หนี้เวรกรรมข้ามชาติได้ สวดมนต์ให้ชีวิตรุ่งเรืองฯ

Page 1



อย่านิ่งนอนใจว่าผลเวรกรรมที่ทำ�ไว้จะไล่ไม่ทัน

เรียบเรียงโดย... ไพยนต์ กาสี


หนี้เวรกรรมข้ามชาติได้ สวดมนต์ให้ชีวิตรุ่งเรือง ปลดเปลื้องโรคด้วยสมุนไพร บรรณาธิการ/เรียบเรียง : ไพยนต์ กาสี ออกแบบปก-รูปเล่ม : เสาวณีย์ เที่ยงตรง ภาพประกอบ : อนันต์ กิตติกนกกุล, เทิดเกียรติ ปลูกปานย้อย พิมพ์ข้อมูล : ธนวรรณ ขันแข็ง พิสูจน์อักษร : มานิตย์ กองษา ISBN 978-616-268-136-3 สร้างสรรค์และลิขสิทธิ์ บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด 105/95-96 ถนนประชาอุทิศ ซอย 45 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 โทร./แฟกซ์ 02-82-7667 เชิญร่วมเผยแผ่เป็นธรรมทาน โทร. 02-872-9191, 02-872-8181, 02-872-7227, 02-872-9898 LC2YOU@GMAIL.COM, LC2YOU@HOTMAIL.COM WWW.LC2U.COM, WWW.พุทธะ.NET พิมพ์ที่ : หจก. แอลซีพี ฐิติพรการพิมพ์ 105/66-67 ถนนประชาอุทิศ ซอย 45 กรุงเทพฯ 10140 โทร./แฟกซ์ 02-872-9577 www.thitiporn.com


อำ�นาจใดๆ ก็ ไม่ยิ่งใหญ่เท่าอำ�นาจกรรม พระพุทธภาษิตบทหนึง่ กล่าวว่า วโส อิสสฺ ริยํ โลเก อำ�นาจ เป็นใหญ่ ในโลก แต่บรรดาอำ�นาจทัง้ หลาย อำ�นาจกรรมยิง่ ใหญ่สดุ เพราะขนาดอำ�นาจ กรรมดีก็ยังไม่อาจที่จะลบล้างอำ�นาจกรรมชั่วได้ อย่างมากที่สุดก็คือว่า ถ้าทำ�กรรมดีให้มากไว้ประจำ� ทำ�ให้กรรมชั่วตามทันได้ยากขึ้นเท่านั้น ยกตัวอย่างกันง่ายๆ เหมือนคนทีว่ ง่ิ หนีผรู้ า้ ย ถ้าผูว้ ง่ิ หนีมกี �ำ ลังมากกว่า ก็ยากที่ผู้ร้ายจะไล่ตามได้ทัน ความมีกำ�ลังของผู้หนีกรรมชั่วก็ไม่ใช่อะไร คือ การทำ�กรรมดีอยู่ประจำ�สม่ำ�เสมอนั่นเอง การให้ผลของกรรมเวรมีกฎเกณฑ์ อยู่เช่นนี้ ทางที่ดีนั้น ควรยึดมั่นทำ�กรรมดีให้มากไว้ แล้วหันหลังให้กรรมชั่ว อย่าไปทำ� หนังสือ “หนี้เวรกรรมข้ามชาติได้” เล่มนี้ มุ่งหวังให้ท่านเห็นผล ของเวรกรรมว่ามันตามไล่ล่าผู้ท�ำ อยู่ทุกขณะ แม้จะไล่ไม่ทันในชาตินี้ มันยัง ติดตามข้ามภพข้ามชาติได้ ตราบเท่าที่ยังไม่กลับกลายเป็นอโหสิกรรม และ ยังได้น้อมนำ�บทสวดมนต์หลากหลายบทในตอนเรื่อง “สวดมนต์ให้ชีวิต รุ่งเรือง” มาให้ท่านสวดภาวนาให้เกิดเป็นผลกรรมดีจะได้มีแรงบุญชะลอ ผลกรรมร้าย และในตอนท้ายได้นำ�เรื่อง “ปลดเปลื้องโรคด้วยสมุนไพร” มาลงไว้เพื่อให้ท่านได้นำ�ไปพิจารณารักษาความเจ็บไข้ จึงหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีสารประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านสมเจตนา ขออานุภาพแห่งกรรมดีทเ่ี รียบเรียงหนังสือเล่มนี้ มอบถวายบูชาแด่คณ ุ พระรัตนตรัยที่ชี้แสงสว่างทางพ้นทุกข์, บูชาคุณพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้มีคุณแก่ชีวิต, มอบเป็นมุทิตาจิตแด่ท่านผู้อ่านที่ติดตามผลงานด้วยดีเสมอมา ขอบุญบารมีที่ท่านสร้างไว้ เป็นเกราะป้องกันภัยให้ท่าน พ้นเคราะห์กรรม

น.ธ.เอก, ป.ธ. ๖, พธ.บ., น.บ. บรรณาธิการ รวบรวม/เรียบเรียง


สารบัญ หนี้เวรกรรม ข้ามชาติได้

๑๙

ผูกเวรจองกรรม ทำ�ชีวิตให้พินาศ คมพยาบาท

๗๑

๓๗

สวดมนต์ ให้ชีวิตรุ่งเรือง

ปลดเปลื้องโรค ด้วยสมุนไพร

๑๑๙



ห นี้ เ ว ร ก ร ร ม ข้ า ม ช า ติ ไ ด้

หนี้เวรกรรมให้ผลข้ามชาติได้ มีพระพุทธพจน์บทหนึง่ ซึง่ ผูเ้ รียบเรียงจดจำ�อย่างขึน้ ใจ ตัง้ แต่ สมัยครั้งยังบรรพชาเป็นสามเณรตอนอายุ ๑๓ ปี เรียนนักธรรม ชัน้ ตรี วิชาเรียงความแก้กระทูธ้ รรม พระอาจารย์ผสู้ อนนำ�หัวข้อธรรม ในหมวดทุกข์มาให้แต่งเรียงความว่า “อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก ความ เป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก” พระพุทธพจน์โศลกนี้ มีอยู่ในคัมภีร์ ฉักกนิบาต อังคุตตรนิกาย เหตุทท่ี �ำ ให้ผเู้ รียบเรียงจดจำ�ได้ดนี น่ั เป็นเพราะว่า พระพุทธวจนะนี้ มีสว่ นตรงกับชีวติ จริงของตนเพราะยากจนข้นแค้นแสนเข็ญ อันเป็นเหตุให้ต้องเข้ามาบวชเรียนเขียนอ่านศึกษาหาความก้าวหน้า ในโชคชะตาชีวิตต่อไป เหตุทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ามานี้ ผู้เรียบเรียง มิเคยคิดน้อยใจที่เกิดมาเป็นลูกของพ่อแม่ที่ยากจนเช่นนั้น แต่กลับ นึกภูมิใจในตัวท่านที่เลี้ยงดูอบรมสั่งสอนตัวผู้เรียบเรียงให้เป็นคนดี ของสังคมได้ ต้องกราบขออภัยทีแ่ วะเข้าเรือ่ งส่วนตัวผูเ้ รียบเรียง เพียงแต่ เดือนมิถุนายนนี้เป็นเดือนที่มีหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเอง คือ คุณแม่ เกิดวันที่ ๑, คุณพ่อเสียชีวิตวันที่ ๒๙, ส่วนข้าพเจ้าก็เกิดวันที่ ๑๕ ทำ�ให้ต้องมาหวนระลึกถึงเจ้าหนี้ชีวิตทั้งสองนั้น วันนี้ จึงอยากเขียนเรือ่ งหนีท้ เ่ี กีย่ วกับชีวติ คนให้ตระหนักกัน เพื่อให้ทุกท่านได้หาทางป้องกันแก้ไข หรือได้ชำ�ระหนี้เสียแต่เนิ่นๆ เพื่อจะไม่ต้องเผชิญกับคำ�ว่า เป็นคนตระบัดหนี้ 6


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

หนี้ รู้ความหมายจึงชดใช้ได้ถูกต้อง การที่คนเราจะทำ�อะไร ถ้ารู้ความหมายเสียก่อนนั้น มันก็ จะทำ�ให้เราทำ�ได้ถูกต้องไม่ผิดพลาดเสียหาย ในเรื่องของการใช้หนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้อะไรก็ตาม ก็ควรทำ�ความรู้จักความหมายของหนี้ เสียก่อนจึงจะดี โดยมีคำ�อรรถาธิบายของผู้รู้ท่านว่าไว้ดังนี้

หนี ้ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ค�ำ จำ�กัดความ

ว่าหมายถึง “เงินทีผ่ หู้ นึง่ ติดค้างอยูจ่ ะต้องใช้ให้แก่อกี ผูห้ นึง่ , หนีส้ นิ ก็ว่า, และโดยปริยายหมายถึงการที่จะต้องตอบแทนเขา”

หนี้ ตามคำ�จำ�กัดความในทางกฎหมาย ได้แก่ “นิติ-

สัมพันธ์ระหว่างบุคคลตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไป ซึ่งฝ่ายหนึ่งเรียกว่า เจ้าหนี้ มีสิทธิที่จะบังคับบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่า ลูกหนี้ ให้กระทำ�การหรืองดเว้นกระทำ�การอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า การชำ�ระหนี้”

หนี้ ตามที่เข้าใจกันในภาษาชาวบ้านนั้นก็คือ การยืม

โดยเฉพาะการยืมเงินคนอื่นเขา ตราบใดที่เรายังไม่ใช้คืนไป ก็ได้ ชือ่ ว่า ยังเป็นหนีเ้ ขาอยูต่ ราบนัน้ และมันอาจทำ�ให้ตอ้ งขุน่ เคืองใจ กันได้ เขาจึงว่าไว้นักหนาว่า ถ้าไม่จำ�เป็นจริงๆ นั้น อย่ายืมเงินกัน ในหมู่มิตรสหาย เพราะเงินเป็นมิตรเมื่อตอนกู้ แต่จะกลายเป็นศัตรู เมื่อตอนทวงคืน 7


ห นี้ เ ว ร ก ร ร ม ข้ า ม ช า ติ ไ ด้

หนี้สิน

หนี้บุญคุณ

หนี้ชีวิต ศีล ข้ศีอล๓ ศีล ข้อ ๔ ศีล ศีล ข้อ ๒ ข้อ ๑ ข้อ ๕

สามหนี้ที่เกี่ยวข้องในชีวิต ทุกคนทีเ่ กิดมาล้วนเป็นหนีท้ ง้ั นัน้ อาจเรียกกันได้วา่ เป็นหนี้ ตั้งแต่ที่เกิดมา ถ้าว่าตามหลักทางเศรษฐศาสตร์ของประเทศนั้น เขาว่าคนไทยมีหนีส้ าธารณะต่อหัวกันจำ�นวนไม่นอ้ ย ซึง่ ก็คอ่ ยๆ คิด ค่อยๆ อ่านกันไปในหมู่คณะผู้มีหน้าที่ และอาจจะดูเป็นหนี้ที่ไกล ตัวเราก็ได้ ทำ�ให้ไม่รสู้ กึ ว่าตัวเองมีหนี้กันสักเท่าไหร่ แต่หนี้ที่ผู้เรียบเรียงอยากนำ�เสนอนี้ เป็นหนี้ที่อยู่ใกล้ตัวเรา บางหนี้ก็มีอยู่ในเรา และตัวเราเองนั้น บางครั้งก็เป็นลูกหนี้ บางทีก็ เป็นเจ้าหนี้ มีอะไรบ้าง ? คนเรามีหนี้อยู่ด้วยกัน ๓ อย่าง อันได้แก่ ๑. หนี้สิน ๒. หนี้บุญคุณ ๓. หนี้ชีวิต ทุกท่านก็ลองคิดตรองดูก็แล้วกัน ว่าหนี้ทั้ง ๓ อย่าง มันมี อยู่ในชีวิตจริงของท่านหรือไม่ แต่เพื่อเป็นไกด์ธรรมนำ�ทาง ก็จะได้ นำ�ทัง้ สามหนีน้ น้ั มาจาระไนไขความให้พจิ ารณาในหนีแ้ ต่ละอย่างไป 8


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

หนี้ที่

๑ พึงคิดให้ถ้วนถี่ คือ หนี้สิน

ดังกล่าวแล้วว่า ความเป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก มันทุกข์โศก อย่างไร ? เพราะไหนจะห่วงเงินต้น ไหนจะกังวลว่าดอกเบีย้ จะบาน ครั้นไม่มีจะใช้เขาตามกำ�หนดเวลา ก็เกรงว่าจะถูกทวงถามให้ต้อง อับอาย แล้วถ้าถามว่าทำ�ไมคนเราต้องเป็นหนี้ ? เรือ่ งนีก้ พ็ อจะสรุป ที่มาว่าอาจมีจาก ๒ สาเหตุใหญ่ คือ หนีช้ นิดทีจ่ �ำ เป็น ยากเข็ญอยูใ่ นภาวะจำ�ยอม เช่น ความจน บังคับ พบกับภัยพิบัติ เจ็บไข้ เป็นต้น จนต้องกู้หนี้ยืมสินเขามาใช้ หนีช้ นิดทีไ่ ม่จ�ำ เป็น เพราะทำ�ตัวเองไม่ดี ทำ�อะไรเกินฐานะ อยากมีหน้ามีตา เลยเป็นราชาเงินผ่อนนอนแบกหนี้ ยังมีหนีอ้ กี อย่าง คือ หนีท้ เ่ี กิดจากความจนเพราะความขัดสน คนอย่างนี้นับว่าน่าสงสาร แต่ถ้าใครมีหนี้สินบานตะไท... เพราะไม่รจู้ กั พอ ถมเท่าไรก็ไม่รจู้ กั เต็มสักที มีสภาพจิตพร่อง อยูเ่ ป็นนิตย์ คิดแต่จะเอาให้ได้เท่านัน้ ถ้าเป็นหนีเ้ พราะเหตุน้ี ก็เป็น ที่น่าเวทนา เพราะไม่รจู้ กั เจียม เป็นคนหน้าใหญ่ใจเติบไม่รจู้ กั ประมาณ ฐานะ เข้าลักษณะที่ว่า “ตัวเท่าเสา เงาเท่าพ้อม” หรือ “เสียเกินได้ ใช้เกินมี” เป็นหนี้เพราะเหตุนี้ ก็จะเป็นที่สมน้ำ�หน้าของคนอื่นเขา เพราะไม่รู้จักจำ� ขาดสามัญสำ�นึกชั่วดีโดยมากจะเกิดแก่ ผู้ที่ติดการพนันขันต่อ พอผิดพลาดก็ไม่จะคิดแก้ไข กลับไพล่ไปคิด จะแก้ตวั แก้มอื เป็นหนีเ้ พราะเหตุนก้ี น็ า่ เศร้าใจ คำ�โบราณไทยยังว่า ไฟไหม้บ้านยังเหลือดินให้ แต่ใครติดพนันทั้งบ้านทั้งดินก็ไม่มีจะอยู่ 9


ห นี้ เ ว ร ก ร ร ม ข้ า ม ช า ติ ไ ด้

อุบายวิธีสยบหนี้สิน เมื่อทราบกันดีแล้วว่า ความเป็นหนี้เป็นที่มาแห่งทุกข์เช่นนี้ ทางทีด่ กี ค็ วรจะระวังตัวระวังใจไม่ให้ไปก่อหนีส้ นิ เขา แล้วเราก็จะได้ ไม่มีหนี้ โดยปฏิบัติตามอุบายวิธี ๒ ขั้นตอน คือ ขั้นแรก ป้องกันอย่าให้จน เพราะความจนนี่แหละที่ทำ�ให้ คนต้องกูห้ นีย้ มื สินเขามากินมาใช้ ให้ยดึ พระพุทธดำ�รัสว่า ปฎิรปู การี ธุรวา อุฏฺาตา วินฺทเต ธนํ ดังมีคำ�แปลว่า ผู้ขยัน หมั่นเอาธุระ ทำ�งานเหมาะแก่จงั หวะ ย่อมหาทรัพย์ได้ อย่างทีโ่ บราณไทยสอนว่า ไม่มีความยากจนในหมู่คนขยัน ฉะนัน้ คาถากันจนต้องเริม่ ต้นทีเ่ ป็นคนขยัน คนโบราณเขาว่า ขยัน มาจากคำ�ว่า ขายัน เพราะคนขยันต้องใช้ขายันเพือ่ ทะยานไป ข้างหน้า ถ้าขีเ้ กียจไม่ใช้ขาแต่วา่ ใช้หลังยันคือนอนมันทั้งวัน นอกจากนั้น ก็ระมัดระวังการจับจ่ายอย่าสุรุ่ยสุร่าย เพราะ หามาได้เท่าไรไม่สำ�คัญ มันสำ�คัญอยู่ที่เหลือเท่าไร จะทำ�อะไรก็ให้ นึกถึงฐานะ เมื่อมีสติคอยควบคุมตนอยู่อย่างนี้แล้วนั้น ความจนมัน ก็เกิดขึ้นได้ยาก ทั้งยังไม่ต้องบากหน้าไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่นเขา แต่ในสถานการณ์บางคราวอาจทำ�ให้เราจำ�เป็นต้องกู้หนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องใช้แผนขั้นที่สอง คือ ต้องหาทางใช้หนี้เขาโดย เร็ววัน เพราะขืนปล่อยมันไว้ เดีย๋ วจะกลายเป็นดินพอกหางหมูแล้ว จะลำ�บากภายหลัง อย่างคำ�ทีว่ า่ เสียกำ�จะซ�ำ้ กอบ เป็นเรือ่ งทีไ่ ม่ชอบ ด้วยเหตุและผล เหมือนคนที่เป็นโรคนิดๆ หน่อยๆ ก็อย่าปล่อยไว้ ให้รบี รักษา ถ้าละทิ้งให้ลุกลามไปมันก็จะมีอันตรายถึงชีวิต 10


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

หนี้ที่

๒ ต้องคิดถึงเป็นอาจินต์ คือ หนี้บุญคุณ

ทุกคนที่เกิดมาใช่ว่าจะช่วยเหลือตัวเองได้แต่ต้น ต้องอาศัย คนอื่นให้ความอุปการะมาก่อนกันทั้งนั้น ท่านผู้ให้การช่วยเหลือ เราก่อน ไม่ว่าจะเป็นเลี้ยงดูหรือด้วยเหตุใดก็ตาม ได้ชื่อว่าเป็น เจ้าหนี้ผู้มีพระคุณ ส่วนเราผู้รับการเกื้อหนุนจากท่านก็ชื่อว่าเป็น ลูกหนี้ ซึง่ จำ�เป็นทีจ่ ะต้องหาทางใช้หนีท้ า่ นเสียในโอกาสอันเหมาะสม ทีต่ นพึงจะทำ�ได้ ใครทีเ่ ป็นคนตระบัดหนีใ้ นข้อนี้ มีหวังถูกเขาตราหน้า ว่าเป็นคนอกตัญญูบ้าง เป็นคนทรพีบ้าง ตามแต่จะเรียกกัน บุคคลผู้เป็นเจ้าหนี้สำ�คัญที่สุดในชีวิตของเรานั้น ว่ากันตาม ตรงก็คงจะหนีไม่พน้ พ่อแม่ เพราะเจ้าหนีบ้ ญ ุ คุณท่านอืน่ ๆ แม้จะให้ อะไรเราต่างๆ มากมาย แต่กไ็ ม่อาจจะให้สง่ิ หนึง่ แก่เราได้ คือ ชีวติ ร่างกาย ทีเ่ ราใช้อาศัยอยูด่ โู ลกจนทุกวันนี้ มิใช่แต่เท่านัน้ ท่านทัง้ สอง ยังได้ให้ความรักที่เป็นอมตะ อันยากที่จะหาได้จากบุคคลอื่นใด เพราะไม่ว่าเราจะเป็นอย่างไร ท่านก็ยังให้ความรักเสมือนดังเป็น แก้วตาดวงใจของท่าน ถึงกระนัน้ ยังมีลกู บางรายมองไม่เห็นถึงพระคุณของบุพการี ทั้งนี้เป็นเพราะว่ามีใจมืดบอด ธรรมดาคนตาบอด ย่อมมองไม่เห็น แสงสว่าง แม้กระทั่งแสงอาทิตย์แสงจันทร์ที่คนทั้งโลกมองเห็นกัน ดังนั้น จึงเป็นคนที่ควรสงสาร แต่ส�ำ หรับคนใจบอดเพราะไม่คิดถึง พระคุณพ่อแม่นั้น มันเป็นที่น่าสมเพชเวทนาเสียมากกว่า ทางพระพุทธศาสนาสอนว่า ทุกอย่างเป็นกฎแห่งกรรม ใคร ทำ�กับพ่อแม่ไว้อย่างไร ตนก็จะต้องได้รับผลเช่นนั้นจากคนที่เป็นลูก เป็นหลานบ้างไม่เร็วก็ช้า 11


ห นี้ เ ว ร ก ร ร ม ข้ า ม ช า ติ ไ ด้

อุบายวิธีช�ำ ระหนี้พระคุณ ธรรมดาไฟ มันให้คณ ุ อนันต์ แต่กม็ โี ทษมหันต์ ทัง้ นีอ้ ยูท่ ผ่ี นู้ �ำ ไปใช้ โบราณจึงสอนให้บชู าไฟ คือ ให้เข้าใจวิธใี ช้ไฟให้เกิดประโยชน์ ระวังในทางทีจ่ ะเกิดโทษแก่ตน คนผูเ้ ป็นพ่อแม่กเ็ ช่นกัน ให้คณ ุ มาก เมื่อบูชา ให้โทษมหันต์เมื่อทำ�ร้าย ในทางพระพุทธศาสนาท่านสอนวิธีบูชาพระคุณท่านไว้ว่า ๑. เลี้ยงท่านตอบแทนคุณ ๒. อุดหนุนช่วยทำ�กิจการ ๓. สกุลวงศ์วานต้องรักษา ๔. ประพฤติตนให้มีค่าควรรับมรดก ๕. เมื่อท่านล่วงลับจากโลกก็ทำ�บุญอุทิศให้ ลูกชายลูกหญิงคนใดปฏิบตั ติ ามหลักดังกล่าวนัน้ ชือ่ ว่าเป็น ลูกแก้วลูกขวัญลูกกตัญญูเพราะทำ�หน้าทีข่ องตนสมบูรณ์ดี ย่อมมีแต่ ความเจริญรุ่งเรือง ไม่มีทางตกต่ำ� แต่ในทางตรงข้ามถ้าไม่ปฏิบัติ แทนคุณ ก็ชอบแล้วทีจ่ ะได้ชอ่ื ว่า เป็นลูกกล้วย ทีเ่ กิดมาเป็นตัวซวย ฆ่าแม่พ่อ เป็นลูกกา ที่เอาแต่เกาะพ่อแม่กินรำ�่ ไป จึงอยากฝากให้คิดว่า เราเป็นลูกคน มิใช่เป็นลูกเป็ดลูกไก่ ลูกกา เรามีหัวคิดมีสติปัญญา ฉะนั้น จึงควรจะกตัญญูรู้คุณท่าน ซึง่ ไม่ใช่วา่ จะมีกนั อย่างมากมาย มีเพียงสองคนเท่านัน้ การตัง้ ตัวอยู่ ในฐานะของลูกที่ดี ปฏิบัติหน้าที่ของลูกตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ ชือ่ ว่าเป็นการใช้หนี้พระคุณท่านได้ดีที่สุด 12


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

หนี้ที่ ตามหนุนให้ชั่ว-ดี คือ หนี้ชีวิต

อย่างที่กล่าวแต่ต้นว่า ทุกคนที่เกิดมาต่างมีหนี้ หนี้ประจำ�ตน ของคนเราอีกอย่างหนึ่งนั้นคือ หนี้ชีวิต ทุกท่านลองคิดดูซิว่า กว่าจะ เกิดเป็นคนมันลำ�บากลำ�บนขนาดไหน ในพระไตรปิฎกยังมีอุปมาว่า เหมือนในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ใต้ก้นบึ้งของมหาสมุทรนั้นมันมี เต่าตาบอดทัง้ สองข้างตัวหนึง่ ซึง่ ทุกๆ ร้อยปี เต่าตัวนีถ้ งึ จะโผล่หวั ขึน้ พ้นน้ำ�หนึ่งครั้ง และบนผิวน้ำ�ในมหาสมุทรก็มีห่วงยางมีรูตรงกลาง พอดีกับหัวเต่าอยูห่ นึง่ อัน โอกาสทีม่ นั จะโผล่หวั ให้สวมเข้ารูหว่ งยาง จึงเป็นเรือ่ งทีย่ ากมาก หากแต่การได้เกิดมาเป็นคนเป็นสิง่ ทีย่ ากกว่านัน้ มากมายไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า แม้การเกิดเป็นมนุษย์สุดแสนจะยากปานนั้น ก็นับว่าเราท่าน ทั้งหลายได้เป็นผู้โชคดีที่ได้โอกาสเกิดมากับเขาจนได้ ทำ�อย่างไรที่เรา จะใช้สิ่งที่ได้มายากยิ่งนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นั่นก็คือทุกคนต้องเร่งรุด ทำ�ชีวิตให้ดี ซึ่งก็มีทั้งฝ่ายนอกฝ่ายใน การทำ�ชีวติ ให้ดใี นฝ่ายนอก นัน้ ได้แก่ การจัดระบบชีวติ ของ ร่างกายให้อยู่ดีกินดี อยู่ดี ก็คือว่า จัดที่อยู่อาศัยให้ดูสะอาดงามตา อยู่ในที่เหมาะแก่การศึกษาหาเลี้ยงชีวิต และอยู่ใกล้ชิดกับคนดี, กินดี ก็คอื ว่า ให้รจู้ กั กินรูจ้ กั ใช้ ทำ�อะไรให้เหมาะสมกับฐานะ เพราะว่าสิง่ เหล่านี้ จะช่วยชุบชูชีวิตให้เจริญก้าวหน้าได้ การทำ�ชีวิตให้ดีในภายใน ได้แก่ การบำ�รุงดูแลจิตใจให้อุดม ไปด้วยศีลธรรมทางศาสนาเพื่อขจัดสิ่งเสียออกไป เพราะศีล เป็น เครือ่ งกำ�จัดสิ่งเสียได้ ธรรม ก็ใช้เป็นเครื่องเสริมสวยแต่งใจให้ดีงาม ว่ากันตามจริง คนเรามีสง่ิ เสียในพืน้ สันดานจิตอยู่ ๕ ประการ คือ

13


ห นี้ เ ว ร ก ร ร ม ข้ า ม ช า ติ ไ ด้ ๑. โหดร้าย มีใจทารุณไร้เมตตา ฆ่าได้ฆา่ ทำ�ร้ายได้ท�ำ จึงก่อ ความเดือดร้อนให้ทั้งตนและคนอื่นเขา เราต้องกำ�จัดด้วยศีลข้อ ๑ เว้นการฆ่าหรือทำ�ร้ายใคร ๒. ใจอยาก ใจมักมากอยากได้ เป็นเหตุให้มอี าชีพทุจริต คิดแต่ จะลักขโมยเขา เราต้องกำ�จัดด้วยศีลข้อ ๒ เว้นการลักขโมย ๓. มากรัก มีรักมากเกินขอบเขต เป็นเหตุให้ไปทำ�ผิดในกาม จะต้องกำ�จัดเสียด้วยศีลข้อ ๓ เว้นการทำ�ผิดในกาม ๔. ปากชั่ว มีค�ำ พูดคำ�จาชอบยุแยงตะแคงรั่ว โกหกมดเท็จ หยาบคาย ไร้สาระ จะต้องกำ�จัดเสียด้วยศีลข้อ ๔ เว้นมุสาวาท ๕. มัวเมา เมามัวในอบายมุข เป็นเหตุให้เสียสติสัมปชัญญะ จะต้องกำ�จัดเสียด้วยศีลข้อ ๕ เว้นจากการเสพสิ่งเสพติดมัวเมา เมื่อขจัดสิ่งเสียออกไป ควรจะได้เสริมสวยใจให้งามอีกชั้น ซึ่งมันก็เหมือนเราอาบน้ำ�ล้างความสกปรกออกไป แล้วก็ต้องหันมา แต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูงามตา การแต่งใจในทางพุทธศาสนา ก็คือว่า ให้ประพฤติในธรรม ๕ อย่าง คือ ๑) มีเมตตา กรุณา ความรักและ ปรารถนาดีต่อกัน, ๒) สัมมาอาชีวะ ทำ�มาหาเลี้ยงชีพด้วยสุจริตธรรม, ๓) กามสังวร มีจติ สำ�รวมระวังในเรือ่ งรักๆ ใคร่ๆ ยินดีแต่ในคูค่ รองตน, ๔) สัจจะ เป็นคนรักษาความจริงยิ่งชีวิต, ๕) สติ มีความรอบคอบ ประกอบด้วยเหตุและผล คนเราเมื่อดำ�รงชีวิตอยู่ในศีลในธรรมอย่างนี้ ก็จะมีชีวิตที่เป็น สุขสดใส อย่างที่ว่า กายมีศีลก็สุขลำ�้ ใจมีธรรมก็สุขเลิศ นับว่าเป็นการ ใช้หนี้ชีวิตที่ประเสริฐแท้ แต่ทั้งสามหนี้นี้ มีจุดรวมใหญ่คือ หนี้กรรม รวมลงได้อย่างไร จะอธิบายในเรื่องความหมายของกรรม

14


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

กรรม รู้ความหมาย เป็นเหตุให้ทำ� พูด คิด ดี การรูค้ วามหมายของกรรมเป็นสิง่ จำ�เป็นนัก เพราะส่วนมาก มักเข้าใจกันว่า กรรมเป็นสิง่ ทีไ่ ม่ดี อย่างเวลามีทกุ ข์ล�ำ บากขึน้ มา ก็มกั บ่นว่าเป็นกรรมของตน หรือเห็นคนอื่นเดือดร้อนวุ่นวาย ก็ไพล่ไป กล่าวว่าเป็นกรรมของเขา ครั้นถึงคราวได้ดีมีสุขนั้นกับกะเกณฑ์กัน ให้เป็นผลงานของบุญไป ความเข้าใจเช่นนี้แม้มิใช่เรื่องผิด แต่ก็ไม่ใช่ ถูกต้องทัง้ หมดแต่อย่างใด ในทีน่ ้ี จึงขอนำ�เสนอความหมายของกรรม ตามหลักพระบาลี คำ�ว่า กรรม นี้ มีคำ�แปลตามศัพท์ว่า การกระทำ� ดังมีคำ� วิเคราะห์ว่า กรณํ กมฺมํ (กะ-ระ-นัง กำ�-มัง) แปลว่า การกระทำ� คือ กรรม จากความหมายท่านไม่ได้บ่งชี้ไปเลยว่าเป็นการทำ�ชั่ว หรือดี กรรมจึงยังมีความหมายเป็นกลางๆ อยู่ จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อ ลงมือทำ� ทำ�ดี ก็เรียกว่า กุศลกรรม, ทำ�ชั่ว เรียกว่า อกุศลกรรม และคำ�ว่า ทำ� นี้ มีความหมายครอบคลุมทัง้ การทำ�ด้วยกาย เรียกว่า กายกรรม, พูดด้วยวาจา เรียกว่า วจีกรรม, คิดด้วยใจ ได้ชื่อว่า มโนกรรม แต่การทำ� พูด คิด ทางกาย วาจา ใจ นั้น จะปรากฏออกมาได้ ก็อาศัยเจตนาที่มีอยู่ในจิตใจ ดังที่พระพุทธเจ้า ท่านตรัสไว้ว่า “เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ, เจตยิตฺวา กมฺมํ กโรติ กาเยน วาจาย มนสา” แปลเป็นใจความว่า เราตถาคตกล่าวว่า เจตนาคือตัวกรรม เพราะสัตว์โลกที่ท�ำ กรรมด้วยกาย วาจา ใจ ย่อมมีความจงใจอยู่ก่อนแล้วถึงทำ� 15


ห นี้ เ ว ร ก ร ร ม ข้ า ม ช า ติ ไ ด้

จากคำ�ความหมาย กรรมจึงได้แก่เหตุ แต่เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น มันก็ต้องมีผลตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนนั้นว่า สามหนี้ในชีวิตเรา ถ้าจะย่นให้สั้นเข้าก็รวมลงอยู่ในหนี้กรรม รวมลงอย่างไร ? ถ้าว่ากันในเรื่อง... หนีส้ นิ ทีเ่ ราเป็นหนีก้ เ็ พราะมีกรรม คือ เจตนาไปทำ�ความ หยิบยืมเงินเขา, แล้วทำ�ไมต้องยืมเขามากินมาใช้ ก็เพราะมีกรรม คือจงใจทำ�ตนเป็นคนเกียจคร้านไม่ขยันทำ�มาหากิน เป็นต้น หนี้บุญคุณ ถ้าเรามีเจตนาที่จะไม่ทำ�ตอบแทนคุณท่าน อันนีก้ จ็ ะส่งผลให้ถงึ คราเมือ่ ตนมีลกู หลานบ้าง ก็อย่าหวังว่าจะได้ พึ่งพาอาศัย ในเมื่อตนเคยทำ�เหตุคือความเป็นคนอกตัญญู หนีช้ วี ติ ถ้าผูใ้ ดทำ�เหตุดว้ ยการทำ� พูด คิด แต่สง่ิ ดีๆ ก็มผี ล ให้ตนเจริญก้าวหน้า แต่หากว่า ทำ� พูด คิด แต่สิ่งเลวร้าย ไฉนเลย ที่จะก้าวหน้าได้ สิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นแก่เรานั้น มันจึงเป็นเรื่องของเหตุและ ผลที่สืบเนื่องกันไป ดังในความตามพระพุทธวจนะที่มีว่า ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ แปลว่า บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น ผู้ท�ำ กรรมดี ย่อมได้รับผลดี และผู้ทำ�กรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว รู้เช่นนี้ก็อย่านำ�ตัวไปเกลือกกลั้วกับกรรมไม่ดีอีกต่อไป 16


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

เวร รู้ความหมาย เป็นเหตุให้ไม่มีบาปติดตาม เมื่อพูดถึงกรรม อีกคำ�หนึ่งซึ่งเรามักจะนึกถึงนั่นคือ เวร จนบางคราวก็เกณฑ์รวมเข้ารวมกันว่า กรรมเวร หรือเวรกรรม สุดแต่จะเรียกใช้ แต่ในส่วนความหมายจะเป็นเช่นไร เหมือนกัน หรือไม่ ก็จะได้ขยายความกันต่อไป เวร เป็นผลแห่งกรรมชั่วที่ทั้งสองฝ่ายทำ�ต่อกัน แล้วผูกใจ เจ็บอาฆาตกัน, หรือมีฝา่ ยหนึง่ ทำ�อะไรให้อกี ฝ่ายหนึง่ เจ็บใจ แม้ฝา่ ย ทีท่ �ำ จะไม่รตู้ วั ก็ตามว่าตนได้ท�ำ ความเจ็บใจแก่อกี ฝ่ายหนึง่ นัน้ เขาได้ ทำ�การผูกพยาบาทอาฆาตไว้ มีค�ำ ใช้เรียกอาการเช่นนีว้ า่ การผูกเวร เวร ในคำ�ภาษาไทย มีใช้กันในหลายความหมาย เช่น เวร หมายถึง รอบผลัดในหน้าที่การงาน เช่น วันนี้เป็น เวรของฉันต้องทำ�ความสะอาด (เล่มนี้ มิได้ประสงค์ในความหมายนี)้ เวร หมายถึง ความพยาบาท, ความปองร้าย เวร หมายถึง บาป คือการทำ�ความชัว่ ช้า ถ้าว่าโดยลักษณะ แล้วนั้น ก็คือการประพฤติผิดในศีล ๕ สังเกตดูว่า เวลาสมาทานศีล พระท่านจะบอกว่า ปาณาติปาตา เวรมณี ซึ่งเวรในความหมายนี้ สนองผลตรงตามเวรที่ทำ� เช่น ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ก็สนองผลให้อายุสั้น พลันตาย ป่วยไข้ด้วยโรคร้าย เป็นต้น คนที่ละเมิดศีล ๕ จึงนับว่า ต้องมีเวรตามผูกพัน พระท่านจึงสอนให้เว้นจากการทำ�เวร 17


ห นี้ เ ว ร ก ร ร ม ข้ า ม ช า ติ ไ ด้

ดังนั้น เราจึงเห็นความแตกต่างระหว่างกรรมและเวรได้ว่า ถ้าเป็นกรรมนั้น มีความหมายได้หลายอย่าง เป็นความดีก็ได้ เป็น ความชั่วก็ได้ แต่ในส่วนความหมายของเวรนั้น มีความหมายได้ สถานเดียว คือ ความชั่วช้า ทีนี้ ถ้าจะถามว่า กรรมหรือเวรที่ทำ�ไว้ มันตามให้ผลใน ภพชาติหน้าต่อไปได้อย่างไร ? เรื่องนี้ ก็มีหลักทางพระพุทธศาสนากล่าวไว้ในเรื่องกรรม ๑๒ หมวดกรรมให้ผลตามกาล คือ อุปปัชชเวทนียกรรม กรรมที่ ให้ผลในชาติหน้า และ อปราปรเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลใน ภพชาติต่อๆ ไป หลายท่านอาจยังสงสัยเกิดคำ�ถามขึ้นในใจว่า แล้วเราจะรู้ ได้อย่างไรว่า กรรมอย่างไหนให้ผลชาติน้ี อย่างไหนให้ผลในชาติหน้า และที่เราประสบปัญหาอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นผลกรรมจากชาตินี้หรือ ชาติก่อนๆ นั้น ก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่า สำ�หรับปุถุชนธรรมดา ที่จะรู้ว่ากรรมชนิดไหนให้ผลในชาติใดเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่หาก เป็นคนช่างสังเกตสักนิด ก็พอจะรู้คะเนได้คร่าวๆ แต่เฉพาะในส่วน ปัจจุบันกรรม แต่ในเรื่องนี้นั้น อยากให้ท่านมั่นใจในตถาคตโพธิศรัทธา ความเชื่อมั่นในพระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เพราะพระองค์ ได้ตรัสเล่าเรื่องผลเวรกรรมข้ามภพชาติเอาไว้แล้วดังต่อไปนี้

18


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

19


ผู ก เ ว ร จ อ ง ก ร ร ม ท �ำ ชี วิ ต ใ ห้ พิ น า ศ ณ ดินแดนอันไกลโพ้น มีพ่อค้าสองคนชื่อเสรีวะเหมือนกัน แต่ด้านอุปนิสัยนั้น ต่างกันราวขาวกับดำ� ทำ�ให้ชาวเมืองเติมคำ�นำ�หน้านามให้จ�ำ ง่าย โดยให้พ่อค้า ที่มีนิสัยคดโกงมีชื่อว่า ทุเสรีวะ ส่วนพ่อค้าที่ซื่อตรงนั้นก็เรียกกันว่า สุเสรีวะ

พี่ อีกวันสองวันเราล่องเรือ ไปขายของที่เมืองอริฏฐปุระ กันดีมั้ย ? ดีเหมือนกัน ช่วงนี้ยังไม่รู้จะไปไหน

แม้จะมีนิสัยต่างกัน แต่ทั้งสอง ก็อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน และทำ�มาหากินร่วมกัน โดยซื้อของจำ�พวกเครื่องประดับ ไปเร่ขายตามหมู่บ้านหัวเมือง น้อยใหญ่ก็พอมีกำ�ไรเลี้ยงตัว เลี้ยงครอบครัวด้วยดีเสมอมา...

20


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

และแล้วพ่อค้าทั้งสองได้ล่องเรือมาจนถึงเมืองอริฏฐปุระ แต่เพื่อจะให้รวดเร็ว ขายเสร็จภายในวันเดียวแล้วกลับบ้าน จึงตกลงจะแยกกันขาย โดยนายสุเสรีวะ เข้าทางทิศตะวันออก แล้วบอกให้นายทุเสรีวะเข้าทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน

เร่เข้ามาจ้ะ มีเครื่องประดับมาขาย

ณ หมู่บ้านแห่งนี้ มีครอบครัวหนึ่ง ซึ่งเหลือเพียงยายกับหลานสาว ในอดีต เคยเป็นบ้านเศรษฐีเก่า แต่ถึงคราว ตกยาก ใครมาขายอะไรนะ ?

21


ผู ก เ ว ร จ อ ง ก ร ร ม ท �ำ ชี วิ ต ใ ห้ พิ น า ศ เส้นนี้เท่าไหร่จ๊ะ

อยากได้จัง...

เพราะความอยากได้สร้อย แม่สาวน้อยจึงไปออดอ้อนยาย

ฝ่ายยายซึ่งรู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีเงินซื้อ จึงบอกหลานสาวไปว่า...

ยายจ๋า หนูอยากได้ สร้อยจ้ะ

เราไม่มีเงินหรอก หลานเอ๋ย

22


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

พอได้ยินคำ�เอื้อนเอ่ยของยายทำ�ให้ หลานสาวต้องยืนซึม...

ทํำ�ยังไงดี อยากได้ก็อยากได้

ขณะที่หลานสาว กำ�ลังคิดอยู่นั้น พลันก็นึกขึ้นได้ อ๋อ..! รู้แล้ว ยายจ๋า หนูนึกขึ้นได้ ในบ้านมีถาดใบหนึ่งอยู่ เอามาขอแลกกับพ่อค้าดู ดีมั้ยจ๊ะยาย

ถ้าเขายอม ก็ตามใจนะหลาน

23


ผู ก เ ว ร จ อ ง ก ร ร ม ท �ำ ชี วิ ต ใ ห้ พิ น า ศ โดยไม่ชักช้า หลานสาวก็เข้าไปค้นหาถาดในพื้นที่ หลังบ้านทันทีทันใด

และแล้วสาวน้อยก็พบถาด ตามที่ต้องการ เอาไปถาม พ่อค้าดีกว่า

เอ๊ะ..! อยู่ไหนนะ

เฮ้อ..! สงสารหลานจัง พ่อค้าจะยอมแลกรึเปล่าก็ยังไม่รู้

ว่าแล้วสองยายหลาน ก็ออกมายืนหน้าบ้าน เรียกพ่อค้า

คุณอาพ่อค้า กลับมาก่อนค่ะ

เจอแล้วยาย เอาไปถาม แลกของพ่อค้าเลยนะ

ตามใจหลานเถอะ แต่อย่าพึ่งหวังมากนะ

ได้สิ อยากขายอยู่แล้ว

24


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

สนใจชิ้นไหนจ๊ะ สาวน้อย

แต่ก่อนที่จะตกลงซื้อขาย ยายก็ได้บอกความจริง ว่า ไม่มีเงินมากพอแต่เพราะสงสารหลานอยากได้ จึงขอใช้ถาดใบหนึ่งแลกเครื่องประดับ ยายขอเอาถาดแลกกับ เครื่องประดับได้มั้ยพ่อค้า นี่จ้ะคุณอา

เอ๊ะ..! มันดูหนักชอบกล ต้องตรวจดูซะหน่อย

ว่าแล้วเด็กหญิงผู้นั้นก็ส่งถาดให้ นายทุเสรีวะ พ่อค้าเจ้าเล่ห์

25


ผู ก เ ว ร จ อ ง ก ร ร ม ท �ำ ชี วิ ต ใ ห้ พิ น า ศ แล้วพ่อค้าหัวใสก็ใช้ เข็มเหล็กขูดดูพอรู้แล้ว ถึงกับตกตะลึง

ด้วยความโลภทำ�ให้ นึกแผนในใจ

โอ้..! ถาดทองคํำ�นี่

นี่ยาย ฉันคงรับแลก ไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะหลอก เสียให้เข็ด

เอาไปเก็บเถอะ ฉันไม่รับแลกหรอก ถาดเก่าๆ อย่างนี้ จะไปมีค่าอะไร

ยายยังอ้อนวอน ขอความเห็นใจ โธ่..! พ่อค้านึกว่าสงสาร เด็ก รับแลกไปเถอะนะ

ว่าแล้วพ่อค้าผู้ใจไม่ซื่อก็ถือโอกาสนั้น ทิ้งถาดทองคำ�ลงกับพื้นต่อหน้า สองยายหลาน

26


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

เมื่อการเจรจาไม่เป็นผล ทำ�ให้คน ทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกันไป แต่ความในใจคิดไม่เหมือนกัน

ครั้นเข้าไปภายในบ้าน ยายก็พร่ำ�ปลอบใจหลานสาว เพื่อให้หายเสียใจ

เข้าบ้านเถอะหลานยาย

ไม่เป็นไรหลานเอ๊ย ไว้มีเงินแล้วยายจะซื้อให้

เดี๋ยวเถอะจะกลับมาใหม่ ถาดใบนี้ต้องเป็นของเรา

มีเครื่องประดับสวยๆ มาขาย ช่วยซื้อกัน หน่อยจ้า

หลังเหตุการณ์ผ่านไป แล้วนั้น บางทีอาจ เป็นความโชคดีของ ยายหลานคู่นี้ก็ได้ที่ ทำ�ให้ไม่เสียท่าต่อ พ่อค้าโกงเหลี่ยมมาก เพราะเมื่อเขาจากไป ได้ไม่นาน สุเสรีวะ พ่อค้าก็เดินเร่มาขาย ของถึงบ้านนั้นพอดี

27


ผู ก เ ว ร จ อ ง ก ร ร ม ท �ำ ชี วิ ต ใ ห้ พิ น า ศ เราลองออกไปถามเขา อีกทีมั้ยยายจ๋า

เมื่อได้ยินเสียงพ่อค้า สองยายหลานจึง เปิดหน้าต่างมองไป

น่าเวทนาเหลือเกินหลานฉัน ตามใจเจ้าก็แล้วกัน

มีพ่อค้ามาอีกแล้วจ้ะยาย

แต่ดูพ่อค้าท่านนี้ท่าทาง จะใจดีนะยาย แล้วสองยายหลานก็เปิดประตูบ้าน

ออกมาเรียกพ่อค้า

จะช่วยอุดหนุน หรือจ๊ะยาย มาทางนี้ก่อนเถิดพ่อคุณ

ยายก็ว่างั้น เราออกไปกันเถอะ เดี๋ยวเขาจะเดินเลยบ้าน

28


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

แล้วสองยายหลานก็เล่าความต้องการ ของตนทั้งสองให้สุเสรีวะพ่อค้าฟัง หนูขอเอาถาดเก่า ใบนี้แลกได้มั้ยคะ ไหนขออาดูถาด หน่อยซิหนูน้อย

เอ๊ะ..! มันหนักชอบกล ขอขีดก้นถาด ดูหน่อยนะ

สงสัยอะไรหรือพ่อค้า ถาดใบนี้เป็นถาดของสามี ยายเองน่ะ

สงสัยจะไม่ได้ อีกตามเคย

29


ผู ก เ ว ร จ อ ง ก ร ร ม ท �ำ ชี วิ ต ใ ห้ พิ น า ศ เมื่อสุเสรีวะพ่อค้าใจซื่อตรวจดูถ้วนถี่ก็รู้ทันทีว่า เป็นถาดทองคำ� จึงบอก สองยายหลานไปตามตรงว่า

ถาดทองคํำ�อะไรกัน พ่อค้าคนก่อนนั้นบอก ถาดเก่าไม่มีราคา

ยายจ๋า นี่มันเป็นถาด ทองคํำ�นะ

แต่มันเป็นถาดทองคํำ� จริงๆ นะยาย ฉันรับ ไม่ได้หรอกจ้ะ

ฝ่ายยายก็คะยั้นคะยอให้พ่อค้ารับถาดไป โดยให้ถือเสียว่าเป็นบุญของพ่อค้าท่านนี้ที่มี ใจซื่อตรงไม่คดโกงใครทำ�ให้ถาดกลายเป็นทอง รับไปเถอะจ้ะ ถือว่าเป็นบุญที่ เราเคยทํำ�ต่อกันเถิดนะ ดีใจจังสมหวัง แล้วครานี้

30


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

ฉันให้หมดนี่เลยจ๊ะยาย มีเงินให้อีก ๕๐๐ นะ ฝ่ายพ่อค้าสุเสรีวะก็ให้เครื่องประดับ

และเงินที่มีติดตัวอีก ๕๐๐ กหาปณะ ให้แก่ยายไป

วันหลังถ้าได้มาแถวนี้ ฉันจะนํำ�ของมาให้อีกนะจ๊ะ

ขอบใจจ้ะ

แล้วสุเสรีวะก็อำ�ลาสองยายหลาน เพื่อกลับบ้าน ลาก่อนนะทุกคน

โชคดีมีชัยผลบุญรักษานะ

31

หลังจากสุเสรีวะพ่อค้าลาสองยายหลาน ไปแล้วนั้น ครั้นตะวันบ่ายคล้อยไปใกล้ จะเวลาเย็นก็เป็นเวลาที่ทุเสรีวะพ่อค้า เดินกลับย้อนมาบ้านนี้อีกครั้ง


ผู ก เ ว ร จ อ ง ก ร ร ม ท �ำ ชี วิ ต ใ ห้ พิ น า ศ สบายใจจังมีหวังวันนี้ ท่าจะมีลาภใหญ่

ปิดบ้านเงียบกันเชียวล่ะ สงสัยจะยังเสียใจกันอยู่

มีคนอยู่มั้ย

เมื่อยายเปิดประตูก็เห็น พ่อค้ายืนอยู่จึงถามไปว่า

เปล่าจ้ะ แต่ว่าฉันสงสารเด็ก น่ะ เลยย้อนมาว่าจะยอม แลกของกับถาดจ้ะ

พอเห็นหน้ายายก็นึก โกรธในใจใน ความไม่ซื่อของเขา จะมาแลกอะไรตอนนี้ มีพ่อค้า เหมือนท่านเขาแลกถาดใบนั้นไปแล้วล่ะ

อ้าว..! ลืมอะไร หรือเปล่าพ่อค้า

32


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

แล้วยายก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เขาฟัง รวมทั้ง ความเป็นคนซื่อตรงไม่โลภมากของสุเสรีวะพ่อค้า แก่เขาพร้อมกล่าวสำ�ทับไปว่า

อะไรนะยายมีคนแลก ไปก่อนฉันแล้วหรือ

นี่แหละน๊า ทํำ�มาค้าขายแต่ใจ ไม่ซื่อมือไม่สะอาด มันก็หมด โอกาสได้ของดีเป็นธรรมดา

โอ้ย..! ตาย ฉิบหายเลยเรา

จะเป็นลม

นายทุเสรีวะพร่�ำ เพ้อรำ�พันอย่าง คนบ้า เสียสติ จะเอาเท่าไหร่ฉันให้หมด เลยยาย เอาไปเลย

33


ผู ก เ ว ร จ อ ง ก ร ร ม ท �ำ ชี วิ ต ใ ห้ พิ น า ศ หลังจากเพ้อครวญ ไปสักครู่ จู่ๆ เขาก็ นึกอะไรขึ้นได้จึงผุด ลุกขึ้นนั่ง

ครั้นคิดขึ้นได้จึงรีบ เดินทางติดตามไป

มันต้องเป็นเจ้า สุเสรีวะแน่ๆ ที่มาแลกของ ตัดหน้าเรา

ฝ่ายสุเสรีวะเมื่อเก็บ สัมภาระเสร็จก็ลงเรือ ออกเดินทางกลับบ้าน

ไม่ได้การละ ต้องรีบตามไปเอาคืน

เฮ้ย..! สุเสรีวะกลับมา ก่อนๆๆๆ

โชคดีวันนี้ขายของ หมดไวกลับก่อน แล้วกัน

ข้างฝ่ายนายทุเสรีวะตามมาไม่ทัน ได้แต่ยืนตะโกนเรียกริมท่าน้ำ�นั้นเอง

34


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

แม้จะตะเบ็งจนสุดเสียง สุเสรีวะก็ ไม่ได้ยิน ทำ�ให้เขาเข่า อ่อนทรุดลงก้มหน้า ด้วยควมเจ็บใจ

และแล้วเขาก็เอามือ สองข้างกอบ ทรายไว้ เต็ม กำ�มือ

จากนั้นจึงกำ�ให้มั่นแล้วชูมือ ที่กำ�ทรายนั้นกล่าวจองเวรว่า

แก... แก... ทํำ�ให้ข้าเจ็บใจนัก

ข้าจะขอจองเวรเจ้าทุกภพ ทุกชาติไปให้เท่ากับเมล็ด ทรายในกํำ�มือของข้านี้

จํำ�เอาไว้นะว่า ข้าจะจองเวรมัน

และแล้วด้วยความเสียใจขนาดหนัก จึงทำ�ให้เขาตรอมใจตายไปพร้อมกับ การจองเวรจองกรรม

35


ผู ก เ ว ร จ อ ง ก ร ร ม ท �ำ ชี วิ ต ใ ห้ พิ น า ศ

คติเตือนใจในท้องนิทาน จากเรือ่ งทีพ่ ระพุทธเจ้าตรัสไว้ ท่านคงได้เห็นแล้วว่า เวรนัน้ เป็นเรือ่ ง ของใจที่ผูกโกรธในบุคคลที่มาทำ�อะไรให้ตนไม่พอใจ แล้วเก็บความรู้สึกนั้น ไว้ไม่ยอมลืมเสียที ดังที่เรียกกันว่า ผูกเวร หรือจองเวร คนทีผ่ กู เวรไว้นน้ั ท่านอุปมาว่าคล้ายกับคนทีส่ มุ ไฟไว้ในทรวง เพราะ เมือ่ ล่วงนึกถึงคนทีท่ �ำ ให้โกรธครัง้ ใด ไฟแห่งเวรมันก็จะเผาใจให้เร่าร้อนเคืองขุน่ ตลอดเวลา บางคราขนาดไม่ได้เห็นหน้าเพียงแค่ได้ยินชื่อเท่านั้นมันก็เกิด ร้อนรุ่มกระวนกระวาย เกิดอาการไม่พอใจขึ้นมาในทันที คนประเภทนี้จึงมี คติประจำ�ใจว่า เมื่อมีหนี้แค้นต่อกัน มันต้องหาทางชำ�ระให้ได้ ไม่วันใดก็ วันหนึ่ง จึงได้ตั้งหน้าตั้งตาจองล้างจองผลาญกันรำ�่ ไป แล้วทำ�อย่างไรเราจึงจะไม่ผูกเวรต่อกัน พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสไว้ ชัดเจนว่า ไม่วา่ กาลเวลาไหน เวรย่อมไม่ระงับไปด้วยการจองเวร แต่จะสงบ ระงับไปด้วยการไม่จองเวร และการไม่จองเวรกันจะเกิดขึ้นได้นั้นท่านว่าก็ ต้องรูจ้ กั ให้อภัยไม่โกรธเคืองกัน ฟังดูสน้ั ๆ แต่มนั ก็ไม่ท�ำ ได้งา่ ย เพราะว่ากันว่า บรรดาการให้ทั้งหลาย เช่น ให้ข้าวของเงินทองของมีค่าสูงลำ�้ ยังทำ�กันได้ ง่ายกว่าการให้อภัยคนที่ทำ�ให้ตนโกรธเคืองใจ แต่จะอย่างไรก็ตามที แม้ว่าเรื่องของการให้อภัยนี้จะทำ�ได้ยากยิ่ง แต่กเ็ ป็นสิง่ ทีจ่ �ำ เป็นทีค่ นจะต้องฝึกฝนกันไว้ เพราะเป็นสิง่ เดียวทีจ่ ะช่วยถอน ไฟแห่งเวรจากใจคนออกไปได้ ซึง่ หากมิได้พยายามฝึกฝนการให้อภัยผลแห่ง เวรทีผ่ กู ต่อกันเอาไว้ มันมิใช่จะเผาให้รอ้ นรนแต่ ในชาติปจั จุบนั เท่านัน้ แต่มนั ยังติดตามพันผูกคนที่มีเวรต่อกันข้ามภพข้ามชาติได้ ไม่ต้องดูอื่นไกล ตัวเรา บางทีเห็นคนแปลกหน้าทั้งที่ไม้รู้จักมักจี่กับเขาสักนิด แต่ก็มีจิตไม่ชอบหน้า ตั้งแต่แรกเห็น ผลแห่งเวรเป็นเช่นนี้ แล้วยังจะมีใจคิดผูกเวรกันไปอีกหรือ

36


บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

37


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.