอยากฟังเสียงนั้นขึ้นมาก็จะเปิดๆ ปิดๆ ฝาสลับ ไปมาหลายครั้ง  แต่ตอนนี้ฉันไม่ท�าอย่างนั้น ฉันเอาร่างกายทีเ่ ป็นส่วนกระดูกตรงสะโพกที่ โก่งเหมือน คั น ธนู ถู ไ ถกั บ ฟู ก นอน  จากนั้ น ยกข้ อ ศอกทั้ ง สองข้ า งขึ้ น เหยียดแขนให้ตึงที่สุด  ราวกับก�าลังพยายามท�าให้บริเวณ ใต้รักแร้ฉีกขาด เมื่อก่อนฉันเคยลองคิดดูประมาณว่า  เวลามือถือสั่น เตือนจริงๆ ก็ ให้รับรู้ความรู้สึกจากสัมผัสนั้นว่ามันสั่นแรง แค่ไหนแล้วจ�าไว้  พอถึงคราวถัดไปก็ ให้ตอบสนองเฉพาะ ระดับการสั่นสะเทือนที่รู้สึกได้ชัดเจนว่าพอเหมาะกับแรงสั่น สะเทือนดังกล่าว  ส่วนแรงสั่นสะเทือนแบบที่มาในลักษณะ เดียวเป็นสัมผัสที่มีความละเอียดซับซ้อนต่างจากเกณฑ์ที่ ว่ามา  ก็จะลงความเห็นว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่การสั่น ที่แท้จริง  แต่เป็นแค่ภาพลวงตา  แล้วก็ท�าเพิกเฉยไป  แต่ ตัวฉันในขณะนี้รู้แก่ ใจดีแล้วว่า  วิธีคิดแบบเข้าข้างตัวเอง อย่างนั้นท�าได้ ไม่ง่ายนัก ฉันมีความรู้สึกว่าแนวกระดูกสันหลังไม่ตรงเลย  โดย เฉพาะเวลาที่เอนตัวนอนพลางยืดเหยียดร่างกายอย่างเช่น ตอนนี ้ ฉันขบคิดเล็กน้อยว่าผูค้ นทีต่ งั้ ค่าเสียงเรียกเข้ามือถือ ด้วยเพลงหรือท�านองเพลงที่ ไม่ ใช่ โหมดการสั่นนั้น  ไม่แน่ ที่พวกเขาท�าอย่างนั้นก็เพื่อจะได้ ไม่ต้องกังวลใจกับการคิด ไปเองว่ามือถือจะสั่นเหมือนกับฉันหรือเปล่านะ? แล็ปท็อปของฉันอยู่ ในโหมดพักเครื่องโดยที่ ไฟหน้าจอ Toshiki Okada

79


80

ดับลงขณะที่เครื่องเปิดอยู่  และวางอยู่ ในสภาพที่เปิดกาง ทิ้งไว้ที่หัวนอน  ฉันขยับตัวโดยบิดเอี้ยวล�าตัว  หรือจะเรียก ว่าพลิกตัวมาเป็นท่านอนคว�า่ และพยายามเหลือบมองหน้าจอ ตอนนั้นผ้าปูที่นอนที่ปูรองอยู่ ใต้ล�าตัวเลื่อนหลุดเล็กน้อย ตามการขยับตัว ตัวเครื่องแล็ปท็อปสีขาวของฉันสภาพไม่ค่อยสวยเท่าไร  ฉันใช้มาเกือบสามปีแล้ว  แต่ไม่ได้ตั้งชื่อให้ เล็บมือของฉันทีท่ าด้วยสีขาวโผล่เข้ามาในทัศนวิสยั อย่าง เลือนราง  ฉันไม่เคยแต่งแต้มลวดลายลงบนเล็บเลยสักครั้ง  ปกติส่วนใหญ่จะทาแค่สีขาวสีเดียว ตัวเครื่องแล็ปท็อปร้อนมากทีเดียวก่อนเข้าสู่ โหมดนอน หลับ  แต่ตอนนี้เครื่องเย็นลงมากพอแล้ว  มือฉันสัมผัสโดน ปุม่ บนคียบ์ อร์ด เครือ่ งตืน่ จากโหมดนัน้  บันทึกประจ�าวันอัน สุดท้ายทีฉ่ นั อ่านปรากฏขึน้ ภายในไม่กวี่ นิ าที  มันยังค้างอยูบ่ น หน้าจอเหมือนเดิม นัน่ คือหนึง่ ในบันทึกประจ�าวันหลายอันที่ ฉันอ่านตลอดในช่วงกลางดึกคัน่ ด้วยการงีบหลับสองสามหน ภาพนั้นสลับเข้ามาแทนที่กลบละอองฝุ่นที่เกาะติดอยู่บน หน้าจอที่เรามองเห็นอยู่จนถึงเมื่อครู่ไปในทันที ภาพที่ค้างอยู่บนหน้าจอคือแคชข้อมูลส�ารองในบล็อก ของคนที่ช่ือคุณ armyofme  เท่าที่อ่านโปรไฟล์เป็นบล็อกที่ เขียนโดยผู้หญิงอายุยี่สิบแปดปี (อายุอ่อนกว่าฉันนิดหน่อย  เพราะฉันจะอายุครบสามสิบเดือนหน้า) ที่ลงทะเบียนเป็น เจ้าหน้าทีร่ บั สายโทรศัพท์ของศูนย์บริการตอบรับทางโทรศัพท์ กับบริษัทจัดหางานที่มีความเชี่ยวชาญในการรับการจัดจ้าง คนภายนอกในแผนกรับแจ้งและให้บริการช่วยเหลือของ หลากที่ที่ฉันอยู่


องค์ ก รธุ ร กิ จ   เป็ น บล็ อ กที่ เ ขี ย นถึ ง เรื่ อ งการแจ้ ง เคลม ของลู ก ค้ า ที่ ห ยาบคายชวนโมโหที่ เ จอะเจอในแต่ ล ะวั น ๆ ณ แผนกบริการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับความคืบหน้าในการ ท�าการติดตัง้ ของบริษทั โทรคมนาคมที่ให้บริการอินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงผ่านโครงข่ายใยแก้วน�าแสง  ซึ่งเป็นที่ท�างาน ปัจจุบนั ของเธอ และมีถอ้ ยค�าทีเ่ ขียนยืดยาวติดต่อกัน แทบ ทุกค�าเหมือนค�าสาปแช่งต่อคนแบบต่างๆ ในที่ท�างาน  ซึ่ง ก็ชวนโมโหบ่อยพอๆ กับลูกค้าจ�าพวกนั้น  คุณ armyofme คนนี้ขีดเขียนเรียงร้อยถ้อยค�าเช่นนั้นทุกวันโดยไม่มีวันหยุด พักเลยจริงๆ ฉันเพิ่งค้นพบว่ามีบล็อกนี้วันนี้หรือเมื่อคืนที่ผ่านมานี้เอง ที่ ห าเจอได้ เ พราะคนที่ ชื่ อ คุ ณ  armyofme คนนี้   บางที อาจจะเป็นคนที่ฉันรู้จัก  ผู้ชายที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นสมัยเรียน มหาวิทยาลัยศิลปะ  เขาจับคู่กับเพื่อนอีกคนแสดงตลก  ฉัน ได้ยินจากคนอื่นมาอีกทีว่าเขาท�า กิจกรรมที่ว่านี้มาตั้งแต่ สมัยนั้นแล้ว  ระยะหลังมานี้ ในที่สุดเขาก็เริ่มมีชื่อเสียงเป็น ที่รู้จัก  เริ่มได้ออกทีวีช่วงไพรม์ ไทม์มากขึ้นเรื่อยๆ  ฉันไม่ เคยพิสูจน์เรื่องนี้เองโดยตรง  เพราะฉันไม่ดูทีวี  แต่ฉันใช้ เวลาราวสามชั่วโมงสืบค้นเรื่องนั้น  ใส่ค�า หลายค�าที่มีค�า ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมชมรมในสมัยนั้นรวมอยู่ด้วย  และ เอามาจับคู่กันหลายแบบจนหาเจอ รถเก็บขยะวิ่งใกล้เข้ามาแถวนี้อีกครั้ง  ตอนนั้นฉันถึง บางอ้อว่าสิง่ ทีก่ ลบเสียงเพลงทีว่ นซ�า้ อยู่ในหัวของฉันเมือ่ ครูน่ ี้ คือเสียงดนตรีจากรถเก็บขยะนั่นเอง คุณ armyofme เขียนบันทึกไว้ ในเอนทรี่หนึ่งเมื่อสอง  Toshiki Okada

81


82

สามเดือนก่อนประมาณว่า  พอเห็นเขาพยายามสู้อยู่ทางทีวี แล้ว ฉันก็ได้กา� ลังใจไปด้วย...ก็อยากจะพูดอย่างนัน้ เหมือนกัน แน่นอน ตอนแรกที่ดกู ร็ สู้ ึกอย่างที่บอก แต่พอเห็นจนคุน้ ตา ก็เริ่มไม่มีความรู้สึกแบบที่ว่าเกิดขึ้น  เช่น  ดูท่าทางสนุกจัง หรือว่าอาจจะดูทา่ ทางสนุก แต่จริงๆ คงล�าบากน่าดูเหมือนกัน แต่คงได้เงินดีแน่  แค่นั้นก็มากพอที่ฉันจะมีสิทธิ์ที่จะรู้สึก อิจฉาเขา ฉันใช้วิธีอย่างนั้นเสิร์ชหาว่ามีคนที่ตัวเองรู้จักท�าเว็บไซต์ หรือเขียนไดอะรีห่ รือเขียนบล็อกอยูห่ รือเปล่า เวลาเสิรช์ เจอ ก็จะอ่าน และมีบอ่ ยครัง้ มากทีเ่ สียเวลาไปหลายชัว่ โมงในการ ท�าเรื่องแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว  ฉันรู้สึกง่วงนอนมากตลอดเวลา  ไม่ได้สมั ผัสกับภาวะจิตส�านึกที่โปร่งโล่งไม่รสู้ กึ ง่วงมานานแล้ว ลืมภาวะแบบนั้นไปเสียสนิท  ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันเคย อยู่แต่ ในอาณาเขตบริเวณของความรู้สึกที่คล้ายกับตื่นอยู่ ทัง้ ทีส่ วิตช์จะตัดวงจรอยูร่ อมร่อ สภาพแบบนัน้ เป็นค่าดีฟอลต์ ส�าหรับร่างกายของฉันไปเสียแล้ว  เฉพาะช่วงเวลาที่เสิร์ช หาบล็อกแล้วอ่านอันที่สะดุดตาดูน่าสนใจเท่านั้นที่จะมีสสาร ที่ปลุกให้ฉันตื่นไหลเลื่อนเข้ามาต่อเนื่องไม่หยุด  จากจอภาพ ผลึกเหลวมุง่ สูด่ วงตาของฉันและเคลือ่ นผ่านสายตาของฉันที่ เกาะติดอยูห่ น้าจอตอนนัน้  ค่าขีดจ�ากัดความสามารถในการ ทนทานต่อความรู้สึกง่วงจะพุ่งพรวดขึ้นราวกับระดับน�้าตาล ในเลือดเวลากินขนมกรุบกรอบไม่ยั้ง  ฉะนั้นไม่ว่าฉันจะอยู่ ในสภาพที่ง่วงนอนมากแค่ไหนก็ยังคงตื่นอยู่ได้นานพอควร ฉันเหยียดยืดเพือ่ ให้รา่ งกายทีเ่ อนตัวนอนอยูร่ สู้ กึ ถึงความ บิดเบี้ยวนั้น  ใบหน้าของผู้หญิงสองสามคนที่คิดว่าน่าจะใช่ หลากที่ที่ฉันอยู่


คุณ armyofme ผุดลอยขึ้นมาในหัวของฉัน  โดยดูจากอายุ หรือเรื่องว่าใครน่าจะเป็นคนเขียนเรื่องราวท�านองนี้  แต่ก็ ไปไม่ถึงขั้นที่จะเจาะจงลงไปได้ว่าเป็นใครในนั้น  ประการ ส�าคัญคือ  ฉันลืมชื่อผู้หญิงทุกคนไปแล้วโดยสิ้นเชิง เมื่อคืนหรือจะเรียกว่าเมื่อเช้า  ฉันกระตุ้นจิตรู้ส�านึกให้ ตืน่ ตัวตลอด และอ่านบล็อกของคุณ armyofme จนถึงขีดสุด แม้จะเลยขีดจ�ากัดความง่วงไป  ก็แค่งีบหลับบ้างเล็กน้อย เป็นครัง้ คราวแล้วฟืน้ กลับเป็นปกติทนั ที  ก่อนหน้าบล็อกของ  armyofme  ฉันอ่านไดอะรี่อื่นอีกบล็อกหนึ่ง  คนเขียนเป็น ใครไม่รู้   ไม่ ใ ช่ คนที่ฉันรู้จัก  เป็นบันทึกประจ� าวันที่ เ ขี ย น โดยผู้ชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเขียนถึงเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัย มหาวิทยาลัยที่ประสบอุบัติเหตุตายไปโดยไม่คาดฝันเมื่อ ปีที่แล้ว  แน่นอน  นั่นก็เป็นบล็อกที่ ไปเจอเข้าโดยบังเอิญ ระหว่างที่ค้นหาเรื่องคุณนากะคิโดะไปเรื่อยๆ สักพัก แต่ ในบันทึกประจ�าวันนั้นไม่มีข้อความค�าอธิบายอะไร ที่เกี่ยวข้องกับคุณนากะคิโดะ  ดูเหมือนว่ามันถูกค้นพบด้วย ค�าค้นหาค�าอืน่ ทีน่ อกเหนือไปจากชือ่ คุณนากะคิโดะ สุดท้าย ฉันก็อ่านบล็อกนั้นแม้จะเพียงเล็กน้อย  ข้อความที่เขาเขียน กะพร่องกะแพร่งมาก  ให้ความรู้สึกว่าบางทีคนเขียนอาจจะ เป็นคนที่มีสภาพจิตใจสับสนยุ่งเหยิง  อ่านไปอ่านมาก็รู้สึก สงสัยว่าคนที่เป็นเพื่อนสนิทที่ตายไปแล้วนั้นคงไม่มีอยู่จริง  เลยเลิกอ่าน เอนทรี่ล่าสุดในบล็อกของคุณ armyofme เขียนบันทึก ไว้ประมาณว่า เออ ทีเ่ ยอะทีส่ ดุ คือการถูกกรอกหูดว้ ยค�าพูด ท�านองว่าคุยกับพนักงานรับสายธรรมดาๆ อย่างเธอไม่มที าง Toshiki Okada

83


84

ตกลงอะไรกันได้  ไปเรียกหัวหน้ามา วันนีก้ เ็ หมือนกัน ฉันถูก กรอกหูอย่างนั้นหลายต่อหลายครั้ง  แต่คนที่พูดจาอย่างนั้น แทบไม่มีความเข้าใจระบบของเราเลย  คนที่พูดจาอย่างนั้น คงจะคิดว่าถ้าพร�่าบ่นไม่หยุดและบอกให้ ไปเรียกหัวหน้ามา อย่างนัน้ ต่อไปเรือ่ ยๆ แล้ว เรือ่ งคงจะไปถึงคนทีด่ แู ลรับผิดชอบ ในบริษัทได้สักวัน  และสามารถบ่นว่าได้เต็มที่ โดยตรงและ เรียกร้องอะไรได้ด้วย  แถมยังรู้สึกโล่งอกโล่งใจที่ ได้ระบาย อีกด้วย  แต่ ในความเป็นจริงเรื่องอย่างนั้นแทบจะไม่มีทาง เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าคนคนนั้นจะลองพยายามดูมากแค่ไหนก็ตาม ระบบได้ ถู ก วางไว้ ในแบบที่ กั น ไม่ ใ ห้ ก ารแจ้ ง เคลมไปถึ ง บุคลากรระดับสูงในบริษัทโทรคมนาคมได้อย่างเด็ดขาด  เคลมเยอะจนถึงที่สุดแล้วบังเอิญโชคเข้าข้างกลายเป็นเรื่อง อื้อฉาวฟ้องร้องขึ้นศาลหรือเกือบตกเป็นข่าวของสื่อมวลชน  ถ้าไปถึงขั้นที่กระทบเป็นวงกว้างแล้วก็เป็นอีกเรื่อง  แต่ถ้า ไม่ ใช่อย่างนั้น  เรื่องโทรศัพท์จากลูกค้าจะไปถึงอย่างมากก็ แค่หัวหน้าโปรเจ็คท์ที่ดูแลลูกค้าคนนี้  ซึ่งอยู่ ในสังกัดบริษัท จัดหางานที่รับงานศูนย์บริการตอบรับทางโทรศัพท์  แต่ กระทั่ ง เรื่ อ งแค่ นั้ น ก็ ต าม  หากไปตอบรั บ ตามค� า พู ด ของ ไอ้พวกคนประเภทที่มีอะไรหน่อยก็บอกให้เรียกหัวหน้ามา ทันทีคงควบคุมอะไรไม่ได้แน่  ฉะนัน้ จงเอาชนะให้ ได้  พวกเรา พนักงานรับสายธรรมดาๆ ถูกก�าชับเช่นนั้นอย่างเข้มงวด ทีเดียว เรือ่ งมันจึงไม่มที างไปถึงได้  ยกเว้นเสียแต่วา่ พนักงาน รับสายใจอ่อนถูกรุมเร้าจนยอมตามค�าพูดของอีกฝ่าย  ศูนย์ บริการตอบรับทางโทรศัพท์แห่งนี้แค่รับงานภายนอกจาก ลูกค้าคือบริษัทโทรคมนาคมโครงข่ายใยแก้วน�าแสงมาท�า  หลากที่ที่ฉันอยู่


แน่นอน  ลูกค้าคงบอกกับทางบริษัทเราไว้ว่าจะท�ายังไงก็ ได้  แต่ขอให้จัดการเรื่องเคลมทั้งหมดให้เสร็จสิ้นไปตรงนั้นเลย  (จริงๆ ก็ ไม่รู้หรอก  ฉันไม่ได้เป็นผู้บริหารซะหน่อย  ฉะนั้น นีค่ อื การคาดเดาเอาเองว่ามันน่าจะเป็นอย่างนัน้  แต่กค็ งเดา ถูกแหละ)  นอกจากนั้นเรื่องสถานที่ศูนย์บริการตอบรับทาง โทรศัพท์แห่งนี้ตั้งอยู่คนละที่กับบริษัทลูกค้าอยู่ ในอาคารสูง เก้าชั้นที่ตั้งอยู่ไกลออกไปจากทางออกสวนสาธารณะฝั่ง ตะวันตกของอิเคะบุคุโระซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผู้คนบางตา  บริษัท จัดหางานที่ฉันลงทะเบียนอยู่นั้นเป็นผู้เช่าอาคารชั้นหกถึง ชัน้ เก้า และศูนย์นอี้ ยูท่ ชี่ นั้ แปด (ส่วนบริษทั ของลูกค้าไม่รวู้ า่ อยู่ที่ ไหน  แต่ โดยปกติแล้วก็คงอยู่ที่ ไหนสักแห่งในโตเกียว  จริงๆ ก็ควรจะรู้ ไว้หน่อย)  สรุปได้ประมาณนั้น  อยากจะ บอกว่าคู่สนทนาที่คุณซึ่งเป็นคนแจ้งเคลมก�าลังต่อว่าอยู่ นั้นไม่ ใช่คนที่คุณอยากต่อว่าจริงๆ หรอก  ส่วนคนที่บอกว่า เรื่องนั้นรู้อยู่แล้วเลยบอกให้เรียกหัวหน้ามาไง  ก็อยากจะ บอกให้รู้ว่า  ไม่ว่าคุณจะพยายามแค่ไหน  ไม่มีทางที่จะต่อว่า คนที่คุณเล็งไว้ว่าอยากจะต่อว่าได้อย่างเด็ดขาด  แน่นอน  ถึงปากจะฉีกก็ ไม่สามารถบอกเรื่องเหล่านี้ ได้ทางโทรศัพท์... หลังจากนั้นก็มีค�าบรรยายสภาพว่าเคลมของลูกค้าคนนั้น จริงๆ เป็นยังไง  เขียนต่ออีกยืดยาวในบล็อกนั้น  ฉันอ่าน หมดแล้วก่อนหน้านี้ตอนที่ตื่นอยู่ก่อนที่จะงีบหลับไปเมื่อครู่ อ่านไปพลางกระโดดตามอ�า เภอใจข้ า มไปที่ ป ้ า ยโฆษณา เว็บไซต์หางานบ้าง  สมัครสมาชิกออนไลน์บัตรเครดิตบ้าง  เครื่องดื่มบ้าง  DVD ใหม่ที่เพิ่งวางจ�าหน่ายบ้าง  ที่กะพริบ อยู่ในกรอบทรงสีเ่ หลีย่ มยาวแนวตัง้ ทางด้านซ้ายของหน้าจอ Toshiki Okada

85


เกี่ยวกับผู้เขียน Toshiki Okada 岡田利規 โทชิกิ โอกาดะ เกิดเมือ่ ปี 1973 นักเขียนบทและผูก้ า� กับละครเวที ผูก้ อ่ ตัง้ คณะละครเชลฟิตช์ (chelfitsch) และนักเขียนวรรณกรรม ร่วมสมัยของญี่ปุ่น ผลงานของเขาได้รับรางวัลต่างๆ อาทิ เช่น บทละคร 5 วันในเดือนมีนาคม ได้รับรางวัลบทละครเวที คิชิดะ คุนิโอะ (Kishida Kunio Drama Award) ครั้งที่ 49 ในปี 2005 และนวนิยายชุด ณ จุดสุดท้ายของวาระพิเศษ ที่ เ ราได้ รั บ มา ได้ รั บ รางวั ล เคนซาบุ โ ร โอเอะ ในปี 2008 ผลงานของเขาไม่ว่าจะเป็นบทละครหรือนวนิยายได้รับ การแปลและตีพิมพ์ในหลายภาษา เช่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษา เยอรมัน ภาษาเกาหลี นอกเหนือจากที่คณะละครเชลฟิตช์ ได้รับเชิญให้ ไปเปิด การแสดงอย่างต่อเนื่องในเทศกาลละครชั้นน�าในยุโรปและ เมืองอื่นๆ แล้ว เขายังได้รับเชิญให้ ไปร่วมแสดงผลงานใน เทศกาลศิลปะ หอศิลป์ และพิพธิ ภัณฑ์ตา่ งๆ ทัว่ โลก อาทิเช่น Nam June Pike Art Center (Seoul), Museum of Contemporary Art (Chicago), Mori Museum of Art (Tokyo), Yokohama Triennale, Saitama Triennale เป็นต้น นับเป็นหนึง่ ในศิลปินร่วมสมัยของญีป่ นุ่ ทีน่ า่ จับตามองมาก ที่สุดในขณะนี้


ผลงานการก�ากับละครส่วนหนึ่ง : Five Days in March (2004), Air Conditioner (2004), Enjoy (2006), Freetime (2008), Hot Pepper, Air Conditioner, and the Farewell Speech (2009), The Sonic Life of a Giant Tortoise (2011), Current Location (2012), Ground and Floor (2013), Super Premium Soft Double Vanilla Rich (2014), God Bless Baseball (2015), Time’s Journey Through a Room (2016)


ค�าตามผู้แปล เดื อ นมี น าคมปี 2014 ผู ้ แ ปลได้ มี โ อกาสไปท� า วิ จั ย ที่ มหาวิทยาลัยวาเซดะ โตเกียว โดยได้รับทุนสนับสนุนการท�า วิจัยทางด้านญี่ปุ่นศึกษาจากเจแปนฟาวน์เดชั่น เวลาห้าเดือน ในที่ แ ปลกถิ่ น ไม่ คุ ้ น เคย ทั้ ง ที่ คุ ้ น ชิ น กั บ ภาษาที่ สื่ อ สารอยู ่ ในช่วงเวลาแห่งการเริม่ ต้นนัน้ ผูแ้ ปลได้อา่ นเรือ่ งสัน้ เบรกฟาสต์ ที่ตีพิมพ์ ในนิตยสารวรรณกรรม GRANTA JAPAN with Waseda Bungaku 01 (ฉบับปฐมฤกษ์ เดือนมีนาคม ปี 2014) นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักผลงานของคุณโทชิกิ โอกาดะ และ เป็นจุดเริ่มต้นที่น�ามาสู่หนังสือเล่มนี้ ซึ่งอาจจะถือได้ว่าเป็น ประตูบานใหม่ที่เชื่อมต่อระหว่างโลกวรรณกรรมกับศิลปะ การแสดงร่วมสมัยของญี่ปุ่น 5 วันในเดือนมีนาคม  และ  หลากที่ที่ฉันอยู่ นวนิยาย ขนาดสั้นสองเรื่องที่รวมอยู่ใน ณ จุดสุดท้ายของวาระพิเศษ ที่ ได้รับมา เล่มนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นงานเขียนแนวทดลอง ความน่าสนใจของงานอยู่ที่วิธีการเล่า เช่น ในเรื่อง 5 วันใน เดือนมีนาคม มีการเปลี่ยนมุมมองสลับไปมาระหว่างมุมมอง ของผม ฉัน ผู้ชายและผู้หญิง ทั้งนี้ จุดเด่นอีกประการหนึ่ง คือ การใช้ภาษาพูดในชีวิตประจ�าวันที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ แทนเสียงของคนหนุ่มสาวในยุคปัจจุบัน กลวิธีที่ผู้เขียนน�ามา ประยุกต์ใช้ ในการเขียนนวนิยายนี้ คือกลวิธีในการสร้างสรรค์ ศิ ล ปะการแสดงอั น เป็น แบบฉบั บ เฉพาะของคณะละคร


‘เชลฟิตช์’ (chelfitsch) ที่ผู้เขียนเป็นผู้ก่อตั้งนั่นเอง ทั้งนี้ ชื่อคณะละคร ‘เชลฟิตช์’ (chelfitsch) มาจากค�าศัพท์ภาษา อังกฤษค�าว่า ‘เซลฟิช’ (selfish) ที่แปลว่า เห็นแก่ตัว เป็น ค�าที่สร้างขึ้นใหม่ โดยเลียนแบบภาษาของเด็กที่ออกเสียงไม่ ชัดถ้อยชัดค�า ซึ่งสื่อให้เห็นถึงสภาพสังคมญี่ปุ่นในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะโตเกียวที่มีลักษณะเฉพาะทางสังคมและวัฒนธรรม เดือนมีนาคมปี 2003 ในช่วงที่อเมริกาเปิดฉากโจมตีอิรัก ค�า่ คืนหนึง่ ณ มุมหนึง่ ในมหานครโตเกียว หนุม่ สาวแปลกหน้า คู่หนึ่งพบเจอกันที่ซูเปอร์เดอลักซ์ (ไลฟ์เฮ้าส์แถวรปปงหงิ) หลังจากการแสดงบนเวทีที่มีทั้งนักแสดงและผู้ชมสลับกัน ออกมายืนหน้าไมค์เล่าเรือ่ งแสดงความคิดเห็นต่างๆ ได้สนิ้ สุดลง หนุ่มสาวคู่นั้นก็มุ่งตรงไปยังเลิฟโฮเทลแถวชิบุยะและใช้เวลา อยูท่ นี่ นั่ ด้วยกันตลอดห้าวัน ขณะเดียวกันนัน้ ก็มกี ารเดินขบวน ประท้วงสงครามที่กา� ลังจะเกิดขึ้นอยู่ด้านนอกโรงแรม เดือนกันยายนปี 2005 ผูห้ ญิงคนหนึง่ นอนอยูบ่ นฟูกนอน ในอพาร์ตเมนต์ทเี่ ธอกับสามีเช่าอยูด่ ว้ ยกัน สามีออกไปท�างาน พาร์ตไทม์กะดึกยังไม่กลับมา ตัวเธอก�าลังคิดว่าจะหยุดงาน พาร์ตไทม์วันนี้เพราะไม่มีกะจิตกะใจจะท�าอะไร เดือนกันยายนปี 2016 ณ ประเทศไทย สภาพการณ์ภายใน สถานการณ์เฉพาะในสังคมของเรา อาจมีหรือไม่มีอะไรที่ แตกต่างไปจากสภาวะที่เกิดขึ้นในโลกของ ณ จุดสุดท้ายของ วาระพิเศษที่ได้รับมา มัทนา จาตุรแสงไพโรจน์


เกี่ยวกับผู้แปล มัทนา จาตุรแสงไพโรจน์ ส�าเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี อักษรศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนัน้ ได้รบั ทุนรัฐบาลญีป่ นุ่ ไปศึกษา ต่อในระดับบัณฑิตวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยโอซากา ประเทศ ญี่ปุ่น ทางด้านวรรณกรรมญี่ปุ่นสมัยใหม่ ปัจจุบันเป็นอาจารย์ ประจ�าสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เริม่ ต้นงานแปลจากบทภาพยนตร์ญป่ี นุ่ เรือ่ ง Pool (2009), เรือ่ งสัน้ ของฮิโรมิ คาวาคามิ ใน นารีนยิ าม Bookvirus ฟุง้  07  (2010), 1Q84 (แปลร่วม) เล่ม 1-3 (2011-2012) ของฮารูกิ มูราคามิ, ความไม่เรียบของความรัก ของฮิโรมิ คาวาคามิ (2012) และชุดรวมเรื่องสั้นอื่นๆ ของฮารูกิ มูราคามิ


ผลงานวรรณกรรมญีป่ นุ่ ร่วมสมัย จัดพิมพ์โดยสํานักพิมพ์กาํ มะหยี่

The Thief นักล้วง Fuminori Nakamura เขียน พีรวัธน์ เสาวคนธ์ แปล นักล้วงกระเป๋าหนุ่มมือฉกาจ ไร้ญาติ ไร้เพื1อน ไร้พวกพ้อง แต่ไม่ไร้ซึ่งอดีต และอดีตนั้นย้อนกลับมาฉุดรั้ง ลากเขาเข้า สู่การตกเป็นเครื1องมือกระทําการอุกอาจ ตกเป็นประหนึ่ง เบีย้ บนกระดานทีถ่ กู ควบคุมไร้สนิ้ หนทางจะปฏิเสธ ถูกกลุม่ อาชญากรร้ายกาจบังคับให้ ใช้ความสามารถของเขาทํางาน ให้ แลกกับสวัสดิภาพของตนและของผู้คนที่เขามีนาํ้ ใจด้วย ผลงานรางวัล Kenzaburō Ōe ประจําปี ค.ศ. 2010 The Bridegroom was a Dog คุณหมาเขยขวัญ Yoko Tawada เขียน มุทิตา พานิช แปล เรื1อ งเริ่ ม ขึ้ น เมื1อ ครู ส าวนิ สั ย พิ ลึ ก ที่ โ รงเรี ย นสอนพิ เ ศษ เล่านิทานเรื1องหนึ่งให้นักเรียนฟัง เป็นเรื1องของเจ้าหญิง ที่จะอภิเษกสมรสกับสุนัขทรงเลี้ยงที่เลียก้นของพระองค์ หลังจากทรงทําธุระเสร็จ หลังจากนัน้ เรื1องราวยิง่ เพีย้ นพิกล ยิ่งขึ้นไปอีก ประหลาดงดงาม รวดเร็วฉับไว เรื1องเล่าที่ดึงดูดใจอย่าง ลึกลับ มีคุณสมบัติฝันๆ แบบงานของคาฟกา ได้รับรางวัล Akutagawa Prize ประจําปี ค.ศ. 1993 จากนักเขียนหญิง ญี่ปุ่น-เยอรมัน เจ้าของงานเขียนที่ ได้รับการกล่าวขานว่า แปลกแตกต่างไม่ซํ้าใคร


Individual Projection / Nipponia Nippon IP / NN ไอพี / เอ็นเอ็น Kazushige Abe เขียน มุทิตา พานิช แปล โอะนุมะเป็นคนฉายหนังในโรงหนังชั้นสองที่ชิบุยะ กรุง โตเกียว แม้ยงั หนุม่ แน่นแต่บางครัง้ ดูระแวดระวังเกินจําเป็น หลังทราบจากข่าวหนังสือพิมพ์วา่ มีคนทีร่ จู้ กั สีค่ นเสียชีวติ ใน อุบัติเหตุทางรถยนต์ ในข่าวไม่กล่าวถึงร่องรอยผิดปกติใดๆ หากโอะนุมะไม่คิดเช่นนั้น เขาปริวิตกอย่างหนัก เริ่มเขียน บันทึกเรื1องราวในอดีตของตน โดยเฉพาะช่วงเวลาห้าปีทเี่ ขา เชื1อว่าเกีย่ วพันกับอุบตั เิ หตุครัง้ นี้ หลังจากนัน้ ความรุนแรงบ้าบิน่ ทีน่ า่ หวาดหวัน่ ในสังคมญีป่ นุ่ ก็คอ่ ยๆ ปรากฏตรงหน้าผูอ้ า่ น

เควซาร์กับเสาต้นที่ 13 13th Pillar and Quasar Kazushige Abe เขียน กนกวรรณ เกตุชัยมาศ แปล สัมผัสการทํางานของทีมงานทีร่ บั จ้างเกาะติดการเคลื1อนไหว ของนักร้องซูเปอร์สตาร์สาวอย่างใกล้ชิด เพื1อจะได้พบว่า จุดประสงค์ ในการทํางานนี้ห่างไกลความตื้นเขินฉาบฉวย เป็นหนังสือที่อยู่เหนือความคาดคิดทั้งปวง หากสะท้อน ความเป็นจริงในปัจจุบนั อันแปร่งประหลาดได้อย่างชาญฉลาด ฉับไว ชวนติดตาม


หากพบหนังสือที่มีขอผิดพลาดหรือไมไดมาตรฐาน อาทิ หนากระดาษขาดหายหรือสลับกัน โปรดแจงมาที่ gammemagie@gammemagie.com เพื่อขอเปลี่ยนเลมใหม


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.