“สมเด็จพระญาณสังวร” ก็ไม่ปรากฏว่ามีพระเถระรูปใดได้รับพระราชทาน สถาปนาอีกเลย จนถึงเจ้าพระคุณสมเด็จฯ นับเป็นเวลาห่างกันนานถึง ๑๕๒ ปี สำหรับสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ เมื่อทรงได้รับพระราชทาน สถาปนาเป็น สมเด็จพระสังฆราช ราชทิน นามของพระองค์ยังคงเป็น
เช่ น เดิ ม และยั ง ทรงเป็ น สมเด็ จ พระสั ง ฆราชพระองค์ แ รกที่ มิ ไ ด้
เป็ น พระบรมวงศานุ ว งศ์ แต่ ไ ด้ รั บ พระราชทานราชทิ น นามพิ เ ศษ
เฉพาะพระองค์ ไม่ได้ใช้พระนาม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ดังที่เคย ปฏิบัติกันสืบมา เช่น สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) เป็นต้น
พัดยศพิเศษ
เมื่ออาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ ใหม่
จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายน้ำพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ
แด่สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระสุพรรณบัฏ ถวายพระตราตำแหน่ง สมเด็จพระสังฆราช ถวายพัดยศ เครื่องยศสมณศักดิ์รวม ๑๙ รายการ สำหรับพัดยศนั้น เป็นของประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งมี โดยเฉพาะอยู่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแด่สมเด็จ พระสังฆราชทุกพระองค์ ใช้ถือเล่มเดียวกันมาแต่อดีต ลักษณะเป็นพัดแฉกทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ พื้นตาดขาวลูกคั่นลายสลับ พื้นตาดทองปักลายกนกด้วยดิ้นเลื่อม ลายกลางปักเป็นรูปพระมหามงกุฎ ด้ามเป็นงา ที่คอแกะเป็นรูปพรหม ส้นแกะสลักเป็นบัวกลุ่ม ยอดงาแกะ เป็นรูปพระมหามงกุฎ หากแต่ พั ด ยศที่ พ ระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หั ว พระราชทานแด่
164 พระผู้เจริญพร้อม
Buddha-Chapter 6.indd 164-165
สมเด็จพระญาณสังวร ในโอกาสสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราช พระองค์นี้ โปรดฯ ให้ทำขึ้นใหม่ พระราชทานให้เป็นกรณีพิเศษ เป็นพัดแฉกทรงพุ่มข้าวบิณฑ์พื้นตาดเหลือง สลับตาดขาว ปักดิ้น เลื่อมทองแร่ง ลายก้ามปูรัดร้อยใบเทศ ใจกลางปักเป็นช่อใบเทศแฉก
๙ กลีบ ด้ามงา คอแกะเป็นรูปเทพนม ส้นแกะเป็นบัวกลุ่ม ยอดแกะเป็น ฉัตร ๓ ชั้น และมีตราพระราชลัญจกรอยู่ตรงกลางพัดยศนั้น ต่อมาในวาระที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ มีพระชันษาครบ ๘๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๓๖) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ได้พระราชทานพัดแฉกงาพิเศษ ประดั บ พลอยแด่ เ จ้ า พระคุ ณ สมเด็ จ ฯ พั ด แฉกงาประดั บ พลอยนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานแด่สมเด็จพระสังฆราช
เพียงบางพระองค์ โดยปกติพัดแฉกงาพิเศษมีโอกาสใช้ไม่มากนัก คือใช้ ในพระราชพิธี ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา และวันรับพระราชทานผ้าพระกฐินหลวง
หน้าที่สำคัญต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
พระเกียรติคุณของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ เป็นที่ตระหนักมาช้านาน
ว่าทรงไว้ซึ่งพระปริยัติธรรม และถึงพร้อมด้วยพระจริยาวัตรอันบริสุทธิ์ ทรงมีความรู้ ในหลักศาสนาอย่างลึกซึ้ง เป็นแบบอย่างที่ดีและเป็น ที่ เคารพของเหล่าพุทธบริษัท ด้ ว ยเหตุ นี้ ใ นการทรงผนวชของพระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หั ว
ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ พระอุปัชฌาย์ คือ สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จ-
พระสังฆราช ทรงเลือกให้เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ซึ่งทรงดำรงสมณศักดิ์ที่ พระโศภนคณาภรณ์ในขณะนั้น เป็นพระอภิบาลหรือพระพี่เลี้ยงของภิกษุ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างเสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร พระผู้เจริญพร้อม 165
11/6/09 10:37:35 AM