ประวัติคุณแม่เซราฟิน

Page 1


ค�ำน�ำของผู้แต่ง ที่กรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม” หรือ “ดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา” หรือ “ดินแดนแห่งช้างเผือก” จะพบทีด่ นิ ผืน หนึ่งและบนที่ดินผืนเดียวกันนี้ได้เป็นที่ตั้งของอารามและโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งทั้งอารามและโรงเรียนมีชื่อเดียวกันก็คือ “พระหฤทัย” ใครจะสามารถคาดได้วา่ บนทีด่ นิ ผืนนีเ้ อง ทีผ่ หู้ ญิงชาวอัลซาสคนหนึง่ ได้เป็นคนวางรากฐานเอาไว้ เธอผู้นี้ก็คือ คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี นักบวช หญิงคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ชื่อเดิมก็คือ เออเชนี ลูเตนบาเช่ร์ ตรงทางเข้าด้านหน้า จะพบอาคารหลังหนึง่ ซึง่ ได้สร้างขึน้ ในปี ค.ศ. 1931/ พ.ศ. 2474 โดยธรรมทูตหญิงคนเดียวกันนี้เอง เกือบหนึ่งศตวรรษที่อาราม แห่งนี้ได้ให้การต้อนรับเด็กหญิงนับร้อยที่ต้องการถวายตัวแก่พระเป็นเจ้า เพื่อรับใช้พระศาสนจักร ส�ำหรับโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์นนั้ ได้ตงั้ ขึน้ ตัง้ แต่ ปี ค.ศ.1937 / พ.ศ. 2480 โรงเรียนแห่งนีไ้ ด้ผลิตนักเรียนจ�ำนวนนับพันคนและทุกวันนีก้ ย็ งั คงมีนักเรียนอีกจ�ำนวนหลายพันที่ก�ำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ จุดมุง่ หมายของการเขียนหนังสือเล็กๆ เล่มนีก้ เ็ พือ่ เป็นการแสดงความ เคารพนับถือต่อคุณแม่ผมู้ พี ระคุณอย่างยิง่ และแสดงความกตัญญูกตเวทีตอ่ พระศาสนจักรคาทอลิกแห่งประเทศฝรัง่ เศส ทีไ่ ด้สง่ ธรรมทูตจ�ำนวนมากมาย ไปให้แก่ประเทศมิสซัง บรรดามิสชันนารีเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะน�ำข่าวดีแห่ง พระวรสารของพระเยซูคริสตเจ้าไปยังดินแดนโพ้นทะเลเท่านั้น แต่พวกเขา ยังได้น�ำวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ อารยธรรม ความก้าวหน้าทาง วิทยาการและเทคโนโลยีต่างๆ ไปสู่สุดปลายแผ่นดินอีกด้วย


คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี เป็นธรรมทูตอีกคนหนึ่งที่ได้เป็นพยานต่อ ชาวสยามว่าพระเป็นเจ้าทรงรักพวกเขา ไม่เคยมีสักครั้งเดียวที่คุณแม่จะ คิดถึงตัวเอง แต่ท่านมักจะคิดถึงผู้อื่นก่อนเสมอ คุณแม่ได้ปฏิบัติตามพระ บัญญัติที่กล่าวไว้ว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุด วิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน...ท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” (มธ 22:37-39) หยาดเหงื่อแรงกายของท่านยังคงด�ำเนินต่อไปในพระศาสนจักรใน ประเทศไทย โดยผ่านทางคณะภคินพี ระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ สมาชิกของคณะยังคงตอบสนองต่อพระพรพิเศษของคณะในด้านการศึกษา และด้านสังคมสงเคราะห์ ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือประวัติชีวิตเล่มน้อยๆ นี้จะท�ำให้ท่าน ได้รู้จักภาพลักษณ์ของคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี ชัดเจนมากยิ่งขึ้น การเขียนหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้เขียนแบบงานวิจัย ดังนั้น จึงไม่ได้มี การใส่เอกสารอ้างอิง เพื่อเป็นการง่ายต่อการอ่าน หากชีวประวัติของคุณแม่ เซราฟิน เดอ มารี เล่มนี้มีข้อบกพร่อง ดิฉันต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ขอพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า ประทานพระพรแก่ท่านผู้อ่านทุกท่าน

เซอร์ซีมอนา สมศรี บุญอรุณรักษา o.c.d 5 สิงหาคม ค.ศ. 2015 ครบรอบ 63 ปีแห่งมรณกรรมของคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี


ค�ำน�ำของผู้จัดพิมพ์ หนังสือชีวประวัติของคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี s.p.c ซึ่งเป็นหนังสือ เล่มหนึ่งที่มีคุณค่า เหมาะที่ใช้เป็นคู่มือในการศึกษาเพื่อรู้จักประวัติชีวิต ของบรรพชนรุ่นแรกๆ อันเป็นการแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทีต่อ ท่าน และร่วมกันสืบสานพระพรพิเศษและจิตตารมณ์ของคณะพระหฤทัยฯ ให้คงอยู่ตลอดไป หนังสือเล่มนี้ เป็นผลจากการศึกษา ค้นคว้าและเรียบ เรียงของเซอร์ซีมอนา สมศรี บุญอรุณรักษา o.c.d ดิฉันในนามของคณะ ภคินีพระหฤทัยฯ ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งในความเสียสละ พากเพียร และเขี ย นชี ว ประวั ติ ข องคุ ณ แม่ จ นส� ำ เร็ จ นอกจากนี้ ดิ ฉั น ขอขอบคุ ณ อธิการิณี Christiane ที่ได้ให้เซอร์ซีมอนาท�ำงานชิ้นนี้เพี่อคณะของเราและ พระศาสนจักรไทย ยิง่ กว่านัน้ ดิฉนั ส�ำนึกในพระคุณด้วยความกตัญญูอย่างสุด ซึ้งต่อคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ที่มอบคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี ให้ อยู่กับคณะฯ เป็นผู้สืบสานถักทอคณะจนเป็นปึกแผ่นมั่นคง และเป็นผู้วาง รากฐานในทุกๆ ด้านให้แก่สมาชิกของคณะ ที่ส�ำคัญที่สุดคือการวางรากฐาน ด้านชีวิตนักบวชและชีวิตจิต ทางคณะเซนต์ปอลฯยังได้ส่งเซอร์อีกหลายๆ ท่านให้มาอยู่และช่วยคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี ตลอดระยะเวลาที่คุณแม่ ปกครองดูแลคณะพระหฤทัยฯ อีกด้วย นอกจากนั้นการรวบรวมประวัติของ คุณแม่เล่มนีไ้ ด้บรรลุผลส�ำเร็จก็ดว้ ยความช่วยเหลือจากคณะเซนต์ปอลฯ ใน การเอื้อเฟื้อและแบ่งปันเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี ท�ำให้การรวบรวมชีวประวัติของท่านสมบูรณ์มากขึ้น ดิฉันขอขอบพระคุณ เป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วย


ดิฉนั หวังเป็นอย่างยิง่ ว่าชีวประวัตขิ องคุณแม่เล่มนีจ้ ะเป็นแรงบันดาล ใจให้สมาชิกของคณะน�ำสิ่งที่คุณแม่มอบให้ทั้งในด้านค�ำสั่งสอน ด้านชีวิต จิต และแบบอย่างการด�ำเนินชีวิตแห่งการอุทิศตนอย่างไม่มีเงื่อนไข จน กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตของท่าน ดังค�ำพูดของคุณแม่ที่ว่า “ดิฉันมี ความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะมีชีวิตอยู่และตายในท่ามกลางพวกเธอซึ่งเป็น เสมือนลูกๆ วิญญาณของดิฉัน” คุณแม่เป็นประดุจเมล็ดพันธุ์ของความเชื่อ ในพระเจ้าและเมล็ดพันธุ์ของชีวิตแท้ ที่หยั่งรากลึกลงในชีวิตของภคินีพระ หฤทัยฯและงอกงามเติบโต เป็นนักบวชหญิงที่อุทิศตนเพื่อพระศาสนจักร ท้องถิ่นอย่างแท้จริงตลอดไป ขอพระสิริรุ่งโรจน์ จงมีแด่พระหฤทัยของพระเยซูเจ้าตลอดนิรันดร ซิสเตอร์มารีอา เชลียง เวชยันต์ มหาธิการิณี คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2015


สารบัญ ค�ำน�ำของผู้แต่ง

2

ค�ำน�ำของผู้จัดพิมพ์

4

บทที่ 1 ครอบครัวลูเตนบาเช่ร์และชีวิตก่อนเข้าอาราม กระแสเรียกของเออเชนี

9 19

บทที่ 2 งานแพร่ธรรมแห่งแรก

22

บทที่ 3

คณะนักบวชพื้นเมือง คณะภคินีรักไม้กางเขนแห่งสามเสน ร่างข้อตกลงในการส่งภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร มาให้การอบรมภคินีพื้นเมืองที่อารามสามเสน การเดินทางมาถึงอารามสามเสน ของเซอร์เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร

27 28

บทที่ 4

เซอร์เซราฟิน เดอ มารี กับบทบาทหน้าที่ในการเป็น ผู้วางรากฐานชีวิตนักบวชที่อารามสามเสน ภาระหน้าที่ในฐานะอธิการิณีและผู้ให้การอบรม งานฉลอง 25 ปีชีวิตนักบวชของเซอร์มารี เต๊ก

32 37 39 40 59


บทที่ 5

การย้ายอาราม 66 การย้ายอารามมาที่ต�ำบลคลองเตย 73 ผลงานเอกของธรรมทูตหญิงแห่งอัลซาส 77 คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี ผู้มองการณ์ไกลในด้านการศึกษา 80 สถานทูตฝรั่งเศสขอใช้อารามเป็นที่เก็บเอกสารส�ำคัญ ระหว่างสงครามโลก 82

บทที่ 6

หนทางชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ 83 ประมุขมิสซังต้องการเปลี่ยนอธิการิณีที่อารามสามเสน 85 ความยุ่งยากใจในช่วงการย้ายอาราม 88 ภคินีพื้นเมืองกลุ่มหนึ่งปฏิเสธที่จะให้คุณแม่ และเพื่อนร่วมงานของท่านอยู่ที่อารามต่อไป 89 สงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1939-1945 / พ.ศ. 2482-2488) 104 ความเศร้าโศกเสียใจจากการจากไปของสมาชิก ในครอบครัว 106

บทที่ 7

การเดินทางกลับไปประเทศฝรั่งเศสสองครั้ง การกลับไปประเทศฝรั่งเศสครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1925 / พ.ศ. 2468 การเดินทางกลับประเทศฝรั่งเศสครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1949 / พ.ศ. 2492

บทที่ 8 ภารกิจส�ำเร็จ

109 110 111 116


บทสรุป ความวางใจในพระญาณเอื้ออาทรของพระ และความศรัทธาต่อนักบุญยอแซฟ ความฉลาดและความสุขุมรอบคอบ ความอดทนและความบากบั่น จิตวิญญาณธรรมทูต ความรักต่อผู้อื่น คุณแม่ผู้มีพรสวรรค์มากมาย การให้อภัยแก่ผู้อื่น

128

ภาคผนวก ประวัติย่อของคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี เออเชนนี ลูเตนบาเช่ร์ (ค.ศ. 1873-1953 / พ.ศ. 2416-2495) บทสัมภาษณ์เกี่ยวกับคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี น้อมจิตร�ำลึกถึง คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี เกี่ยวกับผู้เขียน

131

128 128 129 129 130 130 130

132 134 149 152


บทที่ 1

ครอบครัวลูเตนบาเช่ร์และชีวิตก่อนเข้าอาราม ครอบครัวลูเตนบาเช่ร์อาศัยอยู่ในแคว้นอัลซาส

9


วัดใกล้ บ้านของ บิดา-มารดา คุณแม่ เซราฟิ น เดอ มารี

บ้ านเกิดของคุณแม่ เซราฟิ น เดอ มารี ในปั จจุบัน 10


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ต้นตระกูล “ลูเตนบาเช่ร์” (Luttenbacher) ปรากฏครั้งแรกใน

ทะเบียนส�ำมะโนครัวที่อ�ำเภอตานน์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1323 / พ.ศ. 1866 ตระกูลนี้เป็นตระกูลคหบดี แต่จากการค้นคว้าของ ปอล ลูเตนบาเช่ร์ และ ปีแอร์ ซีมอน และได้อธิบายเพิม่ เติมโดยแฟรนองด์ ลูเตนบาเช่ร์ (หลานปูข่ อง พี่ชายคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี) ซึ่งได้ค้นพบต้นตระกูลลูเตนบาเช่ร์สายของ คุณแม่เซราฟินขึ้นไปถึง 8 ชั่วอายุคน โดยช่วงแรกๆ การเขียนนามสกุลนั้น มีการเขียนแตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อย ต่อไปนี้เป็นล�ำดับต้นตระกูลของคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี 1. ฌอง-ชาร์ค ลอเตนบัค เกิดเมื่อ ปี ค.ศ. 1600 / พ.ศ. 2143 อาชีพท�ำงานในโรงโม่แป้ง ฌอง-ชาร์คได้แต่งงานกับ อานน์ กูเนนวาล์ด เมื่อ ปี ค.ศ. 1620 / พ.ศ. 2163 มีบุตรคนหนึ่งชื่อ บาร์เทเลมี 2. บาร์เทเลมี ลอเตนบัค เกิดที่ออเดอเรน อาชีพท�ำงานในโรงโม่แป้ง แต่งงานกับเอวา เดียมมูนส์ช ที่เฟลเลอแรง เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1649 / พ.ศ. 2192 และได้ย้ายมาอยู่ที่เฟลเลอแรง และทายาทรุ่นต่อๆ มาก็ได้เกิด และถึงแก่กรรมที่เฟลเลอแรง (บาร์เทเลมีถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1689 / พ.ศ.2232 ที่เฟลเลอแรง) มีบุตรชื่อฌอง-อาดัม เอวา 3. ฌอง-อาดัม ลูเตนบาเช่ร์ เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1642 / พ.ศ. 2185 ที่ เฟลเลอแรง ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1741 / พ.ศ. 2284 ที่เฟลเลอแรง แต่งงานกับมารี-บาร์บ คูแอล เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1681 / พ.ศ. 2224 มีบุตรชื่อนิโกลาส 11


4. นิโกลาส ลูเตนบาเช่ร์ เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1701 / พ.ศ. 2244 ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 1759 / พ.ศ. 2302 แต่งงานกับอากัท ฟิสเชอร์ เมื่อวันที่ 19 มกราคม ปี ค.ศ. 1728 / พ.ศ. 2271 และแต่งงานใหม่กับอานน์-มารี เมอนี ปี ค.ศ. 1736/ พ.ศ. 2279 มี บุตรชื่อฌอง-ชาร์ค 5. ฌอง-ชาร์ค ลูเตนบาเช่ร์ เกิดเมือ่ วันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1737 / พ.ศ. 2280 ที่เฟลเลอแรง ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 1821 / พ.ศ. 2364 แต่งงานกับโอดีล ฮันส์ (เกิดเมือ่ วันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 1732 / 2275 ถึง แก่กรรมเมื่อวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 1809 / พ.ศ. 2352) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1762 / พ.ศ. 2305 มีบุตรชื่อ ฌอง-ชาร์ค 6. ฌอง-ชาร์ค ลูเตนบาเช่ร์ เกิดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 1766 / พ.ศ. 2309 ถึงแก่กรรมเมือ่ วันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 1821 / พ.ศ. 2364 อาชีพ เกษตรกร แต่งงานกับบาร์บ ฮันส์ เมือ่ ปี ค.ศ. 1791 / พ.ศ. 2324 บาร์บได้ถงึ แก่กรรมเมื่อวันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 1820 / พ.ศ. 2361 ทั้งสองมีบุตร ชื่อ โจเซฟ 7. โจเซฟ ลูเตนบาเช่ร์ เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1801 / พ.ศ. 2344 อาชีพช่างพิมพ์ แต่งงานเมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 1832 / 2375 กับอานน์-มารี ลาร์เช่ร์ (เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1805 / พ.ศ. 2348) มีบุตรชื่อ เซราแฟง

12


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

หรืออาจเขียนเป็นแผนผังได้ดังต่อไปนี้ ฌอง-ชาร์ค ลอเตนบัค + อานน์ กูเนนวาล์ด บาร์เทเลมี ลอเตนบัค + เอวา เดียมมูนส์ช ฌอง-อาดัม ลูเตนบาเช่ร์ + มารี บาร์บ คูแอล นิโกลาส ลูเตนบาเช่ร์ + อานน์-มารี เมอนี ฌอง-ชาร์ค ลูเตนบาเช่ร์ + โอดีล ฮันส์ ฌอง-ชาร์ค ลูเตนบาเช่ร์ + บาร์บ ฮันส์ โจเซฟ ลูเตนบาเช่ร์ + อานน์-มารี ลาร์เช่ร์

เซราแฟงและพี่น้อง

8. เซราแฟง ลูเตนบาเช่ร์ อาชีพช่างพิมพ์ผ้า เกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1848 / พ.ศ. 2391 แต่งงานกับอานน์-มารี มูนส์ช เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1872 / พ.ศ. 2415 มีบุตรด้วยกันทั้งหมด 6 คน ดังมี รายชื่อดังต่อไปนี้

13


1. อัลแบร์ต ลูเตนบาเช่ร์ อาชีพช่างพิมพ์ผา้ เกิดเมือ่ วันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1872 / พ.ศ. 2415 ที่เฟลเลอแรง แต่งงานกับมารี-อานน์ ทาเล่ร์ เมื่อ วันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1897 / พ.ศ. 2440 มีบุตรด้วยกันทั้งหมด 8 คน คนหนึ่งบวชเป็นพระสงฆ์ ชื่อคุณพ่อเรอเน และมีหลานตาคนหนึ่งถวายตัว เป็นนักบวชในคณะพระปรีชาญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งริบอวีเย่ล์ ชื่อ เซอร์มารีปีแอร์ พี่ชายของเซอร์มารี-ปีแอร์ ได้สมัครเข้าบ้านเณรและได้ถึงแก่กรรมใน ขณะเป็นสามเณร 2. เออเชนี ลูเตนบาเช่ร์ เกิดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1873 / พ.ศ. 2416 สมัครเข้าคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ได้รับชื่อนักบวช ว่าเซอร์เซราฟิน เดอ มารี ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 1952 / พ.ศ. 2495 ณ อารามพระหฤทัยแห่งกรุงเทพฯ 3. อากัท ลูเตนบาเช่ร์ เกิดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1875 / พ.ศ. 2418 แต่งงานกับ เอเม เวลเกอร์ เมื่อวันที่ 23 ค.ศ. 1894 / พ.ศ. 2437 มีบุตรด้วยกันทั้งหมด 6 คน 4. คริสติน ลูเตนบาเช่ร์ เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1876 / พ.ศ. 2419 แต่งงานกับออกุสแตง เปอแตร์ เมื่อวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1901 ไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับทายาท 5. เออเยน ลูเตนบาเช่ร์ เกิดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1882 / พ.ศ. 2425 แต่งงานกับมาร์เกอริต เมอนี เมือ่ วันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 1910 มีบุตรด้วยกันทั้งหมด 5 คน 6. โจเซฟ ลูเตนบาเช่ร์ เกิดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1884 ถึง แก่กรรมตั้งแต่ยังเล็ก

14


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

บิดา-มารดา ของคุณแม่ เซราฟิ น เดอ มารี 15


16

สูติบัตรของเออเชนี (คุณแม่ เซราฟิ น เดอ มารี )


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ที่ท�ำการต�ำบลเฟลเลอแรง ได้บันทึกในสูติบัตรวัน เดือน ปีเกิดของ เออเชนี ซึ่งสามารถแปลเป็นภาษาไทยได้ดังต่อไปนี้ ด้านซ้าย หมายเลขที่ 33 ลูเตนบาเช่ร์ เออเชนี เกิดวันที่ 18 สิงหาคม 1873 ด้านขวา ที่ท�ำการต�ำบลเฟลเลอแรง เขตอ�ำเภอตานน์ วันที่สิบแปด สิงหาคม พันแปดร้อยเจ็ดสิบสาม เวลาสิบสองนาฬิกา ตอนบ่าย สูติบัตรของลูเตนบาเช่ร์ เออเชนี เกิดที่เฟลเลอแรงวันที่สิบแปด สิงหาคม พันแปดร้อยเจ็ดสิบสาม เวลาห้ า นาฬิ ก า ตอนเช้ า บิ ด าชื่ อ นายลู เ ตนบาเช่ ร ์ เซราแฟง อายุ 24 ปี อาชีพ ช่างพิมพ์ เกิดที่เฟลเลอแรง อาศัยอยู่ที่เฟลเลอแรง มารดาชือ่ นางมูนส์ช อานน์-มารี อายุ 22 ปี ไม่มอี าชีพ อาศัยอยูท่ เี่ ฟลเลอแรง เด็กที่น�ำมาแสดงต่อหน้าเราวันนี้เป็นเด็กผู้หญิง พยานคนที่หนึ่ง คือ นายกอลลี ดอมินิก อายุ 66 ปี อาชีพเกษตรกร อาศัยอยู่ที่เฟลเลอแรงในแคว้นอัลซาสตอนบน 17


พยานคนที่สองคือ นายวิลเลอสเด็ค โจเซฟ อายุ 28 ปี อาชีพ ช่างไม้ อาศัยอยู่ที่เฟลเลอแรงในแคว้นอัลซาสตอนบน ตามการประกาศของนายลูเตนบาเช่ร์ เซราแฟง บิดาของทารก และ หลังจากที่ได้อ่านทบทวนทะเบียนบันทึกนี้แล้ว พยานทั้งสองและบิดาของ ทารกได้ลงนามต่อหน้าข้าพเจ้า นาย หลุยส์ ซิงวาร์ท ก�ำนันและเจ้าหน้าที่ ของสาธารณรัฐ (ลงนาม) ลูเตนบาเช่ร์ วิลเลอสเด็ค กอลลี

ซิงวาร์ท

เป็นที่น่าสังเกตว่าพยานในทะเบียนสูติบัตรนี้มีชื่อของนายดอมินิก กอลลี บุคคลคนนีน้ า่ จะเป็นญาติทางแม่ของเออเชนี เพราะอานน์-มารี มารดา ของเออเชนี เป็นธิดาของฌอง มูนส์ช และแคทเธอรีน กอลลี วันเดียวกันนัน้ เอง เออเชนีได้ถกู น�ำไปทีว่ ดั นักบุญอันตนองค์ใหญ่ วัด ประจ�ำหมู่บ้าน เพื่อรับศีลล้างบาปทันที ดังที่เราพบในบันทึกศีลล้างบาปของ เออเชนีที่ถูกเก็บไว้ที่วัด ดังนี้ 1873 32 วันนี้ วันที่สิบแปดเดือนสิงหาคม ตามปีที่อยู่ข้างต้น ข้าพเจ้าเอง ได้เป็นผู้โปรดศีลล้างบาปให้แก่เออเชนี ลูเตนบาเช่ร์ ลูกสาวตามกฎหมาย ของเซราฟินและอานน์-มารี มูนส์ชคู่สมรส ทารกได้เกิดในวันนี้ ผู้ที่เป็น 18


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

พยานคือ อเล็กซานเดอร์ ลูเตนบาเช่ร์ และอานน์ มูนส์ช ซึ่งได้ลงนาม ในบันทึกนี้ (ลงชื่อ) ลูเตนบาเช่ร์ อเล็กซานเดอร์ มูนส์ช อานเน็ต สมิท เป็นที่น่าสังเกตได้ว่า ในสมัยก่อนมักจะน�ำทารกที่เพิ่งเกิดไปรับ ศีลล้างบาปทันที เนื่องจากเกรงว่าทารกอาจจะเสียชีวิตก่อนจะได้รับศีล ล้างบาป

กระแสเรียกของเออเชนี

เป็ น การยากที่ จ ะสามารถรู ้ ไ ด้ ว ่ า เออเชนี ท� ำ อะไรก่ อ นที่ จ ะสมั ค ร เข้าอาราม รู้แต่เพียงว่าเมื่ออายุได้ 20 ปี เออเชนีได้ไปแสวงบุญที่วัดแม่พระ แห่ ง ธี เ ฮนบั ช (Thierenbach) ที่ ต� ำ บลจุ ง ฮอลท์ (Jungholtz) และ หลั ง จากการแสวงบุ ญ ครั้ ง นี้ เออเชนี ไ ด้ ตั ด สิ น ใจสมั ค รเข้ า อารามคณะ เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร คณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร เป็นคณะนักบวชแพร่ธรรมที่ตั้งขึ้น เมื่อ ค.ศ. 1696 / พ.ศ. 2239 โดยคุณพ่อหลุยส์ โชเวต์ เออเชนีได้สมัครเข้าอารามเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1894 / พ.ศ. 2437 ซึ่งขณะนั้นเออเชนียังมีอายุไม่ถึง 21 ปี เออเชนีได้รับเสื้อนักบวชเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 1895 / พ.ศ. 2438 ซึ่งตรงกับวันสมโภชนักบุญยอแซฟ นักบุญที่เออเชนีรักและ ศรัทธามากตลอดชีวิตของเธอ และในโอกาสนี้เองเธอก็ได้รับชื่อนักบวช ว่า เซอร์เซราฟิน เดอ มารี โดยเอาชื่อบิดาและมารดามาเป็นชื่อนักบวช 19


ของตัวเอง หลังจากที่ได้รับเสื้อแล้ว วันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1895 / พ.ศ. 2438 เซอร์เซราฟิน เดอ มารี ได้รับมอบหมายให้ไปประจ�ำที่ชอมบง ในจังหวัดลัวร์เอแชร์

เซอร์ เซนต์ ปอล เดอ ชาร์ ตร ที่ ประเทศฝรั่ งเศส

20


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

สองปีตอ่ มา เมือ่ วันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1897 / พ.ศ. 2440 เออเชนี ได้กล่าวค�ำปฏิญาณตัวครั้งแรก ในปีเดียวกันนั้นเอง เซอร์เซราฟิน เดอ มารี ได้รับมอบหมายให้ ไปแพร่ธรรมที่โคชินไชน่า เซอร์เซราฟินและเพื่อนนักบวชได้ออกเดินทาง จากประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 1897 / พ.ศ. 2440 ก่อนออกเดินทางเซอร์เซราฟิน เดอ มารี ได้รับอนุญาตให้กลับไปลา บิดามารดาและครอบครัวที่อัลซาส ในโอกาสนี้เองครอบครัวลูเตนบาเช่ร์ ได้ ถ ่ า ยรู ป เป็ น ที่ ร ะลึ ก เพราะในสมั ย นั้ น ธรรมทู ต ที่ ถู ก ส่ ง ไปยั ง ดิ น แดน มิสซังนั้น ยากที่จะได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนของตน

ครอบครั วคุณแม่ เซราฟิ น เดอ มารี 21


บทที่ 2

งานแพร่ธรรมแห่งแรก

อาคารโรงพยาบาลเซนต์ หลุยส์ สมัยเริ่ มแรก 22


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

หลังจากที่เซอร์เซราฟิน เดอ มารี ได้เดินไปถึงโคชินไชน่าได้ไม่นาน

เธอก็ได้รบั มอบหมายหน้าทีใ่ หม่ ให้เดินทางมายังประเทศสยาม เพราะ ฯพณฯ พระสังฆราชหลุยส์ เวย์ มีความคิดที่จะตั้งโรงพยาบาลของมิสซัง เพราะ หลังจากที่ประเทศฝรั่งเศสและสยามได้เกิดความขัดแย้งกันขึ้น ในปี ค.ศ. 1893 / พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสได้น�ำเรือรบพร้อมปืนใหญ่มาปิดปากอ่าวไทย และล่องลงมาจนถึงหน้าวัดอัสสัมชัญ เหตุการณ์นี้ได้สร้างความวิตกกังวล ให้แก่ชาวสยามเป็นอย่างมาก รัฐบาลไทยจึงยอมมอบเงินจ�ำนวนหนึ่งให้กับ รัฐบาลฝรั่งเศส ทางรัฐบาลฝรั่งเศสได้มอบเงินจ�ำนวนหนึ่งให้กับมิสซัง พระคุณเจ้าเวย์จึงมีความคิด ทีจ่ ะขอภคินมี าท�ำงานในโรงพยาบาล ที่จะตั้งขึ้น และ ฯพณฯ ปรารถนา ที่จะได้นักบวชคณะพระกุมารเยซู มาท�ำงานนี้ เพราะภคินคี ณะพระกุมาร เยซู ได้เข้ามาท�ำงานทีก่ รุงเทพฯ แล้ว โดยได้ รั บ ผิ ด ชอบนั ก เรี ย นประจ� ำ และโรงเลี้ยงเด็กก�ำพร้าของมิสซัง ดังนัน้ พระคุณเจ้าจึงได้ทำ� การ ติดต่อขอภคินีคณะนี้ แต่ ฯพณฯ ได้รับค�ำตอบปฏิเสธ

พระสังฆราช ยัง-หลุยส์ เวย์ 23


ดั ง นั้ น พระคุ ณ เจ้ า จึ ง ได้ ป รึ ก ษากั บ คณะที่ ป รึ ก ษาของท่ า น และ จากนั้นพระคุณเจ้าก็ได้สอบถามไปยังคุณพ่อเบอนาร์ท อาจารย์ประจ�ำ บ้านเณรคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส คุณพ่อเบอร์นาร์ท นอกจาก จะท�ำหน้าที่เป็นอาจารย์แล้ว ท่านยังเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องต่างๆ ของ มิ ส ซั ง สยามอี ก ด้ ว ย หลั ง จากที่ ไ ด้ รั บ ค� ำ แนะน� ำ จากคุ ณ พ่ อ เบอร์ น าร์ ท พระคุ ณ เจ้ า จึ ง ติ ด ต่ อ ไปยั ง แมร์ เ ซลิ น นา คณะเซนต์ ป อล เดอ ชาร์ ต ร ทางคณะตอบรับและได้ส่งเซอร์ 7 คน มาที่กรุงเทพฯ ตามค�ำขอร้องของ พระคุ ณ เจ้ า เวย์ เซอร์ ทั้ ง 7 คนได้ เ ดิ น ทางมาถึ ง กรุ ง เทพฯ เมื่ อ วั น ที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1898 / พ.ศ. 2441 ต่อไปนี้ เป็นรายชื่อเซอร์ 7 ท่านแรกของคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ที่เดินทางเข้ามาในสยาม เซอร์อิกนาส เซอร์ดอนาเซียน เซอร์กามิล เดอ เยซู เซอร์เซราฟิน เดอ มารี เซอร์เออเยน ดู ซาเครเกอ เซอร์เอดมอนด์ เซอร์ชอง แบร์ฆมันส์

24

อธิการิณี หลานของเซอร์อิกนาส ชาวอัลซาส ชาวอัลซาส ลูกครึ่งยุโรป-เวียดนาม ชาวเวียดนาม ชาวมาเก๊า


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

เซอร์ 7 ท่านแรกของคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ที่เดินทางเข้ามาในสยาม

เซอร์อิกนาส อธิการิณี

เซอร์ดอนาเซียน

เซอร์เอดมอนด์

หลานของเซอร์อิกนาส

ชาวเวียดนาม

เซอร์เซราฟิน เดอ มารี ชาวอัลซาส

เซอร์เออเยน ดู ซาเครเกอ

เซอร์ชอง แบร์ฆมันส์

ลูกครึ่งยุโรป-เวียดนาม

ชาวมาเก๊า

เซอร์กามิล เดอ เยซู ชาวอัลซาส 25


เซอร์ 7 ท่านแรกของคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ที่เดินทางเข้ามาในสยาม

เมื่อเดินทางมาถึงโรงพยาบาล บรรดาเซอร์มิสชันนารีไม่ได้รอช้า ทุกท่านได้ทุ่มเทกายและใจ ในการเรียนภาษาและอุทิศตนในการรับใช้ ผู้ป่วย เซอร์เซราฟิน เดอ มารี เป็นผู้มีพรสวรรค์ในด้านภาษาจึงสามารถ พู ด และสื่ อ สารได้ อ ย่ า งรวดเร็ ว แต่ แ ผนการของพระเป็ น เจ้ า ส� ำ หรั บ เซอร์เซราฟินนั้นไม่ใช่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ พระองค์ทรงเตรียมงานอื่น ที่ส�ำคัญไว้ส�ำหรับเซอร์เซราฟิน เพื่อมิสซังสยามที่รักของพระองค์ 26


บทที่ 3

คณะนักบวชพื้นเมือง

พระสังฆราชลังแบร์ต เดอ ลามอตต์ 27


คณะภคินีรักไม้กางเขนแห่งสามเสน

คณะนักบวชพืน้ เมืองแห่งสยามได้ถกู ตัง้ ขึน้ ครัง้ แรกในปี ค.ศ. 1672 / พ.ศ. 2215 ที่กรุงศรีอยุธยา โดยพระสังฆราชลังแบร์ต เดอ ลามอตต์ ผู้ตั้ง คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส หลังจากที่ ฯพณฯ ได้ตงั้ คณะรักกางเขน แล้ว 2 อารามที่โคชินไชน่า ในรายงานที่ส่งไปที่กระทรวงเผยแพร่พระวรสารเมื่อปี ค.ศ. 1764 / พ.ศ. 2307 พบว่าที่ประเทศสยามมีอารามคณะรักไม้กางเขนอยู่ 4 แห่ง และมีนักบวชทั้งหมด 54 คน แต่หลังจากพม่ายกทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา แตกเมื่อปี ค.ศ. 1767 / พ.ศ. 2310 และได้เผากรุงศรีอยุธยา อาราม รักไม้กางเขนก็ได้ถกู ท�ำลายด้วย บรรดานักบวชเหล่านัน้ ได้หนีกระจัดกระจาย ไปอยู่ที่อื่น ส่วนทีป่ ระเทศเวียดนาม พระเจ้าแผ่นดินมินหม่างได้ประกาศห้ามมิให้ คนญวนนับถือคริสตศาสนา ได้จบั พวกญวนทีเ่ ข้ารีตมาท�ำการทารุณต่างๆ ดัง นั้นในปี ค.ศ. 1834 / พ.ศ. 2377 คนญวนจ�ำนวนหนึ่งได้หลบหนีอพยพ ลี้ภัยมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นจ�ำนวนมาก ในบรรดาผู้ที่อพยพมานั้น มีคริสตังจ�ำนวนหนึ่งได้เข้ามาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระองค์ได้ทรงมีพระกรุณาต่อบรรดา ผูล้ ภี้ ยั เหล่านัน้ โดยทรงมีพระบรมราชานุญาตให้บรรดาคริสตังชาวเวียดนาม ตั้งบ้านเรือนได้ที่ต�ำบลสามเสน ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ยังคงถูกเรียกติดปากกัน มาจนถึงทุกวันนี้ว่า “บ้านญวน” 28


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

คริสตังญวนที่อพยพเข้ามาในครั้งนี้ได้แยกออกเป็น 2 พวก อีก พวกหนึ่งนั้นได้ไปอยู่ที่จันทบุรี ไม่เพียงแต่คริสตังเท่านั้นที่อพยพเข้ามา ในประเทศสยาม แต่มีญวนที่นับถือพระพุทธศาสนาด้วย พวกที่นับถือ พุทธศาสนาเมื่อไปตั้งภูมิล�ำเนาอยู่ ณ ที่ใดก็ได้สร้างวัดขึ้นที่นั่น แล้ว นิมนต์พระสงฆ์ญวนมาอยู่ปกครองวัด เพื่อประกอบกิจตามลัทธิทางศาสนา ที่ตนนับถือ ส่วนพวกญวนที่นับถือคริสตศาสนาก็เช่นเดียวกัน เมื่อไปตั้ง หลักแหล่งที่ใดก็ได้สร้างโบสถ์ขึ้น เพื่อประกอบกิจตามพิธีกรรมทางศาสนา ของตน โดยมีบาทหลวงฝรั่งเป็นผู้ปกครอง ที่สามเสน หรือบ้านญวน ได้มีนักบวชหญิง 2 คน คณะรักไม้กางเขน เดินทางอพยพเข้ามาพร้อมกับบรรดาคริสตังชาวเวียดนามด้วย นักบวชหญิง ทั้งสองนี้ได้ขอร้องพระสังฆราชกูร์เวอซีให้รับรองสถานะนักบวชของตน พระสังฆราชกูร์เวอซีได้เขียนรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปที่กรุงปารีสว่า “ภคินี 2 คนซึ่งเคยอยู่ในคณะที่โคชินไชน่าได้มาขอร้องเราให้รับเขาให้อยู่ใน ฐานะนักบวชต่อไป เราคิดจะสร้างอารามรักกางเขนขึ้นหลังหนึ่งในค่ายนี้ ซึ่งสามารถอยู่ได้ 10-15 คน และให้ถือวินัยอย่างที่เคยถือที่โคชินไชน่า ภคินเี หล่านีจ้ ะรับผิดชอบโรงเรียนเด็กหญิงเล็กๆ มิสซังจะให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะในระยะเริม่ ต้น ข้าพเจ้าหวังว่าในไม่ชา้ เขาจะสามารถช่วยตัวเองได้ อาศัยงานทีเ่ ขาสามารถท�ำได้ นอกนัน้ อาจจะมีรายได้จากเงินทานบ้าง โดยการ รับเป็นธุระดูแลโรงเลี้ยงเด็กก�ำพร้า” เนื่องจากอารามแห่งนี้ขาดผู้ให้การอบรม ดังนั้น การด�ำเนินการ จึงไม่ได้เกิดผลเท่าที่ควร ดังที่เราพบในรายงานของพระสังฆราชกูร์เวอซี ในปี ค.ศ. 1839 / พ.ศ. 2382 ว่า ที่กรุงเทพฯ ได้มีคณะรักกางเขนที่ถูก ยุบแล้ว เพราะขาดระเบียบวินัย

29


คุณพ่ ออาลอยส์ อัลฟองส์ ดอนต์ จนกระทั่งถึงสมัยคุณพ่ออาลอยส์ อัลฟองส์ ดอนต์ หรือที่สัตบุรุษ ในสมัยนั้นได้เรียกท่านว่า คุณพ่อปีโอ สงฆ์คณะมิสซังต่างประเทศแห่ง กรุงปารีส เชือ้ ชาติเบลเยีย่ ม ท่านได้เดินทางเข้ามาในประเทศสยามในปี ค.ศ. 1867 / พ.ศ. 2410 และต่อมาในปี ค.ศ. 1871 / พ.ศ. 2414 ท่านก็ได้ รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดสามเสนแทนคุณพ่อยีบาร์ตา คุณพ่อดอนต์ได้ เริ่มมีบทบาทต่ออารามแห่งนี้อย่างมาก ท่านได้เอาใจใส่ดูแลทั้งทางด้าน ฝ่ายกายและวิญญาณของภคินี ท่านได้ท�ำการปรับปรุงอาคารของอาราม ที่สามเสนในปี ค.ศ. 1897 / พ.ศ. 2440 หลังจากที่ท่านได้ปรับปรุง อาคารของอารามแล้ว ท่านได้รวบรวมผู้สมัครรับการอบรมจ�ำนวน 12 คน จากอารามเก่า 6 คน และอีก 6 คนที่สมัครเข้าใหม่ คุณพ่อดอนต์ได้ท�ำการ เปิดนวกสถานและให้การอบรมด้วยตัวเอง 30


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

คุณพ่ ออาลอยส์ อัลฟองส์ ดอนต์ หลังจากที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ได้เปิดท�ำการแล้ว คุณพ่อดอนต์ ซึ่งล้มป่วยลงได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล คุณพ่อได้เกิดความประทับใจ ในการท�ำงานของบรรดาภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร คุณพ่อจึงเกิดความคิด ที่จะขอภคินีคณะนี้มาเป็นผู้ให้การอบรมที่อารามสามเสน แต่ท่านก็ไม่แน่ใจ นักว่าการขอของท่านจะได้รับการตอบตกลงจากคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ท่านจึงได้ท�ำการปรึกษากับพระสังฆราชเวย์ พระคุณเจ้าให้การสนับสนุน ในเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้น วันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1898 / พ.ศ. 2441 คุณพ่อจึงมีจดหมายไปถึงแมร์กันดิ๊ด แต่ความหวังของคุณพ่อดอนต์ยังไม่ได้รับค�ำตอบทันที ท่านต้อง รอจนถึง ปี ค.ศ. 1900 / พ.ศ. 2443 โอกาสที่แมร์เซลินนาผู้ตรวจ การของคณะจากบ้านศูนย์กลางที่ชาร์ตร ประเทศฝรั่งเศส ได้เดินทางมา 31


พร้อมกับแมร์กันดิ๊ด อธิการเจ้าคณะแขวงไซ่ง่อน เพื่อมาท�ำการตรวจ เยี่ยมภคินีของท่านที่ประเทศสยาม คุณพ่อดอนต์ได้ถือโอกาสนี้ท�ำการขอ ภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร เพื่อมาท�ำการอบรมภคินีพื้นเมืองอีกครั้ง หนึ่ง หลังจากที่แมร์ทั้งสองได้ไปเยี่ยมดูอารามแล้วแมร์ทั้งสองได้ตกลงใจ ที่จะส่งภคินี 2 คนจากไซ่ง่อนมาประจ�ำที่อารามสามเสน คุณพ่อดอนต์ ดีใจมากกับค�ำตอบรับของแมร์เซลินนา ท่านได้เขียนจดหมายไปขอบคุณ แมร์เซลินนาว่าดังนี้ “ผมขอขอบคุณแมร์อีกครั้งหนึ่งส�ำหรับบรรดาเซอร์ ที่แมร์ตกลงจะส่งมาเป็นผู้น�ำในอารามพื้นเมืองเล็กๆ ของผม ผมแน่ใจ ว่าเซอร์ที่แมร์เลือกที่จะส่งมานั้น เป็นผู้เหมาะสมกับงานนี้ ผมได้เรียน แมร์แล้วว่า ผมรอคอยมานานทีเดียวกับการตัดสินใจของแมร์ เพื่อความ ปรารถนาของผมจะได้เป็นจริง ผมได้มีความหวังเช่นนี้มานานแล้ว”

ร่างข้อตกลงในการส่งภคินเี ซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร มาให้การอบรม ภคินีพื้นเมืองที่อารามสามเสน

หลั ง ที่ แ มร์ เ ซลิ น นาได้ ต อบตกลงด้ ว ยวาจาแล้ ว ทางมิ ส ซั ง และ ทางคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร โดยพระคุณเจ้าเวย์ ในนามของมิสซัง สยามได้ท�ำหนังสือตกลงร่วมกับแมร์เซลินนาและแมร์กันดิ๊ด ในนามของ คณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ในการส่งภคินีมาช่วยอบรมบรรดา สตรี ใ จศรั ท ธาที่ อ ารามสามเสน รายงานความคิ ด เห็ น เกี่ ย วกั บ เรื่ อ งนี้ ได้กระท�ำที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ กรุงเทพฯ ลงวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1900 / พ.ศ. 2443 ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดในข้อตกลง 32


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ข้อตกลงระหว่างมิสซังและคณะ เกี่ยวกับการอบรมภคินีพื้นเมือง ของสยาม 1. เงื่อนไขระหว่างมิสซังและคณะเซนต์ปอล คณะเซนต์ปอลรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการขอร้องจากพระคุณเจ้าเวย์ ให้มาอบรมภคินีพื้นเมือง ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อมิสซังโดยเฉพาะ ในการนี้ ทางคณะ ยินดีส่งเซอร์ชาวฝรั่งเศส 2 คนมาท�ำงานนี้ คณะขอให้มิสซังรับผิดชอบเซอร์ทั้งสอง ในด้านอาหาร เสื้อผ้า และสิ่งที่จ�ำเป็นในการด�ำรงชีวิต มิสซังต้องให้เงินบ�ำรุงแก่เซอร์แต่ละ ท่านเป็นจ�ำนวนเงิน 200 ฟรังก์ต่อปี เงื่อนไขนี้ได้รับการยอมรับจาก พระคุณเจ้าเวย์ 2. หัวข้อต่างๆ เกี่ยวกับการอบรม (1) ภคินีพื้นเมืองอาจจะใช้ชื่อว่า “ภคินีผู้ช่วยแห่งนักบุญเปาโล” (Soeurs Auxiliares de St. Paul) (2) ภคินีพื้นเมืองต้องถือว่าพระสังฆราชประมุขมิสซังเป็นอธิการ สูงสุดของตน แต่พวกเธอต้องอยู่ภายใต้การน�ำของคุณพ่อที่สามเสนและ อธิการิณีของบ้าน ซึ่งเป็นผู้แทนจากผู้ใหญ่ของคณะเซนต์ปอล (3) คุณพ่อเจ้าอาวาสวัดสามเสนจะต้องดูแลด้านชีวิต และทุกสิ่ง ที่เกี่ยวข้องด้านทรัพย์สินของบ้าน อธิการิณีของบ้านจะต้องปรึกษาหารือ กับคุณพ่ออยู่เสมอ แต่ทั้งนี้ยังอยู่ภายใต้การน�ำสูงสุดของประมุขมิสซัง (4) อธิ ก าริ ณี หรื อ นวกจารย์ จะอุ ทิ ศ ตนและมี ค วามรู ้ สึ ก ต่ อ โปสตุลันต์ เสมือนเป็นมารดาที่ดี และเตรียมการอบรมร่วมกับเซอร์ผู้ช่วย ชาวฝรั่งเศสที่จะมาประจ�ำอยู่ด้วย เซอร์จะพยายามพัฒนาสติปัญญาของ หญิงสาวที่ได้รับมอบหมายให้ดูแล แนะน�ำพวกเธอให้ปฏิบัติคุณความดี และมีความศรัทธาที่มั่นคง และมีน�้ำใสใจจริงในการท�ำหน้าที่ของตน 33


(5) ทุกวัน เซอร์จะฝึกให้หญิงสาวท�ำงานต่างๆ ซึ่งเธอต้องไปรับ ท�ำในเขตวัดต่างๆ เช่น งานบ้าน ท�ำครัว การซักเสื้อผ้า ซ่อมแซมเสื้อผ้า การรีดเสื้อผ้า และการตัดเย็บเสื้อผ้า เป็นต้น เซอร์จะสอนให้พวกเธอ ได้เรียนรู้วิธีการสอนและอบรมเด็กๆ เยี่ยงคริสตชน รวมทั้งสอนให้ดูแล รักษาคนเจ็บป่วยด้วย นอกนั้น เซอร์จะพยายามปลูกฝังความรักคณะและความสะอาด ให้แก่หญิงสาวพื้นเมือง สอนให้รู้จักประหยัด เพื่อที่จะได้ไว้ใช้จ่ายในการ ดูแลบ้านและโรงเรียน รวมทั้งมีไหวพริบและมีความรอบคอบ เพื่อที่จะ ได้รับหน้าที่ในการท�ำงานร่วมกับคุณพ่อและบรรดาคริสตชนได้อย่างจริงจัง และสมศักดิ์ศรี (6) ส�ำหรับเรื่องอาหารและเครื่องแต่งกาย จะใช้เครื่องแบบเท่าที่ จะเป็นไปได้ และปรับให้เข้ากับการแต่งกายของประเทศ (7) โปสตุลันต์จะมีเวลาก�ำหนดส�ำหรับปฏิบัติกิจศรัทธา ตื่นนอน และเข้านอน ท�ำงานและรับประทานอาหาร รวมทัง้ การเรียนรูเ้ กีย่ วกับศาสนา และการเรียนภาษาเวียดนาม (อันนัม) และภาษาสยาม (8) กิจศรัทธาจะต้องมีไม่มากจนเกินไป กิจศรัทธาอาจจะประกอบด้วย * ท�ำวัตรเช้า-เย็น * พิจารณามโนธรรม * ร�ำพึงตอนเช้า ครึ่งชั่วโมง * อ่านหนังสือศรัทธา ตอนเย็น * สวดสายประค�ำ * มิสซา และเฝ้าศีลมหาสนิท * รับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ 34


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

กิจศรัทธาต่างๆ เหล่านี้จะเป็นไปตามเวลาที่ก�ำหนดในกฎเกณฑ์ ส�ำหรับแต่ละวัน (9) เป็นการดีที่อธิการิณีจะพบโปสตุลันต์เป็นการส่วนตัวบ้าง เป็นครั้งคราว และก�ำหนดให้มีหนึ่งวันในแต่ละเดือนส�ำหรับการเข้าเงียบ ซึ่งอาจจะเป็นวันอาทิตย์แรกของเดือน (10) แต่ละปีจะท�ำการเข้าเงียบ ซึ่งภคินีตามวัดต่างๆ จะได้รับเรียก ให้มาร่วม เธอจะฉวยโอกาสนี้พบคุณแม่อธิการิณี และส่งรายงานประจ�ำปี เกี่ยวกับสภาพความเป็นไปในหน้าที่ที่เธอปฏิบัติ (11) เป็นการดีและจะเป็นการรอบคอบที่คุณแม่อธิการิณีของ สามเสนจะไปเยี่ ย มเยี ย นบ้ า นที่ พั ก ของภคิ นี พื้ น เมื อ งบ้ า งเป็ น ครั้ ง คราว อธิการิณีจะต้องห่วงใยการจัดการดูแลบ้านและการบริหารโรงเรียน ความ สั ม พั น ธ์ กั บ บุ ค คลภายนอก กั บ คริ ส ตชนและกั บ ผู ้ เ จ็ บ ป่ ว ยที่ เ ป็ น คน ต่างศาสนา ซึ่งภคินีจะต้องท�ำหน้าที่ของตนและให้บริการตามที่คุณพ่อ เจ้าวัดคาดหวังจากเธอ (12) ช่วงเวลาการเป็นโปสตุลันต์มีระยะเวลา 2 ปี หรืออาจจะเป็น เวลา 3 ปีส�ำหรับผู้ที่มีอายุน้อย ช่วงระยะเวลาในนวกสถานจะถูกก�ำหนด โดยพระสังฆราชแห่งกรุงเทพฯ หลังจากที่ได้ปรึกษาหารือกับอธิการิณี ของสามเสนและอธิการิณีของคณะเซนต์ปอล แต่จากประสบการณ์ในการ อบรมภคินีพื้นเมืองในดินแดนตะวันออกไกล และจากความคิดเห็นของ บรรดาพระสังฆราชและพระสงฆ์หลายองค์ เราเชื่อว่าระยะเวลา 10 ปี ในนวกสถานก่อนการปฏิญาณตนนั้นไม่มากเกินไป ทั้งนี้ เพราะเราสามารถ ยืนยันได้ว่า ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจถึงการปฏิญาณตนตลอดชีพ ในเรื่องการ ถือความยากจน พรหมจรรย์ และความนอบน้อมเชื่อฟัง (13) หากอธิการิณีเห็นความพากเพียรของภคินี ก็อาจจะให้ภคินี ปฏิญาณตนหลังจากผ่านช่วงเวลาตามที่ก�ำหนดไว้ ภคินีเหล่านี้จะได้รับเข้า 35


อยู่ในคณะเซนต์ปอล ถือเป็นส่วนหนึ่งของคณะ และเป็นสมาชิกที่เป็น นักบวช มีสิทธิเท่ากับสมาชิกของคณะ และคณะจะถือว่าเธอเป็นภคินี จนตลอดชีวิต (14) อย่างไรก็ตาม จ�ำเป็นที่ภคินีจะต้องเข้าใจว่า หากเธอท�ำผิด ในสายตาของบรรดาอธิการ และเห็นสมควรส่งเธอกลับบ้าน หรือเธอคิด จะออกจากคณะด้วยตัวเอง อธิการิณีจะต้องไม่ชักจูงให้เธอกลับเข้ามาอีก ครั้งหนึ่ง (15) จ�ำเป็นทีจ่ ะต้องก�ำหนดเงือ่ นไขในการรับสมัครบรรดาหญิงสาว จ�ำเป็นที่จะต้องก�ำหนดการประชุมสมัชชาและการสารภาพความผิด เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่จ�ำเป็นอย่างยิ่งส�ำหรับคณะนักบวช (16) แต่ละปี อธิการิณีของสามเสนจะต้องส่งรายงานเกี่ยวกับ โปสตุลันต์ให้แก่คุณพ่อเจ้าอาวาสวัดสามเสน หรือแก่พระสังฆราช แต่ อธิ ก าริ ณี ก็ ยั ง คงติ ด ต่ อ สั ม พั น ธ์ กั บ บรรดาผู ้ ใ หญ่ ที่ ช าร์ ต รอย่ า งใกล้ ชิ ด โดยส่งรายงานผ่านทางอธิการิณีแขวงที่ไซ่ง่อน (โคชินไชน่า) หมายเหตุ ก่อนทีจ่ ะมีการพิมพ์ขอ้ ตกลงนี้ ให้มกี ารทดลองใช้ขอ้ ตกลง นี้สักระยะหนึ่งก่อน เพื่อที่จะได้ก�ำหนดให้ดียิ่งขึ้น บันทึกทีโ่ รงพยาบาลเซนต์หลุยส์ กรุงเทพฯ วันที่ 20 พฤษภาคม 1900 (แมร์เซลินนาและแมร์กันดิ๊ด ได้อยู่และได้เป็นพยาน และพระ สังฆราชเวย์ ได้รับข้อเสนอนี้ด้วยความยินดี โดยมีความหวังว่ากิจการนี้ จะบังเกิดผลอย่างดี) จากร่างข้อตกลงนี้ ไม่ได้เป็นตามนั้นทั้งหมด เช่น ภคินีไม่ได้ใช้ชื่อ ของคณะตามที่เสนอไว้ และแม้ว่าหลังการถวายตัวแล้ว ก็ไม่ได้รวมเข้า เป็นสมาชิกของคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ตามที่มีระบุไว้ในข้อที่ 13 36


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

การเดินทางมาถึงอารามสามเสนของเซอร์เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร

เซอร์ ฮั ง เรี๊ ย ต ซึ่ ง ได้ รั บ มอบหมายให้ ม าเป็ น อธิ ก ารของอารามที่ สามเสน และเซอร์ยุสตินผู้ช่วยได้เดินทางมาถึงเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ค.ศ. 1900 / พ.ศ. 2443 พระคุณเจ้าเวย์ได้เขียนจดหมายไปแจ้งให้ทางคณะ ภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ทราบถึงการเดินทางมาถึงของเซอร์ทั้งสอง ดังต่อไปนี้ “เป็นเวลา 8 วันแล้ว ที่เซอร์ที่ได้รับมอบหมายงานด้านการ อบรมภคินีพื้นเมืองของมิสซังสยาม ได้เข้าพ�ำนักที่เซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ การเดินทางข้ามน�้ำข้ามทะเลท�ำให้เซอร์ของเรารู้สึกอ่อนเพลีย แต่ก็เป็น เพียงอาการคลื่นเหียนเล็กน้อยและชั่วคราวเท่านั้น จ�ำเป็นที่ลูกที่รักของ พระเป็นเจ้าจะต้องได้รับการพิสูจน์ตนเองนับแต่การเริ่มงานในการสร้าง ความดีนี้”

อารามรั กกางเขนที่ สามเสน 37


ในหนังสือประวัติคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ได้เล่าว่า บรรดา สตรีที่อารามแห่งนี้ไม่เคยเห็นเซอร์ฝรั่งเศสมาก่อน เซอร์ทั้งสองได้เล่าว่า สตรีทั้ง 13 คนนั้นได้วิ่งไปซุกอยู่ในมุมของอารามเล็กๆ เหมือนไก่ที่ตื่นตกใจ แต่จากใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเซอร์ทั้งสอง และค�ำพูดของคุณพ่อ ดอนต์ที่สร้างความมั่นใจให้แก่พวกเธอ บรรดาหญิงสาวเหล่านั้นจึงพร้อมใจ กันคุกเข่าลงและแสดงความเคารพตามประเพณีของตนต่อเซอร์ทั้งสอง พวกเธอยังได้กล่าวกับเซอร์ทั้งสองด้วยว่า “พวกเรามีความปรารถนาอย่าง ยิ่งที่จะเชื่อฟังท่าน ท่านจะเป็นแม่ของพวกเรา และเราจะเป็นลูกของท่าน” วั น นั้ น เอง จึ ง เป็ น วั น แห่ ง ประวั ติ ศ าสตร์ ข องคณะนั ก บวชหญิ ง พื้นเมืองแห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เพราะถือเป็นวันก�ำเนิดของคณะ ภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ

วัดเซนต์ ฟรั งซิ สเซเวียร์ สามเสน 38


บทที่ 4

เซอร์เซราฟิน เดอ มารี กับบทบาทหน้าที่ ในการเป็นผู้วางรากฐานชีวิตนักบวช ที่อารามสามเสน

เซอร์เซราฟิน เดอ มารี 39


ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1902 / พ.ศ. 2446 เซอร์เซราฟิน เดอ มารี ได้

รับค�ำสัง่ จากคุณแม่กนั ดิด๊ อธิการิณที ไี่ ซ่งอ่ น ให้ไปประจ�ำทีอ่ ารามนักบวชหญิง พืน้ เมืองทีส่ ามเสน แทนเซอร์ยสุ ติน และให้เซอร์ยสุ ตินไปประจ�ำทีโ่ รงพยาบาล เซนต์หลุยส์แทน เซอร์เซราฟินได้มาประจ�ำที่อารามสามเสนในฐานะผู้ช่วย เซอร์ฮังเรี๊ยตอยู่ประมาณ 15 เดือน จากนั้นแมร์กันดิ๊ดก็ได้เรียกเซอร์ ฮังเรี๊ยตกลับไปที่ประเทศเวียดนาม และได้ตั้งเซอร์เซราฟิน เดอ มารี เป็นอธิการิณีที่อารามสามเสนแทน พร้อมกันนี้ ท่านได้ส่งเซอร์เซซีเลีย มาเป็นผู้ช่วยเซอร์เซราฟิน เดอ มารี

ภาระหน้าที่ในฐานะอธิการิณีและผู้ให้การอบรม

หลังจากที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการิณีแล้ว คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี ได้เล่าในจดหมายที่เขียนไปที่ชาร์ตรเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1903 / พ.ศ. 2446 ว่า “...ตั้งแต่ที่ดิฉันได้มาประจ�ำอยู่สามเสนจนถึงบัดนี้ ดิฉัน รู้สึกมีความสุข ดิฉันมีความสบายใจอย่างยิ่ง ดิฉันเข้ากับบรรดาโปสตุลันต์ พื้นเมืองได้เป็นอย่างดี และดิฉันก็รู้สึกสบายใจในการอยู่กับอธิการของ ดิฉัน ทุกอย่างดีไปหมด ดิฉันไม่รู้สึกล�ำบากอะไร แต่ความสุขนี้อยู่ได้ไม่นาน นัก บางทีคุณแม่อาจจะทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แมร์กันดิ๊ด ได้เรียกอธิการ ของดิฉันกลับไปไซ่ง่อนและตั้งให้ดิฉันเป็นผู้รับผิดชอบบ้านที่สามเสนแทน ดิฉันไม่สามารถจะบอกกับคุณแม่ได้ว่าดิฉันต้องหลั่งน�้ำตากับเหตุการณ์นี้ มากเท่าไร แต่พระประสงค์ของพระได้ไขแสดงแก่ดิฉัน และดิฉันไม่สามารถ ที่จะต่อต้านเรื่องนี้ได้...” 40


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ขณะเมื่อท่านได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการิณี ท่านมีอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น ท่านได้เขียนในจดหมายฉบับเดียวกันนั้นว่าพระเป็นเจ้าได้ประทานพระพร ให้ท่านอย่างมากมาย “...บรรดาโปสตุลันต์ได้ท�ำความยุ่งยากให้แก่ดิฉัน ไม่น้อยทีเดียว เพราะพวกเธอต้องการการอบรมอย่างมากมาย หญิงสาว เหล่านี้ล้วนมาจากบ้านโดยตรงและไม่เคยเข้าโรงเรียนมาก่อน พวกเธอ ต้องฝึกหัดท�ำอาหารยุโรป เรียนรู้เรื่องการรีดเสื้อผ้า การเย็บผ้า เพื่อ ที่จะสามารถไปช่วยบรรดามิสชันนารีในอนาคต สิ่งที่ยากที่สุดก็คือการสอน พวกเธอในเรื่องชีวิตนักบวช...” จากจดหมายฉบับนี้เองท่า นได้ขอหนังสื อเกี่ ย วกั บ การอบรมเพื่ อ ที่ท่านจะได้ใช้เป็นคู่มือในการอบรมบรรดาโปสตุลันต์เหล่านั้น ในจดหมาย ฉบับเดียวกันนี้ ท่านได้พูดถึงเซอร์เซซีเลีย เดอ เยซู ว่าเธอเป็นคนสุขภาพ ไม่ค่อยดีนัก และบ่อยๆ ครั้งเธอมักจะป่วย และสิ่งนี้เองที่ท�ำให้คุณแม่ เซราฟินดูเหมือนอยู่คนเดียว

41


เมื่ อ จ� ำ นวนโปสตุ ลั น ต์ ไ ด้ เ พิ่ ม มากขึ้ น ทางคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตรจึงได้ส่งเซอร์ มารี เต๊ก มาประจ�ำอยู่ที่อารามสามเสนเพิ่มอีก คนหนึ่ง บรรดาโปสตุลันต์จะเรียกเซอร์มารี เต๊ก ว่า “ดามรี้” คุณแม่และเซอร์ทั้งสองได้พยายาม อย่ า งสุ ด ความสามารถในการสอนโปสตุ ลั น ต์ เกี่ยวกับชีวิตในการสวดภาวนา การท�ำงาน และ การอุทิศตน จนมีคนเปรียบอารามน้อยๆ แห่ง เซอร์ มารี เต๊ ก นี้ เ สมื อ นเป็ น ดั ง รั ง ผึ้ ง หรื อ รั ง มด ที่ ทุ ก คนต่ า ง ท�ำหน้าที่ของตนเองอย่างขมีขมันเพื่อความอยู่รอด โดยไม่เลือกงาน เช่น การเย็บอวน ย้อมผ้า ท�ำขนมเพื่อน�ำไปแลกกับฟืน ฯลฯ ต่อมา เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 1906 คุณแม่ได้เขียนรายงาน ไปที่ชาร์ตร อีกว่า “เราจ�ำเป็นต้องออกเรือไปเหมือนปีก่อนๆ เพื่อไปหาฟืนและปลา เพื่อท�ำปลาแห้งและหมัม (ปลาดองเค็มผสมกับข้าว) เนื่องจากเราไม่ ได้ ร�่ ำ รวย ดั ง นั้ น บรรดาโปสตุ ลั น ต์ จึ ง ต้ อ งท� ำ หน้ า ที่ ใ นการพายเรื อ ที่ เปรียบเสมือนอารามที่ลอยอยู่บนน�้ำ เซอร์เซซีเลียไม่แข็งแรงนัก และ ที่ที่จะต้องไปหาฟืนนั้นอยู่ใกล้ทะเล ดิฉันจึงส่งเธอไปกับบรรดาโปสตุลันต์ เพื่อที่เธอจะได้รับอากาศจากทะเลพร้อมท�ำหน้าที่เป็นผู้ดูแลให้การอบรม แก่ โ ปสตุ ลั น ต์ ด ้ ว ย เนื่ อ งจากการเดิ น ทางแต่ ล ะครั้ ง กิ น เวลานานอย่ า ง น้ อ ย 8 วั น และจะต้ อ งไปที่ นั่ น ถึ ง 3 ครั้ ง ดิ ฉั น เชื่ อ ว่ า ได้ เ รี ย นกั บ คุณแม่แล้วว่าเราไม่ได้ซื้อฟืนแต่เราท�ำการแลกเปลี่ยนกับขนมที่บรรดา โปสตุ ลั น ต์ ไ ด้ ท� ำ ไว้ ก ่ อ นที่ จ ะออกเดิ น ทาง ขนมนี้ ท� ำ จากแป้ ง ข้ า วเจ้ า ที่ 42


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

เราโม่เอง ผสมกับน�้ำตาลทรายแดง ค่าลงทุนไม่สูงนัก แต่ต้องใช้เวลา ท� ำนานหลายสั ป ดาห์ ที เ ดี ย ว บรรดาคริ ส ตั ง ในต� ำ บลนี้ ช ่ า งใจดี กั บ เซอร์ เซซี เ ลี ย และบรรดาโปสตุ ลั น ต์ อย่ า งที่ เ ราจะหาคนใจดี เ ช่ น นี้ ไ ม่ ไ ด้ อี ก แล้ว พวกเขาได้ให้ปลาเป็นกับข้าวส�ำหรับอาหารทั้ง 3 มื้อ โปสตุลันต์ ที่มีหน้าที่ท�ำครัวในระหว่างที่อยู่ในเรือ แน่ใจว่า พระเป็นเจ้าจะทรงเลี้ยงดู พวกเขา ดังนั้น เธอจึงหุงข้าวอย่างเดียว วันหนึ่งเซอร์เซซีเลียสังเกต เห็นโปสตุลันต์คนนั้นก�ำลังจดๆ จ้องๆ อยู่หน้าเตา โดยไม่ท�ำอะไร เซอร์ เซซีเลียจึงถามถึงสาเหตุ โปสตุลันต์จึงตอบว่า เธอก�ำลังรอพระเป็นเจ้า ส่งกับข้าวมาให้ ความวางใจของเธอได้รับการตอบสนอง เพราะมีผู้ใจดี คนหนึ่งท่าทางรีบร้อน เขาได้น�ำปลาหนึ่งตะคล้องกับแม่ไก่หนึ่งตัวมามอบ ให้เซอร์เซซีเลีย” 43


คุณแม่ได้เล่าต่อไปในจดหมายฉบับเดียวกันว่า “หลังจากที่หาฟืนได้แล้ว จ�ำเป็นที่จะต้องคิดถึงปลาที่จะต้องหาไว้ รั บ ประทานตลอดปี อี ก ด้ ว ย ครั้ ง นี้ ดิ ฉั น ได้ ไ ปด้ ว ยตั ว เอง และได้ เ อา เซอร์มารี เต๊ก ไปด้วยเพื่อที่เขาจะได้เรียนรู้ เราเอาโปสตุลันต์ไป 10 คน เราได้ พ บกั บ คริ ส ตั ง ใจศรั ท ธา พวกเขาได้ ใ ห้ ป ลาที่ เ ราสามารถเก็ บ ไว้ รับประทานได้ตลอด 1 ปี โดยไม่คิดสตางค์ และในระหว่างที่เราอยู่ที่นี่ เขาก็ได้ให้อาหารแก่เราทุกวันด้วย เราจ�ำเป็นต้องรีบเดินทางกลับ เนื่องจาก การเข้าเงียบประจ�ำปีซ่ึงได้เริ่มเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา แต่หลังจาก การเข้าเงียบจบแล้ว ดิฉันจ�ำเป็นต้องอยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ต่ออีก 8 วัน เพราะเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์มีโปสตุลันต์คนหนึ่งได้เข้ารับการผ่าตัด ไส้ติ่ง การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี แม้ว่าเขาจะต้องเจ็บปวดมากทีเดียว แต่เขา ก็ได้รับการรักษาอย่างดี และได้กลับมาอารามแล้ว” บรรดาเซอร์และโปสตุลันต์ไม่ได้ท�ำขนมเพื่อขายเท่านั้น แต่พวกเธอ ได้ท�ำเพื่อเอาไปแลกกับฟืนด้วย ดังที่คุณแม่ได้เล่าไว้แล้วข้างต้น ที่อาราม มีเรือใหญ่ ซึ่งต้องใช้คนพายถึง 3 คน และการพายนี้ต้องผลัดเปลี่ยนกัน ทุกครึ่งชั่วโมง การเดินทางต้องใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ จึงจะถึงที่หมาย งาน ของพวกเธอเป็นงานหนัก แต่พวกเธอก็เต็มไปด้วยความสุขใจ โดยเฉพาะ เมื่อเห็นโรงฟืนเต็มไปด้วยฟืนที่สามารถเก็บไว้ใช้ได้ตลอดทั้งปี และนี่เป็น สิ่งหนึ่งที่ช่วยประหยัดได้อย่างมากทีเดียว การเดินทางไปแลกฟืนและไปท�ำปลาแห้งและปลาหมัมนั้นเป็นเรื่อง ที่ส�ำคัญมากทีเดียวส�ำหรับอารามแห่งนี้ มีบางครั้งที่ในระหว่างการเดินทาง พวกเธอได้ตกปลา และเวลาพลบค�่ำพวกเธอจะจุดไต้และเอาผ้าขี้ริ้วมาพัน มือเพื่อออกไปจับปู สิ่งเหล่านี้เรียกความสนใจจากชาวบ้าน เพราะบางครั้งมี 44


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ชาวบ้านที่ไม่เคยเห็นเซอร์มาก่อน ดังนั้น เมื่อพวกเขาเห็นเซอร์เซราฟิน ทีห่ น้าตาเป็นฝรัง่ แต่งชุดประหลาดๆ พวกเขาจึงคิดว่าในเรือนีม้ ตี กุ๊ ตาตัวใหญ่ อยูด่ ว้ ย ชายคนหนึง่ อายุ 80 ปี รูส้ กึ ประหลาดใจในสิง่ ทีเ่ ขาได้เห็น เขาจึงเรียก คนอืน่ ๆ มาดูดว้ ย “มาดูทเี่ รือล�ำนีซ้ ิ มีตกุ๊ ตาตัวใหญ่ใส่เสือ้ ผ้าและมีหวั สีขาว” คุณแม่เซราฟินหัวเราะและร้องออกมาว่า “โอ้พระเจ้าข้า ลูกได้กลายเป็น ตุ๊กตาไปแล้วหรือนี่!” เมื่อเป็นเช่นนี้คุณแม่เซราฟินจึงพยายามขยับเขยื้อน และพูดคุย เพื่อให้ชาวบ้านรู้ว่าเธอไม่ใช่ตุ๊กตา ยิ่งกว่านั้นคุณแม่ยังพูดภาษา สยามได้อีกด้วย สิ่งเหล่านี้เองที่สร้างความประหลาดใจแก่ชาวบ้านที่ได้ พบเห็น คุณแม่ได้เล่าต่อไปว่าหลังจากเหตุการณ์ต่างๆ ได้ผ่านพ้นไปแล้ว คุณแม่ได้เชิญคุณพ่อดอนต์มาให้การเข้าเงียบแก่บรรดาโปสตุลันต์ และ ในโอกาสนี้เอง ที่เซอร์ดอนาเซียน อธิการที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ และ เซอร์เซเวียร์ อธิการที่โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ ได้ส่งผู้ฝึกหัดของ คณะเซนต์ปอลฯ สองคนมาร่วมเข้าเงียบกับโปสตุลนั ต์ทสี่ ามเสน เพราะการ เข้าเงียบเป็นภาษาไทย ซึ่งท�ำให้ทั้งสองเข้าใจได้เป็นอย่างดี 45


ไม่เพียงแต่งานด้านการอบรมโปสตุลันต์พื้นเมืองเท่านั้น แต่คุณแม่ และเซอร์ทั้งสองยังต้องท�ำหน้าที่ดูแลเด็กก�ำพร้าอีกด้วย คุณแม่ได้เขียน เล่าให้ผู้ใหญ่ที่ชาร์ตรฟังว่า “วันนี้ วันที่ 16 ธันวาคม เรามีเด็กรับศีลมหาสนิทครั้งแรก 5 คน เด็กเหล่านี้เป็นเด็กก�ำพร้าที่เราเลี้ยงไว้ ในพวกเขามีคนหนึ่งอายุ 12 ปี เธอได้รบั ศีลล้างบาปเมือ่ วานตอนเย็น และเช้านีก้ ไ็ ด้รบั ศีลมหาสนิทครัง้ แรก ด้วย วันอาทิตย์หน้าพวกเธอจะได้รับศีลก�ำลังจากพระสังฆราชเวย์ เด็กที่จะ รับศีลก�ำลังมีทั้งหมด 10 คน คนที่อายุมากที่สุด คือ 16 ปี เด็กคนนี้จะได้ รับศีลล้างบาปในเย็นวันเสาร์ และวันรุ่งขึ้นก็จะรับศีลมหาสนิทครั้งแรกและ ศีลก�ำลังด้วย ปัจจุบันที่อารามมีโปสตุลันต์ทั้งหมด 23 คน และเด็กก�ำพร้า ผู้หญิงอีก 22 คน นอกนั้นที่วัดมีคุณพ่ออีก 2 องค์ที่เราต้องดูแลเรื่องอาหาร และเสื้อผ้า” เป็นเรื่องที่ไม่น่าสงสัยว่าคุณแม่และเซอร์ที่อยู่ด้วยคงจะไม่มีเวลา ว่างอย่างแน่นอน เพราะต้องดูแลโปสตุลันต์และเด็กก�ำพร้าถึง 45 คน แต่ คุณแม่เซราฟินผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณธรรมทูต กลับพบความสุข ในกระแสเรียกของท่านดังที่ท่านเล่าไว้ในจดหมายฉบับเดียวกันว่า “พวกเรา ไม่เคยตกงานเลย แต่เมื่อเรารักกันและกัน ทุกสิ่งกลายเป็นเรื่องง่าย เช่น เดียวกัน ดิฉันสามารถกล่าวได้ว่าเมื่อเราได้ท�ำการเข้าเงียบร่วมกัน เราได้ พบความสุข”

46


คุณแม่ เซราฟิ น ผู้ร่วมงานของท่ านและเด็กก�ำพร้ าที่ หน้ าวัดสามเสน

จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

47


48

คุณแม่ เซราฟิ น ผู้ร่วมงานของท่ านและสมาชิ กรุ่ นแรกที่ หน้ าวัดสามเสน


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

คณะภคินีเซนต์ ปอล เดอ ชาร์ ตร ที่มาช่วยฝึกอบรมผู้สมัครเป็นนักบวชของ คุณพ่ออาลอยส์ อัลฟองส์ ดอนต์ ณ อารามพระหฤทัยที่สามเสนและที่คลองเตย 1. คุณแม่ ฮังเรี้ยต แฟรงเนย 2. เซอร์ยุสติน ดูซาเครเกอ 3. คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี 4. เซอร์เซซีเลีย เดอ เยซู รูสเซล 5. เซอร์มารี เต๊ก เบลวาล 6. เซอร์ลูเซียน ปัวคิเย 7. เซอร์มาร์ติน โยเซฟ ลาแชร์ 8. เซอร์แมธิล เดอ เซนต์ปอล รูช 9. เซอร์ยอแซฟ วิลัยวรรณ มิกานนท์ 10. เซอร์มารี เดอ แลงคานาซียอง 11. เซอร์เยอเนอเวียฟ มาเรีย แบร์นาร์ด

49


ในจดหมายที่คุณแม่เขียนไปที่ชาร์ตรเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1907 / พ.ศ. 2450 คุณแม่ได้เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตประจ�ำวันของโปสตุลันต์ และการให้บริการแก่มิสซัง แต่ในขณะนั้นยังไม่มีใครไปประจ�ำอยู่ตามวัด นอกจากการให้บริการเวลาที่พระสงฆ์มาเข้าเงียบประจ�ำปี บรรดาพระสงฆ์ พอใจในการท�ำงานของบรรดาโปสตุลนั ต์มาก ยังคงต้องรออีก 2 ปี คือปี ค.ศ. 1909 / พ.ศ. 2452 ที่นักบวชพื้นเมืองเหล่านี้ได้เริ่มออกไปประจ�ำตามวัด เพื่อเป็นผู้ช่วยพระสงฆ์มิสชันนารี พวกเธอได้ถูกส่งไปที่ละสองคน คนหนึ่ง จะดูแลงานที่บ้าน ส่วนอีกคนหนึ่งจะเป็นครูสอนเรียนและสอนค�ำสอน ส่วนเด็กก�ำพร้าที่เลี้ยงไว้นั้น พวกเขาจะถูกส่งมาที่บ้านเด็กก�ำพร้า ที่สามเสนเป็นเวลาสองหรือสามปี เพื่อเตรียมตัวรับศีลมหาสนิทครั้งแรก เพราะพ่อแม่ของเด็กๆ เหล่านีอ้ าศัยอยูใ่ นชนบททีย่ งั ไม่มที งั้ วัดและโรงเรียน ดังนั้น พวกเขาจึงส่งลูกมาที่อารามสามเสน บรรดาเซอร์จะส่งเด็กเหล่านั้น ไปโรงเรียนและให้เรียนค�ำสอน ส่วนเด็กก�ำพร้าที่ไม่มีพ่อแม่ เด็กเหล่านี้ได้ กลายเป็นลูกของอาราม คุณแม่เซราฟินได้เล่าไว้ในจดหมายที่เขียนไปที่ชาร์ตรเมื่อวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 1916 / พ.ศ. 2459 เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของอารามอีกว่า “อารามไม่มรี ายได้อะไรเลย เหมือนประหนึง่ ว่าเราอยูโ่ ดดเดีย่ วในโลกนี้ ดิฉนั จึงคิดที่จะท�ำขนมพื้นเมืองเพื่อเอาไปขายที่ตลาด (หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบ กุหลาบ) บ่อยๆ ครัง้ ทีเดียวขนมขายไม่หมด และก็ไม่สามารถเก็บไว้ได้จนถึง วันรุ่งขึ้น ดิฉันจ�ำต้องแจกให้เด็กๆ และก�ำไรเล็กน้อยที่ได้ก็สูญหายไปด้วย” คุณแม่เซราฟินคิดว่าการท�ำเช่นนีส้ ำ� หรับชาวฝรัง่ เศสนัน้ ดูเหมือนเป็น เรื่องตลก แต่ส�ำหรับที่ประเทศสยามนั้น กลับเป็นเรื่องปกติธรรมดา ดังที่ คุณแม่ได้เล่าต่อไปว่า “บรรดาเจ้านายผู้หญิงทั้งหลาย (princesses) ต่างก็ ท�ำขนมขายและแข่งกันว่าขนมของใครจะอร่อยกว่ากัน” คุณแม่ได้เล่าเพิ่ม เติมอีกว่า “พระสนมองค์แรก (La première femme) ของพระเจ้าแผ่นดิน 50


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

พระองค์กอ่ นชอบขนมของเรามาก หลายครัง้ ทีพ่ ระนางไม่รสู้ กึ ตะขิดตะขวงใจ เลยที่จะเสวยในที่สาธารณะ ขณะที่พระนางอยู่นอกพระราชวังหลวง ภายใน พระต�ำหนักนอกเมือง เวลาที่พระนางเห็นเด็กๆ ขายขนมของเราผ่านมา พระนางจะซื้อขนมของเรา” เหมือนดังที่ท่านได้กล่าวว่า หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ท่าน ได้เล่าต่อไปว่า “คนญวนที่ในเขตวัดของเรามีธรรมเนียมในการท�ำเหล้าโรง และพวกเขาได้น�ำข้าวมาจ้างพวกเราโม่ รายได้นี้ได้ช่วยพวกเราบ้างเล็กน้อย ดิฉันคิดว่าเราจะสามารถมีรายได้จากสิ่งนี้ แต่ตรงกันข้าม เพราะหลังจากนั้น พระเจ้าแผ่นดินได้ทรงผูกขาดการท�ำเหล้านี้ และสั่งห้ามไม่ได้ผู้ใดท�ำ ถ้าผู้ใด ขัดขืนจะถูกจับเข้าคุก” ตัง้ แต่มาอยูท่ อี่ ารามสามเสน เซอร์มารี เต๊ก ได้ทมุ่ เทกายใจในการสอน โปสตุลันต์เรื่องการตัดเย็บและงานเย็บปักถักร้อย แต่การตัดเย็บนั้นต้อง ท�ำด้วยมือทั้งสิ้น เพราะที่อารามไม่มีจักรเย็บผ้า วันหนึ่งคุณแม่เซราฟิน ได้เดินทางเพื่อเอาขนมไปแลกกับปลา คุณแม่ได้ไปพบที่บ้านคริสตังคน หนึ่งมีจักรเย็บผ้า พวกเขาไม่รู้จักใช้จักรตัวนี้ ดังนั้น เขาจึงมอบจักรเย็บ ผ้านี้ให้แก่คุณแม่เซราฟิน ช่างโชคดีเสียนี่กระไร! คุณแม่ได้น�ำจักรตัวนั้น กลับมาที่อาราม เมื่อมีจักรเย็บผ้า การตัดเย็บก็มีคุณภาพและรวดเร็ว ขึ้นอย่างมาก ชั้นวางของขายเต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่เซอร์มารี และบรรดา โปสตุลันต์ได้ผลิตขึ้น แต่สิ่งที่ยังขาดไปก็คือ ลูกค้า เมื่อปรึกษาหารือกันแล้ว ความคิดหนึ่งก็ได้ผุดขึ้นมา นั่นก็คือ การส่งโปสตุลันต์คนหนึ่งไปขายเสื้อผ้า เหล่านัน้ ตามล�ำแม่นำ�้ โปสตุลนั ต์คนทีไ่ ด้รบั มอบหมายหน้าทีน่ ี้ ค่อนข้างมีอายุ เธอไม่รอช้ารีบลงเรือน�ำสินค้าล่องไปตามล�ำแม่น�้ำ การค้าด�ำเนินไปด้วยดี ประมาณสองปี คุณแม่เซราฟินได้ขอบคุณนักบุญยอแซฟอย่างสุดหัวใจ แต่ แล้ววันหนึง่ เหตุการณ์ทไี่ ม่คาดฝันก็ได้เกิดขึน้ ขณะทีโ่ ปสตุลนั ต์กำ� ลังล่องไป 51


ตามล�ำแม่นำ�้ เรือเครือ่ งล�ำหนึง่ ได้แล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท�ำให้เกิดคลืน่ และ ระลอกคลืน่ ได้มากระทบกับเรือล�ำน้อยของโปสตุลนั ต์ เรือเกิดเสียหลักและ พลิกคว�ำ่ ลงอย่างไม่ทนั ได้ตงั้ ตัว สินค้าได้จมลงน�ำ้ และโปสตุลนั ต์เองก็เปียก ปอนไปหมดทั้งตัว เมื่อกลับมาถึงอาราม ด้วยความโมโหเธอไม่รอช้าที่จะไป พบเซอร์มารี เต๊ก พร้อมทั้งกล่าวว่า “สิ้นสุดกันทีดามรี้ ฉันจะไม่ไปขายของ ทางเรืออีกต่อไป” การที่โปสตุลันต์คนนี้ปฏิเสธที่จะไม่ไปขายของทางเรือนั้น ไม่ใช่เพราะเธอกลัวตกน�ำ้ ตาย แต่เพราะเธออายทีท่ ำ� เรือล่ม เพราะชาวสยาม ในสมัยนั้นว่ายน�้ำเป็นทุกคน หลังจากเคราะห์รา้ ยครัง้ นี้ คุณแม่เซราฟินได้เล่าในจดหมายฉบับเดือน มกราคม ค.ศ. 1916 / พ.ศ. 2459 ว่า “ในสถานการณ์ที่ยุ่งยากเช่นนี้ดิฉัน พบสิง่ หนึง่ ทีจ่ ำ� เป็นทีส่ ดุ ก็คอื หันไปอ้อนวอนพระเป็นเจ้าและนักบุญยอแซฟ ขอให้ทรงอุปถัมภ์ค�้ำชูอารามที่น่าสงสาร เช่น อารามของเรานี้ ดิฉันได้เกิด ความคิดขึ้นมาใหม่ โดยส่งโปสตุลันต์สองคนที่อายุน้อยกว่าคนอื่นๆ ให้ไป เดินขายเสื้อผ้า และนี่เองที่ท�ำให้เราได้เป็นที่รู้จัก และบัดนี้ชาวสยามได้มา หาเราถึงที่บ้าน ท�ำให้เรามีงานท�ำ และมีรายได้พอที่จะเลี้ยงทุกคนรวมทั้ง คุณพ่อด้วย คุณพ่อท่านอยู่คนเดียว และมีรายได้ไม่เพียงพอ” รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีอยู่ว่า คุณแม่เซราฟินได้ส่งโปสตุลันต์ สองคนให้ไปเดินเร่ขายเสื้อผ้าที่เซอร์มารี เต๊ก ได้ผลิตขึ้น ในช่วงแรกการ ขายด�ำเนินไปด้วยดี ทุกวันโปสตุลันต์ทั้งสองจะน�ำกล่องบรรจุสินค้าเปล่า กลับอาราม คุณพ่อปีโอได้ให้ก�ำลังใจแก่พวกเธอพร้อมทั้งกล่าวว่า“พระ เป็นเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์อวยพรกิจการนี้” ถูกแล้ว พระญาณ เอื้ออาทรของพระองค์ทรงน�ำอารามน้อยๆ แห่งนี้ เช้าวันหนึ่งโปสตุลันต์ทั้งสองได้ออกเดินทางไปไกลขึ้น แต่ทันใด นั้นเอง ได้มีควายฝูงหนึ่งไล่ตามหลังเธอทั้งสอง ด้วยความกลัว ทั้งสองได้ 52


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

วิง่ หนีอย่างสุดชีวติ และก็ได้มาหยุดพักทีก่ ำ� แพงแห่งหนึง่ ด้วยอาการเหนือ่ ย หอบ โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือก�ำแพงวัง คนในวังได้เรียกทั้งสองไปถามไถ่และ ก็ขอดูของที่อยู่ในกล่อง เมื่อโปสตุลันต์ได้เปิดกล่องออก ข้าราชบริพารคน นัน้ ได้เห็นเสือ้ ผ้าสวยงามทีบ่ รรจุอยูใ่ นกล่อง จึงได้นำ� ความขึน้ กราบทูลสมเด็จ พระบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชินีทรงเรียกเด็กทั้งสองเข้าไปเพื่อไต่ถาม ด้วยตัวพระนางเอง หลังจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันครั้งนี้ที่ได้น�ำโปสตุลันต์ ทั้งสองไปจนถึงพระราชวัง ทางวังได้ส่งคนมาที่อารามสามเสนเพื่อดูว่าสิ่งที่ โปสตุลันต์ทั้งสองได้กราบทูลนั้นเป็นความจริงหรือไม่ จากนั้ น สมเด็จพระบรมราชินีทรงพระราชทานเงิ น ช่ วยเหลื อมา ทีอ่ ารามจ�ำนวน 1,000 ตีโกส�ำหรับอาราม และจ�ำนวน 30 ตีโกส�ำหรับสมาชิก แต่ละคน และในปีต่อมาพระนางได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์มาให้ ที่อารามอีกจ�ำนวน 3,000 ตีโก ไม่นานต่อมา บรรดาเจ้านายต่างพากันมาที่อารามสามเสน เพื่อมา ตัดเย็บเสื้อผ้าตามสมัยนิยม เพราะสมัยก่อนชาวสยามนุ่งห่มค่อนข้างน้อย เด็กๆ จะปล่อยท่อนบนของร่างกายเปลือยเปล่า ส่วนสตรีก็มีเพียงผ้าแถบ แต่หลังจากทีพ่ ระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ได้ทรงเสด็จกลับจาก การประพาสยุโรป พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ข้าราชบริพารนุ่งห่ม และเสื้อผ้า ของบรรดาข้าราชบริพารของพระองค์ส่วนหนึ่งก็มาจากฝีมือการตัดเย็บของ ภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ที่ประจ�ำอยู่ที่อารามสามเสน บรรดาเด็กๆ และ หญิงสาวสามารถหารสนิยมแปลกๆ ใหม่ๆ ได้จากเซอร์มารี เต๊ก บรรดา โปสตุลันต์ได้เพิ่มจ�ำนวนขึ้นเรื่อยๆ และพวกเธอต่างก็มีงานท�ำไม่ขาดสาย ท�ำให้ความเป็นอยู่ค่อนข้างดีขึ้น สมเด็จพระบรมราชินีและบรรดาเจ้านายได้พระราชทานทรัพย์ช่วย เหลือเด็กก�ำพร้า เมื่อได้รับเงินพระราชทานแต่ละครั้ง เงินนั้นจะถูกน�ำไปวาง 53


แทบเท้ารูปปัน้ พระแม่มารีอาทีต่ งั้ อยูใ่ นครัว ทางอารามได้นำ� เงินท�ำบุญนัน้ มา สร้างถ�้ำแม่พระจ�ำลอง และที่นี่เองที่มีคนมาสวดภาวนาเสมอ รวมถึงคนต่าง ศาสนาทีม่ คี วามเลือ่ มใสศรัทธาในพระศาสนาก็พากันมาสวดภาวนาทีถ่ ำ�้ แห่งนี้ ด้วย เพราะพวกเขาต้องการรูเ้ กีย่ วกับศาสนาทีด่ ี รวมทัง้ เกีย่ วกับชีวติ นักบวช แต่อนิจจา ไม่กปี่ ตี อ่ มา สมเด็จพระบรมราชินที รงสิน้ พระชนม์ (มีความ เป็นได้สูงว่าน่าจะเป็นสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เพราะสมเด็จฯ ทรงเสด็จสวรรคตปี ค.ศ. 1919 / พ.ศ. 2462) บรรดาภคินที อี่ ารามสามเสน มีความเสียใจเป็นอย่างยิง่ และซาบซึง้ ในพระมหากรุณาธิคณ ุ ของสมเด็จฯ ที่ ทรงมีต่ออาราม พวกเธอได้น�ำพวงมาลาไปถวายหน้าพระบรมศพ เนื่องจาก บรรดาภคินีเพิ่งจะมีเครื่องแบบนักบวชชุดด�ำพร้อมผ้าคลุมศีรษะ บรรดา คนไทยทีเ่ ห็นภคินสี ามเสนทีไ่ ปวางพวงมาลา ต่างพากันคิดว่าพวกเธอแต่งชุด ไว้ทุกข์ถวายแด่สมเด็จพระบรมราชินี งานด้ า นการตั ด เย็ บ กลายเป็ น งานหลั ก ของอารามที่ ท� ำ ให้ อ าราม มีรายได้เลี้ยงตัวเอง คุณแม่เซราฟินมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังมีความยุ่งยากและหนักใจในด้านการอบรมเรื่องชีวิตนักบวชให้แก่ บรรดาโปสตุลนั ต์ มีผสู้ มัครเข้าอารามเพิม่ มากขึน้ เรือ่ ยๆ แม้แต่เด็กหญิงอายุ แค่ 14 ปีก็มาสมัครเข้าอารามด้วยเช่นกัน จะไปหวังอะไรมากนักจากเด็กๆ เหล่านี้ บางครั้งก็ต้องปิดหูปิดตาท�ำเป็นมองไม่เห็นความซุกซนของพวกเธอ แต่ภายใต้การน�ำทีช่ าญฉลาดและความอดทนอย่างเป็นเลิศของคุณพ่อดอนต์ ทีม่ ตี อ่ บรรดาลูกสาวทีร่ กั ของท่าน รวมทัง้ การอุทติ นอย่างไม่รจู้ กั เหน็ดเหนือ่ ย ของคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี สมองน้อยๆ ของพวกเธอจึงเริ่มเข้าใจถึงชีวิต นักบวชทีละเล็กทีละน้อย

54


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

งานเย็บปั กถักร้ อยเป็ นงานหลักของคณะ

55


วันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 1916 / พ.ศ. 2459 คุณพ่อดอนต์ได้ ถึงแก่กรรมอย่างสงบ หลังจากที่ได้เห็นอารามที่ท่านได้ทุ่มเทกายใจได้ก้าว รุดหน้าไป มีภคินจี ำ� นวน 12 คนได้ไปประจ�ำอยูต่ ามวัดแล้ว และยังมีโปสตุลนั ต์ อีกจ�ำนวน 35 คนทีก่ ำ� ลังอยูใ่ นระหว่างการอบรม คุณพ่อบรัวซาต์ได้รบั แต่งตัง้ ให้มารับหน้าที่ต่อจากคุณพ่อดอนต์ ทันทีที่มาถึงคุณพ่อไม่รอช้าที่จะท�ำการ ขยายอาราม ท่านได้สร้างอาคารเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหลังเพื่อรองรับจ�ำนวน โปสตุลันต์และเด็กก�ำพร้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปี ค.ศ. 1919 / พ.ศ. 2462 หลังจากที่ได้ทุ่มเทกายใจให้แก่อาราม เป็นเวลาหลายปี เซอร์เซซีเลียก็ได้ถึงแก่กรรมอย่างสงบ ในโอกาสนี้เอง แมร์เอเม เดอ ซาเครเกอ มหาธิการิณีคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ได้เขียนจดหมายถึงพระคุณเจ้าแปร์รอส เพื่อขอบคุณส�ำหรับจดหมายที่ ฯพณฯ ได้ส่งข่าวเรื่องเซอร์เซซีเลีย และในโอกาสนี้เอง แมร์เอเมได้พูดถึง อารามสามเสนไว้ว่า “ดิฉันมีความสนใจอย่างมากส�ำหรับความก้าวหน้า

ประตูทางเข้ าอารามพระหฤทัย สามเสน 56


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ในมิสซังของพระคุณเจ้า ดิฉันได้ รับทราบมานานแล้วว่านวกสถานที่ สามเสนนั้นมีความส�ำคัญอย่างยิ่ง ส�ำหรับเป็นเครื่องต่อรองกับคนต่าง ศาสนา ดิฉันตระหนักดีถึงภาระอัน หนักหน่วงของเซอร์เซราฟินและ เพือ่ นภคินที รี่ ว่ มงานกับเธอ ดิฉนั เอง มีความรูส้ กึ สงสารพวกเธอเป็นอย่าง มากทีเดียว” ในจดหมายฉบั บ เดี ย วกั น นั้ น คุ ณ แม่ เ อเมได้ ยื น ยั น ที่ จ ะให้ ความช่ ว ยเหลื อ ที่ อ ารามสามเสน ต่อไป แม้ว่าบ้านนักบวชหลายแห่ง ในประเทศฝรัง่ เศสต้องถูกปิด เนือ่ ง มาจากการขาดกระแสเรี ย กหลั ง สงครามโลกครั้งที่ 1

พิธีรับเสื ้อเข้ านวกภาพ ของโนวิสที่ อารามสามเสน

57


58

พิธีรับเสื ้อเข้ านวกภาพของโนวิสที่ อารามสามเสน


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

งานฉลอง 25 ปีชีวิตนักบวชของเซอร์มารี เต๊ก

ในปี ค.ศ. 1923 / พ.ศ. 2466 อารามที่สามเสนได้ท�ำประตูทางเข้า อารามใหม่ และได้เขียนชื่ออารามที่ประตูทางเข้านี้ว่า “อารามพระหฤทัย” ในปีเดียวกันนี้เอง คุณแม่เซราฟินได้จัดงานฉลองครบ 25 ปีชีวิต นักบวชให้กับเซอร์มารี เต๊ก เราได้พบหลักฐานนี้จากบทความของคุณพ่อ บรัวซาต์ที่ได้เล่าเรื่องนี้ไว้ว่า “วันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1923 ระฆังน้อยๆ ที่หอระฆังวัดสามเสน ได้พร้อมใจกันตีอย่างเริงร่าตั้งแต่เช้า เสียงระฆังเหล่านี้ได้ดังไปทั่วทุก สารทิศ เพือ่ เตือนคริสตชนทีอ่ าศัยอยูบ่ ริเวณรอบๆ ให้ทราบว่าทีบ่ า้ นนักบวช พื้นเมืองเล็กๆ แห่งนี้ก�ำลังมีงานฉลองของอารามที่ได้รับการอบรมโดย เซอร์เซนต์ปอลผู้เสียสละทั้ง 3 ท่าน อารามแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัด เซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากพระราชวังมากนัก 59


มีเสียงร�่ำลือไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าเสียงระฆังนี้เป็นสัญญาณของ การปิดการเข้าเงียบประจ�ำปี และจบด้วยการปฏิญาณถวายตัว บางคนก็ว่า เป็นสัญญาณของการรับเสือ้ ซึง่ บรรดาแอสปีรนั ต์ตา่ งรอคอยกันมานาน หรือ บรรดานวกเณรีที่ได้ท�ำการกล่าวถวายตัวต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรก และข่าวก็ได้แพร่กระจายไปทั่วด้วยความรวดเร็วดังความเร็วของรถไฟ ซึ่ง หัวจักรท�ำงานด้วยเครือ่ งจักรไฟฟ้า ดูเหมือนเป็นเรือ่ งน่าอัศจรรย์ใจของวิศวกร ที่แทบจะหาน�้ำมันเติมเครื่องจักรไม่ทัน เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อได้ยินเสียงระฆังแล้ว คริสตชนทุกคนต่างก็ มุ่งหน้ามาที่วัด เพื่อปฏิบัติศาสนกิจวันอาทิตย์ วันฉลองพระธรรมศักดิ์สิทธิ์ ล�้ำลึก และเพื่อมาดูพิธีปิดการเข้าเงียบของอารามน้อยๆ ที่สามเสนแห่งนี้ อารามที่ยังไม่มีวัดน้อยเป็นของตัวเอง เนื่องจากขาดทุนทรัพย์เพราะมิสซัง สยามยังอัตคัดขัดสนในด้านปัจจัย แต่ทว่าวันนี้ ที่วัดสามเสนแห่ง นี้ ไ ด้ มี ผู ้ ที่ มี แ ขนอั น ก� ำ ย� ำ มาช่ ว ยลั่ น ระฆังซึ่งท�ำให้เสียงของมันดังติดต่อกัน ไม่ ข าดสาย เสี ย งระฆั ง ในวั น นี้ ไ ด้ ใ ห้ ท�ำนองเสียงของวันฉลองอันสง่างาม มากกว่ า วั น ธรรมดา หู ข องคนทั่ ว ไป อาจจะไม่สามารถรับรู้ความหมายของ เสี ย งนี้ ใ นทั น ที นอกจากบรรดาเด็ ก ก� ำ พร้ า ที่ โ ตพอที่ จ ะรั บ รู ้ เ กี่ ย วกั บ งาน ฉลองที่ปิดเป็นความลับนี้ และก็เป็น พวกเขาเองทีไ่ ด้รบั หน้าทีด่ แู ลการตีระฆัง ในวันนี้ พวกเขาปรารถนาทีจ่ ะเชิญพีน่ อ้ ง 60

คุณพ่ อบรั วซาต์


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินให้มาร่วมเป็นน�้ำหนึ่งใจเดียวกัน สวดภาวนา ด้วยความร้อนรนส�ำหรับงานฉลองในวันนี้ เพื่อถวายเกียรติแด่พระเป็นเจ้า เพื่อมารดาคนที่สองของพวกเขาบนโลกนี้ มารดาซึ่งเป็นที่รักใคร่ของทุกคน พวกเขาได้วอนขอพระเป็นเจ้าเพื่อเธอจะได้อยู่กับพวกเขาอีกหลายๆ ปี

เซอร์ เซราฟิ น เดอมารี

เซอร์ มารี ลูเซี ยน

วั น ที่ 23 กั น ยายนนี้ เ อง เป็ น วันนี้ที่เซอร์เซราฟิน เดอ มารี อธิการิณี ของอารามและเซอร์ ม ารี ลู เ ซี ย น ผู ้ ช ่ ว ยคนที่ 2 ของเธอได้ เ ลื อ กเพื่ อ จัดฉลองครบรอบ 25 ปีของการถวาย ตั ว เป็ น นั ก บวชของเซอร์ ม ารี เต๊ ก เพื่ อ นสมาชิ ก ที่ รั ก ของเธอทั้ ง สอง ทั้ ง สองมี ค วามปรารถนาที่ จ ะให้ เ พื่ อ น เซอร์เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ส่วนใหญ่ ได้ ม าร่ ว มฉลองเพื่ อ แสดงความยิ น ดี และอวยพรแด่ผู้ฉลอง และความตั้งใจ ของเธอทั้ ง สองก็ ไ ด้ รั บ ค� ำ ตอบดั ง ที่ เธอได้ ค าดไว้ เพราะตั้ ง แต่ เ ช้ า มี ร ถ พาเซอร์มากกว่า 20 คน จากบ้านต่างๆ ในเมืองหลวง เพื่อมาร่วมงานฉลองนี้ ตอนเที่ยง ระฆังตีบอกงานเลี้ยง ฉันพี่น้อง บรรยากาศในวันนั้นรื่นรมย์ ไปด้วยเสียงดนตรีจากกระทรวงกลาโหม ที่ได้มาเล่นส�ำหรับงานนี้โดยเฉพาะ 61


เซอร์มารี เต๊ก ห้อมล้อมไปด้วยเซอร์ เซนต์ปอล 22 คน และภคินีพื้นเมืองอีก 94 คน ที่ได้รับการอบรมจากความร่วมมือ ของเธอ ภคินีเหล่านี้มีหน้าที่ดูแลโรงเรียน ต่างๆ ในมิสซัง ซึ่งนักบวชหญิงชาวยุโรป ไม่สามารถไปประจ�ำอยู่ได้ เซอร์มารี เต๊ก ยั ง มี ห น้ า ที่ ดู แ ลเด็ ก อ่ อ นซึ่ ง เป็ น ก� ำ พร้ า จ�ำนวน 47 คนอีกด้วย เธอท�ำงานไม่หยุด หย่ อ น โดยไม่ ค� ำ นึ ง ถึ ง เวลาและความ เหน็ ด เหนื่ อ ย จ� ำ เป็ น ที่ จ ะกล่ า วเพิ่ ม เติ ม เซอร์ มารี เต๊ ก โดยไม่ไปกระทบกับความสุภาพของเธอว่า บรรดาเทวดาน้อยๆ จ�ำนวนนับร้อยที่เธอได้ดูแล โปรดศีลล้างบาปให้และ ส่งไปสวรรค์นั้น แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลจากงานฉลองบนโลกนี้ แต่ก็ ไม่ลืมที่จะทอดสายตาลงมายังเธอ และได้ภาวนาต่อพระเป็นเจ้าอย่าง ร้อนรนเพือ่ เธอ บทเพลงทีใ่ ช้ขบั ร้องในงานนีม้ ที งั้ ภาษาฝรัง่ เศสและภาษาไทย ในบทกลอนที่เกิดจากหัวใจที่ผสมผสานกับศิลปะ ที่บรรยายถึงเหตุการณ์ ต่างๆ ของผู้ฉลองตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่ ซึ่งต่อมาได้ถวายตัวรับใช้ พระอาจารย์เจ้า คริสตชนในเขตวัดเซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน ไม่พลาดโอกาส ทีจ่ ะมากล่าวอวยพรและแสดงความเคารพแด่ผทู้ อี่ ทุ ศิ ตนอย่างเสียสละ และ ไม่ต้องการท�ำตัวให้เป็นที่รู้จัก เธอท�ำงานอย่างเงียบๆ ที่สามเสนแห่งนี้ ของขวั ญ มากมายที่ บุ ค คลเหล่ า นี้ ไ ด้ น� ำ มานั้ น เป็ น ประจั ก ษ์ พ ยาน อย่างเห็นได้ชดั และเป็นเครือ่ งบ่งบอกถึงความรูส้ กึ ทีแ่ ท้จริง แม้แต่ชาวยุโรป เองก็ไม่รอช้า เพราะตัง้ แต่วนั ก่อนงาน ชาวฝรัง่ เศสทัง้ ชายและหญิงกลุม่ หนึง่ ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ได้มาอวยพรเซอร์มารี เต๊ก ด้วยตัวเอง หรือไม่ก็ 62


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ฝากซองมาให้ สิง่ เหล่านีย้ นื ยันถึงความนับถือทีพ่ วกเขามีตอ่ กิจการคาทอลิก และพวกเราชาวฝรั่งเศสที่สามเสนแห่งนี้ รวมทั้งการเอาใจใส่ที่พวกเขา มีต่อเซอร์ทั้ง 3 ผู้อุทิศตนเพื่อกิจการนี้อย่างคล่องแคล่ว นับตั้งแต่กิจการนี้ ได้เริ่มก่อตั้ง ณ สามเสน ในตอนเย็นวันที่ 23 เราได้ยินท�ำนองสุดท้ายของระฆังที่ส่งเสียง เพื่อต้อนรับพระสังฆราชแปร์รอส ซึ่งเพิ่งเดินทางมาถึง เนื่องจากติดโปรด ศีลก�ำลังที่อาสนวิหาร และได้ต้อนรับผู้ช่วยประมุขมิสซัง บรรดามิสชันนารี และพระสงฆ์พื้นเมืองของมิสซังกรุงเทพฯ อีกจ�ำนวน 12 คน ดูเหมือน การมาถึงของพวกท่านนั้นช่างล่าช้า แต่จากค�ำอวยพรที่หลั่งออกมาจากใจ พวกท่านเหล่านี้ได้อวยพรให้เซอร์มารี เต๊ก ได้ท�ำงานอีกหลายๆ ปี ด้วย การอุทิศตนและด้วยความส�ำเร็จในหน้าที่ที่ดูเหมือนต�่ำต้อย แต่เป็นหน้าที่ ที่เธอรัก และเธอเองไม่เคยหยุดที่จะแสวงหาความดีอย่างต่อเนื่อง ค�ำอวยพรและความปรารถนาดีเหล่านี้ มีจุดประสงค์เพียงเพื่อฉลอง เซอร์เซนต์ปอลที่แท้จริงคนหนึ่ง ผู้ชอบท�ำงานเงียบๆ ไม่เป็นที่รู้จัก ซื่อสัตย์ ต่อธรรมวินัย บรรดาพระสงฆ์และนักบวชต่างประทับใจในการเสียสละ อุ ทิ ศ ตนเช่ น นี้ ทุ ก คนต่ า งก็ ย อมรั บ ความงดงามของระยะเวลา 25 ปี ที่ผ่านไป การออกห่างจากโลก เพื่อมาใช้ชีวิตในการสวดภาวนาและส�ำรวม จิตใจ การอุทิศตนท�ำงาน การท�ำงานกับจักรเย็บผ้า หรือกับหุ่นลองเสื้อ เย็บแล้วเลาะเพื่อเย็บใหม่ แก้ไขใหม่ตามแบบที่วางไว้ การท�ำเช่นนี้คือ งานของพวกโนวิสและเด็กก�ำพร้าที่ยังไม่ช�ำนาญ งานอีกอย่างหนึ่งของ เซอร์มารี เต๊ก ก็คือการนั่งที่โต๊ะท�ำงานเพื่อคอยรับฟังเรื่องทุกข์ร้อนใจ ของบรรดาโปสตุ ลั น ต์ ที่ แ ทบจะไม่ มี ค วามเข้ า ใจอะไรเลยเกี่ ย วกั บ การ ด�ำเนินชีวติ นักบวช นอกนัน้ เซอร์มารี เต๊ก ยังรับผิดชอบดูแลเด็กทีถ่ กู ทอดทิง้ เจ็บป่วยใกล้จะตายเพราะความโหดร้ายใจด�ำอ�ำมหิตผิดธรรมชาติของบรรดา พ่อแม่ที่เอาลูกมาทิ้งที่สถานเลี้ยงเด็กก�ำพร้าแห่งนี้ 63


นี่แหละคืองานฉลองที่เราท�ำกันอย่างเรียบๆ ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1923 ทีส่ ามเสน เสียงระฆังเงียบไปแล้วแต่มนั จะดังขึน้ อีกอย่างแน่นอน แต่คงไม่ใช่ท�ำนองที่ให้ความสุขตลอดวันแก่ผู้ที่มางานฉลองของครอบครัว แห่งอารามสามเสน เช่นเดียวกับความสุขทั้งหลายบนโลกนี้ งานฉลอง 25 ปีของเซอร์มารี เต๊ก ก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว...” คุณแม่เซราฟินไม่เพียงแต่เอาใจใสต่อผู้ร่วมงานของท่านเท่านั้น แต่ ท่านได้เอาใส่ต่อสมาชิกของคณะผู้ที่เปรียบเสมือนลูกๆ ของท่าน เพราะ อีก 3 ปีต่อมาท่านได้จัดงานฉลองครบรอบ 25 ปีปฏิญาณตนให้กับสมาชิก 6 คนแรกของคณะพร้อมกับจัดฉลอง 25 ปีของการก่อตั้งคณะ และนี่คือ บันทึกตอนหนึ่งของงานฉลองดังกล่าว “หลังมิสซาทุกคนได้มาชุมนุมกันที่ ห้องประชุมของอาราม ซึ่งได้รับการตกแต่งด้วยต้นไม้ ดอกไม้ และสายรุ้ง อย่างงดงาม ภคินี 6 คนแรกที่ท�ำการฉลองครบ 25 ปี สวมมงกุฎกุหลาบสี ขาว พวกเธอได้รับการต้อนรับด้วยบทเพลงที่เหมาะกับโอกาสนี้ รวมทั้งการ แสดงความยินดีและค�ำอวยพรจากภคินีรุ่นน้อง ในขณะที่บิดามารดา ญาติพี่ น้องจ�ำนวนมากมายต่างรออยูท่ หี่ อ้ งรับแขกอย่างใจจดใจจ่อ เพือ่ รอคอยเวลา แห่งความสุขที่จะได้ร่วมแสดงความยินดีกับผู้ฉลอง”

64


ที่ อารามสามเสนโอกาสจบการเข้ าเงียบประจ�ำปี

จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

65


บทที่ 5

การย้ายอาราม

พระคุณเจ้าโคลัมบัน เดรเยร์ ผู้แทนพระสันตะปาปาในเขตอินโดจีน (คนนั่งกลาง) 66


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ปี ค.ศ. 1930 / พ.ศ. 2473 หลังที่พระคุณเจ้าโคลัมบัน เดรเยร์

ผู ้ แ ทนพระสั น ตะปาปาในเขตอิ น โดจี น ได้ ม าท� ำ การตรวจเยี่ ย มที่ อ าราม พระหฤทัยฯ สามเสน ฯพณฯ ได้เขียนจดหมายถึงพระคุณเจ้าแปร์รอส ประมุ ข มิ ส ซั ง สยาม ในเรื่ อ งสภาพและความเป็ น อยู ่ ไ ว้ ห ลายประการ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ 1. ผู้ฝึกหัดขั้นต่างๆ ตั้งแต่ แอสปีรันต์ โปสตุลันต์ โนวิส และ ผู้ถวายตัวแล้ว (ซึ่งมีจ�ำนวนประมาณ 100 คนในอารามนี้) อยู่อย่างปะปน กัน ท�ำงานในห้องเดียวกัน และหน้าที่การท�ำงานก็ปะปนกันด้วย ซึ่งไม่เป็น ระเบียบและตรงกันข้ามกับการอบรมที่เหมาะสมส�ำหรับชีวิตนักบวช 2. พบว่าบุคคลเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นโปสตุลันต์หรือโนวิส ได้ไปท�ำงาน ตามวัดในมิสซัง เช่นเดียวกับผูถ้ วายตัวแล้ว ท�ำให้ขาดการอบรมในนวกสถาน เรื่องนี้ท�ำให้บรรดาอธิการไม่สามารถรับรองได้ว่าการถวายตัวเป็นนักบวชนั้น สมบูรณ์หรือไม่ เนื่องจากการขาดการอบรมอย่างต่อเนื่องในนวกสถาน 3. เขตพรตไม่มีความเหมาะสม เช่นจากบ้านคุณพ่อเจ้าวัด (และ เรื่องนี้ไม่มีทางแก้ไข) หรือจากโรงเรียนของบราเดอร์ที่อยู่ข้างๆ สามารถ มองเห็นห้องอาหาร ห้องนอน และห้องต่างๆ ในบ้านของภคินีได้อย่าง ง่ายดาย 4. ไม่ ว ่ า จะเป็ น ภคิ นี โนวิ ส หรื อ โปสตุ ลั น ต์ พวกเธอจ� ำ ต้ อ งไป ร่วมพิธีกรรมที่วัดทั้งวันธรรมดาและวันอาทิตย์ เพื่อร่วมในพิธีมิสซา เพื่อ 67


ขับร้อง แม้แต่ในมิสซาผู้ตายหรือมิสซาแต่งงาน เรื่องเหล่านี้เป็นต้นเหตุ ให้ต้องออกจากอารามเป็นประจ�ำ เป็นการขาดสมาธิ และจากประสบการณ์ พิสูจน์ว่าเป็นสิ่งล่อใจและบางครั้งเป็นต้นเหตุให้ต้องเสียกระแสเรียก 5. บุคคลภายนอกที่จะต้องไปที่ห้องรับแขก ห้องขายของ ห้องท�ำงาน หรือบ้านเด็กก�ำพร้าจ�ำเป็นต้องผ่านเขตพรตของภคินีก่อนที่จะไปยังสถานที่ ดังกล่าว 6. ที่วัดไม่มีห้องเก็บเครื่องสักการะ แต่ห้องนี้อยู่ที่อารามจึงจ�ำต้องไป หาทุกสิ่งที่จ�ำเป็นส�ำหรับพิธีกรรมที่นั่น 7. การเข้าเงียบส�ำหรับการรับเสื้อและถวายตัวมีระยะเวลาเพียง แค่ 5 วันเท่านั้น ฯพณฯ ผู้แทนสันตะส�ำนักยังได้ตั้งข้อสังเกตไว้อีกว่า ภคินีได้ท�ำงาน อย่างหนัก แต่การใช้จ่ายกลับอยู่ในอ�ำนาจของพระสงฆ์เจ้าอาวาส และ นอกนั้นภคินียังต้องท�ำอาหารจากรายได้ของพวกเธอ เพื่อเลี้ยงพระสงฆ์ ประจ�ำวัดและพระสงฆ์ที่ผ่านมาที่วัดอีกด้วย ฯพณฯ ยั ง ออกค� ำ สั่ ง ให้ อ ารามเป็ น อารามที่ ขึ้ น กั บ มิ ส ซั ง ไม่ ใ ช่ ขึ้นกับวัด และส�ำหรับพระสงฆ์จิตตาธิการนั้นไม่มีอ�ำนาจใดใดเหนืออาราม แห่งนี้ นอกจากให้บริการภคินีเกี่ยวกับศีลศักดิ์สิทธิ์และการอบรมด้าน ชีวิตฝ่ายจิต ฯพณฯ ผู ้ แ ทนสั น ตะส� ำ นั ก ยั ง ได้ สั่ ง ให้ ป ระมุ ข มิ ส ซั ง ปฏิ บั ติ ต าม ที่ ส มณกระทรวงเผยแพร่ พ ระวรสารได้ ว างระเบี ย บเอาไว้ คื อ ให้ ภ คิ นี พื้นเมืองมีผู้ปกครองชาวพื้นเมืองด้วยกันเอง แต่ถึงกระนั้น ฯพณฯ ก็ได้ ให้ความอะลุ้มอล่วยในระหว่างที่รอการเลือกตั้ง โดยมีค�ำสั่งดังต่อไปนี้ ก) ขอให้ตั้งมหาธิการิณีที่เป็นนักบวชจากคณะรักกางเขนโดยเร็ว เท่าที่จะท�ำได้ แต่ในระหว่างที่รอนั้น เราจะขอให้ทางสมณกระทรวง แต่งตั้ง 68


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

เซอร์เซราฟิน จากคณะเซนต์ปอล ผู้ได้อุทิศตนอย่างมากและเป็นเวลานาน หลายปีมาแล้ว และเป็นผู้ที่มีความช�ำนาญอย่างไม่มีที่ติในด้านการอบรมให้ แก่คณะนี้ คณะที่เธอได้อุทิศตนมาตลอดชีวิตของเธอ ข) ขอให้เซอร์มารี ปัจจุบันคือผู้ช่วยเซอร์เซราฟิน เป็นนวกจารย์ ค) ขอให้เซอร์เซนต์ปอลอีกคนหนึ่ง เป็นผู้ดูแลเยาวนารี ถ้าคณะ สามารถส่งมาให้ได้ จากการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ ฯพณฯ ได้ออกค�ำสั่งที่ส�ำคัญที่สุดส�ำหรับ อารามก็คือ ขอให้ย้ายอารามออกจากวัดสามเสน และให้อารามไปตั้งที่อื่น ฯพณฯ ได้ขอให้พระคุณเจ้าแปร์รอส ยกที่ดินผืนหนึ่งให้แก่อาราม “ถ้า มิสซังมีที่ดินที่เหมาะสมและยังว่างอยู่ เราขอให้พระคุณเจ้ายกให้แก่คณะ และยกให้ฟรีๆ เพราะคณะนีเ้ ป็นงานหนึง่ ของมิสซังมิใช่หรือ? และในอนาคต จะกลายเป็นกิจการที่ดีและก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลแก่มิสซัง มิใช่หรือ? ถ้ามิสซังไม่มีที่ดิน มหาธิการิณีจะจัดซื้อที่ดินผืนหนึ่งโดยการ อนุมัติของพระสังฆราช” ที่ จ ริ ง พระคุ ณ เจ้ า แปร์ ร อสได้ มี ค� ำ สั่ ง ให้ ค ณะเป็ น คณะที่ ขึ้ น ตรง ต่อสังฆมณฑลแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 1924 / พ.ศ. 2467 และในครั้งนั้น พระคุณเจ้ายังได้แต่งตั้งคุณแม่เซราฟินเป็นมหาธิการิณีปกครองคณะ แต่ อาจเป็นไปได้ว่าพระสงฆ์เจ้าอาวาสวัดสามเสนยังคงปฏิบัติต่ออารามเหมือน เมื่อก่อน หลังจากการตรวจเยี่ยมครั้งนี้แล้ว อารามพระหฤทัยฯ จ�ำต้องย้าย ออกจากวัดสามเสนตามค�ำสั่งของ ฯพณฯ ผู้ตรวจการ ปัญหาที่ตามมาก็คือ ภคินีจะย้ายไปที่ไหน? และจะเอาเงินที่ไหนไปสร้างอารามแห่งใหม่? คุณแม่เซราฟินได้มอบกิจการที่ส�ำคัญยิ่งนี้ไว้ในพระญาณเอื้ออาทร ของพระเป็นเจ้าและค�ำเสนอวิงวอนของท่านนักบุญยอแซฟ คุณแม่ได้ 69


เชิญชวนสมาชิกของคณะให้สวดภาวนาเพื่อโครงการที่ส�ำคัญยิ่งนี้ โดย ทุกๆ เช้าเวลา 8 โมง คุณแม่ได้สั่งให้ตีระฆังเพื่อที่สมาชิกทุกคนรวมทั้ง เด็กก�ำพร้าด้วย ให้มารวมกันที่วัด เพื่อสวดบทเร้าวิงวอนนักบุญยอแซฟ และจากนัน้ ทุกคนจะสวดพร้อมกันว่า “ข้าแต่พระเป็นเจ้า โปรดประทานบ้าน ให้แก่พวกลูกด้วยเทอญ” จากนัน้ ทุกคนจึงจะออกจากวัดไปท�ำงานตามหน้าที่ ของตน ในไม่ช้า คุณแม่เซราฟินก็สามารถหาที่ดินส�ำหรับสร้างอารามใหม่ ได้ส�ำเร็จ แต่ท่านก็ต้องประสบกับความยากล�ำบากในเรื่องนี้เป็นอย่าง มากทีเดียว ดังที่เราพบในจดหมายที่ท่านเขียนไปถึงมหาธิการคณะมิสซัง ต่างประเทศแห่งกรุงปารีส เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1931 / พ.ศ. 2474 “แม้ว่าดิฉันจะเป็นเพียงเซอร์เซนต์ปอลฯ ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น ดิฉันขออนุญาตที่จะเรียนพระคุณเจ้าถึงสถานะของดิฉัน เนื่องจากดิฉัน ได้ ท� ำ งานในมิ ส ซั ง ที่ ก รุ ง เทพฯ และพระคุ ณ เจ้ า เองมี สิ ท ธิ์ ที่ จ ะรั บ ทราบ เหตุการณ์ส�ำคัญๆ ที่ได้เกิดขึ้นในมิสซัง ดิฉันได้ท�ำงานให้กับมิสซังมานานถึง 30 ปีแล้ว โดยท�ำหน้าที่ให้ การอบรมแก่บรรดาภคินีพื้นเมือง หลังจากการตรวจเยี่ยมของพระคุณเจ้าเดรเยร์ ผู้แทนจากสันตะส�ำนัก ฯพณฯ ได้ตัดสินว่าอารามพื้นเมืองแห่งพระหฤทัยฯ ที่ตั้งอยู่ในเขตวัด เซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน (กรุงเทพฯ) ต้องย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ดิฉันมีความยากล�ำบากและมีความหนักใจมากเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน แรกทีเดียวคณะที่ปรึกษาของมิสซังเสนอที่ดินแห่งหนึ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะ สร้างอารามใหม่ ต่อมาในช่วงที่พระคุณเจ้าแปร์รอสไม่อยู่ พระคุณเจ้าได้ 70


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

เดินทางมาประเทศฝรั่งเศส ที่ปรึกษาของมิสซังได้แสดงเจตนาอย่างชัดแจ้ง ว่าอารามควรจะซือ้ ทีด่ นิ เองดีกว่าทีจ่ ะเอาทีด่ นิ ผืนหนึง่ ของมิสซัง แต่หลังจาก ที่พระคุณเจ้าแปร์รอสได้เดินทางกลับจากประเทศฝรั่งเศส พระคุณเจ้า พร้อมที่จะมอบที่ดินผืนหนึ่งของมิสซังให้กับอาราม ที่ดินผืนนี้เป็นที่ดินที่อยู่ ในท�ำเลที่ดีอยู่ติดกับโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ และเหมาะที่จะสร้างอาราม ต่อมาวันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 1930 คณะทีป่ รึกษาของมิสซังได้ประชุม กันที่สามเสนและปฏิเสธที่จะให้ที่ดิน แมร์ฟรังซัวส์ อธิการิณีของเซอร์เซนต์ปอลแขวงไซ่ง่อน ได้มา ที่กรุงเทพฯ พอดี ในช่วงต้นเดือนธันวาคม ค.ศ. 1930 ท่านได้รับทราบ เกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องที่ดินที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจากตัวดิฉันเอง ดิฉันมีเงินที่พร้อมจะมอบให้พระคุณเจ้าแปร์รอสจ�ำนวน 200,000 ฟรังก์ส�ำหรับที่จะใช้ในการก่อสร้างอารามได้ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 75,000 เซอร์เซนต์ปอลฯ ได้ซื้ออารามสามเสน 25,000 วัดสามเสนเป็นหนี้ ขอยืมไป 20,000 ตีโก ดอกเบี้ย 4% เป็นนานกว่า 6 ปี โดยไม่เคยจ่ายดอกเบี้ยเลย เงินจ�ำนวน 100,000 ตีโก นี้ยังไม่ได้รับ 8,000 อารามคาร์แมลเป็นหนี้ ให้ขอยืมไปโดยไม่คิดดอกเบี้ยและ ไม่จ�ำกัดเวลา การให้ยืมนี้ได้ท�ำในขณะที่ดิฉันไม่อยู่และไม่ได้รับทราบ รับใช้หนี้มาแล้ว 7,500 ตีโก เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 31 56,000 อยู่ในธนาคาร 22,000 โรงเรียนเซนต์คาเบรียล (สามเสน) เป็นหนี้ 15,000 ทรัพย์สินที่ตีราคาเป็นเงิน แม้ว่าดิฉันจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่พระคุณเจ้าเองต้องการซื้อที่ดิน ที่ใหญ่เกินไป ที่ดินนี้เป็นของบริษัทอีสเอเชียติ๊ก เพราะพระคุณเจ้าต้องการ 71


เอาใจบรรดาคนที่บริษัทอิสเอชียติ๊ก เท่าที่ดิฉันทราบ คนเหล่านี้ได้ให้บริการ แก่พระคุณเจ้าและเหรัญญิกของมิสซัง จากจดหมายของคุณแม่ พบว่าท่านเป็นสตรีท่ีมีความวิริยะอุตสาหะ และมีความบากบัน่ อย่างมากในการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่คณะ เพราะ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1903 / พ.ศ. 2446 ที่คุณแม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอธิการบ้าน ที่อารามสามเสน ในขณะนั้นสถานะการเงินของคณะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่จากในจดหมายฉบับนี้พบว่า อารามมีเงินถึงสองแสนตีโก แต่ถึงกระนั้น เงินจ�ำนวนนี้ก็ไม่เพียงพอที่จะซื้อที่ดินและสร้างอารามใหม่ เพราะมีเงิน จ�ำนวนไม่น้อยที่ได้ให้กู้ยืมไป ดังนั้นคุณแม่เซราฟินจึงพบกับความยุ่งยากใจ ในเรื่องนี้ ดังที่ท่านได้เล่าไว้ในจดหมายฉบับเดียวกันว่า “ราคาที่ดินนี้สูงถึง 77,472 ฟรังก์ ขณะนีไ้ ด้กำ� ลังท�ำการก่อสร้างอารามทีด่ ฉิ นั ได้ใช้จา่ ยไปแล้วดังต่อไปนี้ 21,500 ค่าตอกเสาเข็ม 35,000 จ่ายให้พระคุณเจ้าค่าที่ดิน (ตามสัญญางวดที่ 1) 7,000 ค่าเขียนแปลนก่อสร้าง 21,750 จ่ายค่าก่อสร้างงวดแรก 550 ค่าคุมงานก่อสร้าง 400 ค่าถ่าน 86,200 รวมทั้งสิ้น ดิฉันมีเงินเหลือพียง 113,800 ฟรังก์ ส�ำหรับพระคุณเจ้าแปร์รอส อนึ่งสิ้นเดือนธันวาคมนี้ พระคุณเจ้าต้องการเงินอีกจ�ำนวน 42,472 ตีโก อย่างไม่มีเงื่อนไข เพื่อเป็นค่าที่ดินงวดสุดท้าย 72


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

อีกประการหนึ่งค่าก่อสร้างได้เพิ่มขึ้นถึงจ�ำนวน 166,500 ฟรังก์ ส�ำหรับค่าอาคารหลังนอกๆ และค่าท�ำรั้ว” จากจดหมายฉบับนีพ้ บว่า คุณแม่เซราฟินมีความยุง่ ยากใจมากส�ำหรับ การย้ายอาราม ทัง้ ด้านการเงินและปัญหาเรือ่ งความเข้าใจกับประมุขมิสซัง แต่ ถึงกระนัน้ ท่านก็ไม่ได้ยอ่ ท้อ ท่านทุม่ เทก�ำลังกาย ก�ำลังใจ และความสามารถ ที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อการก่อสร้างอารามใหม่จะได้บรรลุเป้าหมาย

การย้ายอารามมาที่ต�ำบลคลองเตย

ในจดหมายของพระคุณเจ้าเดรเยร์ ฯพณฯ ได้พูดถึงอารามเก่า ที่สามเสนว่าอาจจะขายให้แก่ภคินีคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร “เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะเราสามารถจะตั้งค�ำถามว่า แล้ว อารามที่อยู่ปัจจุบันจะเอาไปท�ำอะไร อนึ่งคุณแม่อธิการิณีแขวงไซ่ง่อนของ ภคินีเซนต์ปอล ที่ผมได้พบเกี่ยวกับเรื่องนี้พร้อมที่จะซื้ออารามแห่งนี้ส�ำหรับ โรงเรียนเซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ เพราะทีต่ งั้ ของโรงเรียนนัน้ คับแคบเกินไป และ มีโครงการที่จะขยายให้กว้างขวางขึ้น แต่คงต้องใช้เงินจ�ำนวนมาก โรงเรียน แห่งนี้มีท่าทีว่าจะก้าวหน้า (ในที่ตั้งของอารามภคินีรักกางเขนแห่งนี้) ดังนั้น คงเป็นการง่ายที่จะมีการซื้อขาย และจะก่อให้เกิดผลประโยชน์แก่สถานที่ ทั้งสองแห่ง” แต่เหตุการณ์หาได้เป็นไปตามที่ ฯพณฯ ได้คาดหมายเอาไว้ เพราะ หลังจากที่มหาธิการิณีและคณะที่ปรึกษาของคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ได้ ประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1931 / พ.ศ. 2474 ได้มีมติ ออกมาดังต่อไปนี้ 73


ชาร์ตร วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1931 สรุปมติของการประชุมของคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร เออ-เอ-ลัวร์ ฝรั่งเศส

เรื่อง การเสนอซื้ออาคารที่สามเสน ปัจจุบันเป็นของคณะภคินี รักไม้กางเขน ภายใต้การน�ำของภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ในระหว่างการประชุมเมื่อวันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1931 ได้มีการ เสนอต่อที่ประชุมคณะที่ปรึกษาเกี่ยวกับการประเมินราคาของอาคารที่สร้าง บนที่ดินของมิสซัง ที่สามเสน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1900 อาคารนี้ได้เป็นที่อาศัยของภคินีพื้นเมืองคณะ รักไม้กางเขน ซึ่งอยู่ภายใต้การน�ำของภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ได้มีการตัดสินใจย้ายอารามรักกางเขน และได้เสนอขายอารามแห่งนี้ ให้กับคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ด้วยราคา 137,550 ตีโก โดยลดราคา ค่าสึกหรอให้ 35 เปอร์เซนต์ ดังนั้นคงเหลือราคา 89,407 ตีโก คณะที่ปรึกษาเห็นว่า 1. ราคานี้สูงเกินไป 2. ราคาที่ลดให้ส�ำหรับค่าสึกหรอนั้นน้อยเกินไป 3. เป็นเรื่องที่ประจักษ์ได้ว่า เป็นเซอร์เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ที่จะ ต้องซื้ออาคารที่พวกเธอได้ทุ่มเทท�ำงาน และจากเงินท�ำบุญที่พวกเธอได้รับ และได้น�ำเงินนั้นมาสร้างอาคารเหล่านี้ขึ้นมา และมากกว่านั้น ถ้ามองในแง่ ของความยุติธรรม จะเห็นได้ว่าไม่ได้มีการร�ำลึกถึงการให้บริการของคณะ เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ทีไ่ ด้มตี อ่ ภคินคี ณะรักไม้กางเขน ตัง้ แต่ปี ค.ศ. 1900 สมาชิกของที่ประชุมปฏิเสธที่จะซื้ออาคารที่สามเสน

74


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

เมื่อเป็นดังนี้ ทางมิสซังได้ยอมลดราคาที่ดินลงอีก 14,407 ตีโก โดยตกลงซื้อขายกันในราคา 75,000 ตีโก จากนั้นทางมิสซังได้ซื้อที่ดินจากบริษัทอีสเอเชียติ๊ก ที่ดินแห่งนี้ตั้ง อยู่ในเขตต�ำบลคลองเตย ไม่ห่างจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยนัก การก่อสร้างอารามแห่งใหม่ยังไม่ทันแล้วเสร็จ แต่โรงเรียนได้เริ่ม เปิดเรียนส�ำหรับปีการศึกษาใหม่แล้ว ดังนั้น คุณแม่เซราฟินจึงจ�ำต้องพา สมาชิกของคณะย้ายออกจากอารามเก่า เพื่อที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ คอนแวนต์จะสามารถเข้ามาใช้อาคารส�ำหรับปีการศึกษาใหม่ ซิสเตอร์มารีโรส สมาชิกผู้เยาว์ในช่วงที่ย้ายอารามได้เล่าว่า “ตอนที่ย้ายมาที่คลองเตยใหม่ๆ ซิสเตอร์มารีโรส อยู่ที่สามเสน 1 ปีก่อนมาอยู่คลองเตย ตอนนั้นบ้านยังสร้างไม่เสร็จ มีแต่หลังคาและห้อง ชั้นสามหนึ่งห้องที่ใช้เป็นวัดและใช้ท�ำงานบางอย่างด้วย นอนที่ระเบียงชั้น 1 ใช้เสื่อ หมอนและผ้าห่ม นอนเป็นแถว มีคนงานอยู่ท�ำงานเป็นร้อย กลาง คืนกลัวมาก หากคนงานเดินมาต้องนอนกอดกัน สร้างโรงครัวโดยใช้ใบไม้ เป็นหลังคา ถ้าฝนตกเปียกต้องขึ้นไปบนตึก ท�ำห้องส้วมเล็กๆ ในนา มีอะไร ที่พอคุ้มแดดได้ก็ท�ำ ส่วนเวลาอาบน�้ำจะอาบน�้ำที่คลองใกล้ๆ นั้น ท�ำสะพาน ลงไปพออาบน�้ำได้ ใส่กระโจมอก อาบน�้ำบริเวณที่ไม่ค่อยมีคนอยู่ ส่วนน�้ำก็ ขุดบ่อ แต่น�้ำไม่ดีเป็นสนิม ดื่มยากเหลือเกิน บางทีก็อาศัยรองน�้ำฝนกินกัน อาหารการกินในเวลานัน้ กินข้าว ตักข้าวไปกินทีค่ นั นา ส่วนมากกินไข่ ต้มกับน�ำ้ พริกเผา ยายฟีโลเมนจะท�ำน�ำ้ พริกเผาจากบางช้างมาให้ มีหอมดอง ส่วนใหญ่ ถ้ามีฝนตกก็จะไปจับปูมาต้มกินกัน - ตอนที่ขนของจากสามเสนมาคลองเตยจ�ำได้ว่าครั้งหนึ่งเอารถ คันใหญ่ขนของมา และรถขับไปชนเสาไฟฟ้าหัก ถูกจับต้องขึ้นโรงพัก 75


- เวลาอยูค่ ลองเตยใหม่ๆ บ้านก�ำลังสร้างอยู่ ตอนเช้าแต่ละคนต้องเอา บุง้ กีไ๋ ปเก็บเศษไม้ทชี่ า่ งทิง้ เอาไว้ เอาไปกองไว้ใช้ทำ� ฟืนหุงข้าว ไม่มที งิ้ เสียหาย - เย็บผ้าที่ห้องชั้นสาม ห้องที่ใช้ท�ำเป็นทั้งวัดและห้องท�ำงาน - ตอนทีส่ ร้างอารามเสร็จแล้ว ต้องท�ำความสะอาดทัว่ ไป ล�ำบากมาก” นอกนั้นภคินีบางคนเล่าว่า เวลาที่ย้ายอารามใหม่มาที่คลองเตยนั้น อาคารของอารามยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ตอนกลางวันอากาศร้อนมาก โปสตุลนั ต์ บางคนเข้าไปอยู่ในตู้ใหญ่ๆ เพื่อหลบแดดและบางครั้งก็เผลอหลับไปในตู้ นั้น ซิสเตอร์เบอาตริกซ์ท�ำหน้าที่ขุดบ่อน�้ำ ขุดไปก็ปั้นตุ๊กตาเล่นไปแก้เหนื่อย เมือ่ บ้านสร้างเสร็จแล้ว บรรดาสมาชิกต้องท�ำงานอย่างหนัก เพือ่ หาเงิน มาใช้หนี้สินที่ขอยืมมา แต่โชคดีที่พระเป็นเจ้าได้ประทานพระพรแก่พวกเธอ ให้มคี วามสามารถในด้านต่างๆ โดยเฉพาะงานด้านการเย็บปักถักร้อย ซึง่ งาน เหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเซอร์มารี เต๊ก

76


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ผลงานเอกของธรรมทูตหญิงแห่งอัลซาส

ด้วยความวิริยะอุตสาหะของคุณแม่เซราฟิน เซอร์ผู้ร่วมงานกับ คุณแม่ และสมาชิกในสมัยนัน้ ในทีส่ ดุ ตึกอารามทีง่ ามสง่าได้ปรากฏแก่สายตา ของทุกคน อาคารของอารามออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน นายเอดัวโด สปารอตตี้ เนือ่ งจากคุณแม่เซราฟินเป็นผูม้ พี รสวรรค์ในการพูดได้หลายภาษา ท�ำให้ชาวต่างชาติสมัยนั้น มักจะมาพบปะสนทนาและขอค�ำภาวนากับท่าน อยู่เสมอ นายสปารอตตี้และภรรยาได้มาขอค�ำภาวนากับคุณแม่เซราฟิน ขอให้ สมาชิกของคณะสวดภาวนาให้แก่เขาทั้งสอง เพราะทั้งสองแต่งงานกันมา หลายปีแล้วแต่ไม่มีบุตร หลังจากที่เขาได้มาขอค�ำภาวนาที่อาราม ไม่นาน ต่อมาภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์และให้ก�ำเนิดบุตรสาวคนหนึ่ง

คุณแม่ เซราฟิ น เซอร์ ผ้ รู ่ วมงาน และนางสปารอตตี ้ 77


หลังจากที่คุณแม่เซราฟินได้ปรึกษากับนายสปารอตตี้เกี่ยวกับการ สร้างอารามใหม่ เขาตกลงยอมรับที่จะออกแบบให้แก่อารามแห่งใหม่ เขา เขียนแปลนอารามทั้งหมด 3 แปลน คุณแม่เซราฟินได้เลือกแปลนที่ปรากฏ แก่สายตาของเราจนถึงทุกวันนี้ อารามพระหฤทัยฯ คลองเตย สร้างขึ้นบนเนื้อที่ 22 ไร่ 84 ตารางวา สถาปัตยกรรมแบบโคโลเนี่ยน จ�ำนวน 4 ชั้น โดยมีหอสูงด้านข้าง มี ห้องใต้ดินและห้องใต้หลังคา ชั้น 3 เป็นที่ตั้งของวัดน้อยประจ�ำอาราม ตึกหลังนี้มีความยาวทั้งสิ้น 88 เมตร นายสปารอตตี้ได้ถวายกางเขนใหญ่ในวัดให้แก่อาราม และได้สร้าง ตึกสองชั้นอีกหลังหนึ่งโดยไม่คิดมูลค่าใดใดเลย เพื่อใช้ส�ำหรับเป็นที่เลี้ยง เด็กก�ำพร้า อารามได้แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1932 / พ.ศ. 2475 ดังที่หนังสือ รายงานประจ�ำปีของคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส ฉบับประจ�ำเดือน พฤศจิกายน ค.ศ. 1932 / พ.ศ. 2475 ได้บันทึกไว้ว่า “เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พระสังฆราชแปร์รอส ได้เสกอาราม ใหม่ของภคินีพื้นเมืองที่อยู่ภายใต้การน�ำของเซอร์เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร อารามนีส้ ร้างขึน้ ทีค่ ลองเตย ชานเมืองกรุงเทพฯ โดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน อารามใหม่แห่งนี้ มีลักษณะพิเศษ คือ มีอากาศถ่ายเทดีและมีความสมบูรณ์ ทุกด้าน ถูกสุขลักษณะสมัยใหม่ตามที่ก�ำหนด เซอร์เซราฟิน อธิการิณี ไม่ได้ละเลยแม้แต่น้อยที่จะท�ำให้อารามแห่งนี้น่าอยู่และสะดวกสบาย ส�ำหรับภคินีที่อาศัยอยู่ และที่จะผ่านมาพักชั่วคราว เราสามารถกล่าวได้ว่า เธอไม่ได้ท�ำให้บรรดาภคินีพอใจเท่านั้นส�ำหรับอารามที่งดงามและแข็งแรง แห่งนีท้ เี่ พิง่ สร้างเสร็จด้วยฝีมอื ของเธอ แม้จะต้องประสบกับความยากล�ำบาก ทัง้ ด้านวัตถุและจิตใจ แต่เธอได้สร้างความยินดีให้แก่มสิ ชันนารีแต่ละคนของ 78


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

มิสซังที่ได้มาร่วมแสดงความยินดีกับเธอด้วย แม้ว่าขณะนี้ประเทศสยาม ก�ำลังประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจอย่างหนักก็ตาม แต่เซอร์เซราฟินก็สามารถ ท�ำให้อาคารทีส่ ง่างามหลังนีป้ ระสบความส�ำเร็จเพือ่ เป็นทีอ่ ยูอ่ าศัยของบรรดา เจ้าสาวของพระเยซูคริสตเจ้า เราปรารถนาที่จะตั้งข้อสังเกตเป็นพิเศษ โดย เฉพาะที่วัดน้อยของอาราม ซึ่งเป็นที่ที่สงบและเหมาะสมส�ำหรับเป็นที่ ประทับของพระเป็นเจ้า เพื่อที่จะเป็นที่อบรมบ่มจิตใจให้แก่ชนรุ่นหลัง ที่ เ ต็ ม ไปด้ ว ยอุ ด มคติ แ ละการอุ ทิ ศ ตั ว ด้ ว ยการตั ด สละน�้ ำ ใจของตนเอง อย่างแท้จริง ขอพระเป็นเจ้าโปรดประทานพระพรแก่อารามแห่งนี้ โดย เพิ่มพูนกิจการที่น่าชื่นชมนี้ ที่ได้ท�ำประโยชน์แก่มิสซังกรุงเทพฯ ทั้งมิสซัง มานานปีแล้วเทอญ”

อารามพระหฤทัยฯ 79


คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี ผู้มองการณ์ไกลในด้านการศึกษา หลังจากย้ายมาอยู่อารามใหม่แล้ว การอบรมบรรดาผู้ฝึกหัดก็ด�ำเนิน ไปพร้อมๆ กับการท�ำมาหากิน โดยเฉพาะงานด้านการตัดเย็บ บรรดาลูกค้า ที่เคยไปซื้อเสื้อผ้าที่สามเสน ก็ตามมาเป็นลูกค้าที่อารามคลองเตยด้วย เช่นเดียวกัน เพราะในสมัยนั้นที่คลองเตยเป็นที่ที่มีคนอยู่ไม่มากนัก มีบ้าน เพียงไม่กี่หลังคาเรือน ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนจีนซึ่งมีอาชีพเลี้ยงเป็ด และปลูกผักขาย นอกจากงานด้านการตัดเย็บแล้ว สมาชิกรุน่ แรกๆ ของคณะ ยังต้องช่วยตัวเองด้วยการเลีย้ งหมู เลีย้ งไก่ ท�ำสวนครัว สวนผลไม้เพือ่ ไว้ใช้ เป็นอาหารอีกด้วย

80


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

คุณแม่ เซเรฟิ น และเซอร์ เซนต์ ปอล ในสวนกล้ วยของอาราม

คุณแม่เซราฟินและเซอร์เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ได้ท�ำการอบรม ชีวิตนักบวชให้แก่สมาชิกของคณะต่อไปด้วยความพากเพียร ส่วนด้าน การศึกษาวิชาการทางโลก คุณแม่ได้จ้างครูฆราวาสให้มาสอนบรรดาผู้ฝึกหัด หรือภคินบี างคนทีม่ คี วามรู้ มีวฒ ุ ทิ างการศึกษาแล้ว ก็ให้สอนรุน่ น้องๆ เพือ่ ที่ จะได้ไปสอบเทียบเพือ่ จะได้มวี ฒ ุ จิ ากรัฐบาล คุณแม่ได้จา้ งครูชาวต่างประเทศ มาสอนบรรดาผู้ฝึกหัดด้วย ต่อมาคุณแม่ได้เกิดความคิดว่า น่าที่จะเปิดโรงเรียนของคณะ เพื่อ ผู้ฝึกหัดและบรรดาเด็กๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณรอบๆ อาราม ท่านจึงได้ จัดการเปิดโรงเรียนแห่งแรกของคณะ และให้ใช้ชอื่ ว่า “โรงเรียนพระหฤทัย คอนแวนต์” ท่านได้ตงั้ เซอร์แมตทิล เดอ แซงปอล เป็นผูช้ ว่ ยของท่าน และ ได้มอบหมายให้ครูจรูญ พุ่มขจร ท�ำหน้าที่เป็นครูใหญ่ หลังจากทีโ่ รงเรียนได้เปิดท�ำการสอน จ�ำนวนนักเรียนได้เพิม่ ขึน้ เรือ่ ยๆ ความเป็นอยู่ของอารามก็ค่อยๆ ดีขึ้น เพราะนอกจากงานด้านการตัดเย็บ แล้ว ทางอารามยังมีรายได้จากการประกอบอาหารขายนักเรียนและตัดเย็บ ชุดนักเรียนอีกด้วย 81


สถานทูตฝรั่งเศสขอใช้อารามเป็นที่เก็บเอกสารส�ำคัญระหว่าง สงครามโลก

ในระหว่ า งสงครามโลกครั้ ง ที่ 2 ทางสถานทู ต ฝรั่ ง เศส ซึ่ ง เป็ น ฝ่ายพันธมิตรจ�ำต้องปิดสถานทูต เนื่องจากกลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะน�ำระเบิด มาทิ้ ง ที่ ส ถานทู ต และจะเกิด ความเสีย หาย โดยเฉพาะเอกสารส� ำ คั ญๆ ดังนั้น ทางสถานทูตจึงติดต่อมายังคุณแม่เซราฟิน เพื่อขอเก็บเอกสารส�ำคัญ ไว้ท่ีอาราม คุณแม่ได้อนุญาตให้ทางสถานทูตมาตั้งส�ำนักงานได้ที่ชั้นหนึ่ง ของอาราม ซึ่งเคยเป็นห้องเรียน แต่เนื่องจากระหว่างสงคราม โรงเรียน จึงได้หยุดท�ำการสอน

82


บทที่ 6

หนทางชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี 83


ตลอดระยะเวลาแพร่ธรรมในประเทศสยามของเออเชนี ลูเตนบาเช่ร์

หรือคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี ที่ยาวนานกว่า 54 ปีนั้น ไม่ได้โรยด้วยกลีบ กุหลาบ เหมือนที่ท่านได้กล่าวไว้ในจดหมายที่เขียนไปที่คณะเมื่อวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 1916 / พ.ศ. 2459 เพราะตั้งแต่ที่ท่านได้รับมอบหมาย ให้มาประจ�ำที่อารามสามเสนนั้น อารามไม่มีสมบัติอะไรเลย ท่านต้องท�ำมา หากิน เพื่อให้อารามอยู่ได้ แม้ช่วงแรกสมาชิกจะมีความเป็นอยู่อย่างอัตคัด ขัดสนก็ตาม นอกจากเรื่ อ งความเป็ น อยู ่ ข องสมาชิ ก แล้ ว การอบรมสมาชิ ก เกี่ยวกับชีวิตนักบวชนั้นดูเหมือนจะเป็นงานที่หนักยิ่งกว่าอย่างอื่นทั้งหมด ส�ำหรับท่าน เพราะหญิงสาวที่มาสมัครเข้าอารามนั้น มีความแตกต่างกัน อย่างมาก แม้ว่าทุกคนจะเป็นคนไทย แต่ระหว่างพวกเธอนั้นส่วนใหญ่ จะมีเชื้อสายจีนหรือไม่ก็เชื้อสายเวียดนาม แน่นอนทีเดียวความเป็นอยู่ และพื้นฐานจากครอบครัวก็ย่อมแตกต่างกันไปด้วย แต่ถึงกระนั้น คุณแม่ เซราฟินผู้มีความเพียรพยายามและอดทน ก็ได้พยายามใช้พรสวรรค์ต่างๆ ที่ท่านได้รับจากพระเป็นเจ้า เพื่องานส�ำคัญที่พระองค์ทรงมอบหมายให้ แก่ท่าน จนกระทั่งอารามน้อยๆ แห่งนี้ได้กลายเป็นคณะนักบวชหญิง ที่ส�ำคัญคณะหนึ่งของพระศาสนจักรในประเทศไทย นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่จะมองย้อนไปดูชีวิตของท่าน เพื่อที่ จะได้เข้าใจในตัวคุณแม่มากขึ้นว่าท�ำไมพระสังฆราชหลุยส์ โชแรง จึงได้ กล่าวถึงท่านในระหว่างมิสซาปลงศพของท่านว่า “ท่านเป็นคนที่มีดวงตา 84


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

เป็ น ประกายสุ ก ใสที่ เ ต็ ม เปี ่ ย มได้ ด ้ ว ย ความเชื่ อ มั่ น อย่ า งจริ ง ใจ แต่ บ างครั้ ง ก็แฝงไว้ซึ่งความเศร้าหมอง” จากเอกสาร ต่างๆ ที่ค้นพบท�ำให้เราสามารถที่จะเดา ได้ ว ่ า ท� ำ ไมบางครั้ ง คุ ณ แม่ จึ ง มี ร ่ อ งรอย ความเศร้าปรากฏในดวงตาของท่าน

พระสังฆราชหลุยส์ โชแรง

ประมุขมิสซังต้องการเปลี่ยนอธิการิณีที่อารามสามเสน

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1909 / พ.ศ. 2452 พระสังฆราช หลุยส์ เวย์ ได้ถึงแก่กรรมอย่างสงบที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ พระสังฆราช เรอเน แปร์รอส ผู้สืบต�ำแหน่งก็ได้รับการแต่งตั้งในปีเดียวกัน หลังจากที่ได้รับอภิเษกเป็นประมุข มิสซังได้ไม่นาน พระคุณเจ้าแปร์รอสมี ความประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงผู้ให้การ อบรมที่อารามสามเสน เราไม่สามารถทราบ เหตุผลของ ฯพณฯ ได้ นอกจากจดหมาย ของคุ ณ พ่ อ ดอนต์ ที่ ไ ด้ เ ขี ย นไปถึ ง พระ สั ง ฆราชแปร์ ร อส เพื่ อ คั ด ค้ า นเรื่ อ งนี้ ต่อไปนี้เป็นข้อความส่วนหนึ่งในจดหมาย ของคุณพ่อ 85

พระสังฆราชเรอเน แปร์ รอส


สามเสน วันที่ 29 พฤษภาคม 1911 พระคุณเจ้า ผมเกรงว่าเซอร์เซราฟินจะไม่สามารถยอมรับและยอมไปจากอาราม อันที่จริงถ้าเราฟังอย่างมีเหตุผล เราก็ไม่สามารถจะพูดได้ว่าเธอพูดเพื่อ ประโยชน์ ส ่ ว นตั ว ของเธอ เธอรู ้ ดี ถึ ง ความต้ อ งการในหน้ า ที่ ที่ เ ธอเป็ น ผู้รับผิดชอบและเธอได้อุทิศตัวทั้งครบให้กับหน้าที่นี้ เธอไม่สามารถพึ่ง เซอร์เซซีเลียได้ เพราะเธอเองก็ต้องดูแลเซอร์เซซีเลีย เซอร์มารีนั้น เป็นคนอ่อนและจะเห็นด้วยกับเซอร์เซราฟินในทุกเรื่อง ถ้าเซอร์มารีไม่มี บุคลิกเช่นนี้เธอก็จะสามารถรับหน้าที่นี้ได้ เพราะเซอร์มารีรู้จักคนพื้นเมือง และเธอรู้ทุกเรื่องอย่างดี จึงท�ำให้ทุกอย่างด�ำเนินไปด้วยดี แล้วท�ำไมจึง ต้องมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องต่างๆ ด้วยเล่า? ถ้ามีเซอร์คนอื่นมา สภาพ จะเป็นเช่นไร? ถ้าเซอร์เซราฟินป่วย เราคงต้องปิดบ้าน ที่บ้านอื่นๆ ก็ด�ำเนิน ดีอยูแ่ ล้ว ถ้าเราดึงเซอร์จากบ้านทีด่ ำ� เนินไปด้วยดีแล้ว อาจจะท�ำให้เกิดปัญหา ก็ได้ และเราก็ไม่ทราบว่าเซอร์ที่จะมาแทนนั้นจะสามารถท�ำหน้าที่ได้ดี เช่นเซอร์เซราฟินหรือไม่? การตั้งนวกจารย์ เซอร์มารีนั้นมีความรู้ภาษาไทยน้อยมาก เธอมี ความรู้ไม่พอที่จะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ เธอไม่รู้ภาษาอังกฤษแม้แต่ค�ำเดียว และไม่ แ ตกฉานในภาษาฝรั่ ง เศสด้ ว ย แต่ เ ธอมี ค วามสามารถในด้ า น การตัดเย็บ และสามารถรับผิดชอบเรื่องเสื้อผ้า ที่อารามเซนต์โยเซฟมี เซอร์คนอื่นๆ ที่มีความสามารถทุกด้านที่กล่าวมา คือ สามารถพูดภาษา อังกฤษและภาษาไทยได้ดี ก่อนที่แม่อธิการจะมา และถ้าเราได้ท�ำการ พิจารณาอย่างดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราก็สามารถที่จะปรึกษาหารือกับท่าน 86


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ถ้าการตัดสินใจนี้ได้ท�ำต่อหน้าพระ และเพื่อความดีโดยรวมของทุกบ้าน ดังนั้น ผมขออนุญาตที่จะเรียนต่อพระคุณเจ้าทุกเรื่องก่อนที่จะได้มีการ สรุปอะไรลงไป เพราะถ้าเกิดความเสียหายในอนาคต ผมจะได้ไม่ต้อง ต�ำหนิตัวเองที่ไม่ได้พูดอะไรเลย ในสิ่งที่ได้เกิดขึ้น ในทุกกรณี ขอพระคุณเจ้าโปรดพูดอย่างตรงไปตรงมาว่านวกสถานนี้ ตั้งขึ้นก็เพื่อลูกญวนเท่านั้น...

คุณพ่ ออาลอยส์ อัลฟองส์ ดอนต์ เราไม่สามารถเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และอะไรที่ท�ำให้พระคุณเจ้า แปร์รอสไม่พอใจในตัวคุณแม่เซราฟิน ทั้งๆ ที่พระคุณเจ้าเองก็เป็นชาว อัลซาสเช่นเดียวกับคุณแม่ แต่คุณพ่อดอนต์รู้จักคุณแม่เซราฟินดี คุณพ่อ ได้เห็นประจักษ์ถงึ ความสามารถของคุณแม่ทงั้ ด้านชีวติ ฝ่ายจิตและคุณสมบัติ ในการเป็นผู้น�ำ รวมทั้งพรสวรรค์ด้านอื่นๆ อีกด้วย และเพื่อความก้าวหน้า ส�ำหรับอารามและลูกๆ ของท่าน คุณพ่อจึงไม่ได้หวั่นเกรงที่จะแสดงความ ไม่เห็นด้วยต่อประมุขมิสซังเกี่ยวกับเรื่องนี้ 87


ความยุ่งยากใจในช่วงการย้ายอาราม ในช่วงระหว่างการย้ายอาราม คุณแม่เซราฟินได้ประสบกับความ ยุ่งยากใจ และดูเหมือนว่าพระสังฆราชแปร์รอสนั้นไม่มีความเข้าใจใน ตัวคุณแม่ เพราะมิสซังเองในขณะนัน้ ก็มปี ญ ั หาเรือ่ งการเงิน ดังนัน้ ดูเหมือน เรื่องนี้จะมีความซับซ้อน คุณแม่ไม่ทราบว่าจะไปปรึกษาใคร ดังนั้นท่าน จึ ง ตั ด สิ น ใจเขี ย นจดหมายไปถึ ง มหาธิ ก ารคณะมิ ส ซั ง ต่ า งประเทศแห่ ง กรุงปารีส คณะที่พระคุณเจ้าแปร์รอสสังกัดอยู่ ในตอนหนึ่งของจดหมาย ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1931 / พ.ศ. 2474 คุณแม่ได้กล่าวว่า “ดิ ฉั น ขอสารภาพกั บ พระคุ ณ เจ้ า ว่ า ดิ ฉั น ยั ง ไม่ ก ล้ า ที่ จ ะพู ด อะไรกั บ พระสังฆราช เพราะดิฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่อง และมันก็จะไม่ใช่ครั้งแรก ดิฉันได้เคยเอาเซอร์ชาวฝรั่งเศสที่อยู่ด้วยกันไปพบกับพระสังฆราช” แม้ว่าคุณแม่จะเป็นผู้มีพรสวรรค์มากมาย และท�ำงานเป็นทุกอย่าง แต่ถึงกระนั้น หน้าที่ในการปกครองและให้การอบรมภคินีพ้ืนเมืองนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงการย้ายอาราม คุณแม่ได้เขียนต่อ ในจดหมายฉบับเดียวกันนั้นว่า “ถ้าดิฉันเข้าใจไม่ผิด ตามความเห็นของ ฯพณฯ ผู้แทนพระสันตะปาปาที่จะต้องท�ำความเข้าใจ ก็คือ อารามภคินี พื้ น เมื อ งเป็ น งานของมิ ส ซั ง และหน้ า ที่ ข องดิ ฉั น นั้ น เป็ น เพี ย งผู ้ ช ่ ว ย พระสังฆราชเท่านั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ จนถึงวันนี้ทางมิสซังยังไม่ได้ ออกเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียวเลยส�ำหรับอารามแห่งนี้ แม้ว่าดิฉันจะได้ เรียกร้องไปแล้วส�ำหรับค่าใช้จ่ายส�ำหรับอาราม แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

88


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ภคินีพื้นเมืองกลุ่มหนึ่งปฏิเสธที่จะให้คุณแม่และเพื่อนร่วมงาน ของท่านอยู่ที่อารามต่อไป ในปี ค.ศ. 1942 / พ.ศ. 2485 ประมุ ข มิ ส ซั ง ได้ จั ด ให้ มี ก ารเลื อ กตั้ ง มหาธิ ก าริ ณี ข องคณะเป็ น ครั้ ง แรก ผู ้ ที่ ได้รับเลือก คือ คุณแม่เอลีซาแบ๊ธ ธานี บุญคั้นผล และมีภคินีเซราฟีอา มารีอา มักดาเลนา บุญช่วย วรศิลป์ เป็นรอง มหาธิการิณี คุณพ่อยอลีได้เล่าในจดหมาย คุณแม่ เอลีซาเบ๊ ธ บุญคั้นผล ที่เขียนไปถึงคุณพ่อลาร์เกว่า “ผมอยู่ในที่ ประชุมใหญ่กบั คุณพ่อการ์ตองในการเลือก อธิการิณีครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 1942 และคุณแม่เอลีซาแบ๊ธเป็นผู้ได้รับ เลือก ผมท�ำหน้าที่เปิดบัตร และสังเกต ว่า ภคินีหลายคนที่ลงคะแนนมีนิสัยตลก” คุณพ่อได้เล่าต่อไปว่า “ฉะนั้น การมีมหาธิการิณีสองคน ย่อมไม่อำ� นวยให้การปกครองเป็นไปอย่าง ภคินีเซราฟี อา มารี อา ราบรื่นอย่างแน่นอน สมัยนั้นก�ำลังอยู่ใน มักดาเลนา บุญช่ วย วรศิลป์ ระหว่ า งสงครามโลกครั้ ง ที่ ส อง อาราม ได้รับความล�ำบากจากพวกทหารญี่ปุ่น ซึ่งมาอาศัยอยู่ที่อารามไม่น้อยกว่า หนึ่งเดือน ก่อนที่พวกทหารจะเข้ามาอยู่ พระสังฆราชแปร์รอสอนุญาตให้ ภคินีที่ต้องการจะลาออกอย่างเด็ดขาดออกไปได้ ต่อมาทูตฝรั่งเศสได้มา พักอยู่ที่อารามชั่วคราว ตลอดปี ค.ศ. 1944 บรรดาโรงเรียนในกรุงเทพฯ 89


ต้องปิด เพราะเครื่องบินมาทิ้งลูกระเบิด ผมไปอยู่ศรีราชากับซิสเตอร์คณะ เซนต์ปอลฯ และบราเดอร์เซนต์คาเบรียล สามเดือนต่อครั้ง ผมจะเดินทาง เข้ากรุงเทพฯ เพือ่ ท�ำหน้าทีป่ ระจ�ำสีฤ่ ดู ผมพยายามเท่าทีส่ ามารถในการธ�ำรง ไว้ซึ่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในระหว่างภคินี แต่การมีหัวหน้าสองคน ไม่อาจช่วยได้ กลับท�ำให้ยุ่งยากมากขึ้น ครั้นปลายปี ค.ศ. 1944 ผมไปพบ พระสังฆราชแปร์รอส ณ ที่นี้ ผมขอน�ำการสนทนาระหว่างพระสังฆราช กับผมมาให้คุณพ่อลาร์เกทราบเกือบทุกค�ำ ดังต่อไปนี้ ยอลี : ที่คลองเตยมีหัวหน้าสองคน เท่ากับมีหัวสองหัวในหมวก ใบเดียวกัน การด�ำเนินไปอย่างเรียบร้อยไม่ได้ พระสังฆราช : ซิสเตอร์เอลีซาแบ๊ธได้รับเลือกไม่ใช่ส�ำหรับปกครองคณะ แต่ส�ำหรับฝึกหัดตนในการปกครอง ยอลี : จะเป็นประโยชน์อะไร หากว่าเขาไม่ได้รับเลือกใหม่อีก พระสังฆราช : ปีหน้าจะมีการเลือกตั้งใหม่หรือ? ยอลี : ครับ พระคุณเจ้า พระสั ง ฆราชจึ ง หยิ บ พระวิ นั ย ซึ่ ง อยู ่ บ นชั้ น ข้ า งหน้ า ฯพณฯ มาอ่ า น เกี่ ย วกั บ ระยะเวลาของต� ำ แหน่ ง อธิ ก าริ ณี แล้ ว พระคุ ณ เจ้ า ก็ บอกว่า “จริงด้วย” จากจดหมายของคุณพ่อยอลีท�ำให้ ทราบว่า ที่อารามพระหฤทัยฯ คลองเตย ในด้ านการปกครองนั้น ไม่ไ ด้เป็น ไปอย่า ง ราบรื่ น เพราะมี คุ ณ แม่ เ อลี ซ าแบ๊ ธ ที่ ไ ด้ รั บ เลื อ กเป็ น มหาธิ ก าริ ณี ตั้ ง แต่ ป ี ค.ศ. 1942 / พ.ศ. 2485 และมีคุณแม่เซราฟิน 90

คุณพ่ อมอริ ส ยอลี


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ทีเ่ ป็นอธิการิณอี ยูก่ อ่ นแล้ว นอกนัน้ พระสังฆราชแปร์รอสได้เข้ามาเกีย่ วข้อง กับการปกครองแทบทุกด้านของอาราม ท�ำให้การปกครองนั้นด�ำเนินไป อย่างยุ่งยาก และในปี ค.ศ. 1945 / พ.ศ. 2488 พระสังฆราชแปร์รอส ได้ยืดการปกครองของคุณแม่เอลีซาแบ๊ธออกไป ดังที่คุณแม่เอลีซาแบ๊ธได้บันทึกไว้ว่า “วันนี้ (13 พฤษภาคม 1945) ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายจากพระสังฆราชให้ท�ำการปกครองนางชีพระหฤทัย นับแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่พระสังฆราชแนะน�ำว่าในระหว่างที่คุณแม่เซราฟิน ยังอยู่ ก็ควรปรึกษากับท่าน ในเมือ่ จะท�ำการเปลีย่ นแปลงอย่างใดอย่างหนึง่ ” ต้ น เดื อ นกรกฎาคม ค.ศ. 1945 / พ.ศ. 2488 ทางผู ้ ใ หญ่ ของคณะเซนต์ ป อล เดอ ชาร์ ต รได้ รั บ จดหมายฉบั บ หนึ่ ง จากสมาชิ ก บางคนของอารามพระหฤทั ย ฯ เขี ย นไปร้ อ งเรี ย นว่ า คุ ณ แม่ เ ซราฟิ น ใช้อ�ำนาจเกินขอบเขต และสมาชิกของอารามไม่ต้องการคุณแม่เซราฟิน ปกครองคณะอีกต่อไป นอกจากนั้นกลุ่มภคินีที่ไม่ต้องการคุณแม่เซราฟิน เป็นอธิการิณี ก็ได้มีจดหมายไปถึงพระสังฆราชเรอเน แปร์รอส เช่นเดียวกัน จดหมายนี้มีความยาวถึง 5 หน้ากระดาษฟุสแก๊ป ซึ่งพอจะสรุปได้ดัง ต่อไปนี้ 1. นางชีอื่นๆ มิใช่นางชี สินบนของเขาเป็นโมฆะ เนื่องจากอธิการิณี เก่าได้เรียกโดยล�ำพังใจ ไม่เคยเชิญนางชีอาวุโสให้ลงคะแนนคัดเลือกรับรอง ก่อนที่เขาเหล่านั้นจะเข้านวกภาพ ฯลฯ 2. อธิการิณีเก่าเป็นคนไม่พึงปรารถนา ต้องปลูกบ้านเล็กๆ อยู่นอก อาราม และให้เขาไปอยู่ที่นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับอารามเด็ดขาด เพราะว่า ก. อธิการิณเี ก่าเป็นคนไม่เคยถือตามหน้าที่ ไม่เคยอบรมเลย ไม่เคย อ่านพระวินัย ไม่เคยปกครองเราอย่างลูก แต่อย่างบ่าวทาส เป็นทาสต�่ำต้อย เป็นเหตุให้นางชีบางคนตามวัดเป็นคนชั่ว “ต้นไม้ชั่วย่อมให้ผลชั่ว” 91


ข. แม่อธิการิณีใหม่ มีนิสัยเกรงใจผู้ใหญ่ สิ่งใดที่เรียนกับผู้ใหญ่ เอาไว้แล้ว พวกลูกเห็นว่า ถ้าขืนนิ่งอยู่ก็ต้องเหลวไหลอยู่อย่างนี้ ไม่ทราบ อีกกี่ปี พวกลูกจึงขอร้อง เตือนมายังท่านบิดาอีกค�ำรบหนึ่ง” เมื่ อ ทราบเรื่ อ งเกี่ ย วกั บ จดหมายฉบั บ นี้ แ ล้ ว คุ ณ แม่ เ ซราฟิ น จึ ง คิ ด ที่ จ ะถอนตั ว ออกจากคณะภคิ นี พื้ น เมื อ งซึ่ ง ก็ เ ป็ น ไปตามกฎหมาย พระศาสนจักร ดังนั้น ทางคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร จึงได้แจ้งให้ทาง พระสังฆราชประมุขมิสซังทราบเรื่อง พระสังฆราชเรอเน แปร์รอส เมื่อ ได้รับทราบแล้ว ได้เขียนจดหมายถึงแมร์มารี-หลุยส์ อธิการิณีคณะเซอร์ เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตรว่า “เราได้แจ้งแก่คณะทีป่ รึกษาของมิสซังเกีย่ วกับความตัง้ ใจของเซอร์เซ ราฟิน ทีจ่ ะถอนตัวออกจากอารามพระหฤทัย เพือ่ ทีจ่ ะกลับไปยุโรป และตาม ที่แมร์ขอค่าตอบแทนจ�ำนวนเงิน 30,000 ตีโก ส�ำหรับบ้านแม่ที่ชาร์ตร และ ค่าเดินทางอีกจ�ำนวน 10,000 ตีโกนั้น เพื่อที่จะเป็นไปอย่างถูกต้องและเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด คณะ ที่ ป รึ ก ษาของมิ ส ซั ง ขอให้ แ มร์ ช ่ ว ยเขี ย นเสนอมาเป็ น ลายลั ก ษณ์ อั ก ษร ดังนั้น เราขอร้องให้แมร์ช่วยเขียนและส่งมาให้เราเพื่อที่เราจะสามารถเสนอ ต่อคณะที่ปรึกษา เราจะแจ้งเรื่องนี้ต่อเซอร์เซราฟินด้วยตัวเราเอง

ด้วยความนับถือ + เรอเน”

ในวันเดียวกันนั้นเอง พระสังฆราชแปร์รอส ก็ได้เขียนจดหมายถึง คุณแม่เซราฟิน 92


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

กรุงเทพฯ วันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1945

เซอร์เซราฟินที่รัก แมร์มารี-หลุยส์ ได้แจ้งให้เราทราบถึงความตั้งใจของมาเซอร์ในเรื่อง ที่จะถอนตัวออกจากอารามพระหฤทัย อารามที่มาเซอร์ได้อุทิศตนเป็นเวลา นานหลายปี เราได้แจ้งให้คณะปรึกษาทราบตามหน้าที่ของเรา คณะที่ปรึกษา ขอให้เขียนแจ้งไปเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ เพื่อเป็นไปตามระเบียบ และเพื่ อ หลี ก เลี่ ย งการเข้ า ใจผิ ด ดั ง นั้ น เราขอร้ อ งให้ เ ซอร์ ช ่ ว ยเขี ย น ความประสงค์ของเซอร์มาเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อที่เราจะได้เสนอต่อ คณะที่ปรึกษา

ด้วยความนับถือ + เรอเน

หลังจากที่ได้รับจดหมายแล้ว คุณแม่เซราฟินได้เขียนจดหมายแจ้ง ความประสงค์ของท่านส่งไปยังพระสังฆราชตามที่ ฯพณฯ ได้ขอมา

93


เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ กรุงเทพฯ-สยาม วันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1945 เรียน ฯพณฯ พระสังฆราชเรอเน แปร์รอส พระคุณเจ้า นับเป็นเวลาเกือบ 50 ปีที่ดิฉันได้รับผิดชอบในการให้การอบรม แก่บรรดาภคินีพื้นเมือง ที่อารามพระหฤทัย ดิฉันมีความปรารถนาอย่างยิ่ง ที่จะมีชีวิตและตายท่ามกลางพวกเธอที่เป็นเสมือนลูกวิญญาณของดิฉัน ความปรารถนาของดิฉันมีมากกว่านั้นอีก ก็คือ ดิฉันปรารถนาที่จะได้ พักผ่อนตลอดนิรนั ดรในท่ามกลางพวกเธอทีไ่ ด้จากไปแล้วและก�ำลังพักผ่อน อยูใ่ นหลุมฝังศพ..... แต่กเ็ ป็นไปไม่ได้และดิฉนั ก็ได้ยอมจ�ำนนต่อพระประสงค์ ของสมเด็จพระสันตะปาปา พระประสงค์ของพระองค์ที่ผ่านทาง “กฎหมาย พระศาสนจักร” ตามกฎหมายพระศาสนจักรเรื่องเดียวกันนี้ พระคุณเจ้าเองได้เตรียม พระสังฆราชพืน้ เมือง ซึง่ พระคุณเจ้าเองได้ยอมมอบส่วนหนึง่ ของสังฆมณฑล ให้แก่พระสังฆราชพื้นเมืององค์นั้น..... เพื่อที่จะปฏิบัติตามตัวอย่างของพระคุณเจ้า ดิฉันขออนุญาตจาก พระคุณเจ้าหยุดหน้าที่ที่มีต่อภคินีพื้นเมืองและถอนตัวกลับไปที่บ้านแม่ของ คณะที่ชาร์ตร และรับหน้าที่ตามที่ผู้ใหญ่จะมอบให้ เกี่ยวกับเรื่องเงินที่ต้องจัดการ ดิฉันขอมอบให้แมร์มารี-หลุยส์ แห่งพระหฤทัย อธิการิณีผู้รับผิดชอบคณะของเรา ในมิสซังสยามเป็น ผู้ด�ำเนินการ.....

ดิฉันขอเป็นผู้รับใช้ที่ต�่ำต้อยของพระคุณเจ้าเสมอ เซอร์เซราฟิน เดอ มารี 94


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

พระสังฆราชพื้นเมืององค์แรกที่คุณแม่เซราฟินได้พูดถึงในจดหมาย ของท่านก็คือ พระสังฆราชยาโกเบ แจง เกิดสว่าง ประมุของค์แรกของ มิสซังจันทบุรี มิสซังที่ได้แยกออกจากมิสซังกรุงเทพฯ เป็นพระสังฆราช เรอเน แปร์รอส เองที่ได้ท�ำการอภิเษกให้เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1944 / พ.ศ. 2487 ในวันเดียวกันแมร์มารี-หลุยส์ อธิการแขวงของคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ก็ได้เขียนจดหมายถึงพระสังฆราชเรอเน แปร์รอสอย่างเป็น ทางการเกี่ยวกับการถอนตัวของคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี จากอาราม พระหฤทัยฯ

พระสังฆราชยาโกเบ แจง เกิดสว่าง

ประมุของค์แรกของมิสซังจันทบุรี พระสังฆราชพื้นเมืององค์แรก 95


เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ กรุงเทพฯ-สยาม วันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1945 เรียน ฯพณฯ พระสังฆราชเรอเน แปร์รอส พระคุณเจ้า หลังจากทีด่ ฉิ นั ได้มโี อกาสสนทนากับพระคุณเจ้าเกีย่ วกับเรือ่ งทีจ่ ะคืน อารามพระหฤทัยฯ อารามภคินีพื้นเมืองไว้ในความปกครองของพระคุณเจ้า ตามแนวปฏิบัติของ “กฎหมายพระศาสนจักร” และจากการถอนตัวของ เซอร์เซราฟิน เดอ มารี เซอร์มารี เต๊ก และเซอร์มารี โยเซฟ ดิฉนั ขออนุญาต พระคุณเจ้าให้เซอร์ทั้งสามของเรากลับมาที่เซนต์โยเซฟคอนแวนต์โดย เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดิฉันและคณะที่ปรึกษาของดิฉันต่างมีความเห็นเช่นเดียวกันว่า หลังจากที่เซอร์ทั้งสามได้อุทิศตนในการให้การอบรมด้านชีวิตจิตแก่ภคินี พื้ น เมื อ งของพระคุ ณ เจ้ า มาเป็ น เวลานานเกื อ บ 50 ปี และยั ง ได้ น� ำ ความก้ า วหน้ า ด้ า นวั ต ถุ ใ ห้ แ ก่ ส ถาบั น แห่ ง นี้ ที่ ก ลายเป็ น กิ จ การที่ ส�ำ คั ญ ยิ่ ง ส� ำ หรั บ มิ ส ซั ง สยาม คณะของเรามี สิ ท ธิ์ ที่ จ ะเรี ย กค่ า ตอบแทนด้ ว ย ความยุติธรรม..... การซื้อที่ดินที่กว้างใหญ่ การก่อสร้างอารามที่สง่างาม ทั้งนี้ด้วย น�้ำพักน�้ำแรงและความกระตือรือร้นอย่างมากมายของเซอร์ที่รักของเรา ที่ได้รับผิดชอบในกิจการนี้ เหตุนี้เองดิฉันขอพระคุณเจ้าได้โปรดเห็นแก่ ค�ำขอร้องของดิฉันในวันนี้ ซึ่งท�ำในนามของคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ซึ่ง ดิฉันเป็นผู้แทนที่ถูกต้องที่นี่ แม้ว่าดิฉันจะมีความไม่เหมาะสมก็ตาม 96


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ดิ ฉั น ได้ เ รี ย นพระคุ ณ เจ้ า ไปแล้ ว ว่ า ดิ ฉั น ขอส� ำ หรั บ เซอร์ แ ต่ ล ะ คน คนละ 10,000 ตีโก โดยที่ไม่ทันได้คิดค�ำนวนเป็นเงินฟรังก์ เพื่อ ที่จะส่ ง เงิ น นี้ ไปที่ชาร์ตร .....และหลังจากที่ไ ด้ พิ จ ารณาใหม่ แ ล้ ว ดิ ฉัน ขอส� ำ หรั บ เซอร์ แ ต่ ล ะคน คนละ 100,000 ฟรั ง ก์ . ....เพราะถ้ า พวก เธอท�ำงานให้กับคณะ เงินจ�ำนวนนี้ก็จะได้มาเพื่อที่จะส่งไปให้ทางคณะ เพื่ อ เป็ น ค่ า ดู แ ลบรรดาเซอร์ สู ง อายุ ห รื อ เจ็ บ ป่ ว ย และเพื่ อ ที่ จ ะเป็ น ค่าเดินทางส�ำหรับบรรดาเซอร์ที่จะไปเป็นมิสชันนารี นอกจากเงินจ�ำนวน 300,000 ฟรังก์แล้ว ดิฉันขอเพิ่มในนามของ เซอร์เซราฟิน หรือในนามของดิฉันเองตามที่พระคุณเจ้าเห็นชอบ อีกจ�ำนวน 15,000 ฟรังก์ ที่เราสามารถรับได้ที่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นค่าตั๋วเดินทาง ดิฉันขอพระคุณเจ้าโปรดสังเกตว่าดิฉันขอค่าเดินทางส�ำหรับเซอร์ คนเดียวเท่านั้น ส่วนสองคนที่เหลือนั้นก็มีสิทธิ์ด้วยเช่นกัน แต่ทั้งสองพอใจ ที่จะอยู่ที่สยามต่อไป เพื่อที่จะอยู่ท�ำงานต่อไป และจบชีวิตลงที่นี่ ดิฉันหวังว่าค�ำขอร้องของดิฉันจะได้รับการตอบรับอย่างเหมาะสม ดิฉันขอพระคุณเจ้าโปรดรับความเคารพในฐานะนักบวชจากดิฉัน ผู้รับใช้ที่ต�่ำต้อยของพระคุณเจ้า เซอร์มารี-หลุยส์ แห่งพระหฤทัย อธิการิณีของคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร แห่งสยาม

97


ในขณะเดียวกัน คุณแม่เซราฟินได้ท�ำบัญชีทรัพย์สินที่มีอยู่ส่งให้ พระสังฆราชเพื่อรายงานสถานะการเงินและทรัพย์สินของอารามก่อนที่ คุณแม่จะจากไปรายละเอียดของบัญชีมีดังต่อไปนี้ ทรัพย์สินของอารามพระหฤทัย เงินสด (30 กันยายน ค.ศ. 1945) 47,622.35 ตีโก Action S.E.C. @ 50 900.แม่กลอง 295 @ 40 11,800.ผ้าที่มีอยู่ (ราคาอย่างต�่ำเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 1945) 50,000.ที่ดินที่บางบัวทอง (ราคาประเมินขณะนี้) 8,000.ที่นา 5,781.- รวมทั้งสิ้น 124,103.35.ไม่มีเงินที่ให้ขอยืม ไม่มีหนี้สิน ไม่มีเงินในธนาคาร บัญชีสิ่งของทั่วไป ได้จัดท�ำโดยมหาธิการิณีพื้นเมืองเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1944 ทรัพย์สินนี้ไม่รวมราคาที่ดินที่คลองเตย และอาคารของอารามในปัจจุบัน ที่ดินและอาคารต่างๆ ได้ใช้หนี้หมดแล้ว ท�ำที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 1945 98


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

หลังจากที่ได้รับจดหมายของแมร์มารี-หลุยส์แล้ว พระสังฆราชเรอเน แปร์รอสได้อนุญาตให้เซอร์ทั้งสามกลับไปที่เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ได้ แต่ พระคุณเจ้าไม่ได้พูดเรื่องเงินเลย เรื่องนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับแมร์มารี-หลุยส์เป็นอย่างมาก แม้ว่าทางอารามจะมีเงินสดอยู่ แต่ถ้าต้องจ่ายเป็นค่าตอบแทนให้แก่เซอร์ ทัง้ สามทีจ่ ะจากไปก็คงไม่พอ เพราะในขณะนัน้ มิสซังเองมีปญ ั หาเรือ่ งการเงิน ดังทีค่ ณ ุ พ่อโรแบร์ตซึง่ เป็นเพือ่ นสนิทของคุณพ่อโชแรงได้บอกว่า พระคุณเจ้า แปร์รอสไม่ไว้ใจมิสชันนารี ท่านเป็นคนขี้อายและขี้สงสัย บรรดามิสชันนารี ไม่เคารพเชื่อฟังท่าน นอกจากนี้สถานะการเงินของมิสซังไม่ค่อยดี นอก นั้นเราไม่ทราบว่าค่าของเงินตีโกที่พูดถึงนั้นเป็นเงินตีโกทองหรือตีโกเงิน และค่าของตีโกนั้นเป็นจ�ำนวนเงินเท่าไรเมื่อเทียบเป็นเงินไทย หรือเป็นเงิน ฟรังก์ในสมัยนั้น (ค�ำอธิบายค่าตีโกที่เคยใช้ในอดีต ตีกัล-tacal เป็นเหรียญทอง และเงิ น ที่ ใ ช้ ใ นสยามสมั ย ก่ อ น 1 ตี กั ล ทอง เท่ า กั บ 25 ฟรั ง ก์ 15 ซั ง ตี ม ฝรั่ ง เศส สมั ย ก่ อ น 1 ตี กั ล เงิ น เท่ า กั บ 2 ฟรั ง ก์ 99 ซั ง ตี ม ฝรั่ ง เศส ในพจนานุ ก รมของนโปเลี ย น ลั ง เดส์ ค.ศ. 1851 / พ.ศ. 2394 อธิบายไว้ว่าเมื่อเป็นพหูพจน์จะเรียกตีกัลเช่นเดียวกัน โดยเติม S เข้าไป แต่คุณพ่อเยรารด์ มูสเซย์ อดีตผู้อ�ำนวยการหอจดหมายเหตุ คณะมิสซังต่างประเทศ สันนิษฐานว่า มิสชันนารีได้ใช้คำ� นีผ้ ดิ เมือ่ เป็นพหูพจน์ เพราะค�ำนี้เป็นค�ำยกเว้น แทนที่จะใช้ตีกัล กลับไปใช้ตีโกแทน) และนี่คือรายละเอียดในจดหมายของแมร์มารี-หลุยส์ 99


เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ กรุงเทพฯ-สยาม วันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1945 เรียน ฯพณฯ พระสังฆราชเรอเน แปร์รอส พระคุณเจ้า ขอพระคุ ณ เจ้ า โปรดรั บ ค� ำ ขอบคุ ณ จากดิ ฉั น ส� ำ หรั บ การอนุ มั ติ ที่ พระคุณเจ้าได้ให้แก่ดิฉันในจดหมายลงวันที่ 17 ที่ผ่านมา “เรื่องการ อนุญาตให้รับเซอร์เซราฟิน เดอ มารี และเพื่อนร่วมงานทั้งสอง” กลับมา ที่เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ พรุ่งนี้ดิฉันจะแจ้งให้พวกเธอทราบ และพวกเธอ จะกลับมาที่บ้านของเราเมื่อพวกเธอพร้อม ในขณะทีอ่ า่ นจดหมายของพระคุณเจ้าใหม่อกี ครัง้ ดิฉนั ตัง้ ข้อสังเกตว่า พระคุณเจ้าไม่ได้พดู แม้แต่คำ� เดียวเกีย่ วกับเรือ่ งเงินตอบแทนทีด่ ฉิ นั ได้ขอมา ในนามของคณะเซนต์ปอล..... ดิฉนั รูส้ กึ แปลกใจ โดยเฉพาะอย่างยิง่ พระคุณ เจ้าได้แจ้งแก่ดิฉันไว้ว่า “คณะที่ปรึกษาของมิสซัง” จะเสนอเรื่องการถอนตัว ของบรรดาเซอร์ของเราต่อ ฯพณฯ ผู้แทนสมเด็จพระสันตะปาปา ดิฉันคาดว่าเรื่องเงินเป็นเรื่องที่เป็นปัญหา และไม่ใช่เรื่องการถอนตัว ของบรรดาเซอร์ของเรา เพราะการถอนตัวนั้นควรจะได้กระท�ำตั้งแต่เมื่อครั้ง ที่มีการเลือกตั้งมหาธิการิณีพื้นเมืองที่อารามพระหฤทัยฯ ดิฉันรู้สึกเสียใจ ที่เรื่องนี้ได้ผลัดมานานแล้ว ดิฉนั หวังว่าจะได้รบั ค�ำตอบทีช่ ดั เจนเกีย่ วกับเรือ่ งนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรด รับความเคารพจากดิฉัน ผู้รับใช้ที่ต�่ำต้อยของพระคุณเจ้า เซอร์มารี-หลุยส์แห่งพระหฤทัย อธิการิณีของคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร แห่งสยาม 100


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

พระสังฆราชแปร์รอส ได้ตอบจดหมายกลับมาที่แมร์มารี-หลุยส์ เมื่อ วันที่ 30 ตุลาคม จากนัน้ วันที่ 5 พฤศจิกายน แมร์มารี-หลุยส์ได้เขียนกลับไปหา พระสังฆราชแปร์รอสอีกครัง้ หนึง่ และในจดหมายฉบับนีเ้ องได้ให้ความกระจ่าง เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ กรุงเทพฯ-สยาม วันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1945 เรียน ฯพณฯ พระสังฆราชเรอเน แปร์รอส พระคุณเจ้า ดิฉนั ได้รบั จดหมายอย่างเป็นทางการลงวันที่ 30 ตุลาคมทีผ่ า่ นมาของ พระคุณเจ้าแล้ว เป็นจดหมายตอบจดหมายเมือ่ วันที่ 18 เดือนเดียวกันของดิฉนั ดิฉนั ขอขอบพระคุณพระคุณเจ้า ดิฉนั รูส้ กึ ประหลาดใจ ส�ำหรับความเงียบไป ของพระคุณเจ้า ทั้งคณะที่ปรึกษาของมิสซังและพระคุณเจ้าดูเหมือนจะประหลาด ใจเกี่ยวกับการขอถอนตัวของเซอร์เซราฟิน อันที่จริงเธอได้เคยหวังและ ปรารถนาที่จะมีชีวิตและสิ้นใจที่อารามที่เธออยู่! ..... พระคุณเจ้าลืมไปแล้วหรือ เกีย่ วกับการสบประมาทในจดหมายสนเท่ห์ ทีไ่ ด้รบั เมือ่ ต้นเดือนกรกฎาคม ดิฉนั เองได้มอบจดหมายให้พระคุณเจ้ารับทราบ ทุกข้อความที่บรรจุอยู่ในนั้น เพื่อพระคุณเจ้าจะได้แจ้งให้คณะที่ปรึกษา ให้รับทราบ หากมีความจ�ำเป็น ในจดหมายได้รอ้ งเรียนมายังดิฉนั ว่า “ถ้ายังถ่วงเวลาต่อไปอีกนิดหน่อย (หมายถึงยังเก็บอธิการิณีชาวยุโรปคนนี้ไว้) จะเป็นการท�ำลายอาราม...ดิฉัน 101


ขอเชิญ ขอเชิญ...เรียกคนเหล่านี้กลับไป...เราไม่ต้องการพวกท่าน...เราไม่ ปรารถนาพวกท่าน... ดิฉนั ขอโปรดได้จดั การเรือ่ งนีโ้ ดยเร็วทีส่ ดุ .... โปรดอย่า ลืมว่า บัดนี้เราไม่ต้องการพวกท่าน !! เซอร์เซราฟินนั้นเสียใจมาก และจากนั้นเองได้เกิดความคิดที่จะ ถอนตัว ไม่ใช่เป็นเรื่องของการลาออกจากหน้าที่ แต่เป็นการขอออกจาก บ้านที่ถูกไล่อย่างไม่ยุติธรรม พระคุณเจ้าเองเห็นด้วยกับผู้เขียนที่ได้ท�ำการ ต่อต้านนี้ และไม่ปรารถนาเรื่องอื่นนอกจากการถอนตัวของบรรดาเซอร์ ของเรา เวลานั้นเองน่าที่จะพิจารณาดูว่าถ้าปราศจากเซอร์ของเรากิจการนี้ก็ ไม่สามารถด�ำเนินไปได้ และบัดนีท้ จี่ ติ วิญญาณเหล่านีไ้ ด้แตกตืน่ และต้องการ ไล่บรรดาเซอร์ของเราโดยไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น! พระคุณเจ้าคงไม่ทราบกระมังว่า ฯพณฯ ผูแ้ ทนสมเด็จพระสันตะปาปา ได้ทราบเรื่องนี้แล้ว..... บรรดาภคินีของพระคุณเจ้าบางคนที่ถูกครอบง�ำโดย จิตใจแห่งการต่อต้าน ได้เขียนจดหมายเป็นภาษาเวียดนามส่งถึง ฯพณฯ เพือ่ แจ้งว่าเซอร์เซราฟินได้ใช้อำ� นาจเกินขอบเขต..... มีผอู้ าสาทีจ่ ะส่งจดหมายนัน้ จดหมายนัน้ ได้ไปถึงทีห่ มายหรือไม่? ดิฉนั ไม่ทราบ! .....ดิฉนั ไม่รวู้ า่ ฯพณฯ ได้ ตอบจดหมายนี้ หรือว่าจดหมายใส่ความนี้ไม่ได้รับค�ำตอบ ส�ำหรับเรือ่ งที่ 2 ทีพ่ ระคุณเจ้าได้กล่าวถึงในจดหมายว่า “เรือ่ งเกีย่ วกับ ค่ า ตอบแทน” เป็ น ความจริ ง ว่ า ไม่ ไ ด้ มี ข ้ อ ตกลงกั น ตั้ ง แต่ เ ริ่ ม ต้ น และก็ ไม่มีสัญญา ที่จริงบรรดาเซอร์ของเราประสงค์ที่จะท�ำงานนี้ต่อไปจนถึง เหงื่อหยาดสุดท้ายของพวกเธอ.....จากการที่ได้ท�ำงานมาเกือบครึ่งศตวรรษ แต่พวกเธอกลับได้รับการตอบแทนด้วยการถูกไล่อย่างไม่เป็นธรรม ทั้งๆ ที่ค่าตอบแทนนั้นควรจะให้แก่คณะเซนต์ปอล แต่ทางคณะก็ไม่เคยได้รับ จากพวกเธอเลย..... 102


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

นอกนั้นพระคุณเจ้าต้องทราบดีว่า เมื่อเซอร์เซราฟินมาเริ่มเป็นผู้น�ำที่ อาราม เธอพบเงินเพียง 9 ตีโกเท่านัน้ ทีท่ างอารามมีอยู.่ ..แต่เธอจะทิง้ ทรัพย์สนิ ไว้ถงึ 400,000 - 500,000 ตีโก ซึง่ มีทงั้ ตึก เครือ่ งเรือน เสือ้ ผ้า ทีน่ า เป็นต้น ดิฉันและคณะที่ปรึกษาคิดว่าการขอเงินจ�ำนวน 30,000 ตีโกและเงินค่า เดินทางนั้นไม่ได้มากเกินไปเลย ดิฉันขอพระคุณเจ้าโปรดรับความเคารพอย่างจริงใจ ในฐานะนักบวช ผู้รับใช้ที่ต�่ำต้อยของพระผู้เป็นเจ้า

เซอร์มารี-หลุยส์แห่งพระหฤทัย อธิการิณีของคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร แห่งสยาม

เหตุการณ์เหล่านีเ้ ป็นเหตุการณ์ทไี่ ม่นา่ ต้องท�ำให้ตกใจ เพราะในประวัติ พระศาสนจักร เรื่องการต่อต้านผู้ใหญ่ หรือผู้ตั้งคณะได้เกิดขึ้นอยู่เสมอ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว ภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ได้คิดจะมารับตัว สมาชิกของคณะกลับไปที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ ถึงจะมีเหตุการณ์ที่ต้องท�ำให้เกิดการเข้าใจผิดต่อกันระหว่างทาง มิสซัง คณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร และสมาชิกบางคนของภคินีพื้นเมือง

คุณแม่เอลีซาแบ๊ธ

คุณแม่เซราฟิน

ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว คุณแม่เอลีซาแบ๊ธ เองก็ได้พดู ถึงภคินคี นหนึง่ ได้สอดคล้อง กับที่ซิสเตอร์อังเยลีกาได้เล่าว่า เป็น ซิสเตอร์ค นนี้ ที่เ ป็ น ต้ น เหตุ ข องเรื่ อง ยุ ่ ง ยากเหล่ า นี้ “เมื่ อ พระสั ง ฆราช กลั บ ไปแล้ ว แม่ เ ซราฟิ น เรี ย กฉั น เข้ า ไปหาและให้ เ ข้ า ไปในห้ อ งเล็ ก 103


หน้าบ้านไม่ให้ใครได้ยิน ท่านบอกว่าพระสังฆราชให้เราย้ายที่อยู่ พระ สังฆราชคุยและบอกว่าเราไม่ตัดสิน ให้ดูและพิจารณากันเอง แล้วท่าน เอาจดหมายออกมาให้ฉันอ่านให้ฟัง เพราะคุณแม่คงอ่านไม่ค่อยเข้าใจ ท่าน ให้อ่านถึงสองครั้งจนเข้าใจดีแล้วท่านก็เก็บไว้ในอกเสื้อและไม่พูดอะไรหมด คนเขียนเป็นคนไม่มีความรู้ ไม่ได้ลงชื่อ แต่บอกว่าพวกชีทั้งหมด คนที่หนุน หลังเป็นซิสเตอร์คนเดียวกับที่คุณแม่เอลีซาแบ๊ธได้เคยพูดว่ามีพฤติกรรม ค่อนข้างแปลก” ต่อมามีภคินีบางคนส�ำนึกผิดและได้ท�ำการขอโทษต่อคุณแม่เซราฟิน จากนั้นพระสังฆราชเรอเน แปร์รอส ได้เขียนจดหมายถึงแมร์มารี-หลุยส์ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าได้มีการท�ำความเข้าใจกันดีแล้วที่อารามพระหฤทัยฯ คลองเตย จดหมายลงวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 1945 / พ.ศ. 2488 นอก นั้นพระคุณเจ้าแปร์รอสยังได้ให้คุณแม่เซราฟินท�ำการปกครองคณะต่อไป

สงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1939-1945 / พ.ศ. 2482-2488) สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในระหว่างช่วงปี ค.ศ. 1939-1945 / พ.ศ. 2482-2488 ประเทศไทยเป็นมิตรกับประเทศญีป่ นุ่ และยอมให้ทหาร ญี่ปุ่นเข้าประเทศเพื่อเป็นทางผ่านไปประเทศอื่น จากเหตุการณ์นี้ที่อาราม พระหฤทัยได้รบั ผลกระทบจากการทีต่ อ้ งยอมให้ทหารญีป่ นุ่ เข้ามาพักทีอ่ าราม เป็นเวลานานกว่า 1 เดือน ภคินีที่อยู่ในสมัยนั้นได้เล่าว่า “ระหว่ า งสงครามโลกครั้ ง ที่ ส องประมาณปี ค.ศ.1943-1944 พระคุณเจ้าแปร์รอสได้ขึ้นธรรมาสน์ประกาศให้บรรดาภคินีทราบว่า ท่าน อนุญาตให้คนที่เพิ่งปฏิญาณตน คนที่อ่อนแอหรือคนที่ไม่แข็งแรงกลับไปอยู่ บ้านบิดามารดาได้ และเมื่อทหารญี่ปุ่นมานั้น มีภคินีชาวญี่ปุ่นที่สีลม และ 104


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

คุณพ่อกาแร็ตโตที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้มาเป็นล่ามให้กับเราเรื่องข้อตกลงต่างๆ ในการเข้ามาพักอาศัยในอาราม วันที่ญี่ปุ่นเข้ามาพักที่อารามนั้นทหารส่วนมากมาด้วยรถจักรยาน เข้า มาเต็มไปหมดหลายร้อยคน เอารถจักรยานเข้ามาจอดข้างบ้าน หลังบ้าน และ อีกส่วนหนึ่งมาด้วยรถสิบล้อ เมื่อมาถึงแล้วก็ท�ำใบ้ให้เราออกไป พวกเขาจะ เข้ามาอยู่ พวกเราตกใจกลัวมาก แม้ว่าได้ทราบเรื่องนี้ล่วงหน้าแล้วก็ตาม จึงย้ายออกไปอยู่ที่ตึกเล็กซึ่งเป็นที่พักของเด็กก�ำพร้าที่อารามเลี้ยงไว้ และ เป็นตึกที่นายช่างใหญ่อิตาเลียนที่สร้างอารามได้สร้างเพิ่มเติมให้แก่อาราม โดยไม่คิดมูลค่า ในขณะที่ทหารญี่ปุ่นพักอยู่ที่อารามนั้น ทหารก็มิได้ท�ำ อันตรายแก่คนในอารามแต่อย่างใด และแสดงน�้ำใจดีต่อบรรดาภคินีโดย แบ่งเนื้อสัตว์และผักสดให้แก่ทางอารามมิได้ขาด ท�ำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ในเรื่องอาหารเลย ตลอดเวลาที่ญี่ปุ่นอยู่ มีคนอยู่ที่อารามทั้งสิ้นประมาณ 20 คน (ให้ภคินีติดต่อกับทหารญี่ปุ่นได้คนเดียวคือภคินีมาร์การิต) หลังจากทหารญี่ปุ่นมาพักอาศัยอยู่ที่อารามชั่วระยะเวลาประมาณ หนึ่งเดือนเศษและย้ายออกไปแล้ว สภาพในอารามสกปรกมาก บรรดา ภคิ นี ต ้ อ งช่ ว ยกั น ท� ำ ความสะอาดใหญ่ เ ป็ น เวลาเกื อ บ 2 สั ป ดาห์ ทุ ก ชั้ น ตั้ ง แต่ ชั้ น บนลงล่ า งไม่ เ ว้ น แม้ แ ต่ วั ด ทั้ ง ๆ ที่ หั ว หน้ า ใหญ่ รั บ รองว่ า จะไม่ ท� ำ อะไรเสี ย หายให้ แ ก่ ข ้ า วของหรื อ ทรั พ ย์ สิ น ของอารามที่ ป ิ ด อยู ่ ในห้ อ งหรื อ ในตู ้ ที่ใ ส่กุญ แจไว้ แต่ก็ถูก ทหารลู ก น้ องงั ดแงะกุ ญแจออก ไปหมด บรรดาห้องน�้ำที่อารามเสียหายหมดเพราะตัน และปล่อยร่อง รอยอุจจาระไว้ทั่วไปทุกห้อง ทหารได้เอาหนังที่เก็บไว้ท�ำกระเป๋าไปตัด เย็บรองเท้าใส่กัน เอาผ้าพับที่เก็บไว้ในตู้ไปขายที่ตลาด (พ่อค้าแม่ค้าบอก แก่ซสิ เตอร์ในภายหลัง) หลังจากทีท่ หารญีป่ นุ่ ออกไปแล้วสถานทูตได้ชดเชย ค่าเสียหายให้แก่อารามจ�ำนวนหนึ่งซึ่งคุณแม่เซราฟินบอกว่าไม่มากนัก” 105


หลังจากสงครามสงบลง คุณแม่เซราฟินได้เรียกบรรดาสมาชิกที่กลับ ไปอยู่ที่บ้านให้กลับมาอาราม แต่ก็มีบางคนที่ไม่ได้กลับมา ท�ำให้คณะต้อง สูญเสียสมาชิกไปจ�ำนวนหนึ่ง และแน่นอนคุณแม่เซราฟินคงต้องรู้สึกเศร้า ใจกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน

ความเศร้าโศกเสียใจจากการจากไปของสมาชิกในครอบครัว เวลาที่เราอยู่ห่างไกลจากครอบครัว จากประเทศชาติบ้านเกิดเมือง นอน เมื่อต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัว มันเป็นความเจ็บปวดที่บางครั้ง ไม่อาจบรรยายได้ คุณแม่เซราฟินเองก็มีความรู้สึกเช่นปุถุชนทั่วไป ในปี ค.ศ. 1906 / พ.ศ. 2449 คุณแม่ได้แสดงออกถึงความเศร้าโศก เสียใจในการจากไปของน้องสาวของท่าน โดยคุณแม่ได้เขียนจดหมายไปถึง ผู้ใหญ่ที่คณะว่า “คุณแม่ที่เคารพ ดิฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการสูญเสีย น้องสาวอายุแค่ 28 ปี และทิ้งหลานสองคนไว้เป็นก�ำพร้า” ทางครอบครั ว ของคุ ณ แม่ มี ค วามปรารถนาที่ จ ะได้ พ บกั บ คุ ณ แม่ สักครั้งหนึ่ง ดังที่คุณแม่ได้เขียนต่อในจดหมายฉบับเดือนตุลาคม ค.ศ. 1907 / พ.ศ. 2450 “เมือ่ ไม่นานมานี้ เซอร์ยอแซฟ เดอ แซงอานน์ (คัทธิน แรนฮาร์ด) ที่อยู่ฮ่องกงได้กลับมาที่ฝรั่งเศส คุณแม่และพี่น้องของดิฉัน ได้เขียนจดหมายไปถามดิฉันว่า ดิฉันจะได้กลับมาที่อัสซาสหรือไม่ เพราะ 10 ปีมาแล้วที่ดิฉันได้จากไป ดิฉันได้ตอบครอบครัวของดิฉันไปว่า ดิฉัน ไม่ได้เจ็บป่วย และที่เซอร์ยอแซฟได้กลับมานั้น เพราะเรื่องสุขภาพ ดิฉัน ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด เพราะที่จริงหนึ่งปีมาแล้วที่ดิฉันเองก็ปวดใน ช่องท้องบ่อยๆ หมอได้บอกว่าดิฉันเป็นนิ่ว แต่จนถึงบัดนี้ ดิฉันก็ยังไม่ได้ พักเลย แม้ว่าดิฉันจะรู้สึกทรมานมากก็ตาม” 106


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

แม้ว่าครอบครัวของคุณแม่มีความปรารถนาที่จะได้พบกับคุณแม่ แต่ ถึงกระนั้น คุณแม่ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้กลับฝรั่งเศสทันที ต้องรอไปจนถึง ปี ค.ศ.1925 / พ.ศ. 2468 ในปี ค.ศ. 1915 / พ.ศ. 2458 คุณแม่ได้เขียนจดหมายไปที่ชาร์ตร อีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้คุณแม่ได้เล่าว่าท่านได้สูญเสียมารดาของท่าน “เมื่อไม่ นานมานี้ ดิฉันมีความเศร้าโศกมากที่ต้องสูญเสียมารดาของดิฉัน พี่ชายและ น้องชายต้องออกจากอัลซาส น้องชายถูกเกณฑ์ให้ไปเข้าในกองทัพเยอรมัน ส่วนพี่ชายที่เป็นที่พึ่งของครอบครัวนั้น อพยพไปที่ฝรั่งเศสพร้อมกับชาว อัลซาสจ�ำนวนมาก ดิฉันเชื่อว่าการตรอมใจที่ต้องเห็นลูกชายทั้งสองต้อง จากไปเช่นนี้ ได้มีส่วนอย่างมากกับการจากไปของคุณแม่ของดิฉัน ท่านหวัง เป็นอย่างมากที่จะได้พบกับดิฉันสักครั้งหนึ่ง คุณพ่อเองก็หวังเช่นเดียวกัน แต่บัดนี้คุณพ่อก็ได้จากไปนานถึง 4 ปีแล้ว” ไม่ใช่เฉพาะมารดาของคุณแม่เซราฟินเท่านั้นที่ทุกข์ใจที่ต้องเห็น ลูกชายสองคนอยู่กันคนละฝ่าย เนื่องมาจากสงคราม แต่ชาวอัลซาส ทั้งหมดก็มีความทุกข์เช่นเดียวกัน และไม่เฉพาะแค่สงครามโลกครั้งที่ 1 เท่านั้น แต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เช่นเดียวกัน อัลซาสยังคงเป็นดิน แดนที่ ถู ก แย่ ง กั น ระหว่ า งเยอรมั น และ ฝรั่ ง เศส และในระหว่ า งสงครามโลก ครั้ ง ที่ 2 นี้ เ องที่ คุ ณ แม่ เ ซราฟิ น ได้ สู ญ เสี ย พี่ ช ายของท่ า น หลั ง จากที่ ไ ด้ ท ราบ ข่าว คุณแม่ได้เขียนจดหมายไปปลอบใจ พี่ ส ะใภ้ แ ละหลานสาวคนหนึ่ ง ที่ ชื่ อ ว่ า อัลแบร์ติน “ฉันอยากปลอบใจท่านที่รัก สั ก เล็ ก น้ อ ยกั บ ส� ำ หรั บ การสู ญ เสี ย ที่ คุณแม่เซเราฟิน เดอ มารี เจ็ บปวด จากการจากไปของพี่ชายที่รัก 107


ยิ่งของฉัน สามีของคุณ และคุณพ่อที่รักของเธอ กางเขนนั้นหนักหนาและ มันกดอยู่ที่บนบ่าของท่าน แต่ความเชื่อที่ลึกซึ้งที่อยู่ในใจของท่าน จะท�ำให้ ความทุกข์ยากจากบาดแผลฉกรรจ์ครั้งนี้เบาบางลง ท่านคงไม่ต้องสงสัยนะ เพื่อนที่รัก ว่าฉันเองก็ได้ร่วมส่วนกับความทุกข์อันใหญ่หลวงนี้กับท่านด้วย เมื่อฉันได้รับจดหมายจากเรอเน ฉันรู้สึกเศร้าสลดและได้ไปคุกเข่าสวด และร้องไห้ถึงพี่ชายที่ฉันรักมาก และเขาก็รักฉันเสมอ พวกท่านได้สูญเสีย เสาหลักและหัวหน้าครอบครัว!!! เรอเนได้เขียนไปเล่าให้ฉันฟังว่าลูกๆ ทุกคนได้ช่วยแม่อย่างมาก ในระหว่างสงครามที่โหดร้ายครั้งนี้” คุณแม่ได้เขียนต่อไปในจดหมายฉบับเดียวกันว่า “ฉันคิดว่าเขาคง จะรู้สึกเป็นทุกข์ที่เห็นลูกๆ อยู่ในระหว่างสงคราม และเรอเนก็ต้องหนี ไปอยู่ที่อื่น” หลานชายของคุณแม่ คุณพ่อเรอเนได้หลบไปอยู่ทางตอนใต้ของ ประเทศฝรั่งเศส หลายครั้งหลายคราที่ในชีวิตของคุณแม่ต้องประสบกับการทดลอง แต่ไม่มีสักครั้งเดียวที่ท่านจะรู้สึกท้อแท้ใจ เหมือนดังที่เราพบในจดหมาย ของท่านในฉบับเดียวกันนั้น ท่านได้บอกกับพี่สะใภ้และหลานของท่านว่า “จงเข้มแข็งและวางใจในพระผู้ทรงสรรพานุภาพ พระองค์ทรงรู้ถึงความ ต้องการของทุกคน ไม่มีเส้นผมสักเส้นเดียวที่จะร่วงจากศีรษะของเรา โดยที่พระองค์ไม่ทรงอนุญาต ท�ำไมพระองค์จะไม่ทรงรู้ถึงความเจ็บปวด ของพวกท่านและก็ของฉันด้วย!!!”

108


บทที่ 7

การเดินทางกลับไปประเทศฝรั่งเศสสองครั้ง

ท่าเรือ มาร์เซย์ ประเทศฝรั่งเศส 109


ตัง้ แต่ถูกส่งมาอยู่ที่ประเทศมิสซังในปี ค.ศ. 1897 / พ.ศ. 2440

คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี ได้รับอนุญาตให้กลับไปประเทศฝรั่งเศสเพียง 2 ครั้งเท่านั้น

การกลับไปประเทศฝรั่งเศสครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1925 / พ.ศ. 2468 หลังจากทีม่ าประจ�ำอยูท่ ปี่ ระเทศมิสซัง คุณแม่เซราฟินก็ได้รบั อนุญาต ให้กลับไปเยีย่ มครอบครัวเป็นครัง้ แรก ในโอกาสนีเ้ องพระคุณเจ้าแปร์รอสได้ ฝากจดหมายฉบับหนึ่งไปให้เซอร์เรอเน เดอ เยซู ญาติของท่านที่เป็นภคินี เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร เซอร์เรอเนผู้นี้ ต่อมาได้รับเลือกให้เป็นมหาธิการิณี ของคณะ (ค.ศ. 1947-1959 / พ.ศ. 2490-2502) คุณแม่เซราฟินได้รว่ มเดินทางไปพร้อมกับเซอร์แมตทิลและเซอร์ออง แชล การเดินทางไม่มีอุปสรรคอะไรนอกจากสองวันสุดท้าย ขณะที่เรือก�ำลัง แล่นอยูใ่ นทะเลเมดิเตอเรเนียน คุณแม่ได้เล่าว่า “นับเป็นครัง้ แรกทีด่ ฉิ นั เกือบ เอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ เพราะเรือโคลงเคลงมาก เซอร์แมตทิลและเซอร์อองแชล เมาคลืน่ มากจนคิดว่าจะเอาชีวติ ไม่รอด ส่วนดิฉนั เองต้องนอนอยูท่ เี่ ตียงและ เกาะเตียงไว้จนกว่าพายุจะสงบ” ในที่สุดท่านก็ได้เดินทางมาถึงที่ท่าเรือมาร์เซย์อย่างปลอดภัย จากนั้น ท่านได้เดินทางไปที่บ้านศูนย์กลางของคณะที่ชาร์ตรเพื่อร่วมฉลองปัสกา กับสมาชิกของคณะที่นั่น คุณแม่ได้เดินทางไปอัลซาสบ้านเกิดเมืองนอน 110


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ของท่านในวันอังคารที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1925 / พ.ศ. 2468 ทุกสิ่ง ทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก คุณแม่พบเพียงพี่ชาย น้องชาย และ น้องสาว ส่วนคนอื่นๆ ได้จากไปสวรรค์หมดแล้ว คุณแม่ได้รับการต้อนรับ ที่บ้านของอัลแบร์ต ลูเตนบาเช่ร์ พี่ชายของท่าน ครอบครัวได้ขยายใหญ่ขึ้น คุณแม่พบหลายชายและหลานสาวรวมทั้งหมด 18 คน เกือบทั้งหมดโตเป็น หนุ่มเป็นสาวแล้ว คุณแม่ดีใจมากที่ได้อยู่ร่วมในพิธีรับศีลมหาสนิทครั้งแรก ของหลานสาวคนหนึ่ง ค ว า ม สุ ข ที่ ยิ่ ง ใ ห ญ ่ ที่ สุ ด อี ก ประการหนึ่ ง ก็ คื อ การได้พบกับสามเณรเรอเน หลานชาย ลูกของอัลแบร์ต ซึ่ ง มาพั ก อยู ่ ที่ บ ้ า นเพราะ เป็ น ช่ ว งปิ ด เรี ย นระหว่ า ง เทศกาลปั ส กา เรอเนเป็ น เณรอยู่ที่บ้านเณรสตาร์บูร์ก

คุณแม่เซราฟินกับสามเณรเรอเน หลานชาย

การเดินทางกลับประเทศฝรั่งเศสครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1949 / พ.ศ. 2492 ในปี ค.ศ. 1949 / พ.ศ. 2492 คุณแม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับ ไปเยีย่ มบ้านอีกเป็นครัง้ ทีส่ อง และครัง้ นีถ้ อื เป็นครัง้ สุดท้าย คุณแม่ได้พำ� นัก อยู่ในประเทศฝรั่งเศสช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม การเดิน 111


ทางครั้งนี้ คุณแม่เดินทางโดยทางเครื่องบิน จากกรุงเทพฯ ไปไซ่ง่อนและ จากไซ่ง่อนท่านได้เดินทางโดยเครื่องบินในสมัยนั้นก็คือ เครื่องบินที่มี สี่เครื่องยนต์ของสายการบินฝรั่งเศส : ไซ่ง่อน-ปารีส เครื่องบินนี้มีทั้งหมด 70 ที่นั่ง การเดินทางครั้งนี้มีระยะทางถึง 13,000 กิโลเมตร การเดินทาง กินเวลาทั้งหมด 48 ชั่วโมง โดยเครื่องบินจอดเพื่อเติมน�้ำมันที่กัลกัตตา ไคโรและที่กรุงโรม ครอบครัวของคุณแม่มีความยินดีอย่างมากที่ได้ต้อนรับคุณแม่อีก ครั้งหนึ่ง เพราะนานถึง 24 ปีมาแล้วที่คุณแม่ไม่ได้กลับไปที่อัลซาส ครั้งนี้ คุณแม่ได้พักที่บ้านของเออเยนน้องชายคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ เออเยนมีบุตรชายคนหนึ่งชื่อ เล-อง ซึ่งมีอาชีพเป็นนักหนังสือพิมพ์ เล-องได้เขียนบทความเกี่ยวกับคุณแม่เซราฟินและงานธรรมทูตของท่าน ที่ประเทศสยามในหนังสือพิมพ์ชื่อ “L’Alsace” หลังจากที่ได้อ่านบทความ เกี่ยวกับคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี แล้ว นายกเทศมนตรีเมืองมูลลูส และ นายกเทศมนตรี เมือ งฟาสตาทท์ มีค วามประสงค์ จ ะจั ดพิ ธีเ พื่ อยกย่ อง ผลงานที่ คุ ณ แม่ ไ ด้ ท� ำ เพื่ อ ประเทศฝรั่ ง เศสและเพื่ อ พระศาสนา ในตะวันออกไกล พิธีการได้ถูกจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1949 / พ.ศ. 2492 และต่อไปนี้คือสุนทรพจน์ที่นายกเทศมนตรีเมืองฟาสตาทท์ได้กล่าว ยกย่องคุณแม่ต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติทั้งหมด

112


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

มาเซอร์ที่เคารพ ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ผมคงจะต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี่ เพราะผมเกรงว่าการจัดงานเลี้ยง รับรองเพื่อให้เกียรติแก่มาเซอร์นั้นอาจจะไประคายเคืองกับความเรียบง่าย ของมาเซอร์ แต่ ฯพณฯ นายกเทศมนตรีของเมืองมูลลูส และสภาเทศบาล ของเราได้ยืนยันที่จะจัดงานรับรองให้เกียรติแก่หนึ่งในบรรดาเพื่อนร่วมชาติ ที่ได้สร้างคุณงามความดี ขออนุญาตให้ผมได้เป็นตัวแทน ไม่เพียงแค่เทศบาลทั้งสองเท่านั้น แต่ในนามของต�ำบลบ้านเกิดเมืองนอนเล็กๆ ของมาเซอร์ด้วย ขอต้อนรับ มาเซอร์ด้วยความรู้สึกอบอุ่นและเคารพนับถืออย่างยิ่ง หนังสือพิมพ์ “L’Alsace” จากปลายปากกาของหลานที่รักของ มาเซอร์ได้เล่าอย่างละเอียดถีถ่ ว้ นตามหัวข้อทีไ่ ด้เลือกสรร ถึงชีวติ ทีอ่ ทุ ศิ ตน เป็นเวลายาวนาน การเสียสละอย่างไม่หวังผลตอบแทน และความส�ำเร็จที่ มาเซอร์ได้มอบให้แก่ประเทศสยามดินแดนไกลโพ้น การรับใช้พระคริสตเจ้า และพระศาสนจักรของพระองค์ และการรับใช้ประเทศฝรั่งเศส ผมขอยกบางเรื่องมากล่าวแก่ผู้ที่อยู่ ณ ที่นี่ เป็นเวลานานถึง 52 ปีที่เซอร์เซราฟิน เดอ มารี ที่เคารพได้จาก ครอบครัวของท่านทีต่ ำ� บลเฟลเลอแรงพร้อมกับเซอร์เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร เพื่อนร่วมคณะอีก 6 ท่าน เพื่อไปร่วมงานที่ได้รับมอบหมายที่กรุงเทพฯ ใน ตะวันออกไกล จากพรสวรรค์ที่มีอยู่ เซอร์เซราฟินได้เรียนรู้ภาษาสยาม ได้อย่างรวดเร็วและได้ท�ำหน้าที่ในการเป็นล่าม หลังจากท�ำงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายมาได้ 4 ปี เซอร์เซราฟินก็ได้รบั ความ ไว้วางใจจากบรรดาผู้ใหญ่และเพื่อนร่วมงาน จนถึงกับได้รับแต่งตั้งให้เป็น 113


อธิการิณีของคณะพระหฤทัยแห่งสามเสน อาศัยความคล่องแคล่วว่องไว การหยั่งรู้และการฝึกหัดอบรมตัวเองในชีวิต เซอร์เซราฟินได้พัฒนาคณะ ในงานด้านการสอนเรียนและด้านการสงเคราะห์ผู้อื่นจนคณะมีชื่อเสียง แต่ความชาญฉลาดของเซอร์เซราฟินไม่ได้อยู่เพียงแค่ภายในก�ำแพง ของอารามเท่านัน้ เซอร์เซราฟินยังได้รบั ความไว้วางใจจากชาวสยามทีร่ จู้ กั เธอ และแม้แต่ในราชส�ำนัก พระเป็นเจ้าเท่านัน้ ทีร่ ดู้ ถี งึ บุตรีทซี่ อื่ สัตย์ของพระองค์ ว่าเธอเป็นคริสตชนทีเ่ ปีย่ มไปด้วยความรักต่อผูอ้ นื่ อย่างมีชวี ติ ชีวา พยานชีวติ ของเธอได้ปรากฏแก่สายตาของคนต่างศาสนาด้วย 52 ปีทเี่ ธอพากเพียรอย่างเสมอต้นเสมอปลาย 52 ปีทตี่ อ้ งกัดฟันต่อสู้ กับความยากล�ำบาก ไม่เคยมีนกั หนังสือพิมพ์สกั คนทีไ่ ด้กล่าวถึงเธอ ไม่เคยมี แม้แต่ใครคนหนึง่ ทีจ่ ะบอกเล่าถึงความทุกข์ยากประจ�ำวันของเธอ ในทางตรง กันข้าม ชีวิตหนึ่งที่ต้องอยู่ในประเทศที่บางครั้งต้องถูกเบียดเบียนในฐานะ ที่เป็นคริสตชน เซอร์เซราฟินได้รู้ที่จะเลือกอยู่ในกลุ่มเพื่อนร่วมชาติที่เป็น มิสชันนารี เธอเป็นคนหนึ่งในบรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์และพี่น้องชาย หญิงจ�ำนวนนับพันที่ได้ออกไปประกาศพระวรสารในโลก ท่านเหล่านี้เองที่เป็นประดุจทูตชายหญิงที่ดีที่สุด ที่ท�ำให้ประเทศ ฝรั่งเศสได้กลายเป็นที่รัก สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาจะแสดงออกก็คือ ขอพระเป็นเจ้าโปรด ประทานพระพรแก่เซอร์เซราฟินให้มีอายุยืนอีกหลายปี เพื่อที่เธอจะได้ สามารถชื่นชมยินดีในผลงานของเธอ และส่งต่อให้แก่อนุชนรุ่นต่อไป และ เธอจะได้ถือโอกาสนั้นพักผ่อนตามที่เธอเองสมควรจะได้รับ ขอแสดงความนับถือต่อครอบครัวที่รักของเซอร์เซราฟิน โดยเฉพาะ อย่างยิ่งน้องชายที่ได้ให้การต้อนรับเซอร์เซราฟินในนามของพวกเรา ใน 114


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ระหว่างที่เธอได้มาพักอยู่ในเมืองของเรา การพ�ำนักที่เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะนานเท่าที่จะเป็นไปได้ ในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว ขอเซอร์เซราฟิน เดอ มารี ได้เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมให้แก่บรรดาเยาวชนและแก่พวกเรา ตัวอย่าง ที่สมควรได้รับการสดุดีอย่างสูง เพื่อที่ในอนาคตจะได้กลายเป็นดุจดัง เครื่องหอมของพระคริสตเจ้าและธงชัยของประเทศฝรั่งเศสที่จะขจรขจาย ไปทั่วโลก” หนังสือพิมพ์ “L’Alsace” ประจ�ำวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1949/ พ.ศ. 2492 ได้รายงานเกี่ยวกับการต้อนรับเพื่อสดุดีผลงานของคุณแม่ เซราฟิน ที่จัดโดยเทศบาลเมืองฟาสตาทท์ ในรายงานนี้ได้ระบุรายชื่อบุคคล ส�ำคัญที่มาร่วมในงาน ดังมีรายชื่อดังต่อไปนี้ นายกางเดร์ นายกเทศมนตรี ประจ�ำเมืองมูลลูส และผูช้ ว่ ยทัง้ 6 ท่าน คือ นายฮอร์นสุ นายเค็น นายมีแชล นายโกรส์ นายเมนเดลและนายซีล นอกนั้นยังมีนายบูร์กชัวส์ วุฒิสมาชิก ประธานที่ ป รึ ก ษาของจั ง หวั ด แองท์ ต อนบน นายโจเซฟ เวนส์ นายก เทศมนตรีเมืองฟาสตาทท์ พร้อมด้วยนายมืนเล่ร์ ผู้ช่วย และคณะที่ปรึกษา ของเทศบาลเมืองฟาสตาทท์ หนังสือพิมพ์ได้ลงรูปคุณแม่เซราฟินก�ำลังถือช่อดอก muguets (ดอกไม้เล็กๆ สีขาวรูปร่างคล้ายกระดิ่ง ชาวฝรั่งเศสมักจะมอบดอกไม้นี้ ให้แก่กันและกันในวันที่ 1 พฤษภาคม เพราะพวกเขาถือว่าเป็นดอกไม้ แห่งความสุข) นายบันเดล ผู้รับผิดชอบวงดนตรีของเทศบาลเป็นผู้มอบ ดอกไม้นี้ให้แก่คุณแม่ ในช่วงที่คุณแม่ได้พักอยู่ที่อัลซาสครั้งนี้ คุณแม่ได้ไปร่วมพิธีรับเสื้อ นักบวชของอันตัวแนต วูเอรัล หลานตาของอัลแบร์ตพี่ชายของคุณแม่ ที่คณะภคินีแห่งพระญาณเอื้ออาทรแห่งริโบวีเย 115


บทที่ 8

ภารกิจส�ำเร็จ

ที่หน้าอารามพระหฤทัยฯ คลองเตย โอกาสปิดการเข้าเงียบประจ�ำปี ค.ศ. 1949 / พ.ศ. 2492 116


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

117


คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในด้านภาษา คุณแม่

สามารถพูดได้ถึง 5 ภาษา ก็คือ ภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ เวียดนาม และภาษาไทย ชาวยุโรปที่พ�ำนักอยู่ที่กรุงเทพฯ มักจะไปมาหาสู่ที่อาราม อยู่เสมอๆ คุณแม่เป็นผู้ที่มีอัธยาศัยในการต้อนรับแขก ตลอดระยะเวลา 55 ปีท่านต้องท�ำงานอย่างหนัก ต้องปรับตัวกับ ภูมิอากาศที่แตกต่างอย่างมากกับบ้านเกิดเมืองนอนของท่าน แต่ถึงกระนั้น ท่านก็ไม่ย่อท้อ ท่านได้ท�ำหน้าที่ในฐานะธรรมทูตอย่างดี ท่านได้แสดง ให้เห็นถึงความเป็นชาวฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอัลซาสผู้มีหัวใจ เข้มแข็งและบากบั่น ตลอดเวลาที่ปกครองคณะ ท่าน ได้ท�ำหน้าที่ด้วยความรัก พากเพียรอดทน จนกระทัง่ วันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1951/ พ.ศ. 2494 คุ ณ แม่ ไ ด้ ล ้ ม ป่ ว ยหนั ก ด้วยโรคเบาหวาน และต้องเข้าพักรักษาตัว ในโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์นานถึง 1 เดือน หลังจากนั้นสุขภาพของท่านก็ถดถอยลง เมื่อเป็นดังนี้ พระสังฆราชหลุยส์ โชแรง ผู้ปกครองมิสซังกรุงเทพฯ ได้มอบหมาย ให้เซอร์เยเนเวียฟ เป็นผู้รักษาการณ์แทน คุณแม่ และอนุญาตให้คุณแม่ได้พักผ่อน เซอร์เยเนเวียฟ มาเรีย แบร์นาร์ด 118


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ทีจ่ ริงคุณแม่เองมีปญ ั หาเรือ่ งสุขภาพตัง้ แต่สมัยยังอายุไม่มาก ดังทีท่ า่ น ได้เล่าไว้ในจดหมายที่ท่านเขียนในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1906 / พ.ศ. 2449 ว่า “เมื่อไม่นานมานี้ ดิฉันปวดที่สีข้างมาก คุณหมอปัวซ์ ได้บอกว่าดิฉัน เป็นนิ่ว” และในปี ค.ศ. 1915 / พ.ศ. 2458 คุณแม่ก็ได้ป่วยเป็นโรค โลหิตจาง ซึ่งท�ำให้ท่านรู้สึกเหนื่อยมาก ในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1951 / พ.ศ. 2494 พระสังฆราชหลุยส์ โชแรงได้จัดให้มีการเลือกตั้งมหาธิการิณีเพื่อท�ำหน้าที่แทนคุณแม่เซราฟิน คุณแม่เอลีซาแบ๊ธเป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นมหาธิการิณี หลังจากที่คุณแม่เซราฟินได้สุดสิ้นหน้าที่ ในการปกครองคณะแล้ ว ผู ้ ใ หญ่ ข องคณะ เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ได้มารับคุณแม่และเซอร์ ผู้ ร ่ ว มงานของท่ า นกลับโรงเรีย นเซนต์โ ยเซฟ คอนแวนต์ ซิสเตอร์อังเยลีกา เล่าว่า “มาคุย กันอยู่ในห้องรับแขก คุณแม่เซราฟินและดามรี้ (เซอร์มารี เต๊ก) ร้องไห้ใหญ่ ครู (ซิสเตอร์) ซิสเตอร์อังเยลีกา คนอืน่ ไม่รแู้ ต่ฉนั รูเ้ พราะได้อา่ นจดหมายจึงบอกว่า บุญลาภ ศรีประเสริฐ เขาจะมารับแม่ไปแล้ว พูดกับครูที่พูดได้ บอกว่า อย่ายอมให้เอาแม่ไป และบอกกับแม่ว่าขอให้แม่บอกว่าขออยู่ที่นี่จนตาย แม่กพ็ ดู ตามทีฉ่ นั และพวกครูบอก พูดกันอยูช่ วั่ โมงกว่าๆ บรรดาซิสเตอร์ทอี่ ยู่ ห้องเย็บมารุมกันทีร่ ถ และไม่ยอมให้รถออกพร้อมทัง้ ร้องไห้ บอกว่าอย่าเอา แม่เราไป จนทางแมร์เห็นว่าเราเสียใจจริงไม่อยากให้แม่ไป จึงยอมให้แม่เซราฟิน อยู่กับเราต่อไปได้ ส่วนดามรี้ท่านเสียใจมาก ที่ต้องกลับไปอยู่เซนต์โยเซฟ และไม่เคยกลับมาทีอ่ ารามอีกเลย ท่านอยูไ่ ม่ทนั ไรก็หลง พวกเราบางคนเช่น ครูยออันนาและคนโตๆ ไปเยีย่ มบ้าง แต่ไม่กคี่ รัง้ เพราะท่านพูดไม่รเู้ รือ่ งและ ถือกรรไกรตัดผ้าตลอดเวลา ต่อมาท่านก็ถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา” 119


ทางคณะเซนต์ปอลได้ให้เซอร์เยเนเวียฟมาอยูเ่ ป็นเพือ่ นและพยาบาล คุณแม่จนถึงแก่กรรม ก่อนเที่ยงวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1952 / พ.ศ. 2495 คุณแม่ ได้ล้มป่วยอย่างกระทันหัน อาการของท่านทรุดลงอย่างรวดเร็ว จนวันที่ 4 สิงหาคม คุณพ่อมอรีส ยอลี พระสงฆ์จิตตาธิการของอารามในขณะนั้น ได้โปรดศีลเจิมคนไข้และศีลเสบียงให้แก่ท่าน วันรุ่งขึ้น 5 สิงหาคม เวลา 07.45 น. คุณแม่ได้สิ้นใจอย่างสงบท่ามกลางภคินีลูกๆ ของท่านที่ห้อมล้อม รอบเตียงเพื่อเฝ้าสวดภาวนาให้แก่คุณแม่ผู้เป็นที่รักของพวกเขา คุณแม่ ได้ถึงแก่กรรมที่อารามพระหฤทัย อารามที่ท่านได้เป็นผู้ก่อสร้างขึ้น

120


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ในโอกาสนี้ เ อง พระสั ง ฆราช หลุยส์ โชแรง พระสังฆราชของมิสซัง กรุงเทพฯ ได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่ง ถึงคุณพ่อเรอเน ลูเตนบาเช่ร์ เจ้าอาวาส วัดนักบุญเยเนเวียฟ มูลลูส ซึง่ เป็นหลาน ชายของคุณแม่ จดหมายฉบับนีเ้ ป็นการ สรุปบทเทศน์ของพระคุณเจ้า ในระหว่าง พิ ธีมิ ส ซาปลงศพของคุ ณ แม่ ที่ จั ด ขึ้ น ที่ วั ด น้ อ ยของอารามพระหฤทั ย ฯ คลองเตย เมือ่ วันที่ 7 สิงหาคม 1952 / พ.ศ. 2495 โดย ฯพณฯ เป็นประธาน ร่วมกับพระสังฆราชบาเยต์ บรรดาพระ สงฆ์มิสชันนารี นักบวชชายหญิงและ แขกผูม้ เี กียรติจำ� นวนมาก หนังสือพิมพ์ ที่อัลซาสฉบับหนึ่งได้บรรยายพิธีมิสซา ปลงศพของคุณแม่เซราฟินว่า ในจ�ำนวน แขกผู ้ มี เ กี ย รติ ทั้ ง หลาย ได้ มี ผู ้ แ ทน จากสถานทู ต ฝรั่ ง เศส เยอรมั น และ อิตาลีร่วมอยู่ด้วย ร่างของคุณแม่ได้ ถู ก ฝั ง ไว้ ใ นสุ ส านของอารามพระ หฤทัยฯ ท่ามกลางลูกๆ ของท่าน สมดัง ความปรารถนาของท่านเมื่อครั้งที่ยัง มีชีวิตอยู่

121

คุณพ่อเรอเน ลูเตนบาเช่ร์

คุณแม่เซราฟิน เดอ มาร่ี


พิธีปลงศพคุณแม่เซราฟิน เดอ มาร่ี 122


(เรียงจากซ้าย) คุณพ่อมอริส ยอลี, Mere Germaine, Mere M.Louise, คุณแม่เอลิซาเบ็ธ บุญคั้นผล, Sr. Marie-del’Incanation, Mere Rene (Mere Generale)

ผู้มาร่วมในพิธีปลงศพคุณแม่เซราฟิน เดอ มาร่ี

จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

123


ต่อไปนีเ้ ป็นส่วนหนึง่ ของบทเทศน์ ของพระสังฆราชหลุยส์ โชแรง ที่ปรากฏ อยู่ในจดหมายที่พระคุณเจ้าได้ส่งไปที่ อัลซาส “จุ ด ประสงค์ ข องเรานั้ น มี เ พี ย ง เพื่อสดุดีเซอร์เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ผู้นี้อย่างเป็นทางการ เซอร์เซราฟินเป็น คนตรงไปตรงมาและมีความศรัทธาตัง้ แต่ สมัยที่ยังเป็นโปสตุลันต์ เธอต้องการที่ จะแสวงหาพระเป็นเจ้าและดวงวิญญาณ พระสั งฆราช หลุยส์ โชแรง ทั้ ง หลายด้ ว ยพลั ง ความรั ก ที่ เ ธอมี อ ยู ่ เธอเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นขั้นวีรกรรม เธอได้ฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างตาม ประสามนุษย์ แม้บางครั้งจะเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มทุกข์ใจ ทั้งนี้ก็เพื่อ ให้งานชิ้นนี้ในชีวิตของเธอที่พระเป็นเจ้าได้ทรงมอบหมายไว้ ก็คือ การก่อ ตั้งอารามรักกางเขนแห่งพระหฤทัยให้เกิดผลงอกงาม ถ้าเลือกได้เธอคงจะ เลือกที่จะแสวงหาความครบครันให้กับตัวเธอเองมากกว่า แต่เธอกลับอุทิศ ตนเพื่องานที่ยิ่งใหญ่และมีเมตตาธรรมมากกว่านั้น ก็คือ เปิดขอบฟ้าแห่ง ชีวิตนักบวชให้แก่บรรดาหญิงสาวชาวสยาม ชาวเวียดนาม และชาวจีน ที่มาเคาะประตูอารามที่สามเสน และในเวลาต่อมาที่คลองเตย ที่จริงเธอได้รับการชี้แนะและสนับสนุนส่งเสริมโดยคุณพ่อดอนต์ ผู้ก่อตั้งอารามพระหฤทัยฯ เธอได้เป็นอธิการของอารามนี้มานานกว่า 50 ปี เธอเป็น “แม่แห่งความเมตตาอย่างแท้จริง” บางครั้งเธอต้องถูกเข้าใจ ผิด แต่เธอก็ยังเดินต่อไปในหนทางของเธอเพื่อมุ่งไปสู่จุดหมายสูงสุด เธอ เป็นนักบวชด้วยจิตใจทั้งครบ เรายังจ�ำภาพของเธอได้เป็นอย่างดี เธอเป็น 124


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ผู้หญิงรูปร่างค่อนข้างเล็ก สีหน้าสงบ ดวงตาเป็นประกายด้วยความเชื่อมั่น แม้บางครั้งจะฉายแสงแห่งความเศร้าอยู่บ้าง เซอร์เซราฟินเป็นผู้มีปฏิภาณ ไหวพริบในการลงมือปฏิบัติ และมีความเชื่อที่กล้าหาญตามแบบชาวอัลซาส เป็นนักบวชทีด่ มี ากคนหนึง่ และสิง่ นีเ้ องทีไ่ ด้ดงึ ดูดบรรดาเด็กสาวทีป่ รารถนา จะถวายตัวแด่พระเป็นเจ้า อาศัยการเดินทางไปตามวัดต่างๆ ของเธออย่าง ไม่หยุดหย่อน ท�ำให้มีหญิงสาวจ�ำนวนนับร้อยสมัครเข้าคณะ เซอร์เซราฟิน จะต้องมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในสวรรค์ เพราะการจากไปของคนที่เป็นแม่ ได้ทิ้งความสุขเหนือธรรมชาติส�ำหรับผู้ที่ติดตามมาข้างหลัง ในภายภาคหน้ า เมื่ อ เวลา ได้ ล ่ ว งไป เราที่ ยั ง อยู ่ บ นโลกนี้ ได้ ต ระหนั ก และซาบซึ้ ง ในคุ ณ งามความดีของเธอ เธอได้หล่อ หลอมหั ว ใจของบรรดาเด็ ก สาว และได้แสดงหนทางแห่งการเป็น เด็กฝ่ายจิต เธอได้ฝึกและได้ให้ ผู ้ อื่ น ได้ เ รี ย นรู ้ ที่ จ ะปฏิ บั ติ ต นใน ความสุ ภ าพถ่ อ มตนเพื่ อ พระสิ ริ รุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้า เธอได้ แบกภาระและความรั บ ผิ ด ชอบ ไว้บนบ่าที่บอบบางของเธอ เรา กล้ า ที่ จ ะเชื่ อ ว่ า ความซื่ อ สั ต ย์ อั น ยาวนานต่ อ พระเป็ น เจ้ า นั้ น ได้ รั บ การสวมมงกุ ฎ เป็ น การ ตอบแทน เรารู ้ ว ่ า นั ก บวชใน 125


อารามของเธอให้ความเคารพและสวดภาวนาวอนขอเธอดังเช่นลูกๆ เธอ ได้อุทิศตนดังเช่นข้ารับใช้ของพระเป็นเจ้า เธอได้เตรียมพร้อมที่จะไปพบกับ พระองค์อย่างสงบ เราขอระลึกถึงเธอด้วยความเคารพ และขอคารวะความ กล้าหาญในการปฏิบัติหน้าที่จนถึงที่สุด ความรักที่เธอมีต่อลูกๆ ของเธอที่ ก�ำลังร�่ำไห้ถึงเธอ คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะกล่าวเพิ่มเติมว่ามิสซังคาทอลิกทั้งหมด ตระหนักถึงคุณงามความดีนานมาแล้ว และชื่นชมยินดีในความคิดคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ เชยชมในบุคลิกภาพของเธอ เซอร์เซราฟินได้ใช้ชีวิตนักบวช ของเธอทั้งหมดเพื่องานธรรมทูตอย่างแท้จริง เรายอมรับอย่างสัตย์ซื่อ ว่ า ผลงานทั้ ง หมดของเธอนั้ น ก็ คื อ การจั ด เตรี ย มผู ้ ช ่ ว ยให้ แ ก่ วั ด ต่ า งๆ ในมิสซังกรุงเทพฯ บรรดาผู้ช่วยเหล่านี้เธอได้ฝึกฝน ได้ให้ก�ำลังใจ จัดแจง ด้วยพรสวรรค์ที่สูงส่งของแต่ละคนเพื่อพระเป็นเจ้าและวิญญาณทั้งหลาย คงเป็นการยากที่มิสซังคาทอลิกจะทดแทนหนี้ที่มีต่อเซอร์เซราฟินได้ แต่ อย่างน้อยก็ขอพระเป็นเจ้าโปรดสดับฟังค�ำภาวนาของบรรดานายชุมพาบาล และบรรดาสัตบุรุษที่ไม่หยุดที่จะพร�่ำภาวนาเพื่อการพักผ่อนตลอดนิรันดร์ ของเธอ”

126


สมาชิกคณะพระหฤทัยฯในปัจจุบัน

จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

127


บทสรุป เราสามารถสรุปบุคลิกภาพและคุณธรรมของคุณแม่เซราฟิน สตรี ชาวอัลซาสผูก้ ล้าหาญ คุณแม่เปรียบเสมือนดาวดวงน้อยทีส่ อ่ งแสงอยูเ่ หนือ ดินแดนแห่งรอยยิ้มแห่งนี้

ความวางใจในพระญาณเอื้ออาทรของพระและความศรัทธาต่อ นักบุญยอแซฟ เราสามารถที่จะยกตัวอย่างในเรื่องนี้ได้ดังต่อไปนี้ ทุ ก ครั้ ง ที่ คุ ณ แม่ พ าโปสตุ ลั น ต์ ไ ปหาปลา เพื่ อ เก็ บ ไว้ เ ป็ น เสบี ย ง คุณแม่แน่ใจว่าพระเป็นเจ้าจะทรงประทานสิ่งเหล่านี้ให้แก่อารามน้อยๆ ของท่าน ตลอดชีวิต คุณแม่มีความศรัทธาต่อนักบุญยอแซฟอย่างมาก โดย เฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ต้องย้ายอาราม ท่านได้เชิญชวนบรรดาภคินี ผู้ฝึกหัด และแม้แต่เด็กก�ำพร้าให้สวดบทเร้าวิงวอนนักบุญยอแซฟทุกเช้า หรือแม้แต่ การท�ำมาหาเลี้ยงชีพ ท่านก็จะวางใจในความช่วยเหลือของนักบุญยอแซฟ อยู่เสมอ เรื่องราวของนายสปารอตตี้ สถาปนิกของอารามที่ต้องประสบกับ ความยากล�ำบากในการถูกท�ำร้าย คุณแม่ได้ขอให้บรรดาภคินที ำ� นพวารนักบุญ ยอแซฟให้แก่เขา

ความฉลาดและความสุขุมรอบคอบ

ระหว่างสงครามอินโดจีน รัฐบาลต้องการเวนคืนที่ดินของอารามและ ต้องการทีจ่ ะเอาตึกของอารามเป็นของรัฐ คุณแม่เซราฟินได้บอกกับเจ้าหน้าที่ 128


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ที่มาพบว่า “จะย้ายอารามไปที่ไหนก็ได้ แต่ต้องสร้างตึกให้เหมือนแปลน ของฉันทุกอย่าง และต้องให้หัวหน้า 2 คนของฉันเป็นคนคุมการก่อสร้าง คือ นายบัว ประคองจิตร และนายฟรังซิส อีกทั้งต้องขุดต้นมะม่วงและ ต้นไม้อื่นๆ ไปปลูกให้เหมือนกับที่นี่ทุกอย่าง” หลังจากนั้นคุณแม่ได้ให้ เจ้าหน้าที่ดูแปลน เจ้าหน้าที่ได้คิดค�ำนวณงบประมาณว่าต้องใช้เงินหลาย ล้านบาทจึงไม่กล้าเวนคืนที่ดินของอาราม

ความอดทนและความบากบั่น เราพบในจดหมายที่ท่านได้พูดถึงสุขภาพของท่าน แต่ไม่เคยเลย สักครั้งเดียวที่ท่านจะขอพัก แม้ว่าหมอจะบอกว่าท่านเป็นนิ่ว และอีกครั้ง หนึ่งท่านเป็นโรคโลหิตจาง และแม้แต่ช่วงสุดท้ายของชีวิต ท่านก็ไม่หยุด ท�ำงาน ท่านยังคงท�ำหน้าที่ในการรับแขก แน่นอนทีเดียวคุณแม่ก็เหมือน มิสชันนารีคนอื่นที่ต้องปรับตัวกับอากาศ อาหาร วัฒนธรรมและนิสัยใจคอ ของคนไทย แต่ท่านก็ได้ท�ำหน้าที่ของท่านด้วยความบากบั่นและอดทน จนถึงที่สุด

จิตวิญญาณธรรมทูต คุณแม่รักงานธรรมทูตเป็นชีวิตจิตใจ คุณแม่ได้มอบชีวิตของท่านให้ แก่งานธรรมทูต ท่านได้อบรมสั่งสอนลูกๆ ของท่าน เพื่อที่เธอเหล่านั้นจะ ได้ออกไปท�ำงานแพร่ธรรมตามวัด เป็นผู้ช่วยพระสงฆ์ คณะเซนต์ ป อล เดอ ชาร์ ต ร ที่ คุ ณ แม่ ไ ด้ เ ลื อ กและสมั ค รเข้ า เป็นสมาชิก เป็นคณะนักบวชหญิงแพร่ธรรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า สามศตวรรษมาแล้ว และทุกวันนี้คณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ก็ยังคงรักษา จิตตารมณ์และพระพรพิเศษของคณะอย่างไม่เสื่อมคลาย สมาชิกของคณะ ได้กระจายอยู่ทั่วโลก 129


ความรักต่อผู้อื่น คุณแม่รักเพื่อนเซอร์ชาวฝรั่งเศสที่ได้ร่วมงานกับคุณแม่ ดังที่คุณแม่ ได้พยายามดูแลเอาใจใส่ เช่น เซอร์เซซีเลียที่สุขภาพไม่ดี การจัดงานฉลอง 25 ปีให้กับเซอร์มารี เต๊ก คุณแม่รกั ลูกๆ สมาชิกคณะพระหฤทัยฯ มาก จนกระทัง่ ได้อยูก่ บั ลูกๆ ของท่านจนวาระสุดท้ายชีวิต และยังได้มอบร่างของท่านไว้เป็นประดุจของ ขวัญชิ้นสุดท้ายแด่คณะพระหฤทัยฯ

คุณแม่ผู้มีพรสวรรค์มากมาย คุณแม่เป็นผู้หญิงที่มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ แม้ว่าคุณแม่จะเป็น คนต่างชาติ แต่ท่านรู้ภาษา ขนบธรรมเนียมและนิสัยใจคอของคนไทยเป็น อย่างดี คุณแม่มีความสามารถในการพูดได้ถึง 5 ภาษา

การให้อภัยแก่ผู้อื่น คุณแม่เซราฟินเป็นผู้ที่มีความเชื่ออย่างลึกซึ้ง เป็นผู้ที่ต้องการสร้าง สันติในระหว่างเพื่อนมนุษย์ คุณแม่ได้เลียนแบบอย่างจากพระเยซูเจ้า ในการให้อภัยแก่ผู้อื่น เหมือนดังเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับท่าน แต่ท่านได้ให้ อภัยผู้ที่หลงไป และท่านได้ให้อภัยแก่ผู้ที่ล่วงเกินท่าน จนสันติสุขได้กลับ คืนอย่างรวดเร็ว คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี คือธรรมทูตหญิงชาวอัลซาส ที่ได้มอบชีวิต เพือ่ พระศาสนจักรไทย ท่านได้เป็นบุคคลคนหนึง่ ทีม่ สี ว่ นท�ำให้พระศาสนจักร ได้ก้าวหน้า สมดังที่ ฯพณฯ พระสังฆราชหลุยส์ โชแรงได้กล่าวไว้ว่า “คงเป็นการยากที่มิสซังคาทอลิกจะทดแทนหนี้ที่มีต่อเซอร์เซราฟินได้” 130


ภาคผนวก


ประวัติย่อของคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี เออเชนี ลูเตนบาเช่ร์

(ค.ศ. 1873-1953 / พ.ศ. 2416-2495) ค.ศ.1873/พ.ศ.2416 (18 กุมภาพันธ์) เกิดที่ต�ำบลเฟลเลอแรง ค.ศ.1873/พ.ศ.2416 (18 กุมภาพันธ์) รับศีลล้างบาปที่วัดนักบุญอันตน องค์ใหญ่ ที่เฟลเอลแรง ค.ศ.1894/พ.ศ.2437 (6 มีนาคม) เข้าอารามคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ค.ศ.1895/พ.ศ.2438 (19 มีนาคม) รับเสื้อนักบวช ค.ศ.1895/พ.ศ.2438 (28 มีนาคม) ได้รับหน้าที่ไปประจ�ำที่ชอมบง จังหวัดลัวร์เอแชร์ ค.ศ.1897/พ.ศ.2440 (29 สิงหาคม) ถวายตัวครั้งแรก ค.ศ.1897/พ.ศ.2440 (26 ธันวาคม) เดินทางไปเป็นธรรมทูตที่โคชินไชน่า ค.ศ.1898/พ.ศ.2441 (20 เมษายน) เดินทางมาถึงโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ กรุงเทพฯ ค.ศ.1902/พ.ศ.2445 เดินทางมาประจ�ำทีอ่ ารามรักไม้กางเขน ที่สามเสน ค.ศ.1903/พ.ศ.2446 ได้รบั แต่งตัง้ ให้เป็นอธิการิณขี องอาราม สามเสน ค.ศ.1924/พ.ศ.2467 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นมหาธิการิณีของ คณะรักไม้กางเขนที่อารามสามเสน ค.ศ.1925/พ.ศ.2468 เดินทางกลับไปประเทศฝรั่งเศส ค.ศ.1932/พ.ศ.2475 ย้ายอารามจากสามเสนมาที่คลองเตย ค.ศ.1934/พ.ศ.2477 (28 กุมภาพันธ์) ตั้งโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ 132


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ค.ศ.1942/พ.ศ.2485 เป็นผู้ช่วยมหาธิการิณีชาวพื้นเมือง ค.ศ.1945/พ.ศ.2488 ภคินีพื้นเมืองต้องการขับไล่ออกจาก อาราม ค.ศ.1949/พ.ศ.2492 (เมษายน-ตุลาคม) กลับไปเยี่ยมครอบครัวที่ประเทศ ฝรั่งเศส ค.ศ.1949/พ.ศ.2492 (พฤษภาคม) ได้รับการสดุดีอย่างเป็นทางการ จากบุคคลส�ำคัญของเมืองมูลลูส เมืองฟาสตาทท์ ค.ศ.1951/พ.ศ.2494 (ธันวาคม) ลาออกจากต�ำแหน่งมหาธิการิณี ค.ศ.1952/พ.ศ.2495 (5 สิงหาคม) ถึงแก่กรรมอย่างสงบที่อาราม พระหฤทัยฯ คลองเตย ค.ศ.1952/พ.ศ.2495 (7 สิงหาคม) พิธีปลงศพโดย ฯพณฯ พระสังฆราช หลุยส์ โชแรง ประมุขมิสซังกรุงเทพฯ

133


บทสัมภาษณ์เกี่ยวกับคุณแม่เซราฟิน เดอ มารี สมาชิกที่รู้จักคุณแม่เซราฟินได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคุณแม่เซราฟินไว้เมื่อ

1. วันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1999 / พ.ศ. 2542 ซิสเตอร์มารีโรส ประภา หิรัญสุจิเลา * คุณแม่ดูแลเรื่องเจ็บไข้ พยาบาล ถ้าใครปวด ประจ�ำเดือนให้นอนพักและให้เหล้ากิน ดูแล ทุกคน * พาคนเจ็บไปหาหมอ * ให้อาหารพิเศษแก่คนทีไ่ ม่แข็งแรง เอามาวางไว้ให้ ที่โต๊ะอาหาร (แต่ก่อนนั่งทานอาหารประจ�ำที่) * ปฏิ บั ติ แ บบฝรั่ ง ชอบทั ก ทาย กอด ยิ้ ม แย้ ม พูดไทยชัด บอกอะไรก็เชื่อ เช่น ครูสอนหัดขับ นานเกิ น ไป แม่ ก็ ไ ปบอกคนสอนขั บ ให้ ส อน ครึ่งชั่วโมงก็พอ * ถ้าไม่สบายไปนอน แล้วลงมาแม่จะมาทัก * ถ้าฝรั่งสองคนตายายมาเยี่ยมอาราม ซิสเตอร์ มารีโรสรู้จะเดินมาแถวๆ นั้น คุณแม่จะเรียก มาให้เล่นกับลูกที่มาด้วย และถ้ามาดูอาราม ที่ก�ำลังสร้างจะได้นั่งรถไปด้วย

134


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ซิสเตอร์อังเยลีกา บุญลาภ ศรีประเสริฐ ท่านเป็นคนมีอัธยาศัยดี ชอบโอบกอด และเอาใจใส่ทุกคนอย่างดี พูดไทยเก่ง รู้จักรับแขก รู้จักที่ต�่ำที่สูง มีคนรู้จักมากมายและรักท่านมาก ท่านเป็นคนที่พาและพูดคุยกับแขกฝรั่ง และเขาก็ทำ� บุญช่วยในการเลีย้ งเด็กก�ำพร้าเหล่า นั้น เช่นให้เงินเด็ก เอาเงินวางไว้ในเปลคนละ 200 บาท และเด็กโตให้แม่ไว้รวมกันคนละ 200 บาท เป็นต้น ท่านสอนถักเสื้อผ้าโครเชร์ ถักผ้าพันคอ ถุงมือและเสื้อไหมพรม มีคนหนึ่งที่ท�ำได้ดีมากคือครูมอนีกา เวลาที่ท่านท�ำหน้าที่เฝ้าหน้าบ้าน ท่าน จะถักไหมพรมไปด้วย ท่านสอนให้เราท�ำอาหารฝรั่งให้พระสงฆ์ คนที่ท�ำอาหารเก่งคือ ครู มัตตา ครูโรซาลี้ ครูอักแนส แม่เซราฟินเอาใจใส่ดูแลคนเจ็บเป็นพิเศษ มักเอาอาหารพิเศษมาวางไว้ให้คนทีไ่ ม่สบายกิน พาไปโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เอง หรือคนที่เป็น T.B. เอาไปไว้ที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ คนที่ติดเชื้อ เช่น ครูแชร์แมน ครูเอลีซา(เจียน) ที่มาจากวัดเพลง มาตายที่คลองเตย ครูสำ� ราญคนเกาะใหญ่ ครูเกลมองทินลูกเลีย้ งอาราม ฯลฯ ให้ทกุ คน X-Ray นอกนั้นคนที่เจ็บป่วยก็ดูแลให้ไปหาหมอ เช่นเกี่ยวกับตาต้องไปหาหมอ ยากอบ เป็นต้น แต่ละปีตอนที่อยู่สามเสน จะพาภคินีที่ป่วยไม่แข็งแรง ไปตากอากาศที่หัวหิน เป็นเวลา 1 เดือนทุกปี มาดามมารีจะไปด้วยและ คนที่ไปด้วยทุกครั้งคือ ครูยออันนา ครูโซลองซ์ ครูเอลีซา ครูมารีเทแรส (ปอดไม่ดี) และเด็กก�ำพร้าบางคนไปด้วย ไปอยู่บ้านของหม่อมเอลีซาแบ๊ธ ให้เป็นบ้านพัก แม่อังเยลีกาไม่เคยไป เพราะแม่บอกว่าเป็นคนแข็งแรงดี มาอยู่ที่คลองเตยแล้วไม่ได้ไปอีก 135


แม่เซราฟินจะอบรมทุกวันอาทิตย์ เวลาบ่ายสองโมง (ประมาณ 1 ชั่วโมง) คุณพ่อปีโอ คุณพ่อเปรูดอง คุณพ่อบรัวซาต์ อบรมวันพฤหัส 1 ชัว่ โมง เวลาเป็นโนวิส คุณพ่อเปรูดองจะสอนค�ำสอน 1 ชั่วโมง สอนชีวิตนักบวช - พระวินัย 1 ชั่วโมง การเรียน แบ่งเป็น 2 ห้อง ห้องเรียนเล็กและห้องเรียนชัน้ ใหญ่ คนที่ไม่เคยเรียนอยู่ชั้นเล็ก ป.1-ป.4 คนที่เรียนมาแล้วจบ ป.4 เรียน เพิ่มเติม ม.1 ม.2 เรียนคนละ 1 ชั่วโมง ช่วงเวลา 9.00 น.-12.00 น. นอกนั้นท�ำงาน เย็บหรืองานอื่นๆ ตามหน้าที่ ที่สามเสนไม่มีเรียนภาษาอังกฤษ เริ่มมาเรียน ที่คลองเตย การอบรม

เกี่ยวกับเด็กก�ำพร้า มีสมณทูตมาตรวจเยี่ยมที่อารามสามเสน และ ถามจุดประสงค์ของการตั้งอาราม ที่มีว่าเป็นคณะแพร่ธรรม สอนหนังสือ สอนค�ำสอน ท�ำงานเพือ่ เลีย้ งชีพบ้าง และช่วยตามวัดต่างๆ ในมิสซังกรุงเทพฯ ดังนั้น การเลี้ยงดูเด็กก�ำพร้าที่อารามท�ำอยู่ จึงไม่ตรงกับจุดประสงค์ ขอให้ เลิก เพราะจะได้มีเวลาเรียนและท�ำอย่างอื่น คุณพ่อและคุณแม่รับรองว่าจะจัดการให้เรียบร้อย เลิกรับ และ เลี้ยงเด็กที่มีอยู่ให้โต และส่งออกไปอยู่ตามวัดต่างๆ ที่จะช่วยเหลือได้ และที่คุณพ่อเจ้าวัดรักเด็กและจะช่วยอุปการะ คุณแม่ส่งไปที่วัดเกาะใหญ่ วัดปากลัดและวัดอื่น

136


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

2. บทสัมภาษณ์เมื่อเดือนธันวาคม 2011 คุณแม่กัลลิสต์ ธีรา มากสกุล 1. คุณแม่กัลลิสต์บอกว่า คุณแม่เข้า อารามและมารับศีลก�ำลังที่อารามโดยคุณแม่ เซราฟินเป็นแม่ทูนหัวให้ ครั้งหนึ่งคุณแม่เคย คิดท้อถอยและอยากจะลาออก คุณแม่เซราฟิน จึงเรียกไปพบในห้องส่วนตัว และบอกกับคุณ แม่กัลลิสต์ว่า ถ้าลูกจะลาออกให้เอามีดเล่มนี้ (มีดปลอม) ตัดคอฉันจะดีกว่า คุณแม่กัลลิสต์ ก็เลยไม่กล้าลาออกอีกเลย 2. คุณแม่เซราฟินเป็นคนใจดี รักลูกๆ เคยไปเยี่ยมคุณแม่กัลลิสต์ เวลาที่อยู่พระประแดง ทั้งๆ ที่คุณแม่ไม่เคยไปเยี่ยมคนอื่น (ในฐานะที่เป็น ลูกทูนหัว) เวลามีอะไรคุณแม่จะเรียกไปคุยและให้กำ� ลังใจ ตักเตือน แม่เป็น คนอดทน ท�ำงานกับลูกๆ ล้างหอยทราย แม่ชว่ ยท�ำพร้อมกับลูก แม่เคร่งมาก ศรัทธา มีระเบียบ เจ้าระเบียบ ค่อนข้างดุ

ซิสเตอร์แบร์ฆมัน วาริน นามวงศ์ ซิสเตอร์บอกว่า คุณแม่เป็นคนเคร่งครัด เจ้าระเบียบค่อนข้างดุ อบรมทั้งกิริยาท่าทาง การ เดินเหิน บุคลิกภาพการนัง่ การรับประทานอาหาร เวลาท่านเห็นเศษกระดาษทีพ่ นื้ ก็จะก้มลงไปเก็บ เป็นตัวอย่างแก่ลูกๆ (สอนด้วยแบบอย่าง) 137


ท่านพูดจาดีกับลูกๆ ทั้งๆ ที่ภาษาไทยไม่ค่อยชัด ตรงเวลาดีมาก เวลาทีอ่ ยูใ่ นวัด ทุกคนต้องส�ำรวม มีอยูค่ รัง้ หนึง่ คนก่อสวดออกเสียง สวด (ภาษาญวน) ไม่ชัด ซิสเตอร์อาลีสหัวเราะในวัด แม่จับโทษให้คุกเข่า ในวัดทันที รักลูก เอาใจใส่ ถือเงียบ เอาใจใส่คนงาน ให้ทุกคนท�ำงานอย่างเป็น ระเบียบเรียบร้อย หูตาไว ดุเก่ง เหมือนแม่อยู่กับลูกตลอด รักพระหฤทัย นักบุญยอแซฟ ถือความยากจน ต้องมีมารยาท สอนให้เป็นผูด้ ี ขยัน เก็บเล็ก ผสมน้อย กินของหวานสัปดาห์ละครั้ง กินปลาทูตัวเล็กๆ อาหารหลักคือ น�ำ้ พริก กินไข่คนละครึง่ ใบ นานๆ ได้กนิ ไข่ เวลาแม่สอนให้ฟงั และปฏิบตั ติ าม สวดภาษาญวน ห้ามพูดนอกเวลา กลางคืนถือเงียบเคร่งมาก เวลากลางคืน พูดเสียงเบาๆ ท�ำผิดจูบพื้น จับไปคุกเข่า ท�ำอะไรแตกต้องยกของแตกไปให้ แม่ดู และขอโทษ

ซิสเตอร์เนลลี ขวัญชนก แซ่จัน คุณแม่ศรัทธา เคร่งครัดต่อระเบียบ ยุตธิ รรม เอาจริงเอาจัง อดทน สะอาดเรียบร้อย ฉลาดสุขมุ ไม่ฟุ่มเฟือย ตรงเวลา สอนให้นบนอบ ไว้วางใจ คนที่ ม อบหน้ า ที่ ใ ห้ ถื อ อ� ำ นาจในการปกครอง ให้ผู้น้อยสร้างกุศล

138


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

ซิสเตอร์อาแดล สุรีย์ มั่นใจ คุณแม่เป็นคนมีระเบียบ ไม่พูดเสียงดัง สอนเรื่องมารยาท ห้ามพูดในสถานที่ห้าม เดิน ไปไหนมาไหนอย่าพูดดัง ห้องนอนห้ามพูด แขก มาไม่ให้เข้าห้องนอน ให้อยู่กับพี่น้องดีๆ เป็น ตัวอย่างที่ดี ห้ามเดินดัง ห้ามสนใจเรื่องของ คนอื่น ให้ปฏิบัติตามที่แม่สอน ต้องนบนอบ อย่างดี ไม่ให้มีเงินส่วนตัว ต้องการสิ่งของให้ขอ ห้ามพูดกับผู้ชาย ห้ามพูดเรื่องต่างๆ กับคนข้างนอก ญาติมาให้พบได้แต่ ไม่นาน ให้คุยเรื่องดีๆ เสียงเบาๆ ท�ำอะไรต้องขออนุญาตหมด ในวัดจัดที่ให้ นั่งตามที่จัดไว้ แม่ไม่ชอบพูดเรื่องไร้สาระ แม่ศรัทธามาก แม่รักพระหฤทัย แม่พระ และนักบุญยอแซฟ ถือวินัยอย่างครบถ้วน

ซิสเตอร์ลือเซียน เพ็ญประภา วาปีโส ในช่วงที่เป็นเด็กเข้ามาในอาราม ไม่ได้ ใกล้ชิดคุณแม่ แต่จากสภาพที่เป็นเด็กได้ไปช่วย งานหลายที่ในอาราม ท�ำให้ได้สัมผัสแม่เซราฟิน ในบางแง่มุม * เห็ น คุ ณ แม่ ใ ช้ ชี วิ ต อยู ่ กั บ สมาชิ ก ตลอดเวลา ในแต่ละช่วงของวันคุณแม่ จะอยู่เสมอ * คุ ณ แม่ ป ระหยั ด คุ ณ แม่ มี ใ จสุ ภ าพ น้อมรับ เน้นเรียบง่าย สะอาด 139


* มีความเสมอภาคและตามสภาพกับทุกคน (กับซิสเตอร์ก็ปฏิบัติ เหมือนซิสเตอร์, ในเด็กฝึกหัดก็เอาใจใส่ สนใจอบรมสั่งสอน ตามสภาพ)

ซิสเตอร์เดอนิส ยุพา สรรเพ็ชร

เข้าอารามตอนโตแล้ว รับกางเขนเป็น โนวิส 2 ปี ช่วงนั้นป่วยบ่อย สิ่งที่ซิสเตอร์ได้ สัมผัสและเห็นภาพลักษณ์ของคุณแม่เซราฟิน * เห็ น ใจผู ้ น ้ อ ยทุ ก คน ให้ แ ต่ ล ะคน มีหน้าทีร่ บั ผิดชอบตามสภาพ ซิสเตอร์ เดอนิ ส เล่ า ว่ า ป่ ว ยบ่ อ ยเกี่ ย วกั บ หัวใจ หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็จะท�ำ ตามก�ำลัง เช่น รับผิดชอบหน้าบ้าน (สวนเล็กๆ) นานมาก จัดวัดประมาณ 1 เดือน * มีหวั ใจของความเป็นแม่ ให้กำ� ลังใจ ช่างสังเกตเมือ่ สมาชิกประสบ ปัญหาหรือความยากล�ำบาก คุณแม่พูดกับซิสเตอร์เดอนิสว่า เมื่อเด็กๆ ให้กินขนมหวานซิว่ะ โตแล้วกินเผ็ดๆ เปรี้ยวๆ หน่อย * หลายครัง้ ให้กำ� ลังใจแก่ซสิ เตอร์เดอนิสว่า “แกต้องเป็นคนดี ขยัน ซื่อสัตย์เหมือนป้า น้าแกซิวะ” (ป้า=ซิสเตอร์โรซาลี้ น้า=ซิสเตอร์ บีบีอันนา) * คุณแม่เป็นคนตรงต่อเวลา และเอาใจใส่ลูกๆ ของท่านเสมอ * คุณแม่มีวินัยและเอาจริงเอาจังต่อตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาคอย เอาใจใส่ * ท่านรับผิดชอบ เดินตรวจตราอยู่ตลอดเวลา 140


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

* ท่านสอนลูกให้เป็นกุลสตรี มีมารยาท รูอ้ ะไรควรไม่ควร ไม่ยกแข้ง ยกขา เวลาใส่ถุงเท้าไม่ให้ยกขาขึ้น แต่ให้นั่งลงใส่ถุงเท้าให้ เรียบร้อย * เอาใจใส่ทุกคนอย่างละเอียดถี่ถ้วน สอดส่องดูแลและรู้จักทุกคน * ซิสเตอร์เดอนิสทานข้าวไม่หมด แบ่งข้าวให้คนอื่นก็โดนดุ เพราะ คุณแม่ต้องการให้ซิสเตอร์เดอนิสทานให้หมด เพราะไม่แข็งแรง เป็นโรคหัวใจ * เมื่ อ คุ ณ แม่ ก ลั บ มาจากฝรั่ ง เศส ก็ เ อาน�้ ำ มั น ตั บ ปลามาฝาก ซิสเตอร์เดอนิสที่ต้องการสารอาหารมาก * ในช่วงทีไ่ ม่คอ่ ยสบายคุณแม่เซราฟินให้ซสิ เตอร์เดอนิสไปอยูบ่ า้ น เด็กเพื่อจะได้สามารถกินอาหารดีๆ หรือท�ำอาหารพิเศษได้โดย ไม่เป็นที่สะดุดแก่สมาชิกอื่นๆ * คุณแม่เป็นคนสุภาพยอมรับทุกอย่าง เมือ่ มีคณ ุ แม่คนไทย มีคนถาม คุณแม่วา่ จะอยูไ่ ด้ไหม? แม่พดู กับสมาชิกบางคนว่า “อยูก่ บั เขาซิวะ! ฉันก็อยู่ซิวะ” * ท่านเป็นคนรักคณะและประหยัดมาก ไม่ยอมให้อะไรเสียไป โดยไม่เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเวลา สิ่งของ หรือโอกาส

ซิสเตอร์โอเรลีอา สดับ พงศ์ศิริพัฒน์ ประทับใจในตัวคุณแม่และได้เรียนรูซ้ มึ ซับ คุณลักษณะที่คุณแม่เป็นตัวอย่างและสอนด้วย ค�ำพูดแก่บรรดาซิสเตอร์ * คุณแม่เป็นคนขยัน ไม่เลือกงาน ท�ำ ทุกอย่างที่ขวางหน้า 141


* เป็นคนสะอาด เรียบร้อย เห็นได้จากการการสอนของแม่ ถ้า วันไหนพบลูกคนใดแต่งตัวไม่คอ่ ยสะอาดเรียบร้อย จะเรียกพบและ สอนเป็นการส่วนตัวนานๆ * รักลูกทุกคน คนใดท�ำผิดแม่จะต้องเตือนและสอนทุกครั้ง ไม่ ปล่อยปละละเลย * คนใดท�ำความดี แม่จะชมต่อหน้าเลย * เป็นคนตรงต่อเวลา จะเห็นตอนเช้าเมื่อระฆังตีทุกคนต้องเข้าวัด ให้ตรงเวลา คุณแม่จะอยู่ที่ประตูหน้าวัดทุกวัน คอยดูคนที่ไม่ตรง ต่อเวลา ฉะนั้น ลูกๆ รู้ดีเรื่องนี้จึงเร่งรีบเข้าวัดให้ทันเวลาเสมอ * ส�ำหรับการตรงต่อเวลา เวลาเข้าวัดตอนขึ้นบันได ชีเล็กจะติด กระดุมเสื้อไปด้วย พอขึ้นบันไดถึงชั้น 3 ก็จะติดกระดุมเสื้อ เสร็จพอดี * เช้าๆ ทุกคนเร่งรีบมาก ห้องสุขามี 4 ห้อง จึงต้องเร่งเข้าให้ได้ ก่อนเพื่อน * แม่ไม่เคยปล่อยเวลาให้ผา่ นไปโดยเปล่าประโยชน์ ท�ำงานทุกอย่าง ปากก็สวด มือก็เย็บเสื้อไปอย่างนี้ทุกวัน (ขยันหาเงินเลี้ยงลูกๆ)

ซิสเตอร์ดอนาเซียน โรซา ระดมกิจ คุ ณ แม่ เ ซราฟิ น ท่ า นเป็ น คนศรั ท ธา เข้มแข็ง อดทน สุภาพ ท่านสอนลูกๆ ให้ทิ้ง ตัวตน ฝึกความสุภาพ อาทิเช่น * ท�ำอะไรเสียงดัง จูบพื้น * ท� ำ อะไรผิ ด ต้ อ งยกมื อ ไหว้ ข อโทษ ยึดมั่นในพระวินัย เคร่งครัด 142


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

* เคร่งครัดในการถือเงียบศักดิ์สิทธิ์ * โนวิส (มี 3 ปี) ห้ามพูดกับบุคคลอื่นๆ ยกเว้นพูดในกลุ่มเดียวกัน และกับนวกจารย์เท่านั้น * ท่านเป็นคนเคร่งครัด ค่อนข้างจะดุ เพื่อให้ทุกคนปฏิบัติตาม ระเบียบและเป็นนักบวชที่ดี

ซิสเตอร์ฮูแบร์ วันทาไชยายงค์

เคยเห็ น และประทั บ ใจในตั ว คุ ณ แม่ แต่ มี โ อกาสสั ม ผั ส ท่ า นน้ อ ยมาก เมื่ อ บวช แล้ ว ไปอยู ่ บ ้ า นนอกเลย ท� ำ ให้ ไ ม่ ไ ด้ สั ม ผั ส กั บ คุ ณ แม่ โ ดยตรง แต่ สิ่ ง ที่ ซิ ส เตอร์ วั น ทาได้ มี ป ระสบการณ์ ต รงกั บ ท่ า นและประทั บ ใจใน หัวใจที่ท่านแสดงต่อลูกคือ ความเที่ยงตรงใน หัวใจที่รักลูก เตือนอย่างตรงไปตรงมา เช่น ครั้ ง หนึ่ ง ซิ ส เตอร์ วั น ทาก� ำ ลั ง พู ด คุ ย กั บ เพื่ อ นอย่ า งสนุ ก สนานและออก ท่าทางสีหน้าอย่างเต็มที่ คุณแม่จะเข้ามาร่วมด้วย เลียนแบบท่าทางที่ ซิสเตอร์วนั ทาก�ำลังท�ำและถามว่าดีไหม? ซึง่ ก็เป็นการเตือนสติทไี่ ด้ผลดีมาก

ซิสเตอร์มารียอแซฟ เช็งซิม รุจิพงศ์ ซิสเตอร์บอกว่าเข้ามาตอนโตแล้วก็ไม่ได้ ฝึกอะไรมากเพราะต้องออกไปบ้านนอกเลย กลับ มาก็ขึ้นโนวิส ท�ำให้ไม่ได้สัมผัสกับคุณแม่นัก แต่เท่าที่พบเห็นและสัมผัสกับท่าน รู้ว่าท่านเป็น คนเคร่งครัดต่อระเบียบวินัย รักสมาชิกทุกคน เอาใจใส่ดูแลอย่างดีตามบุคลิกของท่าน 143


ซิสเตอร์ปาตรีส สุวรรณรัตน์ ทรงศักดิ์ศรี ซิ ส เตอร์ บ อกว่ า ช่ ว งที่ ท ่ า นเข้ า อาราม ยังเด็กอยู่ไม่ค่อยได้สัมผัสหรือหรือมองอะไร อย่างกว้างๆ แต่จากการอบรมของคุณแม่และ แบบอย่างที่ได้รับนั้นจะเห็นว่า 1. ในด้านการสวดภาวนา * คุณแม่จะเอาใจใส่ เคร่งครัด ตรงต่อเวลา เป็นแบบอย่างที่ดี น�ำทุกๆ คนก่อน เช่น เวลา 6 โมงเช้า แม่จะอยู่ตรงประตูน�ำสวด แล้ว สมาชิกทุกคนจะต้องพยายามเร่งตัวเองเพื่อมาให้ทันให้ได้ * ความเป็นระเบียบ * ทุกคนจะต้องนั่งตามล�ำดับก่อนหลังแถวละ 5-6 คน ประจ�ำที่ ของตน * แม่จะเดินน�ำหน้า ลูกตามหลัง 2. ในห้องอาหาร * แม่จะน�ำเดชะพระนามและสวด ทุกคนจะประจ�ำที่ ไม่มีใครมาช้า * ทุกคนจะเงียบ ไม่มีเสียง ไม่คุย ใครท�ำเสียงอะไรดังจะต้องคุกเข่า จูบพื้น * จะต้องขออนุญาตทุกครั้งที่มาช้าหรือลุกขึ้นไปไหน ไม่เดินชุลมุน วุ่นวาย

144


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

3. ในห้องเย็บ * ทุกคนมีสว่ นรับผิดชอบท�ำงานส่วนรวมในห้องเย็บตามความสามารถ ของตนในทุกวันหยุดเรียน * ขออนุญาตทุกครั้งที่เข้า-ออกจากห้อง * เวลารับแขกต้องอยู่ที่ห้องรับแขก ไม่เดินพลุกพล่านและต้องขอ อนุญาตก่อนเท่านั้น * คุณแม่เน้นการไปลามาไหว้ นั่นก็คือ มารยาทสากล * คุณแม่สนใจงานทุกอย่างทีส่ มาชิกท�ำ และการด�ำเนินชีวติ ของสมาชิก ด้วย ฝึกสมาชิกให้มีสติ เช่น เดินไม่ให้จับราวบันได * ฝึกความสุภาพในภาคปฏิบัติให้สมาชิก * มารยาทในการเดิน ไหว้ * การเคารพผู้อาวุโส * การถือเงียบ การพูดเท่าที่จ�ำเป็น * ฝึกลูกๆ ให้เห็นคุณค่าของ และการรักษาความยากจนอย่างชาญฉลาด * มีเสื้อผ้าเท่าที่จ�ำเป็น * ส�ำรวมกายใจ ยิ้ม หัวเราะไร้สาระไม่ได้ เสียงดังไม่ได้ * ฝึกลูกๆ ให้เห็นคุณค่าของการสวดภาวนา เตือนสอนให้อา้ ปากสวด เสียงดัง * อยู่กับสมาชิก ท่านใช้ระบบป้องกัน รักสมาชิกและเป็นแบบอย่าง * ท่านเป็นคนเด็ดขาด เอาจริงเอาจังแต่กม็ อี ารมณ์ขนั เช่น เวลาเด็ก ฝึกหัด (ชีเล็ก) หกล้ม คุณแม่จะพูดว่า “เออซิวะ เอ็งจับกบได้กตี่ วั ” * ท่านสอนทุกเรื่อง ในทุกโอกาส เช่น การวางเก้าอี้ไม่ให้ชิดก�ำแพง เพราะจะท�ำให้ก�ำแพงเป็นรอย ฯลฯ บทสรุป อาจกล่าวได้ว่า ไม่มีอะไรมาท�ำให้ท่านหวาดกลัวในการ ท�ำหน้าที่และความรักที่ท่านมีต่อพระและสมาชิกได้ 145


ซิสเตอร์วาเลรี ทองหล่อ ตระกูลเง็ก ซิสเตอร์บอกว่า คุณแม่เป็นคนเก่งมาก ฉลาดทีส่ ดุ รูจ้ กั แยกแยะและทันคน ท่านเป็นผูน้ ำ� เป็นผู้ใหญ่ที่ศรัทธา เอาจริงเอาจัง รับผิดชอบ เคร่งครัดและเข้มงวด ซิสเตอร์วาเลรีเล่าว่า ท่านเป็นผู้น�ำที่เด็ด เดี่ยว มีอิทธิพลมากในหมู่ซิสเตอร์ ทุกอย่างต้อง ขึ้นกับแม่หมดคล้ายเผด็จการ (เป็นบุคลิกของ ชาติตะวันตกยุคนัน้ ) ท่านรักสมาชิก ใครมาต�ำหนิหรือว่าสมาชิกไม่ได้คล้ายๆ กับว่า ท่านว่าได้คนเดียว คุณแม่ศรัทธาต่อนักบุญยอแซฟมาก ในทุกปัญหา ความทุกข์หรือ ความสุข ท่านจะเสนอพูดคุยกับนักบุญยอแซฟ ท่านจะกางแขนสวดข้าแต่ พระบิดา วันทา สิริพึงมี ส�ำหรับการท�ำงาน ซิสเตอร์วาเลรีเล่าว่า ครัง้ หนึง่ มีการเบิกเงิน ซิสเตอร์ วาเลรีเขียนเบิกเงิน 20 บาท คุณแม่ : เอาเท่าไหร่ซิ ซิสเตอร์วาเลรี : 20 บาทค่ะ คุณแม่ : เอาไปท�ำไรซิ ท�ำไมเอามากซิ ซิสเตอร์วาเลรีบอกว่า คิดไม่ทันว่าจะเอาไปท�ำอะไรดี แต่ก็ได้อ้างถึง แม่ดอมินี จึงตอบไปว่า เอาไปใช้หนี้ คุณแม่ : ใช้หนี้ใครซิ ซิสเตอร์วาเลรี : ใช้หนี้ให้แม่ดอมินี คุณแม่ก็ได้ให้ซิสเตอร์วาเลรีเบิกมา 20 บาท หลังจากนั้นคุณแม่ได้ ไปถามแม่ดอมินีซึ่งไม่รู้เรื่องอะไร จึงรู้ว่าซิสเตอร์วาเลรีโกหกจึงเรียกมาพบ 146


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

คุณแม่เซราฟินจึงถามว่า “แกซิ โกหกซิวะ” ซิสเตอร์วาเลรีไม่รู้จะท�ำอย่างไรจึงยกมือไหว้ขอโทษ คุณแม่เน้นเรื่องความสุภาพ เมื่อท�ำผิดแล้วต้องรู้ตัวและขอโทษ เช่น ครั้งหนึ่งมีการเตรียมฉลองมาดามลี้ครบ 25 ปีของชีวิตนักบวช ทุกคน เร่งงานเย็บที่ค้างอยู่อย่างเต็มที่ ซิสเตอร์วาเลรีรู้สึกหิวจึงไปหาข้าวมากิน กับน�้ำพริก แล้วเอาไปเผื่อโนวิสด้วย พอดีซิสเตอร์มีแชลเห็นจึงไปรายงาน คุณแม่ จึงถูกเรียกไปพบ คุณแม่ : แกซิ ท�ำอะไรซิ ซิสเตอร์วาเลรี : เอาข้าวมาให้โนวิส คุณแม่ : เอามาท�ำไมซิ ซิสเตอร์วาเลรี : สงสารเขา ซิสเตอร์วาเลรีเล่าว่าพอตอบจบ คุณแม่ชกหน้าเลย รู้สึกเจ็บแต่ก็ ไม่รู้จะท�ำอย่างไร ก็ได้แต่ยกมือไหว้ขอโทษ คุณแม่พดู ว่า ฉันเสียใจซิ ฉันนอนไม่ได้ซิ จะเห็นว่าคุณแม่สอนทุกอย่าง ด้วยใจอย่างฉลาดและทันคน ซิสเตอร์วาเลรีให้ความเห็นว่า * คุณแม่เห็นคุณค่าของเวลา ไม่ยอมเสียเวลาและโอกาส ท�ำงาน สวด สอน * มีความไว้วางใจในพระ ท่านผ่านความล�ำเค็ญทั้งกายใจด้วยการ ฝากตัวแด่พระในการภาวนา * ท่านอุตสาหะกับงานมือ ใช้หนี้ สอนลูกประหยัด กินอยู่อย่าง มัธยัสถ์ * เน้นความสะอาด สะบัดที่นอนทุกวันอาทิตย์ * บางครั้งท่านใช้แนวคิดการปกครองแบบฝรั่ง

147


ซิสเตอร์มารีเดอลูร์ด สาลี่ ด�ำริ ซิสเตอร์บอกว่าเข้าอารามตอนโตเป็นครู แล้ว แต่เท่าที่ได้เห็นและสัมผัสกับคุณแม่พบว่า คุณแม่เป็นคนศรัทธา เรียบร้อย มีระเบียบ ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม ไม่ชอบคนประจบ รักเด็ก รักคณะ มีวสิ ยั ทัศน์กว้าง ไม่ถอื กฎเกณฑ์ แต่ดูตามความเหมาะสมของแต่ละคน ซิสเตอ์มารีเดอลูร์ด เล่าว่า ตอนเป็นครูจะเข้าบวช เซอร์มารี ซึ่ง เป็นครูใหญ่จะให้ไปอารามเซนต์ปอล แต่คุณแม่เซราฟินไม่ให้ไปบอกว่า ลูกฉันต้องอยู่กับฉันซิวะ

148


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

จากอัลซาส แดนไกล สู่ไทยสยาม สตรีงาม นามเซราฟิน ยินสุรเสียง ออกประกาศ ข่าวพระคริสต์ พระจิตเคียง มิมีเลี่ยง ภาระหนัก ด้วยภักดี ท�ำหน้าที่ ดุจมารดา คณะใหม่ “รักกางเขน” พื้นเมืองไทย ไม่หน่ายหนี แม่บ่มเพาะ ดวงจิต อุทิศชีวี ให้ภคินี พลีชีวิต เป็นศิษย์พระเยซู เรื่องค�ำสอน ค�ำพระ สมถะพร้อม เรื่องนอบน้อม ยากจน ศีลบนเด่น พรหมจรรย์ การแพร่ธรรม ไม่มีเว้น ทุกประเด็น แม่สอนให้ ไว้ครบครัน วางรากฐาน นักบวชให้ ยิ่งใหญ่กว่า อุปสรรค ยากนักหนา แม่ไม่หนี จิตตารมณ์ อุดมการณ์ หรรษทานมากมี ผ่านจากแม่ สู่ภคินี วันนี้สถาพร 149


“คณะพระหฤทัย” มีวันนี้ เพราะมีแม่ ดุจร่มเงา ปกแผ่ แต่เก่าก่อน ถึงวันนี้ ลูกหวังแม่ ยังวิงวอน เพื่อลูกจร ตามพระประสงค์ องค์พระบิดา จากยุคแม่ สู่ยุคใหม่ สมัยเปลี่ยน สมาชิก อาจหมุนเวียน ไม่ซ�้ำหน้า แต่เมล็ดพันธุ์ แม่หว่าน เนิ่นนานมา ยังงอกงาม ล�้ำคุณค่า ในคณะพระหฤทัย งานรับใช้ ยังชัดเด่น เห็นประจักษ์ งานแห่งรัก ยังคงอยู่ ทุกสมัย งานประกาศ ข่าวดี ยังก้องไกล จังหวะใจ แม่ยังอยู่ คู่ถิ่นไทย ค�ำสอนแม่ เลือนไป กลายเป็นชีวิต แบบอย่างแม่ ยังสถิต สว่างไสว จิตตารมณ์ ของแม่ หลอมอยู่ใน ทุกดวงใจ ของภคินี วันนี้...และตลอดไป

150


จากแคว้นอัลซาสสู่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี SPC

เซราฟินลูกซ้อง ชีวิตอุทิศพลี รากฐานคณะภคินี เพราะแม่นักต่อสู้

สดุดี โลกรู้ แข็งแกร่ง รักแท้ยิ่งใหญ่

แม้วันนี้แม่สู่ฟ้า เสวยสุข ตลอดนิรันดร์ ท่ามกลางลูกทุกวัน พระคุณแม่เทิดไว้

สรวงสวรรค์ พระให้ ยังอยู่ แม่เอย ปกเกล้าชาวพระหฤทัย

ด้วยความเคารพรักอย่างสูง จาก พวกลูก ภคินีคณะพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ 5 สิงหาคม 2015 ประพันธ์โดย ซ.สมจิตร์ ทรัพย์อัประไมย

151


เกี่ยวกับผู้เขียน เซอร์ซีมอนา เดอ เอปีฟานี (ซิสเตอร์สมศรี บุญอรุณรักษา)

เกิดที่ต�ำบลท่าข้าม อ�ำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ปัจจุบันประจ�ำอยู่ที่อารามคาร์แมล ประเทศฝรั่งเศส

ผลงานที่เคยตีพิมพ์แล้ว

ภาษาไทย * พระสังฆราชปัลเลอกัวซ์ “มิตรที่ดี สนิทสนม และจริงใจ” ในรัชกาลที่ 4 นักพิมพ์และนักเขียน * จดหมายนักบุญเทโอฟาน เวนารด์ * ปรีชาญาณจากทะเลทราย ภาษาฝรั่งเศส * Monseigneur Jean-Baptiste PALLEGOIX, ami du roi de Siam, Imprimeur et écrivain (พิมพ์ที่ประเทศฝรั่งเศส) * De l’Alsace au pays du sourire, Sœur Séraphine de Marie, SPC (Eugénie Luttenbacher) (พิมพ์ที่ประเทศฝรั่งเศส) 152


153


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.