A DREAM TO DIE FOR ล้ม 3,000 ครั้ง เพื่อชนะฝันเดียว [Preview]

Page 1




คำ�นำ�สำ�นักพิมพ์

หากมองเผินๆ หนังสือเล่มนีค้ งเหมือนบันทึกประสบการณ์ ชีวิตเด็กนักเรียนนอกทั่วไป ที่ต้องต่อสู้ด้ินรน พบเจออุปสรรค มากมาย จนสุดท้ายก็ทำ�ตามความฝันได้ แต่จริงๆ แล้วมันมีอะไร มากกว่านั้น ไมค์-มาโนช พกความมั่นใจไปเต็มร้อย เพราะตอนอยู่ เมืองไทย เขาถือเป็นเด็กเรียนดี กิจกรรมเด่น จบมาก็ได้งานที่ ยอดเยีย่ ม พูดง่ายๆ ว่าทำ�อะไรก็ประสบความสำ�เร็จ หรือ ‘เอาอยู’่ มาตลอด ไมค์รู้จักตัวเองดีและมีเป้าหมายที่ชัดเจน เขาเลือกออก จากงานไปเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ หรือที่เราคุ้นเคย กันว่า MBA ที่โรงเรียนชั้นนำ�ระดับโลกในอเมริกา ที่นั่นทำ�ให้เขา พบความจริงว่า ความสำ�เร็จความมั่นใจที่เคยสั่งสมมาไม่เพียงพอ จนเข้าขั้นขาดแคลน จากคนที่เคยประสบความสำ�เร็จตอนอยู่เมืองไทย กลาย เป็นคนทีพ่ บเจอแต่ความล้มเหลวซ้�ำ แล้วซ้�ำ เล่าเมือ่ ต้องสมัครและ หางานแข่งกับคนอเมริกัน ทุกคนมีวิธีรับมือกับความล้มเหลวแตกต่างกัน บางคน ฟูมฟาย ก่นด่าฟ้าดิน หรือเอาแต่โทษปัจจัยต่างๆ รอบตัว แต่ไมค์


เลือกทีจ่ ะพัฒนาตัวเอง ไมค์กลับมามองว่าจุดด้อยของเขาคืออะไร ยังขาดสิง่ ใด ต้องฝึกตรงไหน หรือปรับแก้สว่ นใด เพือ่ ให้ได้ผลลัพธ์ ที่ดีขึ้น แต่ด้วยปลายทางความฝันที่ยิ่งใหญ่อย่างการเข้าทำ�งาน ในบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก แค่ดีขึ้นยังไม่พอ เขาต้องทุ่มเท ฝึกหนัก เปลี่ยนแปลงตัวเองแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เพื่อให้ได้ สิ่งที่ต้องการ คุณจะได้อา่ นเรือ่ งราวทีท่ ง้ั สนุกด้วยบรรยากาศและมิตรภาพ ของเพือ่ น ได้ลนุ้ และเอาใจช่วยอย่างเต็มทีใ่ นการหางาน ได้รวู้ ธิ คี ดิ และวิธีการทำ�ตามฝันที่เปลือยหมดอย่างละเอียดแบบที่คุณอาจ ไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เหมาะสำ�หรับแค่คนที่อยากไปเรียนต่อ หรือหางานทำ�ทีอ่ เมริกา ไม่ได้เหมาะแค่กบั คนทีอ่ ยากรูว้ า่ ชีวติ เด็ก เอ็มบีเอเป็นอย่างไร แต่ยงั เหมาะกับคนทีอ่ ยากอ่านเรือ่ งราวสร้าง แรงบันดาลใจ และเหมาะอย่างยิ่งสำ�หรับคนที่หมดไฟในชีวิต สำ�นักพิมพ์อะบุ๊ก


คำ�นิยม มันเป็นเรื่องง่ายที่จะฝัน แต่เป็นเรื่องยากที่จะฝันใหญ่ๆ แล้วกล้าลงมือทำ� และยากยิ่งกว่าที่จะลุกขึ้นมาหลังจากล้มเหลว และยากที่ สุ ด ที่ จ ะลุ ก ขึ้ น มาหลั ง จากล้ ม เหลวมาแล้ ว ไม่ รู้ กี่ ค รั้ ง แต่ยังพยายามที่จะก้าวต่อไปสู่จุดมุ่งหมายที่ฝันไว้อย่างไม่ย่อท้อ มาโนชเป็นหนึ่งในคนนั้น ที่กล้าลุกขึ้นมาทำ�ตามความฝัน เขาพยายามจนเข้าโรงเรียนบริหารธุรกิจระดับท็อปของโลกอย่าง Kellogg และสามารถเบียดแทรกเข้าไปร่วมงานกับบริษัทฟินเทค สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นที่ซิลิคอนแวลลีย์อย่าง Credit Karma คุณสามารถสัมผัสเรื่องราวและวิธีการเอาชนะอุปสรรค ของเขาที่เต็มเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ ช่วยให้คุณกล้าฝันใหญ่ และกล้าที่จะวิ่งไล่ตามฝันแบบคนธรรมดาๆ ที่ฝันไม่ธรรมดาและ กล้าลงมือทำ� ผมเชื่อว่าคุณจะได้อะไรดีๆ มากมายที่หาอ่านไม่ได้ที่ไหน นอกจากประสบการณ์ตรงของเขาในหนังสือเล่มนี้แน่นอน กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล Managing Partner 500 TukTuks and Thailand’s Business Man of the Year 2016


คำ�นิยม เมื่อราวปลายเดือนมกราคม จู่ๆ ผมก็ได้รับข้อความทาง เฟซบุก๊ ว่า สวัสดีครับพีเ่ ตา ผมชือ่ ไมค์ครับ ผมกำ�ลังจะออกหนังสือ เล่มแรก และอยากสอบถามว่าพี่เตาพอมีเวลาช่วยเขียนคำ�นิยม ให้หน่อยไหมครับ คำ�นิยมจากพี่มีความหมายกับผมมาก เพราะ ผมเป็นแฟนคลับบทความพี่มากว่าสองปี ตัวอักษรของพี่ช่วย เปิดโลก เปิดมุมมอง และให้ความรู้ผมเป็นอย่างมาก พร้อมแนบ ลิงก์หนังสือขนาดยาวมีแปดบทใหญ่ๆ ที่เขียนเสร็จแล้วมาให้ด้วย ตอนได้รบั ข้อความนีจ้ ากเพือ่ นในเฟซบุก๊ ทีผ่ มไม่เคยพบหน้า ไม่เคยพูดคุยกันตัวต่อตัว แถมจำ�ไม่ได้ดว้ ยซ้�ำ ว่าเคยคุยกันในเฟซบุก๊ หรือเปล่า ผมก็คิดที่จะปฏิเสธ เพราะการจะเขียนคำ�นิยมได้นั้น ผมคงต้องอ่านหนังสือทัง้ เล่มให้จบก่อน ซึง่ ผมยังมีหนังสือทีซ่ อื้ มา และทีม่ คี นให้อกี กว่าสิบเล่มทีอ่ ยากอ่านและยังไม่ได้อา่ น เลยไม่มี ความคิดที่จะอ่านหนังสือที่เขียนโดยคนที่ผมไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยิน ชือ่ เสียงเรียงนาม แถมยังเป็นเรือ่ งการสร้างแรงบันดาลใจทีผ่ มเอง ไม่คอ่ ยสนใจนัก และไม่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์กบั คนวัยเกษียณแล้ว อย่างผมสักเท่าไหร่ แต่เพราะประโยค คำ�นิยมจากพี่มีความหมายกับผมมาก นี่แหละครับ ที่ทำ�ให้เกิดความรู้สึกเป็นมิตรและเกิดความเกรงใจ ผมเลยเปิดอ่านดู ตัง้ ใจว่าจะอ่านสักหน่อยแล้วค่อยหาเรือ่ งปฏิเสธ แต่พออ่านๆ ไปก็เลยพบว่านี่เป็นหนังสือที่สนุกสนานมากทีเดียว มีเรื่องราวที่น่าสนใจ ทั้งส่วนที่เป็นความรู้ ส่วนที่เป็นทัศนคติ


ความพยายาม การต่อสู้กับความล้มเหลวเป็นร้อยเป็นพันครั้ง การเสาะหาวิธีการปรับปรุงพัฒนาตนในด้านต่างๆ จนบรรลุผล ในที่สุด ซึ่งทัศนคติ ‘เราทำ�ได้’ อย่างนี้แหละครับ เป็นคุณสมบัติ ที่สำ�คัญที่สุดของผู้ที่จะประสบความสำ�เร็จทั้งหลาย ทำ�ให้คน ธรรมดาๆ กลายเป็นคนทีม่ คี วามหมาย สร้างแรงกระเพือ่ มให้กับ โลกได้มานักต่อนัก อ่านหนังสือ A DREAM TO DIE FOR ล้ม 3,000 ครั้ง เพื่อชนะฝันเดียว ของคุณมาโนช พฤฒิสถาพร เล่มนี้ ทำ�ให้ผม คิดถึงคำ�พูดของนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสองท่าน ท่านแรกคือโทมัส อัลวา เอดิสัน ที่ล้มเหลวในการทดลองหลาย พันครัง้ เพือ่ หาวัสดุทเี่ หมาะสมมาทำ�ไส้หลอดไฟ แต่พอใครถามว่า ท่านรับมือกับความล้มเหลวมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร เอดิสัน กลับตอบว่า “ผมไม่เคยล้มเหลวเลยครับ ผมเพียงแต่ได้โอกาสทีจ่ ะ เรียนรู้ถงึ หมื่นวิธี หมื่นวัสดุ ทีม่ ันใช้ไม่ได้เท่านั้น” อีกท่านหนึง่ ก็คอื อัลเบิรต์ ไอน์สไตน์ ทีเ่ คยเอ่ยคำ�คมอมตะไว้วา่ “มีแต่คนบ้าเท่านัน้ ที่จะทำ�สิ่งเดิมซ้ำ�ๆ แล้วหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง” หนังสือเล่มนี้ สะท้อนส่วนผสมคำ�กล่าวของทั้งสองท่านได้อย่างดี ว่านอกจาก ความพยายามอย่างไม่ท้อถอยแล้ว การมีสติเรียนรู้ข้อผิดพลาด และการพัฒนาปรับปรุง ก็เป็นเรื่องสำ�คัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เชื่อไหมครับ ว่าจากความตั้งใจที่จะอ่านสักสองสามหน้า แล้วหาทางปฏิเสธไป ผมกลับอ่านหนังสือเล่มนี้รวดเดียวหลาย ชัว่ โมงจนจบ ได้รบั ทัง้ ความสนุกสนาน ความรู้ บรรยากาศการเรียน การสมาคม การหางานในหมูค่ นทีไ่ ด้ชอื่ ว่าเก่งกาจสามารถชัน้ ยอด


ของโลก และได้รับแรงบันดาลใจไม่น้อย บัดนี้ หนังสือเล่มนีก้ อ็ ยูใ่ นมือของท่านแล้ว ขอเชิญพลิกไป อ่านให้จบ ท่านก็จะพบว่า ผมไม่ได้กล่าวเกินจริงไปเลย บรรยง พงษ์พานิช


คำ�นำ�ผู้เขียน มีชีวิตก็ย่อมมีความคาดหวังเป็นเงาตามตัวไปทุกที่ แม้แต่ บางสิ่งที่เราบอกว่าไม่คาดหวังก็ตาม บางอย่างที่เข้ามาในชีวิตก็ดี เกินคาด และบางอย่างก็แย่กว่าที่คิด เคยมีไหมครับช่วงเวลาที่หลับตาแล้วยังจำ�ได้เป็นอย่างดี ยังรับรู้ถึงความรู้สึกในวันนั้นได้ทุกอณู ช่วงเวลาที่นึกถึงแล้วมันจะ ให้พลังและแรงบันดาลใจเราทุกครั้ง ผมใช้เวลายี่สิบแปดปีกว่าจะ เจอช่วงเวลานัน้ เป็นช่วงเวลาทีผ่ มต้องต่อสูอ้ ย่างหนักทีส่ ดุ ในชีวติ เผชิญกับคลื่นความล้มเหลวที่ถาโถมเข้ามาลูกแล้วลูกเล่า เพราะ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเป็นคนกลุ่มน้อยที่ดำ�รงชีวิตในสังคมที่เรา ไม่ได้รจู้ กั วัฒนธรรมดี ครัง้ แรกในชีวติ ทีผ่ มแข่งขันโดยเป็นรองแบบ สุดกู่ – ชีวิตนักเรียนเอ็มบีเอที่ Kellogg ประเทศสหรัฐอเมริกา ผมโตมาบนแผ่นดินไทย และโชคดีทเี่ ป็นคนทำ�อะไรก็มกั จะ ประสบความสำ�เร็จ ได้เข้าเรียนคณะดี มหาวิทยาลัยดี ได้งานดี และได้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนธุรกิจชั้นนำ�ระดับโลก ผมอยู่ในโลก ทีค่ ดิ ว่าหมุนรอบตัวผม โลกทีล่ อ้ มรอบด้วยป้อมปราการแห่งความ สำ�เร็จ วันที่ผมบินข้ามโลกไปยังอเมริกา ผมนำ�ป้อมปราการแห่ง ความสำ�เร็จไปด้วย พร้อมกับความฝันที่อยากเข้าโรงเรียนธุรกิจ ชั้นนำ� และอยากทำ�งานในบริษัทเทคโนโลยีที่ซิลิคอนแวลลีย์ ผมรู้ว่ามันเป็นความฝันที่ยาก แต่ก็เพราะความท้าทาย นี่แหละที่ทำ�ให้ผมอยากไป อยากทำ�ให้มันเป็นจริง


แต่เมื่อไปถึง ยิ่งอยู่ ยิ่งรับรู้ว่าความฝันของเรามันห่างไกล ความจริง ช่องว่างระหว่างทักษะความสามารถทีเ่ รามีกบั สิง่ ทีบ่ ริษทั ต้องการมันกว้างอย่างไม่น่าเชื่อ ผมพบปัญหาตั้งแต่จะหาเพื่อนอเมริกันยังไงดี จะทำ�ยังไง ให้สนิทกับเพื่อน จะพัฒนาภาษาอังกฤษยังไงดี จะเรียนรู้และ กลมกลืนกับวัฒนธรรมที่นี่ยังไง จะหางานที่อยากทำ�ได้ยังไง มันไม่ใช่เปลีย่ นจากหัวสุนขั เป็นหางราชสีห์ แต่เป็นหางของ สุนัขที่จนตรอก ไร้ทางสู้ ไม่รู้ทำ�ยังไงถึงจะได้งาน ไม่รู้จะพัฒนา ภาษาอังกฤษจากระดับพอพูดได้สอื่ สารได้เป็นเล่าเรือ่ งอย่างมัน่ ใจ น่าเชื่อถือได้ยังไง ยิ่งพยายาม ยิ่งล้มเหลว กลายเป็นว่าความพยายามอยู่ ที่ไหน ความล้มเหลวอยู่ที่นั่น ความสำ�เร็จในอดีตที่เคยทำ�ให้เรา มั่นใจถูกคลื่นแห่งความล้มเหลวซัดพังทลายหายไปหมด ณ จุดนั้น โลกที่ผมอยู่คือโลกที่ผมเป็นแค่คนคนนึงที่อาศัย อยู่บนโลก เคลื่อนไหวไปตามทิศทางที่โลกหมุน เราหมุนรอบโลก ผมได้เจอกับด่านทดสอบ ล้มแล้วลุก ลุกแล้วล้ม ล้มแล้วลุก แล้วล้ม แน่นอนว่าชีวิตสองปีที่ผมอยู่ที่นั่นไม่ได้มีแต่ด้านโหดร้าย ด้านล้มเหลวอย่างเดียว ด้านที่ดีก็มาก ที่ดีเกินคาดก็มี ผมได้เจอ เพือ่ นร่วมคลาสทีส่ ดุ ยอด ได้เรียนกับอาจารย์ระดับโลก หลายท่าน


ผมยกย่องให้เป็นพ่อมดแม่มดในด้านนัน้ รวมถึงได้ฟงั บรรยายจาก ผู้บริหารชั้นนำ�ที่หาฟังได้ยากยิ่ง เช่น ซีอีโอบริษัทโบอิ้ง ซีอีโอ แมคโดนัลด์ รวมถึงอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา เรื่องการออกเดินทางก็เกินคาดมากเช่นกัน ผมไปเที่ยว เยอะมากในช่วงสองปีที่อยู่อเมริกา ผมได้ไปดิสนีย์เวิลด์ สถานที่ ในฝันของหลายล้านคนบนโลก ผมได้เล่นเครื่องเล่น Small World อันโด่งดัง ได้นั่งเรือชมตุ๊กตาตัวเล็กๆ ของชนชาติต่างๆ ทั่วโลก ร้องเพลง It’s A Small World ในภาษาของประเทศนั้นๆ “It’s a world of laughter, a world of tears It’s a world of hopes and a world of fears There’s so much that we share That it’s time we’re aware It’s small world after all” “โลกมีเสียงหัวเราะ โลกมีน้ำ�ตา โลกมีความหวัง อีกทั้งความกลัว มีสิ่งต่างๆ มากมายที่เรามีเหมือนกัน นี่เป็นเวลาที่พวกเราควรระลึกไว้ว่า มันเป็นโลกใบเล็กๆ ใบเดียวใบนี้ที่เราอยู่ร่วมกัน” สมอลล์เวิลด์ทำ�ให้ผมคิดถึงเวลาบนโลกแห่งความเป็นจริง ทีช่ อื่ เคลล็อกก์ สถานทีท่ ผี่ คู้ นมาจากหลายเชือ้ ชาติหลากวัฒนธรรม แต่ทุกคนพร้อมเปิดรับ พร้อมเข้าใจพร้อมเรียนรู้ พร้อมเป็นเพื่อน กับทุกคน สถานที่ในฝันที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน


มิตรภาพปรากฏได้ทั่วไป แต่มิตรภาพที่ได้รับขณะที่เรา เป็นคนกลุ่มน้อยที่พูดภาษาของคนกลุ่มใหญ่ได้ไม่ดีและไม่เข้าใจ วัฒนธรรมของพวกเขา อีกทั้งยังต้องการความช่วยเหลือ มันช่าง เป็นมิตรภาพที่มีความหมายและน่าประทับใจยิ่งนัก เพือ่ นอเมริกนั ทีโ่ รงเรียนเป็นส่วนสำ�คัญอย่างยิง่ ทีท่ �ำ ให้ผม สามารถทำ�ความฝันทีเ่ หมือนจะไกลเกินเอือ้ มให้ส�ำ เร็จได้ พวกเขา ช่วยผมมากจริงๆ ขณะที่เวลาในโลกแห่งความฝันที่เคลล็อกก์ของผมใกล้ จบลง ผมได้พบว่า แม้เราหมุนไปตามโลกก็จริง แต่เราก็สามารถ เลือกและสร้างสิ่งต่างๆ บนโลก รวมถึงมิตรภาพ เพื่อให้เราหมุน ไปตามโลกในแบบที่เราต้องการ ได้เวลาพาทุกท่านมารูจ้ กั โลกในอดีตของผมทีช่ อ่ื เคลล็อกก์ กันแล้วครับ ขอต้อนรับครับ มาโนช พฤฒิสถาพร


สารบัญ

1

ก่อนไปเรียน 20

ค้นพบใบเบิกทาง

24

ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เริ่มจินตนาการ

28

2

สนุก 32

ความประทับใจแรก

36

ปฐมนิเทศ

40

ห้อง(อยาก)เรียน

44

ชีวิตสุดคุ้ม เมืองเล็กที่อบอุ่น

48

50 ทำ�จริง สนุกจริง ้ แรก แพ้ครั้งแรก 54 แข่งครัง


3

เจออุปสรรค ิด 60 เลือกประตูท่จะเป ี 64 68

4

พังกำ�แพงวัฒนธรรม 74

หาจังหวะ สร้างโอกาส

76

รู้เขา รู้เรา ไม่มีผิด ไม่มีถูก

80

ไม่ง่าย ไม่ยอม ไม่แพ้

82

ถึงอเมริกาแล้ว ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ

88

5

อังกฤษสำ�เนียงไทยแท้ ่ เพือนต่ างวัฒนธรรม

ล้มเหลว 94

แข่งจริงในสนามที่เป็นรอง

98

ฉันเลือกงาน

100 กระดาษออนไลน์ 104 ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า

110 กำ�แพงแห่งความมั่นใจพังทลาย 112 พอแล้วหรือสู้ต่อ


6

สู้ต่อ 118 ทำ�ทุกสิ่ง เปลี่ยนทุกอย่าง ่ เที่ยวทุกอย่าง 122 พักทุกสิง 126 เติมกำ�ลังใจ 130 พบอาจารย์แม่มด 136 รู้จักคน

ทุกคนต้องการที่ปรึกษา ้ รอคอย ่ 146 วันนีที 150 ฟ้าหลังฝน 142

152 ฉันเลือก TripAdvisor

154 ผลงานเล็กๆ สู่สายตาคนทั่วโลก

7

ใกล้ถึงจุดหมาย 160 เรียนลัดผ่านประสบการณ์ซีอีโอ 164 ชีวิตที่ดีคืออะไร 168 สังคมอุดมแพสชัน 170 ดีแล้ว แต่ยังดีไม่พอ 174 สู้อย่างสตาร์ทอัพ 178 ลองทุกสิ่ง เรียนรู้ทุกอย่าง 182 ให้เวลาเท่ากับให้ความสำ�คัญ 186 สะพานสู่ฝัน

190 การหางานคือการวิ่งมาราธอน 194 อยากให้เวลาเดินไปช้าๆ ั ยังไม่จบ 196 เรียนจบ แต่ความฝน


8

ความฝันเป็นจริง 202 ใจสั่งให้อยู่ไทย ความฝันสั่งให้กลับมา ้ ดท้าย 206 สู้ครังสุ

210 ล้มเหลวกว่าสามพันครั้งจึงสำ�เร็จ 214 สิ่งที่ไม่ควรลืม

ภาคผนวก จากคนเคยสำ�เร็จแล้วล้มเหลว


THE WAY TO

KELLOGG


CHAPTER

1

ก่อนไปเรียน

19


ค้นพบใบเบิกทาง

อะไรคือใบเบิกทางสู่ความสําเร็จ? คําถามนี้ทําให้ผมมองย้อนกลับมายังวัยเด็ก ตั้งแต่เริ่ม อ่านออกเขียนได้ ผมเห็นคุณพ่อใช้เวลากับหนังสือพิมพ์ทุกเช้า หลังตื่นนอนเป็นกิจวัตร นั่นน่าจะทําให้ผมชอบอ่านหนังสือพิมพ์ ไปด้วย ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียนอย่างน้อยต้องขอให้ได้อ่านพาดหัว ข่าวหน้าหนึ่งให้หมด กลับมาจากโรงเรียนสิ่งแรกที่ผมทําก็คือ นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะข่าวการเมือง ข่าวกีฬา และข่าว ธุรกิจ อ่านไปนานวันเข้าผมก็เริ่มอยากเป็นเหมือนคนในข่าว – คนที่ประสบความสําเร็จ วัยเด็กผมก็เหมือนเด็กทั่วไป ตั้งใจเรียน ตั้งใจทําการบ้าน ตั้งใจอ่านหนังสือสอบ มีไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ ผมทํามากกว่าคนอื่นคือ กิจกรรม 20


กิจกรรมแรกที่ผมมีส่วนร่วมอย่างจริงจังคือ Crossword หรื อ เกมต่ อ ศั พ ท์ ภ าษาอั ง กฤษ ตอนนั้ น ผมอยู่ ป.4 โรงเรี ย น อัสสัมชัญ ผมลองเข้าชมรมครอสเวิร์ดตามคําแนะนําของครูสอน ภาษาอังกฤษ ผมสนุกกับการได้คิดได้วางแผน เมื่อผมลงแข่งขัน ครั้งแรก ผมแพ้มากกว่าชนะ ผมจําได้ว่าไม่ชอบความรู้สึกเวลาแพ้ เอาเสียเลย ผมจึงเริ่มท่องศัพท์อย่างจริงจังและจดจําสูตรต่างๆ ผมใช้เวลาช่วงพักกลางวันซ้อมกับเพื่อนมากขึ้น ผมลงแข่งขัน ในรายการต่างๆ จนฝีมือเริ่มพัฒนาขึ้น การแข่งขันครอสเวิร์ดในเมืองไทยจะแบ่งตามระดับชั้น การศึกษา รุ่นเล็กสุดคือประถมต้น ไม่เกิน ป.4 ถัดมาคือประถม ปลาย ไม่เกิน ป.6 ซึ่งผมได้ถ้วยรางวัลจากการแข่งขันเป็นครั้งแรก ตอน ป.6 ผมเล่นครอสเวิร์ดอย่างจริงจัง ได้รางวัลมากมาย รวมถึง ชนะเลิศถ้วยรางวัลพระราชทานระดับมัธยมปลายในงานชิงแชมป์ ประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในชีวิตของนักเรียนที่เล่นครอสเวิร์ด ผมรู้สึกว่าได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์และได้พัฒนาตัวเอง จากการทาํ กิจกรรม นอกจากครอสเวิรด์ แล้ว ผมยังถูกเลือกให้เป็น หัวหน้าห้องและเป็นประธานนักเรียน ถึงจะทํากิจกรรมจนยุ่งขนาดไหน ผมก็ไม่เคยทิ้งการเรียน ผมมีผลการเรียนที่ดีมาเสมอ เวลาผมตัง้ ใจจะทําอะไรแล้ว ผมจะคิดวางแผนและพยายาม อย่างจริงจัง สุดท้ายผมมักจะทําได้ ผมคุ้นเคยกับความสําเร็จ ไม่ค่อยรู้จักคําว่าล้มเหลวนัก ผมเริ่มสนใจอ่านหนังสือแนวธุรกิจและพัฒนาตนเอง เริ่ม ศึกษาชีวประวัตขิ องผูบ้ ริหารบริษทั ชัน้ นำ�ในไทย ผมพบว่าผูบ้ ริหาร 21


ระดับสูงของบริษัทชั้นนำ�หลายคนจบเอ็มบีเอจากมหาวิทยาลัย ในอเมริกา นั่นคงเป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้จัก MBA (Masters of Business Administration) หรือปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจ นับจากวันนั้นที่เรารู้จักกัน เอ็มบีเอก็ไม่เคยเลือนหายไปจากหัว ของผมเลย ช่วง ม.ปลาย ผมเริ่มคิดถึงอนาคตข้างหน้า ผมก็เหมือน เด็ ก เรี ย นดี ส่ว นใหญ่ที่ฝัน อยากไปเรียนมหาวิทยาลั ย ชั้ น นํ า ใน เมืองนอก แต่ด้วยความที่เรียนในไทยมาตลอดสิบสองปี การจะ เข้ามหาวิทยาลัยในอเมริกาเลยดูเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง ผมเลยเลือกเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนเรียนเศรษฐศาสตร์ผมก็ชอบนะ แต่กร็ เู้ ลยว่าสนใจด้านธุรกิจมากกว่า เลยอยากเรียนต่อปริญญาโท ด้านธุรกิจแทน ผมจึงมีความฝันตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรีว่าจะ ไปเรียนต่อเอ็มบีเอที่มหาวิทยาลัยชั้นนําของโลก แต่การจะเรียน เอ็มบีเอได้นั้นต้องมีประสบการณ์การทํางานก่อน ก่อนเรียนจบ ผมได้งานทีบ่ ริษทั Claris เป็นบริษทั ทีป่ รึกษา ธุรกิจด้านกลยุทธ์การจัดการ ถือเป็นงานทีด่ มี ากสําหรับเด็กจบใหม่ ที่นี่ทําให้ผมได้เรียนรู้ว่าโลกแห่งการทํางานนั้นแตกต่างกับโลกใน รัว้ มหาวิทยาลัยอย่างสิน้ เชิง และยังเป็นเหมือนโรงเรียนสอนธุรกิจ แห่งแรกสําหรับผม พีป่ ราโมทย์ เจ้าของบริษทั แคลริสเคยบอกผมว่า งานบริษทั ที่ปรึกษาก็เหมือนกับหมอของธุรกิจ บริษัทต่างๆ มาหาเราเมื่อ มีปัญหา ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ต้องการจะเพิ่มรายได้เท่าตัวภายในห้าปีต้องทําอย่างไร ควรให้ 22


ความสําคัญกับตลาดผลิตภัณฑ์หรือลูกค้ากลุ่มใด และควรจัด โครงสร้างองค์กรอย่างไร เป็นต้น ทีน่ ผี่ มได้ทาํ โปรเจกต์นา่ สนใจให้กบั บริษทั ชัน้ นาํ ในประเทศ ได้ทํางานและพรีเซนต์ผลงานให้แก่ผู้บริหารระดับสูง ได้ฝึกฝน ทักษะการคิดวิเคราะห์ การสือ่ สารและนาํ เสนอผลงาน การทํางาน เป็นทีม และการจูงใจลูกค้าให้ร่วมมือกับเรา เป็นงานที่หนักมาก ช่วงพีกบางทีกท็ าํ งานเกิน 120 ชัว่ โมงต่อสัปดาห์ แต่ทงั้ หมดถือว่า คุ้มค่ากับทักษะและประสบการณ์ที่ได้รับ ตลอดเวลาสามปีที่ทำ�งานกับแคลริส ผมได้ทำ�งานกับพี่ๆ ทีเ่ ก่งมาก พวกเขาส่วนใหญ่ลว้ นจบเอ็มบีเอจากมหาวิทยาลัยชัน้ นํา ของอเมริกา ยิ่งได้ฟังว่าพวกเขาได้เรียนกับอาจารย์เก่งๆ และ ได้รบั โอกาสมากมายจากการไปเรียน แถมแต่ละแห่งยังมีเครือข่าย ของศิษย์เก่าที่แข็งแรงในไทย ผมยิ่งมั่นใจว่าเอ็มบีเอคือหนทาง ต่อไปที่ผมควรเลือกเดิน ปีนนั้ ผมเห็นตัวอย่างจากเพือ่ นร่วมงานใกล้ตวั ทีเ่ ริม่ ทำ�งาน ก่อนผมไม่นาน เขาสามารถเข้าเอ็มบีเอของโรงเรียนธุรกิจที่มี ชื่อเสียงได้ ผมก็รู้สึกว่า...เราพร้อมแล้ว

23


ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

หลายคนอาจสงสัยว่าเอ็มบีเอเจ๋งยังไง ทำ�ไมใครต่อใครถึง อยากเรียน หลักสูตรเอ็มบีเอจะเน้นผลิตผู้เรียนออกไปแก้ปัญหาและ สร้างความเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจ ดังนั้นเขาจึงคัดเลือกผู้สมัคร ที่มีประสบการณ์การทำ�งานและมีผลงานมาแล้ว เพื่อที่จะมั่นใจ ได้วา่ คนนีท้ �ำ งานเป็น ทำ�งานเก่ง มีศกั ยภาพทีจ่ ะเติบโตไปเป็นผูน้ �ำ และสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ประเมินผู้สมัครจาก หนึ่ง ความ ฉลาด ดูว่าผู้สมัครคนนี้มีผลการสอบและผลการเรียนดีหรือไม่ ซึ่ง วัดจากคะแนนสอบ GMAT (Graduate Management Admission Test) และเกรดตอนเรียนปริญญาตรี สอง ศักยภาพความเป็นผูน้ �ำ และสาม โรงเรียนนี้เหมาะสำ�หรับผู้สมัครหรือไม่ ซึ่งจะดูจากการ เขียนเรียงความ จดหมายแนะนำ�จากหัวหน้า และการสัมภาษณ์ 24


ในเรียงความนั้นผู้สมัครต้องเล่าให้เห็นถึงประสบการณ์ ความ สำ�เร็จ ความเป็นผู้นำ� การทำ�งานเป็นทีม ตลอดจนเป้าหมาย ในชีวิต และเหตุผลที่อยากเข้าโรงเรียนนี้ เวลาที่มหาวิทยาลัยอ่านใบสมัคร เขาจะดูว่าเรามีความลึก ในสิ่งที่ทำ�ไหม และประสบการณ์ที่ผ่านมาของเรามีอะไรน่าสนใจ บ้าง ส่วนเรื่องจำ�นวนปีที่ทำ�งานนั้นแทบไม่สำ�คัญเลย การสมัครเข้าเรียนเอ็มบีเอทำ�ให้ผมมีโอกาสทบทวนตัวเอง ได้นั่งคิดว่าที่ผ่านมาเราทำ�อะไรไปบ้าง อนาคตอยากทำ�อะไร เพื่อระบุเป้าหมายและเหตุผลให้ชัดเจนว่าทำ�ไมเอ็มบีเอถึงเป็น สิ่งสำ�คัญ เพราะมหาวิทยาลัยเชื่อว่าการมีเป้าหมายดีกว่าไม่มี ถึงแม้เป้าหมายจะเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ ก็ตาม และรู้ไหมครับ ว่าส่วนใหญ่คนที่เลือกไปเรียนเอ็มบีเอก็เพราะอยากเปลี่ยนงาน กันทั้งนั้น ตอนเลือกเรื่องมาเขียนเรียงความ ผมต้องคิดย้อนกลับไป ถึงทุกโปรเจกต์ที่ผมได้ทำ� ดูว่าโปรเจกต์ไหนที่ผมมีส่วนร่วมเยอะ ที่สุด โปรเจกต์ไหนท้าทายหรือมีอุปสรรคอะไรบ้าง หรือเป็น โปรเจกต์ที่ได้ใช้ทักษะการจูงใจคน ใช้ความเป็นผู้นำ� และเป็น โปรเจกต์ที่สำ�คัญมากๆ ผมว่าสิ่งเหล่านี้เป็นข้อดีของการเตรียมตัวสมัครเรียนต่อ เพราะทำ�ให้เราได้มานั่งทบทวนและถามตัวเองเกี่ยวกับอนาคต อย่างจริงจัง การเขียนเรียงความเล่าเรื่องตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ยากที่สุด สำ�หรับผม และคนส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นเหมือนกัน เพราะพวกเรา ไม่ค่อยถูกฝึกให้เขียนเล่าเรื่องตัวเองสักเท่าไหร่ ผมใช้เวลาในการเตรียมตัวสอบและเขียนเรียงความทัง้ หมด สามเดือน 25


ผมเลือกสมัครทั้งหมดหกมหาวิทยาลัยที่ดูมีชื่อเสียงด้าน เอ็มบีเอมากที่สุด โดยเฉพาะในสายตาคนไทย เพราะรู้อยู่แล้วว่า ยังไงผมก็ต้องกลับมาทำ�งานที่นี่ ผลก็คือผมได้สัมภาษณ์ทั้งหมด สามแห่ง 17 ธันวาคม 2012 เป็นวันที่ผมตื่นเต้นที่สุดวันหนึ่งในชีวิต ช่วงประมาณสามทุ่มผมกับเพื่อนอีกสองคนนั่งอยู่ที่บาร์แถวสีลม มีสายเรียกเข้าที่ไม่โชว์เบอร์โทรเข้ามา ผม: ฮัลโหล มาโนชพูดสายครับ คริสติน่า: สวัสดีมาโนช นี่คริสติน่า ฉันโทรมาจากแผนก รับสมัครของ Kellogg School of Management ฉันโทรมา ดึกเกินไปหรือเปล่า ผม: ไม่เลยครับ (เสียงเริ่มตื่นเต้น) คริสติน่า: ฉันโทรมาแจ้งผลการสมัครเข้าเรียนที่เคลล็อกก์ ผมรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน เวลาหยุดเดิน คริสติน่า: ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับการตอบรับ ให้เข้าเรียนต่อที่เคลล็อกก์ ผม: ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ ผมดีใจและตื่นเต้นสุดๆ คริสติน่า: ทางเราได้อ่านเรื่องราวความสำ�เร็จของคุณจาก ใบสมัคร และรูส้ กึ ประทับใจมาก โดยเฉพาะเพจเฟซบุก๊ ทีค่ ณ ุ ทำ�ขึน้ เพื่อสร้างความสุขแก่ผู้ติดตามกว่าล้านคนเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก ผม: ขอบคุณ ขอบคุณมาก ขอบคุณมากๆ ผมดีใจจนพูดได้แต่คำ�ว่าขอบคุณซ้ำ�ไปซ้ำ�มา นีค่ อื บทสนทนาทางโทรศัพท์ทที่ �ำ ให้ชวี ติ ผมไม่เหมือนเดิม อีกต่อไป

26



เริ่มจินตนาการ

บอกก่อนว่าผมไม่ได้ไปเรียนปลูกข้าวนะครับ หลายคนคงคุ้นชื่อเคลล็อกก์จากซีเรียลยี่ห้อดัง ซึ่งแม้จะ สะกดเหมือนกันเป๊ะกับโรงเรียนเคลล็อกก์ที่ผมจะไปเรียน แต่ทั้ง สองอย่างนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย Kellogg School of Management ติดท็อปไฟว์โรงเรียน ธุรกิจทีด่ ที สี่ ดุ ในอเมริกามานานกว่าห้าสิบปี มีศษิ ย์เก่าทีม่ ชี อื่ เสียง ระดับโลก เช่น Douglas Conant อดีตซีอีโอของ Campbell Soup ถ้าเป็นในไทยก็มีเครือข่ายศิษย์เก่าที่ใหญ่และเข้มแข็งมาก คนที่ หลายคนน่าจะรู้จัก เช่น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายก รัฐมนตรี และ ดร.ทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวง การคลัง ก็จบการศึกษาจากที่นี่ เคลล็อกก์เป็นโรงเรียนธุรกิจในเครือมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น ตั้งอยู่ที่เมืองเอแวนส์ตัน (Evanston) ใช้เวลาขับรถจาก 28


ชิคาโกประมาณสามสิบนาที ซึ่งถือเป็นข้อดีมาก เพราะอยู่ใกล้ เมืองใหญ่อันดับสามของอเมริกา ทำ�ให้โรงเรียนเชิญผู้บริหาร ชั้นนำ�ที่อยู่ในชิคาโกมาสอนหรือบรรยายได้ง่าย ขณะเดียวกัน นักเรียนก็สามารถไปฝึกงานกับบริษทั ในชิคาโกได้ในวันทีไ่ ม่มเี รียน ข้อดีอีกอย่างคือมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบ มีวิวทิวทัศน์ ที่สวยงามมาก เราสามารถไปเดินเล่นริมทะเลสาบได้ในช่วงที่ ไม่หนาวเกินไป ด้วยความที่เป็นโรงเรียนใหญ่ มีนักเรียนกว่าหกร้อยคน ต่ อ ปี ทำ � ให้ โรงเรี ย นมี ค ลาสสอนหลากหลายสาขา สาขาที่ มี ชื่อเสียงมากที่สุดคือการตลาดและการจัดการ Philip Kotler กูรู ด้านการตลาดอันดับต้นๆ ของโลกก็เป็นอาจารย์อยู่ที่นี่ อาจารย์ มีทั้งนักวิชาการชั้นนำ� เช่น Janice Eberly ซึ่งเป็นที่ปรึกษาให้กับ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา และอาจารย์ที่ประสบความสำ�เร็จ ในโลกธุรกิจอย่าง Carter Cast อดีตซีอีโอของ Walmart.com เคลล็อกก์เป็นโรงเรียนทีเ่ ด่นเรือ่ งทีมเวิรก์ เป็นโรงเรียนแรก ที่ ริ เริ่ มคอนเซปต์ ของการทำ�งานและประเมิน ผลเป็ น กลุ่ ม ซึ่ ง สะท้อนอยูใ่ นรูปแบบการเรียนการสอนและการประเมินผล ทุกวิชา ที่เรียนจะมีงานกลุ่ม ทั้งแบบที่อาจารย์กำ�หนดให้และจับกลุ่ม กันเอง ทำ�ให้ได้เรียนรู้การทำ�งานกับคนที่มีพื้นฐานและวิธีการ ทำ�งานที่หลากหลายและแตกต่างจากเรา นอกจากเรื่อ งทีมเวิร์กแล้ว เคลล็อ กก์ยัง เป็ น ที่ ย อมรั บ ในเรื่องของนักเรียนที่อัธยาศัยดีและเข้าสังคมเก่ง ที่นี่จะมีปาร์ตี้ เยอะมาก เป็นโรงเรียนที่เน้นเรื่องคนเลยก็ว่าได้ ทั้งหมดนี้ทำ�ให้ผมแน่ใจว่า สองปีข้างหน้าจะเป็นสองปีที่ สุดยอดมาก ได้เรียนหลักสูตรระดับโลก ได้พบอาจารย์ทเี่ ก่ง ได้เจอ เพื่อนนักเรียนที่สุดยอด จะเป็นสองปีที่เปลี่ยนชีวิต...ผมเชื่ออย่างนั้น 29


เกี่ยวกับผู้เขียน

มาโนชเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ตั้งแต่ ป.1 ถึง ม.6 ที่นั่น หล่อหลอมให้เขาเป็นคนชอบหาอะไรทำ�และชอบเรียนรู้ หลังจาก เรียนจบ ม.6 เขาเรียนต่อคณะเศรษฐศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้ท�ำ งานทีแ่ คลริส บริษทั ทีป่ รึกษา ด้านกลยุทธ์การจัดการ ที่นี่สอนให้เขาเติบโตจากนักศึกษามาสู่ นักวิเคราะห์ธุรกิจมืออาชีพ มาโนชชอบอ่านชอบเขียนมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ชีวิตเขา ถูกหล่อหลอมผ่านตัวหนังสือมากกว่าภาพจากหนังหรือเสียงจาก ดนตรี หนังสือที่เปลี่ยนมุมมองและวิธีคิดของเขาให้กลายเป็น นักสังเกต นักคิด นักตั้งคำ�ถาม นักหาประสบการณ์ และนักเขียน คือนิตยสารอะเดย์ และหนังสือจากสำ�นักพิมพ์อะบุก๊ นักเขียนทีม่ ี อิทธิพลกับเขาเป็นอย่างมาก ได้แก่ นิ้วกลม, ทรงกลด บางยี่ขัน, วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ และวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล สิ่งเหล่านี้ จุดประกายความฝันอยากเป็นนักเขียนของเขา ตัวหนังสือนี่เองที่ทำ�ให้เขารู้จัก กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล คนไทยทีไ่ ด้ไปเรียนเอ็มบีเอทีม่ หาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และทำ�งาน


สายการตลาดที่บริษัทกูเกิลสำ�นักงานใหญ่ นับแต่วันนั้นความฝัน ที่จะไปทำ�งานที่ซิลิคอนแวลลีย์ก็ก่อร่างสร้างตัวขึ้น มาโนชได้ไปเรียนต่อเอ็มบีเอที่เคลล็อกก์ โรงเรียนธุรกิจ ชั้นนำ�ของโลก ได้ฝึกงานที่บริษัททริปแอดไวเซอร์ เว็บไซต์การ ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้งานที่บริษัทเครดิตคาร์มา สตาร์ทอัพด้านการเงินส่วนบุคคลที่มีมูลค่ากว่าหนึ่งแสนล้านบาท ที่ซานฟรานซิสโกตามที่ใฝ่ฝัน เป็นคนไทยไม่กี่คนที่ได้ไปทำ�งาน บริษัทเทคโนโลยีที่อเมริกาในตำ�แหน่งงานด้านธุรกิจ หลังจากทำ�งานที่เครดิตคาร์มาได้เกือบหนึ่งปี มาโนชก็ ออกมาทำ�บริษทั สตาร์ทอัพด้านแฟชัน่ ของตัวเองทีซ่ านฟรานซิสโก ซึ่งเป็นอีกความฝันหนึ่ง ตอนนี้มาโนชกลับมาอยู่เมืองไทยถาวร และพร้อมนำ�ความรู้ที่ได้จากอเมริกามาพัฒนาสตาร์ทอัพที่ไทย เขากำ�ลังทำ�บริษัทสตาร์ทอัพตัวใหม่ชื่อ Fred & Francis ซึ่งมี เป้าหมายว่าอยากทำ�ให้เสื้อสั่งตัดจากเมืองไทยไปสู่คนทั่วโลก ด้วยโมเดลธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวนำ�


ขอบคุณ

• ขอบคุณป๊าม้าที่คอยสนับสนุนทุกอย่าง เชื่อในตัวผม ให้โอกาสทำ�สิ่งที่อยากทำ� • ขอบคุณพี่บิ๊ก จอม และพี่ๆ อะบุ๊ก สำ�หรับการทำ�ความ ฝันในการเป็นนักเขียนให้เป็นจริง • ขอบคุณนิตยสารอะเดย์ สำ�นักพิมพ์อะบุ๊ก และนักเขียน ที่ผมไม่รู้จักแต่เคยสบตากันผ่านตัวอักษร ที่ช่วยเปิดโลก เปลี่ยน วิธคี ดิ ให้ความเพลิดเพลิน และเป็นแรงดาลใจให้กบั ผม โดยเฉพาะ พี่ เ อ๋ - นิ้ ว กลม พี่ ก้ อ ง-ทรงกลด พี่ โ หน่ ง -วงศ์ ท นง และพี่ สิ ง ห์ วรรณสิงห์ • ขอบคุณโรงเรียนอัสสัมชัญและคุณครูทุกท่าน ประสบการณ์ สิ บ สองปี ใ นรั้ ว แดงขาวหล่ อ หลอมผมเป็ น อย่ า งดี ไม่ มี โรงเรียนอัสสัมชัญก็ไม่มีผมในวันนี้ ขอบคุณคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ และอาจารย์ทุกท่านที่สอนผมเป็นอย่างดี ทำ�ให้ผม ได้งานที่ดีหลังเรียนจบ • ขอบคุณพี่ปราโมทย์ พี่แชท พี่คริส และพี่เอ็ด ที่สอนผม เยอะมากๆ บริษัทแคลริสเป็นโรงเรียนธุรกิจแห่งแรกของผมที่ดี มากๆ และขอบคุณพี่บีม พี่ติม พี่นัท พี่พีช พี่กิ๊ก พี่เบลล์ สำ�หรับ ความช่วยเหลือ กำ�ลังใจ และแรงบันดาลใจให้ผมอยากเข้าโรงเรียน เอ็มบีเอชั้นนำ� • ขอบคุณพี่กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล สำ�หรับเรื่องราวที่ เป็นแรงบันดาลใจที่ทรงพลังมากและคำ�แนะนำ�ที่มีให้เสมอมา


• ขอบคุณคนไทยที่ทำ�งานในบริษัทเทคโนโลยีที่อเมริกา ที่ช่วยเหลือผมในการหางาน • ขอบคุณศิษย์เก่าโรงเรียนเคลล็อกก์ทกุ คน ทัง้ ในไทยและ ทั่วโลก ที่ช่วยสร้างชื่อเสียง สร้างวัฒนธรรมที่เป็นมิตรและสนุก ไม่เหมือนใคร ขอบคุณทีส่ ละเวลาพูดคุยและให้ความช่วยเหลือผม ในการหางาน • ขอบคุณอาจารย์ที่ผมได้เรียนด้วยที่เคลล็อกก์ ผมเรียนรู้ เยอะมากๆ ผ่านประสบการณ์ของพวกคุณ • ขอบคุณเพื่อนเคลล็อกก์ทุกคน ที่ทำ�ให้สองปีที่นั่นเป็น สองปีทดี่ ที สี่ ดุ ในชีวติ ผม ขอบคุณสำ�หรับความเป็นมิตร การเปิดใจ พร้อมจะเรียนรู้และเป็นเพื่อนกับนักเรียนต่างชาติ ความรักและ ความสนุกที่มอบให้กัน ทั้งเพื่อน KWEST เพื่อนกลุ่มแรกของผม เพือ่ นในเซกชัน เพือ่ นคนไทย ขอบคุณเป็นพิเศษสำ�หรับเพือ่ นกลุม่ Kitty Kats และ Dan Kahn เพื่อนสนิทที่สุด พวกคุณเป็นเพื่อนที่ ดีที่สุดแล้วที่นักเรียนต่างชาติสามารถขอได้ • ขอบคุณที่สุดสำ�หรับโค้ช Mary Simon, Mike Schaefer และ Joe Patton รวมถึงโค้ชรุ่นพี่ Hub Orrs และ David Berliner สำ�หรับเวลาและและความช่วยเหลือนับครั้งไม่ถ้วน พวกคุณช่วย ทำ�ให้ความฝันที่ผมไม่มีทางทำ�ได้เองเป็นจริงได้


A DREAM TO DIE FOR มาโนช พฤฒิสถาพร

หนังสือในชุด Life & Inspiration พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2560 ราคา 250 บาท เลขมาตรฐานสากลประจำ�หนังสือ 978-616-327-184-6 ข้อมูลบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ มาโนช พฤฒิสถาพร. A DREAM TO DIE FOR ล้ม 3,000 ครั้ง เพื่อชนะฝันเดียว.-กรุงเทพฯ : อะบุ๊ก, 2560. 240 หน้า. 1. การศึกษาขั้นมหาวิทยาลัย--สหรัฐอเมริกา. I. นันทิยา ฤทธาภัย, ผู้วาดภาพประกอบ. II. ชื่อเรื่อง. 378.17 ISBN 978-616-327-184-6 จัดพิมพ์โดย สำ�นักพิมพ์ ในเครือ บริษทั เดย์ โพเอทส์ จำ�กัด เลขที่ 33 ซอยศูนย์วิจัย 4 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 โทรศัพท์ 0-2716-6900-4 ต่อ 308, 309 โทรสาร 0-2718-0690

แยกสีและพิมพ์

บริษัท ธนาเพรส จำ�กัด โทรศัพท์ 0-2530-4114

จัดจำ�หน่าย

บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำ�กัด (มหาชน) เลขที่ 1858/87-90 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2739-8000 โทรสาร 0-2751-5999


สำ�นักพิมพ์อะบุ๊ก

บรรณาธิการที่ปรึกษา บรรณาธิการอำ�นวยการ บรรณาธิการบริหาร บรรณาธิการ ผู้จัดการสำ�นักพิมพ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผู้ช่วยผู้จัดการสำ�นักพิมพ์ ออกแบบปกและรูปเล่ม ศิลปกรรม พิสูจน์อักษร โซเชียลมีเดียและกิจกรรมพิเศษ เลขานุการ

วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ภูมิชาย บุญสินสุข นทธัญ แสงไชย เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์ สุรเกตุ เรืองแสงระวี วิไลลักษณ์ โพธิ์ตระกูล อธิษฐาน กาญจนะพงศ์ นันทิยา ฤทธาภัย พิชญ์สินี บุญมั่นพิพัฒน์ ชลธิชา จารุสุวรรณวงค์ ชลธร จารุสุวรรณวงค์ พีรพิชญ์ ฉั่วสมบูรณ์ ปวริศา ตั้งตุลานนท์

ที่ปรึกษา ผู้จัดการทั่วไป ธุรการ ผู้จัดการฝ่ายดิจิทัลคอนเทนต์ ประสานงานโครงการ ฝ่ายดิจิทัลคอนเทนต์ จัดทำ�คลังข้อมูลฝ่ายดิจิทัลคอนเทนต์

สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย นิติพัฒน์ สุขสวย ณัฐธยาน์ อึ้งตระกูลนิธิศ ณัฐรดา ตระกูลสม วิมลพร รัชตกนก นิรชา กิจรักษา

บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำ�กัด

โกเดย์โพเอทส์

ผู้จัดการฝ่ายขายออนไลน์ ศิลปกรรมสื่อออนไลน์ ส่งเสริมการตลาด ลูกค้าสัมพันธ์

รุจิรา จำ�ปาวัน

พิมพ์นารา มีฤทธิ์ ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์ เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล ชลธร จารุสุวรรณวงค์ จุฬชาติ รักษ์ใหญ่ อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค

ในกรณีที่หนังสือชำ�รุดหรือเข้าเล่มสลับหน้า กรุณาส่งมาตามที่อยู่สำ�นักพิมพ์ สำ�นักพิมพ์อะบุ๊กยินดีเปลี่ยนเล่มใหม่ให้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น





Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.